วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มีผู้นำอาเซียนพักบ้านทักษิณจริงรึ?

.
.
ควันหลงอาเซียนซัมมิท หัวหิน
.
มีข่าวลือว่ามีผู้นำอาเซียนแวะไปพักบ้านทักษิณนั้น แพร่ออกมาจากทางพรรคเพื่อไทย ไม่มีการระบุชัดว่าเป็นผู้นำคนไหนประเทศอะไร (เพราะไม่มีหลักฐานจะยืนยัน จึงไม่กล้ายืนยัน แหวะ!กระจอก!) แต่มีข่าวที่ปล่อยออกมาที่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าใครปล่อยในภายหลังว่าเป็นกษัตริย์บรูไน!

ข่าวนี้แพร่ออกมาหวังอะไร? เป็นประโยชน์ต่อชาติไทยหรือไม่? หรือหวังแค่ดิสเครดิตรัฐบาลประชาธิปปัตย์ แต่ก็ทำร้ายหน้าตาประเทศด้วย คุ้มไหม?

แล้วคิดว่าข่าวนี้มีความน่าเชือถือเพียงใด เราควรลองพิจารณาแยกแยะ

1. ข่าวลือนี้เริ่มจากโฆษกพท. เด็ดพี่พร้อมพัง! เอ้ย! พร้อมพงศ์! คือคนเริ่มปล่อยข่าวนี้ออกมา แล้วเราลองย้อนกลับไปดูสิว่า ข่าวลือต่างๆที่ออกมาจากนายพร้อมพงศ์ ซึ่งพฤติกรรมคนๆนี้เคยน่าเชื่อถือหรือไม่?

ตั้งแต่ข่าวลือว่ามีคนเสื้อแดงโดนยิงตายในเหตุจราจลกลางกรุงช่วงสงกรานต์ แต่ความเป็นจริงคนที่ถูกอ้างว่าโดนยิงนั้น กลับรอดตาย แถมญาติของชายเสื้อแดงถูกยิงคนนั้นยังบอกว่า ไม่มีแกนนำเสื้อแดงไปช่วยเหลือเลยสักคนเดียวและกระสุนก็ไม่ใช่เอ็ม16 ตามที่นายพร้อมพงศ์แฉ

หรือที่นายพร้อมพงศ์เคยพาสาวเสื้อแดงปากจัดที่ว่าโดนทหารจิกหัวลาก แต่พอสรุปออกมาก็เป็นแค่พวกที่เคยไปชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรที่ทำตัวเป็นช่างภาพอิสระ! ไม่ใช่นายทหาร

ในเรื่องนี้ สส.เพื่อไทยเคยหน้าแตกกลางสภามาแล้ว เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณท้าให้สส.เพื่อไทยคนนั้นกล้ารับผิดชอบในคำพูด ที่ใส่ร้ายนายทหารคนนั้นว่าคือคนกระชากผมสาวเสื้อแดงปากจัด แต่สส.เพื่อไทยคนนั้นกลับบอกว่า ผมอ่านตามที่เขาให้ข้อมูลมาเท่านั้นแล้วรีบบอกจากที่ประชุมไปทันที (น่าขำ!)

หรือจะเป็นข่าวที่นายพร้อมพัง แฉประวัติของของนายศิริโชค โสภาที่นายพร้อมพังกล่าวหาว่า เขาไม่ใช่คนไทย ไม่น่าจะสมัครสส.ได้ แต่พอไปออกรายการของสรยุทธ ก็โดนนายศิริโชค ไล่ต้อนซะนายพร้อมพังไปแทบไม่เป็น แก้ตัวพัลวันว่า แค่ตั้งข้อสงสัย

นั่นคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ นายพร้อมพงศ์ ไม่ได้มีความน่าเชื่อถืออะไรสักอย่าง พอโดนจับได้ไล่ทัน นายพร้อมพงศ์ก็ทำเงียบแล้วไปจุดประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก

2.ถ้ากล้าแฉต้องกล้าระบุให้ชัดว่าผู้นำอาเซียนท่านนั้นเป็นใคร แต่ที่เห็นคือ พรรคเพื่อไทยได้แต่พูดลอยๆไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน ถ้ากล้ายืนยันจริง หากผุ้นำคนนั้นไม่ได้ไปบ้านทักษิณอย่างที่ถูกอ้างจริง ประเทศนั้นๆก็ต้องออกมาปฏิเสธ พวกเพื่อไทยก็คงหน้าแหกแบบสุดๆ แถมโดนข้อหาทำลายชาติเพิ่มอีกชัดเจนกระทงนึง

สังเกตได้ว่า ข่าวต่างๆที่ออกมาจากเพื่อไทยส่วนใหญ่ มักเริ่มจะมีคำว่า ถ้าหาก , หากเป็นเรื่องจริง อะไรประมาณนี้แนบหัวแนบท้ายข่าวเสมอ

การพูดลอยๆแบบนี้ จึงไม่มีประเทศไหนเหตุให้ออกมาบอกว่าข่าลือนี้ไม่จริง เพราะเพื่อไทยไม่กล้าระบุ ให้ชัดเจน(ตามสันดาน) เพราะเจตนาก็เพื่อดิสเครดิตรัฐบาลประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยไม่สนใจความเสียหายของประเทศไทย

3. แล้วทำไมต้องมีการปล่อยข่าวระลอก2ว่าเป็นผู้นำนั้นคือกษัตริย์บรูไน แต่ข่าวลืออันนี้หาต้นตอคนปล่อยไม่ได้ เพราะแม้แต่นายพร้อมพงศ์เองก็ไม่กล้าพูด(เพราะมันมั่วแต่แรกแล้ว) เละเรื่องลือจุดนี้ก็ไม่มีหลักฐานพอที่จะคุ้มกะลาหัวพร้อมพงศ์ (ไม่งั้นจะกลายเป็นพร้อมพังจริงๆ ฮิๆ)

และที่ต้องเป็นกษัตริย์บรูไนก็เพราะ ทักษิณ พรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดง ถูกโจมตีในเรื่องความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันฯมาโดยตลอด การที่ปล่อยข่าวว่าเป็นกษัตริย์บรูไนไปพัก ก็เพียงเพื่อจะแสดงให้เห็นว่า แม้แต่กษัตริย์ประเทศอื่นยังให้เกียรติทักษิณนั่นเอง แล้วกษัตริย์ประเทศ...?ล่ะให้เกียรติทักษิณหรือไม่

นี่เท่ากับว่า ข่าวนี้ตั้งใจหวังกระทบ...แน่ๆ
.
คลิกดูข่าวเกี่ยวข้องกับกษัตริย์บรูไนในการประชุมอาเซียนซัมมิท
.
(His Majesty Sultan Haji Hassanal Bolkiah Mu'izzaddin Waddaulah, the Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam, has consented to held a bilateral meeting with the Prime Minister of Thailand. The meeting was held at the Hilton Hotel, Thailand where His Majesty is residing.)

4.เหตุผลเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ผู้นำอาเซียนทุกคนที่เข้ามาในประเทศไทย ความปลอดภัยของผู้นำทุกท่านคือความรับผิดชอบของประเทศไทยโดยรัฐบาลไทยโดยตรง

หากมีท่านผู้นำอาเซียนคนใดเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น รัฐบาลไทยจะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ถ้าหากมีผู้นำอาเซียนคนใดออกนอกหมายกำหนดการจริง เช่นต้องการเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจอื่นเป็นการส่วนตัว

ถามว่าทางไทยจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามไปบ้างเลยหรือ? และผู้นำอาเซียนคนใดจะออกไปนอกเส้นทาง ทางไทยจะไม่มีใครรู้เห็นได้หรือ?

และแม้ผู้นำคนนั้นจะขอว่าไม่ต้องการ.sh,uหน่วยรักษาความปลอดภัยของไทยติดตาม และหากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ทางไทยก็ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้

ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้นำอาเซียนคนใด ไปในที่ๆฝ่ายเจ้าหน้าที่ไทยไม่รับรู้ ไม่มีทางแน่นอน!

-----------------------

สรุป ฉะนั้นจึงไม่สามารถเป็นไปได้เลยที่จะมีผู้นำคนใดไปบ้านทักษิณ เพราะด้วยเหตุด้วยผลแล้ว เป็นเรื่องของการให้เกียรติแก่ประเทศเจ้าภาพ จะไปที่ใดก็ต้องแจ้งให้ทราบก่อน

และข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศไทยก็ยืนยันว่า ผู้นำอาเซียนทุกคนพักในโรงแรมที่ทางการไทยได้จัดรับรองให้ทุกคน

หากจะมีผู้นำอาเซียนคนใดไปนอกที่พัก ก็จะต้องมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไทยรับทราบก่อนอย่างแน่นอน หรือจะไม่แจ้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละประเทศ ก็ต้องเห็นความเคลื่อนไหว และจะต้องติดตามผู้นำประเทศนั้นๆไปทุกที เป็นการทำตามหน้าที่ หากไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ได้จริงๆ ก็ต้องรายงานทางระดับสูงรับทราบก่อนเท่านั้น

------------------

หรือแม้สมมุติจะเป็นฮุนเซ็น จากข่าวลือบางแหล่งที่ปล่อยออกมาว่า เป็นฮุนเซ็นที่ได้ไปพักบ้านทักษิณ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะหากเป็นฮุนเซ็นจริง

ฮุนเซ็นสนิทกับทักษิณ จนออกมาปกป้องทักษิณขนาดนั้น ทำไมฝ่ายพรรคเพื่อไทยถึงไม่กล้าถ่ายรูปมายืนยันว่าฮุนเซ็นได้ไปบ้านทักษิณ ฉะนั้นข่าวลือนี้จึงไม่ใช่ฮุนเซ็นอย่างแน่นอน

หากอ้างว่าฮุนเซ็นต้องการความเป็นส่วนตัวจึงขอไม่ให้ไม่ถ่ายรูป ก็ยิ่งไม่สมควรปลอยข่าวนี้ออกมา เพราะหากกล้าปล่อยก็ต้องกล้ายืนยันว่าใคร!?

แต่กล้าปล่อยข่าว แต่ไม่กล้ายืนยันแน่ชัดว่าใคร นี่จึงเป็นสันดานของพวกขี้ขลาดตาขาว จรจัด หางจุกตูด ไม่มีแผ่นดืนอยู่!!



.

http://thaiinsider.info/2009news/the-news/politics/4553-2009-10-27-03-19-16

-----------------------

หากคิดแค่ว่าทำให้รัฐบาลประชาธิปปัตย์ขายหน้า เพียงกระทำปล่อยข่าวลือเช่นนี้ โดยไม่สนใจหน้าตาประเทศ คนที่ปล่อยข่าวลือนี้ช่างเลวจริงๆ

เพราะนานาชาติเขาไม่สนใจวาใครเป็นรัฐบาลมาจัดการประชุม เท่ากับว่า ประเทศไหนต่างหากที่จัดงานประชุม

หากหวังทำให้รัฐบาลเสียหน้า แต่ประเทศเต้องสียหาย จากข่าวที่ไม่เป็นความจริง!! มันคุ้มหรือไม่?

หากใครตอบว่าคุ้ม คนๆนั้นก็เลวสิ้นดี

ที่สำคัญข่าวชั่วไร้มูลหลักฐานแบบนี้ เจือกมีคนไทยเลวๆอยากจะเชื่อเสียด้วยสิ

-------------

สุดท้ายแม้มีคอลัมภ์นิสชื่อดาวประกายพรึก เดลินิสว์ออกมาเขียนว่า กษัตรย์บรูไนคือผู้นำอาเซียนคนนั้นที่ไปบ้านทักษิณ แต่นั่นก็เป็นเพียงคอลัมภ์นิสต์เพียงคนเดียวที่เขียน และก็เขียนในเชิงความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง

เพราะคอลัมภ์นิสก็คือคนเขียนบทความ ที่ผู้อ่านจะต้องคิดพิจารณาว่าควรเชื่อหรือไม่? ไม่ใช่เชื่อทันที
.
อ่านคอลัมภ์ดาวประกายพรึก ที่เขียนเรื่องผู้นำบรูไนไว้แค่เสี้ยวเดียวและไร้น้ำหนัก

แต่เจ้าหน้าที่ไทยฝ่ายต่างๆก็ออกมายืนยันในภายหลังจากการตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างแน่ชัดแล้วว่า ข่าวลือนี้ไม่เป็นความจริงแน่นอน ทั้งกษัตริย์บรูไน หรือฮุนเซ็นก็พักที่โรงแรมสุดหรูที่ทางการไทยจัดให้ทั้งคู่

คำพูดของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบย่อมสามารถอ้างอิงได้
.
.

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พายุในงานชมดอกไม้ 45

atsuhime 45


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 44

ส่วนทางสัทสุมะ นาโอโกโร่ที่ได้รับตำแหน่งเป็นโกะคินจูหรือคนสนิทของท่านเจ้าแคว้นแทนท่านอาจารย์คิโยมิชิ ที่ท่านถูกย้ายไปริวกิวแล้ว แต่นาโอโกโร่ก็ยังมีท่าทางซังกะตาย เพราะงานในตำแหน่งนี้ หากท่านเจ้าแคว้นไม่อยู่ ตำแหน่งนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเท่าไหร่เลย

ขนาดท่านพ่อของนาโอโกโร่เห็นลูกชายมีอาการเป็นเช่นนี้อุตส่าห์ออกมาเตือนสติ แต่นาโอโกโร่ก็หาจะเข้าใจไม่

ท่านคาเนโยชิ "ตำแหน่งข้ารับใช้ที่ต้องอยู่ใกล้ชิด รับบัญชาในทุกเรื่องเนี่ย ถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่เจ้าต้องเรียนรู้งานให้ดี ก่อนที่นายท่านจะกลับมา"

"เรื่องนั้นน่ะข้ารู้อยู่แล้ว"

"ถ้ารู้อยู่แล้วก็อย่าทำอะไรที่ทำให้บ้านคิโมสุกิต้องเสียหน้าล่ะ"


นาโอโกโร่ไม่อยากอยู่ฟัง เลยขอตัวออกจากบ้านไปทันที ท่านพ่อเลยบ่นไล่หลังไปว่า "นี่ข้ายังไม่ทันจะพูดจบเลยนะ!"

---------------------

แล้วนาโอโกโร่ก็ได้ไปบ้านท่านอาจารย์คิโยมิชิพร้อมกับท่านโอคุโบะ เพราะท่านโอคุโบะจะนำของขวัญในโอกาสที่ท่านพ่อของท่านโอคุโบะได้กลับมาจากเนรเทศแล้ว ซึ่งท่านพ่อของท่านโอคุโบะได้นำกลับมาด้วยเป็นผลไม้ และบอกให้นำไปฝากให้บ้านโคมัทสึ ซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงแค่โอชิคะอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

โอชิคะ "ขอบใจท่านมากที่อุตส่าห์เอามาให้ และฝากขอบคุณท่านพ่อของท่านด้วยนะ" / "ขอรับ"

แล้วนาโอโกโร่ก็ถามโอชิคะถึงข่าวคราวของท่านอาจารย์ที่ไปอยู่ที่ริวกิว แต่โอชิคะบอกว่าท่านอาจารย์ไม่ได้ส่งข่าวกลับมาเลย เมื่อพูดถึงเรื่องข่าวคราว ท่านโอคุโบะเลยนึกได้ว่า ได้รับจดหมายจากท่านไซโกเขียนมาเล่าเรืองที่เอโดะให้ฟังด้วย แล้วท่านโอคุโบะก็นำจดหมายออกมาอ่านให้ทุกคนได้รับรู้ข่าวจากท่านไซโก

โอคุโบะ "จดหมายจากท่านคิชิโนสุเกะส่งมาจากเอโดะด้วย มีเรื่องที่สั่งว่าให้บอกท่านคิโมสึกิให้ได้ด้วยนะ"

นาโอโกโร่ "ว่ามาเร็วเข้า!"

"ดูเหมือนจะได้รู้จักผู้คนมากมาย ทั้งจากมิโตะ โทสะ และก็เอจิเซ็น เขียนว่า เมื่อวันก่อนมีเรื่องบางอย่าง ที่อยากจะเล่า.."

และหลังจากนั้นในจดหมายก็เป็นการเล่าเหตุการณ์ที่ท่านไซโกกับท่านเจ้าแคว้นได้สนทนากัน ตามนี้

ไซโก "คนในบ้านพากันพูดว่า พวกชาวมิโตะร่ำลือกันว่าเจ้าเมืองสัทสุมะได้ถูกฮอลันดาครอบงำเป็นพวก..รัน.."

ท่านนาริอาคิระ "รันเปกิรึ?" (รันเปกิหมายถึง พวกคลั่งไคล้ชาวตะวันตก)

"บอกว่า ท่านเป็นพวกรันเปกิมากเกินไป ต้องขออภัยด้วย แต่ข้าคิดว่าเรื่องนี้ยังไงๆก็อยากให้นายท่านระมัดระวังตัวไว้ จะเป็นผลดีกับตัวนายท่านเองมากกว่านะขอรับ"

"ไซโก! สมมุติว่าที่นี่มีคนป่วยใกล้ตายอยู่ และมียาอยู่2ชนิด ยาตัวนึงรักษาอาการป่วยได้ อีกตัวนึงรักษาไม่ได้ หากเป็นเจ้า เจ้าจะให้ยาตัวไหน?"

"แน่นอน ก็ต้องให้ยากที่รักษาได้สิขอรับ"

"แม้ว่ายานั้นจะมาจากพวกตะวันตกอย่างนั้นรึ" / "ถ้างั้น..."

"แล้วถ้าคนป่วยใกล้ตายนั่นคือ ญี่ปุ่น! เพราะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มีประเทศที่เหนือกว่าอยู่ เอาแต่เชื่อว่าหากเราฝันถึงความสงบสุขให้มากเข้าไว้ ก็จะมีชีวิตที่ยืนนานมันโง่มากจริงไหม?"


ท่านไซโกยังคงไม่อาจตอบอะไรได้ เพราะยังคงสับสนในความคิด


"ไซโก!" / "ขอรับ"

"จะถามเจ้าอีกครั้ง ถ้าเป็นเจ้า..เจ้าจะช่วยคนป่วย รึจะปล่อยให้ตาย?"

"เลือกที่จะช่วยชีวิตอยู่แล้วขอรับ!"

และนั่นคือเนื้อความในจดหมายที่ท่านไซโกเขียนมาเล่าให้ท่านโอคุโบะและนาโอโกโร่ได้รับรู้ ซึ่งก็มีโอชิคะนั่งฟังอยู่ด้วย

โอชิคะ "เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ"

นาโอโกโร่ "แต่ว่าข้าก็ยังอิจฉาท่านไซโกอยู่ดี ดูข้าสิ ถึงเข้าไปที่ปราสาทก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี..."


คำพูดของนาโอโกโร่นี้ โอชิคะได้ฟังแล้วก็มีสีหน้าที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่คิดอย่างไรนั้นโอชิคะยังไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดของนาโอโกโร่ในตอนนี้ แต่อีกไม่นานโอชิคะจะต้องได้พูดแน่นอน...

โอคุโบะ "อย่างนั้นรึ?"

"เพราะนายท่านไม่ได้อยู่ที่ปราสาทเลย จะว่าช่วยไม่ได้ก็จริงนะ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก็เหมือนกับคนที่ไร้ประยชน์นั่นแหล่ะ"

ท่านโอคุโบะก็เศร้าตามนาโอโกโร่ไปด้วย แต่โอชิคะนี่สิครับ สีหน้าเธอช่างแฝงความรู้สึกมากมายทีเดียว


-------------------------

ท่านหญิงอัตสึกำลังฝึกซ้อมโคโตะ โดยมีอิคุชิมะกำกับการฝึก ขณะนั้นเองโอโนะชิมะก็ได้นำหนังสือหลายห่อเข้ามาให้ท่านหญิง ซึ่งมีหนังสืออยู่หลายเล่ม

โอโนะชิมะ "ไดนิปปอนชิ เจ้าค่ะ"


ท่านหญิงอัตสึ "อะไรกัน ไดนิปปอนชิ ก็มีอยู่ในห้องหนังสือแล้วนี่"

"เดิมที ไดนิปปอนชิเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เมื่อเกือบ200ปีที่แล้ว ที่ท่านขุนนางมิตสึคุนิเจ้าบ้านรุ่นที่2ของตระกูลมิโตะเป็นผู้รวบรวม"

"เรื่องนั้นข้าก็รู้อยู่แล้วนี่นา"

"กรุณาฟังก่อนเจ้าค่ะ ทั้งหมดนี่เป็นผลงานของท่านนาริอากิ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมขึ้นเองใหม่ทั้งหมดเจ้าค่ะ"

"อย่างนั้นเองเหรอ?"

"ก่อนที่จะพบขุนนางผู้ใหญ่จากมิโตะ นายท่านบอกว่า ควรจะอ่านคร่าวๆผ่านตาเอาไว้บ้าง จึงให้ขนมาให้เจ้าค่ะ"

"รอบคอบสมกับเป็นท่านพ่อจริงๆ" ท่านหญิงอัตสึยิ้มอย่างพอใจ

อิคุชิมะ "ท่านหญิงเจ้าคะ!" / "อะไรเหรอ.."

"จากนี้ไป ทุกวันต้องอ่าน ไดนิปปอนชิ ให้ดีนะเจ้าคะ"

"ทำไมต้องทำตาลุกแบบนั้นด้วยนะ"

หลังจากนั้นท่านหญิงก็อ่านไดนิปปอนชิอย่างเอาจริงเอาจังมุ่งมั่นทุกเล่ม โดยมีอิคุชิมะคอยนั่งกำกับพร้อมทั้งให้กำลังใจอยู่ด้วย

----------------------------

และวันที่จะได้พบท่านมิโตะก็มาถึง เมื่อท่านนาริอากิ ท่านโยชินางะ และท่านมุเนะนาริ แขกรับเชิญได้มานั่งจิบสุราชมดอกไม้บานในสวนแล้ว


ท่านนาริอากิ "โอ!ช่างงดงามจริงๆ ดูท่าข้าจะเมาดอกไม้แทนเมาสุราแล้วสิ"

ท่านนาริอาคิระ "ถ้าอย่างนั้นก้ดีน่ะสิขอรับ...ทุกท่าน ข้าคิดว่าจะให้อัตสึโกะธอดาขอข้า เข้ามาทำความรู้จักกับทุกท่านเสียตอนนี้เลยดีไหมขอรับ"

ท่านโยชินางะ กับท่านมุเนะนาริ ต่างเห็นด้วยกัยความคิดของท่านนาริอาคิระ

"ท่านนาริอากิว่ายังไงล่ะขอรับ" ท่านนาริอาคิระลองเลียบเคียงถาม

"คนที่เคยพูดถึงน่ะรึ..เอาสิตามใจท่าน"

แล้วท่านนาริอาคิระก็สั่งให้เปิดประตู ซึ่งมีท่านหญิงก็นั่งคำนับรออยู่แล้ว

"นางคืออัตสึโกะขอรับ" ท่านนาริอาคิระแนะนำ

ท่านนาริอากิมองอัตสึด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอาจเพราะไม่ได้อยากพบ แต่ก็จำต้องพบตามมารยาทของแขกที่ดี ที่ควรให้เกียรติแก่ท่านเจ้าบ้าน


อัตสึโกะ "ทุกๆท่านเจ้าคะ ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติให้เข้าพบในวันนี้ ข้าคืออัตสึโกะเจ้าค่ะ แม้จะหวั่นวิตกกับการที่จะได้พบกับทุกท่านในวันนี้เพียงใด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างมาก ขอเชิญทุกๆท่านสังสรรค์ตามสบายนะเจ้าคะ"


ด้วยบรรยากาศที่งดงามของดอกซากุระ ท่านหญิงปรากฏตัวออกมาในชุดกิโมโนที่สวยงามรับกับสีของซากุระที่กำลังบานสะพรั่ง ทำให้ท่านนาริอากิค่อนข้างตะลึงกับความงดงามน่ารักของท่านหญิงพอควร

ท่านนาริอากิ "เจ้าคืออัตสึโกะใช่มั้ย..มาดื่มด้วยกันสักหน่อยสิ" / "เจ้าค่ะ!" ท่านหญิงยิ้มรับ


แล้วท่านหญิงก็รับถ้วยเหล้าจากท่านมิโตะมาดื่มอย่างดงาม โดยที่ท่านมิโตะมองตาแทบไม่กระพริบ(อาจเพราะแลเห็นความน่ารักและกิริยามารยาทที่ดูงดงามชวนมองของอัตสึก็เป็นได้)

"รสชาติดีมากเจ้าค่ะ" / "งั้นรึ"

ท่านนาริอาคืระถอนหายใจโล่งอกไปเปราะนึง เมื่อท่านนาริอากิมีน้ำเสียงที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น และเมื่อท่านหญิงได้ดื่มเหล้าหมดถ้วยแล้ว ท่านหญิงก็ได้เริ่มถามท่านนาริอากิว่า

"นายท่านข้าขอถามทานสักเรื่องได้มั้ยเจ้าคะ?" / "อะไรรึ"

"เรื่องเกี่ยวกับไดนิปปอนชิน่ะเจ้าค่ะ"

"ท่านหญิงรู้จักหนังสือของตระกูลข้าด้วยรึ"

"เจ้าค่ะ พอขึ้นมาเอโดะก้อ่านมาตลอดน่ะเจ้าคะ"

"รึ! แล้วคิดว่าเป็นยังไงบ้างล่ะ?"

การสนทนาของท่านหญิงกับท่านนาริอากิ ยังไม่จบ กรุณาติดตามอ่านต่อในตอนหน้าครับ....


.
.
.
.
.
.

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พายุในงานชมดอกไม้ 44

atsuhime 44


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 43




ท่านอาเบะพยายามคบหากับไดเมียวที่มีขุมกำลังอยู่ในมือหลายคน เพื่อจะได้มีเสียงสนับสนุนในนโยบายของท่านในการรับมือกับต่างชาติ เพื่อฝ่าฟันให้พ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้

ผู้ที่บรรดาไดเมียวที่อยู่ฝ่ายท่านอาเบะที่มีปากมีเสียงและทรงอิทธิพลที่สุดคือท่านโทกุกาวะ นาริอากิแห่งมิโตะ มีนิสัยที่ค่อนข้างดุดันรุนแรงจนได้รับสมญาว่า "เรกโก" เพราะท่านเป็นผู้อาวุโสในโทกุกาวะจึงมีอิทธิพลมาก แม้จะไม่มีอำนาจโดยตรงในบะขุฝุก็ตาม

และผู้ที่มีท่าทีชัดเจนในการขัดขวางการแต่งงานของท่านหญิงอัตสึก็คือท่านนาริอากิแห่งมิโตะนั่นเอง ซึ่งท่านอาเบะให้ความเกรงใจมาก หากท่านมิโตะผู้นี้ยอมรับการแต่งในครั้งนี้ ทุกอย่างก็จะราบรื่นด้วยดี

------------------------------


ย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิในปีอันเซที่2 ในที่สุดท่านนาริอาคิระก็ฟื้นจากอาการป่วยอย่างกระทันหัน นั่นก็เพราะท่านยังมีความภาระความรับผิดชอบที่รีบจัดการที่สุดคือ ต้องพาท่านหญิงอัตสึเข้าปราสาทเอโดะให้ได้นั่นเอง และเมื่อท่านนาริอาคิระได้ออกมาชมดอกไม้บานในวันหนึ่ง ท่านก็ได้สอนเชิงปรัชญาแก่อัตสึโกะว่า

"ไม่มีดอกไม้แบบเมื่อปีก่อนเลย มองดูแล้วอาจคล้ายๆกัน แต่ดอกไม้ที่บานในปีก่อนกับปีนี้จะแตกต่างกันเสมอ...มนุษย์เราก็เหมือนกัน อย่ามัวแต่รอวันพรุ่งนี้ จงทำทุกอย่างในวันนี้ให้ดีที่สุด"

"ข้าคิดแต่เรื่องนี้อยู่เรื่องเดียวตลอดเวลาที่นอนป่วยอยู่ ใกล้เวลากลับปราสาท(สึรุมารุ)แล้ว เพราะฉะนั้นต้องรีบจัดการเรื่องการแต่งงานของเจ้าเสียที"  /  "เจ้าค่ะ"
ท่านหญิงยิ้ม



"ให้รอซะนานเลยนะ" 
----------------------

แต่ทว่าบุคคลสำคัญของเรื่องนี้ ก็คือ ท่านอิเอซาดะ กลับไม่ใส่ใจเรื่องงานแต่งของตนเท่าไหร่เลย เพราะท่านอาเบะนำเรื่องการแต่งมาปรึกษาทีไร ท่านก็จะมุ่งแต่สนใจกับกิจกรรมที่ท่านอยากจะสนใจเท่านั้น เช่นการนั่งปิ้งขนมเซมเบ้(ข้าวเกรียบแบบญี่ปุ่น) ซึ่งท่านอิเอซาดะก็กำลังทดลองย่างขนมเซมเบ้บนเตาย่างอันใหม่ที่เคยสั่งให้ท่านอาเบะจัดหามาให้


ท่านอาเบะ "นายท่านแล้วเรื่องภรรยาคนใหม่ล่ะขอรับ?"

ท่านอิเอซาดะ "เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ...เอาอย่างนี้ ถ้าข้าย่างชิ้นนี้ออกมาดี จะยอมแต่งงานก็แล้วกัน"

แต่ผลปรากฏว่าเมื่อย่างเสร็จ หน้าตาขนมก็ดูดีมีลุ้น!? แต่ท่านอิเอซาดะดันรีบชิมขนมทันที เลยต้องรีบบ้วนขนมทิ้งออกมาเพราะมันร้อน!! ร้อนมากๆ แล้วท่านอิเอซาดะก็เลยโมโหกระทืบขนมชิ้นนั้นซะแหลกคาเท้า!!

------------------------

เมื่อท่านอาเบะไปปรึกษากับท่านเจ้าแคว้นมิโตะบ้าง ท่านอาเบะกลับไม่ทันจะได้พูดอะไรเท่าไหร่ เพราะท่านผู้เฒ่าแห่งมิโตะ เอาแต่ระบายคำพูดที่ไม่เห็นด้วยอยู่ท่าเดียว จนท่านอาเบะพูดตอบแทบไม่ทัน

นาริอากิ "ตั้งแต่ปีที่แล้วก็ต้องเรียงหน้าทำสนธิสัญญากับอเมริกา อังกฤษและรัสเซียไปแล้ว นี่ยังต้องทำกับฮอลันดากับฝรั่งเศสอีกรึเนี่ย!" / "ขอรับ"

"เป็นเพราะความอ่อนปวกเปียกของท่านแท้ๆ ทั้งๆที่ท่านสมควรจะขับไล่เรือต่างชาติออกไปซะตั้งแต่ตอนนั้น" / "แต่ว่าเรื่องนั้น.."

"แล้วเรื่องแต่งภรรยาเอกของปราสาทโชกุนก็เหมือนกัน ที่ปล่อยให้เลือกธิดาของชิมะสึน่ะ ก็พิสูจน์ได้แล้วไม่ใช่รึว่าท่านน่ะอ่อนแอเสียแต่แรกแล้ว"

"สำหรับเรื่องนี้พวกเราคิดว่าภายในปีนี้ หรืออย่างเร็วก็น่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงปีนี้จะจัดการให้เรียบร้อย"

"จะรีบร้อนอะไรนัก! นี่มันเรื่องภรรยาเอกเชียวนะ เราต้องเลือกเจ้สาวที่ต้องเป็นที่ยอมรับของทุกคนด้วย!!"

--------------------------

เมื่อท่านอาเบะรู้ทีท่าการคัดค้านของท่านนาริอากิแล้ว จึงนำไปปรึกษากับบรรดาที่ปรึกษาคนอื่นๆรวมทั้งท่านนาริอาคิระด้วย ซึ่งท่านอาเบะจึงคิดเสนอทางออกแบบประนีประนอมกับท่านนาริอากิด้วยข้อเสนอแลกเปลี่ยนในเรื่องทายาทโชกุน

ท่านอาเบะ "ลูกชายคนที่7ของท่านนาริอากิตอนนี้ไปเป็นคนใตตระกูลของฮิโตสึบาชิ (ตระกูลเจ้านายทั้ง3โกะซังเคียว) ข้าหมายถึงท่านโยชิโนบุน่ะ ในฐานะที่เป็น1ใน3ของโกะซังเคียว และเป็นที่รู้กันว่ามีสิทธิขึ้นเป็นโชกุนคนต่อไป ในกรณีที่ท่านอิเอซาดะไม่พร้อมที่จะสืบทอดอำนาจ เราก็จะเสนอชื่อของท่านโยชิโนบุ ให้เป็นโชกุนคนต่อไป"

แต่ข้อเสนอนี้ท่านนาริอาคิระกลับให้ความเห็นว่า "ข้าว่าท่านอาจจะไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ง่ายๆแน่ กลับจะทำให้มองเจตนาเป็นตรงกันข้าม แล้วโกรธมากขึ้นไปอีกก็เป็นไปได้นะ"

"ข้าคิดว่าจะหาโอกาสให้ท่านได้พบกับอัตสึโกะ ลูกสาวของข้าดูสักครั้ง แม้คนที่เลือกจะเป็นข้า นาริอาคิระผู้โง่เขลา แต่ข้าก็คิดว่านางคงจะไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอน"

"หากไม่เป็นตามที่คิด ขอสัญญาว่า ข้านาริอาคิระจะขอรับผิดชอบเอง แต่เพียงผู้เดียว!!"

.
(หน้าที่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบเสมอ!!)


---------------------------

หลังจากนั้นท่านนาริอาคิระก็ได้ไปบอกกล่าวให้แก่ท่านหญิงให้รู้ถึงแผนการที่จะนัดให้พบกับท่านนาริอากิ

"โออัตสึจะมีงานฮานามิ!" / "ชมดอกซากุระน่ะเหรอเจ้าคะ!"

"พ่อว่าจะจัดงานเลี้ยงถือว่าเลี้ยงฉลองที่พ่อหายป่วยแล้วกัน แขกที่จะมาในงานก็จะมีท่านนาริอากิแห่งมิโตะและแขกคนสำคัญคนอื่นๆ"

"ท่านมิโตะด้วยรึ! เป็นที่น่ายินดีมากเลยเจ้าค่ะ" / "ทำไมรึ?"

"เพราะตอนนี้ลูกกำลังอ่านหนังสือไดนิปปอนชิอยู่เจ้าค่ะ"

"หนังสือที่มิโตะเขียนรวบรวมประวัติศาสตร์น่ะเหรอ"

"เจ้าค่ะ หากได้พูดคุยเรื่องนั้นบ้างก็คงดีนะเจ้าคะ"

ท่านนาริอาคิระชำเลืองไปทางอิคุชิมะ เพื่อให้อิคุชิมะพูดบางอย่าง

อิคุชิมะ "แต่ว่าท่านหญิงเจ้าคะ ขุนนางผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ยินว่าปากจัดมากเลยนะเจ้าคะ ต้องระมัดระวังด้วยนะเจ้าคะ" อิคุชิมะพูดซะท่านหญิงชักจะกังวล

"ไม่เป็นไรหรอก เจ้าเองก็จงทำตัวตามปกติ ที่เป็นอย่างเคยน่ะดีแล้ว"

"เจ้าค่ะ"
ท่านหญิงยิ้มรับอย่างเต็มที่

--------------------------------

เมื่อท่านนาริอาคิระนำเรื่องที่จะจัดงานให้ท่านหญิงพบท่านนาริอากิไปเล่าให้ท่านผู้หญิงฮิสะฟัง แทนที่ท่านผู้หญิงฮิสะจะคัดค้าน กลับไม่คิดค้านแต่ประการใด แต่ท่านผู้หญิงกลับพูดทำนองว่า

ท่านฮิสะ "ไม่แน่อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ได้ แต่หากไม่เป็นอย่างที่คิด ครั้งนี้อาจทำให้เรื่องการแต่งงานอาจถูกยกเลิกไปเลยก็ได้"

ท่านนาริอาคิระ "แล้วเจ้าอยากจะให้เป็นแบบนั้นรึ?"

"ไม่นะ ข้าไม่คิดจะสนใจเสียด้วยซ้ำ"

นาริอาคิระได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี "เจ้าก็ยังเย็นชาอยู่เหมือนเดิม!"

"เย็นชางั้นรึ ข้ารึ..ฮึๆ"

"เจ้ากับข้ายังไงก็คงคิดไม่ตรงกัน ถ้าข้าบอกว่านี่เป็นซากุระ เจ้าก็จะมองเห็นเป็นเค่ดอกบ๊วยอยู่ดี!!"


--------------------------------
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก45

.
.

ท่านหญิงออกรบ 43

atsuhime 43


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 42




เมื่อท่านหญืงอัตสึได้ไปอยู่ต่อหน้าท่านนาริอากิและโอยุระแล้ว ก็ได้ทำความเคารพต่อท่านนาริอากิโดยมีโอยุระนั่งอยู่ข้างด้วยท่าทีหยิ่งผยอง

ท่านนาริอากิ "อัตสึโกะเหรอ?" / "เจ้าค่ะ" ท่านหญิงตอบ

"เงยหน้าขึ้นสิ"

ท่านหญิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่มั่นใจเด็ดเดี่ยว ส่วนโอยุระก็ทำสีหน้าไม่ยี่หระและไม่ได้ทำการคำนับตอบท่านหญิงเลยโดยมารยาท ทั้งๆที่ตนเองเป็นแค่ภรรยาอนุอดีตเจ้าแคว้น

"แล้วเจ้าคนนั้นใครกันล่ะ?" ท่านนาริอากิมองเห็นท่านไซโกนั่งคุกเข่าอยู่ข้างล่างหน้าห้อง

อิคุชิมะ "เขาชื่อไซโก!เจ้าค่ะ เป็นองครักษ์ของท่านหญิง"

"ตัวใหญ่ดีนะ เลยหน้าให้ข้าดูหน่อยซิ"

"ขอรับ!" ท่านไซโกค่อยๆเงยหน้าขึ้นพร้อมด้วยแววตาที่เข้มแข็งดุดัน!


โอยุระ "ต๊าย! คิ้วกับหน้าตาโตสมตัวดีจังเลยนะ หึๆ" (แต่ท่านไซโกยังตีหน้ายักษ์เหมือนเดิม)

อัตสึ "ท่านผู้อาวุโส ท่านโอยุระ(โอยุระมองท่านหญิงด้วยแววตาเหยียดๆ) วันนี้ได้รับเชิญ เป็นพระคุณหาที่สุดมิได้ ตั้งแต่มาเอโดะได้ปีกว่า ยังไม่ได้มาคาราวะท่านเลย ต้องขออภัยจริงๆนะเจ้าคะ"

"ตอนแรกนึกว่า ท่านจะไม่ให้พบเสียแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้ถือตัว ยังสละเวลาเมตตาให้ข้า ขอขอบพระคุณอีกครั้งนึงเจ้าค่ะ"

"อึม..ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากหรอก ทำตัวให้สบายเถอะ"

"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ "


โอยุระ "แล้วตอนนี้ท่านนาริอาคิระเป็นยังไงบ้างล่ะ?"

"ไม่กระเตื้องขึ้นเลย ไข้สูงตลอดเวลาเจ้าค่ะ" / "ตายจริง.. งั้นก็แย่ล่ะสิเนี่ย"

"ข้าก็แต่ได้สงสารเขาเหลือเกิน ไม่รู้จะทำยังไง ลูกชายตายคนนึงก็กินไม่ได้นอนไม่หลับไปนาน นี่ก็ตายไปหลายคนแล้วเขาจะทนไหวเหรอ"
(ที่ท่านนาริอากิพูดหมายถึงท่านนาริอาคิระนั้นเสียลูกชายไปหลายคน จนตอนนี้ไม่เหลือลูกชายเลยสักคนเดียว) (ขณะเดียวกันไซโกที่นั่งอยู่ข้างนอก ก็เกิดอาการกระฟัดกระเฟียดขึ้นมา)

"ลูกตายเนี่ยเป็นเรื่องเศร้าที่สุดในโลกของพ่อแม่ทุกคน.... ท่านโอยุระคงเข้าใจ!?นะเจ้าคะ!" ท่านหญิงแสร้งถามไปที่โอยุระ เพื่อจะสังเกตอะไรบางอย่าง?


"แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแค่คิดเท่านั้นหัวใจข้าก็ทรมานแทบจะสลายไปด้วยแล้วล่ะ" โอยุระทำเสียงเศร้าสร้อยแถมน้ำเสียงช่างออเซาะเหลือเกิน!

"เพราะเจ้าเป็นผู้หญิงใจดีนี่นา.." ท่านนาริอากิก็เลยหันมาปลอบและชมภรรยาสุดที่รัก


"ครั้งนี้ที่ท่านพ่อป่วยหนักปางตาย ทำให้ที่บ้านที่ชิบะมีข่าวลือที่ไม่เป็นมงคล ท่านทราบมั้ยเจ้าคะ?"

"ท่านหญิงเจ้าค่ะ!" อิคุชิมะรีบทัก

"ข่าวลือร้ายรึ?" / "แล้วรือกันว่ายังไงล่ะ?"

"การที่ท่านโทราจุมารุเสียและท่านพ่อป่วยหนักคราวเนี้ย เป็นเพราะฝีมือท่านโอยุระทำพิธีสาปแช่งสิเจ้าคะ"

"สาปแช่ง!?"

"ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ลูกชาย4คนที่เสียไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพราะท่านเหมือนกัน!!"



"เหลวไหล!!" / "ขอภัยเจ้าค่ะ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงข่าวลือเจ้าค่ะ"

"ข้าว่าผู้หญิงแบบนี้ไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก!!"

"คิดได้ยังไงกันเนี่ย..เมื่อก่อนก็ถูกผู้คนพากันเกลียด ทั้งๆที่ข้าก็ไม่เคยทำอะไรให้ใครเจ็บแค้น กรรมเวรอันใดถึงทำให้ข้าถูกใส่ร้ายได้ถึงขนาดนี้ เพราะอะไร? ถึงคิดว่าคนอย่างข้าจะสาปแช่งท่านนาริอาคิระกับลูกๆให้ตายได้ลงคอ ข้าทำไม่ได้หรอก..ฮือๆ.."
แล้วโอยุระก็แสร้งบีบน้ำตาทันที

"โถๆ..อย่าร้องนะ ข้ารู้ ข้ารู้.." ท่านาริอากิรีบปลอบใจภรรยาอนุที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายในทันที

ส่วนโออัตสึนั้นเมื่อได้เห็นก็สีหน้าเครียดอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆเปลี่ยนสีหน้าแบบฉับพลันด้วยรอยยิ้ม ทันที


"ดีแล้วเจ้าค่ะ!" อัตสึยิ้มอย่างสบายใจ

โอยุระหยุดร้องไห้ทันทีทันใดเช่นกันเมื่อได้ยินท่านหญิงอัตสึพูดประโยคดังกล่าวขึ้น

"เมื่อท่านพูดถึงขนาดนี้ ข้าก็รู้แล้วว่าท่านไม่ได้พูดปดเจ้าค่ะ...จะได้โล่งอกไปซักทีนึง"

ท่านนาริอากิยิ้มรับแถมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของท่านหญิง ส่วนโอยุระก็คงงง!กับทีท่าฉับพลันของท่านหญิงเหมือนกัน

"ต้องขออภัยจริงๆที่ล่วงเกินข้าเจ้าค่ะ... พอกลับไปถึงบ้านที่ชิบะ ข้าจะบอกทุกคน..ว่าข่าวลือนั้นไม่มีมูล ทุกคนคิดมากเกินไปเองทั้งนั้นเจ้าค่ะ"

ท่านนาริอากิพยักหน้างึกๆ เห็นด้วยกับท่านหญิงทุกคำพูดทีเดียว และท่านหญิงก็ชำเลืองสั่งกับองครักษ์ที่นั่งรออยู่ภายนอกสำทับขึ้นอีกว่า

"ไซโก!" ท่านหญิงชำเลืองไปทางไซโกเพื่อสังกำชับ  / "ขอรับ!" ไซโกเงยหน้าขึ้นขานรับ

"กลับไปบอกบริวารทุกคนตามนี้ด้วยนะ"

"ขอรับ! ข้าจะทำตามคำสั่งขอรับ"

*-*

ทีนี้ถึงคราวอิคุชิมะต้องมีบทบาทเสริมบ้างแล้ว

อิคุชิมะ "ข้าก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง...ทีนี้ท่านหญิงจะได้ไปแต่งงานอย่างสบายใจซะทีนะเจ้าค่ะ"

ท่านนาริอากิ "แต่งงาน! มีเรื่องอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?" / "เจ้าค่ะ"

โอยุระ "แล้วเจ้าบ่าวเป็นใครล่ะ?"

"พูดแล้ว.. ต้องรู้เฉพาะคนในห้องนี้เท่านั้นเจ้าคะ" / "อึม..รับรองน่ะ"

"โชกุนคนที่13 ท่านอิเอซาดะ!..เป็นเจ้าบ่าวเจ้าค่ะ"

"เอ๊ะ!!.." ท่านนาริอากิได้ฟังดังนั้นถึงกับสะดุ้ง โอยุระก็ผวาตามเช่นกัน "ปะ..ปะ..แปล..ว่า..ท่านหญิงอัตสึจะเป็นถึงสะใภ้โชกุนเชียวรึเนี่ย!!??"

ท่านหญิงพยายามตีสีหน้าเรียบเฉย(แต่แววตายิ้มนิดๆ) ส่วนท่านไซโกที่นั่งอยู่ข้างนอกก็ต้องรีบซ่อนสีหน้าเช่นกัน(อมยิ้ม)

ท่านนาริอากิได้ยินก็ถึงกับสะดุ้ง ส่วนโอยุระได้ยินก็ถึงกับตะลึง!!


"ตอนนี้ขอให้ปิดเป็นความลับไว้ก่อนนะเจ้าคะ" อิคุชิมะก้มหัวเคารพต่อท่านนาริอากิ

"ท่านผู้อาวุโส...ท่านโอยุระ...เรื่องวันนี้...ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ!" ท่านหญิงอัตสึจึงก้มหัวคำนับเพื่อจะลากลับ

ครานี้ท่านนาริอากิถึงตอนนี้ก็รีบนั่งอย่างตัวตรงและก้มหัวรับการคำนับของท่านหญิงเช่นกัน ส่วนโอยุระน่ะหรือ? เมื่อเห็นสามีคำนับรับท่านหญิงแล้ว ถึงคราวนี้โอยุระจึงรีบก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมที่สุดต่อท่านหญิงทันที!?


----------------------------------

เมื่อท่านหญิงกลับมาถึงที่คฤหาสน์สัทสุมะแห่งเอโดะ และลงจากเกี้ยวแล้ว

"วันนี้ขอบใจมากนะ" ท่านหญิงขอบใจท่านไซโก

"ข้ายอมนับถือท่านหญิงจนหมดหัวใจขอรับ"

"เจ้าเองก็ไม่เบาเหมือนกัน..ฝ่ายโน้นจะโกรธเราไม่นะ?"

"ไม่หรอกขอรับ..เพราะท่านหญิงได้ตอกย้ำตะปูตัวใหญ่ลงไป ถ้าเขาทำอีกเราก็จะทำกับลูกเขาบ้าง"

ทานหญิงยิ้ม "ได้อย่างนั้นก็ดี"

อิคุชิมะ "เราคงไม่ต้องทำอย่างนี้อีกนะเจ้าคะ ข้าน่ะเหนื่อยเจ้าค่ะ"

"เจ้าก็ไหวพริบดีน่าชื่นชมนะ"
ท่านหญิงชมอิคุชิมะ

"รับส่งบทได้เหมาะสมนัก!" ท่านไซโกเอ่ยสมทบ

"แทบจะกระพริบตาไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าท่านหญิงจะทำอะไรแบบไหนเมื่อไหร่เจ้าค่ะ"

ท่านหญิงหัวเราะแล้วยังหันไปหัวเราะกับท่านไซโกด้วย

"ต่อไปนี้ ก็เหลิอแต่รอให้ท่านพ่อหายเร็วๆเท่านั้นล่ะ.."

-----------------------

แต่เมื่อท่านหญิงผู้หญิงฮิสะรู้ว่าท่านหญิงอัตสึออกไปที่คฤหาสน์ทานาคาวะโดยไม่แจ้งให้ท่านทราบก่อน ท่านผู้หญิงจึงเรียกโอโนชิมะมาต่อว่า

ท่านผู้หญิงฮิสะ "ว่าไงนะ ท่านหญิงไปหาท่านผู้ผู้อาวุโสถึงบ้านเลยรึ?"

โอโนะชิมะ "เจ้าค่ะ"

"ใครอนุญาตให้เขาทำอย่างนั้น"

"ขออภัยจริงๆเจ้าค่ะ"


แต่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ก็มีนางกำนัลรีบเข้ามาอย่างเร่งด่วนแล้วแจ้งให้ท่านผู้หญิงทราบว่า ตอนนี้ท่านนาริอากิกับภรรยาอนุได้ส่งของมาเยี่ยมไข้ท่านนาริอาคิระแล้ว ทั้งๆที่ท่านนาริอาคิระป่วยมาร่วมปีแต่ไม่เคยได้รับของเยี่ยมจากท่านพ่อของท่านเลย

*-*

และเมื่อฟุจิโนะโรโจะซ้ายได้นำของฝากของท่านนาริอากิมาให้ท่านผู้หญิงฮิสะดู ท่านผู้หญิงถึงกับต้องแปลกใจมาก

ท่านผู้หญิงฮิสะ "ของสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ปลุกเสกโดยพระชั้นสูงที่ดังที่สุดในตอนนี้ ไม่รู้ว่าอัตสึไปทำอะไรมานะ?"

ฟูจิโนะ "ท่านหญิงนี่เหลิอเชื่อจริงๆเลยนะเจ้าคะ"

ตอนนี้ท่านผู้หญิงฮิสะคงจะเปิดใจให้ท่านหญิงอัตสึมากขึ้นบ้างแล้วล่ะ..

หลังจากนั้นท่านหญิงฮิสะก็ได้นำของฝากชิ้นนั้นเข้าไปไว้ในห้องของท่านนาริอาคิระ

---------------------

กระแสจิตอธิษฐานของท่านหญิงอัตสึและท่านผู้หญิงฮิสะคงจะสื่อไปถึงได้ อาการป่วยของท่านนาริอาคิระจึงดีขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่นั้นมา จนท่านหายดีในที่สุด..

-------------------

ขณะเดียวกันที่สัทสุมะ ท่านอาจารย์คิโยมิชิเรียกนาโอโกโร่มารับคำสั่งแต่งตั้งจากท่านเจ้าแคว้น

นาโอโกโร่ "ข้าน่ะหรือขอรับ?"

ท่านคิโยมิชิ "เจ้าได้รับตำแหน่งเป็นโกะคินจูประจำตัวท่าน...ได้เป็นคนรับใช้ใกล้ชิดท่าน เป็นงานสำคัญเชียวนะ เสียดายที่ท่านไม่ได้อยู่ในปราสาท ตอนนี้เจ้าก็ฝึกงานทุกอย่างไปก่อนแล้วกัน"

"ขอรับ! คิโมสึกิ นาโอโกโร่ จะถวายชีวิตเพื่อเตรียมตัวให้เหมาะกับงานขอรับ"

เมื่อนาโอโกโร่ได้รับหนังสื่อแต่งตั้งแล้ว ก็ยังได้ทราบข่าวจากท่านอาจารยคิโยมิชิอีกว่า ตอนนี้มีเรือมาเข้าฝั่งสัทสุมะลำหนึ่ง ซึ่งเรือลำนั้นได้นำนักโทษที่ถูกลงโทษด้วยการเนรเทศไปอยู่เกาะจากคราวเกิดจราจลโอยุระกลับมา

นาโอโกโร่จึงรีบวิ่งไปที่ท่านโอคุโบะในทันที และเมื่อไปถึงนาโอโกโร่ก็ได้พบภาพที่น่าปิติยินดีที่สุด นั่นก็คือ ท่านพ่อเจ้าบ้านตระกูลโอคุโบะได้กลับมาถึงบ้านแล้ว หลังจากที่ท่านต้องถูกเนรเทศไปอยู่เกาะนานถึง5ปี

ทุกคนในบ้านต่างร้องไห้ดีใจในการกลับมาของท่านพ่อ เมื่อท่านโอคุโบะหันมาเห็นนาโอโกโร่

"ท่านโอคุโบะ ดีจังเลย ดีจังเลยนะ"

"ท่านคิโมสึกิ คราวนี้ ข้าจะได้ตั้งเป้าหมายของตัวเอง ได้มองเห็นอนาคตแล้ว" / "ใช่!..ใช่...ใช่!"

เพราะเพื่อนรักทั้งสองต่างเข้าใจถึงความรู้สึกของกันและกัน

------------------
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 44
.
.
.

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ท่านหญิงออกรบ 42

atsuhime 42

อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 41
.
.
ท่านไซโกได้นำแผนที่ของบ้านทานาคาวะออกมาให้เพื่อนๆได้ช่วยกันวางแผนลอบสังหาร และชี้ในแผนที่ว่า ห้องนี้คือห้องของโอยุระ

-----------------------

และแล้วในวันรุ่งขึ้น ท่านนาริอาคิระทีกำลังป่วยหนักอยู่นั้น อยู่ๆท่านก็เกิดรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นมีพ่อบ้านคาวาคามิได้นั่งเฝ้านายท่านอยู่ เมื่อท่านนาริอาคิระเห็นคาวาคามิ ท่านนาริอาคิระก็พูดขึ้นว่า "คาวาคามิ..เรียกไซโกให้หน่อยซิ..เรียกมาเดี๋ยวนี้!"


เมื่อท่านไซโกได้มาอยู่ต่อหน้าท่านนาริอาคิระ "ข้าไซโก คิชิโนสุเกะมาแล้วขอรับนายท่าน" ท่านนาริอาคิระได้พยุงตัวลุกขึ้นมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว ก็ได้เรียกให้ท่านไซโกเข้าไปใกล้ๆอีก เนื่องจากท่านบอกว่าไม่ค่อยได้ยินและท่านก็เริ่มพูดขึ้นว่า

"ข้าเห็นเทพารักษ์หลายคนปะปนในบ้านเรา อยู่ทางโน้นทางนี้เต็มไปหมดทั้งบ้านเลย" / "ขอรับ"

"สรุปว่า ขอให้เลิกล้มแผนการที่เจ้ากำลังทั้งหมดซะ ห้ามทำเลยนะ!!"

ท่านไซโกรู้ทันทีว่าที่ท่านเจ้าแคว้นสั่งหมายถึงอะไร จึงค่อยๆรับว่า "ขอรับ"

"นิสัยอย่างเจ้า..พอเกิดอะไรขึ้นล่ะก็..ตั้งใจจะแบกภาระไว้คนเดียวใช่ไหม..เพราะเจ้าเป็นคนแบบนั้น..ข้าถึงได้เลือกเจ้ามาเอโดะ ข้าดูคนไม่ผิดใช่มั้ย?"

"นายท่าน.."
ท่านไซโกน้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้ว



"ไซโก!" / "ขอรับ"

"เจ้าคงจะคิดว่าข้าทำทั้งหมดเพื่อตระกูลชิมะสึ แต่มันไม่ใช่หรอก สิ่งที่เจ้ากำลังโกรธา มันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่เล็กนิดเดียวเท่านั้น เหตุเฉพาะหน้า เป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ ไซโก! เราจะต้องมองไปให้ไกล เรียนรู้โลกกว้างใหญ่ไพศาลใบนี้..ข้าคิดว่า เจ้าจะทำให้ญี่ปุ่นเกิดใหม่ได้ ถึงได้ให้เจ้าได้อยู่เคียงข้าไง"

ถึงตอนนี้ท่านไซโกก็ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ "เป็นพระคุณยิ่งนัก ขอบพระคุณมากขอรับ"

ความสัมพันธ์ที่สื่อใจกันได้ระหว่างเจ้านายกับซามุไร ท่านนาริอาคิระรู้ได้เองว่าท่านไซโกกำลังจะคิดทำอะไร เหมือนมีเทวดามาช่วยปลุกให้ท่านตื่น เพื่อที่จะให้ท่านลุกขึ้นมาเพื่อเตือนสติท่านไซโกก่อนที่จะทำอะไรที่ร้ายแรงลงไป

ความแค้นของท่านไซโกยังคงอยู่ แต่เมื่อเป็นคำสั่งของเจ้านาย ซามุไรก็ต้องทำตาม ท่านไซโกจึงทำได้แค่เพียงเอาน้ำเย็นๆราดใส่ตัวเองเพื่อดับความคั่งแค้นภายใจตน..

----------------------

อิคุชิมะได้นำข่าวลือเรื่องมีคนทำคุณไสยใส่ท่านเจ้าแคว้นมาเล่าให้ท่านหญิงฟัง

"เขาสงสัยกันว่า ท่านโอยุระ ทำคุณไสยใส่เจ้าค่ะ"

"แต่ท่านนาริอากิเป็นพ่อแท้ๆของท่านพ่อใช่มั้ย?" / "เจ้าค่ะ"

"อิคุชิมะเคยพบท่านทั้งสองบ้างรึเปล่า?"

"เคยเห็นแค่แวบเดียวเท่านั้นเองเจ้าค่ะ"

"อยากจะพบท่านดูสักครั้งน่ะ" / "แต่ท่านหญิงเจ้าคะ.."

"เมื่อก่อนท่านแม่สอนข้าว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น..คือถึงจะพูดกันยังไง ก็บรรยายได้ไม่ละเอียด เท่ากับเห็นได้ด้วยตาตนเองหรอกนะ"

"ข้าก็รู้เจ้าค่ะ"

"ฉะนั้นข้าถึงอยากจะดูให้แน่แก่ใจ" / "เรื่องอะไรเจ้าคะ?"

"เรื่องที่ท่านสามารถสาปแช่งใครได้จริงมั้ยนะ..อิคุชิมะ จัดการให้ข้าได้พบท่านนาริอากิให้ข้าหน่อย"

ทีแรกที่อิคุชิมะได้ยินคำสั่งนี้จากท่านหญิง ก็จะปฏิเสธว่าคงเกินกำลังที่ตนจะทำให้ได้ แต่ท่านหญิงมั่นใจว่าอิคุชิมะต้องทำได้แน่

(คำสอนของท่านแม่โอยุกิเรื่อง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น คำสอนนี้ท่านหญิงอัตสึได้นำมาปฏิบัติตามในชั่วชีวิตของเธอ)

----------------------

ท่านหญิงอัตสึมาอยู่ที่เอโดะปีกว่าแล้ว ก็ยังไม่เคยพบท่านนาริอากิเลยสักครั้ง และเมื่อท่านหญิงเรียกพ่อบ้านทาวาคามิให้มาพบ เพื่อจะบอกถึงความประสงค์ที่ท่านหญิงต้องการจะไปพบท่านชิมะสึ นาริอากิ(อดีตเจ้าแคว้นสัทสุมะ) ท่านพ่อบ้านก็รีบปฏิเสธกับท่านหญิงทันทีว่า เป็นไปไม่ได้

แต่เมื่ออิคุชิมะได้นำหนังสือตอบรับให้เข้าพบจากท่านนาริอากิออกมาให้ท่านพ่อบ้านได้อ่านแล้ว ท่านพ่อบ้านก็ต้องยอมจำนนทันที

แล้วท่านหญิงก็สั่งท่านพ่อบ้านว่า "เรื่องที่ข้าจะไปบ้านทาคานาวะ อย่าได้บอกเรื่องนี้ให้ท่านพ่อท่านแม่รู้เชียวนะ"

"แต่ว่า.." ท่านทาคาวาคามิลำบากใจ

"ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นห่วงน่ะ ขอแค่นี้เอง!" / "ขอรับ"

เมื่อจะได้ไปบ้านทาคานาวะแน่แล้ว ท่านหญิงจึงหันมามองอิคุชิมะเหมือนส่งสัญญาณพืเศษอะไรบางอย่างที่รู้กันเฉพาะนายกับบ่าว


------------------

ส่วนที่บ้านทาคานาวะ ท่านนาริอากิกำลังจิบชาและก็พูดคุยกับโอยุระถึงเรื่องที่ได้อนุญาตให้ท่านหญิงอัตสึได้เข้าพบในวันนี้

ท่านนาริอากิ "แค่ท่านหญิงเล็กๆคนเดียวจากสกุลย่อยด้วย ทำไมข้าถึงยอมให้เข้าพบได้นะ"

โอยุระ "เพราะท่านก็ชอบหาเรื่องน่ะสิ ถ้าไม่ให้เข้าพบก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

"ก็มันน่าสนุกดีนี่นะ ฮ่ะๆ"

"ท่านคงจะดูให้แน่ใจว่า ท่านหญิงคนนี้จะเก่งสักแค่ไหรใช่มั้ยเจ้าคะ"

"มันก็น่าดูนะ ก็สอนกันถึงขั้นเอามาใช้ที่เอโดะได้เนี่ย ฮิๆๆฮ่ะๆๆ"

แววตาของโอยุระนั้นมีเลศนัยซ่อนเร้นอยู่ ช่างไม่น่าไว้ใจเลย..


---------------------

เมื่อเกี้ยวที่จะพาท่านหญิงไปสู่บ้านทานาคาวะมารอพร้อมแล้ว ขณะที่ท่านหญิงกำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยว แต่ทันใดนั้นเสียงท่านไซโกก็ดังขึ้นแต่ไกล

"ท่านหญิงขอรับ!" ท่านไซโกวิ่งเข้ามาถึง ท่านหญิงจึงหันไปมองตามเสียงเรียก

คาวาคามิ "จะทำอะไรน่ะ! นี่มันไม่ใช่เรื่องของเจ้านะ!"

ไซโก "ข้าได้ยินว่า ท่านหญิงจะไปคฤหาสน์ทานาคาวะ"

"นี่เจ้ารู้มาจากไหน!?"

ท่านไซโกไม่ตอบท่านพ่อบ้าน แต่หันไปคุกเข่าพูดต่อหน้าท่านหญิงแทน "ขอความกรุณาให้ข้าไปกับท่านหญิงได้มั้ยขอรับ..ขอร้องล่ะขอรับ!"

"พูดอะไรเนี่ย เจียมตัวซะบ้างสิ!"

"จะไปทำไม?" ท่านหญิงถามท่านไซโก

"ข้าจะไปคุ้มครองท่านหญิงขอรับ"

"มากไปแล้ว!" เสียงคาวาคามิตวาดขึ้น

"เข้าใจแล้ว เจ้าเป็นองครักษ์ของข้านะ" ท่านหญิงตอบท่านไซโกโดยไม่ได้ใส่ใจกับเสียงรบกวนจากท่านพ่อบ้านเลย (ตอนนี้ท่านหญิงเริ่มสวมบทบาทเป็นเจ้านายอย่างเต็มตัวแล้ว ท่านหญิงจึงพูดกับท่านไซโกด้วยสำเนียงเข้มแข็งประหนึ่งเจ้านายสั่งลูกน้อง บทบาทหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญ ท่านไซโกได้เป็นลูกน้องของท่านหญิงอย่างเต็มตัวแล้วครับ และมีเหตุผลที่ท่านหญิงจะต้องสวมบทบาทนี้?)

"ขอรับ" ท่านไซโกตอบด้วยแววตามุ่งมั่น

อิคุชิมะ "ฟังนะ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ ตัดหัวฝ่ายโน้นได้เลยนะ" (ตรงนี้ท่านหญิงกับอิคุชิมะน่าจะวางแผนและรู้กันอยู่แล้ว ที่ให้ท่านไซโกมา)

"ข้าเอาหัวเป็นประกัน จะปกป้องท่านหญิงให้ปลอดภัย"

"ไปกันเถอะ" / "ขอรับ!"


*****************************

ในบทนี้ ชอบตั้งแต่ท่านนาริอาคิระเรียกท่านไซโกมาเตือนสติและสั่งสอน และตอนที่ท่านไซโกตามมาเสนอตัวเพื่อเป็นองครักษ์ปกป้องท่านหญิง ท่านหญิงมองท่านไซโกด้วยใจสื่อใจ ระหว่างนายสื่อใจกับบ่าวผู้ซื่อสัตย์ คำพูดไม่ต้องมากแต่แววตาสั่งการได้ ซึ่งเราจะได้เห็นนายบ่าวสื่อใจสั่งการในบทหน้าได้อย่างชัดเจน (เมื่อท่านหญิงต้องเผชิญกับท่านนาริอากิกับนางโอยุระ)

แต่ในบทหน้า จะเป็นสุดยอดพลังภายในที่ท่านหญิงได้ปล่อยออกมาได้สนุกอีกตอน สำหรับผมคิดว่าเป็นตอนที่ฮาที่สุดที่ผมได้ดูมาจนถึงตอนนี้ ได้ทั้งฮาและได้เห็นถึงไหวพริบความเฉลียวฉลาดของท่านหญิงอัตสึ
.
.
.

อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก43
"
"

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ท่านหญิงออกรบ 41

atsuhime 41

อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 40
.
.
โอชิคะ น้องสาวท่านอาจารย์คิโยมิชิ ได้ไปเยี่ยมท่านโอยุกิที่บ้านอิไมสุมิ โอชิคะได้มาจุดธูปหอมเพื่ออุทิศแก่ท่านทาดาตาเกะที่สิ้นบุญไป และโอชิคะได้ถามท่านโอยุกิว่า ท่านหญิงอัตสึทราบข่าวเรื่องท่านพ่อแล้วรึยัง ท่านโอยุกิบอกว่าทราบแล้วเพราะเมื่อเดือนก่อนโอคัตสึได้เขียนจดหมายมาโดยบอกว่าเสียใจมาก และยังบอกเป็นห่วงท่านแม่มากด้วย

---------------------------

ที่เกียวโต ในปลายเดือนเม.ย.ปีนั้น รัฐบาลทหารได้ส่งข่าวไปถึงราชสำนักว่า รัฐบาลได้ทำสัญญาทำการค้ากับอเมริกาแล้ว(โดยให้ฝรั่งเช่าเมืองท่า2เมือง) ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิโคเมทรงไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงทรงบ่นให้ข้าราชบริพารใกล้ชิดฟังว่า

จักรพรรดิโคเม "โดนฝรั่งบังคับให้เปิดประเทศทำการค้าแบบนี้ทำให้แผ่นดินญี่ปุ่นมีมลทิน ยอมรับไม่ได้ รัฐบาลทหารควรจะปิดประเทศต่อไป ไม่อย่างนั้นเราจะแย่ลงทุกวันน่ะสิ"

เพราะจักรพรรดิโคเมทรงชิงชังฝรั่ง ทรงเสียพระทัยและกริ้วเป็นอันมาก


องค์จักรพรรดิโคเมอิ
-------------------

ที่เอโดะ ท่านโทกุกาวะ นาริอากิแห่งแคว้นมิโตะไม่พอใจอย่างมากที่บะขุฝุตัดสินใจทำสัญญากับอเมริกา ท่านเลยตัดสินใจลาออกจากกองทัพเรือ ต่อมาเมื่อท่านเจ้าแคว้นมิโดะไปพบกับท่านอาเบะ

ท่านอาเบะก็ได้นำเสนอเรื่องที่ท่านนาริอาคิระจะส่งท่านหญิงอัตสึไปเป็นมิไดโดโกโระให้ท่านเจ้าแคว้นมิโตะรับรู้ (จากที่โอโอขุสั่งให้ท่านอาเบะจัดการสรรหาภรรยาโชกุนมา เพราะโอโอขุต้องการมีทายาทโดยตรงของโชกุน) แต่ท่านเจ้าแคว้นมิโตะไม่พอใจอย่างมาก

ท่านเจ้าแคว้นมิโตะ "สตรีสูงศักดิ์คนอื่นไม่มีอีกแล้วรึไง ถึงต้องให้ท่านหญิงแห่งชิมะสึไปเป็นมิไดโดโกโระ นาริอาคิระคิดจะทำอะไรกันแน่"

ท่านอาเบะ "หมายความว่ายังไงขอรับ"

"ก็เขาให้โทราจุมารุลูกชายตัวเองหมั้นกับองค์หญิงของโคโนเอะ อีกทางก็ให้ลูกสาวไปแต่งงานกับโชกุนเพื่อเข้าไปในโอโอขุ ทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไงรู้มั้ย!..เขากำลังสร้างเส้นสายในราชสำนักและในรัฐบาลทหารจะได้กุมอำนาจทั้งหมดยังไงล่ะ"

"แต่ว่าข้าไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกนะขอรับ มันก็เหมือนกับที่ท่านโยชิโนบุ ที่ได้เป็นประมุขสกุลฮิโตสึบาชิ.." (ท่านโยชิโนบุ เป็นลูกชายคนที่7ของท่านเจ้าแคว้นมิโตะที่ถูกส่งให้ไปเป็นบุตรของตระกูลฮิโตสึบาชิ-จำชื่อท่านนี้ไว้นะครับสำคัญ)

"แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย!?"

"ฮิโตสึบาชิ เป็น1ใน3สกุลซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่านโชกุน ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามแผนของมิโตะไม่ใช่รึขอรับ"

.
(ตระกูลฮิโตสึบาชิคือตระกูลในบ้าน3หลัง ที่เวลาโชกุนไม่มีบุตรก็จะต้องมาหาทายาทจาก3ตระกูลนี้ ซึ่งที่ท่านอาเบะหมายถึงก็คือ ท่านนาริอากิแห่งมิโตะอาจจะอยากกันตำแหน่งทายาทโชกุนไว้กับลูกชายของตนรึเปล่า?)

"คนอย่างข้าไม่มีคิดทำแผนอะไรอย่างนั้นเด็ดขาด"

"ถ้าอย่างนั้นต้องขออภัยด้วยขอรับ"

"ยังไงก็ช่าง จะปล่อยให้สัทสุมะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจนะ!"

ท่านเจ้าแคว้นมิโตะไม่เห็นด้วยกับแผนของท่านนาริอาคิระอย่างมาก แต่ท่านเจ้าแคว้นมิโตะคงไม่รู้ว่าท่านอาเบะก็ร่วมวางแผนนี้ด้วยเช่นกัน

----------------------------

ขณะเดียวกัน ข่าวร้ายก็มาเยือนอัตสึอีกครั้งจนได้นั่นก็คือ ท่านชายน้อยโทราจุมารุได้สิ้นไปเสียแล้ว จากอาการปวดท้องและไข้ขึ้นจนสิ้นลมไป โดยท่านพ่อบ้านของคฤหาสน์ชิมะสึแห่งเอโดะที่ชื่อ คาวาคามิ ได้มาแจ้งข่าวร้ายนี้ให้ท่านหญิงทราบ

ซึ่งการจากไปของท่านโทราจุมารุนั้น ก็ได้ทำให้ท่านนาริอาคิระถุงกับล้มป่วยอย่างหนักลงทันที!

ซึ่งท่านผู้หญิงฮิสะก็เรียกทุกคนในบ้านให้ช่วยกันแยกกันไปไหว้พระภูมิ ทำของไหว้เจ้าที่บนบานให้ท่านนาริอาคิระหายป่วย และสวดมนต์อธิษฐานต่อองคฺพระโพธิสัตว์และเทวดาให้ท่านช่วยให้ท่านนริอาคืระปลอดภัย

โดยเฉพาะท่านหญิงฮิสะนั้นตั้งใจสวดมนต์อธิษฐานอย่างมากทุกวันเพื่ออธิษฐานช่วยสามีของท่าน ท่านหญิงอัตสึเองก็สวดมนต์อย่างมากเช่นกัน (จากที่ผมสังเกตพระที่ท่านแม่ของอัตสึให้มานั้น น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์มากกว่าพระพุทธรูปนะครับ อันนี้ไม่แน่ใจนัก)

ส่วนทื่ท่านไซโกก็ถึงกับตั้งสัจจะต่อหน้าพระว่า "ตั้งแต่วันนี้ข้าจะอดอาหาร โปรดมาเอาชีวิตของข้าไปแทนชีวิตของนายท่านด้วยเถิด"

ถึงคนทั้งบ้านจะบนบานศาลกล่าวเพียงใด อาการของท่านนาริอาคืระก็ไม่ดีขึ้น และในที่สุดข่าวการป่วยของท่านเจ้าแคว้นก็ไปถึงสัทสึมะ

------------------------

ความประทับใจของผมในเจ้าหญิงอัตสึตอนนี้

ที่วัดในสัทสุมะ ที่บรรดาซามุไรพรรคพวกท่านโอคุโบะใช้ฝึกดาบกัน เพื่อนๆซามุไรระดับต่ำของท่านโอคุโบะต่างเป็นเดือดเป็นแค้นมากจากข่าวที่ท่านเจ้าแคว้นป่วยหนัก แถมทุกคนยังเชื่อกันอีกว่า ต้องเป็นฝีมือการสาปแช่งและปล่อยคุณไสยของนางโอยุระอนุของอดีตเจ้าแคว้นเป็นแน่ และเพื่อนๆซามุไรเหล่านี้ต่างก็คิดกันว่าควรจะระดมคนบุกไปฆ่าตัดหัวนางโอยุระที่เอโดะกันเลยดีกว่า

นาโอโกโร่ได้ยินก็รีบมาทักท้วงความคิดนี้ไว้ว่าไม่ควรทำอย่างนั้น แต่บรรดาเพื่อนๆซามุไรเหล่านี้กลับไม่สนใจฟังนาโอโกโร่ห้ามสักเท่าไหร่ จนท่านโอคุโบะที่นั่งฟังอยู่ตรงนั้นด้วยต้องเอ่ยปากหาเหตุผลมาระงับโทสะของเพื่อนๆซามุไรที่กำลังโกรธแค้น

โอคุโบะ "ถ้าเกิดศึกสายเลือดอีก ตระกูลชิมะสึจะต้องสูญสิ้นแน่ๆ"

เพื่อนซามุไรชื่ออาริมะถามกลับว่า "สูญสิ้นยังไง?"

โอคุโบะ "รัฐบาลกำลังจะจ้องหาเงิน แคว้นไหนที่ไดเมียวอ่อนแอก็จะถูกเข้ามาควบคุม สัทสุมะมีประชาชนตั้ง7แสน7หมื่นคน ขืนก่อเรื่องบ่อยๆจะโดนบุกยึดนะ"

นาโอโกโร่ "ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่านโอคุโบะนะ"

อาริมะ "แต่ว่าท่านนาริอากิกับโอยุระ ทำให้ท่านพ่อของท่านโชสุเกะถูกลงโทษนะ ไม่คิดแก้แค้นรึยังไงกันเล่า!?"
.

โอคุโบะ "นั่นมันแค่เรื่องส่วนตัวเพียงนิด จะทำให้สัทสุมะเสียหมดไม่ได้ กัดกันเองจะทำให้แคว้นเราล่มจม!"

"เฮ้ย!..." อาริมะสบถอย่างจำยอมในเหตุผลของท่านโอคุโบะ แล้วเดินจากไปกับพรรคพวกของตนทันที"

แล้วท่านโอคุโบะก็หันมาพูดกับนาโอโกโร่ว่า "ทางเราน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เป็นห่วงก็แต่ทางท่านคิชิโนสึเกะที่เอโดะน่ะมากกว่า"

นาโอโกโร่ "คงจะกลุ้มใจแย่ เพราะเห็นตำตา แต่ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย"

-------------------------

เวลาผ่านไปอีกครึ่งปีจนเลยปีใหม่ไปแล้ว ท่านนาริอาคิระก็มีแต่ทรุดหนักลงเรื่อยๆ

และก็ไม่ผิดจากที่ท่านโอคุโบะเคยคาดการณ์ไว้ว่า ทางท่านไซโกนั้นน่าห่วงมากจริงๆ เพราะท่านไซโกตัดสินใจวางแผนกับเพื่อนๆซามุไรที่นั่นว่า จะบุกไปฆ่านางโอยุระที่คฤหาสน์ทานาคาวะกัน....

********************

ตอนที่ผมดูละครถึงตอนนี้ ทำให้ผมอดคิดถึงเรื่องบ้านเราไม่ได้จริงๆครับ ผมประทับใจที่ท่านโอคุโบะเห็นบ้านเมืองสำคัญมากกว่าเรื่องส่วนตัว แม้ท่านพ่อจะลำบาก แต่ก็ยังมีวันได้กลับมา แต่หากบ้านเมืองสิ้นอำนาจของตระกูลชิมะสึไป อะไรก็คงแย่กว่าที่คิดเป็นแน่

อยากให้คนไทยมองการไกลแบบท่านโอคุโบะจริงๆเลย..
.
อ่านatsuhime 42
..
.
.
.

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ท่านหญิงออกรบ 40

atsuhime 40


อ่านatsuhime39

ขอย้อนกลับไปเรื่องจราจลโอยุระที่สัทสุมะ ซึ่งตั้งชื่อตามภรรยาอนุของท่านนาริอากิอดีตเจ้าแคว้นสัทสุมะซึ่งเป็นท่านพ่อของท่านนาริอาคิระเจ้าแคว้นคนปัจจุบัน

ท่านนาริอากิมีภรรยาอนุชื่อ โอยุระ ซึ่งโอยุระมีลูกชายคนนึงชื่อ ทาดายุกิ โอยุระยุยงให้ท่านนาริอากิเปลี่ยนใจยกสัทสุมะให้ท่านทาดายุกิสืบทอดตำแหน่งเจ้าแคว้นแทน

ทำให้สัทสุมะเกิดการจราจลจากซามุไร2กลุ่มคือ กลุ่มสนับสนุนท่านนาริอาคิระซึ่งท่านไม่ได้เกิดในสัทสุมะแต่ท่านเป็นทายาทโดยถูกต้อง กับกลุ่มที่สนับสนุนท่านทาดายุกิซึ่งเกิดในสัทสุมะแท้ๆ

จราจลโอยุระคราวนั้น ฝ่ายกลุ่มสนับสนุนท่านนาริอาคิระมีชัยชนะ แต่ซามุไรกลุ่มสนับสนุนท่านนาริอาคิระกลับถูกท่านนาริอากิลงโทษ จนเมื่อท่านนาริอากิถูกทางเอโดะสงสัยว่าท่านได้มีส่วนร่วมในการค้าของเถื่อนโดยมีท่านสุโชดำเนินการแทน เลยถูกบังคับทางอ้อมให้ลงจากตำแหน่งเจ้าแคว้น และเอโดะก็ให้ท่านนาริอาคิระได้เป็นเจ้าแคว้นแทน

โอยุระ ภรรยาอนุของท่านนาริอากินั้น พวกซามุไรกลุ่มท่านไซโกเกลียดมาก เพราะเชื่อว่าชาวสัทสุมะถูกขูดรีดภาษีอย่างหนัก ก็เพราะมีนางโอยุระคอยยุยงท่านเจ้าแคว้นนาริอากิ ที่สำคัญมีคำเล่าลือว่า นางโอยุระนั้นเก่งเรืองคุณไสยและการสาปแช่ง (ช่วงมีการจราจลท่านนาริอาคิระเคยได้รับจดหมายสาปแช่งเช่นกัน)

ฉะนั้น โอยุระ จึงเปรียบเสมือนนางแม่มดใจร้ายในความเชื่อของผู้คนที่จงเกลียดจงชังเธอ

หลังจากหลุดออกจากตำแหน่งเจ้าแคว้น ท่านนาริอากิกับนางโอยุระเองก็ยังคงพำนักอยู่ที่คฤหาสน์ทานาคาวะที่เอโดะต่อไป แต่ความบาดหมางระหว่างท่านนาริอากิกับท่านนาริอาคิระคราวนั้นยังไม่จางหายไปไหน และกำลังจะปะทุขึ้นอีกในไม่ช้า แต่คราวนี้ท่านหญิงอัตสึได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

-------------------------------

บทที่40

หลังการจากไปของท่านทาดาตาเกะ แต่อีกไม่กี่เดิอนต่อมาท่านหญิงก็ทำใจได้และปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่เอโดะได้อย่างดี และท่านหญิงก็ได้สนิทสนมกับบุตรชายของท่านนาริอาคิระอายุ5ขวบที่ชื่อ โทราจุมารุ จนเสมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ


ส่วนท่านไซโกที่ติดตามท่านเจ้าแคว้นมาที่เอโดะด้วย ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นนิวะคาตะของแคว้น ซึ่งตำแหน่งนิวะคาตะนี้มีหน้าที่รับคำสั่งโดยตรงจากท่านเจ้าแคว้นให้ปฏิบัตงานต่างๆตามที่ได้รับมอบหมาย

ซึ่งงานแรกที่ท่านเจ้าแคว้นสั่งก็คือ


"ไซโก ข้ามีงานให้เจ้าทำ เข้ามาใกล้ๆ" / "ขอรับ"

"เงยหน้าขึ้นสิ...("ขอรับ") ..โอคัตสึลูกสาวข้า ปีหน้าก็จะแต่งงานเข้าปราสาทโชกุนแล้ว แต่งกับโชกุนคนที่13ท่านอิเอซาดะ จะให้เจ้าจัดหาทุกอย่างที่เขาจะต้องใช้ในบ้านใหม่นั้น"

ท่านไซโกตกใจเล็กน้อยเพราะเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าที่ท่านหญิงอัตสึมาเอโดะเพื่อจุดประสงค์อะไร

"ขอรับ..แต่ข้าของพูดตรงๆว่า งานสำคัญอย่างนั้น ความรู้ความสามารถของข้าคงทำไม่ได้หรอกขอรับ"

"ไซโก!" / "ขอรับ"

"อยู่ต่อหน้าข้า อย่าพูดว่าทำไม่ได้อีก!!" / "ขอรับ"

"จงทำอย่างสุดฝีมือ อย่าให้โออัตสึต้องเสียหน้า ต้องพิถีพิถัน อย่าได้ขาดตกบกพร่องได้เชียว"

"ข้าจะทำสุดความสามารถขอรับ!"

ท่านไซโกเป็นคนบ้านนอกเพิ่งจะมีโอกาสมาเอโดะครั้งแรก (ตามปกติเอโดะจะไม่ยอมให้ประชาชนข้ามเมืองโดยพลการโดยไม่ขออนุญาตก่อน หรือไม่มีคำสั่งจากเอโดะหรือจากไดเมียว)

การที่ท่านเจ้าแคว้นมอบหมายงานสำคัญมากๆขนาดนี้ คนบ้านนอกที่ไม่เคยรู้จักงานพิธีอย่างท่านไซโกย่อมต้องคิดว่าคงทำไม่ได้แน่ แต่ในเมื่อท่านเจ้าแคว้นสั่ง ซามุไรต้องทำได้เท่านั้น!! (และที่สำคัญท่านนาริอาคิระมองออกว่าท่านไซโกต้องทำได้แน่นอน)

------------------------

ระหว่างที่ท่านไซโกกำลังรับคำสั่งจากท่านเจ้าแคว้นอยู่นั้น เสียงท่านโทราจุมารุก็ดังขึ้นมาแต่ไกล เพราะท่านโทราจุมารุกำลังวิ่งนำหน้าพี่สาวคนใหม่มานั่นเอง

เมื่อท่านหญิงอัตสึตามมาทันก็ขออภัยท่านพ่อที่ท่านชายวิ่งซนมารบกวนท่านพ่อซึ่งกำลังสั่งงานซามุไรอยู่ และเมื่อท่านหญิงกำลังจะพาท่านชายออกไปเล่นอีกทาง เผอิญท่านหญิงเหลือบไปเห็นว่า ซามุไรทีรอรับคำสั่งท่านเจ้าแคว้นอยู่นั้น คือมิตรเก่าของท่านหญิงที่ชื่อท่านไซโก คิชิโนสุเกะนั่นเอง

"ท่านไซโก!?" อัตสึกล่าวทักขึ้นอย่างแปลกใจ

"ขอรับ" ท่านไซโกก้มหัวคำนับ

"อะไรเนี่ย เจ้ารู้จักเขาด้วยเหรอ?" ท่านนาริอาคิระแปลกใจยิ่งกว่า

"เจ้าค่ะ ไม่ได้พบกันซะนานเลย"

แล้วอัตสึก็หันไปถามท่านไซโกว่า "ทุกคนสบายดีเหรอ?"

"ขอรับ"

"ท่านนาโอโกโร่ด้วยเหรอ?" / "ขอรับ"

หลังจากนั้นท่านชายโทราจุมารุก็ถามท่านไซโกว่ารู้จักกับท่านพี่ข้าด้วยเหรอและยังเห็นว่าท่านไซโกมีรูปร่างใหญ่โตมาก ท่านชายเลยขอขึ้นไปนั่งเล่นบนไหล่ท่านไซโกหน่อยได้มั้ย

ท่านไซโกยิ้ม แต่ด้วยมารยาทของบ่าว ท่านไซโกจึงหันไปมองท่านเจ้าแคว้นในเชิงถามด้วยสายตาว่าท่านจะอนุญาตมั้ย? ซึ่งท่านเจ้าแคว้นก็ยิ้มรับและพยักหน้าเชิงอนุญาต

ต่อจากนั้นท่านเจ้าแคว้นก็อุ้มท่านโทราจุมารุให้ขึ้นไปนั่งเล่นอยู่บนไหล่ของท่านไซโก

"ท่านไซโก แบกหนักรึเปล่าน่ะ?" อัตสึถาม

"ไม่หรอกขอรับ แค่นี้สบายมาก"

แล้วท่านไซโกก็แบกท่านชายวิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนาน บรรยากาศช่างแสนสุขจริงๆ


-----------------------------

ส่วนที่บ้านท่านโอคุโบะ นาโอโกโร่ก็เพิ่งได้ทราบข่าวจากท่านโอคุโบะว่า ท่านไซโกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนิวะคาตะ

ท่านโอคุโบะ "ขอรับ..ดูเหมือนว่าจะเป็นตำแหน่งสำคัญ ท่านคงจะอิจฉาเขาล่ะสิ?"

นาโอโกโร่ "อิจฉาสิ...เพราะข้าก็อยากรับใช้ใกล้ชิดและเห็นโลกกว้าง ได้ทำงานรับใช้บ้านเมืองของเราบ้างยังไงล่ะ"

ต่อมานาโอโกโร่ก็ได้ถามท่านโอคุโบะว่า "เคยได้ยินเรื่องของท่านโยชิดะ โชอินรึเปล่า?เขาดังมากนะ" ซึ่งท่านโอคุโบะก็รู้จัก "ท่านโยชิดะคนนี้ได้พาเรือเล็กของท่านไปใกล้เรือเพอร์รี่ เพื่อจะไปสืบความลับ แต่โชคไม่ดีที่ขึ้นไปบนเรื่อเพอร์รี่ไม่ได้ใช่มั้ย?"

"ใช่..แต่ข้าประทับใจความกล้าจากก้นบิ้งของหัวใจ..ยอมเสี่ยงตายอย่างนั้นก็มีด้วย"

เมื่อท่านโอคุโบะฟังนาโอโกโร่พูดอย่างนี้ เลยได้พูดให้แง่คิดและสติเตือนใจแก่นาโอโกโร่ไปว่า

"ท่านคิโมสึกิ ขอโทษนะขอรับ คิดเรื่องตัวเองก่อนน่ะดีมั้ย?"

"ตัวเองเหรอ!?"

"ท่านคิโมสึกิน่ะ เข้ากับคนได้ทุกกลุ่มทุกชั้น และยังมีพลังในการรวมคนทุกชั้นให้มาช่วยกันได้"

"อย่างนั้นเหรอ?"

"ก็ใช่นะสิ ดังนั้นสักวันนึงท่านจะต้องสามารถปลุกระดมคนในเอโดะให้ตามท่านได้"

"ขอบคุณที่ให้กำลังใจ แล้วท่านโอคุโบะล่ะ คิดอะไรไว้บ้าง เช่นหลังจากนี้คิดจะทำยังไงต่อไป"

"เมื่อก่อนข้าเคยทำงานอยู่ฝ่ายสถิติรับตำแหน่งโอคุวะ เป็นนายทะเบียนข้าว ทุกปีจะส่งข้าวเข้าคลัง เวลาขนส่งยังไงก็ต้องมีข้าวตกหล่นน่ะ เราจะรวบรวมข้าวที่ตกนั้นเป็นของตัวเองก็ได้ นั่นคืองานในหน้าที่ของข้า"

"ครอบครัวคนจนๆอย่างข้าน่ะ ยังได้รับความเอาใจใส่ ขำจึงสำนึกในบุญคุณยิ่งนัก....แต่ถ้าพ่อข้ายังไม่กลับมา ข้าก็ยังมองไม่เห็นอนาคตหรอก"

(ท่านพ่อของท่านโอคุโบะยังไม่กลับจากการถูกเนรเทศไปอยู่เกาะ โดยท่านเจ้าแคว้นคนเก่านาริอากิสั่งลงโทษคราวจราจลโอยุระ)

แล้วท่านฟุขุท่านแม่ของท่านโอคุโบะก็ออกมาทักทายนาโอโกโร่ ซึ่งท่านโอคุโบะก็บอกว่าท่านนาโอโกโร่นำของมาฝาก ท่านฟุขุจึงกล่าวขอบคุณนาโอโกโร่ที่อุตส่าห์นำของมาฝากทุกครั้งเลย

คุณผู้อ่านยังจำท่านฟุขุคนนี้ได้มั้ยครับ ผู้หญิงที่ช่วยสอนให้โอคัตสึรู้จักคำว่าศักดิ์ศรีและช่วยให้คัตสึลดความหยิ่งทนงในตนได้อย่างลึกซึ่งที่สุด
.
(หากจำท่านฟุขุไม่ได้ก็ต้องย้อนกลับไปอ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รักบทที่4ครับ)
.

.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 41
..
.
.

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คำขอร้องของพ่อ 39

atsuhime 39

อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 38




เมื่อถึงวันพบปะครอบครัว เมื่อท่านหญิงอัตสึเข้ามาให้ห้องรับรองส่วนในแล้ว เมื่อไม่เห็นท่านแม่ฮิสะนั่งอยู่ในห้องด้วย ก็หันไปถามหาท่านแม่กับโอโนชิมะ โอโนะชิมะตอบว่า "โอกาสเช่นนี้ท่านผู้หญิงไม่ออกมาหรอกเจ้าค่ะ"

และเมื่อท่านนาริอาคิระเข้ามา ท่านโทราจุมารุลูกชายของท่านนาริอาคิเพียงคนเดียวก็เอ่ยทักทายท่านพ่อเป็นคนแรก ลูกๆของท่านนาริอาคิระนั้นไม่ใช่ลูกของท่านผู้หญืงฮิสะ แต่เป็นลูกของอนุภรรยาของท่านนาริอาคิระ

แต่เมื่อท่านหญิงอัตสึกล่าวต้อนรับบ้าง "ยินดีต้อนรับที่ท่านพ่อกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพเจ้าค่ะ"

ท่านนาริอาคิระมีท่าทางที่เคร่งขรึมและยังไม่ตอบทักทายอัตสึกลับในทันที จนอัตสึแปลกใจ แล้วท่านนาริอาคิระก็เริ่มพูดว่า

"คุ้นกับเอโดะรึยัง"

"เจ้าค่ะไม่มีปัญหาอะไร"

การพูดคุยกับอัตสึของท่านนาริอาคิระมีเพียงแค่นั้น เมื่ออัตสึกลับมาที่ห้องแล้ว อัตสึก็บ่นกับอิคุชิมะว่า "ท่าทางท่านพ่อดูไม่เหมือนกับตอนอยู่ที่สัทสุมะเหมือนเป็นคนละคนเลย"

แต่อัตสึก็กลุ้มเรื่องท่านพ่อไม่ทันไร โอโนชิมะก็เข้ามาบอกว่าท่านนาริอาคิระเชิญให้ท่านหญิงไปพบตอนนี้

--------------------

"เจ้าไม่คุ้นเคยกับบ้านที่เอโดะ คงไม่สบายใจนักใช่มั้ย" ท่านนาริอาคิระถามด้วยสีหน้าที่สบายๆมากขึ้นแล้ว

"ไม่เจ้าค่ะ" อัตสีตอบอย่างยิ้มแย้ม

"มีเรื่องต้องถามท่านพ่อให้ได้เจ้าค่ะ" / "พูดมาสิ"


"การแต่งงานของข้ามีอุปสรรคนักใช่มั้ยเจ้าคะ เขาว่าอย่างนั้นเมื่อเข้ามาในบ้านนี้แล้วเจ้าค่ะ"

"มันยากตรงการเข้าไปในโอโอขุ แต่งงานกับโชกุน ต้องผ่านการพิจารณาของคนอีกเยอะ มันก็ต้องมีปัญหากันบ้าง"
"แต่ท่านแม่พูดว่า.."

"โออัตสึ ข้าเคยบอกว่าให้เชื่อใจข้า ข้าจะจัดการทั้งหมดจนได้"

"เจ้าค่ะ"

อิคุชิมะ "ท่านเจ้าคะ ทราบว่า ท่านโทกุกาวะ นาริอากิแห่งแคว้นมิโตะไม่เห็นด้วยใช่มั้ยเจ้าคะ?"

ท่านนาริอาคิระหันมาตอบกับโอคัตสึแทนว่า "การแต่งงานเข้าไปในโอโอขุ รัฐบาลกำลังจะคุยกัน มีวิธีวิ่งเต้นให้สำเร็จก็แล้วกัน"

ท่านหญิงอัตสึได้ยินแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น

"แล้วก็เดือนพฤศจิกาปีก่อน ท่านอิเอซาชิก็ได้ขึ้นเป็นโชกุนคนที่13แล้ว และเปลี่ยนชื่อเป็นท่านอิเอซาดะไปพร้อมกัน"

"ท่านอิเอซาดะ.."
อัตสึได้ยินเพียงชื่อก็อมยิ้มแล้ว

"เร็วๆนี้ โออัตสึรู้ข่าวแล้วใช่มั้ย เรื่องเพอร์รี่กลับมาอีก"

"เจ้าค่ะ มาเร็วกว่าที่นัดไว้ ทำให้เอโดะปั่นป่วนกันใหญ่เจ้าค่ะ"

"แล้วรัฐบาลตกลงทำยังไงเจ้าคะ"
อิคุชิมะถาม

"ไม่ค้าขายตามที่เขาเสนอ แค่ส่งน้ำและอาหารอื่นๆให้เท่านั้น ใช้เมืองท่า2แห่งตามที่กำหนด"

"หมายความว่าเปิดประเทศรึเจ้าคะ"

"มันจะอยู่ที่จะช้าจะเร็วเท่านั้น ในที่สุดก็ต้องเปิดนั่นแหล่ะ แต่ทว่าแบบนี้เราก็ยังมีปัญหาอีกเยอะ"

"ถ้าเปิดกว้างกว่านี้ล่ะเจ้าคะ?"

"ข้าก็อยากจะให้เป็นอย่างนั้นซะเร็วๆ...แต่ก่อนเปิด จะต้องรวมพลังของประเทศเราให้เข้มแข็งเสียก่อน"


"พลังของประเทศ?" / "อึม"

"ท่านพ่อคนที่บ้านอิไมสุมิเป็นอย่างไรกันบ้างเจ้าคะ?"

คำถามนี้ท่านนาริอาคิระถึงกับหน้าขรึมขึ้นมาทันที และยังไม่ตอบอะไรกับอัตสึ

"ท่านพ่อเจ้าคะ!?" / "นึกแล้วว่าโกหกคนอย่างเจ้าไม่ได้หรอก"

"เกิดอะไรขึ้นรึเจ้าคะ"

"ทุกๆคนออกไปซะ!"

เมื่อทุกคนออกไป และประตูได้ปิดลงจนเหลือแค่ท่านนาริอาคิระกับท่านหญิงอัตสึเท่านั้น


ท่านนาริอาคิระถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า "ท่านทาดาตาเกะ ไปสวรรค์แล้ว"
"เมื่่อไหร่เจ้าคะ"


"..เมื่อวันที่27กุมภาที่ผ่านมา เพราะป่วยหนัก"

"ท่านพ่อว่า.. ว่ายังไงนะเจ้าคะ" / "วันที่27กุมภา"

"แล้วทำไม ท่านพ่อไม่รีบบอกข้าสักคำนึงล่ะเจ้าคะ"




"เพราะท่านทาดาตาเกะ สั่งเสียเอาไว้" / "สั่งเสียรึ?"

แล้วท่านนาริอาคิระก็เล่าถึงวันที่ท่านได้ไปเยียมท่านทาดาตาเกะให้โออัตสึฟัง

ท่านทาดาตาเกะ "สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะขอความกรุณาจากท่าน"

ท่านนาริอาคิระ "ข้าจะทำทุกเรื่องที่ท่านขอร้อง พูดมาสิ"

"ขอรับ..โอคัตสึ..ไม่สิ!..ท่านหญิงอัตสึ" / "เรียกโอคัตสึเถอะ"

"ขอรับ..ถึงแม้ข้าจะเป็นอะไรไป ท่านก็อย่าบอกโอคัตสึ...เท่านั้นขอรับ"

"เพราะอะไร!?"

"โอคัตสึตอนนี้อยู่ที่เอโดะ ท่ามกลางคนแปลกหน้าทั้งนั้น เพื่อจะทำหน้าที่สำคัญนัก ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆทุกวัน ก่อนที่งานสำคัญจะสำเร็จไปได้ จิตใจโอคัตสึจะต้องไม่ถูกรบกวน เพราะสิ่งเล็กน้อยเช่นเรื่องของข้า เขาจะต้องจดจ่ออยู่กับเส้นทางของตนเอง เท่านั้นขอรับ" ท่านทาดาตาเกะกล่าว

"เข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามที่ท่านขอ"

"ขอรับ" ท่านทาดาตาเกะยิ้มทันทีที่ท่านนาริอาคิระรับปาก



"ข้าน่ะทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับท่านทาดาตาเกะเสียแล้ว...โออัตสึ เจ้าคงเสียใจ แต่ว่า ที่สั่งไม่ให้บอกเพราะพ่อเค้าเป็นห่วงลูกสาวอย่างเจ้า แต่ถ้าข้ารู้เรื่องนี้แล้วไม่บอกล่ะก็ ใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว"

พูดจบท่านนาริอาคิระก็ลุกออกไปทันที และโออัตสึจึงค่อยๆร้องไห้ออกมาอยู่ในห้องนั้นคนเดียว

---------------

ที่สัทสุมะ ท่านอาจารย์โคมัทสึ คิโยมชิก็ขอให้โอชิคะไปจุดธูปให้

"ข้าจะบูชาให้ท่านทาดาตาเกะที่คิดถึงแต่สัทสุมะกับลูกสาว" / "ทราบแล้วเจ้าค่ะ"

------------------

ที่บ้านอิไมสุมิ นาโอโกโร่ก็ได้ไปไหว้ป้ายวิญญาณของท่านทาดาตาเกะ ซึ่งท่านโอยุกิก็นั่งอยูด้วย เมื่อนาโอโกโร่มองไปที่ป้ายวิญญาณก็มองเห็นกองหนังสือจำนวนหนึ่งวางไว้ที่หน้าป้าย จึงถามท่านโอยุกิ ซึ่งท่านโอยุกิก็บอกว่า "คือหนังสือที่โอคัตสึทิ้งเอาไว้ให้สามีข้าดูต่างหน้า แม้แต่นาทีสุดท้ายก่อนจะสิ้นลมเจาก็ยังนึกถึงตลอดเวลา"
.
"อย่างนั้นรึขอรับ"

"ตอนนั้นวันก่อนที่ท่านจะเสียน่ะ" แล้วท่านโอยุกิก็เล่าให้นาโอโกโร่ฟังว่า ท่านทาดาตาเกะพยายามออกไปที่ต้นคุโรนาเงะโมจิ โดยมีท่านโอยุกิและลูกชายคือทาดายุกิช่วยพยุงท่านออกไป ซึ่งท่านทาดาตาเกะก็เพ้อเหมือนมองเห็นโอคัตสึปีนอยู่บนต้นไม้


ท่านทาดาตาเกะมองขึ้นไปบนต้นคุโรนาเงะโมจิแล้วพูดว่า "โอคัตสึกำลังเล่นอยู่บนนั้น"

เมื่อท่านโอยุกิได้ยินก็มองหน้ากับทาดายุกิบุตรชาย

"อันตรายนะ โอคัตสึลงมาเร็วเข้า"

"
โอคัตสึนี่ซนจังเหมือนเด็กผู้ชายเลยนะเจ้าคะ"

"ลงมาเดี๋ยวนี้นะโอคัตสึ"
ทาดายุกิก็ตะโกนบ้าง

ท่านทาดาตาเกะพยายามจะพูดในขณะที่ร่างกายก็แทบยืนอยู่แทบไม่ไหวว่า

"ลูกสาวข้า ถึงจะไปอยู่ที่ไหน เปลี่ยนชื่อเป็นอะไร โอคัตสึก็ยังเป็นลูกสาวข้า"

"ถูกแล้วถูกแล้วเจ้าค่ะท่านพี่"

ท่านทาดาตาเกะก็วาดมือเป็นอักษรด้วยขีดเพียงขีดเดียว "เขียนด้วยเลขหนึ่ง อ่านว่าคัตสึ โอคัตสึ เป็นลูกสาวข้า"

แล้วท่านทาดาตาเกะก็หมดสติไปณ.ตรงนั้น ซึ่งเป็นวันก่อนที่ท่านจะเสียหนึ่งวัน

----------------------

โออัตสึไหว้พระของท่านแม่และหวนนึกถึงท่านพ่อทาดาตาเกะในวันเก่าๆที่เธอมีความสุข

ส่วนาโอโกโร่เมื่อได้ฟังเรื่องท่านทาดาตาเกะแล้ว ก็ออกมายืนมองที่ต้นคุโรนาเงะโมจิ...
ส่วนท่านหญิงอัตสึ เธอก็เดินออกมาเพื่อมองไปบนฟ้า



.
.

อ่านเจ้าหญิงอัตสที่รัก40
.

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คำขอร้องของพ่อ 38

atsuhime 38

อ่านatsuhimeที่รัก37



Ii naosuke

ท่านอี นาโอสุเกะ เป็นใหญ่และมีอิทธิพลในระดับชั้นของฟุไดไดเมียว ซึ่งผู้ที่อยู่ในบะขุฝุนั้นก็จะมาจากระดับชั้นฟุไดไดเมียวเท่านั้น

ส่วนท่านโทกุกาวะ นาริอากิแห่งมิโตะนั้นแม้มีอิทธิพลมากแต่ก็เป็นเพียงที่ปรึกษาพิเศษของท่านโชกุน และโดยตำแหน่งหน้าที่แล้วท่านนาริอากิแห่งมิโตะไม่ได้มีอำนาจโดยตรงในบะขุฝุไม่เหมือนท่านอี นาโอสุเกะ
.
เพราะท่านผู้เฒ่าแห่งมิโตะเป็นไดเมียวที่ใกล้ชิดเป็นญาติท่านโชกุนเท่านั้น เป็นชินแพนไดเมียว(shinpan daimyo) เป็นระดับไดเมียวที่มีสิทธิเป็นโชกุน ในกรณีที่โชกุนไม่มีทายาทก็จะเลือกจากตระกูลบ้าน3หลัง แต่ไม่มีอำนาจโดยตรงในบะขุฝุ

ส่วนท่านนาริอาคิระแห่งสัทสุมะก็อยู่ในระดับชั้นโทซามะไดเมียว(Tosama daimyo) ไม่ได้มีตำแหน่งในบะขุฝุโดยตรง ใกล้ชิดโชกุนเช่นกัน แต่มีจะหน้าที่รับคำสั่งจากท่านโชกุนในภาระกิจพิเศษ เช่นหน้าที่ตรวจสอบพวกฟุไดไดเมียวเป็นต้น

ส่วนท่านอาเบะเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของรัฐบาลทหารท่านโชกุน ที่มีแนวคิดเหมือนกับท่านนาริอาคิระแห่งสัทสุมะนั้น ท่านอาเบะเป็นคนที่สุขุมนุ่มนวลและเงียบๆ และประนีประนอมไม่ชนกับฝ่ายใดจนออกนอกหน้า

แม้ท่านอาเบะจะมีอำนาจมากในบะขุฝุก็ตาม แต่ท่านก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่จากบรรดาฟุไดไดเมียวในบะขุฝุเป็นหลัก

--------------------------

บทที่38

ท่านนาริอาคิระเมื่อได้รับคำสั่งจากเอโดะให้รีบเดินทางกลับ ท่านนาริอาคิระก็แวะไปเยี่ยมท่านทาดาตาเกะวึ่งกำลังป่วยถึงบ้านอิไมสุมิเสียก่อน


ท่านทาดาตาเกะแม้จะป่วยมากแต่เมื่อรู้ว่าท่านนาริอาคิระอุตส่าห์มาเยี่ยมก็รีบลุกจากที่นอนทันที "อุตส่าห์มาถึงนี้ แต่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับ ทาดาตาเกะขออภัยด้วยขอรับ" ซึ่งท่านนาริอาคิระก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ท่านนอนต่อไปเถอะ"

แหม!แม้จะป่วยยังไงมารยาทก็คือสิ่งสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ท่านทาดาตาเกะจึงไม่ได้นอนต่อแต่อย่างใด แถมยังเกรงใจท่านนาริอาคิระมากๆ

ท่านนาริอาคิระบอกว่า "ต้องรีบกลับเอโดะเลยมาเยี่ยมก่อน" ทาดายุกิเลยถามท่านเจ้าแคว้นว่า "ที่เอโดะมีปัญหาอะไรรึขอรับ" ซึ่งท่านเจ้าแคว้นจึงตอบวา "เรือเพอร์รี่กลับมาอีกแล้วล่ะ"

เมื่อท่านทาดาตาเกะรู้ว่าเรือเพอร์รี่มาอีก ท่านทาดาตาเกะก็รีบขอโทษท่านนาริอาคิระที่ภาระกิจที่ท่านนาริอาคิระเคยมอบหมายให้ตนคือการสร้างป้อมปราการและแท่นวางปืนใหญ่ที่ตนเองรับผิดชอบดูแล ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะตัวเองป่วยอยู่

ซึ่งท่านนาริอาคิระก็บอก"ไม่เป็นไร เพราะท่านทาดาตาเกะอุตส่าห์ทำงานให้จนล้มป่วย ข้าต้องขอขอบคุณมากกว่า" แล้วท่านนาริอาคิระก็ก้มหัวขอบคุณให้แก่ท่านทาดาตาเกะทันที (ช่างงดงามจริงๆครับวัฒนธรรมญี่ปุ่น)

ท่านนาริอาคิระมาก็เพื่อจะถามท่านทาดาตาเกะว่า "มีอะไรจากฝากหรือจะสั่งถึงโออัตสึมั้ย?" ท่านทาดาตาเกะบอกว่า "เรื่องของฝากไม่มีหรอก..ไม่มีขอรับ"

แล้วท่านทาดาตาเกะก็รีบถอยออกไปนั่งให้ไกลออกไปอีกหน่อย เพื่อทำการคุกเข่าในท่าเตรียมเคารพและพูดว่า "สิ่งเดียวเท่านั้น ที่จะขอความกรุณาจากท่านคือ....." (คืออะไรตรงนี้ละครเขายังไม่บอกต้องติดตามต่อไปครับ)

ซึ่งท่านนาริอาคิระก็รับปากว่าจะทำทุกอย่างที่ท่านทาดาตาเกะขอรัองแน่นอน..

------------------


ส่วนทางท่านหญืงอัตสึก็มองไปที่เครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงของสัทสุมะ"ชิโรสัทสุมะ"ในห้องพักของตน และก็บ่นว่าคิดถึงท่านพ่อที่อิไมสุมิให้อิคุชิมะฟัง เพราะท่านพ่อชอบเครื่องปั้นชนิดนี้มาก

แต่พอท่านหญิงนึกได้ว่าเผลอเรียกท่านพ่อผิดไปอีกแล้ว ชำเลืองมองไปที่อิคุชิมะ อิคุชิมะก็กำลังทำหน้าดุใส่อยู่ดพอดี ท่านหญิงก็รีบเรียกเสียใหม่ว่า ท่านทาดาตาเกะ ให้อิคุชิมะฟังทันที(เพราะไม่ได้นั่งอยู่กันในห้อง2ต่อ2แต่มีนางกำนัลนั่งอยู่อีกด้วยหลายคน)



----------------

กลับไปที่สัทสุมะอีกครั้ง นาโอโกโร่กำลังจะไปหาท่านไซโก แต่ท่านพ่อของนาโอโกโร่รีบเรียกไว้ก่อน นาโอโกโร่ตกใจนึกว่าท่านพ่อจะห้ามไม่ให้ไป แต่ท่านพ่อกลับส่งห่อผ้าห่อนึงให้นาโอโกโร่และบอกว่าให้เอาไปฝากให้ท่านไซโกด้วย ซึ่งก็คือห่อใส่เงินจำนวนหนึ่ง และท่านพ่อยังพูดต่ออีกว่า

"ได้ยินว่าไซโกจะไปเอโดะ บอกให้เขาเอาเงินไปใช้ระหว่างเดินทางนะ..ทำงานไม่ต้องแบ่งชนชั้นหรอก แค่นี้แหล่ะ ไปเร็วๆสิ" แล้วท่านพ่อก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้นาโอโกโร่ยืนงง ก่อนจะรีบตะโกนไล่หลังท่านพ่อ"ขอบพระคุณขอรับ!"

นาโอโกโร่ดีใจมากที่ท่านพ่อของตนเปิดใจและมีน้ำใจให้กับเพื่อนๆซามุไรระดับต่ำของตนแล้ว เมื่อนาโอโกโร่ได้นำเงินที่ท่านพ่อฝากไปให้ท่านไซโกแล้ว ท่านไซโกก็ดีใจเป็นที่สุด "ท่านพ่อท่านให้ข้ารึ...เป็นพระคุณเหลือเกิน"

แล้วนาโอโกโร่ก็ยังนำของขวัญของตนมอบให้ท่านไซโกอีกชิ้นหนึ่งด้วย

ท่านไซโก "ท่านคิโมสึกิและท่านพ่อของท่าน ช่างมีน้ำใจมากเหลือเกิน ไซโกคนนี้ขะถวายชีวิตทำงานให้ท่านทุกอย่างขอรับ"

ท่านโอคุโบะก็มีขอฝากให้เพื่อนตายตนนี้เหมือนกัน แต่ก็ออกตัวไว้ก่อนว่าของๆตนนั้นคงไม่มีค่าเหมือนของท่านคิโมสึกิ แต่ก็อยากจะให้ (ผมมองไม่ออกว่าเป็นอะไรครับ) เมื่อท่านไซโกรับของขวัญจากท่านโอคุโบะแล้วก็โผเข้ากอดท่านโอคุโบะทันที และท่านไซโกก็ร้องไห้และพูดว่า "ท่านโชสุเกะ ฝากด้วยนะ บ้านและน้องสาวของข้าน่ะ"

ท่านโอคุโบะก็ร้องไห้ "รู้แล้วน่า ข้าจะดุแลให้ รับรอง!"

นาโอโกโร่เห็นความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองคน ก็พลอยซาบซึ้งใจไปด้วย(น้ำตาคลอ!สะอื้นเหมือนเดิม)

--------------------------

หลังจากบะขุฝุได้ประชุมกันครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดรัฐบาลทหารก็ได้เจรจาต่อรองกับอเมริกาจนสำเร็จ เป็นผลให้ญี่ปุ่นกับอเมริกา ตกลงทำสนธิสัญญาทางการค้ากัน โดยให้เปิดเมืองท่า2เมืองคือเมืองชิโมดะกับเมืองฮาโกดาเกะ นี่คือจุดเริ่มต่นของเส้นทางการเปิดประเทศของญี่ปุ่น

ผู้ลงนามฝ่ายอเมริกาก็คือ นายพลเรือจัตวาแมททิว ซี เพอร์รี่(M.C.Perry) ฝ่ายญี่ปุ่นก็คือท่านอาเบะ มาซาฮิโร่

และในช่วงระหว่างการเดินทางมาเอโดะ ข่าวการลงนามกับอเมริกาก็ไปถึงท่านนาริอาคิระและไม่เพียงแต่ข่าวจากเอโดะเท่านั้น ท่านนาริอาคิระก็ยังได้รับข่าวด่วนจากสัทสุมะอีกด้วย เมื่อท่านได้อ่านจดหมายจากสัทสุมะ

"หา!..ไปสวรรค์แล้วรึ"

--------------------

หลังจากนั้นอีกหลายวันท่านนาริอาคิระก็เดินทางมาถึงเมืองเอโดะ และพออัตสึทราบข่าวว่าท่านพ่อมาถึงก็รีบมุ่งหน้าจะไปต้อนรับท่านพ่อทันที แต่ก็ถูกโอโนะชิมะออกมาห้ามไว้ก่อน โดยโอโนะชิมะอ้างว่า ท่านไม่อยู่หลายวันจึงมีงานกองโตรออยู่มากมาย หากจะพบท่านก็ต้องรอถึงวันมะรืน เพราะท่านจะให้ครอบครัวพบปะที่ห้องส่วนใน

---------------

ในวันแรกที่ท่านนาริอาคิระมาถึง ท่านก็ได้แวะมาพูดคุยกับท่านผู้หญิงฮิสะก่อน โดยที่ท่านหญิงฮิสะก็เล่าว่าท่านหญิงอัตสึมานั่งเฝ้ารอพบท่านผู้หญิงอยู่หลายวัน เมื่อท่านนาริอาคิระได้ฟังแล้วก็หัวเราะและบอกว่า อัตสึเป็นคนอย่างนั้นเอง แล้วท่านผุ้หญิงก็ถามท่านนาริอาคิระว่า

"ข้าไม่เข้าใจว่าท่านเลือกมาได้ยังไง ช่างเป็นคนไม่เจียมตัวซะเลย เป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกไม่ใช่รึเจ้าคะ ใฝ่สูงถึงกับอยากจะไปเป็นมิไดโดโกโระเชียวนะ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก"

"ขั้นตอนยุ่งยามากมายก็จริง แต่พวกผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็กำลังพิจารณากันอยู่"

"แต่ว่าท่านนาริอากิที่ปรึกษาแห่งแคว้นมิโตะก็คัดค้าน ท่านโชกุนก็ไม่สนใจที่จะใช้อำนาจดำเนินการ ได้ยินมาว่าอย่างนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ การเลี้ยงผู้หญิงคนนั้นไว้ในบ้านก็ไม่มีประโยชน์นะเจ้าคะ"


เมื่อท่านนาริอาคิระได้ฟังภรรยาเอกพูดเช่นนี้แล้ว ท่านก็เหนื่อยหน่ายใจ จนไม่อยากจะพูดอะไรต่อ จึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป แต่พอจะก้าวออกจากห้อง ท่านกลับหยุดแล้วหันมาพูดทิ้งท้ายกับท่านผู้หญิง

"ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ว่ามันทิ่มแทงใจเจ็บนัก!" แล้วท่านก็เดินออกไปทันที

คนเราเป็นผัวเป็นเมียกันไม่ว่าที่ไหนในโลกก็ตาม แม้อุปสรรคของงานข้างนอกจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน สามีแม้จะเก่งสักปานใด ก็ยังอยากจะได้กำลังใจและข้อคิดดีๆจากภรรยาอยู่ดี

คำพูดที่เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดก็มาจากคนที่บ้าน และคำพูดที่ทำให้ท้อใจเสียใจมากที่สุดก็จากคนที่บ้านเช่นกันครับ

--------------------------

แล้วก็ถึงวันที่ท่านนาริอาคิระให้คนในครอบครัวเข้าพบได้ที่ห้องรับรองส่วนใน
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก39


.
.

ผู้ติดตาม