อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(19)
อิคุชิมะ ถูกเชิญมาเพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงของโอคัตสึโดยเฉพาะ มาฝึกโอคัตสึให้ได้สมกับการเป็นท่านหญิงสายตรงแห่งตระกูลชิมะสึให้ได้
เมื่ออิคุชิมะมาถึงก็เริ่มสอนในทุกๆเรื่องที่หญิงสูงศักดิ์ควรประพฤติปฏิบัติทันที ตั้งแต่เรื่องการนั่งที่ถูกต้อง การพูดการจา จะพูดจาใดๆทุกคำพุดต้องชัดเจน
"ยืดตัวให้ตรงๆนะเจ้าคะ... บุคคลผู้สูงศักดิ์ต้องไม่พูดเสียงต่ำในลำคอ เหมือนพึมพำอยู่กับตัวเองอยู่เพียงคนเดียว"
"เพราะอะไรล่ะ" / "ชัดๆและหนักแน่น"
"เพราะอะไร!!" โอคัตสึตะเบ็งสู้
"พวกบริวารจะได้ไม่ย้อนถามว่า 'เอ๊ะ' เพราะไม่ได้ยิน อีกอย่าง ถ้าออกเสียงคลุมเครือ คนฟังจะไม่เข้าใจหรือทำให้ความหมายผิดจนเกิดเรื่องเดือดร้อนได้" / "เสียงดังจังเลย" โอคัตสึบ่น
"นอกจากนี้การบ่นพึมพำก็ห้ามเหมือนกัน.. ต่อไปวิธีการพูดของท่านหญิงจะต้องแก้ไขใหม่ทั้งหมด ห้ามหลุดปากพูดโดยไม่ตั้งใจ อย่าพูดพล่อยๆเพราะจะทำให้บ่าวไพร่ไม่เชื่อถือศรัทธานะเจ้าคะ.. นั่งตรงๆ!!เจ้าค่ะ"
นี่แค่เริ่มต้นของการสอนเรื่องขนบแก่โอคัตสึเท่านั้น นอกจากนี้อิคุชิมะก็สอนทั้งศิลปการวาดรูป สอนเล่นดนตรีเครื่องสายโคโตะด้วย แม้กระทั่งศิลปการต่อสู้เช่นฟันง้าวก็ยังอุตส่าห์สอนด้วยเช่นกัน
การเรียนของโอคัตสึเป็นไปด้วยความน่าเบือเพราะอิคุชิมะเข้มงวดแบบสุดๆ จนโอคัตสึต้องระบายความอัดอั้นกับชิโนะฟัง เมื่อตอนล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำ
"ทนไม่ได้แล้วผู้หญิงอะไรพูดมากจริงๆ เสียงก็ดังแสบแก้วหู รบกวนประสาทจริงๆเชียว"
"แต่ว่าทั้งหมดนั่นก็เพื่อตัวของท่านหญิงเองนะเจ้าคะ" ชิโนะ
"พบกันครั้งแรกข้าก็รู้สึกว่าไม่ถูกชะตากับอิชิมะเอาซะเลย"
จนกระทั่งในวันหนึ่งอิคุชิมะได้ถามคำถามสำคัญคำถามนึงขึ้นมา
"ขออภัย ที่ข้าจะต้องถามว่าพี่เลี้ยงของท่านหญิงเป็นคนมีชาติตระกูลชั้นใดเจ้าคะ"
โอคัตสึค่อนข้างตกใจกับคำถามนี้ และได้หยุดคิดถึงเหตุการณ์ที่คิขุโมโตะฆ่าตัวตาย และคำพูดที่ท่านแม่เคยกำชับให้ฟังว่า "คิขุโมโตะน่ะ ตายเพราะไม่อยากให้ใครจับได้ว่าเลี้ยงเจ้ามา"
โอคัตสึจึงจำเป็นต้องตอบอิคุชิมะไปว่า "เรื่องนั้นข้าไม่รู้รายละเอียดหรอก"
"ถ้าเช่นนั้น ท่านผู้นั้นมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองใดเจ้าคะ"
"จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา!"
"ขอประทานอภัย ภาษาพูดของท่านหญิงติดสำเนียงของชาวบ้านในสัทสุมะ คงเป็นเพราะติดเสียงเพี้ยนมาจากคนดูแลท่านหญิงถูกไหมเจ้าคะ"
"สำเนียงสัทสุมะไม่ดีตรงไหนเหรอ!!"
"ถ้าไปอยู่ในคุ้มเจ้าแคว้นอื่น โดยเฉพาะที่อยู่ในเอโดะด้วยกัน สำเนียงเพี้ยนจะทำให้บ่าวไพร่ไม่นับถือไม่เชื่อฟัง เข้าสังคมกับตระกูลไดเมียวอื่นๆไม่ได้เจ้าค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ไปแต่งงาน!! ไม่ไปเอโดะด้วย!! มันก็คงไม่เป็นไรหรอก"
"ท่านหญิง!! ยังไงๆท่านก็แก้สำเนียงการพูดให้ได้เจ้าค่ะ ขออภัยอีกครั้ง ต่อไปนี้ท่านต้องเลียนสำเนียงของอิคุชิมะให้เหมือน และลืมภาษาและสำเนียงสัทสุมะให้หมด โดยเร็วที่สุดนะเจ้าคะ"
"เริ่มเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้เป็นความประสงค์ของท่านเจ้าแคว้นเจ้าค่ะ"
โอคัตสึกำลังจะเดินออกไปโดยจะไม่เรียน แต่เมื่ออิคุชิมะยกเอาท่านเจ้าแคว้นขึ้นมาอ้าง โอคัตสึก็จำใจที่จะต้องกลับไปเรียนอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
ทีนี้เรากลับมาดูที่คำถามของอิคุชิมะที่ผ่านมาเมื่อกี้ ที่ถามถึงว่า ใครเป็นพี่เลี้ยงของโอคัตสึมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งจากคำถามนี้ยิ่งทำให้เราได้เข้าใจเหตุผลที่ว่า ทำไมคิขุโมโตะถึงได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อโอคัตสึ มากขึ้นนั่นเองครับ
แล้วการฝึกก็ดำเนินต่อไป โอคัตสึก็พัฒนาขึ้นบ้างแต่ยังไม่ถึงที่สุดเพราะเธอยังรู้สึกต่อต้านในตัวอิคุชิมะนั่นเอง
-------------------------
จำฮิโรกาวะได้มั้ยครับ ฮิโรกาวะ ก็คือหัวหน้านางกำนัลแห่งปราสาทที่เคยเข้มงวดกับโอคัตสึในช่วงแรกที่โอคัตสึเข้ามาในปราสาท แต่ตอนนี้เมื่อมีอิคุโมโตะมารับหน้าที่ในการเคี่ยวเข็ญโอคัตสึแทนแล้ว ฮิโรกาวะก็เหมือนได้ถอดหัวโขนดุๆออกไป และกลับกลายเป็นฮิโรกาวะที่ใจดีกับโอคัตสึเข้ามาแทน
วันหนึ่งอิคุชิมะต้องเข้าเมืองเพื่อไปเตรียมงานเรื่องการต้อนรับท่านเจ้าแคว้นที่กำลังจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน โอคัตสึได้ถามถึงประวัติของอิคุชิมะกับฮิโรกาวะ ซึ่งฮิโรกาวะก็ได้เล่าว่า
อิคุชิมะเคยเป็นคนสนิทของท่านหญิงอิคุพี่สาวของท่านนาริอาคิระ และเมื่อท่านหญิงอิคุไปแต่งงานกับท่านเสนาขวาโคโนเอะ ทาดาฮิโระ อิคุชิมะก็ติดตามไปอยู่ที่เกียวโตด้วย ต่อมาเมื่อท่านหญิงอิคุเสีย ท่านโคโนเอะก็ขอร้องให้อิคุชิมะอยู่ที่เกียวโตต่อไป
------------
และในที่สุดท่านนาริอาคิระก็ได้กลับมาถึงสัทสุมะ ท่านนาริอาคิระได้ถามอิคุชิมะว่าโอคัตสึเป็นยังไงบ้าง อิคุชิมะก็ตอบตรงๆไปว่า "ไม่เคยเห็นใครแก่นเหมือนเด็กผู้ชายเท่านี้มาก่อน" (ท่านอาจารย์คิโยมิชิก็นั่งฟังอยู่ก็ยังอดขำไม่ได้)
แต่อิคุชิมะพูดคุยกับท่านเจ้าแคว้นไม่ทันไร ก็ถึงกับต้องหน้าตาถอดสีเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งดังมาแต่ไกล และก็ไม่ผิดคาด เสียงวิ่งดังสนั่นนั้นก็คือเสียงวิ่งของท่านหญิงโอคัตสึจอมแก่นนั่นเอง จนอิคุชิมะก็ต้องรีบตักเตือนทันทีเช่นกัน "อยู่ในปราสาทห้ามวิ่งนะเจ้าคะ"
เมื่อพบกับท่านนาริอาคิระเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ามาอยู่ที่ปราสาท แต่โอคัตสึก็ยังเรียกท่านนาริอาคิระว่า ท่านเจ้าแคว้นอยู่แบบเดิม
และเมื่อโอคัตสึหันไปเจอท่านอาจารย์คิโยมิชินั่งอยู่ด้วย ก็ทักทายว่า "ท่านอาจารย์ ยินดีที่กลับมาเจ้าค่ะ" ซึ่งเมื่อได้ยินคำทักทายแบบนั้น ท่านอาจารย์คิโยมิชิก็ต้องบอกกับโอคัตสึทันทีว่า "โปรดอย่าเรียกข้าว่าท่านอาจารย์ เพราะว่าตอนนี้ข้าเป็นข้ารับใช้ในบ้าน"
และท่านนาริอาคิระก็รีบพูดต่อจากท่านอาจารย์คิโยมิชิว่า "อย่าเรียกท่านเจ้าแคว้น ต่อไปให้เรียกว่าพ่อ" ซึ่งโอคัตสึบอกว่ายังเขิน แต่ท่านนาริอาคิระบอกว่า "ข้ากับเจ้าเป็นพ่อลูกกันแล้วนะ" โอคัตสึก็เลยเรียกท่านพ่อตามคำขอทันที
และท่านนาริอาคิระก็ได้ตั้งชื่อให้กับโอคัตสึใหม่ นั่นก็คือชื่อ "อัตสึ"
"จากสมัยโชกุนคนที่1 มีรายชื่อบรรพบุรุษของข้าบันทึกไว้ในทำเนียบราชสกุลและภรรยาโชกุน ท่านที่ได้เป็นภรรยาโชกุนชื่อท่านหญิงโทกุ อักษรชื่อนี้เป็นมงคล ข้าจึงเอามาตั้งให้เจ้าเป็นท่านหญิงอัตสึตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โออัตสึ "
------------------------------
และในคืนวันแรกที่ท่านนาริอาคิระมาถึง อิคุชิมะก็เข้าไปขอให้ท่านนาริอาคิระทบทวนใหม่เรื่องที่จะรับโอคัตสึมาเป็นท่านหญิงสายตรงของตระกูล
.
"ให้คิดดูใหม่หมายความว่าอะไร?" ท่านนาริอาคิระไม่เข้าใจที่อิคุชิมะถาม
.
"ที่ท่านเรียกข้ามาไม่ทราบว่ามีจุดประสงคฺใดเจ้าคะ" / "จุดประสงค์เหรอ?"
"ท่านหญิงเจ้าค่ะ! ท่านได้กำหนดไว้ว่าจะให้ท่านหญิงไปแต่งงานกับใครใช่มั้ยเจ้าคะ"
"ยังไม่ได้กำหนดหรอก เพราะตอนนี้ยังส่งไปไหนไม่ได้ ก็เลยต้องเรียกเจ้ามายังไงล่ะ"
"ต้องขออภัยอีกครั้ง ไม่ทราบว่าทำไมท่านถึงรับท่านหญิงมาเป็นธิดาทั้งที่เป็นอย่างนี้ นิสัยของนางไม่เหมาะที่จะเป็นท่านหญิงสายตรงของตระกูลชิมะสึ ก็แค่ชอบอ่านหนังสือที่เป็นประวัติศาสตร์และใฝ่เรียนเท่านั้นเอง"
"จุดนั้นแหล่ะ ทำให้เขาเป็นท่านหญิงที่น่าสนใจ"
"ถ้าจะส่งกลับไปอยู่ที่เดิม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้ คิดใหม่อีกทีจะดีมั้ยเจ้าคะ"
"ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่ว่าอิคุชิมะเจ้าก็ได้ทำงานมา25ปีแล้ว เพื่อค้ำจุนท่านหญิงอิคุพี่ข้า กับพวกโคโนเอะให้อยู่อย่างมั่นคงตลอดมาจนบัดนี้ไม่ใช่เหรอ"
"แต่ว่าท่านหญิงอิคุน่ะ ไม่ใช่แบบนี้ ท่านหญิงอิคุ เป็นท่านหญิงที่ล้ำเลิศหาที่เปรียบมิได้เลยนะเจ้าคะ"
ท่านนาริอาคิระเองก็รู้สึกลำบากใจเหมือนกัน ที่อิคุชิมะไม่ค่อยเห็นด้วยและไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงได้เลือกที่จะรับโอคัตสึมาเป็นลูก แต่ท่านก็ยังพูดต่อไปว่า
"อิคุชิมะ ตอนนี้ข้าต้องขอแรงเจ้าให้ช่วยฝึกโอคัตสึให้ข้าหน่อยจะได้มั้ย เจ้าจะไม่ผิดหวังเลย ข้าก็พูดได้แค่นี้แหละ"
"ข้านึกแล้ว ว่าท่านจะใช้นางไปแต่งงานใช่มั้ยเจ้าคะ"
"ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้" แล้วท่านนาริอาคิระก็หยุดนิ่งและหันหน้าไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไรต่อ ทำให้อิคุชิมะเริ่มเข้าใจถึงความลำบากใจของท่านนาริอาคิระขึ้นมา จึงไม่เคี่ยวเข็ญถามอะไรต่ออีก นอกจาก
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ อิคุชิมะคนนี้จะทุ่มเทจนหมดใจเจ้าค่ะ" แล้วก็ก้มหัวลงเคารพต่อท่านเจ้าแคว้น
"เจ้าพูดดีมาก ขอบใจนะ"
"นี่คงเป็นงานที่หนักหนาสาหัสนัก"
ยังจำได้มั้ยครับ วิถีบูชิโดต้องเชื่อใจนายเสมอ อิคุชิมะเองแม้จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องโอคัตสึก็ตาม แต่ในเมื่อนายสั่งและขอร้องถึงขนาดนี้แล้ว วิถีบูชิโดก็มีในสายเลือดแห่งสตรีเช่นกัน อิคุชิมะจึงน้อมรับและจะปฏิบัติตามคำสั่งนายอย่างเต็มที่ทันที
---------------------------
ขณะเดียวกันทางเอโดะก็เกิดเรื่องสำคัญใหญ่หลวงขึ้น หลังจากเรือดำของอเมริกามาเทียบท่าที่เอโดะได้ไม่นาน ท่านโชกุนอิเอโยชิก็เสียชีวิตลงกระทันหัน แต่ลูกชายคนเดียวของท่านโชกุนคือท่านอิเอซาชิก็ติงต๊องพอที่จะพูดว่า
"ถ้าไขลานท่านพ่อได้จะเป็นไงนะ?" / "ไขลานรึขอรับ?" ท่านอาเบะงง!
"ถ้าไขลานได้ ท่านพ่อก็จะเคลื่อนไหวได้ เหมือนกันกับตุ๊กตาไขลาน แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ประเทศเราก็คงจะเหมือนเดิม ตัวข้าก็ไม่ต้องมาสืบทอดตำแหน่งโชกุนอะไรนั่นต่อ ใช่มั้ยล่ะ... ใช่มั้ยอาเบะ!"
.
(ตุ๊กตาไขลาน เป็นของเล่นสะสมของพวกไดเมียว ในที่นี้ใช้คำว่า Karakuri NinGyou หมายถึงตุ๊กตาที่มีกลไกไขลาน เริ่มมีในสมัยศตวรรษที่18 ซึ่งมีกลไกภายในมากมาย )
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก (21)
.
"newakecityเขียน
.ใหม่เมืองเอกจงเจริญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com