อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(26)
.....................เมื่อครั้งแรกที่โอคัตสีถือของฝากเป็นปลาไปเยี่ยมที่บ้านโอคุโบะ
จบเมื่อบทที่แล้วโออัตสึก็ถูกขอร้องให้ไปแต่งงานกับบุคคลที่สูงสุดของโทกุกาว่า หากเรามองแบบสิทธิมนุษยชนหรือสิทธิสตรีในยุคนี้ ก็อาจมองว่าคลุมถุงชนชัดๆ
แต่นั่นคือยุคสมัยนั้น เพราะแต่ละยุคสมัยย่อมเห็นความสำคัญในหลายๆเรื่องแตกต่างกันไป
ฉะนั้นจงมองวัฒนธรรมผู้อื่นด้วยใจเคารพ เพราะเราไม่ได้เกิดในยุคนั้น ย่อมไม่มีทางเข้าใจความคิดของผู้คนในอดีตได้อย่างถ่องแท้
สมัยนี้คนเราอาจมองว่าต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ยุคของเรามีความสุขจริงหรือที่พยายามแสวงหาสิทธิเสรีภาพมากมาย
คนยุคนั้นยึดถือว่าหน้าที่สำคัญ ความกตัญญูสำคัญ เรื่องประเทศชาติสำคัญกว่าเรื่องสิทธิเสรีภาพของตนเอง
ผู้คนยุคนั้นเขาคิดแบบนั้น เขาก็มีความสุขในความคิดแบบนั้นในยุคของเขา
ที่แน่ๆ ยุคโบราณที่คนในยุคสมัยใหม่แบบเรา อาจมองว่ายุคนั้นมีแต่พวกแบ่งชนชั้น เราอาจมองยุคแบบนั้นว่าไม่ดีเท่าไหร่ เพราะไร้สิทธิเสรีภาพมากมาย แต่ยุคของเราล่ะเรามีความสุขกว่ายุคนั้นจริงหรือไม่ หรือว่าเรากลับทุกข์มากกว่ายุคของพวกเขาเสียอีก ฝากไว้ให้คิดครับ!!
************************
ช่วงระหว่างบทเรียนที่เข้มงวด ในตัวอัตสึเองก็มีอะไรๆหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นั่นเป็นเพราะอัตสึรู้เป้าหมายแล้วว่า ทำไปเพื่ออะไร แต่ที่แน่ๆเธอไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเป็นหลัก
อิคุชิมะได้สอนความเป็นหญิงชั้นสูงมากมายอย่างที่เคยเกริ่นไว้ในบทที่ผ่านมา แต่คราวนี้อัตสึทำได้ดีจนน่าพอใจในสายตาของอิคุชิมะ มีการสอนเรื่องหนึ่งที่อิคุชิมะสอนอัตสึซึ่งเป็นการปูพื้นฐานในการดำเนินเรื่องต่อไป ก็คือ การสอนเรื่อง บ้านทั้ง3 และเจ้านายทั้ง3 ซึ่งทุกบ้านล้วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลโชกุนทั้งนั้น
"บ้านทั้ง3นั้นก็คือโอวาริ คิอิ มิโตะ แล้วก็ทายาสุ ฮิโตสึบาชิ และชิมะสึ นั่นหมายถึงเจ้านายทั้ง3 ทราบมั้ยว่าพวกเขามีหน้าที่อะไร"
"ในเวลาที่โชกุนไม่มีทายาทสืบทอดก็จะขอบุตรจากบ้านึงมาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อสืบทอดสายเลือดของโทกุกาวะไม่ให้ขาดช่วง" โออัตสึตอบอย่างฉะฉาน
"แล้วรัฐบาลโชกุนที่มีอำนาจควบคุมไดเมียวเป็นจำนวนมากนั้น เพราะมีเคล็ดลับอะไร?"
ทีนี้อัตสึตอบไม่ได้ อิคุชิมะเลยอธิบายว่า "สับเปลี่ยนการปกครองกันอยู่เสมอ ว่ากันว่าเพื่อไม่ให้ผู้ใดหยั่งรากลึกที่ไหนนานเกินไป เรื่องนี้ท่านอาจารย์โอกิว ซาราอิ ได้กล่าวเปรียบเทียบเอาไว้ว่าให้นักรบเป็นเพียงแค่ไม่กระถาง"
โออัตสึรู้สึกทึ่งในความรู้ของอิคุชิมะอย่างมาก แต่ในระหว่างการสอนเรื่องโชกุนอยู่ ทากายามะ แอบกระซิบถามฮิโรกาวะว่า "ทำไมถึงได้สอนแต่เรื่องโชกุนตลอด?" ฮิโรกาวะก็เลยกระซิบตอบไปเล่นๆว่า "สงสัยจะให้ไปแต่งงานโชกุนล่ะมั้ง?" แต่อิคุชิมะได้ยินเข้าเลยหันมาดุทั้งสองคนทันทีว่า
"หุบปากเดี๋ยวนี้ ถ้าต้องเป็นเจ้าสาว ไม่ว่าจะของไดเมียวบ้านไหนก็ตาม ถ้าไม่มีความรู้แยกแยะอะไรให้ได้แล้ว จะทำยังไง"
ทั้งฮิโรกาวะ และทากายามะ กับนางกำนัลที่นั่งอยู่ทุกคนรีบขอโทษอิคุชิมะทันที
เมื่ออยู่กันสองต่อสองแล้ว อัตสึซึ่งกำลังหัดชงชา ก็เลยถามอิคุชิมะว่า "ยังต้องปิดเป็นความลับใช่มั้ย" อิคุชิมะก็ตอบว่า "จนกว่าจะถึงวันไปเอโดะจึงต้องเก็บงำเรื่องนี้ไปก่อน"
และโออัตสึก็ยังจะถามถึงเรื่องท่านอิเอซาชิกับอิคุชิมะอีก แต่อิคุชิมะก็ต้องแกล้งตอบไปว่า "ไม่รู้เจ้าค่ะ"
--------------
ท่านนาริอาคิระได้เรียกท่านทาดาตาเกะ(พ่ออัตสึแท้ๆ) มาบอกถึงเรื่องที่จะส่งอัตสึไปแต่งงานกับท่านอิเอซาชิว่าที่โชกุนคนที่13 ซึ่งท่านพ่อก็กลับไปเล่าให้ท่านแม่โอยุกิฟังเช่นกัน และท่านแม่ก็เลยถือโอกาสเล่าให้ท่านพ่อฟังว่า สมัยตั้งครรภ์โออัตสึอยู่ท่านแม่เคยฝันว่ามีพระมาบอกว่า ต้องส่งอัตสึไปเอโดะให้ได้ ซึ่งท่านพ่อก้เพิ่งจะรู้เรื่องความฝันของท่านแม่เป็นครั้งแรก
ท่านพ่อ "มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ"
ท่านแม่ "หรือว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นเด็ก.. ที่ฟ้าส่งมาให้อยู่กับเราเป็นการชั่วคราวก็ได้นะ"
"อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ เอโดะเหรอ ไกลมากเชียวนะ" / "นั่นสิคะ ไกลมากจริงๆ"
ความรู้สึกของท่านพ่อท่านแม่ยิ่งอ้างว้างมากขึ้นทุกทีๆ แต่ท่านนาริอาคิระก็ได้บอกท่านพ่อไว้แล้วว่า วันที่จะส่งอัตสึไปเอโดะจะอนุญาตให้ครอบครัวอิไมสุมิได้พบอัตสึอีกครั้ง
ส่วนท่านพี่คนที3ผู้ปากมากของโออัตสึ ทาดายุกิก็ทนแอบรู้แอบฟังเรื่องอัตสึจะไปเป็นมิไดฯไว้คนเดียวไม่ได้ ก็ต้องไปเล่าให้นาโอกโร่ฟังจนได้
"เรื่องนี้อย่าบอกใครอีกนะ นาโอโกโร่ ข้าน่ะความจริงเป็นคนที่อดทนมากๆ แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันทำให้ข้าอัดอั้นใจจนแทบตะโกนออกมา แต่ข้าก็ทำไม่ได้..ก็ได้แต่คุยกับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นแหล่ะ เพราะเห็นเจ้าเป็นคนที่ไม่พูดมากด้วยน่ะ"
ส่วนนาโอโกโร่เมื่อได้รู้เรื่องอัตสึจะไปเป็นท่านผู้หญิงอันดับหนึ่งแล้ว ทำให้นาโอโกโร่หวนไปนึกถึงคำพูดของโออัตสึในอดีตที่เคยพูดว่า "ข้าน่ะอยากจะเป็นภรรยาของชายที่ดีเลิศในสายตาข้า เป็นยอดบุรุษแห่งญี่ปุ่น" ซึ่งนาโอโกโร่ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า ยอดบุรุษแห่งญี่ปุ่นน่าจะเป็นท่านโชกุนนั่นเอง
-----------------
ส่วนข่าวที่ท่านโชกุนอิเอโยชิสิ้นแล้วที่รัฐบาลทหารพยายามปกปิด ก็ได้มีการลือออกไปด้วยการขายแผ่นปลิวหรือหนังสือพิมพ์ในสมัยก่อนจนทั่วญี่ปุ่น
การปรึกษากันระหว่างท่านอาเบะ ท่านนาริอากิเจ้าแคว้นมิโตะ และท่านโยชินางะ (ทั้งหมดอยู่ฝ่ายเดียวกับท่านนาริอาคิระ แต่ท่านนาริอากิดูจะมีอำนาจมากที่สุดเพราะใกล้ชิดโชกุน เพราะเป็นโทกุกาวะเหมือนกัน) เกี่ยวกับเรื่องข่าวโชกุนเสียชีวิตที่แพร่ออกไป สร้างความลำบากใจให้กับท่านเจ้าแคว้นมิโตะมาก
เพราะรัฐบาลทหารพยายามถ่วงเวลาการพิธีศพไว้เพราะยังไม่อยากให้ท่านอิเอซาชิขึ้นเป็นโชกุนในตอนนี้ เพราะท่านเจ้าแคว้นมิโตะ(โทกุกาวะ นาริอากิ)กลัวว่าหากจะต้องรบกับอเมริกาจริง โชกุนก็จะต้องเป็นคนที่ถูกหาว่าปัญญาอ่อนอย่างท่านอิเอซาชิเป็นแน่ ซึ่งไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่สำหรับสถานการณ์ตอนนี้
แต่ท่านอาเบะก็ได้เสนอวิธีแก้ไขว่า "สำหรับเรื่องนั้น เพื่อให้ท่านอิเอซาชิทำงานให้ดีได้นั้น คิดว่าจำเป็นต้องรับท่านผู้หญิงคนใหม่เข้ามาแล้ว"
ท่านโยชินางะ "โอว..นั่นอาจะเป็นวิธีที่ได้ผลก็ได้นะ"
ท่านนาริอากิ "แน่ในรึว่าจะได้ผลน่ะ หลังจากแต่งงานใหม่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างรึเปล่า อย่าลืมว่านี่คือท่านอิเอซาชินะ!!"
-------------------
นาโอโกโร่คิดทบทวนเรื่องที่อัตสึจะต้องไปเอโดะ ด้วยการกลับไปที่ๆทั้งนาโอโกโร่กับอัตสึชอบมาเที่ยวกันเป็นประจำ นั่นก็คือ ที่ๆสามารถมองทิวทัศน์ของซากุระจิมะได้สวยที่สุด เมื่อนาโอโกโร่หยิบเครื่องรางที่เคยแลกกันกับโออัตสึออกมาดูแล้ว ก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
แล้วนาโอโกโร่ก็ไปหาท่านอาจารย์คิโยมิชิ(โคมัทสุ คิโยมิชิ)ทันที เมื่อนาโอโกโร่กำลังจะบอกในสิ่งที่ต้องการให้อาจารย์ช่วย แต่ไม่ทันจะได้พูด ท่านไซโกกับท่านโอคุโบะก็มารอขอพบท่านอาจารย์เช่นกัน ทำให้ท่านอาจารย์เลยลืมเรื่องนาโอโกโร่ไป ส่วนนาโอโกโร่ก็เกิดอาการผิดหวังขึ้นมาที่ไม่ได้พูดเรื่องสำคัญของตน
เพราะท่านไซโกกับท่านโอคุโบะตกปลาหมึกได้เลยเอามาฝากท่านโคมัทสึเพื่อเป็นการขอบคุณที่เมื่อวันก่อน ท่านโคมัสึได้ช่วยเล่าเรื่องความคิดท่านเจ้าแคว้นให้ฟัง แล้วท่านโคมัทสึก็็ชวนทุกคนเข้าไปคุยกันในบ้านต่อ ที่จริงท่านไซโกกับท่านโอคุโบะก็เกรงใจอยู่ แต่ท่านโคมัทสึก็บอกไม่เป็นไรเข้ามเถอะ (นาโอโกโร่ก็เซ็งนิดๆกลัวไม่ได้เล่าเรื่องสำคัญของตัวเอง)
เมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว ก็พูดคุยเรื่องปลาไปบ้าง ท่านไซโกพอจะมองออกว่านาโอโกโร่น่าจะมีเรื่องจะคุยกับท่านอาจารย์ แต่ไม่ทันที่นาโอโกโร่จะได้เอ่ยอะไรขึ้น โอชิคะก็เดินมาพอดี ผมชอบตรงมารยาทของท่านไซโกกับท่านโอคุโบะมาก เพราะเมื่อโอชิคะเดินมาถึง ท่านไซโกกับท่านโอคุโบะก็รีบหันมาพูดว่า "ต้องขอโทษที่มารบกวนขอรับ"
ที่โอชิคะมาก็เพื่อจะมาขอบคุณเรื่องปลาหมึกที่ท่านไซโกกับท่านโอคุโบะนำมาฝาก (ผมล่ะชอบจริงๆเลยเรื่องวัฒนธรรมการขอบคุณของคนญี่ปุ่นเนี่ย)
ท่านโคมัทสึเลยบอกให้น้องสาวปรุงเครื่องหอมเพื่อเป็นการต้อนรับทุกคน ซึ่งโอชิคะมีฝีมือเรื่องการปรุงเครื่องหอมมาก โออัตสึก็เคยมาชื่นชมเครื่องหอมโอชิคะหลายครั้งเช่นกัน
แต่คราวนี้โอชิคะได้ปรุงเครื่องหอมดมกลิ่นเพื่อเสี่ยงทายซึ่งจะทำนายได้ และให้ท่านไซโก ท่านโอคุโบะ และนาโอโกโร่ก็ลองเสี่ยงทายดมกลิ่นดู (นาโอโกโร่ก็ยังกังวลเรื่องที่ตนอยากบอกท่านอาจารย์อยู่)
โอชิคะ "พอดีใกล้เทศกาลฮานาบาตะแล้ว ข้าก็เลยลองปรุงเครื่องหอมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลดู ก่อนอื่นจะให้ทายโดยการดมกลิ่นหอม2แบบ กลิ่นแรกหมายถึงฮิโกะโบชิ ส่วนอีกกลิ่นเป็นกลิ่นของเจ้าหญิงทอผ้าโอริ แล้วก็จะมีกลิ่นอื่นอีก5กลิ่น นำมาปรุงผสมกัน รวมเป็นเครื่องหอมให้ทายทั้งหมด7แบบ"
[**หนึ่งในนั้นกลิ่นฮิโกะโบชิกับกลิ่นเจ้าหญิงโอริผสมกันเป็นกลิ่นโฮชิไอโค ถ้าทั้งสองสามารถข้ามธารช้างเผือกมาพบกันได้ในวันทานาบาตะท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง ถ้ามาได้เพียงฮิโกะโบชิจะมีฝนตกในตอนเช้ามืด แต่ถ้าข้ามมาได้เพียงท่านหญิงโอริฝนก็จะตกในตอนเย็น และถ้าข้ามมาไม่ได้ทั้งสองคนวันนั้นจะมีฝนตกหนักทั้งวัน]
จากการเสี่ยงทายท่านไซโกและท่านโอคุโบะได้คำตอบทั้งสองกลิ่นในมือ คือฮิโกะโบชิกับโอริฮิเมะ แต่นาโอโกโร่กลับไม่ได้ทั้งสองกลิ่นเลย เมื่อโอชิคะเห็นคำตอบของนาโอโกโร่ โอชิคะก็ทำหน้าแบบ(บอกไม่ถูกครับ)
แต่เมื่อท่านอาจารย์คิโยมิชืเห็นคำตอบของนาโอโกโร่ ก็เลยพูดว่า "ของนาโอโกโร่ ทานาบาตะฝนตกหนักน่ะสิ ฮิโกะโบชิกับเจ้าหญิงโอริไม่ได้พบกันก็เลยมีน้ำตาใช่มั้ย"
"อย่างนั้นก็แย่สิขอรับ!!!" นาโอโกโร่เผลอตะโกนขึ้นมา ทำเอาทุกคนตกใจ โดยเฉพาะโอชิคะมองนาโอโกโร่ด้วยสายตา.... !?
"ท่านอาจารย์เรื่องเมื่อสักครู่นี้" นาโอโกโร่กำลังจะบอกเรื่องสำคัญที่ตอนแรกตั้งใจจะมาปรึกษาท่านอาจารย์
พอท่านไซโกกับท่านโอคุโบะได้เห็นนาโอโกโร่จะขอพูดธุระกับท่านโคมัทสึ ก็เลยจะขอตัวกลับเพื่อเปิดโอกาสให้นาโอโกโร่ได้คุยธุระ แต่นาโอโกโร่กลับรีบห้ามทั้งคู่ไว้ก่อนโดยพูดว่า
"ไม่เป็นไรหรอก!... ท่านอาจารย์ ข้าอยากจะ..ไปเอโดะขอรับ!!" / "ไปเอโดะเหรอ"
"ขอรับ!" พอโอชิคะได้ยินนาโอโกโร่ขอท่านอาจารย์ในเรื่องนี้ ก็ทำหน้าแบบงอนๆนิดๆ
"ข้าอยากจะขออนุญาตจากนายท่านน่ะขอรับ"
"ว่าแต่ว่า เพราะอะไรอย่างงั้นเหรอ" ท่านอาจารย์ชักสงสัย
ส่วนท่านไซโกกับท่านโอคุโบะก็พอจะเดาได้ว่าที่มาที่ไปที่นาโอโกโร่พูดคืออะไร ก็เลยจะช่วยแก้ต่างแทนให้ว่า
ท่านไซโก "ถ้าเป็นเอโดะใครๆก็อยากไปทั้งนั้นไม่ใช่เหรอขอรับ"
ท่านอาจารย์คิโยมิชิ "จริงสินะ"
"ไม่ใช่เพราะเหตุนั้นหรอกขอรับ!!" นาโอโกโร่พูดด้วยเสียงดังมาก
"ถ้าอย่างนั้นอยู่ดีๆทำไม.." ท่านอาจารย์ชักสงสัยมากขึ้นแต่ไม่ทันได้พูดต่อ นาโอโกโร่ก็รีบพูดตัดบทว่า
"ถึงยังไงก็ขอความกรุณาด้วยเถอะนะขอรับ!!!" แล้วนาโอโกโร่ก็รีบก้มหัวคาราวะต่อท่านอาจารย์
ส่วนท่านไซโกกับทานโอคุโบะซึ่งรู้ใจและเข้าใจนาโอโกโร่ดี ก็รีบก้มหัวคาราวะต่อท่านโคมัทสึเช่นกัน ก็เพื่อจะช่วยสนับสนุนการร้องขอของนาโอโกโร่อีก2แรง
ส่วนโอชิคะที่รู้ความในใจของนาโอโกโร่ดีเช่นกัน ก็เริ่มเปลี่ยนจากงอนนิดๆเป็นเริ่มรู้สึกเศร้าขึ้นแทน
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(28)
.
.
มีตอนต่อไปหรือยังคะ บังเอิญไม่มีลิงค์สำหรับตอนต่อไป
ตอบลบอ่านมาตลอดเลยนะเนี่ย ชอบดูเรื่องนี้มากๆ
วันนี้ก็กำลังจะเขียนตอนต่อไปครับ แต่เขียนได้ช้าเพราะรายละเอียดดีๆของเรื่องมีเยอะจนผมปวดหัวเลยว่า จะรวบลัดให้สั้นลงได้ยังไง
ตอบลบมีสิ่งดีๆมากมายจริงๆจนไม่อยากตัดทิ้ง