วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แฉ-ดูคลิปหน้าเหมือนสมชาย(ผ.จ.ด.)

ผมไม่มีความเห็นว่าจริงหรือมั่วนิ่ม แต่อยากให้คุณผู้อ่านพิสูจน์เอาเองครับ กับคลิปคนหน้าเหมือน สมชายน้องเขยแม้ว (ผัวเจ๊แดง) ดูขำๆอย่าซีเรียส
คลิปแรก
จากเวทีพันธมิตร(คลิปนี้ไปถ่ายมาจากเวทีพธม.ซึ่งได้ตัดต่อแบบรวบรัดแล้ว ซึ่งถ้าได้ดูในเวทีพันธมิตร จากข่าวบอกว่า ได้ดูกันเต็มๆ ชัดเจนกว่าในคลิปนี้ครับ) บรรยายโดย สมศักดิ์ โกศัยสุข








คลิปต่อมา เป็นต้นฉบับ จากYOUTUBE จะเต็มๆกว่า แต่ต้องดูแบบเต็มจอนะครับ แล้วไปนั่งดูไกลๆจะดูชัดขึ้นมาก ทั้งหมดมี3ตอนจบครับ
ตอน1





ตอน2





ตอน3 จบ







ทั้งหมดต้องใช้วิจารณญาณของคุณเอง หากเป็นเรื่องของหน้าเหมือนสมชายไม่ใช่สมชายตัวจริง ก็แสดงว่า นักสืบเจ้านี้คงไร้จรรยาบรรณพอควร

แต่หากมองในมุมกลับกัน หากเป็นสมชายตัวจริงไม่ใช่คนหน้าเหมือน ก็ต้องประณาม เพราะคนที่จะเป็นผู้นำประเทศ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชน หากมีพฤติกรรมชั่วๆเช่นมีเมียน้อย มีกิ๊กจริงๆ ก็น่าจะโดนแฉ เพราะหากเป็นในอเมริกาหรือประเทศอื่นๆที่เจริญแล้ว รับรองเขาแฉทันที ไม่มีอำพราง เพราะคนจะเป็นผู้นำประเทศต้องมีเกียรติ์และมีคุณธรรมเท่านั้นครับ

อ่าน แกะรอยคลิปหน้าเหมือนสมชาย (โปรดใช้วิจารณญาณ)

ใหม่เมืองเอก อัปเดทผลบอลล่าสุด

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เศรษฐกิจโลกตก4 - อย่าตามก้นฝรั่ง





ความเดิมที่ผมได้เขียนไว้ในตอนก่อนๆ ว่าตราบใดเรายังพึ่งพาการส่งออก และการไหลเข้าของทุนต่างชาติเป็นหลัก ตราบนั้นเราก็จะต้องเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆไม่รู้จบ วนเวียนเข้ามาเรื่อยเป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด


ข่าววันนี้ที่ผมได้เห็นก็เป็นไปตามคาดการณ์ วันนี้มีข่าวโรงงานเครื่องประดับส่งออกต้องปิดกิจการ โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคส่งออกก็ปลดคนงาน(lay off) งดทำงานล่วงเวลา(OT)ให้พนักงานลาพักร้อนได้ระยะยาว และจะมีทยอยมาอีกเรื่อยๆ

(แม้แต่ดารานางแบบชื่อดัง เก๋ ชลลดา เมฆราตรี ที่กิจการครอบครัวเป็นกิจการขายอัญมณีเครื่องประดับ ก็ยังพูดในรายการ ตาสว่าง(วัน29ต.ค.51) ของสัญญา คุณากร ว่า ร้านเพชรของเธอที่ห้างเกสรพลาซ่าและโรงแรมเซนทารา นับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนถึงวันที่รายการออกอากาศนั้น ที่ร้านทั้งสองสาขาของเธอยังไม่ได้ขายสินค้าเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งนี่ก็คือผลจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งทำให้สินค้าฟุ่มเฟือยอย่างเครื่องประดับจึงได้รับผลกระทบมากที่สุด)

ข่าวทางการเกษตร ก็มีเช่น ราคายางตกต่ำ ชาวสวนยางกำลังลำบากเพราะช่วงยางราคาดี ก็ไปออกมอ'ไซค์ ออกรถปิกอัพกันเยอะ ตอนนี้มีภาระเงินผ่อนยังไม่หมด บางรายต้องปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึด ชาวสวนบางคนอุตส่าห์ลงทุนเอานาข้าวมาปลูกยาง ยังไม่ทันได้ผลผลิตให้คุ้มก็มีอันต้องซวยจากราคายางตก จะกลับไปปลูกข้าวอีกก็ไม่ได้ เพราะยางไม่ได้จะปลูกกันมาง่ายๆกว่าจะได้กรีด


ผมเห็นด้วยกับรมต.คลังปัจจุบัน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ที่มีความเห็นขัดแย้งกับรองนายกฯ นายโอฬาร ไชยประวัติ(ลูกน้องแม้ว) ที่นายโอฬาร อยากจะสร้างกองทุนเงินเข้าไปพยุงราคาหุ้นในตลาด แต่รมต.สุชาติ กลับเห็นแย้งว่า ไม่ควรเอาเงินไปอุ้มตลาดหุ้น เพราะไม่ควรนำเงินคนส่วนใหญ่ไปอุ้มคนรวย ควรจะนำเงินลงไปช่วยประชาชนคนรากหญ้า(grass root)ก่อนเป็นอันดับแรก


นักวิชาการส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักเรียนมาจากฝรั่ง ฝรั่งมันสอนอะไรมาก็เชื่อถือมัน อย่างที่ผมเคยบอกไว้ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ตะวันตกคือบ่อเกิดหายนะและความล้มเหลวของโลกนี้


ดูอย่างในสมัยวิกฤติต้มยำกุ้งปี40 ที่ไทยเราตามก้นIMF ให้IMF มันเป็นพ่อ แต่ในวิกฤติเดียวกัน มาลเซียนำโดย มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกฯมาเลย์ตอนนั้น กลับฝืนกระแสโลก ไม่ทำตามแนวเศรษฐศาสตร์ตะวันตก เช่นการประกาศกำหนดค่าเงินตายตัว(อ่านแนวทางกู้เศรษฐกิจของมหาธีร์คลิก)


และแนวทางนี้โลกตะวันตกนำโดยIMF กลับดูถูกต่อว่ามาเลย์ว่าจะดำเนินการแก้ไขผิดพลาด แต่ ดร.มหาธีร์ ก็ไม่สนใจ และดำเนินตามแนวทางขวางโลกต่อไป แต่ในที่สุดกลับผ่านพ้นภาวะต้มยำกุ้งไปได้ก่อนไทยด้วยซ้ำครับ ซึ่งต่อมานายพอล ครุกแมน นักเศษฐศาสตร์ชื่อดังเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ได้เคยออกมายกย่องวิธีการของ ดร.มหาธีร์ ว่าได้ทำถูกต้อง) อ่านประวติมหาธีร์


ได้ข่าวว่า รัฐบาลนายสมชาย น้องเขยแม้ว จะไปเร่งฟืนฟูโครงการเพื่อคนรากหญ้า3โครงการ เช่น กองทุนหมู่บ้าน(ให้ชาวบ้านสร้างงานสร้างเงินเอง) โครงการOTOP(หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์) และโครงการSML (สร้างสาธารณประโยชน์แก่ชุมชน) ทั้งหมดก็เพื่อให้ระบบยังมีการหมุนเวียนของเงินต่อไปไม่หยุดนิ่ง และเพื่อรองรับการว่างงานที่กำลังเพิ่มขึ้น และอย่าคิดแค่เพียงกระตุ้นGDPเป็นหลัก เพราะนี่คือหายนะแห่งการบริโภคนิยม เงินควรจะถึงคนรากหญ้าที่เดิอดร้อนให้มากที่สุด อย่าให้ไปอยู่ในมือคนรวยก่อนหล่ะ ควรทำวิธีช่วยเหลือแบบล่างขึ้นบน
.
(ขอยกตัวอย่างเช่น นโยบายของนายบารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือมุ่งช่วยคนระดับล่างก่อน แล้วผลจะย้อนขึ้นกลับไปช่วยคนระดับบนเอง ผิดกับ นายจอห์น แมคเคน คู่แข่งนายโอบามา ที่มุ่งช่วยคนรวยก่อน โดยคิดว่าเมื่อคนรวยอยู่ได้ก็จะสามารถอุ้มคนจนได้ด้วย เพราะคนรวยคือเจ้าของธุรกิจ เรียกว่า ช่วยจากบนลงล่าง)


โครงการเหล่านี้ ผมเห็นด้วยครับ แต่ต้องไปตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้นนะครับ ไม่ใช่ไปใช้ส่งเสริมความฟุ่มเฟือยหรือการบริโภคนิยมฟุ้งเฟ้อให้แก่ชาวบ้าน(เหมือนสมัยแม้วอยู่) 


หากรัฐบาลยึดแนวทางวิถีพอเพียงตามแนวพระราชดำริ ผมเชื่อว่าไทยเราจะไปรอดครับ


กลับมาที่ข่าวข้าวโพดราคาตกต่ำ และมันสำปะหลังราคาตก เราจะเห็นว่า การปลูกพืชเศรษฐกิจเหล่านี้จะปลูกในพื้นที่กว้างจำนวนมาก จะพึ่งพาพืชผลเพียงชนิดเดียว แถมเร่งปุ๋ย เร่งยา เพื่อให้ได้ผลผลิตคราวละจำนวนมากๆ(ต้นทุนสูงขึ้น) แต่พอได้ผลผลิตออกมามากเพราะไม่เคยมีการวางแผน สุดท้ายก็เกินความต้องการ แล้วราคาก็ตกไม่คุ้มทุน จึงเห็นได้ว่า นี่คือความไม่พอเพียง ที่รัฐบาลไม่เคยมองเห็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

เราจะผลิตออกมามากกันทำไม ในเมื่อยิ่งมากก็ยิ่งขาดทุน [วันนี้เห็นทางกลุ่มซีพี (C.P.group) ได้ออกมาเสนอรัฐบาลอย่าเข้าร่วมประมูลการส่งออกข้าวแข่งกับเวียตนาม เพราะตอนนี้เวียตนามกำลังจะเร่งระบายผลผลิตข้าว ถ้าไทยเราร่วมประมูลอีก จะทำให้ราคาข้าวตกต่ำเพิ่มขึ้น เพราจะไปตัดราคากันเอง]


ไม่ว่าจะธุรกิจใด จะเป็นภาคอุตสาหกรรม หรือเกษตรกรรม หากเราอยากจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนนั้น เราควรเริ่มจาก ตลาดในประเทศเป็นหลัก ให้สามารถอยู่ได้ด้วยตลาดภายในประเทศก่อน ด้วยทุนเราเอง อย่าพยายามกู้มาขยายให้ใหญ่เกินตัว
เมื่อเราสามารถอยู่ได้ด้วยตลาดในประเทศแล้ว หากพอมีกำลังเหลือค่อยส่งออก อย่าได้ยึดการส่งออกเป็นหลัก เพราะหากเราไม่ได้คำสั่งซื้อจากต่างชาติ เราก็จะพออยู่ได้

ขอยกตัวอย่างจากข่าววันนี้ เช่น ตอนนี้ฮ่องกงตรวจพบสารเมลามีนในไข่สดจากจีน ทำให้ฮ่องกงหันมาสั่งไข่สดจากไทยแทน ซึ่งหากไข่เกิดราคาขึ้นจนเป็นที่เย้ายวนใจเกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่ ก็อาจทำให้เกษตรกรต่างก็พากันหันมาเลี้ยงไก้ไข่กันมากขึ้น สมมุติ ความต้องการไข่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากฮ่องกง หรือชาติอื่นๆ อีก ราคาไข่ดีขึ้นมากๆ ทำให้เกษตรกรอยากรวย ก็ไปหาเงินกู้มาลงทุนสร้างโรงเลี้ยงไก่ไข เพิ่มขึ้น

แต่อยู่ๆ ถ้าเกิดปัญหาไข่สดจากจีนเกิดแก้ไขปัญหาได้ขึ้นมาอาจจะสักภายในปีสองปี แล้วฮ่องกงก็กลับไปซื้อไข่สดจากจีนอีกเพราะเป็นประเทศแม่ ทีนี้เกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่ของไทย ก็จะมีตลาดน้อยลง ไข่ไก่ก็จะราคาตก เกษตรกรก็ยังผ่อนเงินกู้ที่กู้มาลงทุนเลี้ยงไก่ยังไม่ทันหมด สุดท้ายเกษตรกรไทยก็จะมีอันเจ๊งขาดทุนย่อยยับในที่สุดเหมือนเดิม

เรื่องสุดท้ายที่อยากเอ่ยถึง ก็เรื่องการค้าเสรี ที่พวกฝรั่งมักนำมาใช้ข่มขู่ชาติในเอเซีย ว่าห้ามแต่ละชาติกีดกันผลผลิตจากชาติอื่น เช่นกีดกันด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้า หรือห้ามใช้มาตรการห้ามนำเข้าสินค้าบางขนิดที่จะมาแข่งกับสินค้าในประเทศ เป็นต้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้ที่จริงแล้วเป็นการเอาเปรียบจากชาติตะวันตกหรือชาติที่เจริญกว่า แต่จะให้ชาติที่ด้อยกว่าตัวเองให้มาใช้กฏกติกาอันเดียวกัน ชาติที่เจริญกว่าย่อมได้เปรียบมาก เปรียบเหมือนเอานักกีฬาอาชีพมาแข่งกับนักกีฬาสมัครเล่น ตัวอย่างกีฬากอล์ฟ เวลาจะให้นักกีฬาอาชีพสามารถมาแข่งกับนักกีฬาสมัครเล่นได้ ก็จะต้องมีแต้มต่อ ระหว่างกัน (handicap) จึงจะไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน

หากเราไม่เน้นการส่งออก เราก็ไม่ต้องกลัวมาตรการการบีบบังคับเหล่านี้ แม้แต่อเมริกาเองที่ชอบอ้างมาตรการนี้กับประเทศอื่น แต่พอถึงคราวตัวเอง ก็กลับละเมิดกฏการค้าเสรีเสียเอง เช่น กรณีแอปเปิลราคาถูกจากจีนเข้าไปตีตลาดอเมริกา อเมริกากลัวเกษตรกรของตัวเองจะเดือดร้อนเพราะขายไม่ได้ อเมริกาก็เลยแหกกฏการค้าเสรี ด้วยการใช้มาตรการทางภาษีเพิ่มสูงขึ้นต่อแอปเปิลจากจีน ทำให้แอปเปิลจากจีนมีราคาสูงขึ้นทันที ซึ่งอเมริกาไม่สนใจกฏกติกาอะไรทั้งนั้น เพราะถือว่าตัวเองใหญ่

หากใครได้มาอ่านบทความนี้ และยังเป็นนักเรียนนักศึกษาที่คิดจะเรียนต่อเมืองนอกเช่นอเมริกา ผมไม่ได้คัดค้านว่าควรเรียนหรือไม่ แต่อยากให้รู้ว่า เมื่อเราไปเรียนรู้ทฤษฎีฝรั่งมา ก็อย่าไปหลงเชื่อทฤษฎีฝรั่งไปเสียหมด

ดร.มหาธีร์ ก็ไม่ได้ไปเรียนต่อที่ชาติตะวันตก แต่คนทั้งโลกก็ยกย่อง มหาธีร์ ว่า เก่งกว่าฝรั่งเสียอีก เข่นเดียวกัน เราเรียนรู้จากฝรั่งได้ แต่เราก็สามารถปรับใช้แก้ไขไปตามทางแนวทางของเราได้ ไม่จำเป็นต้องเดินตามก้นฝรั่งเสมอไป

เราควรยึดแนวทางตามแนวทางในหลวงของเราไว้เป็นหลัก เพราะนี่แหล่ะ คือ วิถีทางที่ถูกต้องและยั่งยืนที่สุดครับ



อ่านเศรษฐกิจตก1
อ่านคนอเมริกันเบื่ออเมริกา
อ่านอเมริกาจ๋อย1



วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เศรษฐกิจโลกตก3 - ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงแก้ได้




วันนี้คือวันจันทร์ที่27ต.ค.51 ตลาดหุ้นทั่วโลกตกกระหน่ำอีกครั้ง ไทยเราก็ตกหนักสุดๆในรอบเดือนนี้ และต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรคเกอร์เป็นครั้งที่2ในรอบเดือน และเป็นครั้งที่3ในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์33ปี มาตรการนี้ใช้เมื่อดัชนีหุ้นตลาดตกเกิน10% จนต้องประกาศหยุดการซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา30นาที ดัชนีร่วงลงมาเหลือ387.43จุด จากตอนเปิดตลาดที่424.88จุด ร่วงทีเดียวกว่า40จุด

นึกย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี38-40 ก่อนวิกฤติปี40 ตอนนั้นดัชนีหุ้นไทยเคยขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ800กว่าจุด ตอนนั้นนักวิเคราะห์หุ้นทั้งหลายต่างก็พากันฝันหวานว่า ดัชนีหุ้นมีโอกาสทะลุเกิน1000จุด ได้ในเวลาอันใกล้ ทุกคนมองแต่ภาพความเจริญ มองในแง่ดี ไม่เคยมีใครคิดเลยสักคนเดียวว่า ปี40จะเกิดมีฟองสบู่เศรษฐกิจแตก พากันลงเหวกันทั้งหมด แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในบริษัทโบรคเกอร์ก็โง่เหมือนกันเพราะบริษัทโบรคเกอร์ก็เจ๊งปิดไป50กว่าบริษัท ไม่ว่ายักษ์ใหญ่ทุนหนาหรือแมลงเม่าแบบประชาชนทุนน้อยก็ซวยขาดทุนกันทั้งประเทศตามกัน

ตลาดหุ้นคือภาพลวงตา อย่าหวังรวยเพราะหุ้นเลย หากเรายังหลงเชื่อทฤษฎีเศรษฐกิจแบบบริโภคนิยม ที่เห็นเงินเป็นทุกอย่าง เราก็จะเจ็บตัวมากตามฝรั่งไปด้วย ยิ่งมีโอกาสทำกำไรได้มาก ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น คิดจะรวยง่ายๆก็จะตายได้ง่ายๆเหมือนกัน อย่าไปเชื่อพวกนักวิเคราะห์ให้มาก เพราะพวกนี้แหล่ะพอถึงวิกฤติทีไรก็เอาตัวไม่ค่อยรอดมานักต่อนักเหมือนกัน แถมพวกนีก็หากินบนค่านายหน้าซื้อขายหุ้น แต่ใครหากคิดลงทุนแบบลงทุนจริงๆ ต้องไม่คิดเก็งกำไรระยะสั้น ต้องลงทุนระยะยาว3-5ปีขึ้นไป นี่แหล่ะคือวิถีทางการลงทุนหุ้นที่ถูกต้องที่ควรเป็น (วิกฤติคราวนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฟิ้นแน่ๆ)

อย่างที่เคยเขียนไว้ในเรื่อง อเมริกาจ๋อยฯ ว่ากรรมได้ตามสนองอเมริกาเพราะการปั่นราคาน้ำมันนั้น ก็เพราะอเมริกาเป็นลัทธิบริโภคนิยม ตอนนี้บริโภคนิยมล้ม กำลังซื้อลดลง ประเทศที่เคยค้าขายกับอเมริกาก็ต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งประเทศที่ค้าขายกับอเมริกามีอยู่ทั่วโลก เลยพากันซวยตามอเมริกากันไปหมด

ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ เมื่อตลาดใหญ่ทั้งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไทยเราก็ต้องรับผลกระทบด้วยอย่างมาก ซึ่งก่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในตอนนี้ และไม่ใช่เฉพาะเรื่องการส่งออกเท่านั้น การท่องเที่ยว และธุรกิจการบริการ ก็ต้องโดนผลกระทบจากวิกฤติเศษฐกิจครั้งนี้ไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะชาวต่างชาติทั่วโลกก็จะเดินทางท่องเที่ยวกันน้อยลง (โรงแรมใหญ่ๆต้นทุนสูงซวยแน่ๆ)

โรงงานอุตสาหกรรมส่งออก ต้องปิดตัวลงอีกหลายโรง บางบริษัทก็เริ่มงดกำลังการผลิต ลดการทำOT ลดจำนวนวันทำงานลงแล้ว และคาดว่าออร์เดอร์ส่งออกปีหน้าก็จะลดลงไม่น้อยกว่า30% และคาดว่าตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โรงงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆจะต้องปลดคนงานออกอีกและอาจต้องปลดคนงานมากถึง30%จากเดิมที่เคยมีอยู่ ทีนี้แหล่ะ เมื่อคนตกงานปัญหาต่างๆก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญวิกฤติคราวนี้อาจใหญ่โตเกินกว่าที่คิดก็ได้ ฉะนั้นอย่าประมาท



ก็เพราะแนวคิดผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลักนั้นเป็นแนวคิดที่ผิดพลาดของไทย เกษตรกรก็ผลิตเน้นเพื่อขายเพื่อส่งออก(เพื่อเพิ่มผลผลิตเลยไปพึ่งพาปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง) อุตสาหกรรมก็เน้นส่งออก สุดท้ายพอต่างชาติไม่มีเงินซื้อก็เจ๊ง ซึ่งก็เริ่มเห็นแล้วว่า โรงงานผลิตเพื่อส่งออกมีการปิดโรงงานและปลดคนงานเพิ่มขึ้น


แล้วเงินกู้ที่กู้มาขยายโรงงาน กู้มาเพื่อเพาะปลูกแบบพื้นที่ใหญ่ ต้นทุนสูง แต่ผลผลิตขายไม่ได้ หรือไม่ได้ราคา สุดท้ายก็เจ๊ง เป็นลูกโซ่ เพราะดอกเบี้ยไม่มีวันหยุด ยิ่งเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัย4 ก็จะเป็นธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เช่นสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือเครื่องไฟฟ้าเป็นต้น รับรองได้สินค้าพวกนี้ต้องหาทางรอดโดยการกระหน่ำลดราคาชัวร์!


สังเกตดูสิ ตอนนี้มีม็อบข้าวโพดออกมาประท้วงรัฐบาลให้ประกันราคา เพราะข้าวโพดราคาตกมากไม่คุ้มทุน หรือจะเป็นยางพาราก็ตก น้ำมันปาล์มก็ตก ทั้งหลายทั้งปวงล้วนแต่เป็นเกษตรกรรมพืชเชิงเดี่ยวทั้งนั้น พึ่งพาพืชชนิดเดียวเป็นหลัก พอราคาพืชผลตกต่ำก็ไม่สามารถไปอาศัยพืชชนิดอื่นพึ่งพาได้เลย ปลูกอะไรก็ปลูกอย่างนั้นอย่างเดียว เจ๊งทีก็เจ๊งทั้งหมด เป็นแบบนี้มาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว เกษตรกรไม่สามารถพึ่งพาตัวเองจริงๆได้สักที รัฐบาลก็โง่ไม่บอกให้เกษตรกรเลิกวิธีการปลูกพืชชนิดเดียวสักที เพราะรัฐบาลก็หลงใหลกับการส่งออกเหมือนกันหมด

ส่วนเกษตรกรที่ใช้วิธีการเกษตรสวนผสมไม่พึ่งพาพืชชนิดเดียว ไม่เน้นการขาย แต่เน้นการใช้เองก่อน แทบจะไม่เดือดร้อนกับสภาพเศรษฐกิจถดถอยเลย

ผมกล้าฟันธงเลยว่า ต่อให้ทักษิณยังเป็นนายกฯอยู่ ก็ไม่รอดกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ และค่อนข้างเชื่อว่า หากทักษิณยังอยู่ เศรษฐกิจไทยอาจต้องลำบากมากกว่านี้เป็นแน่ เพราะทฤษฎีของทักษิณมุ่งเน้นการส่งออก เน้นการพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติ ไม่เคยคิดจะเน้นการพึ่งพาตัวเอง ไม่เคยคิดเน้นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงใจ นโยบายเป็นไปด้วยความฟุ้งเฟ้อแบบอเมริกาทั้งนั้น การกระตุ้นเศษฐกิจแบบบริโภคนิยมมันเห็นผลเร็ว แต่จะไม่ยั่งยืน เพราะต้องยืมจมูกต่างชาติหายใจ ถ้าต่างชาติเจ๊งเราก็เจ๊งตาม

(ชาวบ้านทีรักทักษิณยังเห็นผลดีในระยะสั้นของนโยบายประชานิยม แม้จะเป็นนโยบายที่ดีแต่ก็ยังมีรอยรั่วอยู่มาก ที่สำคัญนโยบายประชานิยมในงบต่างๆที่มีต้องอยู่ในมือผู้บริหารที่ซื่อสัตย์เป็นหลักเท่านั้น เพราะหากผู้บริหารงบต่างๆไม่ว่าในระดับใดตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับหมู่บ้านขาดซึ่งคุณธรรมความซื่อสัตย์ สุดท้ายนโยบายดีก็จะกลายเป็นสิ่งทำร้ายประชาชนในที่สุด)

คนไทยจำนวนมากหลงใหลความร่ำรวยตามทักษิณ อยากรวย อยากมี อยากได้ ทำให้เกิดความเห็นแก่ตัวมากขึ้น อยากลงทุนน้อยแต่อยากได้กำไรเยอะๆ ไม่มีใครคิดหรอกว่า ทฤษฎีแบบทุนนิยมอเมริกาจะเจ๊ง ทักษิณก็มีแนวคิดแบบทุนนิยมอเมริกา ที่เน้นการบริโภคเป็นสำคัญ วันๆนึกถึงแต่จะทำยังไงให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(GDP)โตขึ้นๆเรื่อย ยิ่งโตมากเท่าไหร่ก็หมายถึงบริโภคมากขึ้น อเมริกาถึงได้จะเจ๊งแต่เพราะเขาคือมหาอำนาจ เขาคือเจ้าของเทคโนโลยีสำคัญต่างๆของโลก ฉะนั้นถึงอเมริกาจะล้มแต่ก็จะลุกขึ้นได้ไม่ยากเหมือนประเทศเล็กๆ ทั้งหลาย

(ทุนนิยมบริโภคนิยมแบบอเมริกา นอกจากทำให้คนเห็นแก่เงินเห็นแก่ตัวแล้ว ยังส่งเสริมการทำลายสภาพแวดล้อม ต้นเหตุแห่งสภาวะโลกร้อนในทุกวันนี้)

เงินที่รัฐบาลที่ผ่านมามักคิดได้เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศษฐกิจก็มักจะมีแนวทางเดียวเดิมๆคือ โครงการเมกะโปรเจค ที่เน้นสร้างแต่ถนนหนทางก่อนเป็นอันดับแรก ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญที่คิดแก้ปัญหาเริ่อง น้ำ เป็นหลักก่อนเลย


ปัญหาเรื่องน้ำควรจะเป็นนโยบายหลักของประเทศไทยที่มีประชากรส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตร ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาตลอดประวัติศาสตร์ไทย

ยิ่งสร้างถนนมาก ก็ยิ่งเน้นการบริโภคมากขึ้น นี่แหล่ะคือหายนะของการคิดแบบฝรั่งตะวันตก

กลับมายึดแนวทางทฤษฎีเศษฐกิจพอเพียงของในหลวงกันเถอะ เพราะแนวคิดนี้เท่านั้นที่จะกู้วิกฤติทุกอย่างของโลกได้อย่างยั่งยืน

ที่จริงมีเรื่องเล่ากันว่า ในอดีตคณะกรรมการรางวัลโนเบลคิดอยากจะมอบรางวัลโนเบลให้แก่ในหลวงของเรา จากผลงานเรื่องเศรษฐศาสตร์ทฤษฎีใหม่ของพระองค์ แต่เนื่องจากในหลวงเคยทรงสัญญาไว้ว่า จะไม่เดินทางออกจากประเทศไทยอีกแล้ว พระองค์จึงทรงปฏิเสธรางวัลโนเบลนี้ไป


ทฤษฎีเศษฐกิจพอเพียง ไม่ได้ปฏิเสธการทำกำไร ไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยี ไม่ได้ปฏิเสธทุนนิยมและบริโภคนิยม แต่ต้องเป็นไปแบบพอเพียง ไม่ใช่ตามทฤษฎีเศษฐศาสตร์ตะวันตกที่เน้นการใช้ทรัพย์กรต่างๆให้ได้มาซึ่งกำไรสูงสุด เน้นการผลิตให้มากไว้ก่อนเพื่อลดต้นทุน ไม่คำนึงถึงศีลธรรมเท่าที่ควร ไม่ค่อยคำนึงถึงผลกระทบสภาพแวดล้อม นึกว่ากูรวย ใครจะเจ๊งก็ช่างมัน เน้นกอบโกยเป็นหลัก (อเมริกาคือชาติที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด และยังไม่ยอมเซ็นข้อตกลงลดก๊าซเรือนกระจกจนถึงวันนี้-พิธีสารเกียวโต)



ทฤษฎีเศษฐกิจพอเพียงเน้นการพึ่งพาตัวเองก่อนเป็นสำคัญ การเกษตรก็เน้นเลิกพึ่งพาปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง และเน้นใช้พลังงานทางเลือก ธุรกิจก็เน้นการขยายกิจการโดยพึ่งพาการกู้เงินให้น้อยที่สุดหรือไม่พึ่งเลยยิ่งดี

ทฤษฎีความพอเพียง ไม่ส่งเสริมการเก็งกำไร แต่เน้นการทำงานจริงๆให้ได้ผลผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เติบโตช้าๆแต่มั่นคง ที่สำคัญที่สุดก็คือความไม่ประมาท เพราะความอยากใหญ่อยากรวย มองแต่ความเจริญไปข้างหน้าทางเดียว ไม่คิดเผื่อว่าหากไม่เป็นไปอย่างที่คิด เกิดขาดทุนจะรับมือยังไง

ผมกล้าฟันธงเลยว่า หากรัฐบาลยังเน้นการส่งออก เน้นการมาของเงินทุนจากต่างประเทศ เน้นเพิ่มGDP เป็นหลักเหมือนเดิม ยังหลงใหลเศษฐศาสตร์แนวตะวันตก เหมือนเดิม สุดท้ายก็จะเกิดวงจรอุบาทว์ทุกภาคส่วนย้อนกลับมาเป็นวัฏจักรอุบาทว์ให้คอยตามแก้ไม่รู้จบเหมือนเดิม !

อย่าลืมว่า ไทยเราไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยีไฮเทคแบบญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เป็นได้แค่ลูกจ้างผลิตส่วนประกอบ หรือรับจ้างประกอบรถยนตร์แค่นั้น แต่คนไทยบ้าเทคโนโลยี อยากมีไฮเทคแบบเขาแต่คิดไม่ได้เหมือนเขา เราขายของ1ตันถึงจะมีเงินซื้อของไฮเทคได้ชิ้นนิดเดียว?
.
สินค้าเทคโนโลยีในไทยส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติ เรามันก็เป็นได้แค่ลูกจ้างราคาถูกๆเท่านั้น
.
และถ้ายังมุ่งส่งออกโดยเฉพาะเรื่องผลผลิตการเกษตร คนที่รวยก็จะมีแต่พ่อค้าคนกลาง ส่วนเกษตรกรก็จนเหมือนเดิม

อ่านเศรษฐกิจโลกตก 4


อ่านอเมริกาจ๋อย 1
อ่านคนอเมริกันเบื่ออเมริกา(บริโภคนิยม)
อ่านความล้มเหลวชาวนาไทยจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ

เศรษฐกิจโลกตก2 - การรับมือ





แต่ก่อนการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์(stock market) หรือตลาดหุ้นต้องมีเงินสำรองในบริษัทโบรเกอร์หรือนายหน้าหุ้นอยู่จำนวนค่อนข้างมาก แต่เดี๋ยวนี้หลายบริษัทไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น แค่เพียงเรามีบัญชีเงินฝากในธนาคารใดก็ได้อย่างน้อยประมาณหนึ่งแสนบาท ก็สามารถเป็นลูกค้ากับบริษัทนายหน้าซื้อขายหุ้นในตลาดได้ง่ายๆกว่าในอดีต 


(หลักการซื้อหุ้นของวอร์เรน บัฟฟเฟตมหาเศรษฐีอันดับ1ของโลกคนปัจจุบันกล่าวไว้ว่า“จงรู้สึกกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกำลังรู้สึกกลัว” แปลง่ายๆคือ ซื้อเมื่อคนอื่นเขากลัว ขายเมื่อคนอื่นเขากล้า)

จากวิกฤติเศรษฐกิจปี40 แม้จะมีบริษัทนับพันนับหมื่นบริษัทต้องมีอันปิดตัวลง(เจ๊ง) ไทยต้องไปเป็นลูกหนี้ไอเอ็มเอฟ แต่ในเวลาไม่กี่ปี ไทยก็สามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนั้นไปได้ สาเหตุหนึ่งที่สำคัญก็คือ ภาคการเกษตรของเราเข้มแข็ง เพราะแม้นคนงานในบริษัทต่างๆจะตกงาน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนต่างจังหวัด สามารถกลับไปอยู่บ้านเกิดตามชนบทที่ยังค่อนข้างจะมีวิถีชีวิตพอเพียงให้พึ่งพาอยู่มาก ไม่ต้องอาศัยเงินมากเท่ากับอยู่ในตัวเมือง

คราวนี้ก็คล้ายๆกัน แม้ไทยเราจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกรุนแรงเท่าปี40 แต่เพื่อความไม่ประมาท หากเรายังดำเนินชีวิตไปตามวิถีความพอเพียงต่อไป โอกาสที่เราจะอยู่ได้อย่างมั่นคงก็มีสูง เช่น ธนาคารก็มีวินัยในการปล่อยเงินกู้ ไม่ใช่อยากได้กำไรมากจนขาดวินัยแบบธนาคารในอเมริกา คิดให้รอบคอบแล้วค่อยปล่อย โอกาสเกิดฟองสบู่ก็จะยากขึ้น

(ผลจากการเมืองวุ่นวาย ในแง่ดีก็มีอยู่ตรงที่ ผู้คนและนักลงทุนไม่ค่อยกล้าลงทุนทำอะไรในช่วง2ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาระหนี้จากการกู้เงินเพื่อการลงทุนจึงน้อยลงไป ทำให้เมื่อเศรษฐกิจโลกตก ผลกระทบต่อไทยก็เลยน้อยลงไปด้วย)

แน่นอนเมื่อธนาคารปล่อยกู้ยากขึ้น ดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ก็จะมีโอกาสลดลงไปด้วย เพื่อช่วยลดภาระผู้ประกอบการและประชาชนที่มีการกู้เงินกับสถาบันฯ ที่ต้องมีภาระการใช้หนี้คืน ส่วนผู้ฝากเงินก็คงต้องยอมรับว่า การที่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้มากขึ้นอย่างไม่ประมาทต่อไป


ส่วนรัฐบาล ก็ต้องหาทางช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินจำเป็นของประชาชนต่อไป เช่นการขยายนโยบายขึ้นรถเมล์ฟรี หรือใช้น้ำไฟฟรี ที่ได้ทำอยู่ในทุกวันนี้ต่อไปอีก ลดค่าครองชีพจากปัญหาสินค้าราคาแพงให้ได้ ซึ่งเป็นการควบคุมภาวะเงินเฟ้อในตัว

ส่วนค่าน้ำมันตอนนี้ก็นับว่าลดลงพอสมควร หากตลาดโลกลดลงอีก ก็คงต้องชลอการลดลงบ้างเพื่อป้องกันการใช้น้ำมันฟุ่มเฟือยของผู้คน แล้วนำส่วนต่างที่ควรลดก็นำเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า เช่น เอาไปใช้อุดหนุนน้ำไฟแก่ประชาชนก็ได้เป็นต้น

ผมสังเกตว่า ตั้งแต่น้ำมันลดลงมากๆ รู้สึกนักเที่ยวกลางคืนก็เริ่มมากขึ้น เพราะผมสังเกตว่าเวลากลับบ้านช่วงวันหยุดจะเริ่มเห็นรถติดมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณแหล่งเที่ยวต่างๆ คนไทยพอมีเงินหน่อยก็มักจะกลับมาฟุ่มเฟือยอย่างเดิม

นโยบายลดค่าเงินบาทลงอีกของรมต.คลัง ที่หวังช่วยภาคการส่งออกดีมั้ย นักวิชาการคนที่ผมชอบคืออาจารย์คิม ไชยแสนสุข อธิการบดีรามคำแหง บอกว่า รมต.คิดดังไป เพราะหากอยากลดค่าเงินบาทจริง ควรทำกันเงียบๆ เพราะมิฉะนั้นอาจทำให้นักลงทุนค่าเงินจะเกิดการเก็งกำไรค่าเงินได้

นโยบายประกันเงินฝาก100%ยืดระยะต่อไปอีก 3ปีดีมั้ย อันนี้ผมเห็นด้วย เพราะในยุโรปและประเทศร่ำรวยอย่างกลุ่มตะวันออกกลาง ก็กลับมาใช้วิธีนี้อีก เพราะป้องกันความไม่เชื่อมั่นของประชาชนที่จะเกิดความกลัว เพราะความกลัวของคนเนี่ยมันน่ากลัวมาก เพราะสามารถทำให้ธนาคารเจ๊งได้ในทันที ทีนี้จะกระเทือนไปทั้งระบบ

นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยการฉีดเงินเข้าระบบด้วยนโยบายเมคกะโปรเจคล่ะ อันนี้เห็นด้วย แต่ถ้ากระตุ้นในสิ่งที่ไม่ได้มีผลต่อประชาชนส่วนใหญ่จริงล่ะ ต้องระวังให้มาก เพราะต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงไว้ให้หนักแน่นที่สุด เงินต่างๆที่จะลงไปควรลงอย่างช้าๆระมัดระวังมิฉะนั้นอาจเกิดฟองสบู่ได้อีก การให้เงินกองทุนหมู่บ้านต้องให้ความรู้แก่ประชาชนให้นำไปใช้ประโยชน์จริงเช่นการทำโรงสีหมู่บ้าน หรือสหกรณ์หมู่บ้าน เป็นต้น ไม่ใช่ให้ประชาชนกู้เงินไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างนโยบายในระยะแรกที่เกิดความผิดพลาด

รัฐบาลต้องให้ความรู้เรื่องวิถีพอเพียงแก่ประชาชนให้มากขึ้นและจริงจัง สนับสนุนการใช้สินค้าไทยให้มาก ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น คิดค่าธรรมเนียมการออกนอกประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อลดคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ

ส่งเสริมการใช้การเกษตรแบบชีวภาพให้มากขึ้นอย่างจริงจัง และอีกหลายๆวิธีเพื่อจูงใจให้คนไทยรู้จักประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย ลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงจากนอก

หาทางช่วยธุรกิจไทยที่เคยพึงพิงการส่งออกแก่ต่างประเทศ โดยลดการพึงพิงต่างชาติเพราะตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยจะทำให้กำลังซื้อจากทั่วโลกลดลง ให้มีแบรนด์ของตัวเองสามารถขายให้คนไทยได้ ไม่ใช่ พอต่างชาติไม่ซื้อก็เจ๊ง เหมือนโรงงานรองเท้าหรือเสื้อผ้าที่ส่งให้แบรนด์ต่างประเทศ พอต่างประเทศย้ายฐานการผลิต โรงงานไทยก็ต้องเจ๊งตามเป็นต้น

ผู้ค้าขายไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินต่างๆ ก็ควรจะลดราคาลงตามต้นทุนที่ลดล เพื่อช่วยเหลือประชาชนลูกค้าของคุณ หากพ่อค้าแม่ค้ารายใด ฉวยโอกาสลดราคาเพื่อลูกค้า ก็จะได้ใจลูกค้ามาก คุณอาจจะขายได้ดีขึ้นมากขึ้น เหนื่อยขึ้นหน่อยแต่ได้บุญนะครับ และบุญนี้ก็จะคุ้มครองครอบครัวของคุณให้เจริญรุ่งเรื่องสุขภาพแข็งแรง โชคดีมากขึ้น (รัฐต้องควบคุมราคาสินค้าและค่าครองชีพให้ลดลง)

(เมื่อ2ปีที่แล้ว กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับปตท.เคยดำเนินนโยบายขายข้างแกงราคาถูก กล่องละ10บาท ทำในรูปแฟรนไชล์ให้กับคนที่อยากมีอาชีพ โดยมีหน้าที่แค่ขายเท่านั้น เพราะทุกอย่างกรมการค้าภายในจะดำเนินการจัดหาให้ทุกอย่าง ผู้ขายมีหน้าที่ขายอย่างเดียวจริงๆ จะขายตามปั๊มปตท. และจะขยายไปเรื่อยๆ แต่ไปๆมาๆหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ยังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมไม่เคยเห็นเลยจริงๆ นโยบายนี้เป็นนโยบายที่ดี แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ หากทำสำเร็จจะช่วยควบคุมราคาขายอาหารได้ดีมากทีเดียว ผมว่าหากคิดจะทำจริงๆกรมการค้าน่าจะทำได้ แต่ที่ทำไม่ได้เพราะอะไรไม่ทราบจริงๆ-นโยบายลูบหน้าปะจมูก)


สังคมพอเพียง คือต้องเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ลูกค้าคุณอยู่ได้ คุณก็จะอยู่ได้เช่นกัน แถมได้ใจคน และบุญอีกต่างหาก


เลิกเสียทีเถอะ ความเห็นแก่ตัวที่ต้นทุนลดลง แต่ของยังขายแพงเช่นเดิม ใครใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสได้ คุณก็จะไม่ใช่ผู้ค้าที่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะคุณจะกลายเป็นผู้ค้าผู้ยิ่งใหญ่ในใจคน

อ่านเศรษฐกิจโลกตก (3)

อ่านเศรษฐกิจโลกตก(1)

อ่าน คนอเมริกันเบื่ออเมริกาทุนนิยม


วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เศรษฐกิจโลกตก1 - กระทบถึงทอง และหุ้น






มีหลายๆประเด็นในช่วงนี้ ที่ผมอยากนำเสนอ เลยเกิดงงเอง ว่าจะเริ่มที่ไหนก่อนดี ในที่สุดก็ขอเริ่มจากเรื่องร้านทอง ปิดทำการซื้อขายทองคำแท่งในช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ เนื่องจากร้านทองเองก็กลัวว่า หากมีการซื้อขาย แล้วพอถึงวันจันทร์ตลาดทองโลกเปิดขึ้นมา ร้านทองอาจขาดทุนได้(ขาดทุนกำไร) สรุปง่ายๆคือกลัวตัวเองขาดทุนนั่นแหล่ะ

อย่างที่เคยเล่าเรื่อง
ทองมาแล้วในตอนก่อนๆ ว่ายังไงๆฝรั่งที่ผลิตทองขาย ไม่ว่าทองจะขึ้นจะลดยังไง พวกฝรั่งก็จะได้กำไรวันยังค่ำ แล้วแต่ว่าจะกำไรมากหรือน้อยเท่านั้น จากเดิมค่าธรรมเนียมการซื้อทองเคยคิดออนซ์ละ2เหรียญ ถ้าเอาไปขายคืนฝรั่ง ก็จะมีค่าธรรมเนียม8เหรียญ ต่อมาก็ค่อยๆเพิ่มเป็น10เหรียญ จนถึงตอนนี้รู้สึกว่าจะถึง20เหรียญแล้ว

อย่างที่บอกใน
ตอนก่อนๆ ว่าราคาทองมันจะแปรผันตรงตามราคาราคาน้ำมัน ยิ่งราคาน้ำมันลง ทองก็มักจะลงไปด้วย อยากเก็งกำไรทองให้ขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับราคาน้ำมันขึ้นไปด้วย สุดท้ายฝรั่งแขกรวยเหมือนเดิม เราอยากเป็นเหยื่อของการเก็งกำไรเช่นนี้หรือครับ คนรวยจากการเก็งกำไรมีน้อย คนจนจากการเก็งกำไรมีเยอะกว่ามาก มันเป็นรูปแบบเดิมๆ คือ ปลาใหญ่กินปลาเล็กน่ะครับ คนที่เขารวยจากการเก็งกำไร เขาก็จะโปรยความหวานของการเก็งกำไรให้แมลงเม่าหรือปลาเล็กอย่างเราๆ ไปเป็นเหยื่อของเขาต่อไปเรื่อยๆน่ะครับ

พอพูดถึงเรื่องการเก็งกำไรทอง ก็ต้องขอพูดถึงเรื่อง การเล่นหุ้น ต่อเลย

ที่จริง วัตถุประสงคของตลาดหุ้นแท้ๆก็คือ บริษัทที่กำลังเจริญก้าวหน้า และอยากขยายงานให้ใหญ่โตขึ้น ไม่อยากไปกู้เงินธนาคารเพราะกลัวเสียดอกแพง ก็เลยขอระดมทุนจากประชาชนแทน โดยการแบ่งขายหุ้นบริษัทมาขายให้ส่วนหนึ่ง จะได้ไม่ต้องมาเสียค่าดอกเบี้ยให้ธนาคาร เพราะหากดำเนินงานขยายล้มเหลว ยิ่งซวยขึ้นเป็นเท่าตัว แต่หากได้กำไรก็แบ่งกำไรให้ประชาชนที่อุตส่าห์หลงมาซื้อหุ้น
หน่อย แต่หากขาดทุนก็ไม่ต้องจ่ายเงินปันผล

ที่บอกว่า หน่อย ก็เพราะ กำไรที่จะตอบแทนผู้ถือหุ้นก็จะมาจากการอนุมัติของเหล่าผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ดีว่าอยากจะแบ่งให้เท่าไหร่ ถ้าให้เยอะราคาหุ้นก็จะขยับขึ้นดีเร็วๆไปด้วย แต่ถ้าให้น้อยราคาหุ้นก็จะไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่อยากแบ่งเงินปันผลให้มาก ก็ต้องใช้วิธีการให้เนียนขึ้นมากๆ เช่นอ้างว่าจะเก็บไปเป็นทุนสำรองให้บริษัทขยายงานออกไป พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม จะทำให้หน้าตาบริษัทดูดี ราคาหุ้นก็จะค่อยๆดูดีไปด้วย แต่ผู้ถือหุ้นเล็กๆก็จะได้เงินปันผลน้อยลง แลกกับหน้าตาบริษัทดูดี?

ทีนี้ในตลาดหุ้นล่ะ หลังๆวัตถุประสงค์แท้ๆ ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ เพราะจะเป็นไปในทางเก็งกำไรซะส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วงนี้วิกฤติอเมริกาที่พาหุ้นตกทั่วโลก กลุ่มทุนต่างประเทศที่เคยซื้อหุ้นในไทย ต่างพากันเทขายทิ้งเพื่อระดมเงินกลับประเทศ พลอยทำให้หุ้นไทยเกิดการปรับตัวลงอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้กระทบตลาดมากนัก เพราะโดยพื้นฐานจริงของบริษัทไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพปกติดี จะมีแต่กระทบผู้ถือหุ้นรายเล็กที่อาจขาดทุนจากการเทขายจากทุนข้ามชาติ และบรรดาโบรกเกอร์ที่ได้ค่านายหน้าน้อยลง ก็มีผลกันบ้างแต่ยังพอรับได้อยู่
.
หากมองในแง่ดี ก็เท่ากับเป็นโอกาสทองของคนที่คิดจะลงทุนจริงๆแบบระยะยาว ไม่ต้องมาซื้อของแพงจากการเก็งกำไรราคาหุ้นในอดีต
เพราะตอนนี้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ได้สะท้อนราคาที่เป็นจริงออกมาแล้วในช่วงนี้
.
แต่แน่นอนหากคิดจะซื้อหุ้นต้องลงทุนยาวๆ ใช้เงินเย็น ไม่ใช่เงินร้อนแบบกู้เขามาซื้อ มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
.
อ่านเศรษฐกิจโลกตก2




วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เซ็งช่อง7 เพราะ ธิดาวานร ?



ช่วงนี้ละครที่ดังที่สุดคือละครตอนเย็นช่วง18.45น. ของช่อง7สีทีวีเพื่อคุณ คือเรื่อง ธิดาวานร แตส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ดูหรอก ดูบ้างเป็นบางครั้ง เพราะมักไปอยู่ในที่ๆคนตรงนั้นเขาดูกัน เลยต้องดูไปด้วย แต่ถ้าผมอยู่บ้านจะไปดูช่องmodern9 เกมทศกัณฑ์ยกสยามมากกว่า กับช่วงทุ่มกว่าๆจะดูถ้าคุณแน่อย่าแพ้ป.4 (แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็กประถมไปแล้ว)

แต่ถึงแม้ไม่ค่อยได้ดู แต่ก็รู้เรื่องพอสมควร อ่านจากเรื่องย่อบ้าง ถามคนที่เขาดูประจำบ้าง แต่มีอยู่ประเด็นนึงที่ คนชอบละครเกาหลีเบื่อละครไทยส่วนใหญ่อย่างผม(ปีนี้ผมก็มีละครไทยที่ชอบอยู่หลายเรื่องนะครับ แต่เผอิญเป็นละครช่อง3) เกิดความสงสัยแล้วตะหงิดในใจ

ที่สงกาสัย ก็คือความไม่มีเหตุผลรองรับให้สมเหตุสมผลของละคร ธิดาวานร อยู่ตรงจุดเดียว ที่คนอื่นอาจว่าไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะธิดาวานรเป็นละครตลกกึ่งแฟนตาซี แต่สำหรับผมผมกลับมองว่า น่าจะสำคัญพอดูนะ นั่นคือประเด็น ลิงอุรังอุตัง(Orang-utan) หรือแม่มาของอิระวดีนางเอกนั่นแหล่ะครับ ว่าทำไม ป่าเมืองไทยถึงมีลิงอุรังอุตังได้?

ก็ในเมื่อ ลิงอุรังอุตัง ไม่ใช่สัตว์พื้นเมืองของไทย ไม่ใช่สัตว์ที่จะมีได้ทั่วไปในโลกนี้ เป็นสัตว์พื้นเมืองประจำถิ่น ซึ่งจะมีก็แต่ที่ อินโดนีเซียเท่านั้น
(อ่านข้อมูล ลิงอุรังอุตัง)

ก็เหมือนกับที่ จิงโจ้ มีแต่ทีออสเตรเลีย หรือ แพนด้า ก็จะมีแค่ในจีนเท่านั้น เป็นต้น

ผมถามคนที่เขาดูธิดาวานรเป็นประจำว่า ละครพอจะอธิบายเหตุผลให้สมเหตุผลของการที่ ป่าไทยมีลิงอุรังอุตังได้ยังไงบ้างมั้ย แต่ก็ไม่มีใครตอบได้ในประเด็นนี้ ผมก็อุตส่าห์ไปหาอ่านเรื่องย่อในเว็บ7สี แต่ก็ไม่อธิบายไว้เลย ไปเว็บอื่นๆก็ลอกมาเหมือนกัน เรื่องย่อธิดาวานรที่ปรากฏในคำอธิบายเกี่ยวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นแม่บุญธรรมนางเอกช่วงแรกที่แนะนำมีดังนี้

"ในป่านั้นเอง พรานเส็ง ได้พาพวกเข้ามาจับสัตว์ในป่าไปเพื่อเอาไปขาย มุ่งจับเฉพาะสัตว์ตัวลูกแล้วจะฆ่าแม่ แม่ลิงตัวหนึ่งโดนยิงบาดเจ็บเพราะไม่ยอมให้จับลูก ในที่สุดก็โดนแย่งลูกไปจนได้ แม่ลิงตามไปอีกโดนยิงล้มลงตามไม่ทันจึงถอยกลับมาเสียใจตีอกชกหัวร้องไห้เอาสมุนไพรรักษาตัวเอง แม่ลิงไปนั่งซุกอยู่บนกิ่งไม้ต้นเดียวกับที่เมงนั่งเกาะร้องไห้อยู่ แม่ลิงเห็นเมงเกิดความคิดถึงลูกมองว่าเมงเป็นลูกน้อยที่โดนจับไปมาแทนที่ลูกได้จึงเข้าไปช่วยเหลือพาเมงไปดูแล" (เมงหมายถึง นางเอกอิระวดี หรือกาสะลอง)

.

คือไม่มีคำอธิบายให้พอให้เป็นไปได้บ้างเลย อย่างน้อยก็น่าจะแต่งเรื่องว่า ระหว่างนำลิงอุรังอุตังจากสวนสัตว์ไปโชว์ตัวที่อื่น แล้วบังเอิญประตูกรงเกิดเปิด ด้วยความฉลาดของลิง ประจวบกับเห็นทัศนียภาพป่าไทยที่สวยงามเลยตัดสินใจหนีออกจากกรงเข้าป่าเพื่ออิสระภาพอะไรทำนองนี้ แต่นี้ ละครไม่มีปูพิ้นเรื่องให้ดูสมเหตุสมผลเลย

ผมเองเมื่อรู้สึกสงสัย และอยากให้ละครไทยไม่มั่วจนเกินไป อุตส่าห์ลองเข้าไปโพสถามในบอร์ดละครของเว็บ7สี เผื่อผมอาจจะตกเหตุผลที่ถูกต้องครบถ้วนของละครธิดาวานรไป อุตส่าห์ไปโพสกระทู้ขอคำอธิบายในบอร์ด7สี เผื่อจะมีผู้รู้จริงเข้ามาอธิบายให้ผมเข้าใจ จะได้ไม่เข้าใจละครเขาผิดไป หรืออาจจะเป็นคนช่อง7หรือดาราวีดีโอจะเข้ามาอธิบายให้ฟัง แต่ที่ไหนได้ กระทู้ถามเรื่อง ทำไมมีลิงอุรุงอุตังในป่าไทยของละคร ธิดาวานร ถึงมีได้?

ผมก็รอคำตอบอยู่ว่าจะมีคำอธิบาย แต่พอกลับเข้าไปดูกระทู้ของผมที่โพสไว้ กลับกลายเป็นว่า ถูกเว็บ7สีลบกระทู้ออกไปแบบไร้เหตุผล! ไร้คำตอบ?

นี่คือความจริงของ การไม่พัฒนาของละครไทย ขาดข้อมูลรองรับเหตุผล อาจทำให้เด็กๆไทยที่ดูอยู่หลงเข้าใจผิดในข้อมูลเรื่องสัตว์ที่ถูกต้อง ละครไทยเอาแต่สนุกโดยปราศจากเหตุผลรองรับพอสมควร แม้จะเป็นแค่ละครตลกก็ตาม แต่ก็ควรให้มีเหตุผลรองรับบ้าง ไม่ใช่นึกอยากมั่วอะไรก็มั่วได้ เป็นอยู่แบบนี้ ละครไทยมันถึงได้ตามละครเกาหลีเขาไม่ทัน

ถามว่า ละครเรื่อง ธิดาวานรดูสนุกมั้ย ผมก็ตอบว่าก็ดูเพลินๆดี นางเอกคนนี้ก็แสดงได้ดีมากๆ ตอนเธอประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ผมก็เชียร์ พอเธอมาเล่นละครธิดาวานรเป็นเรื่องแรก ผมก็ขอชื่นชมความทุ่มเทในการแสดงของเธอ ในการตีบทแตกของเธอ แต่ละครมันไม่สมบูรณ์ในใจผม ก็ตรงบทของละครที่ไร้เหตุผลรองรับที่ควรเพียงพอตามสมควรบ้างในเรื่องที่มาของลิงอุรังอุตังในป่าไทย!

แต่สุดท้ายละครไทย ก็ยังหนีไม่พ้นความชุ่ยๆเช่นเดิมๆ เฮ่อ!

อ่านเรื่องทำไมละครเกาหลีถึงดีกว่าละครไทย

ใหม่เมืองเอกnewakecity................football update-click


วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แนะนำละครเกาหลีโบราณที่ดีที่สุด



ช่วงนี้ผมขอเว้นวรรคเรื่องการเมืองสักแป๊บนึง วันนี้อยากพูดเรื่องละครเกาหลีแบบโบราณที่ผมเคยดูที่ช่อง3 นำมาฉาย ตั้งแต่เรื่อง แดจังกึม จนถึง คิมซูซอน ผมได้ติดตามมาทุกเรื่องตั้งแต่ช่อง3นำละครเกาหลีมาฉายตอนเย็นวันเสาร์อาทิตย์ แต่ที่ผมอยากนำมาเสนอในตอนนี้ขอแค่เรื่องระดับสุดยอด4เรื่องเท่านั้นครับ
เรื่องแรกก็คือเรื่อง

1. แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง นำแสดงโดย ลียองเอ คนสวยแต่ตอนเล่นเรื่องนี้รู้สึกอายุจะปาเข้าไป30กว่าแล้ว แต่ก็ยังน่ารัก



แดจังกึม มันส์มากๆ แม้เรื่องจะเน้นแต่การช่วงชิงอำนาจในครัวของวังหลวง มีการใส่ร้ายอย่างฉลาดของตัวร้ายแชซังกุง หัวหน้าซังกุงห้องครัว ที่มักคอยรักษามรดกอำนาจประจำตระกูลแชของตัวเองมาหลายชั่วคน เพียงเพราะผลประโยชน์จากการซื้อขายสินค้าเครื่องครัวในวังของตระกูลตัวเอง แต่ นางเอกของเราก็ฉลาดสุดๆ แถมมีคุณธรรมแบบสุดๆเช่นกัน สามารถเอาชนะความร้ายกาจของพรรคพวกตัวร้ายมากมายในวังได้อย่างแลกหมัด ถึงใจคนดู เรื่องราวเข้าใจฉีกแนวตรงสามารถสร้างกระแสอาหารเกาหลีได้ลือกระฉ่อนไปทั่วโลกได้อย่างเหลือเชื่อ!

ส่วนเรื่องความรักของพระเอกนางเอก เป็นไปแบบพระเอกคอยช่วยเหลือนางเอก แบบจีบโดยไม่ต้องจีบ รักโดยไม่ต้องบอกว่ารัก สุดท้ายก็แค่มองตาก็รู้ใจ

ใครเคยดูคงจำได้ว่ามันส์ขนาดไหน แต่ใครไม่เคยดู ขอบอกไปหาดูเสีย ใครไม่เคยดูละครเกาหลีโบราณจะได้เห็นถึงความฉลาดของผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไร้ญาติขาดมิตร แต่สามารถเอาชนะเหล่าร้ายได้อย่างเยือกเย็นครับ

คะแนนแดจุงกึม คะแนนเรื่องความรักของตัวเอกผมให้ 10 เต็มครับ คะแนนความประทับใจเนื้อหาผมให้ 9.8ครับ ส่วนคะแนนความมันส์สะใจผมให้ 9.8 ครับ
รวม 28.6 คะแนน 2.ซอดองโย สายใยรักสองแผ่นดิน เรื่องนี้ย้อนยุคโบราณกว่าแดจังกึม เพราะเป็นยุคที่เกาหลียังแบ่งเป็นแคว้นต่างๆถึง4แคว้น ยังไม่ได้รวมกันเป็นอาณาจักรโชซอนหรือเกาหลีในยุคโบราณ พระเอกเป็นลูกนางรำที่พ่อพระเอกทีเป็นพระราชาแอบมากุ๊กกิ๊ก ซึงผิดจารีตประเพณี และเพราะกลัวเหล่าขุนนางเชื้อพระวงศ์ที่หวังจะล้มอำนาจเพราะเรื่องนี้ เลยให้เมียเก็บแม่พระเอกหนีออกไป พระเอกเลยเป็นเด็กจรจัดยากจน แต่ก็มีสร้อยคอให้เป็นหลักฐานไว้ว่าเป็นลูก แต่แม่พระเอกก็ต้องมาตายตั้งแต่พระเอกยังเด็ก เพราะแม่พระเอกไม่อยากโดนเหล่าขุนนางจับได้เพราะแอบไปเป็นกิ๊กกับพระราชาพ่อพระเอก เลยให้พระเอกหนีไปแต่ไม่บอกพระเอกว่ากำลังหนีอะไรอยู่ พระเอกก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองก็เป็นลูกพระราชา

ส่วนฝ่ายนางเอกก็เป็นเจ้าหญิงเมืองศัตรูของพระเอก ที่อดีตพระราชาเมืองพระเอกซึ่งก็เป็นปู่พระเอกด้วยเคยไปรบแล้วแพ้ จนถูกฝ่ายเมืองนางเอกตัดหัวฝังประจานไว้บนทางเท้าในเมืองหลวงให้ผู้เดินเหยียบหัวทุกวันมานานนับสิบๆปี

ความรักของพระเอกนางเอก เป็นที่น่าติดตามมาก เพราะพระเอกเป็นเด็กจรจัด และมารักกับเจ้าหญิงนางเอกตั้งแต่ยังเด็ก ใครไม่เคยดูไปหาดูอีกซะ มันส์สุดๆ นางเอกสามารถใช้ชีวิตปกป้องเด็กจรจัดอย่างพระเอกได้ยังไงต้องหาดูให้ได้ครับ

ตัวร้ายที่เป็นคู่หมั้นของนางเอกตั้งแต่เด็ก แต่นางเอกไม่รัก สร้างความเจ็บแค้นมาตั้งแต่เด็ก หาทางแย่งความรักจากพระเอกให้ได้ เสแสร้งเป็นคนดีได้สุดยอด ฉลาดล้ำลึก ความมันส์มันอยู่ตรงนี้แหล่ะ สู้กันด้วยไหวพริบล้วนๆ สะใจจริงๆ พลาดไม่ได้ซักตอน เพราะพลาดแล้วจะตามทันยาก เพราะแลกหมัดกันชิงไหวชิงพริบไหวพริบตลอดเรื่อง แต่จะมีฉากต่อสู้มากกว่าแดจังกึมแน่นอน

คะแนนของซอดองโย เรื่องความรักของตัวเอก คะแนนเต็ม10 ผมให้เกิน11 ครับ คะแนนความมันส์ให้เต็ม10เหมือนกันครับ ส่วนคะแนนความประทับใจเนื้อหาผมให้9.9ครับ
รวม 30.9 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30นะครับ แต่มิวสิคเพลงซอดองโยเพราะที่สุดครับ



-


3.จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังค์ เรื่องนี้จะย้อนอดีตไปมากกว่า2เรื่องแรก เพราะแดจังกึมเป็นอาณาจักรโชซอนเกาหลีแล้ว ส่วนซอดองโย เป็นยุค4ก๊ก ยังไม่ได้รวมเป็นเกาหลี แต่จูมง นั้น เป็นยุคที่ก่อนยุค4ก็กในซอดองโย เป็นยุคโบราณจริงๆ ยังไม่มีกระดาษใช้เลย เวลาเขียนอะไรต้องเขียนบนแผ่นไม้ไผ่ ส่วนซอดองโย เริ่มคิดค้นกระดาษใช้เองได้แล้วไม่ต้องซื้อจากจีนแผ่นดินใหญ่ ยุคจูมงเป็นยุคเผ่าต่างๆ แต่มีทั้งเผ่าใหญ๋ที่เริ่มเป็นก๊กเป็นอาณาจักรบ้างแล้ว และมีทั้งเผ่าเล็กๆที่ยังไม่มีวังเป็นของตัวเอง ยังไม่มีความมั่นคงกันแทบทุกฝ่าย ยังอยู่ใต้อำนาจของจีนอยู่มากๆ

พ่อจูมง หรือพ่อพระเอก เป็นหัวหน้ากองกำลังโชซอนโบราณที่ต่อต้านจีน เป็นเพื่อนกับพ่อบุญธรรมจูมงที่เป็นพระราชาของแคว้นกุกุยอ ต่อมาพ่อพระเอกโดนยิงตกหน้าผา ใครๆนึกว่าตาย พ่อบุญธรรมของจูมงที่เป็นพระราชาแห่งแคว้นกุกุยอ ที่แอบหลงรักแม่จูมงอยู่แล้วก็เลยรับไปเป็นเมียน้อยที่เรียกว่าพระสนม แต่พ่อบุญธรรมมีเมียหลวงพระมเหสีอยู่แล้ว แตก็ไม่ได้รัก

พ่อบุญธรรมจูมง ก็ปกปิดคนอื่นไม่ให้รู้ว่า จูมงไม่ใช่ลูกแท้ๆของตัวเอง แถมยังรักจูมงมากกว่าลูกตัวเองกับพระมเหสีด้วยซ้ำ สร้างความอิจฉาให้กับเมียหลวงกับลูกๆ เพราะกลัวว่าในอนาคตจูมงลูกเมียน้อยจะมาแย่งบังลังค์ของลูกเมียหลวงไป

ส่วนจูมง ตอนแรกๆก็ไม่ได้เรื่อง ไม่เก่งสักอย่าง ดื่มเหล้าเคล้านารี เรียกว่าไม่เอาถ่านเลย ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหล่ะครับ เพราะเรื่องมันจะแสดงให้เห็นพัฒนาการของพระเอกจากคนที่ไม่เอาถ่าน เจ้าชู้ โหลยโท่ย กลับกลายเป็นจอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก่อตั้งอาณาจักรโชซอนโบราณของพ่อแท้ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ส่วนเรื่องความรัก นางเอกก็ฉลาดและเสียสละ เพราะตอนหลังๆ พระเอกไม่ได้แต่งกับนางเอกก่อน แต่กลับไปแต่งกับนางรองอีกคนที่ดีมากๆเช่นกัน และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป พระเอกนางเอกจะได้กันไหม ก็ต้องบอกว่าต้องติดตามอย่างลุ้นทุกตอน ตัวร้ายก็โหดและฉลาดแถมรักนางเอกเหมือนกัน แต่เป็นความรักที่อยากแย่งชิงมากกว่า และฉากรบในเรืองนี้ถือว่ามันส์กว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น

คะแนนจูมง คะแนนความรักตัวเอก ผมให้ 9เต็ม10ครับ ส่วนคะแนนความมันส์โดยรวมได้9.5ครับ ส่วนคะแนนความประทับใจเนื้อเรื่องผมให้ 9.8 ครับ
รวม 28.3 คะแนน

4. เรื่องสุดท้ายที่ของแนะนำมากที่สุดคือ คิมซูซอน สุภาพบุรุษมหาขันที



ทีแรกผมเริ่มไม่อยากดูละครเกาหลีแล้วครับ เหตุผลไม่ใช่เบื่อแต่อย่างใด แต่ที่อยากจะเลิกดูก็เพราะมันติดมากๆน่ะครับ เพราะตั้งแต่ดูละครเกาหลีมา ทำให้ละครซิทคอมโดนใจอย่าง บางรักซอย9 ของผมต้องเป็นลูกคนใช้ไปเลยครับ เพราะต้องดูละครเกาหลีเป็นหลัก พอโฆษณาค่อยเปิดไปดูบางรักซอย9 เลยดูบางรักซอย9 ไม่ค่อยปะติปะต่อสักเท่าไหร่นัก
พอถึงเรื่อง คิมซูซอน จะมาฉาย ผมเริ่มคิดว่าไม่ดูดีกว่ามั้ง เรื่องของขันทีมันจะมีอะไรให้น่าติดตามนักหนา คิดว่าจะขอแค่ลองดูแค่วันแรกวันเดียวเท่านั้น หากไม่มันส์ ไม่หนุก ก็จะไม่ดูดีกว่า ไปดูบางรักซอย9 ดีกว่า แถมตอนนี้ช่อง7 มีรายการหลานกับปู่กู้อีจู้ ของ workpoint โดยพิธีกรอันดับหนึ่ง ปัญญา นิรันดร์กุล มาเวลาเดียวกัน ก็ยิ่งมีทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้น


แต่ที่ไหนได้ คิมซูซอน แม้พระเอกจะเป็นแค่ขันที แถมไม่ได้กับนางเอกด้วยซ้ำ ดำเนินเรื่องก็ไม่รวดเร็วเร้าใจเท่ากับ3เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น แต่คิมซูซอนผมขอบอกว่า มันส์แบบลุ่มลึก ชิงไหวชิงพริบแบบเหนือชั้น ผูกเรื่องได้น่าคิด แถมมีมุมมองความรักที่สุดยอดฉีกแนว ไม่ว่าจะเป็นความรักที่พระเอกมีต่อนางเอก หรือแบบที่นางเอกมีต่อพระรอง และ ความรักของพระรองกับชู้รักเมียชาวบ้านที่ผู้คนต่างก็ประนามสาปแช่งว่าเป็น ผู้หญิงแพศยา

.

ขอย้ำอีกที พระเอกรักนางเอกข้างเดียว และนางเอกก็ไปรักพระรองที่หล่อกว่าพระเอก และพระรองก็ไปรักผู้หญิงแพศยาที่สวยกว่านางเอกมาก

.

ส่วนเรื่องความมันส์ของเรื่องประเด็นหลักก็อยู่ที่ การแย่งชิงอำนาจของขันทีกับเหล่าขุนนางกังฉิน(ขี้โกง) การชิงอำนาจของพระราชากับเหล่าขุนนาง การแย่งชิงอำนาจระหว่างบ้านเล็กบ้านใหญ่ การแย่งชิงอำนาจระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ และการแย่งชิงแบบเหนือชั้นในรูปแบบต่างๆ ที่สำคัญตัวร้ายที่เก่งที่สุดฉลาดที่สุด กลับเป็นตัวร้ายที่สวยที่สุดคนนึ้งในเรื่องด้วย เพราะนอกจากสวยแล้ว ยังเลือดเย็นและล้ำลึกเกินตัวร้ายผู้ชายทั้งหมด

.

ขณะที่เขียนบทความนี้ เรื่องคิมซูซอนยังไม่จบ กำลังมันส์ หากใครได้ดูต่อเนื่องจะเห็นว่าเรื่องนี้คล้ายๆการเมืองบ้านเราไม่น้อย

การต่อสู้แม้ไม่ถึงกับแลกหมัดกันอย่างเมามันส์เหมือน แดจังกึม หรือ ซอดองโย แต่ขอบอก เรื่องนี้เหนือชั้นและลึกซึ้งลุ่มลึกจริงๆ ผมกล้าบอกได้เลยว่า คนเขียนเรื่องนี้นับว่าอัจฉริยะมากๆ และกล้าฟันธงเลยว่า ดีกว่าละครไทยแบบฟ้ากับเหวเลย ไม่มีทางที่คนไทยจะเขียนบทได้ดีเท่านี้แน่นอน ขออภัยที่ดูถูก ที่จริงละครเกาหลีที่ผมเสนอมารทั้ง4เรื่อง ก็ไม่มีละครไทยเรื่องไหนที่จะเหนือชั้นเทียบเขาได้เลยจริงๆ

.

ละครเรื่องคิมซูซอนนี้ ถ้าจะเปรียบเป็นมวยก็มวยหมัดหนักครับ คือต่อยน้อยแต่หนักๆทั้งนั้น ซึ่งเรื่องที่ดำเนินเรื่องคล้ายๆแบบนี้ ผมเคยประทับใจอยู่เรื่องนึง แต่เป็นหนังจีนไต้หวัน เรื่อง คังซี ที่ช่อง3 เคยฉายตอนตี2 แต่ไม่ใช่คังซีเวอร์ชั่นที่พระเอกคังซีมีหนวดนะ ผมเองก็ไม่รู้จักชื่อเวอร์ชั่นที่ผมชอบ แต่เรื่องเน้นการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจระหว่างคังซีกับขุนนางที่ชื่ออ้าวป้าย ซึ่งมีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์ เรื่องนี้ดูเหมือนเดินเริ่องอืดอาดเนิบๆ แต่ขอบอกใครดูให้ตลอด จะรักในเรื่องคังซีเวอร์ชั่นนี้มากๆแน่นอน เพราะลึกซึ่ง ลุ่มลึก เหนือชั้น ทั้งฝ่ายพระเอกและผู้ร้าย เหมือนเรื่อง คิมซูวอน ไม่มีผิดครับ

.

ส่วนคะแนนที่ผมจะให้เรื่องคิมซูซอนนั้น ไม่มีจะให้ครับ แต่ขอบอกว่า ถ้าจะให้คะแนนของเรื่องนี้จริงๆ ก็ให้ได้คำเดียวว่า ดีที่สุดครับ

.

อ่านเรื่อง ทำไมละครเกาหลีถึงดีกว่าละครไทย

.

อ่านละครเกาหลีที่ผมรักและประทับใจที่สุด

.

ใหม่เมืองเอก newakecity

.


วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551

กินไข่มาก ๆ ช่วยลดคลอเลสเตอรอลได้





ผมเคยได้ยินเสมอๆว่ามีการเตือนเรื่องการบริโภคไข่ว่า ไข่มีคลอเลสเตอรอลสูง กินมากๆเดี๋ยวจะเป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งความเชื่อและคำแนะนำในเรื่องนี้มีฝังหัวคนทั่วไปมานานนับสิบปี

แต่ในความรู้ใหม่ที่ถูกต้องก็คือ ไข่สามารถป้องกันโรคไขมันชนิดคลอเลสเตอรอลสูงได้ดี สามารถป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ แถมยังบำรุงร่างกายและบำรุงสมองอย่างยอดเยี่ยม

ผมเคยได้ดูรายการโทรทัศน์ทางmodern9 เมื่อสัก2ปีที่ผ่านมา คือรายการชื่อ ดีมากๆ เป็นรายการสาระความรู้ที่นำเรื่องใกล้ตัวของคนเรามาพิสูจน์ให้เห็นอย่างชี้ชัด เป็นรายการที่ดูสนุกไม่น่าเบื่อผลิตจากประเทศออสเตรเลีย ออกอากาศตอน 5 โมงเย็นจันทร์ถึงศุกร์ เป็นเวลารายการของเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ

มีการทดลองอยู่ครั้งนึงเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องการกินไข่

เริ่มรายการพิธีกรชายได้ไปสัมภาษณ์นักกีฬาเพาะกายว่า เขากินไข่วันละกี่ฟอง รู้สึกนักเพาะกายจะตอบว่า วันละ 20 ฟองเห็นจะได้ หมายถึงกินทั้งไข่แดงและไข่ขาวทั้งฟอง 


โดยเฉพาะไข่ขาวเป็นอาหารจำพวกโปรตีนชนิดดีมาก ๆ สามารถย่อยง่ายช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดีเยี่ยม และผลคลอเลสเตอรอลของนักเพาะกายคนนี้ก็อยู่ในระดับปกติ 

แต่พิธีกรเห็นว่าเขาเป็นนักเพาะกายซึ่งจำเป็นต่อการต้องการจำนวนโปรตีนจำนวนมากอยู่แล้วก็ได้ เลยไม่เป็นอันตรายต่อเขา


ทีนี้พิธีกรชายคนนี้จึงใช้ตัวเองเป็นบทพิสูจน์เรื่องไข่ ว่าถ้าเขากินไข่ให้มากแบบนักเพาะกายคนนี้ แต่เขาจะไม่ได้ออกกำลังกายอย่างหนัก จะปฏิบัติตัวตามปกติเหมือนเดิม การกินไข่จำนวนมากของเขาจะทำให้มีปริมาณคลอเลสเตอรอลมากขึ้นในกระแสเลือดหรือไม่


เริ่มทดลองโดย ก่อนอื่นพิธีกรชายก็ต้องไปตรวจเลือดก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งผลเลือดของเขามีปริมาณคลอเลสเตอรอลในเลือดอยู่ในระดับปกติมากๆ คือค่อนข้างปานกลางไม่สูงหรือต่ำเกินไป ที่ประมาณ 140 mg/dl (ค่าปกติอยู่ระหว่าง 130-200 mg/dl )


หลังจากนั้นเป็นเวลาสองอาทิตย์ พิธีกรชายคนนี้จะเริ่มกินไข่วันละ 14 ฟอง/วัน และเขาก็จะกลับมาตรวจวัดปริมาณไขมันคลอเลสเตอรอลอีกครั้ง เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงว่าคลอเรสเตอรอลของเขาจะเพิ่มขึ้นหรือไม่


พอเมื่อครบกำหนด 2 อาทิตย์ พิธีกรชายคนนี้ก็กลับไปตรวจเลือดเพื่อดูผล และแล้วพอผลตรวจออกมา ผลเลือดของเขาแสดงให้เห็นว่า ปริมาณคลอเลสเตอรอลในเลือดของเขาลดลงอย่างมาก จากเดิมก่อนทดลองกินไข่วันละ14ฟอง ค่าคลอเลสเตอรอลของเขาอยู่ที่ ประมาณ 140 mg/dl แต่หลังกินไข่จำนวนมากถึง2อาทิตย์ ปริมาณคลอเลสเตอรอลของเขาลดลงเหลือเพียง 125 mg/dl เท่านั้น


ฉะนั้นจากการทดลองของเขาได้ข้อสรุปว่า การกินไข่ยิ่งมากคลอเลสเตอรอลก็ยิ่งลดลง ไม่ได้ทำให้เพิ่มคลอเลสเตอรอลในเลือดแต่ประการใด ซึ่งเขาก็ไปสอบถามแพทย์ที่ควบคุมการทดลองครั้งนี้ให้แน่ใจอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า ไข่ดีต่อสุขภาพจริงๆ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างที่หลายๆคนเคยเข้าใจ

เพราะปริมาณคลอเลสเตอรอลในไข่เป็นคลอเลสเตอรอลชนิดดี ไม่ใช่ชนิดร้ายที่ทำร้ายสุขภาพ และโดยปกติร่างกายมนุษย์หรือสัตว์จะสามารถสร้างคลอเลสเตอรอลได้เองเหมือนกัน แต่มักจะเป็นคลอเลสเตอรอลในแบบร้ายมากกว่า ส่วนแบบดีจะเพิ่มได้ด้วยการออกกำลังกายและการกินไข่ แต่เมื่อเรากินไข่มากๆ ปริมาณคลอเลสเตอรอลแบบไม่ดีที่ร่างกายสามารถผลิตเองได้ก็จะลดลง เพราะในไข่มีสารที่ต่อต้านคลอเลสเตอรอลแบบไม่ดีไม่ให้มีอำนาจยึดเกาะกระแสเลือดได้ครับ


ตัวผมเองก็ได้กินไข่วันละสองฟองเหมือนกัน ปริมาณคลอเลสเตอรอลก็ลดลงกว่าเดิมจริงๆ ซึ่งต่อมาผมก็ได้แนะนำให้คนรู้จักที่มีปริมาณคลอเลสเตอรอลสูงลองทดลองกินไข่ทั้งไข่แดงและไข่ขาวทุกวันดู ว่าจะลดปริมาณคลอเลสเตอรอลได้เหมือนผมหรือไม่ ซึ่งผลก็ออกมาว่าสามารถลดคลอเลสเตอรอลได้จริงๆ ครับ

ฉะนั้นการทิ้งไข่แดงไปโดยเปล่าประโยชน์ ย่อมเป็นที่น่าเสียดายมาก ๆ อีกทั้งไข่แดงมีสารเลซิตินที่ช่วยบำรุงสมองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย (ที่สำคัญคือต้องกินทั้งไข่แดงและไข่ขาว)

.ส่วนไข่ขาวมีโปรตีนเป็นโปรตีนชนิดดีที่สุดที่ร่างกายต้องการ แต่ต้องเป็นไข่ขาวที่สุกแล้วเท่านั้นนะครับ ขนาดผู้ป่วยโรคไตที่ต้องจำกัดจำนวนโปรตีนในอาหารแต่ละวัน หมอก็ยังอนุญาตให้กินไข่ขาวได้อย่างน้อยวันละ2ฟอง เพราะไข่ขาวไม่ทำให้ไตทำงานหนักครับ


ส่วนใครที่เคยเห็นคนกินไข่ดิบ นั่นคือความเชื่อที่ผิดๆ ว่าบำรุงร่างกายได้ดี เพราะไข่ขาวดิบจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้เท่าไข่ขาวสุกครับ 






วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ไอ้เขมรชั่ว (3) ฮุนเซน



"มึงมากูมุด มึงหยุดกูแหย่ มึงแย่กูตาม" นี่คือกลยุทธ์การรบของทหารเวียตกง ที่ใช้รบกับอเมริกาในสงครามเวียตนาม ซึงสมรภูมิครั้งนี้อเมริกาเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องถอยทัพกลับ

อเมริกา มีแสนยานุภาพทางทหารเหนือกว่าเวียตนามในทุกด้าน แต่กลับต้องพ่ายแพ้แก่กลยุทธ์การรบของทหารเวียตกง

อเมริกา ระดมเครื่องบินทิ้งระเบิดมากมายเข้าใส่เวียตนาม แต่อเมริกาไม่สามารถรู้ที่ตั้งศูนย์บัญชาการของทหารเวียตกงได้อย่างถูกต้อง เลยทิ้งมั่วสะเปะสะปะ

นั่นเพราะกลยุทธ์ที่เวียตนามใช้นี้คือหนึ่งในรูปแบบการรบแบบกองโจร แต่ที่พิสดารกว่าธรรมดาก็ตรงทหารเวียตกงสามารถหายตัวได้ ทำให้ทหารอเมริกันถึงกับหวาดกลัว บางคนถึงกับเป็นบ้าเพราะความกลัวตาย ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆทหารเวียตกงจะโผล่มาฆ่าจากตรงไหน ทหารอเมริกันเกิดความสับสนหวาดกลัว จนไม่เป็นอันกินอันนอน พากันมาตายกันมากขึ้นมากขึ้น สุดท้ายประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ทนกระแสกดดันจากคนอเมริกันไม่ไหว ประกาศถอนทัพกลับประเทศ

(ภายหลังสงครามคำเฉลยของการหายตัวได้ของทหารเวียตกงก็คือ อุโมงค์ลับใต้ดินแบบหนังจีนนั่นเอง)

ทีนี้กลับมาในกรณีเขมรกับไทย เขมรเริ่มใช้กลยุทธ์เดียวกันกับเวียตนาม แต่เริ่มต้นตรง "มึงหยุดกูแหย่" ก็คือที่เขมรมันเริ่มให้ข่าวใส่ร้ายไทย และขู่ให้ไทยถอนทหาร จนถึงการเปิดฉากยิงใส่กันเมื่อวันที่15ต.ค.ที่ผ่านมา

และพอไทยเริ่มจะตอบโต้ และจะฟ้องมันเรื่องกับระเบิดมันก็มีท่าทีอ่อนลงให้ นี่ก็คือ "มึงมากูมุด"

เชื่อเถอะหากสถานการณ์เกิดเริ่มสงบลง อีกสักพักมันก็จะเริ่มแหย่เราอีก และเมื่อไหร่ที่เราแย่ไม่ว่าจะปัญหาภายในประเทศที่กำลังแตกแยก หรือเราเพรี่ยงพร้ำทางการทูตหรือทางทหารก็ตาม รับรองมันจะไม่มีทางหยุดง่ายแน่ๆ มันจะถล่มเราทุกวิถีทางทั้งทางทูตและทางทหาร จนเราพ่ายแพ้ในที่สุด "มึงแย่กูตาม"

ไทยเรากำลังใจดีกับเขมรมันเกินไป ถ้าเรามั่นใจว่าที่ดินพิพาทตรงนั้นเป็นของเรา เราต้องมีการรุกโดยการประกาศให้มันถอนทหารกลับไปบ้าง แต่เราก็ไม่เคยทำ จนเดี๋ยวนี้นานาประเทศเขาจะไปเชื่อเขมรมันกันหมดแล้ว

ไทยเรามันอ่อน ไม่ละอายต่อบรรพบุรุษของไทยเรากันบ้างหรือไร ทำไมเดี๋ยวนี้เราไม่เป็นที่เกรงขามของใครๆในภูมิภาคนี้อีกแล้ว โดนเพื่อนบ้านมันลบหลู่อยู่เสมอ และสุดท้ายเราก็เสียสิทธิในดินแดนพิพาททุกครั้ง อย่าอ้างเลยว่า เพื่อสันติ และความสงบ ต้องรอให้ผืนดินสิ้นไปก่อนหรือไง

เราขาดผู้นำที่เราจะพึ่งพาได้อย่างแท้จริง มีแต่ผู้นำที่เห็นแก่ประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ก็ตาม ผมไม่ได้หมายถึงใคร แต่ผมหมายถึง นักธุรกิจใหญ่ต่างก็กลัวธุรกิจตัวเองจะเสียหายจากสงคราม และอาจไปกดดันนักการเมืองที่ได้รับการอุปถัมป์จากตัวเองอย่าให้มีสงครามเกิดขึ้น จนอาจทำให้ไทยเราต้องเสียดินแดนอีกเรื่อยๆไม่สิ้นสุด

ผมเองก็เกลียดสงครามและก็กลัวด้วย แต่ผมทนไม่ได้หากแผ่นดินไทยแม้แค่เพียงตารางเซ็นต์เดียวก็ตาม ต้องเสียไปให้ชาติอื่น

สำหรับเพื่อนบ้านอย่างเขมร นอกจากสงครามไม่มีหนทางอื่นใดเลยที่จะยุติความขัดแย้งเรื่องพื้นที่พิพาทได้แน่นอน แม้เราจะต้องมีการสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เราเคยได้ก็จำเป็นต้องยอม อย่าเห็นแก่เงินมากกว่าแผ่นดิน หนทางเดียวที่ผมเห็นคือ นโยบายแข็งกร้าวกับเขมรเท่านั้น ไม่งั้นมันไม่เข็ด จะเริ่มจากทางการทูตเชิงรุกก่อนก็ได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องรบเท่านั้น

มันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ถ้าเราไม่รบ เราเสียไปแล้วแน่นอน ถ้ารบก็ยังพอมีหวังได้คืน



จงอย่าเชื่อทุกสิ่งทุกคำที่ฮุนเซนพูดหรือรับปาก เพราะมันคือคนคบไม่ได้ ที่พร้อมจะแว้งกัดเราได้เสมอ


อ่านเขมรชั่วตอนที่1

อ่านประวติเขาพระวิหารและมุมมองผู้เชี่ยวชาญ

อ่านเรื่องการบุกรุกพื้นที่เชิงเขา

อ่านกรรมของสีหนุจากไอ้ฮุนเซน

อ่านประวัติ ไอ้ฮุนเซน คนขึ้นวอ .

อ่าน ขำกลิ้ง เมียฮุนเซน

ใหม่เมืองเอก
October 17, 2008 -
PREAH VIHEAR, Cambodia (AP) -- Cambodia's prime minister called Friday for more talks with Thailand after a deadly armed clash raised fears the two neighbors were headed for a full-scale war over a patch of disputed land along their border.
"We can still talk to each other and are not yet enemies unwilling to talk to each other at all," Hun Sen said after a Cabinet meeting in the capital.
Hun Sen, seeking to reassure thousands of Cambodian villagers who have fled their homes near the conflict area, said, "There is no large-scale war occurring."
"I would not call it a war. This was just a minor armed clash," said Hun Sen, a former Khmer Rouge guerrilla fighter.
(CNN more news)
.

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ไอ้เขมรชั่ว (2) ฮุนเซน




ไทยเราทำคุณไม่ขึ้น เพราะมีเพื่อนบ้านเลวๆรายล้อม โดยเฉพาะลาว กัมพูชา และพม่า มักแว้งกัดเราอยู่เสมอมาตั้งแต่โบราณจนเดี๋ยวนี้ (โดยเฉพาะเขมร ยามใดเรามีปัญหาในประเทศ มันจะแว้งกัดเราเสมอ)


"เล่นกับหมา หมาเลียปาก" โดยเฉพาะกับเขมรชั่ว สถานการณ์ที่เขาพระวิหาร มันบั่นทอนจิตใจคนไทยมานับร้อยปี ตั้งแต่ยุคฝรั่งเศสล่าอาณานิคม ส่วนตอนนี้ ไอ้อดีตสุนัขรับใช้เวียตนาม ชื่อ ไอ้ฮุนเซน มันเหลิงอำนาจ ยิ่งใหญ่เกินเจ้า สั่งได้ตั้งแต่กษัตริย์ยันยาจก มันได้ดีขึ้นมาเพราะญวณอุปถัมป์


ฮุนเซน ได้เสียงข้างมากอย่างท่วมท้นอีกครั้งในสภาเขมรเมื่อการเลือกตั้งล่าสุด และครองอำนาจมายาวนานกว่า20ปี เมียมันก็ญวณแท้ ตอนนี้หลายคนวิเคราะห์ว่า มันจะทำตัวเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่เกินเจ้าแท้อย่างสีหนุ เพราะในอดีตสีหนุเคยเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศสได้สำเร็จ และสีหนุเอาชนะไทยเรื่องเขาพระวิหารได้ แต่ยังได้ไปไม่หมด งานนี้ไอ้ฮุนเซนมันกะยึดได้ทั้งหมด เป็นวีรบุรุษแห่งชาติ เอาชนะชาติมหาอำนาจแห่งลุ่มน้ำโขงอย่างไทยได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด


ตอนเด็กๆ พ่อเคยเล่าให้ผมฟังว่า พอทหารไทยจะโละอาวุธรุ่นเก่า ไทยเราก็เอาไปบริจาคให้เขมร แต่หลังจากนั้นไม่นาน ปืนที่เราให้มัน มันก็กลับเอามาใช้ยิงเรา เพื่อจุดประเด็นทวงคืนเขาพระวิหาร


สมัยโบราณเราเคยช่วยเหลือมันมากมาย ผมไม่ใช่นักประวัติศาสตร์จึงไม่ขอเล่าส่วนนั้น แต่ถ้าเรื่องที่ผมได้รู้ในยุคหลังๆก็คือ


1. เขมรแตก ไทยเรารับเลี้ยงผู้อพยพเขมรนับแสนคนมาหลายปี


2.ไทยเราเป็นแม่งานใหญ่ช่วยมันเลิกแตกแยกรวมประเทศได้อีกครั้ง


3. ถนนหนทางสำคัญ ทหารไทยก็ไปช่วยสร้างให้มัน


4. ระเบิดยุคสงครามเขมร ไทยเราก็เข้าไปช่วยเก็บกู้มานานนับสิบปี


5. ขนาดเรื่องนาฏศิลป์ของมัน หลังฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม มันก็ขอให้ครูนาฏศิลป์ของเราไปช่วยสอนมันฟื้นฟูศิลปะเขมรให้ใหม่


นี่คือเรื่องคร่าวๆที่ผมพอจำได้ ส่วนในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ผมเคยบอกไว้ว่า หากเราจะยึดเขาพระวิหารคืนก็สามารถทำได้ด้วยการรบ แต่สิ่งที่อาจสร้างความลำบากใจให้เราก็คือ ไทยเราอาจจะไม่ได้สู้กับเขมรชาติเดียวก็ได้ อย่างที่รู้กันว่า ฮุนเซน ได้ดีจากการสนับสนุนจากเวียตนาม และคราวนี้ก็เป็นไปได้ที่ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยอีกครั้ง


เช่น ในสมัยสงครามบ้านร่มเกล้าที่ไทยรบกับลาวนั้น ไทยเราก็ไม่ได้รบกับลาวเพียงชาติเดียว เป็นที่รู้กันว่า เวียตนามก็อยู่เบื้องหลังสงครามครั้งนั้น แถมยังมีทหารจากฝั่งคอมมิวนิสต์มาช่วยลาวอีกหลายประเทศ เช่นโซเวียตและคิวบาเป็นต้น ซึ่งผลการรบยังไม่ทันสิ้นสุด ก็ได้มีการเจรจาสงบศึกเสียก่อน แต่ที่แน่ๆ เราไม่มีสิทธิบนยอดเขาบ้านร่มเกล้าแล้วในปัจจุบัน


อ่าน วิกิพิเดียเรื่องบ้านร่มเกล้า


แต่ที่แน่ๆ เรื่องทั้งหมดมันล้วนเกิดจากประเด็นเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเป็นหลัก ส่วนจะมีเบื้องหลังอะไรมากกว่านี้ก็มิอาจทราบแน่ชัด



การที่เขมรได้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ต้องทำแผนการพัฒนาพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารส่งให้กรรมการมรดกโลก แต่พื้นที่บางส่วนของเขาพระวิหารโดยรอบกลับอยู่ในดินแดนพิพาทซึ่งทหารไทยดูแลอยู่ มันไม่ต้องการจัดการร่วมเพราะผลประโยชน์มันมหาศาลและมันก็มีหลายชาติมหาอำนาจให้การสนับสนุน หากมันยังไม่ได้ในพื้นที่เต็มร้อย แผนงานพัฒนาของมันก็จะไม่สำเร็จ



หรือบางที่การที่ฮุนเซน ชวนไทยทะเลาะ ก็เพื่อต้องการให้ไทยขึ้นศาลโลกกับเขมรอีกครั้ง เพราะเขมรมันมั่นใจว่าจะชนะเราได้อีกครั้ง กะยึดพื้นที่ทั้งหมดที่มีปัญหา


เขมรเริ่มใช้ยุทธศาสตร์ทางการฑูตโจมตีไทยก่อนต่างๆนานา ขณะที่เราต้องคอยตามแก้ข่าว ยังไม่เคยเป็นฝ่ายรุกก่อนเลย ข่าววันนี้ทหารไทยกับเขมรได้ข้อตกลงร่วมกันอีกครั้ง ว่าจะลาดตระเวนตรวจการด้วยกันอีกครั้ง(หลังจากเคยตกลงแบบนี้มาแล้วครั้งนึงเมื่อไม่นาน)


ก็เพราะมันกลัวเราจะเอาเรื่องที่มันละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้กับระเบิดทำร้ายคนอีก ไปฟ้องสหประชาชาติ ว่ามันละเมิดจนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เราเจอกับระเบิดฝังใหม่ผลิตจากรัสเซียที่เขมรมันแอบมาฝังไว้ มันกำลังจะตบหัวแล้วลูบหลังเราอีกครั้ง แล้วพอเรื่องเริ่มซามันก็จะกลับมาแว้งกัดเราอีกครั้ง (ที่จริงไทยกับเขมรได้เซ็นสนธิสัญญาออตตาวาร่วมกัน และเขมรก็อนุญาตให้ไทยมีสิทธิเข้าไปตรวจและกู้กับระเบิดตั้งแต่สมัยเขมรแดงและเวียตนามฝังไว้ในดินแดนเขมรได้จนถึงปี 2552)


ผมอยากจะขอเตือนคนไทยทุกคนที่หวงแหนแผ่นดินว่า หากเราเสียดินแดนตรงส่วนนี้อีกครั้ง เขมรมันจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน เพราะเมื่อเขมรได้สิทธิบนดินแดนเขาพระวิหารทั้งหมดตามแผนที่ที่ฝรั่งเศสมันทำไว้แล้ว


แผนที่นี้มันลากไปอีกหลายพื้นที่ในหลายจังหวัด ทั้งปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ปราสาทสะด๊อกก๊อกธม จ.สระแก้ว เป็นต้น (ซึ่งทั้งสองจุดนี้จะต้องเกิดปัญหาพิพาทอีกแน่ๆในอนาคต!!)


และแผนที่ของฝรั่งเศสนั้นมันไม่ได้ลากกินเฉพาะบนผืนดินเท่านั้น มันลากลงไปถึงในทะเล ที่ไทยกับเขมรยังตกลงกันไม่ได้ ที่สำคัญมีผลประโยชน์ในการขุดหาทรัพยากรพลังงานในทะเลมหาศาล


ฉะนั้นเราจะยอมเสียดินแดนไปไม่ได้อีกแล้ว และถ้าไทยไม่เป็นฝ่ายรุกบ้าง รับรองเขมรมันไม่หยุดแค่เพียงแค่นี้แน่ ยังไงมันก็ต้องเอาชนะเราให้ได้ทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะใช้วิธีชั่วหรือไม่ก็ตาม


และยากนักที่เราจะเอาชนะมันในเวทีโลกด้วย เพราะมันมีหลายชาติที่ต้องการจ้องหาผลประโยชน์กับมันคอยสนับสนุนอยู่ ดูอย่างการขึ้นทะเบียนมรดกโลกสิ กรรมการมรดกโลกโกงกฏระเบียบเพื่อยกให้เขมรมันง่ายๆ


ในความเห็นของผม หากเราจะยึดพื้นที่พิพาท4.6ตร.กม.รอบเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาดได้มีหนทางเดียว คือ การรบเท่านั้น เพราะมิเช่นนั้น เราจะไม่มีโอกาสได้พื้นที่พิพาทจุดนี้กลับมาเป็นของเราอีกแล้ว ฟันธง !


อ่านเขมรชั่วตอนที่ 3

อ่านประวติเขาพระวิหารและมุมมองผู้เชี่ยวชาญ , อ่านเรื่องการบุกรุกพื้นที่เชิงเขา

อ่านกรรมของสีหนุจากไอ้ฮุนเซน

อ่านประวัติ ไอ้ฮุนเซน คนขึ้นวอ

ขำกลิ้งเมียฮุนเซน
.
ใหม่เมืองเอก

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ยึดคืนพื้นที่4.6รอบเขาพระวิหารจากไอ้เขมรชั่ว(1) ฮุนเซน



"ความวัวไม่ทันหาย ความควายเขมรเสือกเข้าแทรก" กรณีควันหน้ารัฐสภายังไม่จาง เมื่อวานนี้14ต.ค.51 ไอ้ฮุนเซน นายกฯชั่วเขมร ประกาศให้ไทยถอนทหารภายใน24ช.ม. ไม่เช่นนั้น มันจะรบกับไทย


มันขู่เสร็จ ดึงความวุ่นวายของข่าวปะทะหน้าสภาไปหามันได้ในทันที แม้วมันต่อสายบอกฮุนเซนหรือเปล่าไม่รู้ได้ รู้แต่ว่า แม้วมันเก่งนักเรื่องดึงความสนใจข่าว ตั้งแต่ลิเวอร์พูลยันแมนฯซิตี้


ขออภัย! หากผมใช้คำรุนแรงไป เพราะเรื่องแผ่นดินแม่คือเรื่องใหญ่



เมื่อตอนเย็น15ต.ค.51ดูข่าวช่อง3 ว่ามีการปะทะของทหารไทยกับทหารเขมร ไอ้เขมรมันตายไปสอง เจ็บนับสิบ สมน้ำหน้ามัน ส่วนทหารไทยเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง5นาย ปลอดภัยแล้ว แถมได้ไปรักษาที่รพ.กันทรลักษณ์ทันที ที่สำคัญดูในข่าวช่องไทยPBS เห็นมีหมอผู้หญิงสวยมากๆคนนึง ขาวสวยหมวย รับรองทหารไทยหายเจ็บช้าเอ้ย! หายเจ็บไวแน่นอน กำลังใจสวย?


ส่วนในข่าวช่อง3 ธีระ คนอ่านข่าว พูดถึงว่า เพราะไทยเราไปเซ็นยกตัวปราสาทเขาพระวิหารให้เขมร เมื่อรัฐบาลหมัก


ทันทีทันใด ไอ้เหล่ นพดล มันร้อนตัวทันที รีบโทรเข้ารายการบอกว่า มันไม่เกี่ยวแล้วนะ เพราะมันบอกเขมรแล้วว่า ข้อตกลงที่มันเสร่อไปเซ็นกับเขมร ยกเลิกแล้วเพราะศาลสั่ง แต่เขมรมันไม่สนหรอก ไอ้เหล่โง่ เพราะมันถือว่า มันเซ็นกับรัฐบาลไทย ไม่ได้เซ็นกับศาลไทย ไอ้โง่


ถ้าตราบใด รัฐบาลไทยไม่มีหนังสือประกาศอย่างเป็นทางการจากนายกฯ มันก็ยังมีผลอยู่นั่นเอง ส่วนที่ศาลสั่งไอ้เหล่ มันเรื่องของมึง กูเขมรไม่สนหรอก ถ้ามึงผิด มึงก็ติดคุกไป เรื่องของมึงอยากโง่มาเซ็นกับกูเขมรเอง ควายจริงๆนะไอ้เหล่

..................................นพดลมันเลี้ยงไม่เชื่อง

จำได้มั้ย ไอ้เหล่ นพดล มันเคยบอกว่า เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท แต่ในความจริง มันเอาทั้งหมด ทั้งพื้นที่โดยรอบปราสาทด้วย ไอ้แม้วมันปล่อยให้มันมาตั้งบ้านเรื่อนตั้งแต่ปี46แล้ว


ไอ้ฮุนเซน กับรมต.ต่างประเทศมันบอกไทยยิงมันก่อน ไทยรุกร้ำดินแดนมัน มันไม่เคยพูดเลยว่า ที่ดินตรงนั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อนเลย มันเรียกดินแดนเขมรมาตลอด มีแต่ไอ้นพดลกับรัฐบาลหมักพูดอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้เหล่มันพูดว่าพื้นที่ทับซ้อนก็เท่ากับยกให้มันไปครึ่งนึงแล้ว


หากไทยเรายึดตาม มติครม.2505 ไอ้เขมรมันไม่มีสิทธิลงมาจากตัวปราสาทเขาพระวิหารด้วยซ้ำ ตอนนี้มันยึดพื้นที่โดยรอบตีนปราสาทไว้หมดแล้ว รั้วไทยมันก็รื้อออก


ถึงเวลาแล้วที่ทหารไทย ต้องบุกยึดคืนพื้นที่ของไทยกลับมาให้หมด แค่4.6ตร.กม.ที่พิพาทไม่พออีกแล้วสำหรับความเหิมเกริมของมัน ไอ้เขมรคบไม่ได้


ทหารไทยถ้าเอาจริง ผมมั่นใจว่า ภายในคืนเดียว เราสามารถยึดเขาพระวิหารคืนมาได้ทั้งหมด ทั้งตัวปราสาทด้วย ไม่ต้องให้เป็นของมันอีกต่อไป


ไทยเราไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทเฮงซวยอีกต่อไปแล้ว ดูอย่างรัสเซียซิ ใครรุกร้ำแผ่นดินเขา เขาบุกยึดคืนทันทีอย่างเด็ดขาด (ดูที่ข่าวเนชั่น กรณีรัสเซียรบจอร์เจีย)


ไอ้ฮุนเซน หรือไอ้เขมรตั้งแต่อดีต มันคบไม่ได้ ทุกวันนี้ ในหนังสือแบบเรียนของเด็กเขมร มันยังสั่งสอนให้เด็กๆเขมรเกลียดคนไทย มันสอนเด็กๆว่า คนไทยขี้โกงป่าเถื่อน แถมไอ้เขมรมันยังมีละครจักรๆวงศ์ๆ เรื่องเขาพระวิหาร ที่เนิ้อหามีแต่คนไทยไปแย่งชิงของๆมัน (ผมนำข้อมูลจาสกู๊ปข่าวไทยPBS ไม่นานนี้เอง)


แต่ไทยล่ะ มีแต่สอนให้รักเพื่อนบ้าน ขนาดเดี๋ยวนี้ละครเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยรบพม่าสมัยอยุธยา ละครไทยยังเลิกเรียกว่าทหารพม่าเลย เลี่ยงไปเป็นทหารหงสาฯแทน


ไทยเรารักษากฏบัตรสหประชาชาติมาตลอด ทำตัวดีมาตลอด แตไอ้เขมรหรือไอ้เพื่อนบ้านเรามันไม่เคยให้เกียรติ์ไทยเราเลย ตัวอย่างก็เคยมีให้เห็น


1. ปี2531 กรณี ไทยรบลาวที่บ้านร่มเกล้า เดี๋ยวนี้ลาวมันยึดไปแล้ว เราอย่าลืม


2. ปีไหนจำไม่ได้ สมัยชวน หลีกภัย นายกฯดีแต่พูด เราเสียเนิน491ให้พม่าไปแล้ว เราไม่มีสิทธิในพื้นที่อีก


ถึงเวลาแล้วที่ไทยเราต้องแข็งกร้าวต่อประเทศเพื่อนบ้านเลวๆแบบนี้


ปราสาทเขาพระวิหาร ไทยต้องยึดคืนมา แล้วบอกว่า เราจะไม่ยึดตามคำสั่งศาลโลกอีกแล้ว เพราะไอ้เขมรมันไม่เคยยึดสัญญาที่มันเคยมีกับเรา ไทยเราจะยึดตามแนวสันปันน้ำตามหลักสากลเท่านั้น เราไม่สนใจสนธิสัญญาโบราณที่ไอ้ฝรั่งเศสมันบีบให้เราเซ็นในสมัยล่าอาณานิคมด้วย


ไทยเราต้องทำตามจีนที่เคยฉีกสนธิสัญญาอัปยศที่จีนเคยทำไว้กับไอ้พวกล่าอาณานิคม ดูซิ จีนยึดธิเบต ดูไร้เหตุผลจะตาย แต่จีนก็ทำได้ ของไทยเราสมเหตุผลกว่า ฉะนั้นไทยเราควรยึดทั้งเขาพระวิหารคืนมาทั้งหมดได้เลย ถ้าไอ้เขมรมันอยากได้ตัวปราสาทคืน ก็เอาเงินมา แล้วเราจะขุดเอาไปให้ เทคโนโลยีมันทำได้


ไทยเราจะมีมารยาทกับคนมีมารยาทเท่านั้น กับไอ้ฮุนเซน มันไร้มารยาทกับเรา ใส่ร้ายเรา ทั้งๆที่ รมต.ต่างประเทศไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพื่งไปคาราวะแนะนำตัวกับมัน ไม่ทันทีรมต.ไทยจะกลับถึงพื้นดินไทย ไอ้ฮุนเซน มันก็ประกาศด่าเราไล่หลังมาทันที


ไม่สมควรที่ไทยเราจะรักษามารยาทอีกต่อไป ขับไล่มันออกไปจากแผ่นดินไทยได้แล้ว


ผมมั่นใจว่า หากไทยเรารบยึดเขาพระวิหารกลับมา เราจะได้คืนในเวลาไม่ช้าแน่นอน อย่าให้มันลบหลู่ไทยเราอีก

และหากเปลี่ยนจากฮุนเซนมาเป็นนายกฯไทย และสมชายไปเป็นนายกฯเขมร คุณเชื่อมั้ย ป่านนี้เขาพระวิหารฮุนเซนมันยึดได้หมดแล้ว

"แผ่นดินของเรา ต้องเป็นของเราชาติไทย" จำไว้ ศาลโลกไม่ใช่พ่อ เราไม่ต้องฟัง

ขอเพิ่มเติม

เมื่อหลายวันก่อน 7ต.ค.ทหารไทยที่ลาดตระเวนหากับระเบิด โดนทุ่นระเบิดที่เขมรมันเพิ่งมาฝังไว้ใหม่ ไอ้เขมรมันทำผิด อนุสัญญาสัญญา ออตตาวา ที่ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดทำร้ายมนุษย์อีก คนเลวๆอย่างไอ้เขมรหมดเวลาเกรงใจและให้เกียรติ์มันแล้ว
.

อ่านเขมรชั่ว 2

อ่านเรื่อง การบุกรุกพื้นที่เชิงเขาพระวิหาร

อ่านประวติเขาพระวิหารและมุมมองผู้เชี่ยวชาญ

อ่านกรรมของสีหนุจากไอ้ฮุนเซน

อ่านประวัติ ไอ้ฮุนเซน คนขึ้นวอ

ขำกลิ้งเมียฮุนเซน
.
ใหม่เมืองเอก อัปเดทผลบอลคลิกที่นี่

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ข่าวสดแปลบิดเบือนพระสัมภาษณ์



.....................................The University of Connecticut School of Law
กรณีทรงประทานสัมภาษณ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กับบนักข่าวต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกา ในเดือนต.ค.51ที่ผ่านมา


ก่อนอื่น ผมขอบอกว่า ผมไม่ได้เก่งภาษา และไม่ขอรับรองว่าผมแปลถูกต้องหรือไม่ แล้วแต่วิจารณญาณของทุกคนก็แล้วกันครับ

แต่ผมเห็นว่ามีการตีความหมายที่บิดเบือนของนักข่าวต่างประเทศ และเห็นมีการแปลบิดเบือนอีกครั้งของหนังสือพิมพ์ข่าวสด จึงอยากขอแปลในแบบของผมบ้าง เพือให้ลองพิจารณากัน


The princess of Thailand said Thursday that she does not believe protests in her home country are being staged to benefit the monarchy.


ตรงนี้เป็นหัวข้อเกริ่นนำของนักข่าว ซึ่งเวลาถามจริงๆไม่ใช่แบบนี้ ตรงนี้เป็นการตีความเข้าข้างความคิดตัวเองของนักข่าวฝรั่งเพราะไม่มีเครื่องหมายคำพูด


ประโยคข้างบนแปลว่า เจ้าหญิงของไทยเคยกล่าวในวันพฤหัสว่า พระองค์ทรงไม่เชื่อว่าผู้ประท้วงในไทยถูกจัดขึ้นเพื่อประโยชน์กษัตริย์


แต่ในการถามจริงๆนักข่าวถามว่า The princess was asked at a press conference following her talk whether she agreed with protesters who say they are acting on behalf of the monarchy.


ประโยคนี้แปลว่า เจ้าหญิงถูกถามโดยนักข่าวภายหลังการพูดคุยของพระองค์ว่า พระองค์ทรงเห็นด้วยกับผู้ประท้วงที่ว่าพวกเขาทำในนามกษัตริย์หรือไม่


จะเห็นได้ว่า บทเกริ่นของนักข่าวใช้คำว่า to benefit = เพื่อประโยชน์


แต่ในการถามจริงใช้คำว่า on behalf of = ในนาม,ในฐานะ ซึ่งคนละความหมายกัน เพราะ คำว่าในนาม หมายถึง เป็นตัวแทน


ซึ่งพระองค์ทรงตอบว่า "I don't think so," she replied. "They do things for themselves"


"ฉันไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาทำในนามตัวเขาเอง" [ซึ่งแปลง่ายๆว่า พวกเขาทำกันเอง (ไม่มีใครสั่งให้ทำ) )]

for ตรงนี้ไม่ได้แปลว่า เพื่อ แต่แปลว่า ในนาม ใช้แทนคำว่า on behalf of พระองค์ทรงหลีกเลี่ยงคำนี้ เลยใช้คำว่า for แทน (ซึ่งผู้ถามและผู้ตอบจะเข้าใจตรงกันว่า เป็นคำใช้แทน)
for (8) - PREP. - ในฐานะของ
Syn. :: on behalf of (syn..ย่อมาจาก synonym = คำเหมือนกัน)
(อ้างคำแปลจากเว็บดิกชันนารี http://dict.longdo.com/search/for)
และตรงจุดนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ก็แปลเช่นเดียวกัน

"Asked why the king has not spoken out," ตรงนี้นักข่าวถาม

พระองค์ทรงตอบ she said, "I don't know because I haven't asked him"

นักข่าวถามว่า ทำไมพระราชาไม่ทรงตรัสออกมา

เจ้าหญิงทรงตอบว่า "ฉันไม่รู้เพราะฉันไม่ได้ถามพระองค์"

.

ซึ่งทั้งหมดนี้ดูเหมือนว่า นักข่าวฝรั่งคนนี้มีเจตนาบิดเบือนความหมายของพระองค์ ตรงคำว่า to benefit กับ on behalf of นั่นเอง

.

และนสพ.ข่าวสดนำพระสัมภาษณ์มาแปลแบบบิดเบือนโดยเฉพาะ ประเด็นคำว่า for ข่าวสดแปลตรงตัวว่า for แปลว่าเพื่อ ซึ่งถ้าคุณได้อ่านในข้างต้นที่ผ่านมา ก็จะรู้ว่า ข่าวสด มีเจตนาแอบแฝงในข่าวนี้แน่นอน

.

ที่สำคัญเหนือสิ่งอืนใด สมเด็จพระเทพฯทรงมีพระอัจฉริยะภาพทางภาษาอย่างสูง พระองค์ย่อมไม่ทรงตอบคนละคำถามที่ถามจากนักข่าวแน่ เขาถามใช้คำว่า ในนาม พระองค์ก็ทรงตอบ ในความหมาย ในนาม เช่นเดียวกัน



สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ผมไม่ขอฟันธงว่า แกนนำพันธมิตรจะทำเพื่ออะไรกันแน่แต่ผมกล้าฟันธงว่า ผู้มาร่วมชุมนุมที่ไมใช่แกนนำ พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแน่ๆครับ



และถึงแม้แกนนำพันธมิตรอาจทำเพื่อตัวเองจริงๆ ก็ไม่ได้แปลว่าฝ่ายตรงข้าม จะไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเพราะนักข่าวถามเจาะจงที่พันธมิตรแค่ฝ่ายเดียว ไม่ได้ถามถึงทั้งสองฝ่าย


ส่วนบทความเต็มๆมีดังนี้



Thailand princess speaks at Connecticut school
Associated Press
October 9, 2008
WALLINGFORD, Conn. - The princess of Thailand said Thursday that she does not believe protests in her home country are being staged to benefit the monarchy.


Princess Maha Chakri Sirindhorn talked about the importance of public service Thursday at the Choate Rosemary Hall prep school in Wallingford. She later headed to the University of Pennsylvania for a U.S.-Thailand education discussion.


Her visit came amid the worst political violence in Thailand in more than a decade. Thousands of protesters have camped at the main government office complex to demand electoral changes and an end to corruption in Thai politics.


In violent clashes on Tuesday, 423 protesters and 20 police were injured, Thai medical authorities said. One woman was killed, and a man died in what appeared to be a related incident.
It was the worst political violence since 1992, when the army killed dozens of pro-democracy demonstrators seeking the ouster of a military-backed government.


The princess was asked at a press conference following her talk whether she agreed with protesters who say they are acting on behalf of the monarchy.


"I don't think so," she replied. "They do things for themselves.


"Asked why the king has not spoken out, she said, "I don't know because I haven't asked him.


Protest leaders have called for the prosecution of people who insult the monarchy. One leader wants to abandon Thailand's popularly elected Parliament for one in which a majority of members would be appointed.


Some academics have said the plan would enhance the power of the country's military and monarchy at the expense of the poor.


"There are a lot of political problems," the princess said. "I told my friends, colleagues just to do what is their duty."



ใหม่เมืองเอก

ผู้ติดตาม