อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(23)
รูปตอนโอคัตสึปลอมตัวเป็นชายเพื่อไปเรียนกับท่านอาจารย์คิโยมิชิ และก็ได้รู้จักกับนาโอโกโร่ครั้งแรก
ตำแหน่งไดเมียว คือเจ้าของที่ดินหรือเจ้าแคว้นของเมืองหรือเจ้าเมืองนั่นเอง ซึ่งหากเทียบเคียงในภาษาอังกฤษจะใกล้เคียงกับคำว่า ท่านLord อยู่ในระบบศักดินา (vassal)ครับ
ทีนี้ขอกลับไปที่คำสอนสุดท้ายของคิขุโมโตะ คือ "There is only one path for woman. To defy fate and turn back is a disgrace" "แต่หนทางของลูกผู้หญิง(วิถีของสตรี)มีแต่เดินหน้าไปเท่านั้น ไม่อาจหันหลังย้อนกลับมา ให้อายคนนะเจ้าคะ"
ยังคงจำกันได้ใช่มั้ยครับ
****************************
ในสมัยนั้นท่านผู้หญิงของท่านโชกุนเรียกว่า "มิไดโดโกโระ" นั่นก็คิอสตรีหมายเลข1ของเอโดะ ปกติตำแหน่งมิไดโดโกโระจะมาจากท่านหญิงแห่งตระกูลไดเมียวใหญ่ไม่กี่ตระกูล แต่ในอดีตเคยมีคนหนึ่งที่มากจากตระกูลชิมะสึแห่งสัทสุมะเท่านั้น นั่นคือ ท่านหญิงชิเงะ ซึ่งนั่นก็กว่า100ปีแล้วก่อนจะถึงสมัยของโออัตสึ
--------------------------------
อิคุชิมะ เมื่อเข้าใจคำสั่งและเหตุผลของท่านเจ้าแคว้นแล้ว ก็มุ่งมั่นกลับไปสอนท่านหญิงอัตสึอย่างจริงจังต่อไป สอนในทุกๆอย่างๆตั้งแต่ขั้นพื้นฐานใหม่หมด ตั้งแต่สอนการนั่ง การใช้ตะเกียบ การพูด การเขียน หรือแม้กระทั่งสอนเล่นดนตรี
ในระหว่างการสอนที่ยากเย็นเข็ญใจ อิคุชิมะก็หวนกลับไปคิดถึงเหตุผลของท่านเจ้าแคว้นอีกครั้ง
ท่านนาริอาคิระ "มันเป็นแผนการของท่านที่ปรึกษาอาเบะ เรียกว่าแผนพิทักษือิเซะ ที่ข้าเรียกเจ้ามาเพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะ เพราะที่เอโดะไม่มีใครเก่งและฉลาดเลิศเกินเจ้าอีกแล้ว แค่เรื่องเรือดำเรื่องเดียวก็ทำให้ปั่นป่วนไปหมด มิหนำซ้ำท่านโชกุนก็ยังมาด่วนจากไป จึงต้องจัดการให้ท่านอิเอซาชิแต่งงานให้ได้โดยเร็วที่สุด"
"จากนั้นให้ข้าใช้ฝีมือใช้คนทำตามแผนท่านรึเจ้าคะ"
"ใช่แล้ว เรื่องนี้ห้ามบอกใคร แม้กระทั่งท่านหญิงเองก็ตาม"
------------------
ตัวอย่างการสอนที่อิคุชิมะสอนท่านหญิงอัตสึ เช่น
"ขออภัยเจ้าค่ะ ปลายตะเกียบจะเปียกถึงขนาดนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ต้องให้เปียกแค่ไม่เกิน1ใน5 คือประมาณ1ซุนเจ้าค่ะ"
"การทำความเคารพให้ทำมือเป็น3เหลี่ยมแบบนี้ก่อน... ทีนี้วางมือไว้แล้วค่อยๆโน้มตัวลง.. ลองสิเจ้าคะ.... นั่งตัวตรงหลังตรง! อย่าให้ก้นกระดกขึ้นมาเด็ดขาด"
"ลายพู่กันท่านหญิงหนักแน่นกล้าหาญยิ่งนัก แต่ควรจะเขียนให้เหมือนผู้หญิงหน่อย อ่อนหวานพลิ้วไหว ตัวอย่างเช่น..."
การเรียนของท่านหญิงดำเนินไปอย่างจำใจต้องทำ ยังไม่เป็นไปด้วยความสมัครใจเท่าไหร่..บางครั้งท่านหญิงก็ลองแกล้งเอาพู่กันมาวาดที่ตาตัวเองเพื่อหลอกเล่นกับอิคุชิมะ แตอิคุชิมะไม่ขำและไม่ตกใจอย่างเหมือนนางกำนัลอื่นที่อยู่ด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว
หรือไม่ว่าการเล่นโกโตะ หรือพิณญี่ปุ่น ท่านหญิงอัตสึเล่นไม่ได้เรื่อง อิคุชิมะเลยเล่นโชว์ให้ท่านหญิงดู อิคุชิมะเล่นได้เฉียบขาดจนโออัตสึถึงกับทึ่ง!!
-----------------
ขณะเดียวกันทางท่านไซโกกับท่านโอคุโบะและเพื่อนๆ ก็ยังช่วยกันฝึกสอนการต่อสู้ให้กับกับเด็กรุ่นใหม่ ๆอยู่เหมือนเดิม แต่คราวนี้มีสิ่งจูงใจเพิ่มขึ้นในการเรียนการสอนสำหรับเด็กๆ นั่นก็คือ รูปวาดของนายพลเพอร์รี่กัปตันเรือดำของอเมริกา ที่เอามาวางไว้ให้เด็กฝึกซ้อมฟันลงใส่หน้าเพอร์รี่
นาโอโกโร่ก็ได้แวะไปเยี่ยมการเรียนดาบของเด็กๆอยู่เสมอ แต่วันนี้หลังเด็กๆเลิกเรียนและคนอื่นๆก็กลับกันไปหมดแล้ว นาโอโกโร่ก็ได้เล่าเรื่องถึงท่านมันจิโร่หรือจอห์น มันจิโร่ ให้ท่านไซโกกับท่านโอคุโบะฟัง แต่ท่านโอคุโบะดูจะไม่ชอบท่านมันจิโร่เท่าใดนัก ผิดกับท่านไซโกที่ค่อนข้างจะมีใจเปิดกว้างรับความคิดหรือสิ่งๆใหม่มากกว่า
อาจจะเรียกได้ว่าท่านโอคุโบะค่อนข้างเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ส่วนท่านไซโกก็ออกจะเป็นแนวเสรีนิยมนิดๆ ท่านโอคุโบะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเปิดรับพวกต่างชาติ ในขณะที่ท่านไซโกกับนาโอโกโร่จะเข้าใจเหตุผลของท่านเจ้าแคว้นมากกว่า พอพูดถึงเรื่องการเปิดประเทศท่านโอคุโบะก็อารมณ์บ่จอยทันที
ท่านโอคุโบะ "ท่านเจ้าแคว้นน่ะ ไม่เห็นจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซะที"
"ท่านโชสุเกะ!" ท่านไซโกเรียกเตือนเพราะเกรงใจนาโอโกโร่
"ถึงอย่างนี้แล้ว ท่านคิชิโนะสุเกะยังจะใจเย็นอยู่ได้"
"ข้าก็เกลียดพวกฝรั่งเหมือนกันแหล่ะ" ท่านไซโกตอบแบบไม่ค่อยเต็มปากเท่าไหร่
(การเรียกชื่อสกุลคือการเรียกแบบให้เกียรติตามมารยาทของคนญี่ปุ่น เช่นเรียกท่านโอคุโบะ หรือท่านไซโก เป็นต้น ส่วนถ้าเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันแล้วก็จะเรียกชื่อตรงๆไปเลย เช่นท่านไซโกจะเรียกท่านโอคุโบะว่า "ท่านโชสุเกะ" ส่วนท่านโอคุโบะจะเรียกท่านไซโกว่า "ท่านคิชิโนสุเกะ" เป็นต้น)
"ว่าแต่ท่านมันจิโร่พูดอะไรกันบ้างล่ะ" ท่านไซโกถามนาโอโกโร่
"ก็อย่างเช่นหัวหน้ารัฐบาลเรียกว่าเพรสซิเดนท์ ทุกๆ4ปีก็ประชาชนจะมีการออกมาเลือกตั้งกันครั้งนึง ส่วนใครจะเป็นนักรบหรือชาวนาก็จะเท่าเทียมกันหมด แล้วก็..ให้ความสำคัญของผู้หญิงด้วย"
"เป็นไปไม่ได้หรอก ฝันไปเหอะ!"
ท่านโอคุโบะโมโหมากขึ้นพอได้ฟังเรื่องวัฒนธรรมแบบอเมริกันชน แล้วก็เดินหนีกลับไปทันที
"ท่านโชสุเกะ!! ... ต้องขออภัยแทนเขาด้วยครับ" / "ไม่เป็นไรหรอก"
ท่านไซโกยังถามนาโอโกโร่ถึงท่านหญิงอัตสึว่าท่านหญิงได้เคยพบกับท่านมันจิโร่หรือเปล่า ซึ่งนาโอโกโร่ก็เล่าให้ฟังว่าได้พบแถมเธอยังตื่นเต้นดีใจสนุกเป็นการใหญ่ แต่พอท่านไซโกถามนาโอโกโร่ว่า
"เอ่อ..แล้วตัดใจได้รึยังล่ะ"
"อยากจะพูดว่าได้ แต่ก็ยังคิดถึงเขาแล้วเศร้าอยู่บ่อยๆ แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเลยน่ะ.."
"ต้องสมควรสิ! เพราะมันเป้นความรักอย่างจริงใจน่ะ คนเราต้องไม่ลืมความจริงใจของตนเองนะ ข้าน่ะชอบท่านคิโมสึกิก็จุดนี้แหล่ะ!... ข้าพูดมากเกินไป ขอโทษด้วยขอรับ!"
"ไม่เป็นไรหรอก.. สบายใจขึ้นมากเลย"
การมีเพื่อนแท้สักคนไว้ปรับทุกข์ นับว่าเป็นลาภอันประเสริฐประการหนึ่ง!
--------------------
เนื่องจากการเรียนของท่านหญิงไม่คืบหน้าเท่าที่ควร อิคุชิมะเลยไปเสนอต่อท่านเจ้าแคว้นเพราะอยากให้ท่านเจ้าแคว้นไปคุยกับท่านหญิงเพื่อบอกถึงสาเหตุที่ต้องเล่าเรียนเรื่องต่างๆเสียให้ชัด เพราะท่านหญิงดูจะไม่มีใจมุ่งมั่นในการเรียนเลย
"นิสัยอย่างนั้นน่ะ ถ้าไม่บอกว่าทำไปเพื่อประโยชน์อันใด ก็จะไม่ยอมทำ ต้องคุยบอกไปตามตรงเรื่องไปเป็นมิไดโดโกโระ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วนะเจ้าคะ"
"มันยังเร็วไป ตอนนี้ก็มีเรื่องกลุ้มใจมากพออยู่แล้ว"
"เกี่ยวกับท่านอิเอซาชิ ท่านก็ตั้งใจจะไม่เล่าให้ฟังเลยรึเจ้าคะ คนเขาลือกันไปต่างๆนานาแล้ว"
"ถึงใครจะหาว่า ท่านผู้นั้นเป็นคนด้อยสติปัญญา แต่ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น"
"แต่ท่านก็ไม่เหมือนคนปกตินะเจ้าคะ...ขอพูดถึงสิ่งที่ท่านไม่อาจพอใจได้มั้ยเจ้าคะ" / "อะไรรึ"
"ท่านใช้ท่านหญิงไปแต่งงานกับคนแบบนั้น ในใจลึกๆของท่านคงรู้สึกผิดอยู่บ้าง เลยไม่อยากบอกท่านหญิงใช่มั้ยเจ้าคะ"
---------------------
ขณะที่ทางเอโดะตอนนี้ ท่านอาเบะลองเอาวิธีการรับมือพวกฝรั่งที่ขุนนางจากที่ต่างๆส่งแสดงความคิดเห็นมาอ่านให้ท่านว่าที่โชกุนคนใหม่ฟัง วิธีการต่างๆนานา เช่นสร้างเรือรบใหม่ หรือเตรียมฟืน น้ำและสิ่งจำเป็นอื่นๆแล้วไปเจรจาขายให้แน่นอนไปเลย แต่ท่านอิเอซาชิไม่ชอบสักกะวิธี แต่ดันไปชอบวิธีนี้คือ
ท่านอาเบะอ่าน "บุกลงไปในเรืออเมริกา เอาเหล้ายาไปปลาปิ้งไปด้วย.....มอมศัตรูให้เมา พอมันเผลอก็จุดไฟใส่ควันพิษ รมมันให้ตาย"
"เอาข้อนี้แหล่ะ! ข้อนี้แหล่ะ ข้อนี้แหล่ะ ทำยังงั้นไปเลยนะ แหม!คิดออกมาได้ไง คนฉลาดอย่างงี้ก็มีด้วยหรือเนี่ย เอาวิธีนี้เลยนะ สั่งการไปเลย!"
ท่านอาเบะนั่งหน้าเครียดคงได้แต่รับฟังแต่ไม่ได้รับคำแต่อย่างใด!?!
นอกจากนี้ท่านอาเบะยังต้องกลุ้มใจเกี่ยวกับท่าทีของท่านเจ้าแคว้นมิโตะ(โทกุกาวะ นาริอากิ)อีก เพราะท่านมีท่าทีที่แข็งกร้าวไม่ต้องการเปิดประเทศกับอเมริกาอย่างเด็ดขาด ถึงขนาดถ้าต้องรบก็ต้องรบ ปลุกระดมให้ประชาชนสู้ตายกันไปเลย เช่นในการร่วมปรึกษากันครั้งก่อนท่านนาริอากิพูดว่า
"เราจะทำประชามติรวบรวมความคิดเห็นในฝ่ายปกครอง หากเสียงส่วนใหญ่บอกจะรบก็รบ แต่หากเสียงส่วนใหญ่บอกไม่รบ เราก็ต้องทำให้รบให้ได้ ถ้าทำตามที่อเมริกาเรียกร้อง การปกครองเราจะพังพินาศก็ค้าขายไม่ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ ถ้าตัดสินว่าจะรบล่ะก็ ออกประกาศปลุกระดมใหญ่ทั่วประเทศไปว่า..ให้ทุกคนเตรียมตัวสู้ตายกันให้หมด!"
ท่านอาเบะ(และท่านนาริอาคิระ)แม้จะใกล้ชิดกับทางฝ่ายท่านเจ้าแคว้นมิโตะก็ตาม แต่ทั้งสองคนกลับมีแนวคิดที่จะเปิดประเทศมากกว่า ไม่ใช่เพราะอยากค้าขายหรอก แต่ท่านอาเบะคิว่า ถ้าต้องสู้รบกับอเมริกาจริง ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่มีทางชนะเลยแน่นอน
แต่ความคิดนี้ท่านเจ้าแคว้นมิโตะยังไม่รู้ เพราะทั้งสองคนยังไม่พร้อมที่จะบอกเหตุผลกับท่านเจ้าแคว้นมิโตะ แต่ทั้งสองคนได้เตรียมการในวิธีที่ดีกว่าไว้แล้ว
---------------------
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(25)
..
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com