วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ท่านแม่ที่เอโดะ 36

atsuhime 36


.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก35
.
.
เมื่อจบบทที่แล้ว นาโอโกโร่คาใจในเรื่องที่ตนไม่ได้ถูกท่านเจ้าแคว้นเลือกให้ไปเอโดะ จึงมาถามเหตุผลกับท่านอาจารย์คิโยมิชิ แต่เมื่อนาโอโกโร่ได้ฟังเรื่องคำสั่งย้ายของท่านอาจารย์แล้ว นาโอโกโร่กลับต้องมารู้สึกละอายใจในเรื่องของตนแทน

เพราะนาโอโกโร่ลืมซึ่งวิถีบูชิโด หัวใจของบูชิโดก็คือต้องซื่อสัตย์และภักดี(เลื่อมใส)ต่อเจ้านายถึงที่สุด นาโอโกโร่เองเมื่อรู้ว่าท่านอาจารย์เองก็มีทุกข์และน้อยใจเช่นกัน ที่ท่านต้องถูกย้ายไปอยู่ที่ๆกันดารและอันตรายอย่างริวกิว ทั้งๆที่ท่านอาจารย์อยากอยู่รับใช้ใกล้ชิดท่านเจ้าแคว้นมากกว่า

แต่เมื่อเป็นคำสั่ง แม้จะรู้สึกน้อยใจก็ตาม แต่ท่านอาจารย์ก็เลือกที่จะเชื่อใจท่านเจ้าแคว้น เลือกที่จะไม่ถามถึงเหตุผลที่ถูกย้ายไปริวกิว และตั้งใจจะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของท่านเจ้าแคว้นให้ดีที่สุด

พอนาโอโกโร่กลับมามองที่ปัญหาของตนเองแล้ว ก็รู้สึกได้ว่าเรื่องของตนช่างเป็นเรื่องที่เล็กน้อยนัก แต่ตนเองกลับตีโพยตีพายเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โตเสียเหลือเกิน ตอนนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านี้นัก มัวแต่มาห่วงเรื่องเล็กๆกะอีแค่เรื่องที่ตนยังไม่ได้ไปเอโดะแค่นี้ ทำไมถึงอดทนรอต่อไปไม่ได้

นาโอโกโร่จึงเสียใจและละอายใจมากๆ ที่ตนเองได้หลงลืมละเลยในวิถีบูชิโดวิถีแห่งซามุไรไป..



--------------------------

และวันนี้ท่านหญิงอัตสึได้รับอนุญาตเข้าพบท่านผู้หญิงฮิสะ(หรือท่านแม่คนใหม่) อัตสึโกะตั้งใจจะไม่ลืมขอบคุณท่านแม่ฮิสะสำหรับสิ่งของที่ท่านแม่เคยให้คนมามอบให้ เช่นผ้าตัดกิมโมโน ขนม และอื่นๆ แถมอัตสึยังกำชับให้อิคุชิมะอย่าลืมนำของฝากจากสัทสุมะไปฝากท่านแม่ด้วย


เมื่อโออัตสึได้ไปที่ห้องรับแขกของท่านผู้หญิง พอนางกำนัลประกาศว่าท่านผู้หญิงมาแล้ว อัตสึก็ก้มหัวคำนับแนบพื้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับต้องแปลกใจว่า ท่านผู้หญิงฮิสะกลับนั่งอยู่หลังฉากม่านบังตา ไม่ออกมาพบหน้ากันโดยตรง
.
ท่านผู้หญิงฮิสะ "เงยหน้าขึ้นสิ"

อัตสึ "ข้าชื่ออัตสึโกะเจ้าค่ะ ครั้งนี้ได้รับการขอให้มาเป็นบุตรสาว นับเป็นเกียรติหาที่เปรียบไม่ได้ ขอได้โปรดเมตตา กรุณา แนะนำสั่งสอนข้าด้วยเจ้าค่ะ"

อัตสึโกะก้มหัวคำนับอีกครั้ง (เวลาท่านหญิงอัตสึคำนับ พวกนางกำนัลก็ต้องคำนับตามท่านหญิง ส่วนโอโนะชิมะ กับฟูจิโนะก็นั่งอยู่หน้าม่านที่บังท่านผู้หญิงอยู่ทั้งสองฝั่ง ซ้าย ขวา ไม่ได้ก้มหัวตาม)

ท่านผู้หญิงฮิสะ "แนะนำสั่งสอน เรื่องอันใด?"

"เอ๊ะ!?" อัตสึงง!

อิคุชิมะ "ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าขอพูดแทน ท่านหญิงได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าแคว้น ให้มาแต่งงานเพื่อเข้าไปอยู่ในโอโอขุของโทกุกาวะสายตรงให้ได้เจ้าค่ะ

"ท่านนี่น่ะ(ท่านนาริอาคิระ) ทำให้ลำบากใจจริงๆเลย..ท่านหญิงผู้นี้น่ะรึ จะให้ไปเป็นมิไดโดโกโระ ช่างคิดเองเออเองไปคนเดียวแท้ๆ"

เมื่ออัตสึได้ยินก็มีสีหน้าแปลกใจทันที

"จะว่าไป ก็เป็นเรื่องที่ท่านทำคนเดียวโดยพลการสินะ..ท่านหญิงสกุลย่อยของชิมะสึจะไปแต่งกับท่านโชกุน เป็นสะใภ้ใหญ่ของสกุลโทกุกาวะน่ะ มิใช่สิ่งที่ใครคนเดียวจะกำหนดได้ มันเป็นเรื่อง ใฝ่สูงเกินศักดิ์มากนัก!"

"ส่วนเรื่องอื่นๆในคฤหาสน์นี้ ก็ให้ถามฟูจิโนะ นางบอกอะไร ก็ให้ทำตามนั้น"

แล้วท่านผู้หญิงฮิสะก็ลุกขึ้นทันที แต่อัตสึรีบร้องทักรั้งไว้ (โอโนะชิมะทำเป็นชำเลืองมอง)

"เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ท่านแม่! ที่พูดเมื่อกี้นี้ ท่านหมายความตามนั้นจริงรึเจ้าคะ"

"ถูกต้องแล้ว"
ท่านผู้หญิงตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส

"ข้าน่ะ เดินทางไกลมาเอโดะ เพื่อจะเป้นสะใภ้โทกุกาวะนะเจ้าคะ ต้องพรากจากครอบครัว ละทิ้งสัทสุมะ รอมแรมมาตั้ง2เดือน"

ท่านผู้หญิงฮิสะไม่ตอบอะไร เดินหลบหลังม่านออกไปทันที

----------------------


เมื่ออัตสึกลับไปห้องพัก อิคุชิมะก็สั่งห้ามนางกำนัลคนอื่นๆไม่ต้องตามเข้ามา แล้วก็ปิดประตูห้องทันที

"นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ แบบนี้หมายถึงอะไร ข้าน่ะมาไกลถึงที่นี่เพื่ออะไร อุตส่าห์ลำบากมาถึงวันนี้เพื่อะไร ตอบมาซิ!!"

"อาจจะมีการเข้าใจผิดอะไรล่ะมั้ง ข้าจะไปสืบดูอีกทีนะเจ้าคะ"

"ไม่รู้ก็ตอบว่าไม่รู้สิ!!"
อัตสึโกรธมาก


"แต่ว่าท่านหญิงเจ้าคะ" / "อะไร"

"ยังไงก็ช่าง ท่านหญิงจะต้องไม่เคลือบแคลงในตัวท่านเจ้าแคว้นนะเจ้าคะ ท่านหญิงมาจนถึงที่นี่ ก็เพราะเชื่อถือท่านเจ้าแคว้นเท่านั้นไม่มีเหตุผลอื่นนะเจ้าคะ"

.
พอได้ยินหลักการและเหตุผล(ตามวิถีบูชิโด)ในจุดนี้ของอิคุชิมะ ก็ทำให้ท่านหญิงได้สติ

"เข้าใจแล้ว..แต่ว่าทำไมท่านแม่ถึงต้องทำแบบนั้น เสียแรงที่ได้พบกันทั้งที กลับไม่ยอมเปิดเผยหน้ามาคุยกันดีๆน่ะ ท่านแม่รังเกียจข้ามากขนาดนั้นเชียวเหรอ เพราะว่าข้าน่ะมาจากตระกูลปลายแถวรึยังไงกัน?"

"ท่านหญิงเจ้าคะ..ท่านหญิง" / "ว่าไง"

"ที่นี่ เจ้านายคนก่อนของข้า ท่านหญิงอิคุ เคยอยู่ในห้องนี้ ตั้งแต่เด็กจนโตเลยล่ะเจ้าค่ะ"

"ทำไมเอาเรื่องนี้มาพูดตอนนี้ล่ะ"

"ก็เพราะข้า เห็นท่านหญิงอิคุสิ้นไป ก่อนวัยอันสมควร เห็นสิ้นไปแบบนั้น ทำให้ข้ารู้สึกเสียใจมากอย่างบอกไม่ถูก แค้นใจนัก ถึงตอนนี้ ข้าก็ยังตำหนิตัวเองอยู่ทุกวัน.."

"ตอนที่ ได้รับมอบหมายให้เป็นโรโจะของท่านหญิงอัตสึ ข้าก็ยังสับสน แต่เพื่อดวงวิญญาณของท่านหญิงอิคุด้วย ฉะนั้นข้าจึงได้ตัดสินใจกลับมาเป็นโรโจะอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่นี้อีกครั้งเจ้าค่ะ"

"การเป็นโรโจะ หมายถึงการสละได้ แม้ชีวิตตนเองเพื่อพิทักษ์นาย คราวนี้ข้าก็จะถวายชีวิต เพื่อปกป้องท่านหญิงให้ได้เช่นกัน"

"อิคุชิมะ.."

"ไม่ว่าจะเป็นภัยอันใด อิคุชิมะจะไม่ลังเลที่จะยุติมันลงให้ได้ ขอให้จงรับทราบเอาไว้ แล้วท่านหญิงจะทำอะไร ก็ไม่ต้องกลัว ทำไปได้อย่างสบายใจเลยนะเจ้าคะ"

อิคุชิมะพูดจบก็ก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมที่สุด เสมือนได้ปฏิญาณตนที่จะปฏิบัติในหน้าที่เพื่อปกป้องท่านหญิงด้วยชีวิตของตนเป็นเดิมพัน แล้ววันนี้เองท่านหญิงอัตสึก็ได้เข้าใจในเจตนาของอิคุชิมะอย่างถ่องแท้ที่สุดแล้วเช่นกัน

----------------------


ที่ปราสาทเอโดะ ท่านอิเอซาชิก็กำลังนั่งคั่วถั่วอยู่ และท่านอาเบะก็เข้ามาพูดเรื่องการจะมีภรรยาคนใหม่ของท่านอิเอซาชิ

ท่านอิเอซาชิ "ภรรยาเอกเหรอ?"

ท่านที่ปรึกษาอาเบะ "ขอรับ ตั้งแต่ภรรยาคนก่อนของท่านเสียไป ถึงบัดนี้ก็3ปีแล้ว ตระกูลโทกุกาวะต้องมีทายาท ท่านจึงจำเป็นต้องมีภรรยาคนใหม่นะขอรับ"

"สิ่งที่ข้าอยากได้ก็คือ..เตาคั่วถั่วอันใหม่น่ะ"

"เตาคั่วถั่วรึขอรับ"

"อันนี้ไม่ดี เปลวไฟมันแรงบ้างเบาบ้าง จะคั่วถั่วให้สวยมันต้องใช้เตาดีๆรู้มั้ย เตาที่ใช้อยู่นี่ไฟมันอ่อนไปทุกอันเลย ไปหาเตาใหม่ให้หน่อยสิ"

"แต่ว่า.."

"เข้าใจนะ! เอาเตาไฟแรงๆพึบๆน่ะ"

"ขอรับ.."
ท่านอาเบะรับปากแบบจำต้องรับ

********************
.
ในคืนนั้นอิคุชิมะก็นังคิดทบทวนถึงคำพูดที่ดูถูกดูแคลนของท่านผู้หญิงฮิสะอีกครั้ง

ท่านผู้หญิงฮิสะ "ท่านหญิงสกุลย่อยของชิมะสึจะไปแต่งกับท่านโชกุน เป็นสะใภ้ใหญ่ของสกุลโทกุกาวะน่ะ มิใช่สิ่งที่ใครคนเดียวจะกำหนดได้ มันเป็นเรื่อง ใฝ่สูงเกินศักดิ์มากนัก!"
"
อ่านatsuhimeที่รัก37
.
.
.
.
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม