วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คำขอร้องของพ่อ 38

atsuhime 38

อ่านatsuhimeที่รัก37



Ii naosuke

ท่านอี นาโอสุเกะ เป็นใหญ่และมีอิทธิพลในระดับชั้นของฟุไดไดเมียว ซึ่งผู้ที่อยู่ในบะขุฝุนั้นก็จะมาจากระดับชั้นฟุไดไดเมียวเท่านั้น

ส่วนท่านโทกุกาวะ นาริอากิแห่งมิโตะนั้นแม้มีอิทธิพลมากแต่ก็เป็นเพียงที่ปรึกษาพิเศษของท่านโชกุน และโดยตำแหน่งหน้าที่แล้วท่านนาริอากิแห่งมิโตะไม่ได้มีอำนาจโดยตรงในบะขุฝุไม่เหมือนท่านอี นาโอสุเกะ
.
เพราะท่านผู้เฒ่าแห่งมิโตะเป็นไดเมียวที่ใกล้ชิดเป็นญาติท่านโชกุนเท่านั้น เป็นชินแพนไดเมียว(shinpan daimyo) เป็นระดับไดเมียวที่มีสิทธิเป็นโชกุน ในกรณีที่โชกุนไม่มีทายาทก็จะเลือกจากตระกูลบ้าน3หลัง แต่ไม่มีอำนาจโดยตรงในบะขุฝุ

ส่วนท่านนาริอาคิระแห่งสัทสุมะก็อยู่ในระดับชั้นโทซามะไดเมียว(Tosama daimyo) ไม่ได้มีตำแหน่งในบะขุฝุโดยตรง ใกล้ชิดโชกุนเช่นกัน แต่มีจะหน้าที่รับคำสั่งจากท่านโชกุนในภาระกิจพิเศษ เช่นหน้าที่ตรวจสอบพวกฟุไดไดเมียวเป็นต้น

ส่วนท่านอาเบะเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของรัฐบาลทหารท่านโชกุน ที่มีแนวคิดเหมือนกับท่านนาริอาคิระแห่งสัทสุมะนั้น ท่านอาเบะเป็นคนที่สุขุมนุ่มนวลและเงียบๆ และประนีประนอมไม่ชนกับฝ่ายใดจนออกนอกหน้า

แม้ท่านอาเบะจะมีอำนาจมากในบะขุฝุก็ตาม แต่ท่านก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่จากบรรดาฟุไดไดเมียวในบะขุฝุเป็นหลัก

--------------------------

บทที่38

ท่านนาริอาคิระเมื่อได้รับคำสั่งจากเอโดะให้รีบเดินทางกลับ ท่านนาริอาคิระก็แวะไปเยี่ยมท่านทาดาตาเกะวึ่งกำลังป่วยถึงบ้านอิไมสุมิเสียก่อน


ท่านทาดาตาเกะแม้จะป่วยมากแต่เมื่อรู้ว่าท่านนาริอาคิระอุตส่าห์มาเยี่ยมก็รีบลุกจากที่นอนทันที "อุตส่าห์มาถึงนี้ แต่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับ ทาดาตาเกะขออภัยด้วยขอรับ" ซึ่งท่านนาริอาคิระก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ท่านนอนต่อไปเถอะ"

แหม!แม้จะป่วยยังไงมารยาทก็คือสิ่งสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ท่านทาดาตาเกะจึงไม่ได้นอนต่อแต่อย่างใด แถมยังเกรงใจท่านนาริอาคิระมากๆ

ท่านนาริอาคิระบอกว่า "ต้องรีบกลับเอโดะเลยมาเยี่ยมก่อน" ทาดายุกิเลยถามท่านเจ้าแคว้นว่า "ที่เอโดะมีปัญหาอะไรรึขอรับ" ซึ่งท่านเจ้าแคว้นจึงตอบวา "เรือเพอร์รี่กลับมาอีกแล้วล่ะ"

เมื่อท่านทาดาตาเกะรู้ว่าเรือเพอร์รี่มาอีก ท่านทาดาตาเกะก็รีบขอโทษท่านนาริอาคิระที่ภาระกิจที่ท่านนาริอาคิระเคยมอบหมายให้ตนคือการสร้างป้อมปราการและแท่นวางปืนใหญ่ที่ตนเองรับผิดชอบดูแล ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะตัวเองป่วยอยู่

ซึ่งท่านนาริอาคิระก็บอก"ไม่เป็นไร เพราะท่านทาดาตาเกะอุตส่าห์ทำงานให้จนล้มป่วย ข้าต้องขอขอบคุณมากกว่า" แล้วท่านนาริอาคิระก็ก้มหัวขอบคุณให้แก่ท่านทาดาตาเกะทันที (ช่างงดงามจริงๆครับวัฒนธรรมญี่ปุ่น)

ท่านนาริอาคิระมาก็เพื่อจะถามท่านทาดาตาเกะว่า "มีอะไรจากฝากหรือจะสั่งถึงโออัตสึมั้ย?" ท่านทาดาตาเกะบอกว่า "เรื่องของฝากไม่มีหรอก..ไม่มีขอรับ"

แล้วท่านทาดาตาเกะก็รีบถอยออกไปนั่งให้ไกลออกไปอีกหน่อย เพื่อทำการคุกเข่าในท่าเตรียมเคารพและพูดว่า "สิ่งเดียวเท่านั้น ที่จะขอความกรุณาจากท่านคือ....." (คืออะไรตรงนี้ละครเขายังไม่บอกต้องติดตามต่อไปครับ)

ซึ่งท่านนาริอาคิระก็รับปากว่าจะทำทุกอย่างที่ท่านทาดาตาเกะขอรัองแน่นอน..

------------------


ส่วนทางท่านหญืงอัตสึก็มองไปที่เครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงของสัทสุมะ"ชิโรสัทสุมะ"ในห้องพักของตน และก็บ่นว่าคิดถึงท่านพ่อที่อิไมสุมิให้อิคุชิมะฟัง เพราะท่านพ่อชอบเครื่องปั้นชนิดนี้มาก

แต่พอท่านหญิงนึกได้ว่าเผลอเรียกท่านพ่อผิดไปอีกแล้ว ชำเลืองมองไปที่อิคุชิมะ อิคุชิมะก็กำลังทำหน้าดุใส่อยู่ดพอดี ท่านหญิงก็รีบเรียกเสียใหม่ว่า ท่านทาดาตาเกะ ให้อิคุชิมะฟังทันที(เพราะไม่ได้นั่งอยู่กันในห้อง2ต่อ2แต่มีนางกำนัลนั่งอยู่อีกด้วยหลายคน)



----------------

กลับไปที่สัทสุมะอีกครั้ง นาโอโกโร่กำลังจะไปหาท่านไซโก แต่ท่านพ่อของนาโอโกโร่รีบเรียกไว้ก่อน นาโอโกโร่ตกใจนึกว่าท่านพ่อจะห้ามไม่ให้ไป แต่ท่านพ่อกลับส่งห่อผ้าห่อนึงให้นาโอโกโร่และบอกว่าให้เอาไปฝากให้ท่านไซโกด้วย ซึ่งก็คือห่อใส่เงินจำนวนหนึ่ง และท่านพ่อยังพูดต่ออีกว่า

"ได้ยินว่าไซโกจะไปเอโดะ บอกให้เขาเอาเงินไปใช้ระหว่างเดินทางนะ..ทำงานไม่ต้องแบ่งชนชั้นหรอก แค่นี้แหล่ะ ไปเร็วๆสิ" แล้วท่านพ่อก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้นาโอโกโร่ยืนงง ก่อนจะรีบตะโกนไล่หลังท่านพ่อ"ขอบพระคุณขอรับ!"

นาโอโกโร่ดีใจมากที่ท่านพ่อของตนเปิดใจและมีน้ำใจให้กับเพื่อนๆซามุไรระดับต่ำของตนแล้ว เมื่อนาโอโกโร่ได้นำเงินที่ท่านพ่อฝากไปให้ท่านไซโกแล้ว ท่านไซโกก็ดีใจเป็นที่สุด "ท่านพ่อท่านให้ข้ารึ...เป็นพระคุณเหลือเกิน"

แล้วนาโอโกโร่ก็ยังนำของขวัญของตนมอบให้ท่านไซโกอีกชิ้นหนึ่งด้วย

ท่านไซโก "ท่านคิโมสึกิและท่านพ่อของท่าน ช่างมีน้ำใจมากเหลือเกิน ไซโกคนนี้ขะถวายชีวิตทำงานให้ท่านทุกอย่างขอรับ"

ท่านโอคุโบะก็มีขอฝากให้เพื่อนตายตนนี้เหมือนกัน แต่ก็ออกตัวไว้ก่อนว่าของๆตนนั้นคงไม่มีค่าเหมือนของท่านคิโมสึกิ แต่ก็อยากจะให้ (ผมมองไม่ออกว่าเป็นอะไรครับ) เมื่อท่านไซโกรับของขวัญจากท่านโอคุโบะแล้วก็โผเข้ากอดท่านโอคุโบะทันที และท่านไซโกก็ร้องไห้และพูดว่า "ท่านโชสุเกะ ฝากด้วยนะ บ้านและน้องสาวของข้าน่ะ"

ท่านโอคุโบะก็ร้องไห้ "รู้แล้วน่า ข้าจะดุแลให้ รับรอง!"

นาโอโกโร่เห็นความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองคน ก็พลอยซาบซึ้งใจไปด้วย(น้ำตาคลอ!สะอื้นเหมือนเดิม)

--------------------------

หลังจากบะขุฝุได้ประชุมกันครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดรัฐบาลทหารก็ได้เจรจาต่อรองกับอเมริกาจนสำเร็จ เป็นผลให้ญี่ปุ่นกับอเมริกา ตกลงทำสนธิสัญญาทางการค้ากัน โดยให้เปิดเมืองท่า2เมืองคือเมืองชิโมดะกับเมืองฮาโกดาเกะ นี่คือจุดเริ่มต่นของเส้นทางการเปิดประเทศของญี่ปุ่น

ผู้ลงนามฝ่ายอเมริกาก็คือ นายพลเรือจัตวาแมททิว ซี เพอร์รี่(M.C.Perry) ฝ่ายญี่ปุ่นก็คือท่านอาเบะ มาซาฮิโร่

และในช่วงระหว่างการเดินทางมาเอโดะ ข่าวการลงนามกับอเมริกาก็ไปถึงท่านนาริอาคิระและไม่เพียงแต่ข่าวจากเอโดะเท่านั้น ท่านนาริอาคิระก็ยังได้รับข่าวด่วนจากสัทสุมะอีกด้วย เมื่อท่านได้อ่านจดหมายจากสัทสุมะ

"หา!..ไปสวรรค์แล้วรึ"

--------------------

หลังจากนั้นอีกหลายวันท่านนาริอาคิระก็เดินทางมาถึงเมืองเอโดะ และพออัตสึทราบข่าวว่าท่านพ่อมาถึงก็รีบมุ่งหน้าจะไปต้อนรับท่านพ่อทันที แต่ก็ถูกโอโนะชิมะออกมาห้ามไว้ก่อน โดยโอโนะชิมะอ้างว่า ท่านไม่อยู่หลายวันจึงมีงานกองโตรออยู่มากมาย หากจะพบท่านก็ต้องรอถึงวันมะรืน เพราะท่านจะให้ครอบครัวพบปะที่ห้องส่วนใน

---------------

ในวันแรกที่ท่านนาริอาคิระมาถึง ท่านก็ได้แวะมาพูดคุยกับท่านผู้หญิงฮิสะก่อน โดยที่ท่านหญิงฮิสะก็เล่าว่าท่านหญิงอัตสึมานั่งเฝ้ารอพบท่านผู้หญิงอยู่หลายวัน เมื่อท่านนาริอาคิระได้ฟังแล้วก็หัวเราะและบอกว่า อัตสึเป็นคนอย่างนั้นเอง แล้วท่านผุ้หญิงก็ถามท่านนาริอาคิระว่า

"ข้าไม่เข้าใจว่าท่านเลือกมาได้ยังไง ช่างเป็นคนไม่เจียมตัวซะเลย เป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกไม่ใช่รึเจ้าคะ ใฝ่สูงถึงกับอยากจะไปเป็นมิไดโดโกโระเชียวนะ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก"

"ขั้นตอนยุ่งยามากมายก็จริง แต่พวกผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็กำลังพิจารณากันอยู่"

"แต่ว่าท่านนาริอากิที่ปรึกษาแห่งแคว้นมิโตะก็คัดค้าน ท่านโชกุนก็ไม่สนใจที่จะใช้อำนาจดำเนินการ ได้ยินมาว่าอย่างนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ การเลี้ยงผู้หญิงคนนั้นไว้ในบ้านก็ไม่มีประโยชน์นะเจ้าคะ"


เมื่อท่านนาริอาคิระได้ฟังภรรยาเอกพูดเช่นนี้แล้ว ท่านก็เหนื่อยหน่ายใจ จนไม่อยากจะพูดอะไรต่อ จึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป แต่พอจะก้าวออกจากห้อง ท่านกลับหยุดแล้วหันมาพูดทิ้งท้ายกับท่านผู้หญิง

"ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ว่ามันทิ่มแทงใจเจ็บนัก!" แล้วท่านก็เดินออกไปทันที

คนเราเป็นผัวเป็นเมียกันไม่ว่าที่ไหนในโลกก็ตาม แม้อุปสรรคของงานข้างนอกจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน สามีแม้จะเก่งสักปานใด ก็ยังอยากจะได้กำลังใจและข้อคิดดีๆจากภรรยาอยู่ดี

คำพูดที่เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดก็มาจากคนที่บ้าน และคำพูดที่ทำให้ท้อใจเสียใจมากที่สุดก็จากคนที่บ้านเช่นกันครับ

--------------------------

แล้วก็ถึงวันที่ท่านนาริอาคิระให้คนในครอบครัวเข้าพบได้ที่ห้องรับรองส่วนใน
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก39


.
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม