วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พายุในงานดอกไม้ 46

atsuhime 46


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 45




การสนทนาของท่านหญิงอัตสึกับท่านนาริอากิแห่งมิโตะกำลังออกรสออกชาติ

อัตสึ "ทำให้ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสาตร์การปกครองของญี่ปุ่นที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและศีลธรรมได้ยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ"

ท่านมิโตะ "ท่านหญิงนี่ดูท่าจะเป็นนักอ่านตัวยงเลยนะ"

"อีกทั้งในตอนนี้ได้อ่านเรื่องญี่ปุ่นยุคเก่าที่รวบรวมใหม่ ยิ่งรู้สึกชื่นชมมากขึ้นไปอีกเจ้าค่ะ"

"อันนั้นเป็นเรื่องที่ข้าลงแรงเขียนด้วยตนเองเลยล่ะ" / "ทราบอยู่แล้วเจ้าค่ะ"

"อ้อ! อย่างนั้นเหรอ"
ท่านมิโตะอารมณ์ดีมากเมื่อได้พูดคุยกับท่านหญิงเรื่องหนังสือในผลงานของท่าน

อัตสึ "เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่อยากจะถามนายท่านน่ะเจ้าค่ะ" / "อยากรู้อะไรก็ว่ามาสิ"

"ข้าไม่ได้เคลือบแคลงเลยว่าทำไมญี่ปุ่นของเราถึงเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณงามความดี" / "เจ้าพูดถูกต้องแล้ว"

แต่การพูดคุยที่กำลังรื่นรมณ์กลับเริ่มกร่อยทันทีเมื่อท่านหญิงจุดประเด็นในเรื่อง..

"ตอนนี้ประเทศตะวันตกเข้ามาเยือนประเทศของเรา และต้องการติดต่อค้าขายกับเรา สิ่งนี้ไม่ใช่เพราะมองเห็นความยิ่งใหญ่ของประเทศเรารึเจ้าคะ?" (เมื่อท่านมิโตะได้ฟังหน้าก็ชักเปลี่ยนสี)

"การขับไล่เรือของต่างชาติอย่างรุนแรงมีเหตุผลอะไร และทำไมจะต้องขับไล่พวกต่างชาติด้วยล่ะเจ้าคะ?"

"ทำไมเจ้าจึงตั้งคำถามนี้กับข้า!?" ท่านมิโตะถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว จนท่านนาริอาคิระที่นั่งฟังอยู่ก็เริ่มไม่สบายใจ

"เรื่องเหล่านี้ก็เหมือนกับลูกตุ้มนาฬิกา ทั้งฝั่งนี้และฝั่งนี้ต่างมีน้ำหนักเท่ากัน เปรียบเทียบเป็นญี่ปุ่นในเวลานี้ ถ้าฝั่งนี้เป็นการขับไล่ต่างชาติ แต่ฝั่งนี้เป็นการเปิดประเทศ หากอยากจะถามเรื่องการขับไล่คนต่างชาติ ก็ควรที่จะถามนายท่านมากกว่าคนอื่นนะเจ้าคะ"

"แล้วยังไง!!"
หน้าตาท่านมิโตะดุดันเห็นได้ชัด

"หากเราไปถามคนที่มีความคิดเป็นกลาง คำตอบที่ได้ ก็คงจะออกมาแบบไม่ชัดเจน"

"ก็เลยทำให้เจ้ามาถามข้าอย่างนั้นรึ?หา!" / "เจ้าค่ะ!"

"เจ้านี่มันช่างไม่มีมารยาท!ซะเลย!"



"ขออภัยเจ้าค่ะ! ได้โปรดอภัยที่ข้าเสียมารยาทด้วยเจ้าค่ะ"
อัตสึโกะตระหนกตกใจอย่างมาก

ทุกคนในห้องต่างนิ่งเงียบไปตามๆกัน ท่านนาริอาคิระเองยิ่งนิ่งเงียบยิ่งกว่าใคร!?

"เสียมารยาท!" ท่านมิโตะลุกขึ้นยืนสบถแบบไม่เกรงใจใครหน้าไหน แต่แล้ว...

"แต่ว่า..ก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ" ท่านมิโตะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ น้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวอยู่พลันอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ จนท่านนาริอาคิระเองก็ถึงกับงง!

"ไม่ว่าใครก็มักจะเกรงกลัวข้า ต้องเห็นดีกับข้า จนไม่กล้าพูดเสนออะไรออกมาตรงๆ แต่ว่าท่านหญิงคนนี้ กลับไม่คิดประจบประแจงข้าเลยแม้แต่น้อย นับว่าเป็นเรื่องที่น่านับถือ น่าสนุกดี" / "น่าสนุก!?"

"เพื่อเป็นรางวัลที่ทำให้นแก่อย่างข้าได้หัวเราะบ้าง เอาเป็นว่าข้าจะตอบคำถามของเจ้า เจ้าอยากรู้ว่าทำไมข้าถึงต้องการขับไล่เรือต่างชาติงั้นรึ?" / "กรุณาด้วยเจ้าค่ะ"

"แต่ว่าใช้เวลาหน่อยนะ คำตอบน่ะมีเป็นร้อยเป็นพันเลยล่ะะ.."

อิคุชิมะ "งั้นขอเชิญไปสนทนาต่อด้านนั้นดีกว่าเจ้าค่ะ เชิญเจ้าค่ะ และได้เตรียมซากุระโมจิไว้ด้วยเจ้าค่ะ"

ท่านมิโตะ "ซากุระโมจิ! รู้ด้วยรึว่าเป็นของโปรดของข้า?" / "เคยได้ยินมาบ้างเจ้าค่ะ"

"อะไรกัน!..ถ้าทางข้าคงจะถูกหลอกหมดตัวแน่คราวนี้ ฮ่าๆๆๆ"

หลังจากนั้นท่านหญิงอัตสึกับท่านนาริอากิก็ได้สนทนากันต่อเพียงลำพัง

-----------------

หลังการสนทนากับท่านหญิงแล้ว ท่านนาริอากิก็ได้กลับมาพูดคุยกับท่านนาริอาคิระ ท่านโยชินางะ และท่านมุเนะนาริ อีกครั้ง

นาริอากิแห่งมิโตะ "ให้โยชิโนบุเป็นโชกุนคนต่อไปรึ?"

โยชินางะ "เราได้ยินชื่อเสียงเรื่องความสามารถมานานแล้ว"

"ก็ใช่..แต่เรื่องนั้น..มันก็.."

มุเนะนาริ "คิดว่าต้องนำพาประเทศของเราให้รอดพ้นวิกฤติได้อย่างแน่นอน"

"แต่ที่สำคัญตอนนี้..ถ้าเป็นท่านหญิงอัตสึล่ะก็ ข้าคิดว่าน่าจะควบคุมโอโอขุได้ทั้งหมด ได้อย่างเรียบร้อยแน่นอนเลยล่ะ"

ท่านนาริอาคิระถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ยินดีที่ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ขอรับ"

-----------------------

หลังจากท่านมิโตะยอมรับในตัวอัตสัโกะแล้ว ท่านนาริอาคิระจึงนำความน่ายินดีนี้มาบอกแก่อัตสึ เมื่ออัตสึได้รับรู้แล้วก็กล่าวขอบคุณท่านพ่อเกี่ยวกับเรื่องหนังสือไดนิปปอนชิที่ท่านพ่ออุตส่าห์ฝากให้โอโนะชิมะนำมาให้อ่าน แต่ท่านนาริอาคิระกลับงง! และบอกว่าท่านไม่รู้เกี่ยวกับหนังสือเรื่องดังกล่าวเลย เพราะท่านไม่ได้เป็นใช้ให้โอโนะชิมะนำมาให้

ดังนั้นท่านจึงได้เรียกโอโนะชิมะมาถามถึงเรื่องนี้ เมื่อโอโนะชิมะก้เลยได้บอกถึงที่มาที่ไปของหนังสือว่า

โอโนะชิมะ "หนังสือไดนิปปอนชิที่นำมาให้ท่านหญิงได้อ่านนั้น เป็นคำสั่งของนายหญิงที่สั่งให้นำมาให้เจ้าคะ " / "ท่านแม่เองหรอกรึ?"

"นายหญิงเกรงว่าจะต้องอับอายถึงตระกูล หากถูกหัวเราะเยาะเพราะไม่รู้เรื่องนี้"

หลังจากโอโนะชิมะได้ออกไปจากห้องแล้ว ท่านนาริอาคิระก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า

"หน้าตาของตระกูลรึ บอกว่าทำเพื่อลูกก็จะดูดีกว่าเสียอีก"

อัตสึเห็นความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นกับท่านพ่อ จึงพูดว่า "ท่านพ่อเจ้าคะ..หน้าตาของตระกูล ก็คือหน้าตาของท่านพ่อนะเจ้าคะ..แม้คำพูดของท่านแม่จะดูแล้งน้ำใจ แต่เพราะต้องการจะปกปิดน้ำใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมต่างหาก"

"ปกปิดงั้นรึ?"

"ลูกได้รู้มาว่า ท่านแม่ต้องเจ็บป่วยเป็นไข้ฝีดาษ ตอนนั้นท่านแม่ต้องเจ็บปวดและเศร้าเสียใจมากเพียงใด"

"ข้ารู้ดีน่ะ..แต่ว่า.."

"ไม่จริงรึเจ้าคะ..ยิ่งภาคภูมิใจในตัวเองมากแค่ไหน ความเศร้าเสียใจก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นความรู้สึกที่มีต่อท่านพ่อนั้นมากเพียงใด.." / "ความรู้สึกต่อข้ารึ? เป็นไปไม่ได้หรอก"

"คราวก่อนตอนที่ท่านพ่อล้มป่วยไม่รู้สึกตัวหลายวันก็เหมือนกัน ท่านแม่น่ะ อดหลับ..อดนอนทั้งคืน เฝ้าแต่ภาวนาขอพรให้ท่านพ่อตลอด"

"เพราะยิ่งรู้สึกรักท่านพ่อมากเพียงใด..ก็ยิ่งห่างเหินมากขึ้นไปเท่านั้น นี่แหล่ะหัวใจที่แท้จริงของผู้หญิงเจ้าค่ะ"


คำพูดของอัตสึนี้เองได้ทำให้ท่านนาริอาคิระเริ่มเปิดใจให้ท่านผู้หญิงฮิสะ และท่านนาริอาคิระจึงได้ไปพบท่านผู้หญิงหลังจากนั้นทันที.
.
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 47
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม