วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

กลุ่มนิติราษฎร์ แก้ไข เพื่อแก้แค้น!!





คุณผู้อ่าน คงได้ข่าว คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. 7 คน ที่ใช้ชื่อว่า “คณะนิติราษฎร์” ต้องการลบล้างผลพวงจากรัฐประหาร19กันยายน2549 มาแล้ว

นักวิชาการกล่มนิติราษฎร์ นำโดยดร.วรเจตน์ นามสกุลอะไรก็ช่างหัวมัน!! พวกนี้เกลียดทหาร เกลียดการรัฐประหาร พวกนิติราษฎร์อยากจะย้อนเอารัฐธรรมนูญฉบับแรกพ.ศ.2475 กลับมาเป็นต้นแบบในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งชื่อกลุ่มนิติราษฎร์ เจตนาตั้งชื่อเพื่อให้พ้องกับคณะราษฎร์สมัย2475นั่นแหล่ะครับ

ผมล่ะขำกลิ้งวรเจตน์กับสมศักดิ์จริงๆ(ขำกลิ้งลิงกับหมา) พวกนิติราษฎร์อ้างมาได้ว่าจะไปยึดรธน.2475มาเป็นต้นแบบร่างรธน.ฉบับใหม่

ผมเคยเขียนในบทความแห่งนี้หลายครั้งแล้วว่า คณะราษฎร์2475ได้ล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ด้วยการปฏิวัติ!! ประชาธิปไตยไทยจึงเกิดจากการปฏิวัติ ไม่ได้เกิดจากการทำประชามติในระบอบประชาธิปไตย

อันที่จริงทั้งรัชกาลที่5 รัชกาลที่6 รัชกาลที่7 ทรงได้มีการเตรียมการเรื่องระบอบประชาธิปไตยให้แก่ประเทศไทยไว้บ้างแล้ว ไปหาอ่านในประวัติศาสตร์ได้ แต่เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จักประชาธิปไตย จึงต้องส่งคนไปเรียนรู้เรื่องประชาธิปไตยให้มาก เพื่อกลับมาสอนให้คนไทยรู้จัก

เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในสมัยรัชกาลที่7ตกต่ำมาก ผลพวงมาจากสงครามโลกครั้งที่1 เศรษฐกิจตกทั่วโลก ประเทศไทยก็ได้รับผกระทบนั้นด้วย

แม้แต่รัชกาลที่7ยังทรงเคยเปรยว่า พระองค์ทรงอยากให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยให้คนไทยปกครองบริหารจัดการประเทศกันเอง เพราะรัชกาลที่7 พระองค์ท่านเองทรงรู้สึกเหนื่อยพระทัยในการบริหารประเทศ ที่ต้องทรงแบกรับปัญหาประเทศไว้เพียงพระองค์เดียว เพราะมันเป็นเรื่องยากมากๆในการบริหารประเทศในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลกตกขณะนั้น

ซึ่งรัชกาลที่7 ได้ทรงมองออกว่า คนไทยส่วนใหญ่ในขณะนั้นแทบไม่รู้จักประชาธิปไตยเลยด้วยซ้ำ มีแต่พวกนักเรียนนอกลูกท่านหลานเธอ ลูกข้าราชการชั้นสูงเท่านั้นที่รู้จักประชาธิปไตย

แต่พวกคณะราษฎร์ใจร้อน อยากมีอำนาจ แต่อ้างว่าอยากได้ประชาธิปไตยโดยเร็ว จึงทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งแค่เริ่มต้นก็ผิดหลักการประชาธิปไตยแล้ว เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

-------------------------

เอาเป็นว่า ประชาธิปไตยไทยมันเกิดจากการปฏิวัตินั่นแหล่ะ ถ้าคณะราษฎร์2475แน่จริง ต้องจัดทำประชามติทั้งประเทศ ว่าจะเอาประชาธิปไตยหรือไม่? แต่คณะราษฎร์ก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่าแพ้แน่ๆ

แล้วหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ประชาชนคนไทย ประเทศไทยก็มีแต่ปัญหามากขึ้น ทั้งๆที่ในสมัยรัชกาลที่5 ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เจริญที่สุดในเอเซีย แต่เมื่อเป็นระบอบประชาธิปไตย คนไทยเราก็เริ่มไร้ระเบียบวินัย เห็นแก่ตัว เอาเปรียบประเทศชาติมากขึ้น จิตสำนึกรักแผ่นดินก็น้อยลงเรื่อยๆ

นั่นเพราะคนไทยไม่พร้อมกับระบอบประชาธิปไตย ผมอยากให้ไปย้อนอ่านบทความ ฤา ประชาธิปไตยไม่เหมาะกับคนไทย แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น

แม้กระทั่งทุกวันนี้ ผมกล้าพูดได้เลยว่า คนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยดีพอ พวกเขารู้แต่ว่า ประชาธิปไตยก็คือเลือกตั้งเท่านั้น

---------------------

ดร.วรเจตน์ อดีตนักศึกษาดีเด่นทุนภูมิพล และทุนอานันทมหิดล แท้ๆแต่แนวคิดประเภทเดียวกับสมศักดิ์ เจียม

พวกนี้เกลียดรัฐประหาร แต่หารู้ไม่ว่า ประชาธิปไตยแบบผิดๆกลับเลวร้ายยิ่งกว่ารัฐประหารเสียอีก ก็ดูอย่างทักษิณสิ เลวขนาดไหน คมช.ไปแล้ว แต่ภัยจากประชาธิปไตยแบบผิดๆของทักษิณยังทำให้คนไทยแตกแยกรุนแรงอยู่ทุกวันนี้

ถ้าพวกนิติราษฎร์ทั้ง7คนอยากย้อนเวลาลบล้างผลพวงรัฐประหารคมช. แน่จริงพวกท่านก็รวมเงินมาจัดทำประชามติเองสิครับ จะได้เป็นประชาธิปไตยเต็มที่สุดๆ ว่าคนไทยทั้งประเทศเห็นด้วยกับพวกท่านมั้ย?

เพราะถ้าไม่ทำประชามติถามคนทั้งประเทศก่อนว่าจะเอากับพวกท่านด้วยมั้ย กลุ่มนิติราษฎร์ก็ไม่ต่างอะไรจากคณะคมช.นั่นแหล่ะครับ (นิติราษฎร์กำลังจะเลียนแบบตรุกีที่เอาผิดพวกกระทำรัฐประหารย้อนหลัง ซึ่งที่ตรุกีล้มรัฐธรรมนูญของพวกรัฐประหารได้ด้วยการทำประชามติเช่นกัน)

และอย่าได้อ้างว่า เอาเงินรัฐบาลมาทำประชามติสิ เพราะรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์เคยหาเสียงไว้ว่า แก้ไขไม่แก้แค้น ซึ่งการล้มรธน.ชั่วคราว49 และการล้มรธน.50 เจตนาของนิติราษฎร์ก็คือแก้แค้น!! คือต้องการย้อนกลับไปเอาผิดคมช.นั่นเอง ทั้งๆที่เคยด่าคมช.ว่าย้อนเอาผิดทักษิณ แต่นิติราษฎร์กำลังจะเลียนแบบ!!

และนิติราษฎร์อย่ามาอ้างด้วยว่า ทีคมช.ยังเอาเงินประเทศมาทำประชามติได้เลย ก็นั่นมันพวกเผด็จการนี่ครับ อย่าไปเลียนแบบพวกเขาสิ นิติราษฎร์ก็ระดมทุนคนที่เห็นด้วยมาทำประชามติสิครับ อย่าชุบมือเปิบอย่างหน้าด้านๆเอาเงินชาติมาทำประชามติสนองตัณหาตัวเองแล้วกัน จะได้ทำให้ถูกต้องตามวิถีประชาธิปไตยที่แท้จริง

เพราะพวกนิติราษฎร์ มีเจตนาจะเอาผิดลงโทษพวกคมช.ที่ทำรัฐประหารในวันนั้นเอง โดยพวกนิติราษฎร์คิดจะลบล้างรธน.50 ที่มีผลทำให้การกระทำของคมช.ถูกต้อง ก็แปลว่าอยากลงโทษคณะคมช.นั่นแหล่ะ

ถ้าอยากเอาผิดคมช. ก็ควรเอาเงินพวกคุณมาทำประชามติเองสิครับ อย่าอ้างประชาธิปไตยพร่ำเพรื่อ!!

อย่าลืมนะว่า พวกคมช.ในวันนั้น ตอนนี้ก็มาเป็นพวกทักษิณเหมือนกัน เช่นโกวิท วัฒนะเป็นต้น

เผลอๆ ถ้าไล่เบี้ยกับคมช.มากๆ ระวังว่าจะย้อนทำร้ายทักษิณเอง

และนิติราษฎร์ เคยรู้บ้างมั้ยว่า คมช.รัฐประหารรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง!! เคยรู้บ้างมั้ย ?

ถ้าไม่เคยรู้ไปอ่านได้ที่ บทความเรื่อง คมช.รัฐประหารรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง!!

-----------------------------

แล้วมีคนถามว่า ไอ้คนที่เคยเลียรสช.เพื่อให้ได้มาซึ่งสัมปทานดาวเทียมล่ะ ทางนิติราษฎร์ทำไมไม่ย้อนไปล้มเรื่องนั้นด้วย

อย่า2มาตรฐาน!! อย่าเลือกปฏิบัติเพื่อคนใดคนหนึ่ง เพราะผลพวงของการอนุมัติสัมปทานดาวเทียมของรสช.ยังคงอยู่ เพราะทำให้ทักษิณรวยมาจนทุกวันนี้ (เพราะการขายหุ้นชินฯของทักษิณให้เทมาเส็กด้วยวิธีการผิดปกตินั้น เป็นผลให้มีพธม.ออกมาประท้วง)

ซึ่งก็เหมือนที่นิติราษฎร์อ้างว่าผลจากรัฐประหารคมช.ยังมีผลมาถึงปัจจุบัน (ก็เรื่องคดีทักษิณนั่นแหล่วะ นอกนั้นก็เพื่อต้องการเอาโทษคมช.นั่นแหล่ะ)

ถ้าทุกอย่างมันล้มล้างได้ตามที่นิติราษฎร์เสนอ ผมว่า วันนึ่งพวกนิติราษฎร์ก็อาจโดนกลุ่มคณะใดคณะหนึ่งล้มล้างสิ่งที่นิติราษฎร์ทำในวันนี้ก็ได้

เช่น คณะนิติราษฎร์จะล้มรธน.50 อ้างว่าเกิดจากคณะรัฐประหาร แต่อย่าลืมว่า อย่างน้อยรธน.50ก็ได้ผ่านการลงประชามติจากประชาชน มานะครับ

แต่รธน.2475 และรธน.2540 ที่นิติราษฎร์ชอบนักชอบหนา กลับไม่ได้ผ่านการลงประชามติจากคนทั้งประเทศตามวิถีประชาธิปไตยนะครับ

ซึ่งวันนึ่งอาจมีคณะใดคณะหนึ่ง ทำตามกลุ่มนิติราษฎร์ ออกกฏหมายประหารชีวิต7ชั่วโคตรกลุ่มนิติราษฎร์ทุกคน ที่บังอาจล้มรธน.50 ที่เกิดจากการทำประชามติของประชาชนก็ได้ ด้วยข้อหาล้ม รธน.เหมือนกัน


------------------------

นิติราษฎร์ ร่วมมือกับนักวิชาการล้มเจ้า!!

คุณผู้อ่านครับ พวกนิติราษฎร์กับพวกนักวิชาการสายล้มเจ้าอีกหลายคน พวกนี้มีเจตนาจะเอาผิดคมช. ที่ล้มรธน.40 และถ้าเอาผิดคมช.ได้ ก็หวังจะเอาผิดพลเอกสุรยุทธ ต่ออีกคน ด้วยข้อหาที่ร่วมมือกับคมช.ในการมารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการรัฐประหาร

แถมพวกนิติราษฎร์และพวกล้มเจ้านี้ยังคิดว่า น่าจะมีหลักฐานเอาผิดพลเอกเปรมต่ออีกด้วย เพราะพวกนี้กล่าวหาว่า พลเอกเปรมเป็นคนวางแผนพาพลเอกสนธิเข้าเฝ้า!! ต่อจากนั้นไอ้พวกนักวิชาการระยำ อกตัญญูแผ่นดินเหล่านี้นี้ ก็คิดการใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงสถาบันกษัตริย์ เป็นแผนที่มันวางต่อมา ผมรู้เพราะผมตามดูคลิปสัมนาวิชาการเรื่องสถาบันกษัตริย์ของพวกนี้ กับเรื่องล้มมาตรา112ด้วย

เพราะถ้าเอาผิดองคมนตรีได้ เจตนาพวกนี้หวังกระทบเพื่อทำให้สถาบันกษัตริย์มัวหมองตามไปด้วย เพราะพวกนี้ชอบสัมนาในหลายสถานที่ว่า คมช.เข้าเฝ้าเพื่อขอให้ในหลวงลงพระปรมาภิไธย

พวกมันพยายามใช้ตรรกะของพวกมันเพื่อจะโยงให้ได้ว่า ในหลวงทรงสนับสนุนการทำรัฐประหาร!!

(คุณผู้อ่านครับ อยากรู้ไหมว่า ทำไมวันนั้นพลเอกเปรม อยู่ในวังสวนจิตรฯ? อยากรู้ตามไปอ่านได้ที่บทความเก่าของผมเรื่อง 19ก.ย.54 กับข้อมูลที่หลายคนยังไม่รู้!?)

(เรื่องเจตนากระทบสถาบันฯจากผลพวงคมช. ผมได้อ่านจากเฟซบุ้คของสมศักดิ์ เจียมฯ)

------------------------

ในหลวงทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง

ซึ่งความจริงแล้ว ในหลวงไม่ทรงสนุบสนุนฝ่ายใดทั้งนั้น เพราะพระองค์ทรงเป็นกลางทางการเมือง ทรงอยู่เหนือการเมือง ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งของพวกแย่งอำนาจ ซึ่งคำว่าเป็นกลาง ความหมายชัดเจนคือเป็นกลาง ไม่เข้าข้างนักการเมืองคอรัปชั่น และไม่เข้าข้างพวกรัฐประหาร เช่นกัน

ใครมีอำนาจมาขอให้พระองค์ท่านเซ็น ก็ทรงเซ็นไป แต่พระองค์ก็อาจจะทรงตักเตือนพอสมควร แต่เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นกลาง ไม่ใช่หน้าที่ๆพระองค์ต้องปฏิเสธการลงพระปรมาภิไธย เพราะพระองค์ไม่ทรงอยู่ในสถานะในความขัดแย้งทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น

เพราะ 19ก.ย.49 มันเป็นเรื่องระหว่างคมช.กับทักษิณ เมื่อพระองค์ทรงเป็นกลางจึงไม่จำเป็นต้องปฎิเสธการลงพระปรมาภิไธย

พวกนิติราษฎร์ ร่วมกับพวกนักวิชาการสายล้มเจ้ามันคิดการใหญ่ครับ เราคนไทยอย่าได้ตกเป็นเหยื่อความคิดเลวๆของพวกนี้

---------------------

ถ้านโยบายแก้ไข ไม่แก้แค้น และปรองดอง ของนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ใช่คำโกหกตอแหล ท่านนายกฯก็อย่าได้ไปร่วมสนับสนุนแนวคิดของพวกนิติราษฎร์เด็ดขาด เพราะพวกนี้วางแผนจะให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟอีกครั้ง ด้วยการหาทางเอาผิดคณะคมช.

เชื่อผมเถอะครับ ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ พวกนี้มันเกาะกระแสทักษิณเพื่อล้มเจ้า ล้มสถาบัน

การที่พวกนิติราษฎร์อ้างว่า ไม่ได้ทำเพื่อช่วยทักษิณ แต่ความจริงถ้าพวกนี้ทำสำเร็จ คดีที่ผ่านมาของทักษิณก็จะกลายเป็นโมฆะ เพียงแต่พวกนิติราษฎร์อ้างว่า ต้องการให้คดีทุกคดีของทักษิณกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการช่วยเหลือทักษิณทางอ้อมนั่นแหล่ะ

แปลว่า ไอ้ที่ยึดเงินทักษิณไป ก็ต้องคืนกลับไปให้ทักษิณก่อน แล้วค่อยนำฟ้องร้องใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่า ทักษิณจะรอดทุกคดีในที่สุด

ทั้งหมดจากการฟังดร.วรเจตน์พูด สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตัวเองให้คงอยู่ แต่สิ่งใดเป็นโทษต่อทักษิณให้ล้มล้าง นั่นเท่ากับการเลือกปฏิบัติ คือถ้าจะล้มล้างทุกอย่างของคมช. ก็ต้องล้มล้างทุกอย่างเช่นล้มรัฐบาลสมัคร ล้มรัฐบาลสมชาย ล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ และล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย เพราะเป็นผลพวงจาก รธน.50ทั้งนั้น แต่ดร.วรเจตน์กลับจะเลือกให้เหลือเฉพาะที่เป็นประโยชน์ฝ่ายตนเท่านั้นไว้ ถุย!!

-------------------------

นิติราษฎร์ เจตนาช่วยทักษิณมากกว่า!!

ถ้าจะล้มล้างคมช.อย่างเดียวก็ทำได้ โดยไม่ต้องแตะคดีทักษิณ แต่พวกนิติราษฎร์เลือกที่จะไม่ทำ เพราะแม้คมช.จะตั้งคตส.ให้สวบสวนดำเนินคดีทักษิณ แต่สุดท้ายผู้ตัดสินคดีคือศาล ไม่ใช่คตส.

ถ้าทักษิณไม่ผิด ก็นำหลักฐานมาหักล้างคตส.ได้ ให้โอกาสสู้คดีได้ เพราะสุดท้ายคือศาลเป็นผู้ตัดสิน

--------------

นิติราษฎร์ กำลังพยายามบีบให้คมช.จนตรอก ระวังไว้ก็แล้วกัน ผมเชื่อว่าพวกคมช.เขามีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ ที่พร้อมจะช่วยเหลืออดีตเจ้านาย แต่พวกนิติราษฎร์ล่ะ มีใครพร้อมจะปกป้องชีวิตพวกคุณหรือไม่?

อยากทำอะไร ก็ทำไปเถอะครับ ผมนั่งบนภู รอดูหมานิติราษฎร์กัดกับหมาคมช. ใครเป็นต่อ ใครจะตายก่อน เดี๋ยวก็รู้ คนดูอย่างผม รอติดตามชม

สุดท้ายผมขอฝากให้คิดนิดนึงว่า เพราะนิติราษฎร์กำลังฮึกเหิม คิดว่าขอเพียงมีประชาชนเยอะๆสนับสนุนจะทำอะไรก็ง่าย เพราะถ้าทุกอย่างมันง่ายแบบที่คิด พม่าก็คงไม่เป็นเผด็จการแบบทุกวันนี้หรอกครับ

V

V

ปล. ที่จริง สิ่งที่ถูกต้องก็คือ ควรคิดวิธีป้องกันรัฐประหารไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยไม่ต้องย้อนกลับไปแก้แค้น!! ซึ่งความจริงนั้นมีหนทางแบบง่ายๆไม่ยุ่งยากอยู่ เพียงแต่พวกนิติราษฎร์ไม่คิดจะทำด้วยวิธีนั้น เพราะความจริงการต่อต้านรัฐประหารเป็นเพียงข้ออ้างของนิติราษฎร์ ที่จริงผมใหม่เมืองเอก มีหนทางที่จะไม่ให้เกิดรัฐประหารอีก..



แนะนำอ่าน เหนือนิติราษฎร์ ยังมี นิติธรรม!!



วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

สุลต่านบรูไน&ฮุนเซ็น คือไอดอลทักษิณ






คุณผู้อ่านคงได้อ่านข่าวที่ทักษิณไปเขมร แล้วทักษิณประกาศว่า พื่อนยามยากของทักษิณมี2คน คือองค์สุลต่านบรูไน กับฮุนเซ็น ที่คอยช่วยเหลือทักษิณให้ทักษิณเข้าประเทศได้ โดยไม่มีการจับกุม แถมต้อนรับขับสู้อย่างดี

คุณผู้อ่านครับ ผมจะขอตั้งข้อสังเกตให้คุณผู้อ่านได้เห็น เริ่มที่

สหายคนแรกของทักษิณ คือองค์สุลต่านแห่งบรูไน หรือสมเด็จพระราชาธิบดีฮัซนัลโบลเกียห์เป็นประมุขของรัฐ ทรงเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และรักษาการรัฐมนตรีการคลังด้วย นั่นคือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชอย่างสมบูรณ์ที่สุดแห่งเดียวในอาเซียน

องค์สุลต่านบรูไนจึงทรงมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในบรูไน และทรงร่ำรวยมหาศาลแบบแท้จริง

(ส่วนเรื่องในหลวงรัชกาลที่9ทรงเป็นกษัตรย์ที่รวยที่สุดโลกนั้น เป็นเรื่องไม่จริงครับ เชิญไปอ่านบทความที่ผมเคยเขียนได้ที่นี่ คลิก!)

ส่วนนายฮุนเซ็น (ซึ่งผมจะเรียกแบบนี้)  นายฮุนเซ็น เป็นเสมือนเจ้าของประเทศเขมรตัวจริง ใหญ่ยิ่งกว่าคิง สามารถสั่งคิงให้ตั้งตัวเองเป็นสมเด็จฮุนเซ็นก็ได้ สั่งคิงให้พระราชทานอภัยโทษให้ใครก็ได้ เพราะคิงเขมรก็เป็นเพียงหุ่นเชิดของระบอบฮุนเซ็นเท่านั้น

ฮุนเซ็นจึงเปรียบเสมือนประธานาธิบดีแห่งเขมร มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เรื่องราวเกี่ยวกับฮุนเซ็นที่มากกว่านี้ไปอ่านที่บทความเก่าเรื่อง กรรมของสีหนุจากเพื่อนสนิทแม้ว ครับ

แต่รวมๆแล้ว จึงสรุปได้ว่า เพื่อนของทักษิณ ก็มีแต่ผู้นำประเทศที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในประเทศตัวเองทั้งสิ้น!! เป็นประเทศที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเลย

โดยเฉพาะผู้นำเขมรอย่างนายฮุนเซ็น แม้จะอ้างว่าเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตย แต่ความจริงกลับกลายเป็นประเทศที่เผด็จการมากที่สุด คนที่ต่อต้านฮุนเซ็นมีแต่ต้องหนีตายแทบทั้งนั้น แม้แต่เจ้านโรดมรณฤทธิ์ก็เคยหนีตายภัยจากฮุนเซ็นมาแล้ว ไปอ่านรายละเอียดได้ที่บทความ กรรมของสีหนุจากเพื่อนสนิทแม้ว ครับ

สื่อทุกสื่อในเขมร ต้องฟังคำสั่งฮุนเซ็น ถูกควบคุมการนำเสนอข่าวเบ็ดเสร็จจากฮุนเซ็น ธุรกิจใหญ่ๆที่จะไปลงทุนในเขมร ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากฮุนเซ็นและต้องมอบผลประโยชน์ให้กับฮุนเซ็นทั้งสิ้น

เพราะทั้งองค์สุลต่านบรูไน กับฮุนเซ็น มีอำนาจเบ็ดเสร็จในประเทศตัวเองเช่นนี้ ทั้งสองคนจึงเป็นเสมือนไอดอลที่ทักษิณอยากเลียนแบบ

นั่นคือ ทักษิณต้องการมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนสหายทั้งสองคนนั่นเองครับ

---------------------------------

ทำไมสุลต่านบรูไน จึงต้องช่วยเหลือทักษิณ

ผมขอคาดการณ์ว่า อาจจะเป็นเพราะว่า น้ำมันสินค้าหลักของบรูไนที่สร้างความเจริญและความร่ำรวยมหาศาลให้กับบรูไนกำลังจะหมดไปในอีกไม่กี่10ปีนี้แล้ว หากบรูไรไม่มีน้ำมัน ไม่หาแหล่งน้ำมันแห่งใหม่ เศรษฐกิจที่บรูไนก็อาจจะไม่รุ่งเรืองเท่าปัจจุบัน จึงเป็นไปได้ที่ทักษิณเสนอผลประโยชน์จากทรัพยากรอ่าวไทยร่วมลงทุนกับสุลต่านบรูไน

ส่วนนายฮุนเซ็นที่ช่วยทักษิณนั้น ถึงไม่บอกสาเหตุ ทุกท่านคงเดาได้ นั่นคือการร่วมลงทุนจากทรัพยากรในทะเลอ่าวไทยนั่นเอง

พูดง่ายๆคือ คนอย่างทักษิณไม่เคยศรัทธาระบอบประชาธิปไตยจริงๆหรอกครับ ทุกอย่างเป็นเพราะผลประโยชน์ทั้งนั้นที่ทักษิณต้องการ

เช่นการขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณก็ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลชินเป็นหลักเช่นกัน


-----------------------

ทำไมเยอรมันให้ทักษิณเข้าประเทศ

สื่อท้องถิ่นเยอรมันรายงานว่่า ทักษิณเข้าเยอรมันได้จากการช่วยเหลือของสส.กลุ่มอนุรักษ์นิยม เคยเป็นอดีตสายลับเยอรมัน เป็นสส.ฝ่ายรัฐบาล

กลุ่มอนุรักษ์นิยม คือแนวคิดการเมืองแบบชาตินิยม (ถ้าในไทย กลุ่มอนุรักษ์นิยมก็เช่นกลุ่มพันธมิตร)

การที่ทักษิณได้รับการช่วยเหลือจากสส.อนุรักษ์นิยมฝ่ายรัฐบาลเยอรมัน นั่นอาจเพราะรัฐบาลเยอรมันเพิ่งจะอายัดเครื่องบินพระที่นั่งฯ เพื่อกดดันรัฐบาลไทยให้จ่ายค่าเสียหายจากการที่ไทยแพ้คดีดอนเมืองโทลเวย์

ก็คล้ายๆกับว่ารัฐบาลเยอรมันต้องการประกาศอ้อมๆขอเป็นฝ่ายตรงข้ามเชิงสัญลักษณ์กับรัฐบาลไทย

ในเมื่อรัฐบาลไทยไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายให้บริษัทเยอรมัน เยอรมันก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำขอจากรัฐบาลไทยเรื่องห้ามทักษิณเข้าประเทศ

แต่สื่อท้องถิ่นในเยอรมันก็ลงอีกว่า มีข้อสงสัยว่าสส.เยอรมันแอบรับผลประโยชน์อะไรในการช่วยทักษิณหรือไม่??

ผมขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ถ้าทักษิณได้เข้าประเทศแบบนักประชาธิปไตยจริงๆ มันก็น่าจะเป็นสส.ฝ่ายเสรีนิยมประชาธิปไตยช่วยเหลือมากกว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาช่วย

เมื่อทักษิณเข้าเยอรมันก็ได้พบนปช.อียู ร่วมทำบุญกันที่วัดไทยในฮัมบูรก์

และไปดูตามเว็บนปช.ต่างประเทศทุกเว็บได้เลย พวกนี้เป็นเว็บล้มเจ้าทั้งนั้น!!


-------------------------

ทำไมญี่ปุ่นให้ทักษิณเข้าประเทศ

อันนี้ตอบง่ายกว่ากรณีเยอรมัน นั่นเพราะ ญี่ปุ่นเขามีธุรกิจในไทยเยอะมาก เขาย่อมต้องเอาใจรัฐบาลใหม่ของไทย แต่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้เคยแถลงการณ์ว่า

การที่ญี่ปุ่นให้ทักษิณเข้าประเทศ มาจากคำร้องขอของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไปอ่านหลักฐานเรื่องนี้ได้ที่ คลิก!!

นั่นเพราะทักษิณเสนอตัวจะบริจาคเงินช่วยเหลือสึนามิญี่ปุ่นด้วยนั่นเอง แถมมีกลุ่มนปช.ญี่ปุ่นก็ช่วยวิ่งเต้นอีกทางให้ทักษิณเข้าญี่ปุ่นครับ

ผมขอตั้งข้อสังเกตอีกว่า อาจมีนักธุรกิจญี่ปุ่นอยากพูดคุยตกลงกับทักษิณให้ชลอเรื่องค่าแรง300บาทด้วยก็ได้

แต่ประเด็นสำคัญที่น่าคิดก็คือ ถ้าทักษิณสามารถเข้าญี่ปุ่นได้ ก็จะทำให้ประเทศอื่น ๆ ในเอเซียอาจทำตามญี่ปุ่น ยอมให้ทักษิณเข้าประเทศด้วย





วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

บทบาทสรยุทธในช่วงน้ำท่วม?





ทความนี้เป็นบทความที่ผมอยากเขียนมานานแล้ว แต่คิดว่า น่าจะยากในการเรียบเรียงให้คนอ่านคล้อยตามในความคิดผม ผมเลยไม่ได้เขียนสักที มาวันนี้ ผมจะลองเขียนดู อาจจะยาวสักหน่อย ช่วยอ่านให้จบด้วยแล้วกันครับ

น้ำท่วมไทยหนักแบบซ้ำซาก แถมห่างกันในช่วงไม่กี่เดือนก็กลับมาท่วมซ้ำอีก ต่างจากในอดีตมากๆ เพราะในอดีตต้องมีพายุเข้า หรือดีเปรสชั่นเข้า น้ำถึงจะท่วมหนักสักครั้ง

และมักจะมีการข้ามปี หรือเว้นไปหลายปี จึงจะกลับมาท่วมหนักซ้ำที่เดิมอีกครั้ง

แต่เดี๋ยวนี้ ท่วมหนักซ้ำซาก ไม่ทันถึงปีก็กลับมาท่วมที่เดิมอีก แถมหนักหนาสาหัสกว่าในอดีตมากๆ ทั้งๆที่ไม่มีพายุเข้าไทยเลยสักลูก

สาเหตุน้ำท่วมผมยังไม่พูดในบทความนี้ เพราะบทความนี้ จะขอพูดถึงบทความของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในวิกฤติน้ำท่วมทั้งหลายที่ผ่านมาในช่วง1ปีที่ผ่านมา

-------------------------

เริ่มจากปีที่แล้ว น้ำท่วมหนักในหลายจังหวัด ทั้งลพบุรี นครราชสีม ชัยภูมิ หนักหนาสาหัสสุดๆ หรือกระทั่งที่กระบี่ก็มีโคลนถล่มหนัก บ้านพัง คนตายและสูญหายมากมาย หรือจะที่หาดใหญ่ก็จมเป็นเมืองบาดาล และอีกหลายๆจังหวัดเกินครึ่งประเทศ ที่ตกอยู่ในภัยน้ำท่วมหนัก

คุณสรยุทธ สุทศนะจินดาในบทบาทสื่ออันดับ1ของไทย ก็ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมอย่างถึงลูกถึงคน ดันเรตติ้งช่อง3และรายการเรื่องเล่าเช้านี้พุ่งกระฉูด รายได้จากโฆษณาก็พุ่งตามไปด้วยเช่นกัน

คุณสรยุทธ กับช่อง3 นอกจากรายงานข่าวสถานการณ์อย่างเข้มข้นแทบทุกช่วงข่าวในแต่ละวันแล้ว ก็ยังเปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยอีกด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างมาก ได้เงินไปหลายร้อยล้าน

ผมเองเป็นแฟนรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ก็ขอชื่นชมการทำงานของช่อง3และคุณสรยุทธด้วย เพราะมีช่องเดียวที่รายงานได้อย่างตรงใจ ที่เราอยากเห็นว่า สถานการณ์เป็นยังไง

การรายงานข่าวน้ำท่วมของคุณสรยุทธ โดนใจคนติดตามชมมากๆ เพราะเราได้เห็นในสิ่งที่เราอยากรู้ อยากเห็น พูดง่ายๆคือตอบโจทย์เรื่องการรายงานข่าวน้ำท่วมได้แตกทุกประเด็นที่คนดูอยากเห็นในการรายงานข่าวแบบนี้

----------------------

นอกจากรายงานข่าวแบบเน้นเรื่องน้ำท่วมเป็นหลักแล้ว คุณสรยุทธก็เป็นสื่อที่ บริษัท ห้าง ร้าน นักธุรกิจอยากจะมามอบเงินให้ถึงมือคุณสรยุทธด้วยตัวเอง เพราะได้ออกทีวี แถมดังกว่าการออกช่อง11ช่องของรัฐบาลมาก

เพราะช่อง3 กลายเป็นเบอร์1ของเรื่องข่าวไปแล้ว และรายการข่าวช่อง3คือรายการอันดับ1ที่คนดูสนใจมากที่สุด มากกว่าละครด้วยซ้ำ ช่อง3จึงมอบเวลาให้รายการข่าวมากที่สุด!!

-------------------

ภาพการลุยน้ำของคุณสรยุทธ เข้าไปแจกของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของสื่อที่ต้องแข่งขันกันรายงาน

พูดง่ายๆคือ คุณสรยุทธ ประหนึ่งสวมวิญญาณนักข่าวCNN ลงไปลุยในสถานการณ์จริง เพื่อรายงานข่าว

คุณสรยุทธ จึงได้ทั้งบุญ ได้ทั้งเสียงชื่นชม ได้ทั้งรอยยิ้มจากผู้ประสบภัยที่เห็นคนดังมาเยี่ยม มาช่วยเหลือ และหวังว่าการรายงานข่าวของคุณสรยุทธจะช่วยให้ภาครัฐได้เห็นถึงความเดือดร้อนของตนเอง จะได้รีบมาช่วยเหลือ

แต่ในความจริง คุณสรยุทธไม่ใช่เทวดา ที่จะแบ่งภาคลงไปทุกพื้นที่พร้อมกันได้ แต่การรายงานข่าวทำให้ประหนึ่งว่าคุณสรยุทธได้ลงไปเองหลายพื้นที่ และความจริงช่อง3ก็ส่งดารา นักข่าวคนอื่นๆ อาสาสมัคร และร่วมมือกับหน่วยราชการ ลงไปช่วยเหลือมอบสิ่งของบริจาคในหลายๆพื้นที่ด้วย

แต่เมื่อหลายๆพื้นที่ ถ่ายภาพข่าวกลับมาให้คุณสรยุทธรายงาน ก็เสมือนคุณสรยุทธได้ลงไปด้วยตัวเอง เพราะนี่คือบทบาทหน้าที่ของสื่อ

เราต้องยอมรับว่า คุณสรยุทธนับเป็นสื่อที่มีบารมีมากจริงๆ เพราะเพียงแค่คุณสรยุทธประกาศว่าจะขอรับการบริจาค ก็มีคนแห่เข้ามาร่วมบริจาคกันมากมายจริงๆ อันนี้เราต้องชื่นชมบารมีตรงส่วนนี้ของคุณสรยุทธด้วยจริงๆ

-------------------------

แผ่นดินไหวที่เฮติ และสึนามิ ที่ญี่ปุ่น

กรณีสึนามิที่ญี่ปุ่น หรือแม้แต่แผ่นดินไหวที่เฮติ คุณสรยุทธก็ทำการรายงานข่าวได้อย่างน่าติดตาม แถมเมื่อคุณสรยุทธประกาศขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือทั้งเฮติ และสึนามิญี่ปุ่น ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างคับคั่งเช่นเคย

ผมจึงต้องย้ำว่า คุณสรยุทธเขามีบารมีมาก เป็นสื่อที่คนไทยทั้งประเทศติดตามชมมากที่สุด เขาคือเบอร์1ในวงการข่าวจริงๆ

(และรายการข่าวของคุณสรยุทธ ก็เป็นรายการข่าวที่ทำเงินให้คุณสรยุทธ และช่อง3มากที่สุดเช่นกัน)

-------------------

ผลพลอยได้คือค่าโฆษณามหาศาล!!

ฉะนั้น การที่คุณสรยุทธ รายงานข่าวน้ำท่วมอย่างทันเหตุการณ์นั้น ใจหนึ่งผมยอมรับว่า ผมชื่นชมมากๆ เพราะผมติดตามมาโดยตลอด

แต่ทุกคนอย่าลืมนะครับว่า คุณสรยุทธเองก็ได้รับผลประโยชน์จากการมีผู้ชมคอยเฝ้าติดตามการรายงานข่าวจากคุณสรยุทธเช่นกัน นั่นคือ ค่าโฆษณามหาศาล!!

ฉะนั้น คุณสรยุทธ ยิ่งรายงานหายนะจากน้ำท่วมทั่วประเทศได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีคนสนใจเฝ้าติดตามรายการข่าวของคุณสรยุทธมากขึ้นเท่านั้น ก็มันเป็นอาชีพรายงานข่าวของเขานี่นะ

คุณสรยุทธ จึงได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง นั่นคือ เสียงชื่นชมในการเป็นแม่งานจัดหาระดมเงินบริจาค เสียงชื่นชมจากผู้ประสบภัย เสียงชื่นชมจากคนดูทางบ้าน เสียงชื่นชมมากมายจากหลายๆภาคส่วน

คุณสรยุทธ ได้ทั้งชื่อเสียงและคำชื่นชม มีแต่ได้กับได้ จริงๆ

พูดง่ายๆก็คือ ภัยพิบัติต่างๆ คือสิ่งที่ทำให้รายการข่าวทุกช่องขายโฆษณาดีขึ้น ยิ่งคุณสรยุทธเองก็ได้เป็นฮีโร่ ซึ่งเป็นผลพลอยได้ไปด้วย

แต่อย่าง ทหารที่เป็นพระเอกตัวจริง ที่ลงไปช่วยคนไทยที่ประสบภัยพิบัติ เพียงแต่ทหารไม่ได้ไปถ่ายออกมาเป็นข่าว ทั้งถนนขาด บ้านพัง แบกคนแก่ ทหารทั้งนั้นที่เข้าไปช่วยซ่อมช่วยสร้าง แต่ทหารคงไม่ดังเท่าคุณสรยุทธหรอก

เจ้าหน้าที่อาสาสมัครก็เช่นกัน ไม่ดังเท่าคุณสรยุทธหรอก ทั้งๆที่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครกู้ภัย คือคนที่คอยอำนวยความสะดวกให้คุณสรยุทธ และทีมข่าวทุกช่อง ให้ลงไปทำข่าวได้อย่างสะดวก ปลอดภัย

--------------------------

สื่อเอียงแดง เลยถือโอกาสเสี้ยม ตีวัวกระทบคราด



มติชนสุดสัปดาห์ จึงได้โอกาสเสี้ยมให้สรยุทธกับรัฐบาลแตกแยกในเรื่องน้ำท่วมได้ โดยเฉพาะแสร้งทำเป็นยกย่องสรยุทธเพื่อกระทบนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ว่า แก้ปัญหาน้ำท่วมสู้สรยุทธไม่ได้

แล้วพวกเสื้อแดงก็เลยได้ที ร่วมกับมติชน รวมกันด่านายกฯอภิสิทธิ์เช่นกัน

ส่วนผมอยากจะขอประณามมติชนมากกว่า ที่เอาเรื่องนี้มาโจมตีกันทางการเมือง โดยใช้คุณสรยุทธเป็นเครื่องมือ ทำให้สื่ออย่างคุณสรยุทธเอง ก็ลำบากใจไปด้วย กลายเป็นว่า คุณสรยุทธเลยแหยงๆที่จะรายงานข่าว เพราะดันมีสื่อเลวเอาคุณสรยุทธเป็นเครื่องมือโจมตีอีกฝ่าย

ถ้ามติชน เป็นสื่อที่ดี ก็คงจะไม่ใช้สรยุทธเป็นเครื่องมือโจมตีอีกฝ่าย

เพราะถ้าจะโจมตีนายกฯอภิสิทธิ์เรื่องน้ำท่วมก็ทำได้มากมายหลายประเด็น โดยไม่ต้องใช้คุณสรยุทธเป็นเครื่องมือ แต่เผอิญมติชนเป็นสื่อที่เลวครับ

จนกระทั่งน้ำท่วมคราวนี้ ตั้งช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.54 คุณสรยุทธก็ไม่กล้าประกาศขอรับบริจาค เพราะคงกลัวจะตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีก แถมไม่กล้าลงพื้นที่มาตั้ง2เดือน แต่เมื่อสถานการณ์ผ่านไป2เดือน ประชาชนเดือดร้อนกันมาก

คุณสรยุทธเลยเพิ่งประกาศขอรับการบริจาคเมื่อวันที่12ก.ย.ที่่ผ่านมานี่เอง และเพิ่งจะลงพื้นที่ไปรายงานข่าวเมื่อช่วง2อาทิตย์นี่เอง

ส่วนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เปิดรับบริจาคผ่านทางช่อง11 เมื่อวันที่14ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เงินไปตั้ง363ล้านบาท ผมมองว่า ช่อง3เปิดรับบริจาคช้าด้วย เงินบริจาคเลยไปที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วยส่วนนึง แต่อย่างว่า รัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น นักธุรกิจก็ยิ่งอยากปรองดองด้วย

ส่วนปีที่แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ระดมทุนผ่านช่อง11 ได้เพียง33ล้านบาท ซึ่งยอด33ล้านนี้ทำให้เสื้อแดงเอาไปเยาะเย้ยอภิสิทธิ์ว่าระดมเงินบริจาคสู้ยิ่งลักษณ์ไม่ได้

รูปคุณยิ่งลักษณ์บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมผ่านทางนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อปีที่แล้ว



------------------------

ในช่วง5ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทของคุณสรยุทธมีผลกำไรร่วมๆพันล้านบาท!!

แน่นอน คนทำดี ย่อมได้รับผลดี ตอบแทนอย่างคุ้มค่า อันนี้ผมชื่นชมและมุทิตาจิตด้วย

แต่ถ้าเขาทำดี แล้วสื่อเลวๆไปเอาเขามาเป็นเครื่องมือโจมตีอีกฝ่าย ผมว่า สื่อนั้นเลวครับ เพราะแทนที่คุณสรยุทธควรจะเปิดรับการบริจาคมาตั้งนานแล้ว เลยไม่กล้าขอรับบริจาคและลุยทำข่าวเอง เพราะกลัวการตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมือง

ช่อง3เลยเพิ่งจะขอรับบริจาคเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุน้ำป่า โคลนถล่ม ที่น้ำปาด อุตรดิตถ์นี่เอง

ถึงอย่างไร คนทำดี เราต้องยกย่อง คุณสรยุทธมีบทบาทช่วยเรื่องน้ำท่วม อันนี้ต้องชื่นชม และร่วมอนุโมทนาจิตด้วย

------------------------

ส่วนค่าแรงขึ้นไม่ขึัน ของจะแพงแค่ไหน น้ำจะท่วมหนักเท่าไหร่ คุณสรยุทธก็รายงานข่าวได้อย่างน่าติดตามเรียกเรตติ้งได้เสมอๆ

คุณสรยุทธก็รวยทั้งขึ้นทั้งร่องจากการรายงานข่าวอยู่ดีแหล่ะครับ ต้องขอมุทิตาจิตกับคุณสรยุทธด้วยจริงๆ ถึงอย่างไร ผมก็ขอให้กำลังใจคุณสรยุทธทำงานข่าวเพื่อสังคมต่อไป

ชาวบ้านทั้งหลายควรดีใจนะครับ ที่มีมหาเศรษฐีพันล้านอย่างคุณสรยุทธลุยน้ำไปเยี่ยม นับว่าเป็นบุญตาจริงๆ ยิ่งมีนายกฯยิ่งลักษณ์อภิมหาเศรษฐีสาวสวยลงไปลุยน้ำท่วมอีกคน ยิ่งนับว่าเป็นบุญตาสุดๆ

ส่วนผมที่ผมอยากเห็นแต่ไม่ได้เห็น คืออยากเห็นเสี่ยสรยุทธไปออกช่อง11 ร่วมบริจาคเงินผ่านนายกฯยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่14ที่ผ่านมา สัก1ล้านให้เห็นเป็นบุญตาสักครั้งจริงๆ!!

(เฉพาะปี 2553 บริษัทของสรยุทธมีรายได้รวม 455,532,640 บาท กำไรสุทธิ 161,581,397 บาท)


ส่วนผมชอบภาพนี้ ท่านนายกฯไหว้ได้อย่างนอบน้อมน่าชื่นชม!!

นางกิมไล้ รัศมีแก้ว ชาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี มอบเงินจำนวน 10,000 บาท แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2554 

ส่วนการรับบริจาคของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่14กันยายนที่ผ่านมา ยอดเงินรวม363,039,492.25 บาท

โดยผู้ที่บริจาคมากที่สุดคือ ตัน ภาสกรนที ในนามบริษัท ตันไม่ตัน บริจาคเงิน 40 ล้านบาท รองลงมาคือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) 30ล้านบาท บริษัทไทยเบฟเวอเรจ 30 ล้านบาท และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว 1 ล้านบาท



ขอจบด้วย

ถาม "สส.เพื่อไทยชื่อดังทั้งหลายหายไปไหนหมดในช่วงน้ำท่วม ชาวบ้านเขาคิดถึง?"

ตอบ "อ๋อ..ท่านสส.เพื่อไทย ขอตัวไปเตะบอลที่ขแมร์ก่อนจ้า!!"


คลิกอ่าน ทำไมคนอย่างคุณตันถึงเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้!!




วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

กลุ่มคนที่ถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลืม!!





คุณผู้อ่านครับ ยิ่งค่าแรงสูงขึ้นเท่าใด เงินเดือนสูงขึ้นเท่าไหร่ ค่าครองชีพก็ยิ่งสูงขึ้นตาม

คนที่ได้รับค่าจ้างขึ้น แม้จะเดือดร้อนจากข้าวของแพงขึ้นราคา แต่ก็ยังถือว่าเดือดร้อนน้อยกว่ากลุ่มคนที่ถูกลืม นั่นก็คือ

1. กลุ่มผู้สูงอายุที่เกษียณอายุจากบริษัทเอกชน แถมไม่มีลูกเต้าคอยเลี้ยงดู หรือมีลูก แต่ลูกก็ไม่ได้เลี้ยง เพราะลูกเองก็ยังเอาตัวไม่ค่อยรอด

โดยเพราะผู้สูงอายุที่เป็นลูกจ้างตำแหน่งเล็กๆในบริษัทเอกชนและได้เกษียณจากบริษัทเอกชน ในรุ่นที่ยังไม่มีเงินประกันสังคมมายังชีพรายเดือน โดยมากก็จะได้บำเหน็จจากบริษัทมาไม่มากเท่าไหร่ และไม่มีบำนาญกินเหมือนข้าราชการ กลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มนี้น่าสงสารมากๆ เพราะเงินเก็บที่หวังไว้ทานดอกเบี้ยก็ไม่พอกิน เพราะดอกเบี้ยต่ำมาก เงินต้นหายเรื่อยๆเป็นงูกินหางจนหมดตัว!!

กลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้ ไม่มีลูกเลี้ยงดู นับวันๆเงินทองที่เก็บมาก็ร่อยหรอ บางคนก็หมดเกลี้ยงไปนานแล้ว กลายเป็นคนแก่อนาถา ที่ต้องขอให้ญาติพี่น้องเลี้ยงดู บางคนแม้แต่ญาติพี่น้องก็ไม่มีเลี้ยง กลายเป็นคนแก่ที่ตกระกำลำบากมากๆ (ดูได้จากช่วงสกู๊ปข่าว7สี ซึ่งมีคนแก่ไม่มีใครเลี้ยงดูอยู่มากมาย)

ยิ่งค่าครองชีพสูงมากเท่าไหร่ ข้าวของแพงมากเท่าไหร่ คนแก่เหล่านี้ก็ได้แต่รอวันตายอย่างอนาถาไปวันๆ ไม่มีนักการเมืองอยากจะทำประชานิยมให้คนกลุ่มนี้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็น้อยมาก ไม่พอยาไส้ คนแก่จนๆก็จะตายหมดไปภายใน4ปีตามที่รัฐบาลกำหนดคนจนจะหมดไป เพราะอดตายนั่นเอง

แม้รัฐบาลบอกจะเพิ่มเบี้ยยังชีพให้ เช่นอายุ60-70 ได้500บาท อายุ70-80 ได้600บาทเพิ่มขึ้น100บาท อายุ80ขึ้นไปได้1,000บาท แต่จนถึงวันนี้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่บอกว่าจะเพิ่มขึ้น ก็ยังไม่ได้เพิ่มขึนแต่อย่างใด

เบี้ยยังชีพคนแก่ที่ได้เงินเดือนละ500บาท เท่ากับวันนึงได้ไม่ถึง20บาท ถามหน่อยว่า 20บาทซื้อก๋วยเตี๋ยวกินสักชามได้มั้ยในยุคนี้???


2. เกษตรกรที่พบการนาล่ม น้ำท่วมทำลายพืชผลการเกษตร

เพราะเกษตรกรลงทุนทำนาทำไร่ทำสวนไปแล้ว แต่พอเจอน้ำท่วม อย่างเก่งรัฐก็ช่วยเหลือเงินแค่ครึ่งเดียวจากที่เสียไป และกว่าจะได้เงินก็รอเงก!! เกษตรกรขาดทุนจากผลผลิตเสียหาย นั่นแปลว่า รายได้ก็ต้องหายไปด้วย ทุนหายกำไรไม่ต้องพูดถึง เป็นหนี้จากการกู้ยืมจากร้านปุ๋ย ร้านยา มาลง เมื่อผลผลิตการเกษตรเสียหาย ก็คือเข้าเนื้อตัวเอง

เพราะเกษตรกรไม่มีรายได้จากการขายผลผลิต ก็คือไม่มีกำไร แถมขาดทุนเข้าเนื้อ ยิ่งถ้าค่าแรงขั้นต่ำแพงขึ้น ต่อไปถ้าจะลงทุนจ้างคนมาดำนาอีก ก็ต้องจ้างแพงขึ้น ลงทุนสูงขึ้น!!

ค่ายา ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ยย่อมแพงขึ้นตามค่าแรง แล้วหนี้ที่มีอยู่ก็ยังไม่มีจ่าย จะไปกู้ใหม่ก็ต้องกู้เพิ่มขึ้น แถมไม่รู้ว่า ทำไปแล้วอาจจะเจ๊งเพราะภัยธรรมชาติอีกหรือเปล่า?

ฉะนั้นถ้าค่าแรงขั้นต่ำแพงขึ้น เงินเดือนแพงขึ้น สินค้าย่อมต้องแแพงขึ้น ชาวนา ชาวไร่ที่เจ๊งจากน้ำท่วม ก็จะยิ่งอ่วมมากขึ้นครับ เพราะแม้แต่เงินจะซื้อข้าวกินยังไม่มี แถมข้าวสารกำลังจะแพงขึ้นแล้วเช่นกัน


3. คนพิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อร้ง

คนพิการ ก็ทำมาหากินลำบากอยู่แล้ว เงินช่วยเหลือคนพิการก็น้อยนิดคือเดือนละ500บาท (ถ้าจำไม่ผิด) ผู้ป่วยโรคเรื้อรังหลายโรค อาจทำงานไม่ได้ หรือทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยมากก็คือต้องทำอาชีพอิสระ

หลายคนในกลุ่มคนพิการ และผู้ป่วยเรื้อรัง ก็อาจตกงาน ต้องพึ่งพาญาติพี่น้อง เป็นภาระให้แก่คนอื่น

คนกลุ่มนี้ก็จะยิ่งเดือดร้อนมากขึ้น ถ้าค่าครองชีพยิ่งสูงขึ้น สินค้าแพงขึ้น แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่เคยพูดถึงๆคนกลุ่มเหล่านี้เลย

---------------------------------

คุณผู้อ่านครับ ความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะเรื่องการช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมกันแก่ประชาชนทุกกลุ่มจากรัฐบาลไทยไม่ว่าสมัยไหนๆ จนมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่มีจริงหรอกครับ

กลุ่มคนที่ผมยกตัวอย่างมานั้น คือตัวอย่างคนที่เสียเปรียบทุกทาง ถ้าค่าแรงแพง ข้าวของแพงครับ

---------------------

ส่งท้ายด้วย

คืนภาษีให้คนซื้อรถคันแรก รัฐสูญรายได้จากภาษีรถไปนับหมื่นล้าน แถมเพิ่มปัญหารถติดเข้าไปอีก

แต่กลับไปลดนโยบายใช้ไฟฟ้าฟรีแทน จากเคยให้คนจนใช้ฟรีไม่เกิน90หน่วย เหลือฟรีแค่50หน่วย !!

และกำลังจะทยอยขึ้นราคาแก๊สหุงต้มของชาวบ้านแทน

นี่หรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่อ้างว่าจะทำเพื่อคนจน??







วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ดีแต่พูด vs ดีแต่โม้ !!




ก่อนอื่นต้องขอย้ำให้คุณผู้อ่านของผมทราบอีกครั้งว่า ผมไม่เคยชอบวิธีการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดชีวิต

แต่ใหม่เมืองเอก จะด่าหรือตำหนิใครต้องมีเหตุผลรองรับ โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญที่สุด ผมไม่เข้าข้างใครที่ทำผิดทุกพรรค

-----------------

ผมขอเริ่มด้วยเรื่อง นโยบาย99วันทำได้ ของพรรคประชาธิปัตย์ก่อน

พวกเสื้อแดงและพวกเพื่อไทย มักโจมตีในเรื่องนโยบาย99วันทำได้ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ดีแต่พูด  เช่น เรื่องเรียนฟรี??

ผมใหม่เมืองเอก เคยเขียนเรื่องเรียนฟรีของพรรคประชาธิปัตย์ในบทความเรื่อง สาเหตุที่ประชาธิปัตย์จะพ่ายแพ้เลือกตั้ง54

แต่ผมไม่คิดว่า นโยบาย99วันทำได้ทันทีของประชาธิปัตย์จะถือว่าผิดสัญญานะครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ?

นั่นเพราะ ในการเลือกตั้งปี51 พรรคประชาธิปัตย์ได้หาเสียงในเรื่องนโยบาย99วันทำได้นั้น ข้อแม้ก็คือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์จะทำนโยบาย99วันทำได้ทันที

แต่ในการเลือกตั้งปี51 พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งครับ ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้ง ก็แสดงว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับนโยบาย99วันทำได้ของปชป.

ฉะนั้นนโยบาย99วันทำได้ของประชาธิปัตย์จึงเสมือนเป็นโมฆะไปแล้ว เมื่อปชป.แพ้การเลือกตั้ง51

แต่เมื่อปชป.ได้มาเป็นรัฐบาลในปลายปี51 แน่นอนเขาก็ได้ทำนโยบายตามที่เขาหาเสียงไว้ตามสมควร แต่เรื่อง99วันจะเอามาเป็นสัญญาอีกไม่ได้ เพราะปชป.ไม่ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลตั้งแต่แรก

ปชป.เข้ามาเป็นรัฐบาลเมื่ออายุสภา ผ่านไปเกือบปีแล้วครับ เลยหลังเลือกตั้ง51 เกิน99วันมาหลายเดือนแล้ว

และการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นพรรคที่มีเสียงไม่มาก ต้องอาศัยเสียงจากพรรคร่วมหลายพรรค การดำเนินนโยบายของพรรคจึงยากลำบากกว่าพรรคที่มีคะแนนเสียงท่วมท้น

อีกทั้งสถานการณ์บ้านเมือง มีพวกอันธพาลแดงคอยตามรังควานและก่อเรื่องให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำงานยากมากยิ่งขึ้น

ฉะนั้น ประชาธิปัตย์จึงทำได้เท่าที่ทำได้เท่านั้น

ส่วนหลายเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์แก้ปัญหาไม่ถูกใจ ล่าช้า ผมคงไม่ต้องวิจารณ์อีกเพราะคนไทยรู้กันดีอยู่แล้ว และพรรคประชาธิปัตย์ก็พ่ายแพ้การเลือกตั้ง54ไปแล้ว ผมจึงถือว่า ประชาธิปัตย์ได้รับการลงโทษจากประชาชนแล้วครับ

-----------------------

พรรคเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์ ดีแต่โม้!!

ถ้าคุณผู้อ่านย้อนกลับไปอ่านบทความของผมในช่วงที่ผ่านไม่กี่บทความก่อนหน้านี้ ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พรรคเพื่อไทยโดยรัฐมนตรีในหลายกระทรวงได้ออกมายอมรับแล้วว่า นโยบายของเพื่อไทยหลายอย่างไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้

ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ300บาท ทั่วประเทศทันที ก็ทำไม่ได้

ทั้งเงินเดือนปริญญาตรี15,00บาท ทั่วประเทศทันที ก็ทำไม่ได้

เรื่องยุบกองทุนน้ำมัน ก็เหลือแค่งดเก็บชั่วคราว แสดงว่าทำไม่ได้

ค่ารถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย รมต.คมนาคมก็สารภาพออกมาแล้วว่าทำไม่ได้

แต่เมื่อมีคนวิจารณ์ว่า พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์เลย เพราะดีแต่โม้

พวกสาวกเสื้อแดง ก็จะออกมาแก้ต่างแแทนนายกฯหญิงแบบเห่ยๆว่า ทีประชาธิปัตย์ก็ดีแต่พูดเหมือนกัน

นั่นก็เท่ากับว่า พวกเสื้อแดงก็ยอมรับกลายๆไปแล้วว่า พรรคเพื่อไทยของเสื้อแดงก็ดีแต่โม้ เหมือนกัน

---------------------

จากที่ผมอธิบายเรื่องนโยบาย99วันทำได้ทันที ของพรรคประชาธิปัตย์ นั้นถือว่าเป็นโมฆะไปแล้ว เพราะ ปชป.แพ้เลือกตั้ง51 ไม่ได้เป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

แต่กรณีเพื่อไทยนั้นแตกต่างจากประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเพือไทยชนะเลือกตั้ง!! และได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา เมื่อมีคะแนนเสียงมากขนาดนี้รองรับ เพื่อไทยย่อมต้องทำงานได้ง่ายกว่าพรรคประชาธิปัตย์

ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจะมาอ้างว่าทีประชาธิปัตย์ยังทำไม่ได้ตามที่พูดเลยไม่ได้!! เพราะต่างกรรมต่างวาระกันไปแล้ว

ผมอธิบายมาขนาดนี้แล้ว ไม่รู้จะมีเสื้อแดงกี่คนจะอ่านรู้เรื่อง

----------------------

ตรรกะทำลายชาติของเสื้อแดง

ถ้าพธม.บุกสนามบิน ยึดทำเนียบได้ เสื้อแดงต้องเลวกว่า เสื้อแดงก็ต้องยึดอนุสาวรีย์ได้ ต้องยึดราชประสงค์ได้ ต้องบุกโรงพยาบาลได้ ต้องล้มการประชุมอาเซียนได้ ต้องเผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลางก็ได้

ถ้าประชาธิปัตย์ ดีแต่พูด ทำนโยบายใน99วันไม่ได้ พรรคเพื่อไทยของนายใหญ่เสื้อแดง ก็ต้องโกหก ขี้โม้ได้เหมือนกัน

ถ้าเสื้อแดงคิดกันแบบนี้ ผมไม่แปลกใจเลยทำไมเสื้อแดงถึงกล้าเผาศาลากลาง!!


------------------------

บทสรุปในบทความนี้

สำหรับผม ผมชอบให้รัฐบาลยอมรับความจริงแบบที่ผ่านมาน่ะดีแล้ว

นโยบายอะไรที่ทำไม่ได้ ก็ยอมรับมาว่าทำไม่ได้

เพราะถ้าทำไม่ได้ แล้วไปฝืนทำ แล้วเป็นผลเสียหายมากกว่า ก็ไม่ควรทำครับ

อาจโดนด่าว่า ดีแต่โม้ บ้าง แต่ก็ดีกว่าดันทุรังทำไปแล้วมีผลเสียหายมากกว่า


วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

หลังจากนักร้องคันหูออกรายการวู้ดดี้แล้ว




ปกติผมไม่ดูรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เพราะไม่ชอบ แต่พอรายการจะนำนักร้องเพลงคันหูแสนอื้อฉาวมาออกอากาศ ก็เลยต้องดูสักหน่อย เพราะเมื่อผมไม่เห็นด้วยกับการนำเธอมาออกรายการทางสื่อหลัก ผมจึงจำเป็นต้องดูรายการในคืนวันที่4ก.ย.54 เพื่อต้องการรู้ว่า รายการนำเธอมาออกเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่?

และผมก็ได้ข้อสรุปขั้นต้นคือ วู้ดดี้ก็ต้องการเรียกเรตติ้งรายการ เพราะก่อนจะมีการออกอากาศ ก็มีโฆษณาประชาสัมพันธ์ในทำนองยั่วเย้าให้คนดูเกิดความสนใจอยากดู นั่นเพราะต้องการให้คนดูเยอะๆ โดยเฉพาะการนำนักร้องที่ดังในทางยั่วยุกามรมณ์มาออก

เจตนาวู้ดดี้ก็เหมือนรายการเห็นแก่เงินทั่วไปคือ เพื่อเงิน!! มากกว่าสิ่งอื่นใด

--------------------

คุณผู้อ่าน ถ้ายังไม่ได้ดู ก็คงไปหาดูย้อนหลังกันได้ (คลิกดูคลิปรายการย้อนหลังที่นี่)

แต่ถ้าใครขี้เกียจดู ผมจะสรุปคร่าวๆว่า

ก็เอาเธอมาสัมภาษณ์ประวัตินิดหน่อยว่า เธอเป็นใคร มาจากไหน ทำไมต้องหากินแบบนี้?

ซึ่งเธอก็ตอบว่า เป็นคนอ่างทอง ต้องการส่งเสียตัวเองเรียน กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระพ่อแม่

และเธอก็คิดท่าเต้น และสไตล์การร้องเพลงนี้เอง ก็เพื่อให้คนดูสนใจ เวลาไปแสดงก็จะได้ติ๊บจากแขกเยอะ เพราะแขกชอบ

ถามว่า เธอไม่รู้สึกว่าผิดเหรอ? เธอก็ตอบว่า เธอทำมาหากิน เอนเตอร์เทนแขก เป็นอาชีพสุจริต เธอไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

ทีนี้รายการก็เชิญครูเทียม ชิงช้าสวรรค์ครูผู้เชี่ยวชาญการเต้นของวงการลูกทุ่งมาวิจารณ์ ซึ่งครูเทียมก็ดีนะ วิจารณ์ตรงๆดีว่า เป็นท่าเต้นและเครื่องแต่งกายที่แรงเกินไป คล้ายจะมาดึงวงการลูกทุ่งให้ต่ำลง เพราะเด็กๆที่ประกวดร้องเพลง หรือเด็กที่ดูอยู่ อาจนำเพลงนี้มาร้องมาเต้นเลียนแบบโดยจะคิดเหมือนกันว่าก็ไม่ได้ไปปล้นใคร ไม่ได้ไปจี้ใคร ไม่ได้แก้ผ้า เมื่อสื่อบอกว่าไม่ผิด!! งั้นฉันก็เต้นได้เหมือนกันน่ะสิ

แล้วต่อไปก็จะมีคนเลียนแบบมากขึ้น จนอาจแก้ผ้าร้องเพลงลูกทุ่งก็ได้ในอนาคต ซึ่งครูเทียมไม่อยากให้วงการลูกทุ่งต้องเป็นแบบนั้น

--------------------------------

สรุปง่ายๆคือ นักร้องคันหูเธอคิดว่าเธอไม่ผิดเพราะเธอไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เธอทำเพื่อส่งเสียตัวเองเรียน (ไม่ต่างจากที่ผมเดาไว้ในบทความที่แล้ว)

และคำถามสุดท้ายที่วู้ดดี้ถามเธอคือ ถ้ามีเด็กมาถามเธอว่า พี่จ๊ะร้องเพลงคันหูยังไง เต้นท่าแบบไหนถึงจะดังเหมือนพี่?

"จ๊ะ" นักร้องเพลงคันหู เธอก็ตอบว่า จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน!!

แถมนักร้องคันหูยังจะทิ้งท้ายว่า เธอทำเพื่อเอนเตอร์เทน หาเลี้ยงตัวเองไม่อยากพึ่งพ่อแม่ เมื่อคนดูดูแล้วก็อย่าไปคิดในทางทะลึ่ง!?? (โถช่างคิดไปได้นะ ว่าห้ามคนดูคิดทะลึ่งกับท่าเต้นของเธอ)

นี่คือระบบความคิดของเด็กสาววัย20 ที่ชื่อจ๊ะ นักร้องสาวเพลงคันหู จากจังหวัดอ่างทอง เธอทำเพื่อเงินส่งเสียตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย ที่ทำไปก็เพื่อให้แขกชอบ เพื่อได้ติ๊บเยอะ เธอเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนครับ

เพียงแต่อดคิดไม่ได้ว่า พื้นฐานชีวิตเธอเป็นยังไง ทำไมเธอถึงช่างกล้าได้ขนาดนี้ แถมคิดท่าเต้นแบบนี้ออกมาได้ หลายคนจึงบอกว่า ชีวิตเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ เธอคงผ่านศึกนอกศึกในมาเยอะ เพราะจากการแสดงของเธอ แทบไม่อยากเชื่อว่าเธอเพิ่งอายุ20เท่านั้น เพราะดูเหมือนกร้านโลกกรำศึกหนักมามากมาย

ถ้าคุณผู้อ่านมีลูกสาวที่เต้นยั่วสวาท แต่งตัวโป๊ๆ แถมเต้นด้วยท่าทางยั่วยุทางเพศอย่างโจ๋งครึ่ม แบบในคลิปข้างล่างนี้ คุณผู้อ่านจะภูมิใจกับลูกสาวที่คณไม่ต้องเป็นภาระการส่งเสียให้เรียนหรือไม่??

ผมไม่วิจารณ์แล้ว สังคมและคุณผู้อ่านคงตัดสินใจได้เองครับ

ต่อไป ถ้ามีเด็กสาวแต่งจีสตริงร้องลูกทุ่งเอามือเกาข้างใน ก็คงได้ออกรายการวู้ดดี้อีก เพราะเธอไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

-----------------------

ขอตำหนิวู้ดดี้!!

แล้วรายการวู้ดดี้ก็หาเหตุผลมารองรับว่า รายการเอานักร้องคันหูมาออกเพื่อให้ผู้ปกครองได้รับรู้ว่าเด็กและเยาวชนอาจเข้าอินเตอร์เน็ตดูเรื่องพรรค์นี้ ผู้ปกครองควรระวัง

ผมว่า วู้ดดี้พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนให้รายการรอดจากการโดนด่า ให้รายการดูดีขึ้น แต่เงินจากเรตติ้งสูง วู้ดดี้รับไปเต็มๆ

แต่ความจริงกลายเป็นว่า วู้ดดี้นั่นแหล่ะแย่ที่สุด คือเอานักร้องคันหูเหมือนมาประจานเธอกลางอากาศ เพื่อเรียกเรตติ้งให้รายการตัวเอง และทำเป็นตบท้ายด้วยเหตุผลดีๆว่าทำเพื่อสังคม

ทั้งๆที่ความจริงนักร้องคันหูเธอก็ร้องในที่ๆเฉพาะของเธอ ในกลุ่มคนที่ชอบแบบนี้ แต่วู้ดดี้ไปเอาเธอมาออกอากาศ เธอดังขึ้นเพราะสื่ออย่างวู้ดดี้ช่วยดันให้เธอยิ่งดัง แต่ความดังของเธอก็ต้องแลกด้วยการถูกหลอกด่ากลางรายการโดยการสรุปอ้างเหตุผลเพื่อสังคมของวู้ดดี้เองนั่นแหล่ะ

วู้ดดี้ คุณเห่ยว่ะ!!

ดูคลิปรายการที่ไม่ได้ออกอากาศ


ในคลิปนี้ หัวหน้าวงเขายอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าเขาเองก็ผิด แต่เขาก็ให้นักร้องแสดงการเกาตรงจุดนั้น ในสถานที่ที่ปิดเช่นผับ ไม่ได้แสดงในที่โล่งแจ้ง (หัวหน้าวงน่าจะโกหก เพราะผมเคยดูคลิปการแสดงคันหูในที่โล่งแจ้ง และมีการเกาตรงจุดนั้นเหมือนกันครับ )

-------------------------

ดูคลิปอีกทีนะครับ ประเทศไทยมีการแสดงแบบนี้เต็มบ้านเต็มเมืองทั่วประเทศนานแล้วครับ ลูกเด็กเล็กแดงเห็นการแสดงแบบนี้จนชินตาตามเวทีต่างจังหวัด ในวัดก็มีให้เห็นบ่อย จนกลายเป็นปกติในสังคมไทยไปแล้ว



จากที่เคยว่าน่าเกลียด ต่อไปก็จะมีมากขึ้นๆ เมื่อมีมากขึ้นก็จะกลายเป็นเรื่องปกติในที่สุด เหมือนสงกรานต์ เราจะเห็นเด็กสาวๆมาเต้นทำนองนี้ริมถนนมากมายในทุกจังหวัดครับ 
(ปีหน้าเราคงเห็นเพลงคันหูดังกระหึ่มในทุกถนนในช่วงสงกรานต์!!)

---------------------

ขอสรุปซ้ำกับบทความที่แล้วอีกครั้งว่า

เมื่อเกิดเป็นคนไทย หน้าที่ของพลเมืองที่ดี ต้องช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามให้คงอยู่ ถ้าไม่ช่วยอนุรักษ์แล้วยังกลับช่วยทำลาย แบบนี้เขาเรียกว่า อกตัญญูแผ่นดิน!!

การอ้างว่า ไม่ทำให้ใครเดิอดร้อนแค่นั้นไม่พอ เพราะความจริงเธอคนนี้ มีส่วนในการทำลายประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาติครับ ถ้าเธอแสดงในสถานที่ปิดไม่มีเด็กดู ก็ยังถือว่าผิดน้อยครับ

ส่วนใครยังไม่รู้ว่าหน้าที่พลเมืองที่ดีคืออะไร ไปอ่านได้ที่ หน้าที่พลเมืองและวัฒนธรรมไทย



แนะนำอ่านกระทู้แซว มามอบรางวับให้น้องจ๊ะ คันหูกันดีกว่า!!?

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

นักร้องเพลงคันหู จะออกรายการวู้ดดี้!!



facebook วูัดดี้เกิดมาคุย


เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า นักร้องท่าเต้นยั่วสวาทเพลงคันหูคนนี้ สมควรได้ออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ทางสื่อหลักอย่างช่อง9โมเดิร์นไนน์หรือไม่?? (เพลงคันหู ดั้งเดิมเป็นของหลิว วริสสรา)

หลายคน รวมทั้งความเห็นของผม ผมเห็นว่าไม่สมควรที่จะเอานักร้องที่ดังจากการเต้นด้วยท่าทางน่าเกลียดมาออกสื่อหลัก เพราะอาจเป็นการยอมรับพฤติกรรมแบบนี้โดยทางอ้อม ว่า ถ้าใครทำอะไรน่าเกลียดๆ แล้วจะดัง แล้วจะดี ทำให้ได้ออกรายการทีวีมาสัมภาษณ์ชีวิตราวกับเป็นบุคคลสำคัญมีชื่อเสียงทำคุณงามความดีต่อประเทศชาติ

ก่อนอื่นผมต้องย้ำ!! หลายๆครั้งๆ ว่า การที่เธอจะเต้นยั่วสวาทลูกเป้ากางเกงรัดเป้าแถมร้องซี้ดซ้าด ร้องว่าคันหูแต่กลับไม่ได้จับไปที่หูเลย แต่กลับจับตรงเป้า เหมือนคันอะไรบางอย่างตรงนั้น จนอยากหาอะไรที่มันใหญ่กว่าสำลีมาปั่น ให้หายคัน  เจตนานี้ใครๆก็รู้ว่าสื่อถึงอะไร!?!

ซึ่งคงไม่มีใครห้ามได้กับการที่เธอจะเต้นท่าทางแบบนั้น เพราะมันคืออาชีพของเธอ และเธอก็เต้นในกลุ่มเฉพาะ คือในคอนเสิร์ตที่เธอแสดง แม้จะมีการเอามาโพสในยูทูปจนคนดูทั้งประเทศก็ตาม

แต่บ้านเมืองเรา มีสื่อหลัก อย่าง 3 5 7 9 11 ทีวีไทย แม้จะเคยนำเสนอการแสดงของเธอในข่าวมาบ้าง แต่นั่นก็เป็นแค่ข่าว

แต่ทีนี้ นักร้องคนนี้กำลังจะได้ออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เพื่อมาสัมภาษณ์เรื่องราวประวัติชีวิตของเธอ ซึ่งผมขอเดาเลยว่า เธอจะต้องออกมาพูดทำนองว่า ต้องทำมาหากิน เป็นคนจน มีภาระ ต้องส่งเสียตัวเองเรียน หรือไม่ก็ ที่บ้านยากจนมาก เธอต้องรับภาระครอบครัว อะไรทำนองนี้

ซึ่งแน่นอนการสัมภาษณ์ย่อมทำให้เธอดูดีขึ้นมาแน่ๆ ว่าทำมาหากินสุจริต ไม่ได้ไปปล้นใคร ไม่ได้ไปโกงใคร ไม่ได้ไปเอาเปรียบใคร ที่จำเป็นต้องทำการแสดงทำนองนี้ก็เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และหาจุดขาย ส่งเสียทางบ้าน ส่งเสียให้ตัวเองเรียน ซึ่งไม่ต่างอะไรจากสาวโคโยตี้ หรือพริตตี้แต่งตัววับๆแวมๆ ทำงานส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ

ซึ่งตรงจุดนี้ ผมก็ไม่ได้ว่าเธอ ที่เธอต้องทำ เพราะมันก็อาชีพสุจริตอย่างหนึ่ง ผมว่าใครก็ตามถ้าทำอาชีพสุจริตก็น่ายกย่องทั้งนั้นแหล่ะครับ

เพียงแต่ว่า ประเทศไทยเรากำลังอยู่ในยุคที่ประเพณีวัฒนธรรมกำลังเสื่อมถอย สื่อหลักอย่าง 3 5 7 9 11 ควรเป็นสื่อที่ควรฉุดวัฒนธรรมอันดีให้กลับมา ไม่ใช่ไปส่งเสริมเรื่องที่เสื่อมๆในสังคมให้เพิ่มมากขึ้น

แม้ว่าจะปรามไม่ได้ แต่อย่างน้อยสื่อหลักก็ไม่ควรส่งเสริม จนได้ออกทีวีสาธารณะหลักของประเทศ

----------------------------------

ที่จริงผมเปิดกว้างมากสำหรับเรื่องทำนองนี้ อย่างในประเทศญี่ปุ่น ดาราเอวีก็สามารถออกรายการทีวีได้ เพราะญี่ปุ่นเขาถือว่า ดาราเอวีก็คืออาชีพสุจริต เพียงแต่ว่า สังคมญี่ปุ่นระบบการศึกษาเขาดี เขาสอนให้คนรู้จักคิด รู้จักแยกแยะได้ แม้มีเรื่องราวคาวโลกีย์อยู่เยอะ แต่อาชญากรรมทางเพศในญี่ปุ่นกลับน้อยมาก แถมประเทศญี่ปุ่นยังสามารถอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่สวยงามได้เป็นอย่างดี แถมคนรุ่นใหม่ก็อนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมของตัวเองอย่างเหนียวแน่น

แต่ที่ญี่ปุ่น เขาก็ให้ดาราเอวีออกรายการทีวีเฉพาะ ที่เป็นรายการทางเคเบิลทีวี ไม่ใช่สื่อหลักอย่างNHK หรือ Asahi สื่อหลักของญี่ปุ่นเขาจะไม่เอาดาราที่มีอาชีพทำนองขัดศีลธรรมอันดีมาสัมภาษณ์ประวัติออกทีวีราวกับเป็นคนสำคัญทำคุณงามความดีให้ชาติหรอกครับ

ถ้าอยากจะออกรายการทีวี พวกดาราเอวี ต้องออกรายการทีวีเฉพาะ เช่นพวกเคเบิลทีวี

อย่างนักร้องเพลงคันหู ถ้าวู้ดดี้จะสัมภาษณ์เธอ ก็ควรพาไปออกรายการทางเคเบิลทีวี หรือทีวีดาวเทียม นั่นก็จะเหมาะสมกว่า

สื่อหลักอย่าง 3 5 7 9 แม้จะมีรายการทะลึ่งอยู๋บ้าง อย่างพวกตลก ร้องเพลง เต้นเพลงกินตับ ซึ่งนั่นก็มีลิมิตในการแสดงออกอยู่พอควร แต่เพลงคันหูและท่าทางการเต้นของนักร้องคนนี้ แรงเกินไป ยั่วยุเกินไป ไม่น่าให้มาออกสัมภาษณ์ในรายการทีวีของสื่อหลักเลย

ถามว่าผมเคยดูคลิปเพลงคันหูในยูทูปมั้ย? ผมเคยดูครับ และผมเชื่อว่า คนเล่นเน็ตส่วนใหญ่ต้องเคยได้ดู เพราะเพลงมันดัง แต่นั่นก็ให้รู้ว่า อยากดูก็ต้องดูในอินเตอร์เน็ต หรือในคอนเสิร์ต ในบาร์ ในผับ เป็นที่เฉพาะที่ให้วงนี้ไปแสดงเท่านั้น ไม่ใช่มาออกสื่อหลัก มาสัมภาษณ์ชีวประวัติราวกับคนดังคนอื่นๆ เพราะการได้ออกสื่อหลัก แปลว่าการแสดงของเธอได้รับการยอมรับไปในระดับหนึ่งในสังคมทั่วไปแล้ว เท่ากับไปส่งเสริมทางอ้อม!!

ซึ่งถ้าเธอจะออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคราง เอ้ย! เกิดมาคุย จริงๆก็คงไม่มีใครห้ามได้หรอกครับ เพราะสังคมไทยตอนนี้ มันอาจสายเกินเยียวยาแล้วก็ได้ ยิ่งถ้าสื่อช่วยสนับสนุน ก็ยิ่งยากเกินเยียวยา

โดยเฉพาะ กนก จอมขวัญ และกำภู ผมถือว่ากรณีนี้พวกเขาเป็นสื่อที่แย่ เพราะได้สนับสนุนนักร้องคันหูให้ออกรายการข่าวมาแล้ว ทำเรื่องเสื่อมให้กลายเป็นสิ่งถูกต้อง ได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น!! (เป็นการสัมภาษณ์ในเชิงชื่นชม ก็เมื่อไปเชิญเธอมาออก ก็คงจะเชิญมาด่าไม่ได้ ที่ถูกต้องคือไม่ควรเชิญมาออกรายการ)




----------------

ผมเคยเขียนเรื่องราวคล้ายๆกันนี้มาครั้งนึงแล้ว ในกรณีนายประวิทย์ มาลีนนท์ ซึ่งอยากให้คุณผู้อ่านไปย้อนอ่านดู ในบทความเรื่องจิตสำนึกต่อสังคมต่ำของนายประวิทย์ช่อง3 จะทำให้เข้าใจเจตนาในบทความเรื่องนี้ของผมดีขึ้นครับ

และสมมุติว่าถ้านักร้องคันหู ดังจนได้ออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยแล้ว เดี๋ยวต่อไปก็อาจได้ออกรายการล้วงลับอัพโหลด ให้หนุ่มกรรชัยได้ล้วง และต่อจากนั้นก็อาจไปออกรายการคนอวดผี ช่วงล่าท้าผี แต่งตัวแนวโชว์นม ประเภทนมอวดผี

เมื่อเป็นไปตามขั้นตอนตามนี้ นักร้องเพลงคันหู ก็จะได้รับการยอมรับในสังคมสื่อหลักมากขึ้น

ต่อไปเธอก็อาจจะดัง ได้ออกเทปกับค่ายเพลงใหญ่ที่หน้าเงิน เธอรวยขึ้น หรือได้ไปออกรายการชิงร้อยชิงล้าน ให้หม่ำ เท่ง โหน่ง แซวสองแง่สองง่าม ขออาสาเป็นไม้ปั่นหู!!

แล้วต่อไปเธอก็เลื่อนสเต็ปไปถ่ายชุดว่ายน้ำ หรือถ่ายนู้ดต่อไปอีก (อย่าลืมว่า ผมแค่สมมุตินะครับ)

ถ้าจ๊ะ วงเทอร์โบ เธอไม่ใช่นักศึกษา อายุสัก24-25ปีขึ้นไป มันก็จะไม่เป็นประเด็นโจมตีมากเท่านี้หรอกครับ

------------------------------

สมมุติว่าทุกอย่างเป็นไปสเต็ปตามที่ผมเดาเล่นๆนี้ เด็กและเยาวชนที่ได้ดูจุดเริ่มต้นของเธอจนดัง ก็จะคิดว่า ทำแบบนี้แล้วดังแล้วรวยดี ก็จะยิ่งมีเด็กสาวๆไทยเลียนแบบนักร้องคันหูกันมากขึ้น

ต่อไปเราอาจจะได้เห็นวัยรุ่นสาวๆคิดค้นท่าเต้นใหม่ๆให้แรงกว่าเดิม เช่น แทนที่จะทำท่าเกาอยู่ข้างนอกกางเกง ต่อไปก็จะล้วงเข้าไปเกาในกางเกง แล้วก็ร้องให้ซี๊ดซ๊าดมันส์กว่าเดิม แถมจากที่ใส่กางเกงขาสั้นรัดเป้า ก็อาจจะเหลือแค่จีสตริงเท่านั้น

เจริญล่ะครับไทยแลนด์ แดนศิวิไลซ์ จริงๆ

------------------

เพลงคันหูเวอร์ชั่นแรก ยังใส่แค่กางเกนยีนส์รัดรูป และใส่เสื้อกล้าม



เพลงคันหูเวอร์ชั่นต่อมา กางเกงคล้ายเป็นแค่กางเกงในไปแล้ว และข้างบนใส่แต่ยกทรง แถมท่าเต้นก็ยั่วความกระสันมากขึ้น!!  (ต่อไปอาจมีนักร้องนุ่งจีสตริงร้องเพลงเห็นหมีเป็นต้น)




ผมขอสรุปในบทความนี้ว่า ถ้าเธอจะแสดงอะไร จะเกา จะแหก จะซี๊ดอะไร ก็ควรอยู่ในที่เฉพาะกลุ่ม หรือในอินเตอรืเน็ต ก็คงไม่มีใครไปว่าหรอกครับ แต่รายการดังทางสื่อหลักจะพาเธอมานั่งสัมภาษณ์เพื่อจะหาเหตุผลรองรับเพื่อชื่นชมเธอ ผมว่า ไม่เหมาะสมครับ

ซึ่งณ.วันนี้ ก็คงห้ามไม่ได้แล้ว คาดว่าคืนวันที่4ก.ย.รายการวู้ดดี้คงนำนักร้องคันหูมาออกอากาศแน่ๆ

ทำไงได้ ก็สังคมไทยในวันนี้ บูชาเงินมากกว่าศีลธรรมแล้วนี่ครับ จริงมะ?? ถ้าสังคมเห็นว่าแบบนี้ดี งั้นก็เอานักร้องคันหูมาเป็นนายกฯหญิงคนที่2เลยเป็นไง??



เมื่อเกิดเป็นคนไทย หน้าที่ของพลเมืองที่ดี ต้องช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามให้คงอยู่ ถ้าไม่ช่วยอนุรักษ์แล้วยังกลับช่วยทำลาย แบบนี้เขาเรียกว่า อกตัญญูแผ่นดิน
การอ้างว่า ไม่ทำให้ใครเดิอดร้อนแค่นั้นไม่พอ เพราะความจริงเธอคนนี้ มีส่วนในการทำลายประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาติครับ แต่ถ้าเธอแสดงในสถานที่ปิด ไม่มีเด็กดู ก็ยังนับว่าผิดน้อยครับ
ส่วนใครไม่รู้ว่าหน้าที่พลเมืองที่ดีคืออะไร ไปอ่านได้ที่ หน้าที่พลเมืองและวัฒนธรรมไทย!!

คลิก!!อ่าน หลังนักร้องคันหูออกรายการวู้ดดี้แล้ว (และชมคลิปที่ไม่ได้ออกอากาศ)

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ลดภาษีรถยนต์คันแรก เฉพาะคนจ่ายภาษีเท่านั้น




บทความนี้ต่อเนื่องจากบทความ นโยบายยิ่งลักษณ์ก็ดีแต่พูด

ซึ่งนโยบายอีกเรื่องที่เป็นนโยบายประชานิยม ที่หวังซื้อใจคนไทยที่กำลังจะมีแผนจะซื้อรถคันแรก ให้ตัดสินกาเบอร์1เลือกเพื่อไทย ก็เพื่อหวังว่าจะได้ส่วนลดภาษีจากการซื้อรถยนต์คันแรก

หรือแม้แต่คนที่มีรถอยู่แล้ว และกำลังจะซื้อรถคันต่อไป ก็อาจใช้ชื่อคนในครอบครัวซื้อก็ได้ ก็เพื่อหวังได้ส่วนลดภาษีจากรัฐบาลเหมือนกัน

ข่าวล่าสุด ได้ออกมาแล้วว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะคืนภาษีรถคันแรกให้แก่ประชาชนที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น (ระบบภาษีคือคิดภาษีรายได้ประจำปี ไม่ใช่ภาษีมูลค่าเพิ่มนะจ๊ะ)

ไปดูคลิปข่าวนี้ครับ ซึ่งในข่าวนี้อธิบายรายละเอียดชัดเจนมากๆ ผมเองดูคลิปข่าวแล้ว เหมือนอยากจะขำนะครับ แต่มันก็ขำไม่ออก คุณผู้อ่านดูเอาเองแล้วกัน

ประชาชนรากหญ้าส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้อยู่ในระบบภาษีที่กำลังคิดจะซื้อรถคันแรก และกำลังรอความชัดเจนจากนโยบายนี้ของรัฐบาล ถ้าพวกเขาดูข่าวนี้แล้ว เขาจะรู้สึกอย่างไรกันนะ?


สาเหตุหนึ่งที่ผู้ประกอบการกดค่าแรงคนงานให้ต่ำ ก็เพราะค่าขนส่งของไทยต่อต้นทุนการผลิตแล้ว ค่าขนส่งนับว่าแพงครับ เพราะการจราจรในไทยติดมาก และการขนส่งระบบรางในไทยยังไม่พัฒนา ทำให้ต้นทุนสินค้าไปสูงที่ค่าขนส่งเยอะกว่าในประเทศอื่นๆ เมื่อค่าขนส่งสูง ผู้ประกอบการไม่รู้จะลดค่าขนส่งลงได้อย่างไร จึงต้องไปลดที่ค่าแรงแทน เพื่อให้ราคาสินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ประโยคเด็ดท่านรัฐมนตรีช่วย "ไม่ได้หลอก แค่ทำไม่ตรงกับที่เคยหาเสียงเท่านั้นเอง" (555) ----------------------- ผมผิดหวังกับความคิดของนโยบายทุกรัฐบาล เพราะรัฐบาลส่วนใหญ่มักมองใกล้ ไม่มองไกล นโยบายลดภาษีรถคันแรกนั้น ถ้าสมมุติไม่ลดภาษี แล้วเอาเงินภาษีส่วนนั้นมาพัฒนาระบบรถโดยสารสาธารณะไม่ดีกว่าเหรอ?? นโยบายลดราคาน้ำมัน โดยลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ แทนที่จะลด สู้เอาเงินส่วนตรงมาพัฒนาคุณภาพรถรถสาธาณะทั่วประเทศ ไม่ดีกว่าเหรอ? คุณผู้อ่านครับ นโยบายประชานิยมต่างๆของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นนโยบายที่ต้องใช้เงินมากขึ้นทั้งนั้น เมื่อนโยบายต้องใช้เงินมากขึ้น แต่กลับตัดรายได้เข้ารัฐให้น้อยลง แล้วกำลังคิดจะไปกู้เงินมาโปะกองทุนน้ำมัน หรือไม่ก็ไปเพิ่มภาษีสินค้าบาปแทนนั้น(เพิ่มภาษีบาปอันนี้เห็นด้วย) เดือนๆนึงรัฐขาดเงินจากภาษีสรรพาสามิต และเงินเข้ากองทุนน้ำมันเดือนละประมาณ9000ล้านบาท ถ้าปีนึงก็นับแสนล้านบาท เงินแสนล้านบาทสู้เอามาพัฒนาระบบขนส่งมวลชนดีๆถูกๆให้คนไทยไม่ดีกว่าเหรอ? คนไทยส่วนใหญ่พอรับได้เรื่องราคาน้ำมันแพง เพราะทุกคนคิดว่ามันเป็นไปตามสภาวะราคาตลาดโลก แต่ที่คนไทยรับไม่ค่อยได้เรื่องหมูแพง! ไข่แพง! ก๋วยเตี๋ยวแพง! ข้าวแกงแพง! ผมหวังว่ารัฐบาลควรจะหันมามองเรื่องอาหารแต่ละมื้อของประชาชน มากกว่าเรื่องค่าน้ำมันนะครับ เพราะถึงลดค่าน้ำมันไป พวกพ่อค้าแม่ค้าเขาก็ไม่ลดราคาข้าวแกง ค่าก๋วยเตี๋ยวลงหรอก ถ้าน้ำมันแพง คนก็คิดจะประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่ถ้าราคาอาหารแต่ละมื้อแพง คนมันต้องกิน ก็เหมือนถูกมัดมือชกครับ เพราะคงหยุดกินไม่ได้

ผู้ติดตาม