วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

แผนชั่วของมาเลเซียใน 3 จังหวัดใต้ไทย







ตัวการใหญ่ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ ตอน 2 แผนชั่วของมาเลเซียใน 3 จังหวัดใต้ไทย

เกริ่น

จากบทความที่แล้ว ผมได้เขียนถึงมูลเหตุจูงใจให้ มาเลเซียหันกลับมาเริ่มแผนก่อการร้ายในประเทศไทยอย่างรุนแรงครั้งใหญ่ใน 3 จังหวัดใต้อีกครั้งภายหลังปี 2547 เป็นต้นมา

แน่นอนในการก่อการร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ย่อมมีพวกขบวนการค้ายาเสพติด ขบวนการขนของหนีภาษี ขบวนการค้าของเถื่อน ขบวนค้าผู้หญิงส่งไปมาเลเซียและตะวันออกกลาง ขบวนการเรียกค่าคุ้มครอง ได้ร่วมสวมรอยในการก่อความรุนแรงใน 3 จังหวัดใต้ด้วย

เพราะการก่อความรุนแรงทุกครั้งจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าหน้าที่รัฐได้เสมอ

-------------------------------

มาเลเซีย ปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ

นโยบายตี 2 หน้าของมาเลเซีย นั่นคือ

ต่อหน้า มาเลเซียจะแสดงบทเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับประเทศไทย แต่อีกด้านคือ ให้การสนับสนุนพวกผู้ก่อการร้ายใน 3 จังหวัดใต้ ทั้งสนับสนุนที่พักอาศัยหลบซ่อน แก่กลุ่มผู้ก่อการร้ายในไทยทุกกลุ่ม

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมรัฐบาลไทยที่ผ่านๆ มาหลายรัฐบาลต้องไปเจรจาขอความร่วมมือแก้ปัญหากับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย 

และเพราะมาเลเซียรู้ดีว่า รัฐธรรมนูญของไทยไม่อาจแบ่งแยกดินแดนได้ และคนไทยไม่เคยรังเกียจผู้ที่นับถือต่างศาสนา คนไทยไม่รังเกียจคนไทยมีเชื้อชาติแตกต่างกัน ไม่ว่า จะชาวไทยซิกส์ ไทยมลายู ไทยเชื้อสายจีน หรืออื่นๆ ต่างร่วมอยู่บนแผ่นดินไทยได้อย่างมีความสุข

ชาวไทยมุสลิมใน3 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ก็รักที่จะเป็นคนไทย ถึงแม้ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา จะมีการยุยงว่า อยู่เป็นคนของประเทศไทยจะไม่เจริญเท่าไปเป็นคนมาเลเซีย ประเทศมาเลเซียเจริญกว่า เป็นคนมาเลเซียจะร่ำรวยกว่า สุขสบายกว่าก็ตาม

และพวกยุยงพยายามจะชี้ให้เห็นเสมอว่า เป็นคนไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดใต้ ไม่มีความเท่าเทียมกับเป็นชาวไทยพุทธ

แต่ในความเป็นจริง จังหวัดที่มีชาวไทยมุสลิมมากกว่า90% อย่างเช่น ในจังหวัดสตูล กลับไม่ได้เชื่อตามเช่นนั้น จึงทำให้จังหวัดสตูลจึงมีความสงบสุขเพราะพวกเขายอมรับความเป็นคนไทย

และความจริง ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยที่อยู่ในมาเลเซีย กลับได้รับความไม่เท่าเทียมในการดำเนินชีวิตเหมือนคนมาเลเซียแท้ๆ ซึ่งในประเด็นนี้ ข่าว9 อสมท. เพิ่งจะนำเสนอสกู๊ปข่าวนี้ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง

คลิกดูข่าว สิทธิภูมิบุตรคนมาเลเซียเชื้อสายไทย

--------------------

ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี แม้มีปัญหาก่อการร้ายเกิดขึ้นใน3 จังหวัดใต้มาโดยตลอด แต่คนไทยทุกเชื้อสายในพื้นที่ก็ยังอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพราะทุกคนรู้ดีว่า พวกแบ่งแยกดินแดนเป็นแค่พวกส่วนน้อยที่หลงผิดเท่านั้น

อย่างก๋งของผม เมื่อประมาณ 60-70 ปีก่อน ก๋งก็เคยไปทำงานที่ยะลาอยู่หลายปี ก๋งผมพูดให้ฟังเสมอว่า ยะลาคือจังหวัดที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย ถ้าเลือกได้ก๋งผมอยากอยู่ที่ยะลาตลอดชีวิต

ฉะนั้นเมื่อมาเลเซียต่อหน้าจึงแสดงความเป็นมิตรกับไทย  แต่อีกหน้าก็ยังอยากได้ดินแดนในส่วนที่เคยเป็นรัฐปัตตานีให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียเช่นกัน (อังกฤษตัดแบ่งดินแดนรัฐปัตตานีส่วนหนึ่งให้มาเลเซีย อีกส่วนยังอยู่กับไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 )

เพราะทรัพยากรทั้งบนแผ่นดินและทางทะเลของ 3 จังหวัดใต้นั้นอุดมสมบูรณ์มาก และหาก 3 จังหวัดใต้ไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียเมื่อไหร่ การลากเส้นทรัพยากรทางทะเลก็ต้องเปลี่ยนไปจากเดิมด้วยเช่นกัน

(ดูรูปประกอบแหล่งน้ำมัน ปัตตานี มาเลเซีย ด้านล่างบทความ)

-------------------

เมื่อการใช้ขบวนการก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ ปฏิบัติการณ์ก่อการร้ายในไทย อย่างโจ่งแจ้งและอาจเป็นผลเสียต่อมาเลเซียเอง

มาเลเซียจึงต้องใช้ขบวนการก่อการร้ายที่เปิดเผยตัวตนไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันชัดเจนเกินไป และหน่วยข่าวกรองไทยก็รู้ว่า พวกขบวนการก่อการร้ายหลายกลุ่มนั้น ก็ล้วนแต่มีมาเลเซียแอบหนุนหลังให้ทั้งสิ้น

ดังนั้น วิธีที่จะทำให้ 3 จังหวัดใต้แยกตัวจากไทยออกมาได้ ต้องทำด้วยวิธีดังต่อไปนี้

เริ่มจาก 4 ขั้นตอนแรก

1. การก่อการร้ายแบบไม่แสดงตัวตน

ทุกครั้งที่ก่อการร้าย จะต้องไม่มีการประกาศความรับผิดชอบ เพื่อที่จะไม่มีใครรู้ว่า กลุ่มไหนเป็นผู้กระทำ ซึ่งเมื่อไม่รู้ว่ากลุ่มไหนเป็นผู้ก่อการร้ายกันแน่ การโยงไปถึงต้นตอผู้สนับสนุนอย่างมาเลเซียก็จะยากขึ้น หรือจะโทษมาเลเซียก็คงไม่มีหลักฐานชัดเจน


2. เมื่อโจรไม่มีตัวตนแน่นอน ก็ก่อการร้ายได้ไม่เลือก

เราจึงได้เห็นการฆ่าแบบไม่เลือกของผู้ก่อการร้าย ที่ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงและเด็ก ฆ่าชาวมุสลิมด้วยกันที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ฆ่าโดยไม่เลือกอาชีพ เช่นฆ่าได้แม้กระทั่งพระ หมอ และครู

พวกนี้มักอ้างว่า พระ และครูไทย จะมาปลูกฝังความเชื่อผิดๆ ให้คนในพื้นที่


3. สร้างความหวาดกลัวด้วยวิธีการป่าเถื่อนโหดร้าย

เมื่อโจรไม่มีตัวตน ไม่มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนออกมาประกาศความรับผิดชอบในการกระทำในแต่ละครั้ง จึงสามารถกระทำการที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อนได้มากขึ้นๆ เพื่อหวังสร้างความหวาดกลัวให้คนในพื้นที่

ถ้าเป็นคนไทยพุทธ หรือคนไทยเชื้อสายจีน ที่ปักหลักในพื้นที่มานาน ก็อาจทิ้งแผ่นดินออกจากพื้นที่ไปเพราะความหวาดกลัว ซึ่งในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมา ได้มีคนไทยทิ้งแผ่นดินใน 3 จังหวัดใต้นี้เป็นจำนวนมากแล้ว


4. ฆ่าชาวมุสลิม ที่เอียงเข้าข้างฝ่ายรัฐไทย

การฆ่าของขบวนการแบ่งแยกดินแดนสมัยก่อน มักเลือกที่จะไม่ฆ่ามุสลิมด้วยกัน เพื่อหวังดึงมวลชนมาเป็นพวก แต่ตอนนี้พวกโจรรู้ว่า มุสลิมในพื้นที่ส่วนใหญ่รักความสงบ และไม่เข้าข้างพวกโจร

พวกโจรเลยฆ่าชาวมุสลิมด้วยกัน โดยเฉพาะมุสลิมที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐไทย แถมบางครั้งพวกโจรยังใส่เสื้อเลียนแบบชุดทหาร เพื่อหวังใส่ร้ายเจ้าหน้าที่รัฐว่าฆ่าชาวมุสลิมอีกด้วย

เดี๋ยวนี้พวกโจรใต้ต้องใช้วิธีรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้คนในพื้นที่เกิดความหวาดกลัวมาก ๆ เพื่อหวังว่า สุดท้ายแม้ชาวมุสลิมที่ไม่เคยคิดอยากจะแบ่งแยกดินแดน ก็จะเริ่มทนไม่ไหวกับสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  สุดท้ายก็จะต้องยอมแพ้แก่พวกโจรในที่สุด


เพราะสิ่งที่พวกผู้ก่อการร้ายหวังผลก็คือ

ให้คนในพื้นที่เริ่มยอมรับว่า  "จะเป็นคนบนแผ่นดินของชาติไหนก็ได้ ขอให้ความรุนแรงยุติลงโดยเร็วก็พอ"

นี่คือแผน 4 ขั้นแรก ที่พวกโจรใต้มุ่งหมาย ถ้าได้ตามนี้แล้ว แผนขั้นต่อไปที่พวกโจรต้องการก็คือ ... ?

------------

นครรัฐปัตตานี 



มาเลเซียจะแอบเจรจาลับๆ กับเจ้าของพรรคการเมืองชั่วๆ ที่ได้มาเป็นรัฐบาลไทย แล้วหวังผลประโยชน์ทับซ้อนลับ ๆ กับมาเลเซีย (ผลประโยชน์ทั้งทางบกและทางทะเล)

โดยรัฐบาลไทยชั่วๆ นั้นจะเสนอหน้าไปขอเจรจากับขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีตัวตน!! โดยจะมีมาเลเซียเป็นตัวกลางในการเจรจา และจะเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้ 3 จังหวัด ยกระดับเป็นเขตปกครองพิเศษปัตตานี แล้วขอให้มี

1. ให้รัฐปัตตานีมีการเลือกผู้บริหารกันเองเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร

2. ขอมีการเก็บภาษีรายได้ในท้องที่ของตัวเอง และขอแบ่งผลประโยชน์ต่างๆ ในพื้นที่คนละครึ่งกับรัฐบาลไทย

นี่คือหลักการขั้นต้นที่ กลุ่มก่อการร้ายจะเสนอ 

และหากได้เป็นเขตปกครองพิเศษนครรัฐปัตตานีได้แล้วเมื่อไหร่ จงเชื่อเถอะว่า ความรุนแรงในพื้นที่จะยังคงมีอยู่ แต่อาจน้อยลงบ้าง แต่ระดับความรุนแรงจะไม่น้อยลง

เพราะสิ่งที่มาเลเซียหวังลึกๆ ที่สุด ก็คือ ต้องการให้รัฐบาลไทยยอมให้นครรัฐปัตตานีสามารถทำประชามติว่า คนในเขตปกครองพิเศษปัตตานีต้องการจะแยกตัวออกมาจากประเทศไทยหรือไม่ ? 

โดยผู้บริหารรัฐปัตตานีจะยื่นเรื่องขอให้องค์การสหประชาชาติเข้าแทรกแซงร่วมกดดันรัฐบาลไทยด้วย

ซึ่งหากเขตปกครองนครรัฐปัตตานีแยกตัวออกจากประเทศไทยได้สำเร็จเมื่อไหร่ ?

และหลังจากนั้น อีกนาน  ผู้นำรัฐปัตตานีจะมีการขอให้ปัตตานีกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียแน่นอนครับ

-------------------

ข้อสังเกต

ที่ผ่านมาในการก่อความรุนแรงแต่ละครั้ง จะไม่มีขบวนการก่อการร้ายใดๆ แสดงความรับผิดชอบ เพราะถ้าแสดงตัวออกมา ก็คือจะถูกประณาม!!

และรัฐบาลไทยก็ไม่รู้ชัดเจนว่า กลุ่มไหนก่อการร้ายในเหตุการณ์ใดๆ บ้างชัดเจน

ตามหลักแล้ว ไทยเราก็ไม่ควรจะขอเจรจากับขบวนการแบ่งแยกดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะรู้ว่า เหตุการณ์ไหน มีกลุ่มไหนเป็นผู้ก่อการ

ในเมื่อไม่เคยมีการประกาศความรับผิดชอบจากขบวนการก่อการร้ายกลุ่มใด ๆ เลย

แล้วเหตุไฉน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงคิดไปเจรจากับขบวนการก่อการร้ายเหล่านั้น ?



น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีไทย และนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงข่าวที่กัวลาลัมเปอร์ เรื่องการลงนามเพื่อเปิดการเจรจากันระหว่าง “บีอาร์เอ็น” กับทางการไทย โดยที่มีรัฐบาลมาเลเซียเป็นคนกลาง


ในเมื่อไม่มีกลุ่มไหนกล้าแสดงตัวรับผิดชอบ นั่นย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะไปเจรจากับพวกที่ไร้ความรับผิดชอบ และไร้ความกล้าหาญเหล่านั้น

ฉะนั้น ถ้าจะเจรจาก็ต้องถามพวกมันก่อนว่า พวกมึงฆ่าผู้หญิง พระ ครู และเด็ก ทำไม ??

แล้วเหตุการณ์ไหนที่พวกมึงคือผู้กระทำ ??

ถ้าไม่มีกลุ่มไหนออกมาตอบในคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อน ก็ไม่มีประโยชน์ในการเจรจา เพราะพวกนี้ก็เป็นแค่พวกแอบอ้างมาสวมรอย เพื่อใช้ในการจัดฉากเจรจาเท่านั้น

หรือแม้แต่รัฐบาลไทยจะได้เจรจากับกลุ่มใดๆ แล้วก็ตาม รัฐบาลไทยก็ต้องไม่ยอมรับข้อเสนอจากกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะสามารถยุติความรุนแรงในพื้นที่ให้สงบอย่างน้อย 1 ปี เสียก่อน จึงจะมาเจรจากันใหม่ได้

เว้นแต่พวกคิดคดต่อชาติเท่านั้นแหละ ที่ไปยกระดับพวกขบวนการก่อการร้ายให้มันสำคัญขึ้นมาบนเวทีระดับนานาชาติ เพื่อหวังยกดินแดนให้พวกมันปกครอง


-----------------

ถาม เขตปกครองพิเศษปัตตานีจะมีได้ไหม ?

ตอบว่า สามารถมีได้แน่นอน แต่...

โดยหลักการแล้ว รัฐไทยไม่ควรยอมให้มีการแยกตัวออกมาเป็นเขตปกครองพิเศษปัตตานีเด็ดขาด จนกว่าปัญหาการก่อการร้ายและความรุนแรงในพื้นที่จะต้องสงบลงไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้วเท่านั้น

หากรัฐบาลไทยยุคไหน ไปยินยอมให้มีการแยกตัวเป็นรัฐปัตตานีก่อนที่เหตุการก่อการร้ายจะสงบเป็นเวลาอย่างน้อย 20ปี เมื่อไหร่ล่ะก็

ผมฟันธงได้เลยว่า รัฐบาลนั้นๆ ตั้งใจสวมรอยขายชาติ ยกแผ่นดินไทยให้มาเลเซียแน่นอน !! 


(หมายเหตุ กลุ่มก่อการร้ายใหม่ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมาเลเซียเลย แต่หวังแบ่งแยกดินแดน หวังออกจากการเป็นคนไทยจริง ๆ ก็ยังมีอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด หรือแม้แต่พวกค้ายาเสพติด ที่หลอกใช้วัยรุ่นในพื้นที่ ด้วยอ้างหลักศาสนาผิด ๆ ก็มี)


---------

3 ขั้นตอนทำลายล้างประเทศไทย เพื่อการแก้แค้นสาสม ! 

"เมื่อผมอยู่ไม่เป็นสุข ใครก็อย่าได้เป็นสุข"

1. ยกแผ่นดินซีกขวาของไทยให้เขมร (ซึกขวาเมื่อมองจากแผนที่โลกลงไป)
2. ยกแผ่นดินปลายด้ามขวานของไทยให้มาเลเซีย เพื่อแลกผลประโยชน์ทางทะเล
3. ให้คนไทยเป็นหนี้หัวโตไปทั้งชาติ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย !!

http://imgur.com/8fZ8iqg

น้ำมันในน่านน้ำปาตานี-กลันตัน-ตรังกานู ซึ่งมาเลเซียเขาเรียกแหล่งน้ำมันตรงนี้ว่า แหล่งทาปิสซึ่งอยู่นอกชายฝั่งรัฐตรังกานูไป 200 กิโลเมตรเป็นน้ำมันที่คุณภาพดีที่สุดในโลก  เนื่องจากมีมลภาวะต่ำ จึงแพงที่สุดในโลกด้วย แพงกว่าน้ำมันที่เรียกว่าเบรนท์ ทะเลเหนือที่อังกฤษถึง 7 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตรวจสอบได้จากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น บลูมเบิร์ก สถาบันปิโตรเลียมออสเตรเลีย (Australia Institute of Petroleum) ซึ่งมันก็ตรงข้ามกับที่กระทรวงพลังงานพูดทั้งหมด และเป็นเรื่องที่น่ากังขา"

บ่อนี้อยู่กึ่งระหว่างชายแดนปาตานี-มาเลเซีย ซึ่งมาเลย์มาขอเจรจาว่าเป็นพื้นที่ทัพซ้อนสมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ขณะที่คนไทยที่ไปเจรจา(พล.ร.อ.....)ยอมรับว่าไม่ทราบว่ามีอะไรใต้ทะเล!!! ท่านดูแผนที่กันเองละกัน

(ขอบคุณรูปและข้อมูลจากแอ่งปิโตรเลียมจาก Patani forum)


คลิกอ่านตอน 3 ทำไมปัญหาภาคใต้ ยิ่งเจรจายิ่งรุนแรง



วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตัวการใหญ่ปัญหาความรุนแรงภาคใต้







ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย แก้ไม่สำเร็จเพราะใคร ?

ก่อนอื่น ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ในบทความนี้ผมจะไม่ย้อนไปถึงที่มาที่ไปแห่งความขัดแย้งในอดีตจนเกิดขบวนการแบ่งแยกดินแดนนะครับ ผมจะขอเริ่มตรงจุดที่ความรุนแรงใน 3 จังหวัดใต้ เริ่มปะทุหนักเมื่อปี 2547 เรื่อยมา

----------------

เกริ่นเล็กน้อย

แม้ใน3จังหวัดใต้ จะมีความรุนแรงเช่นเผาโรงเรียน ยิงทหาร วางระเบิด เป็นระยะ ๆ มาตลอดช่วงเวลาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475 เรื่อยมา

แต่คนไทยพุทธ คนไทยเชื้อสายจีน และพี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดใต้ ก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างดี และไม่ค่อยรู้สึกเป็นปัญหาความแตกแยกเท่าไหร่

เหตุการณ์สังหารในกรือเซะ และเหตุการณ์ที่ตากใบ ทางการทหารมารับรู้ทีหลังว่า นั่นคือหลุมพรางของผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อหวังจุดชนวนความเกลียดชังในหมู่ชาวมุสลิมให้รู้สึกว่า มีการฆ่าชาวมุสลิมในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งทหารและภาครัฐก็ตกหลุมพรางของพวกนี้ โดยที่มารู้ตัวว่าตกหลุมพรางเมื่อเหตุการณ์มันบานปลายไปแล้ว

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นแรก ที่เริ่มเกิดความรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเรียกร้องแบ่งแยกดินแดน นั่นคือ การฆ่าแบบไม่สนใจว่าจะเป็นฝ่ายไหน ฆ่าทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม ฆ่าแม้กระทั่งครู และผู้บริสุทธิ์มากมาย

ซึ่งแต่เดิมการต่อต้านรัฐไทย ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนมักจะละเว้นผู้บริสุทธิ์ ละเว้นชาวมุสลิมด้วยกัน ละเว้นอาชีพหมอ พยาบาล ผู้พิพากษาและครู  เอาไว้ เพื่อดึงมวลชนสนับสนุน

แต่มาระยะหลังเกือบ10ปีมานี้ พวกเขาฆ่าอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่เลือกหน้า ไม่สนว่าจะมีคนเกลียดชัง แต่ต้องการให้เกิดความหวาดกลัวของคนในพื้นที่เป็นหลัก

นี่จึงผิดวิสัยแห่งผู้ต่อสู้อย่างมีอุดมการณ์แท้จริง แต่เป็นการฆ่าอย่างเลือดเย็น แล้วเอาศาสนามาบังหน้าแบบผิดๆ เท่านั้น แต่เจตนาจริงๆ คือ ต้องการทำลายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรัฐไทย เพื่อ... ???

---------------

เชื่อหรือไม่ชนวนเหตุความรุนแรงหลังปี47 อาจมาจากเรื่องอาหารฮาลาล

เพราะประเทศมาเลเซีย คือผู้ผลิตอาหารฮาลาลรายใหญ่ของโลก และมาเลเซียต้องการเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลที่สำคัญที่สุดของโลก (คลิกอ่านข้อมูล)

งานฮาลาลเอ๊กโป 2013 ที่กัวลาลัมเปอร์



แต่เมื่อปี พ.ศ. 2546 ตามที่คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมติเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2546 เห็นชอบให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เพื่อการส่งออกทั่วโลก โดยให้ จ.ปัตตานีเป็นศูนย์กลางนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

จนถึงขนาดอนุมัติงบประมาณสร้างนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในพื้นที่ไปหลายร้อยล้านบาท แต่ ณ:วันนี้กลายเป็นนิคมล้าง สร้างไม่เสร็จ

(หมายเหตุ แต่เดิมเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2544 คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แผนพัฒนาการตลาด และแผนปรับปรุงกลไกการรับรองฮาลาล ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานกรรมการ มีหน้าที่สำคัญ คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล)

ภายหลังจากที่มีมติครม.ทักษิณ เกี่ยวกับอาหารฮาลาลไปไม่กี่เดือน

ความรุนแรงใน3 จังหวัดใต้ก็เริ่มปะทุขึ้นอย่างรุนแรง โดยเริ่มจาก ในวันที่ 28 เมษายน 2547 ได้เกิดเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ จะยะลา จนถึงขั้นเจ้าหน้าที่สังหารหมู่ผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิด

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ก็เกิดกรณีตากใบ จ.นราธิวาส จนมีชาวไทยมุสลิมเสียชีวิต 85 คน

นี่คือข้อสันนิษฐานส่วนตัวของผม ที่ว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่มาเลเซียหวั่นเกรงว่าไทยจะมาเป็นคู่แข่งแย่งการค้าในเรื่องอาหารฮาลาลโลก

เพราะมาเลเซียเหมือนรู้ตัวว่า ถ้าเป็นเรื่องการแข่งขันอาหารกับคนไทย ไม่ว่าจะไทยพุทธหรือไทยมุสลิม คนไทยจะมีความเชี่ยวชาญด้านอาหารที่เหนือกว่ามาเลเซียแน่นอน

หากมาเลเซียต้องมาแข่งขันกับไทยในเรื่องศูนย์กลางอาหารฮาลาลโลก มาเลเซียคงคาดการณ์ว่า อาจจะสู้ไทยไม่ได้ จึงรีบตัดไปเสียแต่ต้นลม

โดยไม่ให้โครงการศูนย์กลางอาหารฮาลาลโลกของไทยได้ผุดได้เกิดขึ้นเลย ด้วยการเริ่มวางแผนและสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพื่อการก่อการร้ายครั้งใหม่ใน 3 จังหวัดใต้ของไทย ในปี 2547 เรื่อยมาจนวันนี้

---------------------

เมื่อไม่มีขบวนการแย่งแยกดินแดนประกาศตัวชัดเจน

ตามปกติหากจะคิดขอแบ่งแยกดินแดน ก็ต้องมีการประกาศตัวว่า ใครคือผู้ก่อเหตุ ต้องแสดงความรับผิดชอบหลังการก่อเหตุร้ายต่างๆ เหมือนดั่งที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนของแท้ในประเทศอื่น ๆ เขาปฏิบัติกัน

และจะต้องมีการประกาศว่า ใครคือผู้นำขบวนการขอแบ่งแยกดินแดน เพื่อว่า หากรัฐไทยมีอยากเจรจาเพื่อจะยกดินแดนให้จริงๆ รัฐไทยก็ควรต้องรู้ว่า ใครจะมาเป็นผู้ปกครองในดินแดนที่แยกตัวนั้นๆ ดั่งที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก

แต่ในกรณีความรุนแรง 3 จังหวัดใต้ กลับไม่มีใครที่ไหนออกมาประกาศความรับผิดชอบในการก่อเหตุ

เมื่อไม่มีใครออกมาแสดงตัวว่า คือผู้นำขอแบ่งแยกดินแดนตัวจริง ซึ่งทุกครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ไม่เคยมีขบวนการใดๆ มาอ้างตัวเพื่อแสดงความรับผิดชอบในการก่อเหตุ

เหตุที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นกรณีหมาลอบกัด สังหารผู้บริสุทธิ์ ซึ่งขัดกับหลักสันติภาพอย่างรุนแรง แม้แต่โลกมุสลิมก็ไม่อาจยอมรับได้

ฉะนั้น เมื่อผู้ก่อความไม่สงบไม่มีตัวตนแท้จริง และไม่มีผู้นำตัวจริงที่สามารถควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงได้ เช่นนั้นแล้ว รัฐไทยถ้าอยากจะยกดินแดนให้ ก็ไม่รู้จะยกให้ใครที่เป็นผู้นำตัวจริง

ซึ่งวิธีพิสูจน์ว่า ใครคือผู้นำก่อความไม่สงบตัวจริง ก็คือ ต้องสามารถสั่งให้หยุดความรุนแรงให้ได้อย่างน้อย 1 ปี ขึ้นไป

เมื่อหยุดความรุนแรงได้อย่างน้อย 1 ปีได้แล้ว รัฐไทยถึงจะยอมเจรจาสันติภาพด้วยได้

แต่หากผู้ก่อความไม่สงบยังไร้มโนธรรม ยังสังหารผู้บริสุทธิ์อยู่แทบทุกวัน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่รัฐไทยจะต้องไปขอเจรจากับพวกชั่วไร้อุดมการณ์ที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างเลือดเย็นเหล่านั้นด้วย

เว้นแต่ว่า รัฐบาลไทยที่คิดไปเจรจาปาหี่กับผู้ก่อการร้ายตัวปลอม จะคิดไม่ซื่อต่อประเทศไทยเสียเอง!!

ฉะนั้น ในเรื่องขอแบ่งแยกดินแดนคราวนี้ มันจึงมีอะไรที่ซับซ้อนกว่า แค่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ผ่านมาในอดีตแน่นอน

และใครคือตัวการสำคัญ ในการสนับสนุนพวกชั่วเหล่านี้ ??

-----------------------

เมื่อผู้ก่อการร้ายไม่ประกาศตัวชัดเจน แล้วพวกนี้หวังอะไร ?

ตามรัฐธรรมนูญไทย ย่อมไม่อาจแบ่งแยกดินแดนได้ เพราะราชอาณาจักรไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวแบ่งแยกมิได้ และหากจะใช้การต่อสู้ด้วยกำลังและสงครามเปิดเผยเพื่อขอแบ่งแยกดินแดน พวกขบวนการแบ่งแยกดินแดนก็รู้ดีว่า สู้รัฐไทยไม่ได้เช่นกัน

ถามว่า ในอดีตจนปัจจุบัน เวลาเจ้าหน้าที่ตามจับพวกผู้ก่อการร้าย ทำไมมักจับไม่ได้ ?

คำตอบคือ พวกผู้ก่อการร้ายใต้ และผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดน มักหลบหนีเข้าไปในมาเลเซีย และเพราะมาเลเซียไม่เคยมีความจริงใจที่จะช่วยไทยในการแก้ปัญหาบุคคล2 สัญชาติ

มาเลเซียไม่เคยร่วมมือในการส่งผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดนให้ไทย มาเลเซียมักเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่แอบให้ที่หลบซ่อนแก่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในไทยมาโดยตลอดหลายสิบปี

ทำให้ปัญหาขบวนการแบ่งแยกดินแดนในไทย จึงไม่เคยแก้ได้จนวันนี้

ในขณะที่ไทยช่วยปราบจีนคอมมิวนิสต์มลายู ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนกับมาเลเซียจนสำเร็จ จนมาเลเซียมีความสงบมาจนวันนี้ แต่ในทางกลับกัน มาเลเซียกลับไม่เคยช่วยไทยอย่างจริงใจ และจริงจัง จึงทำให้ปัญหาผู้ก่อการร้ายหนีไปฝึก ไปกบดาน ไปซื้ออาวุธ ไปซื้อวัตถุระเบิดยี่ห้อของมาเลเซียเอง มาใช้ปฏิบัติการความรุนแรงในไทยได้อย่างสม่ำเสมอ

ฉะนั้นในเบื้องแรก ผมขอฟันธงไปว่า มาเลเซียคือตัวการสนับสนุนที่สำคัญที่สุด ในการช่วยเหลือกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนในไทย (นอกเหนือจากกลุ่มเศรษฐีในแถบอาหรับที่อาจเคยให้เงินสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดน)

เพราะถ้ามาเลเซียไม่ให้คนพวกนี้ได้มีที่หลบซ่อนอย่างจริงจัง ไมให้การช่วยเหลือพวกนี้อย่างลับๆ ป่านนี้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้ มันต้องตายไปจากไทยนานแล้ว

แต่เพราะมาเลเซียก็รู้ว่า ถ้าจะสนับสนุนลับๆ ให้พวกขบวนการแบ่งแยกดินแดนก่อการร้ายด้วยวิธีการเดิมๆ เหมือนในอดีตที่ผ่านมาหลายสิบปี ย่อมไม่มีทางสำเร็จแน่นอน จึงได้วางแผนที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น นั่นคือ


คลิกอ่าน แผนชั่วของมาเลเซีย ใน 3 จังหวัดใต้ 



ผู้ติดตาม