tag:blogger.com,1999:blog-58788953433706792592024-03-06T15:12:08.928+07:00มุมมองใหม่เมืองเอกที่นี่คือบล็อคแรกของใหม่เมืองเอก ขอรับ Unknownnoreply@blogger.comBlogger639125tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-3019038484853943282018-12-29T20:55:00.000+07:002018-12-29T20:59:25.336+07:00บรรยากาศ อุ่นไอร้อนคอยความหนาว มากกว่า<br />
<br />
<br />
<br />
คนกรุงเทพโดยกำเนิดอย่างผม ชอบอากาศหนาวมาก ๆ เพราะร้อนมาทั้งปี โดยเฉพาะปี 2561 เนี่ยยังหาความหนาวไม่เจอมาเลย<br />
<br />
ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่ คือ <span style="background-color: white;"><b>วันที่ 29 ธันวาคม 2561</b></span> ลาดพร้าวบ้านผมก็กำลังมีฝนตกหนัก คาดว่า หลังฝนตกคงจะหนาวลงเยอะ ๆ นะ<br />
<br />
ซึ่งนับตั้งแต่<b><span style="color: #990000;">กรมอุตุนิยมวิทยา</span></b> ได้ประกาศว่า ประเทศไทยปีนี้ได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เมื่อวันที่ <b>27 ตุลาคม 2561</b> ที่ผ่านมาจนวันนี้<br />
<br />
บ้านผมและในกรุงเทพมหานคร ก็ไม่เคยรู้สึกว่าหนาวเลยสักวัน บ้านผมยังต้องเปิดพัดลมใบพัด 16 นิ้ว 2 เครื่องจ่อตลอดเวลาทุกวัน<br />
<br />
ดังนั้น ฤดูหนาวที่กรมอุตุนิยมประกาศไปนั้น สำหรับในกรุงเทพ ฯ แล้ว จะมีคำเรียกฤดูหนาวแบบนี้เป็น<u>เฉพาะกรณีพิเศษ</u> นั่นก็คือ<br />
<br />
<b><span style="background-color: yellow; font-size: x-large;">ฤดูหนาวพ่องสิ !!</span></b><br />
<br />
-------------<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/Yhzvp73.jpg" title="อุ่นไอรักคลายความหนาว" width="510" /><br />
<br />
<span style="font-size: large;"><b><span style="color: purple;">ขอทรงเปลี่ยนชื่องาน </span><span style="color: red;">อุ่นไอรักคลายความหนาว</span><span style="color: purple;"> ใหม่เถอะ</span></b></span><br />
<br />
ข้าพพุทธเจ้า ใหม่เมืองเอก ขอพระบรมราชานุญาตแสดงความเห็นส่วนตัว<br />
<br />
คือ ข้าพระพุทธเจ้าอยากขอในหลวง ร.10 ทรงเปลี่ยนชื่องาน <span style="color: red;">#อุ่นไอรักคลายความหนาว </span>ที่ลานพระราชวังดุสิต ในปีหน้าใหม่เถอะครับ<br />
<br />
เพราะชื่องานนี้<u>ขัดใจ</u>คนกรุงอยากหนาวมาก ๆ ชื่องานเหมือนไปสกัดกั้นลมหนาวให้ไม่ค่อยอยากเข้ากรุง<br />
<br />
ขออนุญาตยกตัวอย่างชื่องานใหม่เช่น <span style="color: red;"><b>งานสายลมหนาวแห่งความรัก</b></span> 💗 น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อชื่อใหม่นี้จะนำพาลมหนาวพัดเข้ากรุงเทพฯ จริง ๆ จัง ๆ เสียที<br />
<br />
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า<br />
<br />
-----------------------<br />
<br />
บรรยากาศในกรุงเทพที่ผ่านมาจน ณ เวลานี้ 29 ธ.ค. 61 ยังไม่ใช่<span style="background-color: white;">บรรยากาศอุ่นไอรักคลายความหนาว</span>เลยครับ<br />
<br />
แต่เป็นบรรยากาศ <span style="background-color: yellow;"><b>อุ่นไอร้อนคอยความหนาว</b></span> มากกว่า<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="https://akelovekae.blogspot.com/2018/12/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-60191920156225664002018-11-26T17:32:00.000+07:002018-12-01T12:57:36.372+07:00ประชาชนที่เห็นแก่ตัวจะชื่นชอบ ประชานิยม<br />
<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">รัฐบาลสวิต ฯ เสนอนโยบายประชานิยมแจกเงินให้ประชาชน</span></b><br />
<br />
วันที่ 28 มกราคม 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยแผนการแก้ปัญหาความยากจนในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกเสนอโดยกลุ่มนักคิดที่รวบรวมรายชื่อประชาชนครบ 10,000 คน ได้ยื่นเสนอให้ <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;">รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์แจกเงินแก่ประชาชนทุกคน สัปดาห์ละ 625 ฟรังก์</span></span> <span style="color: #666666;">(ประมาณ </span><span style="color: #cc0000;">21,000 บาท</span><span style="color: #666666;">) </span><b>โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้มีงานทำหรือไม่ทำงาน</b><br />
<br />
ส่วนประชาชนที่ยังเป็นเด็ก จะได้สัปดาห์ละ 145 ฟรังก์ (ประมาณ 5,000 บาท) นโยบายดังกล่าวถูกเสนอยังรัฐบาลกลาง ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติการทำประชามติในวันที่ 5 มิถุนายนที่จะถึงนี้ <br />
<br />
ซึ่งประชามตินี้ ถูกเรียกว่า "ประชามติหลักประกันรายได้พื้นฐานของประชาชน"<br />
<br />
แต่ผลประชามติของชาวสวิส ปรากฏว่า <b><span style="color: #990000;">ชาว</span><span style="color: #990000;">สวิสส่วนใหญ่ร้อยละ 77 โหวตไม่รับนโยบายนี้</span></b> และมีประชาชนเพียง <b><span style="color: red;">23 % </span></b>เท่านั้นที่โหวตรับนโยบายประชานิยมนี้ <br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/Q6xekC7.jpg" width="495" /><br />
<br />
เหตุเพราะ คนสวิสส่วนใหญ่เกรงว่า <b><span style="color: blue;">นโยบายนี้จะทำให้ประเทศแบกภาระผูกพันจนอาจเกิดความเสียหายตามมาในอนาคตได้</span></b><br />
<br />
จากประชามติของชาวสวิสครั้งนี้ ทำให้เห็นได้ว่า <span style="background-color: white;">ชาวสวิสเห็นแก่ชาติบ้านเมืองโดยรวมเป็นที่ตั้งมากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง</span><br />
<br />
นี่แหละครับ <span style="color: #cc0000;"><b style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;">ระบอบประชาธิปไตยในประเทศที่ประชาชน</span><span style="color: red;"><u>ไม่เห็นแก่ตัว</u></span></b></span><br />
<br />
---------------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">เวเนซุเอล่าเงินเฟ้อหนัก เหตุเพราะในอดีตรัฐบาลมอมเมาประชานิยม</span></b><br />
<br />
ผมเห็นข่าว มีชาวเวเนซูเอล่าอพยพหนีภัยอดอยากและเงินเฟ้อของประเทศตัวเองเข้าไปในเปรูแล้ว 5 แสนคน<br />
<br />
เปรู ต้องแบกภาระหนักเลย <br />
<br />
เวเนซูเอล่า มี<b><span style="color: #cc0000;">เงินเฟ้อถึง 80,000 %</span></b> แล้วเขาว่าสถานการณ์อาจหนักไปถึงเงินเฟ้อ 1 ล้าน %<br />
<br />
พูดแบบนี้อาจนึกภาพไม่ออกว่า <b>เงินเฟ้อล้านเปอร์เซนต์มันเป็นยังไง ?</b><br />
<br />
คิดง่าย ๆ ก็คือ จากคนมีเงิน 1 ล้านบาท แล้วอยู่ ๆ เงิน 1 ล้านบาทเหลือมูลค่าแค่บาทเดียว<br />
<br />
เช่น ไข่ไก่เดิมฟองละ 5 บาท พอเงินเฟ้อล้านเปอร์เซนต์ ก็ต้องใช้เงิน 5 ล้านบาทซื้อ<br />
<br />
ทีนี้เงินล้านบาทมันมีปริมาณเยอะ ใครจะแบกเงิน 5 กระสอบไปซื้อไข่ 1 ฟองจริงมะ<br />
<br />
ทำให้รัฐบาลในประเทศที่เจอ<b><span style="color: red;">วิกฤติเงินเฟ้อขั้นรุนแรง</span></b> อาจต้องนำแบงค์พันมาพิมพ์ทับเป็นฉบับละ 1 ล้าน หรือต้องยกเลิกธนบัตรเก่ เพื่อพิมพ์แบงค์ 1 ล้านใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วใน<b><span style="color: blue;">ประเทศซิมบับเว</span></b><br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/XF5BF7F.jpg" width="490" /><br />
<span style="color: #666666;">ธนบัตรฉบับละ 1 ล้านดอลล่าห์ซิมบับเว ภาพโดย รอยเตอร์</span><br />
<br />
ฉะนั้น เราต้องอย่าให้<b><span style="color: blue;">นักการเมือง</span></b>หรือจะ<b><span style="color: #cc0000;">พวกเผด็จการ</span></b>ก็ตาม ใช้เงินชาติ งบประมาณแผ่นดินมาโปรยทำประชานิยม หรือแจกเงินฟรีเยอะ ๆ บ่อย ๆ ล่ะ<br />
<br />
ไม่งั้นไทยอาจจะเหมือนเวเนซูเอล่าได้<br />
<br />
<b>อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้</b><br />
<br />
<b><span style="color: red;">วิกฤติต้มยำกุ้งไทย</span></b>ก็เคยเกิดมาแล้ว โดยก่อนหน้านั้น 2 ปีเคยมี <b><span style="color: blue;">วิกฤติการณ์เม็กซิโก</span></b> เป็นตัวอย่างวิกฤติเศรษฐกิจก่อนไทย<br />
<br />
แต่ตอนนั้นคนไทยก็ไม่มีใครคิดว่า ไทยเราจะเป็นแบบเม็กซิโกได้ <b>แล้วเป็นไงล่ะ?</b><br />
<br />
ฉะนั้น เรา<u>ป้องกันได้</u> <span style="background-color: white;">ด้วยการ<span style="color: #660000;">อย่าสนับสนุนนโยบายประชานิยมของทุกรัฐบาล</span></span><br />
<br />
ถ้าคิดจะใช้ประชานิยมควรใช้ในเวลาจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และต้องเป็นแค่<b>มาตรการระยะสั้น ๆ</b> และใช้เงินไม่มาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นบางครั้ง<br />
<br />
ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลใช้<b><span style="background-color: white; color: #990000;">นโยบายประชานิยมยาวแบบไร้กำหนดสิ้นสุด</span></b> เหมือนที่รัฐบาล คสช. กำลังทำใน<b>นโยบายบัตรสวัสดิการประชาชน</b> ที่<b>ห่วย</b>สิ้นดี<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">นโยบายเลวพอกัน</span></b><br />
<img src="https://i.imgur.com/OGTbxdz.jpg" width="500" /><br />
<span style="color: #666666;">บัญชาคามินตูน</span><br />
<br />
<span style="color: purple;"><b>ตัวอย่างรัฐสวัสดิการของประชาชนที่ไม่เห็นแก่ตัว</b></span><br />
<br />
ในปีหน้า 2019 ญี่ปุ่นจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 8 % เป็น 10 %<br />
<br />
นโยบายขึ้น vat นี้เป็นของรัฐบาลนายชินโสะ อาเบะ <br />
<br />
คนญี่ปุ่นรู้ทั้งรู้ว่า ถ้าเลือกพรรคของนายชินโสะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็ต้องเจอการขึ้นภาษีแวตแน่นอน<br />
<br />
แต่คนญี่ปุ่นเขาก็ยินดีที่จะเลือกนายอาเบะ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป<br />
<br />
เพราะนายอาเบะ บอกว่า vat ที่ขึ้นอีก 2 % นั้น รายได้ที่รัฐได้เพิ่มขึ้น จะนำไปใช้สนับสนุนรัฐสวัสดิการเพื่อ <b>สังคมผู้สูงอายุ</b> เป็นหลัก ซึ่งประชาชนทุกคนจะได้รับสวัสดิการนี้เช่นเดียวกันทุกฐานะทุกชนชั้น<br />
<br />
นี่แหละครับ ตัวอย่างรัฐบาลของประเทศที่เจริญแล้ว และประชาชนที่ไม่เห็นแก่ตัวมากกว่าประเทศชาติ<br />
<br />
----------<br />
<br />
ในขณะที่รัฐบาล คสช. แจกเงินเฉพาะคนบางกลุ่มยังไม่พอ แต่ยังจะ ยกเว้นภาษีแวตให้คนพวกนี้อีก<br />
<br />
แปลง่าย ๆ คือ ได้เงินแจกฟรี แถมยังไม่ต้องเสียภาษีแวตอีก ซึ่งเป็นการบ่มเพาะนิสัยเอาเปรียบประเทศชาติมากขึ้น ๆ<br />
<b><span style="color: blue;"><br />
</span></b> <b><span style="color: blue;">โคตรประชานิยมไหมล่ะมึง</span></b><br />
<br />
--------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ที่จริงโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ๆ จริง ๆ หรอก</span> </b><br />
<br />
เช่น เงินประชานิยมที่แจกไป ต้องแลกมาด้วย โรงพยาบาลรัฐที่มีไม่เพียงพอ ยาคุณภาพดี ๆ หลายตัว ไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หมอพยาบาลต้องทำงานโอเวอร์โหลดแต่รายได้น้อยจนหนีไป อยู่ รพ.เอกชน จนหมอ รพ รัฐขาดแคลน รถเมล์บริการห่วย ๆ รถไฟชั้น 3 แออัดซกมก ทหารชายแดนใต้ขาดแคลนเสื้อเกราะกันกระสุน ฯลฯ<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="https://akelovekae.blogspot.com/2018/11/blog-post_26.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-9159018367454965152018-10-27T18:47:00.001+07:002018-11-04T04:37:18.014+07:00ประเทศกูมี พวกลิเบอร์ร่านโง่ ๆ <br />
<br />
<b><span style="color: purple;">#ประเทศกูมี </span></b><br />
<br />
ทั้งล่าสัตว์ป่า ทั้งสร้างรีสอร์ทในป่า<br />
ทั้งยึดทางเท้าหากิน<br />
ทั้งสร้างบ้านบุกรุกคูคลอง<br />
ทั้งลักลอบขายงาช้าง<br />
ทั้งปัญหาประมงเถื่อน <br />
ทั้งปัญหาความปลอดภัยทางการบิน<br />
และอื่น ๆ อีกมากมาย ฯลฯ<br />
<br />
ประเทศกูมี แบบที่ว่ามาตั้งนานแล้วตั้งแต่ <b><span style="color: blue;">#่สมัยประชาธิปไตย</span></b> <span style="background-color: white;">แต่<b>พวกนักการเมือง</b>แม่งไม่กล้าจัดการเอาผิดคนทำผิดกฎหมาย</span><br />
<br />
มายุค <b><span style="color: #990000;">#เผด็จการ</span></b> นี่แหละที่กล้าจัดการกับผู้มีอิทธิพล<br />
กล้าบุกรื้อรีสอร์ทในป่า<br />
กล้าจัดระเบียบทางเท้า<br />
กล้ารื้อบ้านบุกรุกคูคลอง <br />
กล้าจัดการพวกลักลอบค้างาช้าง <br />
กล้าแก้ปัญหาประมงเถื่อน ฯลฯ<br />
<br />
<span style="background-color: yellow;"><b>เปรมชัยยิงสัตว์ป่ามานานแต่รอดการถูกจับมาตลอดในยุคประชาธิปไตยว่ะ</b></span><br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/imMlzD8.jpg" title="ประเทศกูมี เสือดำ" width="490" /><br />
<br />
-------------------------<br />
<br />
<b><span style="color: blue;">#ประเทศกูมี</span></b> <span style="color: purple;">#<b>พวกร่าน</b>รักนักการเมืองโกงชาติหนีคดี</span><br />
<br />
<b>6 ตุลา 19</b> รูปศพถูกแขวนแล้วถูกตี<br />
<br />
มันคือ<span style="color: red;"><b>โศกนาฏกรรม</b></span>ของความเกลียดกลัวภัยคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นของคนไทยฝ่ายขวา<br />
<br />
นักข่าวฝรั่งผู้ถ่ายรูปนั้น เขาบอกว่า เขาคิดว่า น่าจะเป็น<b><span style="color: #990000;">กลุ่มเด็กช่างกลอาชีวะ</span></b>แนวคิดฝ่ายขวาจัดเป็นผู้ตีศพที่เชื่อว่าเป็นศพคนฝ่ายซ้าย เรื่องมันเท่านี้แหละ <br />
<br />
แต่มีไอ้พวก<b><span style="color: #990000;">ร่านแร้ง</span></b>พยายามจะลากรูปนี้มาหากินตลอดชาติ<br />
<br />
ย้ำอีกทีว่า มันเป็นเรื่อง<span style="background-color: white;">ความเกลียดกลัวภัยคอมมิวนิสต์</span>ในสมัยนั้น <br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/OUiI0KV.jpg" width="490" /><br />
<span style="color: #666666; font-size: x-small;">รูปวอยซ์ทีวี</span><br />
<br />
----------<br />
<br />
ถ้านึกไปถึงประเทศญี่ปุ่น กว่าจะปกครองระบอบประชาธิปไตยได้ในวันนี้ คนญี่ปุ่นเขาเข่นฆ่ากันเองตายไปหลายแสนคนครับ ตั้งแต่<b><span style="color: blue;">ยุคล้มระบอบโชกุน</span></b> ลงได้เมื่อ 150 ปีก่อน จนถึงใน<b><span style="color: #990000;">ยุคปฏิรูปเมจิ </span></b><br />
.<br />
จนญี่ปุ่นมาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคโชวะ ก็ตายไปเป็นล้านคน<br />
<br />
<b>แต่คนญี่ปุ่นเขาไม่โทษใคร เขาให้<span style="color: red;">อภัย</span>ต่อกันหมด </b><br />
<br />
แม้แต่สมเด็จพระจักรพรรดิตั้งแต่ <span style="color: blue;">เมจิ ไทโช โชวะ</span> คนญี่ปุ่นก็ไม่โทษทุกพระองค์เลย แถมปกป้องทุกพระองค์ด้วยชีวิต <br />
<br />
คนญี่ปุ่นที่เข่นฆ่ากันเอง ล้วนมีสมเด็จพระจักรพรรดิเป็นที่ยึดเหนี่ยวในใจทุกคน <br />
<br />
ประเทศไทยเรามีคนตายน้อยกว่าคนญี่ปุ่นเยอะกว่าจะได้ #ระบอบประชาธิปไตยแบบโง่ๆ มาใช้<br />
<br />
แต่ไอ้พวกร่านในไทย มึงก็จะเกาะรูปศพคนตายนั้นทั้งชาติทำลายชาติอยู่นั่นแหละ<br />
<br />
ภัยทำลายชาติไทยตัวจริงคือ <b><span style="color: purple;">#พวกลิเบอร์ร่าน</span></b><br />
<br />
<a href="https://akelovekae.blogspot.com/2018/10/blog-post.html" target="_blank"><span style="color: black;"><b style="background-color: yellow;">คลิกอ่าน</b></span> คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่เจ๊งและขาดทุนจริงเหรอ ?</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="https://akelovekae.blogspot.com/2018/10/blog-post_27.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-26283634644266845922018-10-06T16:31:00.000+07:002018-10-11T01:22:27.269+07:00คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่เจ๊งและขาดทุนจริงหรือ ?<br />
<br />
<br />
<br />
<b><span style="color: blue;">การลงทุนในตลาดหลักทรัพยฺ์มีความเสี่ยง</span></b> คือคำเตือนแก่นักลงทุนที่ได้ยินบ่อย ๆ <br />
<br />
ความจริงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรือ<b>ตลาดหุ้น</b> ก็คือ การนำเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทที่เราต้องการผลตอบแทน ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้มานั้นก็คือ <b><span style="color: #cc0000;">เงินปันผลประจำปี </span></b>นั่นเอง<br />
<br />
ส่วนผลพลอยได้จากหุ้นที่บริษัทมีอัตราผลประกอบการเจริญเติบโตที่ดี <b>มูลค่าหุ้น</b>ก็จะมีมูลค่า<b>สูงขึ้น</b>ตามไปด้วย<br />
<br />
<u>ในทางกลับกัน</u> ถ้าผลประกอบการไม่ได้กำไรจนถึงขั้นขาดทุน และไม่จ่ายเงินปันผล มูลค่าหุ้นของบริษัทนั้น ๆ ก็จะลดลงตามไปด้วบ<br />
<br />
แต่ปกติเงินปันผลมักจะออกปีละ 1 ครั้ง หรืออย่างมากก็ 2 ครั้งต่อปี<br />
<br />
แล้วเมื่อนำ<b><span style="color: #cc0000;">มูลค่าหุ้น ณ เวลานั้น ๆ มาหารกับจำนวนเงินปันผลต่อ 1 หุ้น </span></b> ถ้าได้อัตราผลตอบแทนที่มากกว่าจำนวนเปอร์เซนต์ของดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารแต่ละปี ก็ถือว่า การลงทุนซื้อหุ้นเพื่อหวังรับเงินปันผล ก็ดีกว่านำเงินไปฝากธนาคาร<br />
<br />
แต่โดยมากแล้ว จำนวนเงินปันผลเมื่อนำไปหารกับมูลค่าหุ้น 1 หุ้น ก็มักจะได้ผลตอบแทนไม่ได้มากอะไรนัก ดังนั้น <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;">การลงทุนซื้อหุ้นเพื่อหวังเงินปันผลจริง ๆ ก็ไม่ได้ทำให้ใครร่ำรวยได้เร็วจริง ๆ หรอก</span></span><br />
<br />
--------------------------<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/j0IQBkU.jpg" width="500" /><br />
<span style="color: #666666;">ซีรีย์ดังของฮ่องกงที่เกี่ยวกับการเล่นหุ้นเก็งกำไรโดยเฉพาะไม่ต่างอะไรจากนักพนัน</span><br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">แล้วพวกที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้นรวดเร็ว เขารวยกันยังไงล่ะ ?</span></b><br />
<br />
พวกรวยจากตลาดหุ้น ก็คือพวกที่ร่ำรวยจากการ<b>เก็งกำไรราคาหุ้น</b>ในแต่ละวัน คือรวยจากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละวัน ไม่ใช่รวยจากการรับเงินปันผลประจำปี<br />
<br />
ดังนั้น <b style="background-color: yellow;">คนเล่นหุ้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักพนันเลย </b><br />
<br />
จำคำนี้ไว้ เพราะ <span style="background-color: white; color: red; font-size: large;">การลงทุนไม่ใช่การเล่นหุ้น</span> <span style="color: #666666;">(ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้นในคลิปด้านล่างได้กล่าวไว้)</span><br />
<br />
เมื่อแต่ละบริษัทจ่ายเงินปันผลปีละครั้งหรือ 2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้น การจะรวยจากการเล่นหุ้น ก็คือ การเล่นกับการ<b>มโน</b>กับข่าวสารในแต่ละวัน ซึ่งมีทั้ง<span style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;">ข่าวจริง ข่าวเท็จ ช่าวปล่อย ข่าวลวง และข่าวลือ</span></span> เพื่อให้เกิดกระแสราคาหุ้นขึ้น ๆ ลง ๆ ทุกวัน และนั่นก็คือ การซื้อขายเพื่อทำกำไรจากมูลค่าส่วนต่างของราคาซื้อขายหุ้นนั่นเอง<br />
<br />
ซึ่งคนที่จะรวยจากตลาดหุ้นได้จริง ๆ มีน้อยมาก หากจะเปรียบเทียบว่า <b>คนที่ร่ำรวยจากเล่นหุ้นจริง ๆ มีกี่เปอร์เซนต์ ?</b><br />
<br />
เซียนหุ้นท่านนึงเจ้าของเว็บโฉลกดอทคอมซึ่งเป็บเว็บไซต์สอนนักลงทุน <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>คุณโฉลก สัมพันธารักษ์</b></span></span> ได้กล่าวไว้ว่า <br />
<span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;">"นักเล่นหุ้นประมาณ 95% จะขาดทุน ส่วนอีก 5% เท่านั้นที่ได้กำไร ซึ่งใน 5% ที่ได้กำไรนั้นจะเป็นโบรกเกอร์สัก 4% มีเพียงนักเล่นหุ้น 1% เท่านั้นที่เล่นหุ้นแล้วได้กำไร(จากคน95%ที่ขาดทุน)" </i></span><br />
<br />
คลิป ข้อคิดเรื่องการเล่นหุ้นจากเจ้าของเว็บไซค์สอนการลงทุน <span style="color: red;"><b>โฉลกดอทคอม </b></span><br />
<iframe allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/W_uqYdr5pK8?rel=0" width="500"></iframe><br />
<br />
หากใครอ่านบทความยังไม่เกทนัก ผมก็มีบทความเกี่ยวกับเรื่อง การเล่นหุ้น อีก 3 บทความ ตามลิงค์ต่อไปนี้ครับ <br />
<br />
<a href="http://kaeloveake.blogspot.com/2013/07/blog-post.html" target="_blank"><b><span style="background-color: lime; color: black;">คลิกอ่าน</span></b> รู้ทันเซียนหุ้นหลอกฟันแมงเม่า</a><br />
<br />
<a href="http://akelovekae.blogspot.com/2012/12/1_23.html" target="_blank"><b><span style="background-color: yellow; color: black;">คลิกอ่าน</span></b> การเก็งกำไรในตลาดหุ้นคือการพนันเป็นอบายมุข 1</a><br />
<br />
<a href="http://akelovekae.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" target="_blank"><span style="color: black;"><b style="background-color: cyan;">คลิกอ่าน</b></span> การเก็งกำไรในตลาดหุ้นคือการพนันเป็นอบายมุข (จบ)</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2018/10/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-53126849340928255512018-08-30T01:51:00.000+07:002018-08-30T01:52:15.975+07:00ทำไมคนชาติไฮเทคอย่างจีนต้องซูฮกวัตถุมงคลไทย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">เมื่อสุดท้ายเทคโนโลยีจีนก็ยังแพ้ไทย555</span></b><br />
<br />
เมื่อวานผมดูคลิปสินค้าไฮเทคของจีนแดงในวันนี้ ผมนี่อึ้งทึ่งเลย <br />
<br />
หลังจาก<b>ท่านเล็กเซียวหงส์ </b>เอ้ยไม่ใช่ ท่านเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน <b><span style="color: #cc0000;">พณฯท่านเติ้งเสี่ยวผิง</span></b> เปิดประเทศจีน ตาม<span style="color: blue;"><b>นโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบ</b></span> นั่นคือ <span style="background-color: white;">ปกครองประเทศด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม</span><br />
<br />
ประเทศจีนของก๋งผม ก็เจริญรวดเร็วมากอย่างเหลือเชื่อ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่ถ้าจีนเปิดประเทศตั้งแต่ยุค<b><span style="color: #cc0000;">ท่านประธานเหมาเจ๋อตุง</span></b>ของ<b>สหายเหวง</b><br />
<br />
จีนอาจส่งคนไปลงบนดวงจันทร์ก่อน <span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">usa</span> ก็เป็นไปได้นะ 555<br />
<br />
แต่เห็นจีนเจริญไฮเทคขนาดนี้ แต่เวลาคนจีนมาเที่ยวเมืองไทย <b>สินค้าไทยที่คนจีนนิยมซื้อติดไม้ติดมือก่อนกลับบ้านคืออะไรรู้ไหม ?</b><br />
<br />
คำตอบคือ <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;">เครื่องรางของขลังวัตถุมงคลทุกชนิด ทั้งตะกรุด ผ้ายันต์ กุมารทอง ฯลฯ และพระเครื่อง พระพุทธรูปของไทย</span></span><br />
<br />
จนเดี๋ยวนี้แม้แต่ในประเทศจีนเอง ก็ยังมีร้านขายวัตถุมงคลจากไทยแลนด์ในหลาย ๆ เมืองใหญ่ของจีน ให้คนจีนได้ซื้อหาไปบูชาได้ง่าย ๆ แถมมี<b>ใบรับประกัน</b>ว่า ของแท้ปลุกเสกแล้วจากเมืองไทย<br />
<br />
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคนจีนมาเที่ยวไทย ก็ขอซื้อวัตถุมงคลที่ไทยเองจะชัวร์กว่าขลังกว่า จะได้แน่ใจว่าไม่ใช่<b>วัตถุมงคลเสิ่นเจิ้น</b><br />
<br />
ฉะนั้น นี่คือจุดแข็งของไทยแลนด์ <span style="color: blue;"><b>สินค้าปลุกเสกเมดอินไทยแลนด์คือที่ 1 ในโลก</b></span> 5555<br />
<br />
<b style="background-color: yellow;">ทำไมคนจีนแดง คนฮ่องกง ถึงเชื่อมั่นในวัตถุมงคลของไทยรู้ไหม ?</b><br />
<br />
<span style="background-color: white;">ก็เพราะสภาพบ้านเมืองที่ป่าเถื่อนชอบใช้ความรุนแรงตัดสิน จนมีปัญหาอาชญากรรมมากมาย แถมเป็นประเทศที่คนขับขี่รถได้อย่าง<b>เฮงซวย</b>ไร้ระเบียบวินัยที่สุดในโลก แต่คนไทยก็ยังไม่กลัวตายแถมยังรอดตายได้มากกว่าที่คนจีนคิดไว้ แถมไทยยังจัดเป็นประเทศที่ประชาชนมีความสุขอันดับต้น ๆ ของโลก สูงกว่าประเทศร่ำรวยอย่างสิงคโปร์ด้วยซ้ำ</span><br />
<br />
นั่นแสดงว่า คนไทยที่ยังรอดตายอยู่ได้ต้องมี<b>ของดี</b>ติดตัวแน่ ๆ ซึ่งคนจีนถูกทำให้เชื่อว่า นั่นเพราะคนไทยส่วนใหญ่มี<b><span style="color: blue;">วัตถุมงคล</span></b>นั่นเอง 5555<br />
<br />
ทำนองเดียวกันไอ้พวกหินสีต่าง ๆ ตั้งแต่ <span style="background-color: black;"><span style="color: white;">หินธิเบต</span></span> มายัน <span style="background-color: white;"><span style="color: red;"><b>หินสีสวยงาม</b></span></span> นี่คือการเอาคืนคนไทยของคนจีน<br />
<br />
เพราะที่<b>แหล่งค้าส่ง</b>ในจีน จะมีขายหินที่เชื่อว่ามีพลังมงคลพวกนี้ขายส่งเป็นกระสอบ ๆ ในราคาแสนถูกมาก ๆๆๆ แต่พอมาถึงเมืองไทย หินสีพวกนี้กลับขายได้ชิ้นละหลายร้อยหลายพันบาท 555<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/SOUG9ti.jpg" width="510" /><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2018/08/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-2140669832342308242018-08-04T17:53:00.003+07:002018-08-23T02:27:27.078+07:00MV ที่ช่วยให้ ป๊อก ปิยธิดา แจ้งเกิดในวงการบันเทิง<br />
<br />
<br />
<br />
<span style="color: blue;"><b>ป๊อก ปิยธิดา</b></span> นางเอกระดับแถวหน้าของวงการละครไทย หลายคนอาจจำไม่ได้ หรือไม่เคยรู้มาก่อนว่า<br />
<br />
ป๊อก ปิยธิดา <b>แจ้งเกิด</b>ในวงการบันเทิง<u>อย่างเต็มตัว</u>จริง ๆ ก็มาจากเล่นเป็นนางเอกในมิวสิควิดีโอของ <b><span style="color: #990000;">มอส ปฏิภาณ</span></b> ชื่อเพลง <span style="background-color: yellow;"><b>กลับกลอก</b></span> <br />
<br />
ซึ่งใน MV เพลงนี้ <b><span style="color: blue;">ป๊อก หน้าสวยมาก ๆ</span></b> แถมตอนที่ ป๊อก พูดบอกเลิกกับ มอส ใน MV เธอพูดได้อย่าง<b><span style="color: red;">ทรง</span>พลัง</b> จนถ้าผู้ชายคนไหนในโลก ถ้าต้องเจอ ป๊อก บอกเลิกแบบนี้นะ รับรอง ผู้ชายคนนั้นอาจต้องฝันร้ายไปทั้งชาติเลย<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/rxnVlq4.jpg" /><br />
<br />
แต่เสียดายที่ <span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">Grammy</span> ที่เพิ่งจะนำ MV เพลงนี้มาลงเมื่อไม่กี่วันก่อน ก่อนที่ผมจะเขียนบทความนี้ แกรมมี่ก็ได้<u>ตัดเสียงพูด</u>ช่วงที่ ป๊อก ได้บอกเลิกกับ มอส ออกจาก MV นี้ไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ <br />
<br />
<iframe allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/OrlXEMEEty8?rel=0" width="505"></iframe><br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/zDKMAAV.jpg" width="504" /><br />
<br />
<b>พลังความสวย</b>ของป๊อก ปิยธิดา ใน mv "กลับกลอก" ได้สร้างความประทับใจในหัวใจผู้ชายแทบทุกคนที่ได้ดูมิวสิควิดีโอนี้<br />
<br />
แล้วถ้าอยากรู้ว่า ป๊อก พูดว่าอะไรใน mv เพลงนี้ แนะนำให้ดูคลิปสุดท้ายด้านล่างบทความนี้ครับ<br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">รายการ สาระแนโชว์ หนุ่ม กรรชัย ป๊อก ปิยธิดา</span></b><br />
<br />
ในช่วงที่ <b>ป๊อก ปิยธิดา</b> ยังเป็นแฟนกับ <b><span style="color: blue;">หนุ่ม กรรชัย</span></b><br />
<br />
รายการ สาระแนโชว์ เมื่อ พ.ศ. 2542 ได้ร่วมมือกับ หนุ่ม กรรชัย แกล้ง ป๊อก ปิยธิดา โดยนำปมขี้หึงของคนทั้งคู่มาแกล้ง<br />
<br />
โดยก่อนหน้านี้สักปีกว่า ๆ หนุ่ม เคยโดนแกล้งไปก่อน แต่มาในคลิปนี้ หนุ่ม ร่วมมือกับสาระแน เพื่อมา<b>เอาคืน</b>ป๊อก <br />
<br />
ซึ่ง<b><span style="color: blue;">คลิปที่ทั้งฮาและน่าสงสาร</span></b>ป๊อกจริง ๆ คือ ดูออกเลยว่า ในเวลานั้น ป๊อก ปิยธิดา แคร์หนุ่ม กรรชัย มาก ๆ เพราะขนาดหนุ่มแกล้ง<b>วีน</b>ใส่ถึงขั้น<span style="color: #cc0000;"><b>ท้าเลิกกัน</b></span><br />
<br />
<b style="background-color: white;">ป๊อก ก็ยังพยายามง้อและรักษาอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม </b><br />
<br />
ตอนที่ผมได้ดูรายการในคลิปนี้ตอนออกทางช่อง 3 ในวันนั้น ก็รู้สึกขำกับการแกล้งป๊อก<br />
<br />
แต่พอมานึก ๆ ย้อนคิดในวันนี้ คนที่ถูกแกล้งด้วยการถูกแฟนบอกเลิกนี่มันน่าสงสารมากนะ <br />
<br />
ลองดูได้ในตอนจบของคลิปการแกล้งนี้ว่า ตอนจบป๊อกดูน่าสงสารจริง ๆ <br />
<br />
<iframe allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/5zw1bVZS16k?rel=0" width="505"></iframe><br />
<br />
<b>ป๊อก ปิยธิดา</b> กับ <b>หนุ่ม กรรชัย</b> พบรักกันเมื่อทั้งสองคนได้เล่นละครเรื่อง <b><span style="color: #cc0000;">ตะลอนทัวร์ </span></b>ทางช่อง 5 ด้วยกัน<br />
<br />
ส่วน หนุ่ม กรรชัย พบรักกับ <span style="background-color: white;">เมย์ เฟื่องอารมณ์</span> เพราะเล่นละครเรื่อง <b><span style="color: blue;">เทพบุตรสลัม</span></b> ทางช่อง 7 สี<br />
<br />
------<br />
<span style="color: purple;"><b><br />
</b></span> <span style="color: purple;"><b>คลิป ทอล์คกะเทย ตอน ป๊อก ปิยธิดา</b></span><br />
<br />
อยากรู้ว่า ป๊อก พูดอะไรใน mv กลับกลอก ต้องดูในคลิปนี้<br />
<br />
<iframe allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/3aHBZW9OJog?rel=0" width="505"></iframe><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2018/08/mv.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-72696940302337189462018-06-23T17:15:00.000+07:002018-06-25T16:23:30.215+07:00เจตนาที่แท้จริงของโทษประหารชีวิตที่คุณอาจไม่เคยรู้<br />
<br />
<br />
จากกรณีการประหารชีวิตนักโทษรายล่าสุดของไทยในรอบ 9 ปี พ.ศ. 2560 <br />
<br />
แม่ของเด็ก ม.5 ที่ถูกแทง 24 แผลจนเสียชีวิต บอกว่า <b>ทำใจยังไม่ได้ที่สูญเสียลูก </b><br />
<br />
แต่พอนักข่าวถามถึง ผู้ต้องหาถูกประหารชีวิตไปแล้ว รู้สึกยังไง<br />
<br />
แม่ของเด็ก ม.5 ตอบว่า <b>ก็ขออโหสิกรรมให้เขา เพราะเขาก็ได้ตายชดใช้ความผิดไปแล้ว</b><br />
<br />
--------<br />
<br />
ผมมองว่า คดีรุนแรงฆ่ากันตายต่าง ๆ จนเหยื่อเสียชีวิต<br />
<br />
ที่ผ่านมา คนเป็นพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเหมือน<b><span style="color: #990000;">ไม่ได้รับความยุติธรรม</span></b> เพราะตัวเองต้องสูญเสียคนที่รักไปตลอดกาล<br />
<br />
ในขณะที่คนร้ายกลับยังมีชีวิตอยู่ แล้วเผลอ ๆ อาจได้ออกจากคุกในเวลาไม่นาน <br />
<br />
จึงมีผู้ที่สูญเสียจำนวนไม่น้อยที่ไม่อาจ<b>อโหสิกรรม</b>ให้คนร้ายได้ เพราะเหมือนตัวเองยังไม่ได้รับความยุติธรรมจากสังคมและกฎหมาย<br />
<br />
แต่เมื่อคนร้ายถูกประหารชีวิตไปตามโทษทัณฑ์ทางกฎหมายแล้ว ญาติของเหยื่อผู้สูญเสียถึงได้รู้สึกว่า พวกเขายังพอได้รับความเป็นธรรมบ้าง<br />
<br />
ก็เลยเริ่มรู้สึกปล่อยวางได้ เริ่มจะอโหสิกรรมให้คนร้ายได้ ไม่งั้นญาติของเหยื่ออาจต้องทนทุกข์ทรมานใจไปตลอดชีวิต<br />
<br />
เพราะไม่สามารถอโหสิกรรมให้คนร้ายและกระบวนการยุติธรรม<u>เฮงซวย</u>นี้ได้<br />
<br />
-----------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">เจตนาของการประหารชีวิตจริง ๆ จึงไม่ใช่หวังให้คนกลัวการกระทำผิดเท่านั้น</span></b><br />
<br />
แต่<b>เจตนาหลักของการประหารชีวิตจริง ๆ </b>ก็คือ <span style="background-color: yellow;">เพื่อให้เกิดความยุติธรรมของทุกคนทุกชีวิตที่ต้องสูญเสียอย่างเท่าเทียมกันให้ได้มากที่สุด</span><br />
<br />
แต่พวกเพี้ยนที่ชอบปกป้องฆาตกรมากกว่าเห็นใจคนดีที่ตกเป็นเหยื่อ<br />
<br />
เพราะภาษีชาติมีไว้ปกป้องชีวิตคนดี ไม่ใช่มีไว้เลี้ยงดูฆาตกรโหดให้อยู่เปลืองภาษีของคนดีนาน ๆ ในคุก<br />
<br />
----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">ปัญหาอาชญากรรมรุนแรงในไทย เหตุเพราะไม่ลงโทษอย่างจริงจัง</span></b><br />
<br />
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศไทยเพิ่งประหารชีวิตนักโทษจนถึงวันนี้ไปแค่ 320 คนเท่านั้น<br />
<br />
<b>หา !!</b> ผ่านมา 80 กว่าปี จากประชากร 20 ล้านคน จนมีประชากร 72 ล้านคน ไทยเพิ่งประหารนักโทษไปแค่ 300 กว่าคนเท่านั้นเองรึ <br />
<br />
ผมว่า ตัวเลขนี้มันบอกเลยว่า นี่คือ ปัญหาของประเทศไทย นั่นคือ ถ้าไทยคิดจะใช้โทษประหารชีวิต ก็ต้องใช้ให้มันจริงจัง แบบที่พวกประเทศโลกมุสลิมเขายังใช้<br />
<br />
แต่ที่ผ่านมา ประเทศไทยใช้แบบกล้า ๆ กลัว ๆ มาตลอด จนคุกล้นแออัด<br />
<br />
หรือแม้แต่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็ยังใช้โทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคออยู่ในปัจจุบัน อ้างอิง <a href="https://bit.ly/2JRR7Zj" target="_blank">https://bit.ly/2JRR7Zj</a><br />
<br />
พวก<b>แอมเนสตี้</b>ทั้งหลาย อย่ามาอ้างตัวเลขการวิจัยในต่างประเทศว่า <b><span style="color: #990000;">โทษประหารไม่ได้ช่วยให้คดีอาชญากรรมรุนแรงลดลง</span></b><br />
<br />
ผมเคยเขียนในบทความเก่าว่า <br />
<br />
<span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"ไทยเราควรทดลองจริง ด้วยการใช้<b>โทษประหารอย่างจริงจัง</b>ไปสัก 10 ปีดูสิ แล้วมาดูกันว่า จะช่วยลดจำนวนคดีอาชญากรรมรุนแรงลงได้ไหม ก็เพราะนิสัยคนไทยไม่เหมือนชาติใดในโลกโว้ย อย่ายกตัวเลขวิจัยต่างชาติมาใช้กับสังคมไทย"</span><br />
<br />
การที่อ้างผลวิจัยในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่คือในประเทศที่เจริญแล้วโดยเฉพาะในยุโรป เขาย่อมได้ผลวิจัยว่า โทษประหารชีวิตไม่มีผลในการลดจำนวนอาชญากรรมรุนแรงลง<br />
<br />
นั่นเป็นเพราะ ประเทศที่เจริญเหล่านั้น เขาได้ผ่านจุดวิกฤติของสังคมที่นิยมความรุนแรงไปแล้ว เพราะประชาชนมีการศึกษาดีขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันดีพร้อมมากกว่าประเทศไทย เมื่อมีความกินดีอยู่และอยู่ในสภาพแวดล้อมดีกว่า ความเครียดและความรุนแรงในสังคมจึงลดลงตามลำดับ<br />
<br />
ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศของทวีปยุโรปจึงมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม เคารพกฎหมายดีอยู่แล้ว<br />
<br />
ดังนั้นผลแห่งการลงโทษประหารจึงไม่มีผลอะไรต่อวิถีชีวิตของประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่มีความเจริญทางจิตใจและรู้จักหน้าที่พลเมืองดีอยู่แล้ว<br />
<br />
แต่ประเทศไทยทุกวันนี้ ยังไม่ไปถึงจุดนั้น เพราะคนไทยจำนวนมากยังละเมิดกฎหมายเป็นว่าเล่นโดยไม่รู้สึกผิด เช่นกฎหมายจราจร ยังไม่เคารพสิทธิของคนอื่น ยังเอาแต่สิทธิของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่รู้จักหน้าที่พลเมืองดี<br />
<br />
ซึ่งที่ผ่านมา 9 ปีที่ประเทศไทยไม่มีการลงโทษประหารชีวิตเลย ก็ไม่ทำให้อาชญากรรมรุนแรงของไทยลดลง แถมมากขึ้น ๆ รุนแรงขึ้นทุกวัน<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/aBGiWas.jpg" width="500" /><br />
<br />
<br />
ขอฝากไปถึง <span style="color: blue;"><b>พวกแอมเนสตี้ต่อต้านโทษประหาร</b></span> <b>Amnesty International Thailand</b> ว่า<br />
<br />
ตัวอย่าง กรณีนักโทษประหารรายล่าสุดนี้ เขามีโอกาสได้โทรคุยกับเมียสั่งเสียก่อนตายร่วมชั่วโมง ได้เลือกอาหารมื้อสุดท้ายที่อยากกิน แถมได้ตายแบบไม่ทรมาน สภาพศพสมบูรณ์ ให้พ่อแม่นำกลับไปทำพิธีทางศาสนา<br />
<br />
ในขณะที่เหยื่อ ต้องตายด้วยสภาพศพถูกแทง 24 แผล ตายอย่างทุรนทุราย เพราะดิ้นรนหนีความตาย <b>ต้องหมดอนาคตที่จะได้เลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณพ่อแม่</b> ทั้งที่เป็นนักเรียนเรียนดี เป็นนักกีฬาของโรงเรียน และควรมีอนาคตที่ยาวไกลเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ<br />
<br />
พวกแอมเนสตี้ทั้งหลาย พวกคุณลองมีลูกชายที่ถูกฆ่าตายแบบถูกแทง 24 แผลก่อนสิ หรือมีลูกสาวที่ถูกข่มขืนฆ่าก่อนสิ ถึงค่อยเสือกออกมาเรียกร้องให้ไว้ชีวิตฆาตกรที่ฆ่าลูกของพวกคุณ<br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">นช. ธีรศักดิ์ หลงจิ ถูกลัดคิวตายหรือไม่ </span></b><br />
<br />
ซึ่งแม่ของนักโทษประหารรายล่าสุด เธอไม่ได้พูดคัดค้านการมีโทษประหารเลยนะ<br />
<br />
แต่เธอสงสัยว่า<br />
<br />
<b>ยังมีนักโทษคดีรุนแรงกว่าลูกชายของเธออีกตั้งหลายคน </b>(คงหมายถึงต้องโทษประหารเหมือนกัน) <b>แต่ทำไมต้องมาประหารลูกชายของเธอก่อน ??</b><br />
<br />
แม่ของ นช. กล่าวทิ้งท้ายว่า <b><span style="color: blue;">หรือเป็นเพราะครอบครัวของเรายากจน ?</span></b><br />
<br />
นั่นสิ คำถามนี้มันก่อให้เกิดความสงสัยว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">รัฐกำลังเลือกปฏิบัติหรือเปล่า ? </span></i><br />
<br />
ทำไมถึงประหารนักโทษรายนี้ก่อน ทั้ง ๆ ที่มีนักโทษรอประหารอยู่อีกหลายคนก่อนหน้านี้<br />
<br />
แต่ความเป็นจริงที่ผมได้รับคำตอบมาแบบไม่เป็นทางการจากการสอบถามผู้รู้มาว่า <br />
<br />
เป็นเพราะนักโทษรอประหารคดีสิ้นสุดก่อนหน้านี้ <b>เป็นนักโทษที่อยู่ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 9</b> ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ส่งเรื่องทูลเกล้า ฯ ขอพระราชทานอภัยโทษให้นักโทษประหารทุกราย แต่ทางสำนักพระราชวัง ไม่มีการตอบกลับมา เรื่องจึงค้างอยู่อย่างนั้น<br />
<br />
และ<b>เมื่อรัชกาลที่ 9 สวรรคต</b> ก็เลยทำให้เรื่องทูลเกล้า ฯ ขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษประหารเหล่านี้ เลยเสมือนต้องรอเรื่องที่ค้างต่อไป <span style="color: #666666;">(เสมือนรอดการประหารไปเลย เว้นแต่มีการส่งเรื่องใหม่อีกครั้ง) </span><br />
<br />
ส่วนกรณีการประหารนักโทษรายล่าสุด เป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์เพิ่งจะส่งเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 แต่เรื่องถูกส่งตีกลับมาอย่างเดิม <span style="color: #666666;">(โดยไม่มีพระราชวินิจฉัย)</span><br />
.<br />
แปลความโดยธรรมเนียมปฏิบัติว่า กรณีนี้ไม่มีการพระราชอภัยโทษลงมา จึงยืนตามคำพิพากษาศาลดังเดิม<br />
<br />
ผิดถูกอย่างไร กรมราชทัณฑ์จะมาแก้ไขชี้แจงได้นะครับ<br />
<br />
--------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">พระพุทธเจ้ากับบทลงโทษทางกฎหมาย </span></b><br />
<br />
สมัยพระพุทธเจ้าทรงไม่แตะเรื่องบทลงโทษตามกฎหมายของบ้านเมือง<br />
<br />
เพราะบทลงโทษทางกฎหมายเขามีกำหนดไว้อยู่ก่อนแล้ว เพื่อให้คนเกรงกลัวการกระทำผิด<br />
<br />
แล้วถ้าใครละเมิดก็ต้องถูกลงโทษไปตามกฎหมาย เพราะมันคือ <b>กฎกติกาของสังคม</b><br />
<br />
อย่างเรื่องโทษประหารชีวิตของไทย ผมอยากเตือนสติคุณผู้อ่านทุกคนว่า<br />
<br />
เราอย่ายินดีหรือสะใจในการประหารชีวิตนักโทษคนนั้น ๆ เพราะมันจะเป็นบาปแก่เราเอง <span style="color: #cc0000;">(จงไม่ยินดีในการฆ่า)</span><br />
<br />
แต่ให้เราวางใจเป็นกลาง เป็น <span style="color: blue;"><b>อุเบกขา</b></span> ว่า<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"</span></b><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2018/06/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-79620880192515085692018-05-05T18:09:00.000+07:002018-05-07T00:12:14.961+07:00อย่าศรัทธาแต่พระพุทธ พระธรรม จนละทิ้งพระสงฆ์<br />
<br />
<br />
ในช่วงเวลาหลัง ๆ มานี้ มีชาวไทยพุทธจำนวนไม่น้อยที่เริ่มเบื่อหน่ายการทำบุญกับพระสงฆ์<br />
<br />
เหตุเพราะมีข่าวพฤติกรรมเสื่อม ๆ หลายอย่างของคนที่เข้าไปบวชเป็นพระ<br />
<br />
หลายคนรู้สึกอยากทำบุญกับเรื่องอื่น ๆ แทน เช่น ทำบุญกับโรงพยาบาล ทำบุญกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทำทานแก่ผู้ยากไร้ หรืออะไรอื่น ๆ มากกว่าจะไปทำบุญกับพระสงฆ์<br />
<br />
วันนี้ผมเลยอยากเขียนบทความนี้ขึ้น แต่ก่อนอื่นขอเล่า<b><span style="color: #cc0000;">ประวัติพุทธศาสนาในประเทศไทย</span></b>โดยสังเขปก่อน<br />
<br />
----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">การเผยแผ่พุทธศาสนาในประเทศไทย</span></b><br />
<br />
ไทยเราได้รับพุทธศาสนามาจาก<b>ลังกา</b> หรือ ศรีลังกา โดยพระเถระจากลังกาได้เข้ามาเผยแผ่พุทธศาสนาใน<b>อาณาจักรศรีวิชัย</b>ก่อน (ปัจจุบันคือจังหวัดนครศรีธรรมราช)<br />
<br />
ต่อมาในสมัย<b>พ่อขุนรามคำแหงมหาราช </b>พระองค์ได้สดับถึงกิตติศัพท์ของพระเถระลังกาว่า<b> <span style="color: #660000;">"น่าเลื่อมใส"</span></b> จึงได้เชิญพระเถระลังกาที่เผยแพร่ธรรมอยู่ที่นครศรีธรรมราช ให้มาเผยแผ่พุทธศาสนาสู่อาณาจักรสุโขทัย<br />
<br />
พุทธศาสนาจึงเริ่มเจริญรุ่งเรืองในสยามประเทศ นับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา<br />
<br />
ดังนั้นเราจึงเรียกศาสนาพุทธนิกายเถรวาทในไทยว่า <b><span style="background-color: white; color: blue;">ลังกาวงศ์</span></b><br />
<br />
จนเมื่อช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของคนไทย ขณะที่ลังกาในเวลานั้น ศาสนาพุทธในศรีลังกาได้ตกต่ำลงมาก จนไม่เหลือพระภิกษุในลังกาเลยสักรูป เหลือเพียงสามเณรเท่านั้น<br />
<br />
เหตุที่พุทธศาสนาในศรีลังกาตกต่ำลง ก็เพราะมีปัญหาสงครามจากต่างชนเผ่า และปัญหาจากพวกต่างศาสนามารุกราน<br />
<br />
<br />
จนเมื่อภาวะสงครามในลังกาทุเลาลง กษัตริย์ลังกาในยุคนั้น จึงได้ส่งคณะราชทูตมากรุงศรีอยุธยาในสมัยของ<b>สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ</b> เพื่อขอให้ไทยช่วยส่ง<b>สมณทูต</b>ภิกษุไทยไปฟื้นฟูพุทธศาสนาในศรีลังกา<br />
<br />
กรุงศรีอยุธยาจึงได้ส่ง<span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>พระอุบาลี แห่งวัดธรรมาราม อยุธยา</b></span></span> ไปฟื้นฟูพุทธศาสนาให้ศรีลังกาจนรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน<br />
<br />
ดังนั้นพุทธศาสนานิกายเถรวาทของศรีลังกาในปัจจุบันนี้ จึงมีชื่อเรียกว่า <b><span style="color: #cc0000;">สยามวงศ์</span></b> ซึ่งมีที่มาจากการที่สยามประเทศส่งพระภิกษุมาช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาให้ศรีลังกา<br />
<br />
<span style="color: #666666;">อ่านเรื่องพระอุบาลีและสยามนิกายโดยละเอียดได้ที่</span> <a href="https://bit.ly/2rluQqw" target="_blank">https://bit.ly/2rluQqw</a><br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/ZtFBall.jpg" width="500" /><br />
<br />
เราจึงเห็นได้ว่า <b>พระสงฆ์</b> จึงเป็น<u>เสาหลักค้ำยัน</u>พระพุทธศาสนาที่สำคัญมาก เพราะศาสนาพุทธที่เจริญรุ่งเรืองและเผยแผ่มาถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีช่วยเผยแผ่<br />
<br />
หากใครเลือกจะไม่นับถือพระสงฆ์ หรือเลือกจะไม่ทำบุญกับพระสงฆ์ จัดเป็นมิจฉาทิฏฐิ อย่างหนึ่ง และเป็น<b>สีลลัพพตปรามาส</b> <span style="color: #666666;">(ความหลงผิด)</span> อย่างหนึ่ง<br />
<br />
ซึ่งจะเป็นเหตุขัดขวางการสำเร็จโสดาบันได้เลย ซึ่งถือเป็นอันตรายมากสำหรับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น พุทธศาสนิกชน<br />
<br />
ต่อให้เราไปตักบาตรกับ<b>พระปลอม</b> หรือทำบุญกับ<b>พระทุศีล</b><br />
<br />
หากเราไม่รู้ว่า พระรูปนี้ท่านทุศีล หรือแม้กระทั่งเราไปตักบาตรให้คนที่ปลอมเป็นพระ โดยที่เราไม่รู้ แต่เราก็ยังได้กุศลจากการตักบาตรเต็มเปี่ยมเหมือนทำบุญกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นกัน<br />
<br />
เหตุพราะ<b>บุญกุศลนั้นสำเร็จได้ด้วย<span style="color: #cc0000;">ใจ</span>เป็นหลัก</b> โดยมี<span style="color: #990000;"><b>กาย</b></span>เป็นรองคอยสนับสนุน<br />
<br />
ซึ่งถ้าใครตั้งข้อรังเกียจการทำบุญกับพระสงฆ์แบบเหมารวม ว่า พระเดี๋ยวนี้หาดียาก จนหยุดบำรุงดูแลพระภิกษุตามสมควร<br />
<br />
นั่นถือว่า เป็นแนวคิดที่ทำลายพุทธศาสนาได้เลย<br />
<br />
----------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">ข้อคิดเรื่อง "พระไม่ดี" จาก หลวงปู่ชา สุภัทโธ </span></b><br />
<br />
<b><span style="color: blue;">โยม</span></b> : หลวงปู่ครับ ผมจะขอนับถือแค่ พระพุทธ กับ พระธรรมนะครับ เพราะพระสงฆ์ทุกวันนี้ มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย ผมว่าพระแท้ ๆ หมดแล้วจากพุทธศาสนาไปแล้ว !!!<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">หลวงปู่</span></b> : <span style="background-color: white;">ถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่า โยมก็ไม่นับถือ อาตมาด้วยสิ</span><br />
<br />
<b><span style="color: blue;">โยม</span></b> : เปล่าครับ ๆ หลวงปู่ ผมยังเคารพศรัทธาหลวงปู่เหมือนเดิม<br />
<br />
<span style="color: #cc0000;"><b>หลวงปู่</b></span> : <span style="background-color: white;">อ้าว ! ไหนว่าไม่นับ ถือพระสงฆ์ไงล่ะ</span><br />
<br />
<b><span style="color: blue;">โยม</span></b> : เว้นหลวงปู่สิครับ<br />
<br />
<span style="color: #cc0000;"><b>หลวงปู่</b></span> : <span style="background-color: white;">เว้นหลวงปู่ก็แสดง ว่า หลวงปู่ก็ไม่ใช่พระสงฆ์สิ</span><br />
<br />
<b><span style="color: blue;">โยม</span></b> : <span style="color: #444444;">(ทำหน้าเหมือนคิดหนัก)......</span><br />
<br />
<span style="color: #cc0000;"><b>หลวงปู่</b></span> : <span style="background-color: white;">โยม ! เวลาเขาหาเอาทองคำนั้น เขาไปหามาจากที่ไหน</span><br />
<br />
<b><span style="color: blue;">โยม</span></b> : ไปขุดดินแล้วร่อนแยกเอาทองมาครับ<br />
<br />
<span style="color: #cc0000;"><b>หลวงปู่</b></span> : <span style="background-color: white;">ดินมากหรือทองมาก</span><br />
<br />
<b><span style="color: blue;">โยม</span></b> : ดินมากครับผม ร่อนจากดินมาก ได้ทองแค่นิดเดียว<br />
<br />
<span style="color: #cc0000;"><b>หลวงปู่</b></span> : <span style="background-color: white;">มันก็เหมือนพระสงฆ์นั่นแหละ พระสงฆ์ก็ร่อนมาจากลูกชาวบ้าน ลูกสมมติ พระสงฆ์ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์แล้วมาบวชเมื่อไหร่</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">มันก็มีดีบ้างเสียบ้าง จะให้ดีหมด มันก็ทำไม่ได้ ...จะให้มันเสีย หมดก็ทำไม่ได้ ...</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ส่วนที่มันเป็นดินก็ อย่าเอา.....</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ให้เอาส่วนที่มันเป็นทองสิ ....</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ถ้าเชื่อหลวงปู่ ... ถ้าเคารพหลวงปู่ ก็จงเชื่อว่า ...</span><br />
<span style="background-color: white;">พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีมากมาย <span style="color: #990000;">อย่าเหมาพระว่าไม่ดีทั้งหมด </span></span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ขนาดคุณ ยังมีข้อเสีย จะให้ดีทั้งหมดทั้งโลกก็ไม่ได้</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;"><b>พระรัตนตรัย</b> เหมือน<span style="color: #990000;"><b>ไม้สามลำ</b></span>ค้ำกันไว้ เอาออกอันหนึ่งมันก็ล้ม จำไว้ ....</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">พระ ก็คือนักเรียน </span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ผู้เป็น<b><span style="color: #990000;">อริยะ</span></b> คือ <b>ผู้สอบผ่าน</b></span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ผู้ประพฤติไม่เหมาะสม คือ <b>ผู้สอบตก </b></span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ให้สงสารคนสอบตก อย่าไปเกลียดคนสอบตก เพราะไม่มีใครอยากจะสอบตก เข้าใจนะ !</span><br />
<br />
--------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">สรุปท้ายบทความ</span></b><br />
<br />
ดังนั้น พวกเราชาวพุทธมีหน้าที่ต้องบำรุงพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ จึงควรบำรุงพระสงฆ์ตามสมควร<br />
<br />
แต่ต้องเป็นการบำรุงพระสงฆ์อย่างมีสติและปัญญา ไม่ใช่นึกแต่แค่<b>ทำบุญหวังผลบุญ</b>ด้วยความ<b><span style="color: blue;">โลภ</span></b> ซึ่งนั่นจะเป็นการทำร้ายพระสงฆ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้<br />
<br />
<a href="http://akecity3.blogspot.com/2016/03/blog-post.html" target="_blank"><b><span style="background-color: yellow; color: black;">แนะนำคลิกอ่าน</span></b> อย่าทำบุญพระจนเกินความพอดีของการเป็นภิกษุ</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2018/05/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-35373711101756015712018-02-04T03:43:00.000+07:002018-08-01T17:41:45.262+07:00ทัศนคติผู้หญิงจำนวนมากส่งเสริมให้ผู้ชายผิดศีล<br />
<br />
<br />
<br />
ผู้หญิงจำนวนมากชอบผู้ชายเจ้าชู้ อ้างว่า <b><span style="color: blue;">ผู้ชายเจ้าชู้มักมีเสน่ห์</span></b><br />
<br />
แต่พอแต่งงานอยู่กินกันไป ผู้หญิงก็มานั่งทุกข์ นั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าเอง ที่สามีไปมีกิ๊ก ไปมีเมียน้อย<br />
<br />
บางรายแย่กว่านั้น พอสามีมี<b>กิ๊ก</b> ตัวเองเสียใจ เหงา พอไปเจอผู้ชายเลว ๆ ที่แสร้งมาทำดีด้วย ตัวเองเลยมีชู้บ้างซะเลย ก็เลยพากัน<b>ลงนรก</b>กันทั้งผัวทั้งเมีย ทั้งชู้ ทั้งกิ๊ก เวียนว่ายตายเกิดในบาปกรรมลิขิตไม่จบสิ้น<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/EaZps4A.jpg" width="490" /><br />
<br />
<span style="color: blue;"><b>กิเลสตัณหา</b></span> ยามเมื่อเกิดขึ้นกับใคร มันเป็นเรื่องยากนักที่จะระงับใจได้ ยิ่งถ้าพบเจอคนที่ถูกใจกันมาหลายภพหลายชาติ ก็ยิ่งยากเกินกว่าจะหักห้ามใจ<br />
<br />
แต่หากความถูกใจนั้นเป็นการละเมิดศีลธรรม ก็ต้องรู้จักหักห้ามใจให้ได้<br />
<br />
เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์ประเสริฐ ที่ต้องมี<b>หิริโอตับปะ</b> คือ ความละอายเกรงกลัวต่อบาป หากคนเราไม่สามารถระงับยับยั้งใจในสิ่งที่ผิดศีลธรรมได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับ<b><span style="color: #990000;">สัตว์เดรัจฉาน</span></b>ตัวนึง<br />
<br />
-----------------------<br />
<br />
ผู้หญิงจำนวนมากยอมรับผู้ชายสูบบุหรี่ กินเหล้าได้ เพราะดูแมนดี<br />
<br />
แล้วพอแต่งงานอยู่กินกันไป สามีขับรถไปกินเหล้ากับเพื่อน ก็มานั่งทุกข์ นอนไม่หลับ เพราะคอยเป็นห่วงความปลอดภัยของสามี<br />
<br />
หลายรายแย่กว่านั้น สามีตายเพราะ<b>ตับแข็ง</b> แถมเมียยังมีส่วนซื้อเหล้าให้ผัวกินมาตลอดด้วย <span style="color: #666666;">(สามีช่วยให้เมียร่วมผิดศีลข้อ 5 จัดหาสุรามาประเคนเอาใจสามี)</span><br />
<br />
แถมบางราย ลูกดันโตขึ้นมาติดเหล้า ติดบุหรี่เหมือนพ่อ และตายเหมือนพ่อ <span style="color: #666666;">(เคยมีกรณีเพื่อนผมเอง)</span><br />
<br />
แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ สามีตายจาก<b><span style="color: #cc0000;">อุบัติเหตุเมาแล้วขับ</span></b> นี่แหละ ตายไปแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ลูกเมีย พ่อแม่ ทำใจไม่ได้ รับไม่ได้ที่คนที่เขารักจากไปอย่างกะทันหัน<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/T86Tfm4.jpg" width="500" /><br />
<br />
ลูกบางคนเกิดมาเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดจากผลของควันบุหรี่มือสองของพ่อก็มี<br />
<br />
แถมควันบุหรี่ช่วยเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น<br />
<br />
ผู้หญิงจำนวนมากได้โชค 2 ชั้น คือได้สามีทั้งกินเหล้า ทั้งเจ้าชู้ แถมสามียังเอาตำแหน่ง<b>เมียหลวง</b>มาฝากให้ใช้อีกด้วย <br />
<br />
นี่คือตัวอย่างของคำว่า <span style="color: blue;"><b>พวกศีลเสื่อมเสมอกัน</b></span> มักจะมาได้กัน เพราะตอนไปเจอผู้ชายดี ๆ ดันบอกเลิกเขาด้วยเหตุผลว่า <span style="color: #cc0000;"><b>เธอดีเกินไป</b></span> (น่าเบื่อ)<br />
<br />
ทั้งหมดนี้ คือ ทุกข์ที่เกิดจาก<b>มิจฉาทิฏฐิ</b>ของผู้หญิงเองแท้ ๆ<br />
<br />
----------------<br />
<br />
<span style="color: purple;">การรักษาศีลห้าคือบารมีขั้นพื้นฐานของการนำไปสู่หนทางแห่งอริยมรรค คือ นิพพาน</span><br />
<br />
ที่ผมเขียนเล่ามาทั้งหมด ไม่ได้บอกว่า ผู้ชายติดเหล้า หรือผู้ชายติดบุหรี่ เป็นคนไม่ดีนะ อันนี้<u>ขอให้แยกแยะ</u><br />
<br />
แต่อบายมุขทั้งหลาย มันเป็นเหตุพาให้ชีวิตตัวเองและครอบครัวเสื่อมลงได้ โดยเฉพาะการรักษาศีล 5 เป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของการได้เกิดเป็นมนุษย์<br />
<br />
หากคนเราไม่สามารถรักษาศีล 5 ไว้ได้ โอกาสตกในนรกภูมิและอบายภูมิจึงมีสูง จนยากที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างบารมีเพื่อความหลุดพ้นได้ง่าย ๆ อีกครั้ง<br />
<br />
---------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ผู้หญิงเปลี่ยนแปลงโลกได้ยิ่งกว่าผู้ชายนะ ถ้าตั้งใจแน่วแน่</span></b><br />
<br />
มีดาราหญิงคนนึง ที่ผมชื่นชมมากนั่นคือ <span style="color: blue;"><b>คุณกมลชนก เขมะโยธิน</b></span> หรือ อดีตก็คือ คุณกมลชนก โกมลฐิติ นางเอกละครชื่อดังในอดีต<br />
<br />
เมื่อครั้งที่คุณกมลชนก เป็นแฟนกับคุณน็อต <b>นุติ เขมะโยธิน</b> สิ่งหนึ่งที่เธอยื่นคำขาดต่อคุณน๊อต ก็คือ <span style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;"><b>ถ้าคุณน็อตไม่เลิกสูบบุหรี่ เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับคุณน๊อต เด็ดขาด</b></span></span><br />
<br />
คุณกมลชนก เป็นผู้หญิงไทยที่ใจเด็ดมาก ๆ ที่กล้าประกาศเช่นนั้นกับคนรัก แต่มันคือเจตนาที่ดีต่อคุณน๊อตเอง และมันก็จะดีต่อครอบครัวของพวกเขาในอนาคตด้วย<br />
<br />
จากกรณีคุณกมลชนก ที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างนี้ ก็เพื่อจะบอกคุณผู้อ่านว่า<br />
<br />
ผู้หญิงที่ดีต้องช่วยกันนำพาชีวิตของผู้ชายที่เธอรักให้ดีขึ้นในทุกด้าน<br />
<br />
<b>ที่สำคัญที่สุด</b>คือ ถ้าผู้ชายคนใดรักผู้หญิงที่เขารักจริง ๆ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟขึ้นเขาลงห้วย เสี่ยงภยันอันตรายสักแค่ไหน ผู้ชายที่มีรักแท้เขาจะทำเพื่อผู้หญิงที่เขารักได้เสมอ<br />
<br />
กะอีแค่เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ หรือแม้กระทั่งเลิกเจ้าชู้ หากมีความตั้งใจจริงและรักผู้หญิงของเขาจริง ๆ ผู้ชายทุกคนย่อมทำได้แน่นอนครับ<br />
<br />
ถ้าผู้ชายทำไม่ได้ คุณผู้หญิงต้องเด็ดขาด แล้วคุณก็จะได้ผู้ชายดี ๆ ที่ดีจริง ๆ รักคุณจริง ๆ<br />
<br />
ผู้หญิงคือเพศแม่ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ <br />
<br />
ลองนึกดูนะว่า <b>ถ้าผู้หญิงตั้งปณิธานไว้ว่า จะไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้ขายดื่มเหล้า</b><br />
<br />
ประเทศชาติสังคมไทยจะดีขึ้นขนาดไหน !!<br />
<br />
<a href="http://kaeake.blogspot.com/2018/07/blog-post.html" target="_blank"><span style="font-size: large;"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> เหตุผลที่ไม่อาจตัดใจจากคนที่ทำให้เราเจ็บได้</span></a><br />
<br />
<script type="text/javascript">
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script><br />
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2018/02/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-62533705035628865932017-12-05T03:04:00.002+07:002017-12-10T00:22:58.571+07:00ชั่งแม่.. แต่ได้บุญมหาศาล<br />
<br />
<br />
ที่จริงบทความนี้ผมเขียนถึง<b>แม่บังเกิดเกล้า</b>ของผมเอง <br />
<br />
ก่อนอื่นเรามารู้จักรากศัพท์ของคำว่า <b><span style="background-color: white; color: blue;">ชั่งแม่</span></b> ก้นก่อนครับ <br />
<br />
คำว่า <b>ชั่งแม่</b> ที่จริงก็คือคำที่มาจากคำว่า <b><span style="color: #cc0000;">ชั่งแม่ง</span></b> นั่นแหละ ซึ่งมีความหมายว่า <span style="color: #990000;">ไม่แยแส ไม่ใส่ใจ ชั่งมัน ชั่งหัวมัน</span><br />
<br />
แต่คำว่า <b>ชั่งแม่ง</b> เดิมมาจากคำเต็ม ๆ คือคำว่า <b><span style="color: blue;">ชั่งแม่มึง </span></b><br />
<br />
แล้วกร่อนเสียงคำว่า <b>แม่มึง</b> เหลือแค่คำ <span style="color: blue;"><b>แม่ง</b></span> (แม่มึง) เท่านั้น<br />
<br />
ดังนั้น <b>ชั่งแม่ง</b> จึงมีรากศัพท์มาจาก <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;">ชั่งแม่มึง</span></span> นั่นเองครับ<br />
<br />
--------------------------<br />
<br />
เข้าเรื่องนะ พ่อผมเสียชีวิตไปกว่า 20 ปีแล้ว แต่ถึงจะไม่มีพ่อ แต่แม่ผมก็ทำหน้าที่ดูแลลูก ๆ ได้สมบูรณ์แบบมาก จนผมกับน้องชายไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่นแต่อย่างใดที่ไม่มีพ่อแล้ว<br />
<br />
ซึ่งแม่ผมแม้จะเก่ง และดีเลิศสุด ๆ ก็ตาม แต่<b>ข้อเสียของแม่</b>อย่างหนึ่งก็คือ แม่จะเป็นคนที่<b>ขี้โมโห</b>ง่ายมาก ๆ แถมยังดุมาก ๆ มาตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ <br />
<br />
ดังนั้น ผมกับแม่จึงมีปากมีเสียงเถียงกับแม่เป็นประจำแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ เพราะผมดันมี<u>สันดานชอบเถียง</u>แม่ที่แก้ไม่เคยหาย<br />
<br />
จนกระทั่งเมื่อปี 2553 แม่ผมประสบอุบัติเหตุ จนกระทบกระเทือนสมองอย่างรุนแรง จนเข้าขั้นโคม่า <br />
<br />
แม่ได้รับการผ่าตัดสมองครั้งแรกก็ยังอาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งหมอบอกว่า ต้องผ่าตัดครั้งที่ 2 แล้วบอกให้ลูก ๆ เตรียมใจไว้ก่อนว่า แม่อาจตาย หรืออาจเป็นเจ้าหญิงนิทรา หรืออาจฟื้นมาแต่จำใครไม่ได้ หรืออาจต้องพิการนอนเตียงตลอดชีวิต<br />
<br />
ในตอนนั้นผมกับน้องชาย เครียดมาก คิดถึงขนาดว่า ไม่ต้องผ่าตัดครั้งที่ 2 ดีไหม <b>ปล่อยให้แม่ตายไปอย่างสบาย ๆ ไม่ต้องมาลำบากนอนพิการหรือนอนไม่รู้เรื่องบนเตียงดีไหม</b><br />
<br />
แต่สุดท้าย ผมกับน้องก็เสี่ยงที่จะผ่าตัดแม่อีกครั้ง แต่ย้ายโรงพยาบาลไปผ่าตัดอีกแห่ง <br />
<br />
ซึ่งเหมือนผมกับน้องยังมีบุญที่จะได้อยู่กับแม่ต่อไป เพราะแม่ผมมีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากการผ่าตัดครั้งที่ 2<br />
<br />
แล้ววันหนึ่งแม่ก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับจำผมและน้องชายได้ <br />
<br />
แต่หลังการผ่าตัดแล้ว <b>สิ่งที่แม่ต้องบกพร่องไปก็คือ</b> <span style="background-color: white;">การใช้ภาษาและการสื่อสารของแม่จะแย่ลง เพราะเนื้อสมองด้านซ้ายบางส่วนถูกตัดทิ้งไป</span><br />
<br />
เมื่อผ่านเหตุการณ์อุบัติเหตุมาหลายปี แม่ผมก็กลับมาช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันส่วนตัวได้<br />
<br />
แต่เรื่องการใช้ภาษาและการสื่อสารของแม่ก็ยังมีปัญหาอยู่พอควร ผมก็ต้องเดา ๆ ไปตามสถานการณ์ว่า แม่กำลังสื่อสารเรื่องอะไร บางทีแม่พูดถูกต้องเป๊ะ ๆ แต่ส่วนใหญ่แม่จะชอบใช้คำอะไรที่ไม่ตรงกับความหมายเลย เช่น บางทีก็เรียก ทีวี เป็นพัดลม หรือเรียกเป็นคำอะไรก็ไม่รู้มั่วไปหมด แต่เราก็จะเดาตามเหตุการณ์พอได้ว่าแม่กำลังสื่อถึงอะไร เพราะผมชินแล้ว<br />
<br />
อย่างชื่อเล่นของน้องชายผมเนี่ย แม่แทบไม่เคยเรียกถูกเลย เรียกเป็นชื่อโน้นชื่อนี้ มั่วไปหมด แม้แต่ชื่อผมเอง แม่ก็เรียกถูกบ้างผิดบ้าง<br />
<br />
แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าแม่จะเรียกชื่อผมกับน้องชายถูกหรือผิด เพราะแค่แม่จำผมกับน้องได้ว่า <b>เป็นลูกของแม่</b> แค่นี้ก็สุดยอดแล้วล่ะ จริงไหม<br />
<br />
นาน ๆ แม่ก็เรียกชื่อน้องชายผม หรือชื่อผม ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นได้ถูกเป๊ะ ๆ เหมือนกัน แล้วแต่อารมณ์สมองของแม่<br />
<br />
แต่ที่แม่พูดบ่อย ๆ คือ <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"ข้าจำชื่อข้าได้คนเดียวก็พอ"</span></i><br />
<br />
ซึ่งก็จริงตามที่แม่ว่า แม่จำชื่อของแม่ได้จริง ๆ แต่นามสกุล แม่กลับไปจำเป็น<b>แซ่เดิม</b>ของแม่แทน 555<br />
<br />
---------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">คำด่าของแม่คือคำอวยพรที่ดีสุด ๆ </span></b><br />
<br />
ตั้งแต่แม่ยังนอนโรงพยาบาลหลังการผ่าตัดสมอง มีสิ่งหนึ่งที่แม่พูดได้ชัดเจนมาก คือ<b>คำด่า </b><br />
<br />
ตอนนั้นแม่พูดแทบไม่รู้เรื่อง แต่เวลาไม่พอใจนะ ด่าได้เป๊ะมาก ๆ โดยเฉพาะคำว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><b><span style="color: blue;">"อีห่าราด"</span> </b></span></i> เป็นคำที่แม่ใช้ด่าบ่อยที่สุด<br />
<br />
ทุกวันนี้เวลาแม่ผมจะกินยาหลังอาหารนะ บางวันแม่เกิดอารมณ์ไม่ดี แม่จะโมโหแล้วถามว่า <span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i>"ยาห่าเนี่ยอะไรเยอะแยะ"</i></span><br />
<br />
ผมก็จะตอบว่า กินไปเถอะน่าแม่<br />
<br />
แม่ก็จะหงุดหงิดแต่ก็กินยา แต่ก่อนกินแม่จะด่าว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"ดี ๆ กิน ๆ ไปให้มันตายเร็ว ๆ ไปเลย อีห่าราด"</span></i><br />
<br />
555 ผมขำ ผมขำแม่จริง ๆ เพราะเดี๋ยวนี้ ผมไม่เคยนึกโกรธอะไรแม่เลย เวลาแม่บ่น หรือเวลาแม่ด่า หรือเวลาแม่โมโหอะไรโน่นนี่ แม่ยังมีเรื่องบ่นโน่นนี่ได้ตลอด ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าแม่กำลังบ่นเรื่องอะไร <br />
<br />
ทุกวันนี้ <b><span style="color: #990000;">คำด่าของแม่ เสียงแม่บ่น มันคือสิ่งที่ไพเราะเสนาะหูที่สุดของผมไปแล้ว </span></b>ผมคิดเสียว่า คำด่าของแม่ก็คือคำอวยพรให้เราต่างหาก ผมก็เลยขำทุกครั้งที่แม่ด่า<br />
<br />
คิดซะว่า มีแม่อยู่บ่นอยู่ด่าสิดี ดีกว่าไม่มีแม่คอยบ่นคอยด่าเราจริงไหม อยากให้แม่บ่นด่าแบบนี้ไปนาน ๆ แหละ 555<br />
<br />
ถ้าเราไม่อารมณ์เสียไปกับคำด่าของแม่ แต่เราขำ ๆ ไปแทน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติได้รวดเร็ว เพราะแม่ก็ชอบด่าไปเรื่อยอย่างนั้นแหละ ก็แม่เป็นคนขี้โมโหง่ายนี่นามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อิอิ<br />
<br />
แต่เวลาแม่ชักจะเลยเถิดในการบ่น ผมก็จะมักเปลี่ยนเรื่องด้วยการหาเรื่อง หอมแก้มแม่ซ้ายทีขวาที บางทีก็แกล้งหอมแม่ไม่ยอมหยุด จนโดนแม่ด่าว่า<br />
<br />
<i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"นี่ เมื่อไหร่จะหยุด หา!! จะหอมวันกี่ทีหา เบื่อ!!"</span></i><br />
<br />
ผมก็จะขำทุกครั้งที่แม่บ่นแบบนี้ แต่ที่จริงถึงแม่บ่นแต่แม่ก็ชอบที่ลูก ๆ หอมแม่นะ จะมีรำคาญบ้างที่หอมบ่อยเกินไปนี่แหละ 555<br />
<br />
------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">คำถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ ของแม่ ที่ผมไม่เคยเบื่อ</span></b><br />
<br />
แม่ผมจะมีคำถามที่ถามทุกวันคือ <b>วันนี้วันอะไร</b> หรือ <b>วันนี้วันที่เท่าไหร่ </b><br />
<br />
บางทีแม่<u>ตั้งใจ</u>จะถามว่า <b>วันนี้วันที่เท่าไหร่</b> แต่บางทีแม่กลับไปถามว่า วันนี้วันอะไร หรือ เดือนนี้เดือนอะไร แทน<br />
<br />
พอผมตอบไม่ตรงกับคำถามที่แม่ต้องการจะรู้จริง ๆ ก็ต้องสื่อสารอธิบายกันหลายรอบ<br />
<br />
แล้วพอแม่รู้และเข้าใจคำตอบแล้ว แม่ก็จะด่าผมว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"คนอะไรพูดไม่รู้เรื่อง" </span></i><br />
<br />
ที่จริงแม่ถามไม่รู้เรื่องกับฟังไม่รู้เรื่องต่างหาก แต่แม่กลับด่าผมแทนว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"เอ็งนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง"</span></i> ตลอด 555<br />
<br />
บางทีแม่ด่าผมเป็น<b>ภาษาไหหลำ</b>มั่ว ๆ ก็มีด้วยนะ ผมก็จะขำแล้วถามแม่ว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"โหมีด่าภาษาจีนด้วย"</span></i> 555<br />
<br />
คือแต่ก่อนแม่จะพูดภาษาไหหลำได้บ้างเป็นบางคำ แต่เดี๋ยวนี้แม่เอามาแต่สำเนียงไหหลำ แต่ภาษามั่วน่ะ 555<br />
<br />
หรือบางทีมีด่าเป็นภาษาอังกฤษเช่นด่าว่า <b><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">Stupid</span></b> ด้วย แล้วพอผมถามว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"แปลว่าอะไรอะแม่"</span></i><br />
<br />
บางทีแม่ก็ตอบถูกว่า แปลว่า<b>โง่</b> แต่บางทีแม่ก็บอกจำไม่ได้ แถมบางทีด่าเป็นภาษาอังกฤษประโยคยาว ๆ ก็มีนะ แต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง เพราะแม่ก็เอามาแต่สำเนียงเท่านั้น<br />
<br />
ไอ้เรื่องถามคำถามเรื่องวันที่ หรือ วันอะไร เนี่ย บางทีแม่ผมถามวันละหลายรอบเลยล่ะ ทั้ง ๆ ที่แม่ก็เดินไปขีดวันที่ ๆ ปฏิทินเองทุกวัน แต่บางทีแม่ก็ขี้เกียจเดินไปดู ก็จะถามผมเรื่อยว่า วันนี้วันอะไร<br />
<br />
ยิ่งถ้าน้องชายผมไปทำงานต่างจังหวัดนะ แม่จะถามวันละเกือบสิบรอบว่า น้องผมกลับวันไหน <br />
<br />
จนบางทีผมก็แกล้งแซวว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"นี่ถามครั้งที่ 10 แล้วนะ ตอบคราวนี้แล้วแม่ห้ามถามอีกแล้วนะ"</span></i><br />
<br />
แม่ก็รับปากว่า จะไม่ถามอีก มันจะกลับวันไหนก็ชั่งมัน แต่ผ่านไปสักพัก เดี๋ยวได้มาถามอีกละ 5555<br />
<br />
ทุกวันนี้ บางทีผมก็ขี้เกียจตอบคำถามซ้ำ ๆ ของแม่นะ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะตอบให้แม่รู้ เพราะลองไม่ตอบสิ เดี๋ยวมีอารมณ์เสียแล้วด่าอีกยาว 5555<br />
<br />
ผมก็นึก ๆ ดูว่า มีแม่คอยถามคำถามซ้ำ ๆ นี่แหละ ดีที่สุดแล้ว บางทีก็ได้แหย่แม่แซวแม่ไปด้วย มีความสุขจะตาย<br />
<br />
ขอให้แม่ได้อยู่ถามคำถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับผมนาน ๆ เถอะ ผมชอบตอบทุกคำถามของแม่แล้วล่ะ 555<br />
<br />
-------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">แม่ผมผู้ขยันทิ้งของเกะกะ </span></b><br />
<br />
วันที่ผมกับน้องไม่อยู่บ้าน เวลาแม่อยู่คนเดียว แม่จะขยันเก็บของเหลือใช้ ของเก่า ๆ ที่แม่เคยเก็บสะสมไว้ ไปจนกระทั่งของสะสมดี ๆ ที่ผมกับน้องเก็บไว้ เอาไปขายเจ๊กขายขวดบ้าง เอาไปทิ้งขยะบ้าง เอาไปขายรถรับซื้อของเก่าบ้างจนหมด<br />
<br />
ทั้ง ๆ ที่ ของทั้งหลายส่วนใหญ่แม่เก็บสะสมไว้เองทั้งนั้น แต่พอแม่มีปัญหาทางสมองที่ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม แม่จะเห็นของอะไรที่วางทิ้งไว้นาน ๆ แล้วไม่มีใครเอาไปใช้ไม่ค่อยได้<br />
<br />
แม่จะบอกว่า <b>เก็บไว้ทำไม เกะกะ สกปรก</b> แล้วแม่ก็จะเก็บเอาไปทิ้งบ้างขายบ้างตามแต่แม่จะตัดสินใจ <br />
<br />
ไอ้ของหลายอย่าง พวกจานชาม พลาสติก แก้วน้ำ แก้วเซารามิค หรือพวกของใช้ในครัว หรือของใช้ที่เป็นพลาสติกเก่า ๆ อะไรพวกนี้ที่แม่ผมทิ้งไป ผมก็ไม่ได้เสียดายอะไร <br />
<br />
เดี๋ยวนี้บ้านผมก็ดูโล่งขึ้นเยอะ จากอดีตที่แม่เป็นคนชั่งเก็บ กลับกลายเป็นคนชั่งทิ้ง จัดการเก็บกวาดข้าวของเหลือใช้จนบ้านรกน้อยลง ซึ่งผมก็ว่าดีนะ<br />
<br />
แต่ปัญหาคือ ของมีราคา ของมีค่า หรือของมีคุณค่าหลายอย่างนี่สิ แม่ผมดันเก็บไปทิ้งด้วยจนหมด<br />
<br />
อย่างเครื่องกรองอากาศเก่าเก็บที่ไม่ได้ใช้แต่ยังสภาพดี แม่ก็ขายไปยี่สิบบาท <br />
<br />
หรืออย่างเครื่องดูดฝุ่นเก่าเก็บไม่ได้ใช้ แต่ยังใช้งานได้ปกติ แม่เก็บไปขายแค่ 40 บาท และอื่น ๆ ที่ผมกับน้องนึกไม่ออกจำไม่ได้ ก็คงมีอีกเยอะที่แม่จัดการทิ้งไปแล้ว<br />
<br />
โอเค ผมยังพอเข้าใจนะ อะไรไม่ได้ใช้ก็ทิ้ง ๆ ไปซะ ขี้เกียจทะเลาะกับแม่เรื่องนี้ แต่ผมก็แกล้งทำเป็นโมโหบ้าง เพื่อให้แม่เพลา ๆ ลง <br />
<br />
อย่างที่ผมเสียดายมาก ๆ แต่แม่เก็บทิ้งตอนไหนก็ไม่รู้ เช่นเทปเพลงเก่า ๆ ซีดีเก่า ๆ หรือ วิดีโอหนังเก่า ๆ ที่ผมกับน้องเก็บสะสมไว้ อย่างเช่น <b><span style="color: blue;">เทปเพลงดิโอฬารโปรเจค ชุดกุมภาพันธ์ 2528 </span></b><br />
<br />
<span style="background-color: white;">เพราะตอนน้องผมเรียน ม.2 ที่นครปฐม เคยไปเดินหาซื้อเทปชุดกุมภาพันธ์ 2528 ของดิโอฬารโปรเจค ชุดนี้ในตลาดนครปฐม ซื้อมาในราคาม้วนละ 250 บาทจากราคาปกเดิม ๆ คือ 70 บาท</span><br />
<br />
เพราะมันก็กลายเป็นของสะสม ของหายากแล้วในสมัยนั้น ราคาก็เลยแพงขึ้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ตอนนี้ ก็น่าจะม้วนละหลักพันแล้วล่ะ<br />
<br />
ดิโอฬารโปรเจค ทั้งชุดกุมภาพันธ์ 2528 ทั้ง<b>ชุดหูเหล็ก</b> แบบออริจินอล แม่ผมเก็บทิ้งหมด 555<br />
<br />
ยังมีเทปเพลงเก่า ๆ วิดีโอเก่า ๆ วีซีดีหนังเก่า ๆ อีกเพียบ ที่แม่เก็บทิ้งจนไม่เหลือสักม้วนสักแผ่นในบ้านผม แต่ก็ชั่งเถอะ เดี๋ยวนี้มียูทูปแล้ว อยากฟังอะไร อยากดูอะไรก็ไปหาเอา<br />
<br />
ขนาดวิดีโอหนังเรื่อง<b><span style="color: blue;">ไททานิค</span></b> ซื้อตอนหนังออกใหม่ ๆ เมื่อร่วม ๆ 20 ปีก่อน ชุดละ 750 บาท ตอนนี้แม่ก็คงจัดการทิ้งไปแล้วแหง ๆ<br />
<br />
แม้แต่นาฬิกาดี ๆ ที่น้องผมเก็บไว้หลายเรือนในลิ้นชัก ที่มีคนซื้อให้น้องชายผมเป็นของขวัญวันเกิดบ้าง ปีใหม่บ้าง นับสิบเรือน หรือนาฬิกาดี ๆของผมอีก 2-3 เรือนที่ไม่ได้ใช้ก็อันตรธานหายไปไหนหมดก็ไม่รู้<br />
<br />
พอถามแม่ว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"แม่เอาไปขายหมดแล้วเหรอ"</span></i><br />
<br />
แม่จะบอก <span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i>"ไม่เคยเอาไปขายเลย อย่ามาโทษกูนะ"</i></span> 555<br />
<br />
หรืออย่าง <b><span style="color: blue;">หนังสือรุ่นโรงเรียนปานะพันธุ์</span></b>ของผม 3 เล่ม หรือ<b><span style="color: blue;">หนังสือรุ่นโรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทย์</span></b> ของน้องชายผมอีก 2 เล่ม<br />
<br />
วันที่ผมกับน้องไม่อยู่บ้าน แม่ผมนั่งตัดหนังสืออนุสรณ์กลายเป็นเศษกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปจนหมด แล้วเก็บใส่ถุงรอชั่งกิโลขาย <br />
<br />
พอผมกลับมาเห็น หัวใจแทบสลาย<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"> "แม่ ๆ ตัดทิ้งทำไมเนี่ย หนังสืออนุสรณ์ ของหาไม่ได้แล้วนะ ของมีราคานะนี่"</span></i><br />
<br />
แม่บอก <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"จะเก็บไว้ทำไม เกะกะ"</span></i> 5555<br />
<br />
หนังสืออนุสรณ์ของโรงเรียน ตอนซื้อเมื่อสมัย 30 กว่าปีก่อน ราคาเล่มนึงก็ไม่ใช่ถูก ๆ นะ เล่มละสองสามร้อยบาทนะนั่น<br />
<br />
แต่แม่ผมตัดทิ้งซะเหลือโลละ 3 บาทเลย 555<br />
<br />
แต่หลัง ๆ มานี่ แม่ไม่รอขายกระดาษละ แต่จะทิ้งขยะทีละเป็นถุงใหญ่ ๆ ให้รถขยะเก็บไปแทน<br />
<br />
---------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ชั่งแม่ แต่ได้บุญมหาศาล</span></b><br />
<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/owmHiq2.jpg" /><br />
<br />
<br />
ถามว่า ผม<b>โมโห</b>ไหมที่แม่ผมทิ้งของใช้หลายอย่างที่ดี ๆ ไป แล้วเกิดพอมีความจำเป็นจะต้องใช้ขึ้นมา ก็ต้องไปหาซื้อใหม่ให้เสียเงินอีก<br />
<br />
ผมก็โมโหบ้างนิดหน่อยนะ แต่ไม่มาก เพราะไม่รู้จะโกรธแม่มากไปทำไม<br />
<br />
จะว่าไป หากมองในแง่ดี ทิ้งไปซะก็ดีเหมือนกัน <b>จะได้ไม่ต้องยึดติดอะไรมาก </b><br />
<br />
ขนาดของขวัญที่ผู้หญิงที่ผมรักตอน ม.ปลาย ที่เธอซื้อให้ผมตอนวันเกิด แม่เอาไปทิ้งตอนไหนก็ไม่รู้<br />
<br />
พอผมถามแม่ แม่ก็บอกไม่รู้เรื่อง จำไม่ได้<br />
<br />
ที่จริง ถึงแม่จะมีสมองที่ไม่สมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน แต่แม่ก็ยังจัดว่า เป็นคนที่ฉลาดมาก ๆ อยู่ แม่ยังสอนผมได้หลายเรื่อง แม้แม่จะใช้ภาษาผิด ๆ ถูก ๆ ก็ตาม<br />
<br />
ตอนนี้ผมมักจะชมแม่เสมอว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"โห แม่ทำไมเก่งจัง"</span></i> ,<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"โห แม่นี่ฉลาดสุด ๆ จริง ๆ"</span></i> ,<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"โห เรื่องนี้แม่คิดได้ไงเนี่ย เก่งอะ"</span></i><br />
<br />
ตอนนี้แม่สัญญาแล้วว่า จะไม่ทิ้งอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้ว <span style="color: #666666;">(เพราะแทบไม่เหลือของเหลือใช้ดี ๆ แล้วล่ะ 555) </span><br />
<br />
นอกจากเรื่องชอบเก็บเอาของเหลือใช้แต่ยังสภาพยังดีไปทิ้งแล้ว ในเรื่องอื่น ๆ แม่ผมยังจัดว่า ยังเป็นคนที่ฉลาดมาก ๆ อยู่ แม้จะมีปัญหาด้านภาษาและการสื่อสารก็ตาม <br />
<br />
ทุกวันนี้ ไม่ว่าแม่จะทำอะไรก็ตาม ถ้าแม่ทำแล้ว แม่มีความสุข แม่ฉลาดขึ้น สมองพัฒนาขึ้น คิดเป็นระบบมากขึ้น <br />
<br />
ผมก็มักจะคิดว่า <span style="background-color: white;">ชั่งแม่แกเถอะ เอาที่แม่สบายใจ แม่อยากทำอะไร อยากจัดของยังไง ก็แล้วแต่แม่เถอะ </span><br />
<br />
บ้านผมทุกวันนี้ก็เลยสะอาด ข้าวของมีระเบียบกว่าเดิม เพราะแม่ขยันจัด ขยันเช็ดโน่นเช็ดนี่ตามชั้น ตามโต๊ะ ตามตู้ ไปเรื่อย<br />
<br />
ผมถือว่า การทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คือ<b>การพัฒนาสมองของแม่อย่างหนึ่ง </b><br />
<br />
-----------------<br />
<br />
ดังนั้น ทุกวันนี้ ผมมีความสุขที่ผมยังมีแม่ที่คอยบ่น คอยด่าผมทุกวัน ผมไม่เคยเบื่อเลย <br />
<br />
เพราะถ้าวันนี้ไม่มีแม่แล้วนี่สิ ความสุขในบ้านคงหายไป <br />
<br />
ผมเข้าใจคำว่า <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>พ่อแม่ คือ ร่มโพธิร่มไทรของลูก</b></span></span> จริง ๆ ก็หลังจากที่เกือบจะต้องสูญเสียแม่ไปจากอุบัติเหตุแล้วนี่แหละ <br />
<br />
ต่อให้แม่มีสมองไม่สมบูรณ์ปกติเหมือนในอดีต แต่การที่มีแม่อยู่ <b>มันคือความอบอุ่นในบ้าน คือ ความอุ่นใจที่สุดของลูก</b><br />
<br />
ทุกวันนี้ ผมรักแม่ผมมากขึ้นกว่าตอนที่แม่ผมยังปกติดีเสียอีกครับ <br />
<br />
เพราะเมื่อเกือบจะต้องสูญเสียแม่ไปจริง ๆ ผมถึงได้รู้ว่า ที่จริงผมรักแม่ยิ่งกว่าชีวิตตัวเองอีก <br />
<br />
ขอให้ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ อย่าได้เบื่อพ่อแม่ของตัวเองกันเลยนะครับ<br />
<br />
ไม่ว่าพ่อแม่จะบ่น จะว่า หรือจะถามคำถามอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับเราทุกวัน เราก็ยินดีตอบท่านไปเถอะ <br />
<br />
เพราะที่ท่านถาม เพราะท่านรักและเป็นห่วงเรามากที่สุดนั่นเองครับ ดังนั้น ไม่ว่าพ่อแม่จะบ่น จะว่า หรือจะถามอะไรน่าเบื่อซ้ำซากกับเรา ก็จงชั่งพ่อแม่แกเถอะครับ<br />
<br />
การไม่ถือสาพ่อแม่ คือ การสร้างบุญที่มหาศาลนักของลูก<br />
<br />
<i style="background-color: white;"><span style="color: blue;">"มีแต่คนที่รักเราจริง ๆ เท่านั้น ที่จะคอยถามสารทุกข์สุกดิบของเราด้วยคำถามซ้ำ ๆ ได้ทุกวัน โดยที่ไม่มีวันเบื่อที่จะถามเรา"</span></i><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2017/12/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-85098252102276774012017-09-12T00:10:00.003+07:002017-09-14T02:29:42.102+07:00เฉลย ทำไมหมอดูอีทีทายแม่นแต่ทำนายไม่ค่อยแม่น<br />
<br />
<br />
คงจะทราบกันทั่วแล้วว่า <b><span style="color: blue;">หมอดูอีที ชาวพม่า </span></b>ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 58 ปี เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2560 ที่ผ่านมา <br />
<br />
<span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i><b>"ตายในวันที่ 10 เดือน 9"</b></i></span> แหม ถ้าเกิดแกตายวันที่ 9 เดือน 9 ล่ะก็ จะต้องเรียกว่าแม้แต่ตายยังเลือกวันตายได้สุดยอด<br />
<br />
จากชื่อบทความนี้คือ <span style="color: #cc0000;"><b>"เฉลย ทำไมหมอดูอีทีทายแม่นแต่ทำนายไม่ค่อยแม่น"</b></span> คุณผู้อ่านบทความอาจ<b>งง</b> ว่าหมายความว่าอะไรกันแน่<br />
<br />
สังเกตว่า ผมจะใช้คำสองคำคือ <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ทาย</span></i> กับ <span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i>ทำนาย</i></span><br />
<br />
เพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน<br />
<br />
จากที่ทุกคนคงเคยอ่านวิธีทายและทำนายของหมอดูอีที แกมักจะเริ่มด้วยเขียน<b>หมายเลขธนบัตร</b>ในกระเป๋าเงินของผู้มารับการดูชะตาจากแก ซึ่งเวลาแกทายถูกตรงเป๊ะ ผู้คนก็จะทึ่งอึ้งกันใหญ่<br />
<br />
ต่อมาแกก็จะทายชื่อนามสกุลและวันเดือนปีเกิดของผู้เข้ารับการดูชะตาจากแก<br />
<br />
ซึ่งถ้าแกทายถูก แกก็จะทายและทำนายชะตาบุคคลคนนั้นต่อไป<br />
<br />
แต่ถ้าแกทายผิด แกจะเลิกดูชะตาให้คน ๆ นั้นทันที<br />
<br />
ผู้แปลและอธิบายคำทำนายแทนหมอดูอีที ซึ่งก็คือน้องสาวของแก จะอธิบายกรณีแกทายผิดทำนองว่า <span style="background-color: white;"><span style="color: #990000;"><b>ฟ้ายังไม่เปิดให้ทำนายทายทักบุคคลคนนี้ </b></span></span><br />
<br />
คน ๆ นั้นก็จะอดได้รับการทำนายทายทักต่อไปจากแก<br />
<br />
--------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ขอเล่ากรณีเพื่อนผมไปดูชะตากับหมอดูอีที </span></b><br />
<br />
เพื่อนผมคนนึง ซึ่งเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินเอกชนระดับประเทศแห่งหนึ่ง เคยได้มีโอกาสไปให้หมอดูอีทีทำนายทายทัก เมื่อปีที่แล้ว<br />
<br />
เพื่อนผมเล่าว่า หมอดูอีที เขียนหมายเลขธนบัตร 1 ใบที่อยู่ในกระเป๋าเงินเพื่อนผมถูกต้องเป๊ะ ยังทายจำนวนเงินที่อยู่ในกระเป๋าเงินเพื่อนผมถูกต้องอีกด้วย<br />
<br />
แกเขียนหมายเลขของธนบัตรใบละ 10 ดอลล่าห์สหรัฐ 1 ใบในกระเป๋าของเพื่อนผม แล้วส่งคืนธนบัตรใบนั้นให้เพื่อนผมเก็บไว้ แต่เงินที่เหลือในกระเป๋าของเพื่อนผมทั้งหมด ประมาณสัก 300 กว่าดอลล่าห์ แกดึงเอาไปจนหมด<br />
<br />
แล้วแกยังสามารถเขียน<b>ชื่อคนขับรถ เขียนชื่ออดีตกิ๊ก 2 คน</b>ของเพื่อนผม ได้ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้เดินทางมาที่พม่าด้วย <br />
<br />
แล้วชื่ออดีตกิ๊ก 2 คนของเพื่อนผม ก็มีแต่เพื่อนผมเท่านั้นที่รู้ แต่หมอดูอีทีกลับเขียนชื่อได้ถูกต้องหมด <br />
<br />
ซึ่งหมอดูอีที ไม่ได้รู้ล่วงหน้าด้วยว่า เพื่อนผมคนนี้จะมาดูกับแก เพราะคนที่จองคิวให้เพื่อนผม ก็เป็นคนพม่าที่ทำงานให้กับองค์กรของเพื่อนผม ซึ่งคนพม่าคน ๆ นี้ก็ไม่ได้รู้ชื่อคนขับรถ หรือชื่อกิ๊กของเพื่อนผมแน่นอน เพราะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น <br />
<br />
หมอดูอีที ยังเขียนชื่อ<b><span style="color: blue;">กระทรวงการคลัง</span></b>เป็นภาษาอังกฤษ ให้เพื่อนผมดู แล้วบอกว่า <span style="color: #cc0000;"><b>ต่อไปเพื่อนผมจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้ </b></span><br />
<br />
เพื่อนผมอึ้งมาก ๆ ว่า ทำไมหมอดูอีทีแกรู้ว่า เพื่อนผมอยากเป็นรัฐมนตรี<br />
<br />
แต่ที่จริงแล้ว เพื่อนผมแม้จะทำงานที่สถาบันการเงินใหญ่ แต่ใจจริงเพื่อนผม บอกผมว่า ใจจริงไม่ค่อยอยากเป็น รมว.คลัง สักเท่าไหร่ ใจเพื่อนผมอยากเป็น รมว.พาณิชย์มากกว่า<br />
<br />
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตอีกนานพอควร แกจะทำนายถูกหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครรู้<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/zjlO9rn.jpg" width="490" /><br />
<span style="color: #666666;">รูปหมอดูอีทีถ่ายกับเพื่อนผม คนเสื้อขาวข้าง ๆ คือเพื่อนผมที่เล่าให้ผมฟัง</span><br />
<br />
---------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">จากที่เพื่อนผมเล่าให้ผมฟัง พอฟังปุ๊บ </span></b><br />
<br />
ผมก็คุยกับเพื่อนผมว่า หมอดูอีที แกคงเป็นคนที่<b>อ่านใจ</b>คนอื่นออก และอาจจะพอมี<b>ตาทิพย์</b>ที่เก่งพอสมควร จึงสามารถทายหมายเลขธนบัตรในกระเป๋าและจำนวนเงินในกระเป๋าของเพื่อนผมได้ถูกต้อง<br />
<br />
แต่เรื่องอื่น ๆ ที่แกทำนายถูก แกคงอ่านจากใจของเพื่อนผมทั้งหมดนั่นแหละ ทั้งชื่อ คนขับรถ ชื่ออดีตกิ๊ก และการอยากเป็นรัฐมนตรีในอนาคตของเพื่อนผม<br />
<br />
ซึ่งแกก็นำมาเขียนเป็นคำภาษาอังกฤษเป็นคำ ๆ ไป แล้วน้องสาวแกก็จะเป็นคนอธิบายเสริมจากแกอีกที<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/JZjpvbU.jpg" width="490" /> <br />
<span style="color: #666666;">หมอดูอีทีกำลังเขียนคำทำนายเป็นภาษาอังกฤษเป็นคำ ๆ แก่คุณหนุ่ม คงกระพัน</span><br />
<br />
เพื่อนผมเล่าว่า แกก็ทำนายให้เพียงเท่านี้<br />
<br />
แกไม่ได้ทำนายมากเกินไปกว่าที่ใจเพื่อนผมได้คิดได้วางแผนชีวิตของตัวเองไว้แล้ว<br />
<br />
----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">หมอดูอีที ทำนายเรื่องคนอื่นที่ฝากให้ช่วยทำนายไม่ค่อยแม่น</span></b><br />
<br />
คือจากเท่าที่ผมติดตามข่าวการทำนายของหมอดูอีที<br />
<br />
ถ้าคนของฝ่ายไหนไปถามแก ในเรื่องของอีกคนนึงแทน แกก็จะตอบเอาใจคนที่ถาม ตอบได้ตรงกับใจของคนที่ถามอยากจะได้ฟังนั่นแหละ<br />
<br />
ไม่ว่าจะเป็นข่าวทำนาย<b>ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ธัมมชโย</b> หรือดวงประเทศไทย ผมมองแล้วว่า แกทำนายโดยการอ่านใจจากคนที่ไปถามแกนั่นแหละ ว่า คิดกลัวอะไร คิดอยากฟังอะไร แกก็ทำนายไปตามที่คนไปถามแกคิดอยู่ในใจนั่นแหละ<br />
<br />
เช่น ถ้าคนที่ไม่ชอบยิ่งลักษณ์ไปให้แกทำนายเรื่องยิ่งลักษณ์ แกก็จะทำนายว่า ต่อไปยิ่งลักษณ์จะตกอับอะไรทำนองนั้น<br />
<br />
หรืออย่าง<b>สาวกของธรรมกาย</b>ไปให้แกทำนายเรื่องของ<span style="color: blue;">ธัมมชโย</span> แกก็ทำนายชื่นชมธัมมชโยยกใหญ่ ซึ่งก็ทำเอาสาวกธรรมกายได้ปลื้มดีใจไปตาม ๆ กัน<br />
<br />
หรืออย่างเมื่อปลายปี 2554 มีนักข่าวไทยให้แกทำนายว่าประเทศไทยปี 2555 จะน้ำท่วมไหม แกก็ทำนายว่าจะท่วมมากเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าปี 2554 <span style="color: #666666;">(ผมว่า ใคร ๆ ก็สามารถทำนายเรื่องนี้ได้แบบแกแหละ)</span><br />
<br />
ซึ่งคำทำนายปี 2555 แกทำนายไม่ค่อยถูกนักครับ<br />
<br />
เพราะปี 2555 น้ำท่วมใหญ่ ๆ ไม่มีในประเทศไทย จะมีบ้างในบางจังหวัดเท่านั้น แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอุทกภัยที่ใหญ่นัก ซึ่งมันก็มีท่วมของมันทุกปีแหละ มากบ้างน้อยบ้าง<br />
<br />
จริง ๆ มีการทำนายของแกอีกหลายอย่าง ผมมองว่า แกก็ทำนายเหมือนหมอดูทั่วไปทำนายแหละ ก็มีตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ออกจะใช้<b>ทริคแบบทำนายกว้าง ๆ ไว้ก่อน </b>แล้วให้คนตีความกันเอาเอง<br />
<br />
ผมเชื่อว่า แกต้องรับรู้ข่าวสารทั่วไปในโลกไว้ด้วย เพื่อทำนายไปในทางแนวโน้มว่าน่าจะเป็นแบบนั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากนักวิเคราะห์สถานการณ์โลกทั่วไปนั่นแหละ<br />
<br />
ผมเชื่อว่า <span style="background-color: white;">หมอดูอีที แกต้องเป็นคนฉลาดระดับอัจฉริยะคนนึง ซึ่งบางคนอาจมองว่าขัดแย้งกับรูปร่างหน้าตาของแก</span><br />
<br />
แต่ถ้าใครได้รับการทำนายหรือทายเป็น<b>การส่วนตัวโดยตรง</b>กับแก แกก็คงอ่านใจคน ๆ นั้น แล้วพูดไปตามที่ใจคน ๆ นั้นอยากได้ยินหรือได้วางแผนชีวิตไว้อยู่แล้ว จึงดูเหมือนว่าแกทำนายได้แม่นมาก<br />
<br />
ซึ่งแกก็อาจจะมีเซนส์ในการดูลักษณะโหงวเฮ้งของคนเป็นด้วย ว่า คน ๆ นั้นจะมีโอกาสจะประสบความสำเร็จไปตามแผนการที่อยู่ในใจของคน ๆ นั้นหรือไม่<br />
(แกไม่ได้ตาบอดสนิทนะ น่าจะพอมองเห็นเลาๆ จึงเขียนหนังสือภาษาอังกฤษได้)<br />
<br />
<br />
แต่โดยหลักทั่วไปของหมอดู ก็มักจะทำนายเพื่อ<u>ให้กำลังใจคน</u> ทำนายเพื่อให้คนมีความหวังไว้ก่อนจะดีกว่า คือ แฮปปี้เอนดิ้ง วินวินด้วยกันทั้งสองฝ่าย<br />
<br />
คือ คนที่มาให้แกทำนายก็อยากได้กำลังใจเพื่อกลับไปต่อสู้ชีวืตต่อไป และจะได้เต็มใจจ่ายค่าดูราคาแพงให้หมอดูอีทีอีกด้วย<br />
<br />
<b>สรุป</b>คือ หมอดูอีทีแกคงได้<b>พรจากสวรรค์</b>ในการ<u>อ่านใจคนได้</u>หรือการดูลักษณะของคนเก่งนั่นแหละ<br />
<br />
ที่ผมบอกว่า แก<u>ทาย</u>แม่น ก็คือ <span style="color: #990000;"><b>ทายใจคนแม่น</b></span><br />
<br />
แต่ที่ว่าแกทำนายไม่ค่อยแม่น ก็เพราะ แกทำนายตามที่ใจคนที่ถามแกคนนั้น คิดและอยากฟังอะไรนั่นแหละ คำทำนายแกจึงไม่ค่อยแม่น<br />
<br />
-------------------<br />
<br />
ส่วนค่าดูหมอราคาแพงของหมอดูอีที ส่วนใหญ่แกจะนำไปบริจาคให้การกุศล และนำไปก่อสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากมาย<br />
<br />
เพราะแกเคยบอกว่า การที่แกเกิดมาไม่สมประกอบแบบนี้ คงเพราะแกมีบาปกรรมเก่าเยอะ แกจึงต้องทำบุญในชาตินี้เยอะ ๆ ครับ<br />
<br />
-----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ข้อคิดท้ายบทความ</span></b><br />
<br />
คนเราชอบที่จะได้ยินได้ฟังเรื่องในทางดีของตัวเอง ซึ่งหมอดูส่วนใหญ่ก็มักจะทำนายในทางให้กำลังใจผู้คนให้มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป<br />
<br />
<span style="color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;">"คนที่เรารักแม้เขาจะพูดไม่ดีกับเรา เราก็จะให้อภัยคนที่เรารักได้เสมอ</i></span><br />
<span style="color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;">แต่ถ้าเราเผลอไปพูดไม่ดีกับคนที่ไม่ได้รักเรา คน ๆ นั้นอาจจะพาลโกรธ พาลเกลียดเราได้ง่าย ๆ นะครับ จำไว้"</i></span><br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2017/09/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-22663555117611227962017-04-21T04:52:00.001+07:002017-04-22T15:48:00.108+07:00หมุดเสนียด กับ คำประกาศจัญไรของคณะราษฎร<br />
<br />
<br />
<b><span style="font-size: large;">เป็</span>นข่าวดราม่า</b>มาหลายวัน เมื่อ<span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>หมุดเสนียดจัญไรของคณะราษฎร</b></span></span>ที่ปักหมุดไว้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน ได้หายสาบสูญไป<br />
<br />
ซึ่งพวกคณะราษฎรปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นั้น ได้<b>ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่เคารพสถานที่</b> <span style="background-color: white;">ที่ซึ่งประชาชนในอดีตได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสร้างพระบรมรูปทรงม้าถวายแด่รัชกาลที่ 5 ด้วยความจงรักภักดีและความรักที่มีต่อรัชกาลที่ 5 </span>(ซึ่งเงินบริจาคที่เหลือจากการสร้างพระบรมรูปทรงม้านั้น ร.6 ทรงนำไปสร้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อ)<br />
<br />
แต่คณะราษฎรกลับไม่มีความเกรงใจ ไม่เคารพในสถานที่ <u>เสือก</u>เอาหมุดเสนียดจัญไรมาปักลงบนลานพระบรมรูปทรงม้า <br />
<br />
ดังน้้น หมุดคณะราษฎร 2475 นี้ จึงเป็นหลักฐานแห่งความระยำตำบอน เนรคุณบ้านเมืองของไอ้พวกไม่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ที่เสือกมาหมุดลงในที่ ๆ มิบังควรเช่นนี้<br />
<br />
แม้จะอ้างว่า เป็นที่ ๆ <b><span style="color: blue;">พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา</span></b> อ่านคำประกาศคณะราษฎรฉบับแรกในวันเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ตาม <br />
<br />
แต่ถามหน่อยว่า มันสมควรหรือไม่ ที่จู่ ๆ จะเอาวัตถุอะไรก็ตามแต่ไปหมุดลงในลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน ?<br />
<br />
ซึ่งการสร้างหมุดทองเหลืองนี้ก็เป็นดำริของนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของไทย คือ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎร เป็นผู้จัดสร้างขึ้นในช่วงที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ 3 เองนั่นแหละ <br />
<br />
<span style="background-color: white;">ถามว่า <b>ตอนที่พวกท่านคิดจัดทำหมุดคณะราษฎร</b> แล้วเอาไปหมุดไว้ลงตรงนั้น<b><span style="color: #990000;">เมื่อวันที่ </span><span style="color: #cc0000;">10 ธันวาคม พ.ศ. 2479</span></b> พวกท่านได้เคยขอพระบรมราชานุญาตจากพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แล้วรึยัง ?</span><br />
<br />
<i><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">หรือใช้อำนาจบาตรใหญ่ของคณะราษฎรที่คิดจะทำอะไรตามอำเภอใจในเขตพระราชฐานก็ได้เช่นนั้นหรือ ? </span></i><br />
<br />
สำหรับผม <b>ใหม่เมืองเอก</b> มีความเห็นว่า แม้คณะราษฎรจะปกครองบ้านเมืองในเวลานั้นแล้ว <span style="color: #990000;"><b>แต่ก็ต้องให้เกียรติเขตพระราชฐานด้วย</b></span><br />
<br />
ดังนั้นคณะราษฎรและผู้จัดทำหมุดนี้ ก็ควร<b>ทำหนังสือขอพระบรมราชานุญาตจากรัชกาลที่ 8 เสียก่อน</b> ว่าจะขอปักหมุดทองเหลืองนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดที่คณะราษฎรได้อ่านประกาศปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองได้หรือไม่<br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ตกลงมีไหม หนังสือพระบรมราชานุญาตจากรัชกาลที่ 8 ทรงอนุญาตให้ปักหมุดในเขตพระราชฐาน ??</span></i> <span style="color: #666666;">(อันนี้ผมก็ไม่รู้ข้อมูล เพราะยังหาไม่เจอ)</span><br />
<br />
แต่หากไม่มีหนังสือพระบรมราชานุญาตจากรัชกาลที่ 8 ทรงอนุญาตให้ปักหมุดลงในบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้านำมาแสดงให้ประชาชนได้เห็นแล้วล่ะก็ <br />
<br />
ย่อมก็ถือว่า หมดุคณะราษฎรนั้นเป็น<b><span style="color: #cc0000;">หมุดเถื่อน</span></b> ที่ไม่เคารพยำเกรงและเกรงใจพระมหากษัตริย์เลย<br />
<br />
หมุดคณะราษฎรจึงเป็นเสมือนหลักฐานความระยำของคณะราษฎรเสียเอง<br />
<br />
--------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">คำประกาศจัญไรของคณะราษฎร </span></b><br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/Op6pdDT.png" width="500" /><br />
<span style="color: #666666;">พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 2</span><br />
<br />
<br />
<span style="font-size: large;">ใน</span>วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 <b><span style="color: blue;">พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา</span></b> หัวหน้าคณะราษฎรได้อ่านคำประกาศคณะราษฎร ฉบับแรก ซึ่งเขียนโดย<b>นายปรีดี พนมยงค์</b> มีเนื้อหาใส่ร้ายพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 <u>เกินความเป็นจริง</u> ดังนี้<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">คำประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 </span></b><br />
<br />
<span style="background-color: white;">" ราษฎรทั้งหลาย</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">เมื่อกษัตริย์องค์นี้ได้ครองราชย์สมบัติสืบต่อจากพระเชษฐานั้น ในชั้นต้นราษฎรบางคนได้หวังกันว่ากษัตริย์องค์ใหม่นี้จะปกครองราษฎรให้ร่มเย็น แต่การณ์ก็หาได้เป็นไปตามที่คิดหวังกันไม่ กษัตริย์คงทรงอำนาจอยู่เหนือกฎหมายเดิม ทรงแต่งตั้งญาติวงศ์และคนสอพลอไร้คุณความรู้ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ๆ ไม่ทรงฟังเสียงราษฎร ปล่อยให้ข้าราชการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต มีการรับสินบนในการก่อสร้างและการซื้อของใช้ในราชการ หากำไรในการเปลี่ยนเงิน ผลาญเงินของประเทศ ยกพวกเจ้าขึ้นให้สิทธิพิเศษมากกว่าราษฎร กดขี่ข่มเหงราษฎร ปกครองโดยขาดหลักวิชา ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามยถากรรม ดังที่จะเห็นได้จากความตกต่ำในทางเศรษฐกิจและความฝืดเคืองในการทำมาหากินซึ่งพวกราษฎรได้รู้กันอยู่โดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมายมิสามารถแก้ไขให้ฟื้นขึ้นได้</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">การที่แก้ไขไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลของกษัตริย์มิได้ปกครองประเทศเพื่อราษฎรตามที่รัฐบาลอื่นๆ ได้กระทำกัน <b>รัฐบาลของกษัตริย์ได้ถือเอาราษฎรเป็น<span style="color: #cc0000;">ทาส</span></b> (ซึ่งเรียกว่าไพร่บ้าง ข้าบ้าง) <span style="color: #990000;"><b>เป็นสัตว์เดียรัจฉาน ไม่นึกว่าเป็นมนุษย์</b></span> เหตุฉะนั้น แทนที่จะช่วยราษฎร กลับพากันทำนาบนหลังราษฎร จะเห็นได้ว่า ภาษีอากรที่บีบคั้นเอาจากราษฎรนั้น กษัตริย์ได้หักเอาไว้ใช้ปีหนึ่งเป็นจำนวนหลายล้าน ส่วนราษฎรสิ กว่าจะหาได้แม้แต่เล็กน้อย เลือดตาแทบกระเด็น ถึงคราวเสียเงินราชการหรือภาษีใดๆ ถ้าไม่มีเงินรัฐบาลก็ยึดทรัพย์หรือใช้งานโยธา แต่พวกเจ้ากลับนอนกินกันเป็นสุข ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้ นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน ซึ่งชนชาตินั้นก็ได้โค่นราชบัลลังก์ลงเสียแล้ว</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">รัฐบาลของกษัตริย์ได้ปกครองอย่างหลอกลวงไม่ซื่อตรงต่อราษฎร มีเป็นต้นว่าหลอกว่าจะบำรุงการทำมาหากินอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ครั้นคอย ๆ ก็เหลวไป หาได้ทำจริงจังไม่ มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กิน ว่าราษฎรยังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้ <b>เพราะราษฎรโง่</b> </span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">คำพูดของรัฐบาลเช่นนี้ใช้ไม่ได้ <span style="color: blue;">ถ้าราษฎรโง่ เจ้าก็โง่เพราะเป็นคนชาติเดียวกัน ที่ราษฎรรู้ไม่ถึงเจ้านั้นเป็นเพราะขาดการศึกษาที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่ เพราะเกรงว่าเมื่อราษฎรได้มีการศึกษา ก็จะรู้ความชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำไว้ และคงจะไม่ยอมให้เจ้าทำนาบนหลังคนอีกต่อไป</span></span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า <b>ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศเป็นอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก</b> พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบและกวาดทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎรเพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำนาไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนที่เรียนสำเร็จแล้วและทหารที่ปลดกองหนุนแล้วก็ไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบ และเสมียน เมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่พวกเจ้ากวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมืองให้คนมีงานทำ จึงจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ <span style="color: #cc0000;"><b>คงสูบเลือด</b></span>กันเรื่อยไป <b>เงินเหลือเท่าไหร่ก็เอาไปฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม</b> ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">เหตุฉะนั้น ราษฎร ข้าราชการ ทหาร และพลเรือน ที่รู้เท่าถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว จึงรวมกำลังตั้งเป็น<b>คณะราษฎร</b>ขึ้น และได้ยึดอำนาจของกษัตริย์ไว้ได้แล้ว </span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ความชั่วร้ายนี้ได้ก็โดยที่จะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลาย ๆ ความคิดดีกว่าความคิดเดียว ส่วนผู้เป็นประมุขของประเทศนั้น คณะราษฎรไม่ประสงค์ทำการแย่งชิงราชสมบัติ ฉะนั้น จึงได้อัญเชิญให้กษัตริย์องค์นี้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ต่อไป แต่จะต้องอยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จะทำอะไรโดยลำพังไม่ได้ นอกจากด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร คณะราษฎรได้แจ้งความประสงค์นี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว เวลานี้ยังอยู่ในความรับตอบ </span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;"><b><span style="color: #990000;">ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนด</span></b><u>โดยเห็นแก่ส่วนตน</u>ว่าจะถูกลดอำนาจลงมาก็จะได้ชื่อว่า<b><span style="color: blue;">ทรยศต่อชาติ</span></b> และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองแบบอย่างประชาธิปไตย </span><span style="background-color: yellow;"><b>กล่าวคือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกตั้งขึ้น อยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา</b></span><span style="background-color: white;"> ตามวิธีนี้ราษฎรพึงหวังเถิดว่าราษฎรจะได้รับความบำรุงอย่างดีที่สุด ทุก ๆ คนจะมีงานทำ เพราะประเทศของเราเป็นประเทศที่อุดมอยู่แล้วตามสภาพ </span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">เมื่อเราได้ยึดเงินที่พวกเจ้ารวบรวมไว้จากการทำนาบนหลังคนตั้งหลายร้อยล้านมาบำรุงประเทศขึ้นแล้ว ประเทศจะต้องเฟื่องฟูขึ้นเป็นแม่นมั่น การปกครองซึ่งคณะราษฎรจะพึงกระทำก็คือ จำต้องวางโครงการอาศัยหลักวิชา ไม่ทำไปเหมือนคนตาบอด เช่นรัฐบาลที่มีกษัตริย์เหนือกฎหมายทำมาแล้ว เป็นหลักใหญ่ ๆ ที่คณะราษฎรวางไว้ มีอยู่ว่า</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">๑.จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่นเอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">๒.จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">๓.ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">๔.จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน <span style="color: #666666;">(ไม่ใช่พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่ในเวลานี้)</span></span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">๕.จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก ๔ ประการดังกล่าวข้างต้น</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">๖.จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันจะคงอยู่ชั่วดินฟ้านี้ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือกฎหมายพึงตั้งตนอยู่ในความสงบและตั้งหน้าทำมาหากิน อย่าทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้ เท่ากับราษฎรช่วยประเทศและช่วยตัวราษฎร บุตร หลาน เหลน ของตนเอง </span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะต้องมีงานทำไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน และมีเสรีภาพพ้นจากการเป็นไพร่ เป็นข้า เป็นทาสพวกเจ้า หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือ ความสุขความเจริญอย่างประเสริฐซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า <b><span style="color: #cc0000;">“ศรีอาริยะ”</span></b> นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">คณะราษฎร</span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ "</span><br />
<br />
-----------------------<br />
<br />
<span style="font-size: large;">จริ</span>ง ๆ แล้ว ในช่วงที่รัชกาลที่ 7 ขึ้นครองราชย์<b> เศรษฐกิจทั่วโลก</b>ก็ตกต่ำอยู่แล้วไปทั่ว รัชกาลที่ 7 ก็ทรงตัดรายจ่ายทั้งส่วนพระองค์ ทั้งส่วนของเจ้านายเชื้อพระวงศ์ต่าง ๆ รวมไปถึงตัดรายจ่ายของรัฐบาลลงอย่างมาก รวมถึงปลดข้าราชการออก หากได้ไปศึกษากัน<br />
<br />
รวมทั้งยังทรงวางแผนจะพระราชทานประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนไทยเช่นกัน แต่ทรงเห็นว่า คนไทยในเวลานั้นยังไม่มีความรู้ในเรื่องประชาธิปไตยดีพอ ซึ่งหากเปลี่ยนแปลงระบอบไปแล้ว รังแต่อำนาจจะตกอยู่ในมือนักการเมืองเท่านั้น อำนาจอธิปไตยและประชาธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทยจะไม่ตกไปถึงมือราษฎรโดยแท้จริง<br />
<br />
<b><span style="color: blue;">แต่คณะราษฎรกลับชิงสุกก่อนห่ามรีบเปลี่ยนแปลงการปกครอง</span></b> เพราะคิดว่า ตัวเองจะเก่งพอที่จะควบคุมบ้านเมืองได้อยู่ แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ <b>คณะราษฎรก็แย่งชิงอำนาจกันเอง</b><br />
<br />
จนในที่สุดรัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ เพราะทรงไม่อยากตกเป็นเครื่องมือให้คณะหนึ่งคณะใดแอบอ้างพระองค์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนอีก <br />
<br />
<br />
<span style="color: blue;"><b>ลายพระราชหัตถ์ของรัชกาลที่ 7 ในวันประกาศสละราชสมบัติ</b></span><br />
<img src="http://i.imgur.com/PFiYRBl.jpg" width="650" /><br />
<br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">“ข้าพเจ้า มีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”</span></i> <b>ประชาธิปก ปร. </b> วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗<br />
<br />
----------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">หมุดคณะราษฎรหายไปไหนก็ชั่งมันเถอะ</span></b><br />
<br />
จริง ๆ แล้ว <b>หมุดคณะราษฎร</b> ผมเห็นว่า เป็นหมุดเถื่อนมาแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเป็นหมุดเถื่อนจะหายไปไหนก็ไม่เห็นจะต้องเสียดายอะไรเลย จริงไหม ?<br />
<br />
พวกที่อ้างว่า หมุดนี้เป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์นั้น ในเวลานี้ก็เห็นมีแต่พวกล้มเจ้าเสีย<u>เป็นส่วนใหญ่</u>ที่หวงแหน<b><span style="color: #cc0000;">หมุดเสนียด</span></b>นี้นักหนา <br />
<br />
พวกล้มเจ้าคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยที่อยู่คู่คนไทยมาหลายร้อยปีลงได้ โดยที่พวกมันไม่เคยนึกเสียดายหรือเสียใจอะไรเลย แต่เสร่อมาเสียดายหมุดจัญไรนี้<br />
<br />
<b>ดังนั้น ผู้จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ก็ไม่รู้สึกเสียดายหมุดทองเหลืองที่มีอายุแค่ 80 กว่าปีนี้จะหายไปเช่นกัน</b><br />
<br />
ในเมื่อมีคนเอาหมุดเสนียดของคณะราษฎรออกไปแล้ว ก็ไม่ต้องไปเสียดายอะไร แม้แต่หมุดใหม่ที่คนขโมยไปเอามาใส่ไว้แทน ผมก็เฉย ๆ นะ <span style="background-color: white; color: blue;">เพราะหมุดหน้าใสดันเขียนข้อความที่ประดักประเดิดเกินไป</span><br />
<br />
ในความเห็นของผม ผมว่า สมควร<b><span style="color: #990000;">เทปูนปิดทับ</span></b>ตรงจุดนั้นให้เรียบร้อยไปเลยดีกว่า แล้วไม่ต้องมีหมุดอะไรมาแทนทั้งนั้น จะได้ไม่ต้องเหลือประเด็นดราม่าอะไรกันอีก <br />
<br />
เพราะหมุดเถื่อนของคณะราษฎร อยู่ในเขตพระราชฐาน ซึ่งเขตพระราชฐานอยู่ในอำนาจของสำนักพระราชวังกำกับดูแล<br />
<br />
หากหมุดคณะราษฎรหายไป แล้ว<b>เจ้าของสถานที่คือ สำนักพระราชวัง</b>เขาไม่เดือดร้อนจะตามหา ก็เท่ากับว่า หมุดนั้นไม่มีใครอยากให้อยู่ในเขตพระราชฐานอีกแล้ว<br />
<br />
ส่วนถ้าใครอยากจะตามหาหมุดคณะราษฎร ก็ตามหาต่อไปเองเถิด แต่ผมขอแนะนำว่า อย่าเอามาหมุดไว้ที่เดิม <span style="background-color: white;"><span style="color: #660000;"><b>เพราะมันเป็นหมุดเถื่อนที่ไม่เคยขอพระบรมราชานุญาตในการติดตั้งมาก่อน</b></span></span><br />
<br />
ส่วน<b><span style="color: blue;">หมุดหน้าใส</span></b> ที่มาแทนก็เหมือนกัน ในความเห็นของผม ก็ถือว่า<b> หมุดนี้ก็เป็นหมุดเถื่อน จึงสมควรเอาออกไปเช่นกัน</b> จะได้ไม่มีประเด็นได้เปรียบเสียเปรียบอะไรกัน แล้วเทปูนปิดทับบริเวณไปให้หมดเถอะ จะได้ไม่มีเหตุดราม่าให้ต้องทะเลาะกันอีก<br />
<br />
<span style="color: #444444;">(หรืออาจจะเทปูนยกพื้นตรงนั้นให้สูงขึ้นมาสักนิด ให้พอรู้ว่า เคยเป็นจุดที่พ.อ.พระพหลฯ เคยอ่าน<b>แถลงการณ์บัดซบ</b>ไว้ตรงจุดนั้น)</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">แต่</span>ถ้าเจ้าของสถานที่คือสำนักพระราชวัง เขาไม่เดือดร้อนอะไรที่จะมีหมุดใหม่หน้าใสมาอยู่ตรงนั้น <span style="color: red;"><b>ก็แล้วแต่...เอาที่สบายใจเถอะ</b></span> เพราะสำนักพระราชวังเขาวางตัวเป็นกลางมากในกรณีนี้ คือ ไม่ออกความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น<br />
<br />
<span style="background-color: white; color: #444444;">(แต่เห็นมีการล้อมรั้วกั้นตรงจุดที่หมุดหน้าใสอยู่เอาไว้ คงเพื่อป้องกันความวุ่นวายและการมาทะเลาะกันของ<b>ฝ่ายโหยหาอยากกราบหมุดคณะราษฎร</b> กับพวกที่นิยมชมชอบหมุดหน้าใส มั้ง?)</span><br />
<br />
<span style="background-color: white;"><span style="color: blue;">แต่ที่แน่ ๆ <b>หมุดหน้าใส</b> ไม่ใช่<b>หมุดของคณะที่กระทำการลบหลู่ดูหมิ่นพระเกียรติของรัชกาลที่ 7 </b>แน่นอน จริงไหม ?</span></span><br />
<br />
----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">ประเด็นต้องรื้อทุกอย่างที่คณะราษฎร สร้างไว้ทิ้งไปทั้งหมดหรือไม่ ?</span></b><br />
<br />
คือ พอดีมีพวกร่านบางคนมันประชดทำนองนี้เอาไว้ <span style="color: #666666;">(ซึ่งเป็นความคิดสะเออะและเสร่อมาก)</span><br />
<br />
ผมเลยขอตอบว่า <b><span style="color: #990000;">เหรียญมี 2 ด้านเสมอ</span></b> คือการที่คณะราษฎรเข้ามาสร้างความเจริญให้ประเทศชาติในด้านใดก็ตาม ก็ถือว่า <u>ทำไปตามหน้าที่</u>จะมาลำเลิกบุญคุณคงไม่ได้ <br />
<br />
ใครก็ตามที่มาเป็นนักการเมืองและเป็นรัฐบาล คือการอาสาเข้ามาปกครองและพัฒนาประเทศ<b><u>ย่อมมีหน้าที่</u></b>ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน <b><u>ซึ่งเป็นเรื่องปกติวิสัยอยู่แล้ว </u></b><br />
<br />
ส่วนการจะตัดสินว่านักการเมืองคนใดเลวนั้น เขาไม่ได้ดูที่นักการเมืองคนนั้น ๆ เคยทำประโยชน์อะไรแก่ชาติบ้านเมืองหรือไม่ แต่เขาให้ดูว่า <u>เคยกระทำความเลวอะไรต่อชาติบ้านเมืองหรือไม่ต่างหาก </u><br />
<br />
<span style="background-color: white;">กรณีสิ่งใดที่คณะราษฎรทำไว้ดีแล้ว ก็ต้องถือว่า <b><span style="color: blue;">แล้วไป </span></b></span><br />
<br />
แต่กรณี<b><span style="color: #990000;">หมุดคณะราษฎร</span></b> นี่สิ ถือว่าเป็นหมุดเถื่อนที่แสดงเป็นหลักฐานถึงความระยำในการอ่านคำประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 <b>เพื่อใส่ร้ายรัชกาลที่ 7 เกินควร</b> จึงสมควรเอาออกไปน่ะเหมาะสมดีแล้วครับ<br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จักหมุดคณะราษฎร</span></b><br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/Fa9Gg9C.jpg" width="505" /><br />
<br />
เชื่อหรือไม่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ว่า มีหมุดคณะราษฎรอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 มาก่อน จนเมื่อหมุดเสนียดมันหายไปจนเป็นข่าวดังแล้ว หลายคนถึงเพิ่งจะรู้จักหมุดนี้นี่เอง ก็ขนาดคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองเราหลายคนก็ไม่เคยรู้จักหมุดนี้มาก่อน<br />
<br />
เช่น <b><span style="color: #cc0000;">นายพิชัย รัตตกุล</span> </b>อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตประธานรัฐสภา ก็เพิ่งจะรู้จักหมุดคณะราษฎร หลังจากที่มันหายไปแล้ว<br />
<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: sans-serif; font-size: 18.85px;">“ผมไม่ทราบมาก่อนเลยว่า คณะราษฎร ได้ทำหมุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น และนำไปฝังไว้ที่ลาน พระบรมรูปทรงม้า มาทราบอีกที และเป็นครั้งแรกก็เมื่อ มีข่าวว่ามีคนมาขุดเอาหมุดนี้ออก และนำหมุดใหม่มาใส่แทนที่ แสดงว่าใครก็ตาม ที่ทำการนี้จะต้องมีแผนการ ไว้ล่วงหน้า หมุดนี้ไม่ใช่หมุดหัวจ่ายน้ำประปา หมุดเดิมที่คณะราษฎร์ ได้นำมาฝังไว้ 85 ปี มาแล้ว อาจจะไม่มีค่างวดอะไรนัก แต่ค่างวดของหมุดนี้ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และทางจิตใจ อย่างยิ่ง ซึ่งไม่สามารถนำมา คำนวณ เป็นตัวเงินได้ ผู้ที่กระทำการเอาหมุดเดิมออก ไม่ได้คิดสักนิดว่า การกระทำของเขา กระทบกระเทือนจิตใจ และความรู้สึกที่ไม่ดี ต่อผู้กระทำอย่างมาก และเป็นการกระทำ ที่ไม่คำนึงถึง ความปรองดอง ความรักใคร่สามัคคี ของชนในชาติเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็แสนจะดี โดยแจ้งให้ผู้ไปแจ้งความว่า “ใครเป็นเจ้าของหมุด ต้องให้เจ้าของมาแจ้งความเอง”</span> นายพิชัย แถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา<br />
<br />
โถ ๆ ปู่พิชัย ไม่เคยรู้จักหมุดคณะราษฎรมาก่อน แต่กลับมาเพิ่งรู้ซึ้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์เนี่ยนะ เหอะ ๆ<br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">แถม คำสารภาพปรีดี </span></b><br />
<br />
<b>นายปรีดี พนมยงค์ </b>เคยขอเข้าเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีได้ทรงเล่าว่า ปรีดี ได้มาขอโทษและกราบทูลว่า <br />
<br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"ข้าพระพุทธเจ้าตอนนั้นยังเด็ก คิดอะไรหัวมันรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าจะลำบากยากเย็นถึงเพียงนี้ ถ้ารู้ยังงี้ ก็ไม่ทำ"</span></i><br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">(<span style="color: #666666;">จากหนังสือเบื้องแรกประชาธิตัย)</span></span><br />
<br />
<br />
หรือแม้แต่ตอนที่นายปรีดี ได้ลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศสในบั้นปลายชีวิตแล้ว ก็เคยให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างประเทศ<br />
<br />
<b>นักข่าวถามว่า</b> "ท่านคิดว่าอะไรที่น่าจะเป็นความผิดอันใหญ่หลวงของท่าน? ถ้าท่านมีอำนาจกลับไปและแก้ไขเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตของท่าน การตกลงใจหรือการกระทำอันไหนที่ท่านอยากเปลี่ยนมากที่สุด? "<br />
<br />
<b>ปรีดี ตอบ</b> <i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"ถ้าท่านถามถึงว่าอะไรที่ข้าพเจ้าจะทำ ถ้าข้าพเจ้ากลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี..เอาละ ข้าพเจ้าขอตอบว่า ข้าพเจ้าไม่สนใจที่จะกลับสู่การเมืองอีกหรอก เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าแก่มากแล้ว แต่ข้าพเจ้าตอบท่านได้ถึงความผิดในอดีตของข้าพเจ้า</span></i><br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><br />
</span></i> <i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ในปี ค.ศ.๑๙๒๕ เมื่อเราเริ่มจัดตั้งแกนกลางของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง ๒๕ ปี เท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้วและได้คะแนนสูงสุด <b>แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี</b> (ของกฎหมายเปรียบเทียบ)</span></i><br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><br />
</span></i> <i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ข้าพเจ้าไม่มีความเจนจัด และโดยปราศจากความเจนจัด บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา</span></i><br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><br />
</span></i> <i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ข้าพเจ้าไม่ได้นำเอาความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย <b>ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้า เป็นความรู้ตามหนังสือ</b></span></i><br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><br />
</span></i> <i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี</span></i><br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><br />
</span></i> <i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><b>ในปี ค.ศ.๑๙๓๒ ข้าพเจ้าอายุ ๓๒ ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ"</b></span></i><br />
<br />
<b>คำสารภาพปรีดี จากเว็บปรีดี พูนศุข พนมยงค์</b><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_efHXrhQQVbFXIZNseKZ_rQB1BvmTEoGw_0cq7LDnLZoFYgk5JIzuxNFqHJwmMPA78FNmpWgH66h2fXaR3koitgiqi_yW8ieAypPGdNnG7EYuDO0g6lU3iThoHciD-VKEzEfLwf1uEAdS/s912/%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%25899.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_efHXrhQQVbFXIZNseKZ_rQB1BvmTEoGw_0cq7LDnLZoFYgk5JIzuxNFqHJwmMPA78FNmpWgH66h2fXaR3koitgiqi_yW8ieAypPGdNnG7EYuDO0g6lU3iThoHciD-VKEzEfLwf1uEAdS/s912/%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%25899.jpg" width="900" /></a><br />
<br />
<a href="http://akelovekae.blogspot.com/2014/12/blog-post.html" target="_blank"><span style="font-size: large;"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> ถ้าคณะราษฎรเลว ก็อย่าโทษปรีดีคนเดียว</span></a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2017/04/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-28255013036321342452017-03-14T18:53:00.000+07:002017-09-13T23:43:50.758+07:00ยุคเสื่อมนักมวยสากลอาชีพไทยกับความล้าหลังไม่พัฒนา<br />
<br />
<br />
ปัจจุบันในขณะที่ผมเขียนบทความนี้นับว่า <b>ยังเป็นยุคเสื่อมถอยของวงการมวยสากลอาชีพของไทย</b> เสื่อมถอยขนาดที่ว่า ณ เวลานี้นักมวยแชมป์โลกของไทยในระดับสถาบันหลักเช่น WBA WBC และ IBF เอาแค่ 3 สถาบันหลักนี้ก็พอ ว่า <span style="background-color: white;">ณ เวลานี้ตอนนี้เรามีแชมป์โลกชาวไทยที่ยังครองเข็มชัดแชมป์เปี้ยนโลกอยู่กี่คน ?</span><br />
<br />
มีใครพอจำได้บ้าง ?<br />
<br />
ผมมานึก ๆ ย้อนดูว่า <i>มวยสากลอาชีพระดับโลกของไทยเริ่มตกต่ำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?</i><br />
<br />
ผมพอจะนึกได้ว่า ก็ตั้งแต่มี<b>แชมป์ PABA</b> หรือแชมป์อะไรต่อมิอะไรมั่วซั่วเกิดขึ้นมานั่นแหละครับ น่าจะสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่แหละ<br />
<br />
คือ ยุคแรก ๆ ตั้งแต่มีแชมป์แยกย่อยระดับภูมิภาคพวก PABA แบบนี้ขึ้นมาหลายต่อหลายแชมป์ พวกนักพากย์มวยถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ก็มักจะชอบเรียกว่า <b><span style="color: #cc0000;">แชมป์โลกพาบ้า</span></b> แล้วก็มีแชมป์โลกกระจอก ๆ ที่ไม่ใช่แชมป์โลกจริง ๆ ของสถาบันหลักอีกมากมายเกิดขึ้นมาจนคนดูมวยจำไม่หวัดไม่ไหว คือนักพากย์ชอบพากย์เหมาเรียกแชมป์โลกไปหมด<br />
<br />
มีการถ่ายทอดสดชิงแชมป์โลกและป้องกันแชมป์กระจอก ๆ ที่ไม่ใช่แชมป์โลกของจริงแบบนี้บ่อยมากทางทีวี จนผู้ดูมวยทั่วไปเริ่มเห็นความเกร่อและความกระจอก จนเริ่มไม่อยากสนใจชมมวยถ่ายทอดสดทางทีวีตอนบ่าย ๆ พวกนี้สักเท่าไหร่นัก <br />
<br />
เพราะความที่มีแชมป์โลกกระจอก ๆ <b>จนเกร่อ</b> ถ่ายทอดสดทางทีวีแทบทุกสัปดาห์นี่แหละ คือ ยุคเริ่มต้นความเสื่อมของวงการมวยอาชีพบ้านเรา<br />
<br />
เพราะคนดูเริ่มงง ว่า <b>ตกลงแชมป์ไหนเป็นแชมป์โลกของจริงกันแน่</b> ซึ่งพอผ่านมาสักกว่า 10 ปี คนพากย์มวยทีวีเพิ่งจะรู้ตัวว่า ถ้าเรียกแชมป์โลกไปซะหมด ก็จะยิ่งทำให้คนดูเบื่อหน่าย ไม่เห็นความสำคัญของคำว่า <span style="background-color: white;">แชมป์เปี้ยนโลก</span> อีก<br />
<br />
ตอนหลังคนพากย์มวยก็เลยกลับมาเรียกว่า <b><span style="color: #990000;">แชมป์พาบ้า</span></b> เฉย ๆ ตัดคำว่า โลก ออกไป <br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ประเทศญี่ปุ่น ให้ความสำคัญแค่ 2 สถาบันหลักเท่านั้น</span></b><br />
<br />
คือถ้าผมจำไม่ผิดนะ วงการมวยญี่ปุ่น เขาจะเน้นให้นักมวยของเขาชิงแชมป์เปี้ยนโลกจากสถาบันหลักคือ WBA หรือ WBC เท่านั้น เพราะนี่คือ 2 สถาบันมวยโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโลก<br />
<br />
ซึ่งถ้าเมื่อสัก 30 ปีก่อน ญี่ปุ่นจะเน้นแค่สถาบันหลักเดียวด้วยซ้ำ คือให้ความสำคัญแค่<b>สถาบัน WBA</b> เท่านั้น เพราะคือสถาบันมวยโลกแรกของโลก<br />
<br />
ปัจจุบันนี้ ผมไม่แน่ใจว่า แชมป์มวยสากลอาชีพโลกของญี่ปุ่นมีกี่สถาบันแล้ว แต่เท่าที่เห็น ๆ <span style="background-color: white;">ญี่ปุ่นเขาเน้นที่แชมป์โลก WBA และ WBC เป็นหลัก</span> <br />
<br />
ในขณะที่วงการมวยสากลอาชีพไทย กลับไปนำ<b>แชมป์พาบ้า</b> เข้ามาทำลายวงการมวยอาชีพของไทยเอง เพราะนักชกไทยก็วนชกอยู่แค่นักชกจากฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซีย เป็นหลัก ๆ จนเหมือน<b>วนเวียน</b>ฝึกฝีมือใน<span style="color: blue;"><b>กะลาอาเซียน</b></span>แท้ ๆ พอเจอนักชกของจริงจากทวีปอเมริกาและอเมริกาใต้ทีไร นักมวยไทยเรามักจอดพ่ายน็อคเอาง่าย ๆ เสมอ ๆ<br />
<br />
อันนี้คือความเห็นส่วนตัวของผมนะ ที่คิดว่า <span style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;">มัวแต่<b>พาบ้า</b> เลยพาห่วยลง</span></span><br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">สิ่งที่ห่วยและขาดไปในนักมวยสากลอาชีพไทยในยุคนี้</span></b><br />
<br />
ผมเห็นการชิงแชมป์โลกสถาบันหลักของนักชกไทยในยุคหลัง ๆ หากนักมวยไม่ได้มาจากมวยสากลสมัครเล่นมาก่อน <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><u>สิ่งที่ขาดหายไป</u>ของนักมวยสากลอาชีพไทยก็คือ <b>หมัดแย็บนำ</b> หรือที่เรียกว่า <b>หมัดหน้า</b></span></span><br />
<br />
โดยเฉพาะเวลานักชกไทยไปชิงแชมป์โลกหรือป้องกันแชมป์โลกกับนักชกญี่ปุ่น<br />
<br />
<b>สิ่งที่เราเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน</b>ก็คือ <span style="background-color: white;">นักชกญี่ปุ่นจะฟุตเวิร์คได้ดี และมีหมัดหน้าหรือหมัดแย็บนำตลอด</span> ซึ่งสามารถทำลายจังหวะ และเก็บคะแนนได้มาก แถมบางครั้งสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้นักมวยไทยได้มากทีเดียว<br />
<br />
ในขณะที่นักมวยสากลอาชีพไทยก็เอาแต่เดินดุ่ม ๆ หมายจะเข้าไปต่อยลำตัวนักมวยญี่ปุ่น เพื่อหวังจะน็อคนักชกญี่ปุ่น <b><span style="color: #990000;">เพราะนักชกไทยมีฐานความคิดเก่า ๆ เดิม ๆ ว่า</span></b> นักชกญี่ปุ่นจะท้องและลำตัวไม่แข็ง หากเจอต่อยลำตัวจัง ๆ หรือถูกต่อยสะสมที่ลำตัวมาก ๆ เข้า นักชกญี่ปุ่นก็จะพ่ายแพ้ให้เราในที่สุด<br />
<br />
ทุกวันนี้เราจึงเห็นนักชกไทยทำตัวเหมือนควาย <span style="color: #990000;">เอ้ย วัวกระทิง</span> ที่เดินดุ่ม ๆ เข้าไปชกนักชกญี่ปุ่นแบบโง่ ๆ สุดท้ายก็น็อคเขาไม่ได้ <b>ไล่เขาไม่จน</b> เพราะนักชกญี่ปุ่นเขาปิดความบกพร่องเรื่องความอ่อนของหน้าท้องลงไปหมดแล้ว หายากที่นักชกญี่ปุ่นจะพ่ายแพ้เพราะถูกชกท้อง<br />
<br />
นักมวยสากลอาชีพญี่ปุ่นเขาพัฒนาไปไกลแล้ว มีแชมป์โลกสถาบันหลักหลายคน <span style="background-color: white;"><b>ในขณะที่วงการมวยไทยยังย่ำอยู่กับความคิดเดิม ๆ สไตล์การชกแบบโง่ ๆ ดุ่ม ๆ ต่อยท้องอย่างเดียวต่อไป</b></span><br />
<br />
ดังนั้น หากนักชกไทยยังไม่เน้นมี<b><span style="color: #990000;">หมัดนำ</span></b> เหมือนโผน กิ่งเพชร สด จิตรลดา และอดีตแชมป์โลกคนอื่น ๆ อีกมากมาย ที่มักเน้นฟุตเวิร์คคล่องแคล่ว หมัดแย็บสวยงาม<br />
<br />
วงการมวยสากลอาชีพของไทยก็ถอยหลังลงคลองต่อไป คือ เดิมดุ่ม ๆ เข้าไปหาให้ฝ่ายตรงข้ามชกหมัดหน้าทำคะแนนไป<br />
<br />
----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">นักมวยสากลอาชีพไทยไม่มีก๊อกสอง ก๊อกสาม</span></b><br />
<br />
เรามักจะเห็นนักชกไทยเวลาไปชิงแชมป์โลก หรือ ป้องกันแชมป์โลก ก็ตาม หากมีจังหวะที่ชกจนนักชกคู่ต่อสู้มีอาการเป๋หรือแสดงอาการอ่อนแอมึนหมัดให้เห็น <br />
<br />
ผู้ชมก็เฮดีใจ แล้วก็ต่างลุ้นให้นักมวยไทยเข้าไปขยี้รัวหมัดเอาให้คู่ต่อสู้แพ้น็อคให้ได้เร็วที่สุด<br />
<br />
แต่จนแล้วจนรอด <b>นักชกไทยส่วนใหญ่ก็มักไม่มีปัญญาเอาชนะน็อคคู่ต่อสู้ได้เลย เมื่อโอกาสดี ๆ มาเยือนแล้ว</b> <br />
<br />
แบบที่เรียกว่า พลาดวินาทีทอง !!<br />
<br />
ส่วนผู้ชมชาวไทยก็พลอยเสียอารมณ์ไปตาม ๆ กัน พร้อมกับคำสบถว่า <i>"แม่งโคตรโง่เล้ย"</i><br />
<br />
ซึ่งต่างจากนักชกญี่ปุ่น หรือนักมวยสากลอาชีพต่างชาติอื่น ๆ ที่แม้ดูจะมีสภาพอ่อนระโหยโรยแรงแทบจะหมดแรงไปแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นคู่ต่อสู้ออกอาการมึนหมัดให้เห็น นักชกต่างชาติก็มักจะมีก๊อคที่ 2 ที่ 3 เหมือนมีแรงมีพลังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เปรียบเสมือนฉลามได้กลิ่นกลิ่นคาวเลือด สามารถบุกตะลุยรัวหมัดจนนักชก(ไทย) อีกฝ่ายแพ้น็อคได้ในพริบตา โดยเฉพาะในนักมวยชาวอเมริกันจะมีให้เห็นมาก ที่เป็นตำนานก็คือ <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>ชูกาเรย์ เรียวนาร์ด</b></span></span><br />
<br />
ซึ่งในการชกระหว่าง<b>เรียวนาร์ด</b> กับ <b>โธมัส เฮิร์น</b><br />
<br />
เรียวนาร์ด โดยเ<b>ฮิร์น</b>ชกทำคะแนนนำขาดมาทุกยก จน<b>เรียวนาร์ด</b>มีสภาพอ่อนล้าจนจะไปแหล่มิไปแหล่แล้ว บอบช้ำที่สุดในชีวิตการชกของเรียวนาร์ด<br />
<br />
แต่เมื่อเฮิร์น พลาดท่าโดนหมัดของเรียวนาร์ดจนออกอาการเป๋<br />
<br />
<b>เรียวนาร์ด</b> ที่สภาพก็ย่ำแย่แล้ว ก็กลับเสมือนมีก๊อก 2-3 เกิดแรงฮึดขึ้นมาใหม่ตามรัวหมัด ไล่ถลุง<b>เฮิร์น</b> ถึง 2 ยก.ในยกที่ 13 และ 14 จนสามารถเอาชนะเทคนิเคิลน็อคเอ้าท์ได้ในที่สุด<br />
<br />
<iframe width="490" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/QmiRQAhgiDo?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe><br />
<br />
นักชกไทยที่ผมจำได้ว่า มีก๊อก 2 ก็อก 3 ที่สามารถรัวหมัดเอาชนะน็อคคู่ต่อสู้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็คือ <b><span style="color: #990000;">เขาทราย แกแลคซี่</span></b> แชมป์โลก WBA ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของโลกและของไทย<br />
<br />
ซึ่งในช่วงที่เขาทราย ได้เป็นแชมป์โลกใหม่ ๆ ก็ไม่ค่อยมีหมัดหน้านำ ชอบเดินดุ่ย ๆ เข้าไปชกท้องคู่ต่อสู้ จนตัวเองก็เจ็บตัวไม่น้อย จนถูกแฟนมวยชาวไทยประชดว่า <b style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;">เขาควาย !!</span></b><br />
<br />
แต่ต่อมา เขาทรายก็พัฒนาฝีมือ ปิดข้อบกพร้องของตัวเองได้จนหมด คือ มีหมัดหน้านำ แถมการไล่ต้อนคู่ชกก็ทำได้อย่างเหนือชั้น จนได้รับการยกย่องว่า <b>เขาทราย แกแลคซี่ คือนักมวยที่ต่อยลำตัวคู่ต่อสู้ได้เก่งที่สุดในโลก</b><br />
<br />
ถึงจะอ้างว่านักชกไทยเป็นมวยบุก มวยไฟต์เตอร์ ก็ต้องมีหมัดหน้านำทาง เช่น ใช้หมัดหน้าชกให้คู่ต่อสู้เปิดการ์ด หรือใช้หมัดหน้าชกให้คู่ต่อสู้รำคาญและกังวล เป็นต้น ไม่ใช่เอาแต่เดินดุ่ย ๆ เดินเข้าไปหาคู่ชกแบบซื่อบื้อ<br />
<br />
แต่นั่นคือ เขาทราย ผู้มีพลังกำปั้นซ้ายที่หนักที่สุดในโลกหนักกว่าใครในรุ่นเดียวกัน <br />
<br />
<span style="background-color: white;">ถ้านักมวยสากลอาชีพชาวไทยคนไหน หมัดไม่หนักพอ ๆ กับเขาทราย ก็อย่าสะเออะเดินหน้าดุ่ม ๆ แบบโง่ ๆ ไร้หมัดหน้านำเลยครับ เพราะโอกาสชนะมีแต่ฟลุ้คเท่านั้น </span><br />
<br />
------------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">สรุป สิ่งที่นักมวยสากลอาชีพไทยควรแก้ไข </span></b><br />
<br />
1. การ<b>ฟุตเวิร์ค</b>ที่หายไป <br />
<br />
2. <b>หมัดแยบ</b> หมัดหน้าไม่ค่อยมี<br />
<br />
3. พลังแฝงไม่มี ขาดก๊อก 2 ก๊อก 3 เหตุเพราะไม่ฝึกหมัดรัวยามหมดแรงบ่อย ๆ <br />
<br />
4. อย่าวนต่อยอยู่แค่นักมวยฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เพราะนักชกพวกนี้บางคนเขามาแค่<b>หวังเงิน</b>เท่านั้น จึงมักไม่ต่อยเอาจริง เอาแค่พอเจ็บหน่อยก็รีบแพ้น็อคเอาเงินกลับบ้านเขาแล้ว ส่วนนักชกไทยก็หลงดีใจกับความสำเร็จจอมปลอม<br />
<br />
----------------<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/U2aZB6d.jpg" title="นวพล นครหลวงโปรโมชั่น" width="490" /><br />
<br />
<b>ตัวอย่างชัดเจน</b>กับความหลงผิดสไตล์เดิม ๆ นั่นคือ กรณี <span style="color: blue;"><b>นวพล นครหลวงโปรโมชั่น</b></span><br />
<br />
ถึงขนาดช่อง 3 ทำสกู๊ปการฝึกซ้อมของนวพลนานร่วมเดือน โปรโมทว่า จะชิงแชมป์ของโผน กิ่งเพชร คืนกลับสู่แผ่นดินไทยอีกครั้ง เพราะแชมป์โลกรุ่นนี้ห่างหายไปจากแผ่นดินไทยกว่า 5 ปีแล้ว<br />
<br />
สถิติของนวพลสวยหรู ไม่เคยแพ้ใคร แถมชนะน็อคเพียบ <span style="color: #444444;">(น็อคพวกปินส์กับพวกอิเหนาเป็นส่วนใหญ่) </span><span style="color: #444444;">สถิตินวพล ชนะ 33 ครั้งรวด ชนะน็อค 28 ครั้ง</span><br />
<br />
แต่พอ<b>นวพล นครหลวงโปรโมชั่น </b>รองแชมป์โลกอันดับ 1 ขึ้นชิงแชมป์เปี้ยนโลกที่ว่างลงของสภา่มวยโลก WBC รุ่นฟลายเวต 112 ปอนด์ กับ <span style="color: #990000;"><b>ฮวน เฮอร์นันเดซ</b></span> รองแชมป์โลกอันดับ 2 ชาวเม็กซิกัน <br />
<br />
<b>นวพล</b> ก็พ่ายหมดรูป แพ้เทคนิเคิลน็อคเอ้าท์ไปในยกที่ 3 พ่ายแบบที่นักชกไทยหลายต่อหลายคนมักพ่ายมาคือ ชอบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาคู่ต่อสู้แบบโง่ ๆ แล้วไม่มีหมัดนำเลย คือ หวังจะน็อคเขา แต่กลายเป็นแพ้น็อคเสียเอง<br />
<br />
สมควรแล้วกับบทเรียนของนักชกไทยคราวนี้ ซึ่งหวังว่า นักมวยสากลอาชีพไทยคนอื่น ๆ ควรจะศึกษากรณีนวพล และนักชกไทยที่ไปพ่ายชิงแชมป์โลกในต่างประเทศเป็นตัวอย่าง<br />
<br />
ส่วนนวพล แพ้คาบ้านเราเอง เขาคงเสียใจไม่น้อย แต่ผมว่า ถ้าเขาแก้ไขข้อบกพร่องตามที่ผมแนะนำในบทความนี้ เขาน่าจะยังมีโอกาสกลับมาชิงแชมป์โลกได้อีกครั้งแน่นอน <br />
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/20UUhE6a920?rel=0" width="500"></iframe><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2017/03/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-71652258566009432922016-11-09T16:06:00.002+07:002018-11-06T00:13:53.503+07:00เหตุผลที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 <br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/ZEcmAJe.jpg" width="500" /><br />
<br />
<i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"เราผลิต<b>อาวุธนิวเคลียร์</b>ไปทำไม ถ้าไม่เคยได้ใช้มัน</span></i><br />
<i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">แล้วเราเอากองทัพสหรัฐอเมริกาไปคุ้มครองโลกตรงนั้นตรงนี้ทำไม เสียทั้งเงิน เสียทั้งกำลังพลมากมายทั้งนั้น เราจะไปคุ้มครองให้เขาฟรี ๆ ไปทำไม"</span></i><br />
<br />
คือ ทรัมป์ กำลังบอกว่า การผลิตอาวุธนิวเคลียร์มันเปลือง <b>ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ต้องผลิต</b> ขีปนาวุธนิวเคลียร์ลูก ๆ นึง ราคาลูกละร่วมพันล้านบาท<br />
<br />
แล้วที่ส่งกองทัพสหรัฐฯ ไปคุ้มครองชาวบ้านฟรี ๆ ทำไปทำไม มันไม่คุ้ม<br />
ต่อไปถ้าใครอยากให้สหรัฐอเมริกาไปคุ้มครอง ก็ช่วยจ่ายเงินมา<br />
<br />
อีกนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ถูกใจชาวอเมริกัน ก็คือ ทรัมป์มี<span style="color: #cc0000;"><b>นโยบายดึงสินค้า USA กลับมาผลิตในประเทศ เพื่อให้คนอเมริกันจะได้มีงานทำ</b></span><br />
<br />
เช่น ไอโฟนจะไปผลิตแต่ที่จีนทำไม กลับมาผลิตที่ USA บ้างสิ<br />
<br />
<b>เฉกเช่น ลีวายส์แท้ต้อง <span style="color: blue;">เมดอินยูเอสเอ</span>เท่านั้น ที่คนต้องการมากกว่าผลิตที่อื่น</b><br />
<br />
เพราะจะมี <b style="color: #990000;">คนอเมริกันชาตินิยม</b>ที่จะยอมซื้อไอโฟนราคาแพงกว่า เพื่อให้คนอเมริกันจะได้มีงานทำ <b>แต่</b> !! แต่ถ้าไอโฟนกลับมาผลิตในสหรัฐอเมริกาจริง ๆ ได้ตามแผนทรัมป์<br />
<br />
ไอโฟนที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาจะมีราคาถูกกว่าไอโฟนที่จะนำเข้าจากจีน เพราะไอโฟนที่ผลิตที่จีนจะถูกตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสูงมากจนคนอเมริกันก็จะหันมาซื้อไอโฟนที่ผลิตในสหรัฐ ฯ เอง<br />
<br />
<span style="background-color: white;"><b>ส่วนไฮโซจากทั่วโลก เขาจะซื้อรสนิยมโดยไม่สนใจเรื่องราคาอยู่แล้ว</b></span><br />
<br />
เช่น ในต่างประเทศนอกสหรัฐอเมริกา ไอโฟนจะมี 2 เกรดราคา คือ Made in USA จะราคาแพงกว่าไอโฟนที่ Made in China ก็แล้วแต่คนจะเลือก<br />
<br />
เพราะเขาจะขายความเป็น <span style="color: #990000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>made in usa </b></span><br />
<br />
ต่อไป บริษัทที่นำสินค้ากลับมาผลิตในอเมริกาอีก จะได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นพิเศษ <span style="color: #444444;">(ทรัมป์ประกาศลดภาษีให้ 15%)</span> ส่วนสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ไอโฟนที่ผลิตในจีนจะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เป็นต้น<br />
<br />
อย่างบริษัทรถยนต์ของสหรัฐอเมริกาเองหลายยี่ห้อ ที่ออกไปผลิตรถยนต์ในต่างประเทศ แล้วส่งกลับมาขายในสหรัฐอเมริกาเอง ทรัมป์ก็จะเพิ่มภาษีรถยนต์นำเข้าพวกนี้เช่นกัน<br />
<br />
<b><span style="color: blue;">แม้แต่รถยนต์สัญชาติอื่น ๆ ถ้ามาผลิตในสหรัฐอเมริกา เพื่อทำให้คนอเมริกันมีงานทำ ก็จะได้รับการลดภาษีเช่นกัน</span></b><br />
<br />
<span style="font-size: large;">สรุป</span>คือ ทรัมป์แค่ต้องการบีบสินค้ายี่ห้อของอเมริกันและสินค้าที่อยากจะขายให้คนอเมริกันใช้ให้กลับมาผลิตใน usa แทน<br />
<br />
ส่วนสินค้ายี่ห้อของ usa ที่ผลิตในจีนหรือที่อื่น ๆ ก็ผลิตไว้ขายคนทั่วโลกต่อไปเหมือนเดิมได้ ไม่มีปัญหา<br />
<br />
หลักคิดของทรัมป์คือแบบนี้ คืออยากให้คนอเมริกันมีงานทำมากขึ้น และลดการขาดดุลการค้าจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศลงบ้าง <span style="color: #cc0000;">โดยเฉพาะสินค้ายี่ห้อของ usa เอง</span><br />
<br />
นี่แหละนโยบายของ<b>โดนัลด์ ทรัมป์</b>ที่โดนใจอเมริกันชน<br />
<br />
----------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">อัพเดทข่าว 2018 ทรัมป์ทำตามนโยบาย</span></b><br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/pkCEkiC.jpg" width="500" /><br />
<br />
<a href="https://www.voathai.com/a/trump-apple-can-avoid-tariffs-by-shifting-production-to-us/4564102.html" target="_blank"><b style="background-color: yellow;"><span style="color: black;">คลิก</span></b>อ่านข่าวนี้ ทรัมป์ขู่แอปเปิล</a><br />
<br />
<br />
----------------------<br />
<br />
<span style="color: purple; font-size: large;">เหตุผลที่นางฮิลลารี คลินตัน แพ้</span><br />
<br />
ก็เพราะ <span style="color: #990000;"><b>ฮิลลารี</b></span> เธอดู<b>ฉลาดลึกเกินไป</b> ไอ้ฉลาดลึกแบบนี้ คนอเมริกันเขาเริ่มเบื่อแล้ว <br />
<br />
เพราะคนประเภทนี้ <span style="color: blue;"><b>มักปากไม่ตรงกับใจ</b></span> แถม<b>นางคลินตัน</b>ก็มุ่งโจมตีทรัมป์ ในเรื่องดูถูกสตรีเพศ มากจนเกินไป<br />
<br />
กลับทำให้ผู้หญิงอเมริกัน แทนที่จะชอบนางคลินตัน กลับเป็นยิ่งเบื่อเธอมากขึ้น <br />
<br />
แล้วผลงานของ<b>พรรคเดโมแครต</b>ที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นจะทำอะไรเพื่อลดความไม่เท่าเทียมกันทางเพศลงเลย<br />
<br />
ส่วนทรัมป์ ที่แม้จะโดนโจมตีเรื่อง เคยพูดจาดูถูกสตรีเพศ แต่เขาก็ยอมรับผิดและได้ขอโทษประชาชนแล้ว <br />
<br />
คนอเมริกัน เลยคิด<b>มุมกลับ</b>ว่า <i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ไม่แน่นะ คนที่เคยถูกโจมตีเรื่องดูถูกผู้หญิง เขาก็อาจเป็นคนที่จะดำเนินนโยบายเพื่อผู้หญิงเป็นการแก้ตัวที่เคยทำผิดก็ได้</span></i><br />
<br />
เอากับคนอเมริกันเขาสิ แหม !!!<br />
<br />
------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">นโยบายโดนใจของทรัมป์ ที่โดนใจคนอเมริกันมากที่สุด</span></b><br />
<br />
ก็นโยบายเรื่อง <b>ต่อต้านการก่อการร้าย </b>และจำกัดการเข้าประเทศของผู้อพยพ และพวกลักลอบหลบหนีเข้าเมือง<br />
<br />
โดยเฉพาะจะควบคุม<span style="color: #990000;"><b>ผู้อพยพเข้าเมืองชาวมุสลิม</b></span>ให้เข้มข้นมากขึ้น <br />
<br />
นโยบายนี้เอง ที่ทำให้คนอเมริกันส่วนใหญ่ชอบมาก แม้แต่ชาวอเมริกันมุสลิมเอง ก็เชียร์ทรัมป์ ในประเด็นนี้<br />
<br />
เพราะทุกคนต้องยอมรับความจริงว่า พวกผู้อพยพมุสลิมจะมักมีพวกก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาด้วย<br />
<br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"ผมจะทำให้สหรัฐอเมริกาปลอดภัยมากขึ้น ผมจะทำให้สหรัฐอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง"</span></i> คำพูดของนายโดนัลด์ ทรัมป์<br />
<br />
<br />
<i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"อย่าได้ถามว่า สหรัฐอเมริกาจะให้อะไรกับท่าน แต่ควรคิดว่า ท่านจะทำอะไรให้สหรัฐอเมริกาบ้าง"</span></i> คำพูดของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟเคเนดี้ <br />
<br />
นี่แหละมั้ง ที่อเมริกันชน เขายึดไว้ในใจเสมอว่า <b>ประเทศต้องมาก่อนเสมอ </b><br />
<br />
(ผมหวังว่า ทรัมป์คงไม่โดนเป่าหัวแบบ JFK ก็แล้วกัน เพราะคนที่เกลียดทรัมป์แบบเข้าเส้นมีเยอะเหลือเกิน)<br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">ก่อนจบ ผมขอบอกว่า</span></b><br />
<br />
<br />
ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมี<b><span style="color: #cc0000;">สมุดลับเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง</span></b>ที่จะมีเพียงประธานาธิบดีอ่านได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น<br />
<br />
และเมื่ออ่านแล้ว ประธานาธิบดีจะต้องสาบานว่า <span style="color: #990000;"><b>อ่านแล้วจะต้องเก็บเรื่องราวในหนังสือเป็นความลับตลอดชีวิต</b></span><br />
<br />
และต้องสาบานว่า <b>จะต้องทำตามหลักการในหนังสือเล่มนี้สั่งไว้อย่างเคร่งครัดโดยซื่อสัตย์ที่สุด</b><br />
<br />
ซึ่งสมุดเล่นนี้ <span style="background-color: white;">จะมีเพียงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่เขียนข้อความเพิ่มลงไปได้</span><br />
<br />
ดังนั้น ไม่ว่าใครมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา <b>นโยบายหลัก</b>ของประเทศสหรัฐอเมริกาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/zEubPGJ.jpg" /><br />
<br />
ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือเล่น ๆ กันว่า ถ้าทรัมป์ ได้เป็น ปธน.ยูเอสเอ จริง ๆ กองทัพสหรัฐอเมริกาอาจทำรัฐประหารครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติก็ได้<br />
<br />
<span style="color: #666666;">(แต่ผมมี<b>ความลับ</b>จะบอก สาเหตุที่นางคลินตันแพ้ เพราะเธอเคยตบหน้าประธานาธิบดีบิล คลินตัน ขณะยังดำรงตำแหน่งจนหน้าแดง จากกรณีโมนิก้า ลูวินสกี้ แต่เธอไม่ยอมรับว่า เธอได้ตบหน้าประธานาธิบดี คนอเมริกันเลยคิดว่า เธอคือ<b>จอมโกหก !?</b> อันนี้เอาฮานะครับ อิอิ)</span><br />
<br />
<a href="http://akecity.blogspot.com/2016/11/blog-post.html" target="_blank"><span style="font-size: large;"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> ทำไมชาวอเมริกันส่วนใหญ่เลือกฮิลลารี แต่ผลเลือกตั้งกลับแพ้ทรัมป์</span></a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/11/45.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-82535053407526164182016-08-26T02:15:00.003+07:002017-06-18T02:47:55.959+07:00น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ยี่ห้อไหนดีที่สุด<br />
<br />
<br />
มีกระทู้ถามกันประจำในเว็บบอร์ดหลายแห่งว่า <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>น้ำมันเชื้อเพลิงยี่ห้อไหนดีที่สุด </b></span></span><br />
<br />
สำหรับผมใช้แต่รถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน จึงไม่สามารถตอบได้ในกรณีน้ำมันดีเซล ว่ายี่ห้อไหนดีที่สุด <br />
<br />
<b>แต่ถ้าถามถึงน้ำมันสำหรับเครื่องยนต์เบนซินยี่ห้อไหนดีที่สุด</b><br />
<br />
ผมตอบได้ทันทีว่า <span style="color: #cc0000;"><b>น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ของคาลเท็กซ์</b></span> นั่นคือ <span style="background-color: white;">คาลเท็กซ์เทครอนแก๊สโซฮอล์ 95 คือน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีที่สุดในขณะนี้</span><br />
<br />
ที่ผมเขียนบทความนี้ ขอรับรองด้วยสัจจะว่า ผมไม่ได้รับค่าโฆษณาหรือจะไปช่วยโปรโมทให้คาลเท็กซ์แต่อย่างใด<br />
<br />
แต่เพราะผมใช้น้ำมันคาลเท็กซ์เทครอนแก๊สโซฮอล์ 95 มาหลายปี จึงกล้าฟันธงว่า<b>ดีที่สุดในขณะนี้</b> เพราะลองมาทุกยี่ห้อแล้วก็ไม่ดีเท่าคาลเท็กซ์เทครอน<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/3BbHAq7.jpg" width="490" /><br />
<br />
ที่ผมว่า คาลเท็กซ์เทครอนดี ก็เพราะเติมแล้ว<b>อัตราการเร่งดี</b> รู้สึกได้ทันทีว่าเครื่องยนต์เกียร์อัตโนมัติเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว ไม่อืด ขับลื่นดีมาก ๆ ซึ่งเป็นผลให้ประหยัดน้ำมันและทำให้หัวฉีดเครื่องยนต์ไม่อุดตันได้ง่าย<br />
<br />
แต่ถ้าจะถามว่า <i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">มีคาลเท็กซ์เทครอนแก๊สโซฮอล์ 95 ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ยี่ห้อเดียวเหรอ ?</span></i><br />
<br />
ผมขอตอบว่า ที่จริงยังมีอีกยี่ห้อครับที่คุณภาพน้ำมันดีพอ ๆ กัน นั่นก็คือ <span style="color: #cc0000;"><b style="background-color: white;">เชลล์วีพาวเวอร์ไนโตรแก๊สโซฮอล์ 95 ครับ</b></span><br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/w5HuRfL.jpg" width="490" /><br />
<br />
เพียงแต่ว่า ราคาขายของเชลล์วีพาวเวอร์ไนโตรแก๊สโซฮอล์ 95 จะแพงกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ทุกยี่ห้อถึง<b>ลิตรละ 4 บาท</b>โดยประมาณ<br />
<br />
ก็ไม่รู้เชลล์จะขายให้แพงกว่าชาวบ้านไปมากมายทำไมขนาดนั้น <span style="color: blue;"><b>เพราะของแพงกว่าใช่ว่าจะดีกว่าเสมอไป</b></span><br />
<br />
ดังนั้น <b>แม้น้ำมันเชลล์วีพาวเวอร์ไนโตรแก๊สโซฮอล์ 95 จะมีคุณภาพดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับราคาแล้ว ก็ไม่คุ้มที่จะเติมครับ</b><br />
<br />
ผมขอสรุปเลยว่า <span style="background-color: white;">ถ้าคุณอยากได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ทำความสะอาดระบบหัวฉีดได้ดี ขับลื่น ประหยัดน้ำมันดี ก็ต้องคาลเท็กซ์เทครอนแก๊สโซฮอล์ 95 ตอนนี้ดีที่สุด</span><br />
<br />
----------------<br />
<br />
อ้อ ที่ผมเชียร์คาลเท็กเทครอน ก็เพื่อจะให้น้ำมันยี่ห้ออื่น ๆ พัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น อย่าเอาเปรียบผู้บริโภคจนเกินไป<br />
<br />
นี่คือเจตนาที่เขียนบทความนี้ครับ อยากเขียนมาหลายปีแล้วล่ะ<br />
<br />
<i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">คุณผู้อ่านไม่ต้องเชื่อผม เพราะนี่คือความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น แค่ใช้แล้วดี ก็ชอบ ก็ต้องชื่นชม เลยอยากบอกต่อเท่านั้น</span></i><br />
<br />
<b>แต่ปัญหาที่สำคัญของคาลเท็กซ์ในตอนนี้</b>ก็คือ หาปั๊มคาลเท็กซ์เติมได้ยากมาก ไม่รู้เพราะการแบ่งปันผลประโยชน์แก่เจ้าของปั๊มให้น้อยไปหรือไม่ ?<br />
<br />
เพราะขนาดปั๊มคาลเท็กซ์แถวบ้านผม ที่ตอนนี้จู่ ๆ ๆ ก็ดันเปลี่ยนเป็นยี่ห้อกลายเป็นปั๊มเอสโซ่ไปเสียแล้ว <br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script>
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/08/95.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-89871619218555553712016-07-28T02:52:00.000+07:002016-10-20T02:06:00.434+07:00เหตุผลง่ายๆ ที่ควรรับรัฐธรรมนูญ คสช. 7 สิงหา<br />
<br />
<br />
<b>วันที่ 7 สิงหาคม 2559</b> คือวันลงประชามติจะรับร่างรัฐธรรมนูญ คสช. ฉบับ <b>มีชัย ฤชุพันธุ์ </b>หรือไม่ <br />
<br />
ถ้าคุณผู้อ่านพอจะตามข่าวบ้าง ก็คงจะรู้ว่า <span style="color: #990000;"><b>พวก นปช.</b></span> หรือ<span style="color: red;"><b>พวกเสื้อแดง</b></span> รวมทั้งพวกที่แอบอ้างตัวว่าเป็น <b>กลุ่มประชาธิปไตยใหม่</b> ที่ออกมาต่อต้านรัฐประหารให้ คสช. ปวดกระบาลเล่นเป็นระย ๆ นั้น กลุ่มคนต่าง ๆ เหล่านี้ต่างประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คสช. อย่างแน่นอน<br />
<br />
จากที่ผมวิเคราะห์ เหตุผลสำคัญที่สุดจากหลาย ๆ เหตุผลที่กลุ่มคนสองกลุ่มนี้กล่าวอ้าง เหตุผลที่แท้จริงของพวกนี้ก็คือ <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>กูขอต่อต้านทุกอย่างที่เป็นผลิตผลของรัฐบาลเผด็จการ คสช.</b></span></span> ส่วนเหตุผลอื่น ๆ ที่อ้างมาไม่ใช่เหตุผลสำคัญเลย<br />
<br />
แปลง่าย ๆ ว่า พวกนี้เขาต่อต้าน คสช. จึงต้องต่อต้านรัฐธรรมนูญของ คสช. ด้วย คงเพื่อหวังผลทางการเมืองต่อไป<br />
<br />
ซึ่งจะมีอะไรต่อไปนั้น ก็ไว้รอดูว่า ประชามติ<b>โหวตโน</b>ที่พวก นปช. และพวกกลุ่มแอบอ้างเป็นกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ต้องการนั้นจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ <br />
<br />
-------------------------<br />
<br />
วานนี้ 27 ก.ค. 59 <span style="color: #cc0000;"><b>นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์</b></span> ได้ออกมาแถลงว่า เขาขอไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คสช. นี้เช่นกัน<br />
<br />
ส่วนเหตุผลนั้น ใครใคร่ฟังนายอภิสิทธิ์แถลง ก็ไปหาฟังหาอ่านกันเอาเอง <br />
<br />
แต่สำหรับผม ใหม่เมืองเอก ไม่ได้สนใจเหตุผลของนายอภิสิทธิ์เลย รู้แค่เขาประกาศไม่รับ รธน. ก็เท่านั้น<br />
<br />
------------------------<br />
<br />
<b><span style="color: blue;">เมื่อควายแดงไม่รับ พวกล้มเจ้าไม่รับ หน.แมลงสาบไม่รับร่าง รธน. 7 สิงหา</span></b><br />
<br />
พวก <b>นปช.</b> ถูกเรียกจากฝ่ายตรงข้ามว่า <span style="color: #cc0000;"><b>พวกควายแดง</b></span><br />
<br />
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีฉายาว่า <b><span style="color: #990000;">พรรคแมลงสาบ</span></b> ตามที่ฝ่ายตรงข้ามชอบเรียก ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็คือ หัวหน้าพรรคแมลงสาบ โดยปริยาย<br />
<br />
ส่วนพวกแอบอ้างเป็นพวก<b>กลุ่มประชาธิปไตยใหม่</b>นั้น ถ้าเราตามข่าวคนกลุ่มนี้มาบ้าง ก็จะรู้ว่า <b>พวกนี้สาย<span style="color: red;">ล้มเจ้า</span>ทั้งสิ้น</b><br />
<br />
แต่ที่เหมือนกันของทั้ง 3 กลุ่มข้างต้นก็คือ ต่างประกาศ<b>ไม่รับ</b>ร่างรัฐธรรมนูญ คสช. ทั้งสิ้น<br />
<br />
------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">เหตุผลง่าย ๆ ที่คุณควรจะโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญ คสช. ก็คือ</span></b><br />
<br />
ถ้าใครเกลียดหรือไม่ชอบ<b><span style="color: red;">ควายแดง</span></b> ก็ควรโหวตรับร่าง รธน. 7 สิงหา ซะ เพื่อความสะใจ<br />
<br />
หรือถ้าใครเบื่อ<b>พลพรรคแมลงสาบ</b> หรือเบื่อพวก<span style="color: #990000;"><b>ดีแต่พูด</b></span> ก็ควรโหวตรับร่าง รธน. 7 สิงหา ซะ เพื่อความสะใจ<br />
<br />
แล้วถ้าใครเบื่อไอ้พวกหน้าแก่ แต่ชอบอ้างเป็นนักศึกษา แถมชอบแอบอ้างประชาธิปไตยหากิน อย่าง<span style="color: blue;"><b>ไอ้จ่านิว อีอั้มเนโกะ</b></span> และบรรดานักศึกษา<b>สายล้มเจ้า</b>ศิษ๋ย์หงอกเจียม หรือศิษย์ชาญวิทย์ หรือศิษย์ตัวอื่น ๆ<br />
<br />
คุณก็ควรโหวตรับร่าง รธน. 7 สิงหา ซะ เพื่อความสะใจ เช่นกัน<br />
<br />
สรุปแบบ<b>ขำ ๆ </b>ในชั้นต้นว่า ถ้าคุณเบื่อพวก 3 กลุ่มนี้ ก็เลือกรับ รธน.ไปเถอะ <br />
<br />
เพราะอะไรที่ <b>3 กลุ่มคนน่าเบื่อและเป็นตัวปัญหานี้</b>ไม่ชอบเหมือน ๆกัน แสดงว่า มันต้องเป็นเรื่องดีมาก ๆ แหง ๆ 555<br />
<br />
----------------------<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/FHZNYkA.jpg" /><br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ส่วนเหตุผลที่ผม ใหม่เมืองเอก จะโหวตรับร่าง รธน. 7 สิงหา </span></b><br />
<br />
คือ คนส่วนใหญ่ในประเทศไทย แทบไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญ คุณผู้อ่านเชื่อไหม ?<br />
<br />
ดังนั้น การออกไปโหวตรับหรือไม่รับ รธน. 7 สิงหาคมนี้นั้น จึงเป็นการโหวตของคนที่ไม่เคยอ่าน รธน. เกือบทั้งสิ้น <span style="color: #666666;">(ซึ่งรวมทั้งผมด้วย)</span><br />
<br />
แต่ถ้าใครเคยดูรายการเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทางโทรทัศน์ตอนเย็น ๆ บ้าง ก็น่าจะเห็นว่า ข้อดีของ รธน. ฉบับนี้ก็มีอยู่พอควร<br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ประเทศไทยผ่านการล้มรัฐธรรมนูญมา 18 ฉบับแล้ว ถามว่า มันเคยแก้ปัญหานักการเมืองโกงได้หรือไม่ ? </span></i><br />
<br />
คำตอบคือ <b style="background-color: white;">ไม่ได้เลย </b><br />
<br />
ก็เพราะปัญหาประเทศไทยจริง ๆ ที่สำคัญที่สุด มันไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่มันอยู่ที่สันดานของคนต่างหาก <br />
<br />
แน่นอน รัฐธรรมนูญก็พยายามจะเขียนอุดช่องโหว่ต่าง ๆ เพื่อให้นักการเมืองโกงยากขึ้น แต่ก็ยังไม่เคยสำเร็จ <br />
<br />
รัฐธรรมนูญ คสช. 7 สิงหา นี้ก็เช่นกัน พยายามเขียนอุดช่องโหว่ที่ผ่าน ๆ มาเพื่อให้<span style="color: #990000;"><b>นักการเมืองสันดานศรีธนญชัย</b></span>พยายามหาช่องทางทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องได้ยากขึ้น<br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ถามว่า รัฐธรรมนูญ คสช. 7 สิงหานี้จะแก้ไขปัญหาสันดานนักการเมืองไทยได้ไหม </span></i><br />
<br />
ผมตอบได้เลยว่า ผมก็ไม่รู้ แต่เชื่อว่า <b>ไม่น่าจะแก้ไขสันดานได้เหมือน รธน.ที่ผ่าน ๆ มานั่นแหละ</b> แต่คิดว่านักการเมืองก็คงหาช่องทางยากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ พวกนักการเมืองถึงได้ดิ้นกันนักที่จะไม่รับ รธน. 7 สิงหา ฉบับนี้<br />
<br />
แต่เท่าที่รู้คร่าว ๆ รธน.ฉบับนี้บทลงโทษเรื่องคอร์รัปชันจะหนักขึ้น และเอาผิดง่ายขึ้น <span style="color: #666666;">(เชื่อว่าดีขึ้นกว่าฉบับปี 40 และปี 50)</span><br />
<br />
แต่สำหรับผม <span style="color: blue;"><b>ผมไม่สนใจประเด็นเนื้อหารัฐธรรมนูญ หรือ สนใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะปราบโกงได้หรือไม่ เท่าใดนัก</b></span><br />
<br />
แต่ผมเลือกที่จะโหวตรับรัฐธรรมนูญ มีเพียง<b>เหตุผลง่าย ๆ อย่างเดียว</b>คือ <span style="background-color: white;">โหวต ๆ ไปเถอะ มันจะได้จบ ๆ ไป เพราะรัฐบาลต้อง<span style="color: blue;">เสียงบประมาณ</span>จ้างคนมาร่างรัฐธรรมนูญ ต้องเสียเงินค่าทำประชามติ 7 สิงหาคม หมดเงินไปเป็นพันล้านบาทแล้ว</span><br />
<br />
รัฐบาลเองก็อยากจะให้ประชาชนลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปซะ จะได้ไม่เสียงบประมาณชาติไปฟรี ๆ<br />
<br />
ผมเองก็ไม่อยากให้ต้องไปจ้างคนมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีก ไม่อยากให้เสียเงินทำประชามติไปเปล่าประโยชน์<br />
<br />
ก็เลยคิดว่า โหวต ๆ รับไปซะ จะได้จบ ๆ จะได้ไม่ยืดเยื้อ <span style="color: #990000;"><b><span style="color: #990000;">เพราะยังไง ๆ รัฐธรรมนูญมันก็ไม่ใช่</span><span style="background-color: white; color: #cc0000;">ของวิเศษ</span><span style="color: #990000;">ที่จะมาแก้สันดานนักการเมืองไทยได้อยู่แล้ว</span></b></span><br />
<br />
แล้วเราจะไปโหวตไม่รับ รธน. ไปทำไมให้ยุ่งยากล่ะ มันเปลืองงบประมาณเข้าใจไหม ถ้าต้องไปร่าง รธน. ใหม่อีก<br />
<br />
แถมถ้าไม่รับร่าง รธน. 7 สิงหา เดี๋ยว<b>พวกที่ต้องการออกมาป่วนชาติ</b> ยิ่งได้ใจหาเหตุออกมาสร้างความปั่นป่วนชาติให้เซ็งอีก<br />
<br />
แถมยังมี<b><span style="color: blue;">คนจรจัดหนีคุก</span></b>รอใช้เรื่องคว่ำ รธน. ฉบับนี้เพื่อดิสเครดิต คสช. ผ่านสื่อรับจ้างเขียนข่าวในต่างประเทศอีกด้วย<br />
<br />
คือผมเบื่อจริง ๆ ไอ้พวกป่วนชาติแอบอ้างประชาธิปไตยเนี่ย งั้นก็รับ ๆ รธน. ไปซะ พวกเราจะได้มีการเลือกตั้งไปตามแผนที่วางไว้แต่แรก<br />
<br />
--------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">สว. บางส่วนมาจากการแต่งตั้ง</span></b><br />
<br />
คือ ประเทศอังกฤษ ประเทศแม่แบบประชาธิปไตย เขาก็มี สว.ที่มาจากการแต่งตั้งเหมือนกัน <br />
<br />
แต่อังกฤษเขาไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรให้ล้มแล้วล้มอีกแบบของไทย <br />
<br />
<i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">เพราะสันดานนักการเมืองและสันดานประชาชนของอังกฤษ เขามีจิตสำนึกประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด</span></i><br />
<br />
ส่วนคนไทย นักการเมืองไทย ทหารไทย เอะอะอะไรก็โทษรัฐธรรมนูญ ดังนั้นที่บ้านเมืองเรามันเฟะแบบนี้ ประเด็นปัญหาจริง ๆ จึงไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ<br />
<br />
แต่มันอยู่ที่<b>สันดานของคนไทย</b>ต่างหาก จริงไหม ?<br />
<br />
สำหรับผมนะ ผมคิดว่า การที่มี สว.แต่งตั้งบางส่วนในระยะแรก ๆ ก็น่าจะดี จะได้เหมือนมีผู้ใหญ่มาคอยดูแลไม่ให้นักการเมืองไทยเล่นการเมืองตามอำเภอใจจนชาติพังง่าย ๆ อีก <br />
<br />
<b>ก่อนจบบทความ ผมจึงขอสรุปว่า </b><br />
<br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ในเมื่อปัญหาชาติจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ดังนั้นก็ควรไปโหวตรับ รธน. 7 สิงหาคมกันเถอะครับ จะได้ไม่เสีย<b>งบประมาณชาติ</b>ไปเปล่า ๆ อีก และจะได้ไม่เปลือง<b>งบประมาณชาติ</b>เยอะไปกว่านี้อีกครับ 555</span></i><br />
<br />
--------<br />
<br />
<u>เสริม</u><br />
<br />
ประเด็นที่นายอภิสิทธิ๋ ติงเรื่อง รธน. เอาผิดนักการเมืองโกงว่า เปิดโอกาสให้ผู้ต้องคดีทุจริตยื่นอุทธรณ์ได้<br />
<br />
แสดงว่า นายอภิสิทธิ์ไม่เข้าใจเลยว่า นี่มันคือกระบวนการยุติธรรมตามหลักสากล<br />
<br />
ปัญหาเรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้อยู่ที่มีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่<br />
<br />
หากต่อไปกำหนดให้คดีนึกการเมืองทุจริต ต้องตัดสินให้เสร็จภายใน 1 ปีทุกคดี ถึงเปิดโอกาสให้ยื่นอุทธรณ์ได้ ก็ไม่ใช่ปัญหา<br />
<br />
เพราะปัญหาจริง ๆ คือคดีที่ล่าช้าต่างหาก คือ ความไม่ยุติธรรม<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/07/7.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-79537513045700786692016-06-19T06:08:00.001+07:002016-10-20T02:10:56.304+07:00ข้อคิด เมื่อแฟนหรือคนรักตายจากไป<br />
<br />
<br />
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มี<b>สถิติอุบัติเหตุทางรถยนต์สูงมากที่สุด</b>เป็นอันดับสองของโลก จึงมีคนที่ต้องตายก่อนวัยอันควรเป็นจำนวนมาก <br />
<br />
รวมถึงโรคภัยที่เกิดจากปัญหาสิ่งแวดล้อมและอาหารการกินอันก่อให้เกิด<span style="color: #990000;"><b>โรคมะเร็ง</b></span> ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มีคนไทยที่ตายก่อนวัยอันควรเช่นกัน<br />
<br />
ดังนั้นจึงมีแฟนหรือคนรักของใคร ๆ หลาย ๆ คน ที่ต้องตายจากกันเป็นจำนวนมากตามไปด้วย<br />
<br />
บทความนี้มีชื่อว่า <b style="background-color: white;">"ข้อคิด เมื่อแฟนหรือคนรักตายจากไป"</b> ผมจะเน้นเนื้อหาเฉพาะ<span style="color: blue;">แฟนหรือคนรักกันที่<u>ยังไม่แต่งงานกันไม่ได้เป็นผัวเมียกัน</u>เป็นสำคัญนะครับ</span><br />
<br />
ส่วนกรณีสามีหรือภรรยาที่ตายจากกัน ก็จะเป็นประเด็นรอง <br />
<br />
โดยบทความจะเน้นไปที่<b>ฝ่ายผู้หญิงที่เป็นฝ่ายสูญเสียคนรักไป เป็นหลัก </b>เพราะผู้หญิงมักจะเป็นฝ่ายยึดมั่นในความรัก และมักปิดกั้นความรักครั้งใหม่ที่จะเกิดในอนาคต<br />
<br />
ส่วนฝ่ายชายที่สูญเสียแฟนหรือคนรักไป ไม่ค่อยมีปัญหาในการเปิดใจใหม่เท่าไหร่<br />
<br />
------------<br />
<br />
คือพอดีผมได้ดูคลิปรายการวู้ดดี้ ได้ไปสัมภาษณ์<b><span style="color: #990000;">คุณจุ๊บ</span> แฟนสาวของดีเจโจ้ อัครพล</b> ดีเจชื่อดังที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมื่อร่วม ๆ 10 ปีที่ผ่านมา<br />
<br />
ดีเจโจ้จีบคุณจุ๊บ ตั้งแต่คุณจุ๊บ อายุแค่ 16 ปีเท่านั้น โดยในตอนนั้นดีเจโจ้อายุ 28 ปี ซึ่งในตอนแรกคุณจุ๊บ บอกว่ายังไม่ได้ชอบดีเจในทันทีหรอก เพราะหน้าตาไม่ถูกสเปค <br />
<br />
แต่เพราะความจริงใจ และความสม่ำเสมอของดีเจโจ้ จึงทำให้คุณจุ๊บ รักดีเจโจ้ในที่สุด <br />
<br />
และเมื่อดีเจโจ้เสียชีวิตไปแล้วในวัย <b>34 ปี</b>เมื่อ 10 ปีก่อน คุณจุ๊บก็ยังรักดีเจโจ้มาจนวันนี้ ทั้งยังเก็บรูปและสิ่งของสำคัญส่วนตัวของดีโจ้ไว้ทั้งหมด รวมทั้งรูปถ่ายเก่า ๆ ที่เคยถ่ายกับดีเจโจ้เอาไว้<br />
<br />
คุณจุ๊บ ได้บอกว่า <b>ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เธอไม่ได้ปิดกั้นที่จะมีใครเข้ามาจีบ</b> ซึ่งก็มีผ่านเข้ามาเรื่อย ๆ แต่เมื่อคนที่มาจีบมาเห็นรูปที่คุณจุ๊บถ่ายคู่กับดีเจโจ้ ผู้ชายที่มาจีบก็มักจะถามว่า <b>เคยเป็นแฟนของดีโจ้เหรอ?</b><br />
<br />
คุณจุ๊บ ก็บอกโดยไม่ปิดบังว่า <span style="background-color: white;"><span style="color: #660000;"><b>ใช่ เธอเป็นแฟนดีเจโจ้ และรักดีเจโจ้ที่สุด ไม่มีใครมาแทนดีเจโจ้ได้ ซึ่งถ้าใครรับได้ก็แล้วไป แต่ถ้าใครรับไม่ได้ก็ไม่ควรคบกัน</b></span></span><br />
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/mzbbhVwKX6o?rel=0" width="500"></iframe><br />
<br />
<br />
จากการดูคลิปรายการสัมภาษณ์คุณจุ๊บ <u>ผมคาดว่า</u> ณ ตอนที่สัมภาษณ์เมื่อปี 2558 คุณจุ๊บคงยังไม่มีแฟนหรือคนรักใหม่ <br />
<br />
สาเหตุบางประการที่อาจจะมีส่วนทำให้ผู้ชายที่เข้ามาจีบคุณจุ๊บต้องเลิกราไป อาจเพราะเขาคงทำใจรับไม่ได้ที่คุณจุ๊บ บอกว่า <b>เธอยังรักดีเจโจ้มากที่สุด และจะไม่มีใครมาแทนที่ดีเจโจ้ได้ตลอดไป </b><br />
<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ส่วนคำแนะนำในเรื่องนี้ของผม สำหรับผู้ชายที่คิดจะมาจีบคุณจุ๊บในอนาคต </span></b><br />
<br />
การที่คุณจุ๊บ บอกว่า เธอยังรักดีเจโจ้มากที่สุด และไม่มีใครแทนที่ดีเจโจ้ได้นั้น <br />
<br />
ผมอยากจะบอกว่า ความรักที่มีต่อคนรักที่ตายจากไปแล้ว มันจะยังคงอยู่ในใจเธอเสมอและตลอดไปแน่นอน เพียงแต่ว่า <u>มันไม่ได้แปลว่า เธอจะรักใครใหม่อีกไม่ได้ หรือไม่ได้แปลว่า เธอจะรักผู้ชายคนใหม่ให้มากที่สุดอีกไม่ได้</u><br />
<br />
<span style="color: blue;"><b>แน่นอนคงไม่มีใครมาแทนที่ใครได้หรอกครับ</b></span> รักครั้งใหม่ไม่อาจแทนที่รักครั้งเก่าได้ เพราะ<b>มันคนละคนกัน</b> ก็ย่อมแตกต่างกัน แต่ไม่ใช่ว่า เธอจะรักใครหมดหัวใจแบบคุณโจ้อีกไม่ได้<br />
<br />
เพียงแต่ความรู้สึกดี ๆ ความทรงจำดี ๆ ความรักที่คุณจุ๊บยังมีให้แก่ดีเจโจ้นั้น มันยังคงอยู่ในใจเธอไปตลอดเท่านั้นเอง<br />
<br />
ดังนั้นผู้ชายที่คิดจะมาจีบคุณจุ๊บ <span style="background-color: white;">จึงควรเข้าใจเธอ เห็นใจเธอให้มาก และต้อง<span style="color: #990000;"><b>ใจกว้าง</b></span>ครับ</span> ถึงจะเรียกว่า <b>รักเธออย่างจริงใจเช่นกัน</b><br />
<br />
โดยให้ลองคิดในมุมกลับกัน ด้วย<b><span style="color: #cc0000;">หลักใจเขาใจเรา</span></b> เช่น ถ้าคุณมีแฟนสาวที่คุณรักมากที่สุดตายจากไปก่อนวัยอันควร คุณก็คงจะรักเธอตลอดไปเช่นเดียวกันจริงไหม และมันก็จะเป็นความรักที่เก็บอยู่ในความทรงจำดี ๆ ของคุณตลอดไปจริงไหม<br />
<br />
แต่<b>ชีวิตคนเราต้องดำเนินต่อไป</b> การจะไปจมอยู่กับความรักกับคนที่ตายไปแล้วนั้นไม่ผิด แต่ก็ไม่ควรถึงกับปิดกั้นความรักครั้งใหม่ที่อาจทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขยิ่งขึ้นไปในอนาคตก็เป็นได้<br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"เพราะรักแท้ไม่ได้จะมีได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นครับ" </span></i>คำกล่าวนี้คือความจริง เชื่อผม !!<br />
<br />
เพียงแต่ว่า รักแท้อันเดิมก็ยังคงอยู่ต่อไป แต่อาจแปรเปลี่ยนไปเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ไม่ใช่รักแบบหญิงกับชายแบบเดิมอีก <br />
<br />
<b>ผมจึงมีข้อแนะนำสำหรับใครก็ตามที่สูญเสียคนรักไปก่อนวัยอันควร แล้วได้พบเจอรักครั้งใหม่ ควรทำตามคำคมนี้ครับ </b><br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/xOf2bjj.jpg" width="495" /><br />
<br />
ถ้าตาม<span style="color: #990000;"><b>หลักการเวียนว่ายตายเกิด</b></span> ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แปลว่า เขาสิ้นบุญและสิ้นเวรกรรมในชาตินี้ไปแล้ว และเขาก็จะไปเกิดหรือจุติในภพภูมิใหม่ในทันที <b>เขาไม่ได้รับรู้อะไรอีกแล้วในชาติที่ผ่านมา เพราะมันจบไปแล้ว </b><br />
<br />
ดังนั้นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ก็<span style="color: #660000;"><b>ควรให้ความสำคัญกับคนรักที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกันในปัจจุบันจะดีกว่า</b></span><br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">หากเราทำให้คนรักในปัจจุบัน<b>เสียใจ</b> ก็เท่ากับก่อบาปกรรมต่อกัน แต่ถ้าเราทำให้คนรักในปัจจุบัน<span style="color: #990000;"><b>สุขใจ</b></span> ก็เท่ากับก่อกุศลกรรมต่อกัน </span><br />
<i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><br />
</span></i> <i><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"ทำดีต่อคนที่ยังอยู่ ย่อมดีกว่าทำดีกับคนที่ตายไปแล้ว"</span></i><br />
<br />
ส่วนหลักศาสนาพุทธ ก็สอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่จมอยู่กับอดีต<br />
<br />
ปล่อยวางความรักในอดีต ก็แค่วางลง ไม่ยึดติดเท่านั้น แต่ความรักก็ยังคงอยู่ตลอดไป<br />
<br />
-----------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">บังเอิญผมไปเจอกระทู้ดี ๆ ที่พันทิพ มีคนตั้งกระทู้ว่า </span></b><br />
<br />
<b style="background-color: white;">"ถ้าแฟน/สามี/คนรัก เสียชีวิต คุณจะมีคนใหม่หรือไม่คะ? หรือว่า จะไม่มีใครอีกเลยตลอดชีวิตคะ? อยากรู้ความเห็นค่ะ"</b><br />
<br />
<span style="color: #666666; font-size: x-small;">http://pantip.com/topic/33869084</span><br />
<br />
กระทู้นี้มีคนตอบได้ดีมาก ๆ อยู่หลายความเห็น<br />
<br />
ก่อนอื่น ผมขอ<u>แยกแยะความหมาย</u>ของคำภาษาไทยให้ชัดนะครับ เพื่อไม่ให้สับสนในการสื่อสารอย่างชัดเจนในบทความ<br />
<br />
<b>แฟน</b> ควรหมายถึง คนรักที่ยังไม่เคยมีอะไรกัน ไม่ได้อยู่กินกัน ไม่ได้แต่งงานกัน <br />
<br />
<b>ผัว หรือ เมีย</b> ควรหมายถึง ได้เสียกันแล้ว <br />
<br />
<b>สามี หรือ ภรรยา</b> หมายถึง แต่งงานจดทะเบียนสมรสได้เสียกันแล้ว<br />
<br />
คือ คนไทยมักเรียกคำว่า <b>แฟน</b> กันจนงง จนสับสนว่า ตกลงยังเป็นแค่แฟน หรือ เป็นผัวเมีย หรือ เป็นสามีภรรยา กันแน่ เพราะชอบใช้คำว่า <b>แฟน</b> แบบเหมารวมจนงงในสถานะไปหมด<br />
<br />
<br />
มีความเห็นในกระทู้นี้ <span style="color: #990000;"><b>ถ้าในกรณียังเป็นแค่แฟนเท่านั้น</b></span> ยังไม่เคยได้เสียมีอะไรกัน ผมชอบความเห็นที่ 57 มากที่สุด เพราะได้เขียนไว้ว่า<br />
<br />
<span style="background-color: white;">"แฟนดิฉันก็เพิ่งตายคะ ถามว่าต้องการรักเขาตลอดไป ดิฉันขอตอบว่า ใช่คะ จะรักเขาตลอดไป เขาจะอยู่ในหัวใจ เป็นความทรงจำที่สวยงาม แต่ดิฉันยังมีชีวิตคะ ยังมีรัก โลภ โกรธ หลงคะ ยังมีความต้องการ แต่ ถ้าจะมี ก็ขอคนที่ดีกว่า แฟนเก่า หรือ ผู้ชายที่สามารถทำให้ดิฉันรักได้หมดใจอีกครั้งคะ แต่ถ้าอยู่คนเดียวได้ ไม่ตาย ก็อยู่ไปคะ ใช้ชีวิตและทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และ ปล่อยไปตามความรู้สึก <b>อย่าปิดกั้น มีความสุขกับปัจจุบัน ที่สำคัญอย่าจมปลักกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว พอ!</b>"</span><br />
<br />
<br />
ส่วนในกรณีที่เป็น<span style="color: #990000;"><b>ผัวเมีย สามีภรรยา ผัวเมียได้เสียกันแล้ว อยู่กินกันแล้ว </b></span>ผมชอบอยู่ 2 ความเห็น คือ ความเห็นที่ 3 และความเห็นที่ 4 <br />
<br />
<span style="color: #660000;"><b>ความเห็นที่ 3</b></span> เขียนไว้ว่า<br />
<span style="background-color: white;"><br />
</span> <span style="background-color: white;">"ความคิดส่วนตัวนะคะ ถ้าสามี/แฟน/คนรัก <b><span style="color: #cc0000;">ถ้าอยู่กินด้วยกันแล้ว</span></b> เกิดเสียชีวิต</span><br />
<span style="background-color: white;">คิดว่าคงไม่มีแล้วละค่ะ เพราะตอนที่เลือกคนนี้ คิดที่จะหยุดกับคนนี้ ก็ไม่อยากมีอีกแล้วละค่ะ <span style="color: #444444;">(โลกส่วนไปไหมค่ะ)</span></span><br />
<span style="background-color: white;">คงแล้วแต่คนด้วยค่ะ ถ้ารักคนนี้จริงๆ ก็ไม่มีแล้วละค่ะ ถึงแม้จะมีคนดีแค่ไหนเข้ามา อยากทำให้ตัวเองมีค่าบ้างค่ะ</span><br />
<span style="background-color: white;">ไม่ใช่ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่อยากเสียตัวหลายครั้งค่ะ</span><br />
<span style="background-color: white;">ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ ขึ้นอยู่กับคนแต่ละคนด้วยละค่ะ"</span><br />
<br />
<br />
<b><span style="color: #660000;">ความเห็นที่ 4</span></b> เขียนไว้ว่า <br />
<br />
<span style="background-color: white;">"ต้องดูปัจจัยหลักๆหลายข้อค่ะ</span><br />
<span style="background-color: white;">1.อายุของเราตอนนั้นมากรึยัง ถ้าแก่ชนิดเลข 5 ขึ้น คงไม่สนใครแล้วค่ะ</span><br />
<span style="background-color: white;">2.มีลูกมั้ย ถ้ามี จะสาวแค่ไหนคงไม่มองใครค่ะ คนอื่นเขาไม่มีทางมารักลูกเราเท่าเรา ตัดปัญหาเลยจบ ไหนจะที่อีกฝ่ายมาตะขิดตะขวงใจหรือหาประโยชน์จากเราอีก</span><br />
<span style="background-color: white;">3.ถ้าอายุไม่มากและยังไม่มีลูก ก็คงอาจจะแค่คบเป็นแฟนค่ะ คงไม่แต่งงานเป็นทางการอีกรอบแน่"</span><br />
<br />
-----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ยกตัวอย่างกรณี แจ็ค กับ โรส ในไททานิค</span></b><br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/AqY5Mm1.jpg" width="490" /><br />
<br />
<br />
ผมอยากยกกรณีตัวอย่างจากภาพยนตร์เรื่อง <b>ไททานิค</b> เวอร์ชัน แจ็ค กับ โรส <br />
<br />
แจ็ค กับ โรส มีรักแท้ที่จริงใจต่อกัน แต่ก่อนที่ แจ็ค จะเสียชีวิตนั้น<br />
<br />
แจ็ค ได้บอกกับโรส เพื่อให้โรสสัญญากับเขาว่า <i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"คุณจะเอาชีวิตรอดเพื่อผม คุณจะไม่ยอมแพ้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะสิ้นหวังอย่างไร”</span></i><br />
<br />
โรส จึงต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่รอด และเธอก็ได้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขไปจนถึงอายุ 101 ปี แม้เธอจะแต่งงานมีสามีมีลูก แต่<u>โรสก็ไม่เคยเลิกรักแจ็ค</u> <b>แจ็คยังคงเป็นความรักที่แท้จริงของโรสตราบจนโรสสิ้นลมหายใจ</b><br />
<br />
<b><span style="color: blue;">โรส เธอมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขเพื่อแจ็ค</span></b> นี่แหละที่เรียกว่า การมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าและมีความสุขเพื่อคนที่รักเรา แม้เขาจะตายจากไปแล้ว<br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">เพราะรักแท้ย่อมปรารถนาให้คนที่เรารักมีความสุข ไม่ใช่มัวแต่จมอยู่กับความทุกข์จากการสูญเสียคนรักไปตลอดชีวิต</span></i><br />
<br />
<br />
<span style="color: #666666;">(ส่วนคำว่า <b>รักเดียวใจเดียว</b> มักใช้ในกรณี คนที่แต่งงานกันแล้ว จดทะเบียนกันแล้ว หรืออยู่กินกันเป็นผัวเมียกันแล้ว ส่วนกรณียังเป็นแค่แฟนกันเท่านั้น ไม่จำเป็นถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ควรคบเป็นคนๆ ไป) </span><br />
<br />
------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">บทเพลงของคนที่สูญเสียคนรักตายไปก่อนวันอันควรชอบฟังเป็นอันดับ 1 </span></b><br />
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="335" src="https://www.youtube.com/embed/bn5oGcdu1kM?rel=0" width="500"></iframe><br />
<br />
เท่าที่ผมรู้นะ คนที่สูญเสียคนรักไป ไม่ว่าจะเป็นแฟน หรือ สามี ที่ยังรักกันอยู่ แต่ต้องมาตายจากกัน มักชอบฟังเพลง <b><span style="color: #cc0000;">"รักเธอทั้งหมดของหัวใจ" </span></b>มากที่สุด<br />
<br />
แต่ผมว่า เพลงนี้ออกแนวเศร้ามากไปหน่อย แม้เพลงจะไพเราะมากก็ตาม แต่ดูเหมือนจะทำให้คนฟังมักจมอยู่กับอารมณ์เศร้ามากไป จนถึงขั้นอาจ<u>คิด</u>อยากจะตายตามคนรักไปเลยก็ได้<br />
<br />
ถ้าให้ผมแนะนำเพลงนะ ผมว่า ถ้าอยากจะฟังเพลงที่แนว ๆ เดียวกัน เนื้อหาใกล้ ๆ เคียงกันนี้ แต่ดูจะมีความสุขมากกว่าเศร้า ฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งดี แนะนำว่าควรฟังเพลงนี้ดีกว่าครับ <br />
<br />
เพลง <span style="color: #cc0000;"><b>"เธอจะอยู่ในใจฉันตลอดไป"</b></span> วงแคลช<br />
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="335" src="https://www.youtube.com/embed/iUlTq0fZrLw?rel=0" width="500"></iframe><br />
<br />
บทความของผมขอจบลงเท่านี้ หวังว่า ผู้ที่สูญเสียแฟนที่รักไปก่อนวัยอันควร คงจะได้ข้อคิดดี ๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ <br />
<br />
<a href="http://kaeake.blogspot.com/2016/06/blog-post.html" target="_blank"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> กฎแห่งความรัก บุพเพสันนิวาสตามหลักพุทธศาสนา</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/06/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-53528760061897262332016-05-07T13:31:00.001+07:002018-04-01T19:32:19.718+07:00ข้อคิดเรื่องโรคหอบหืด กับการเกณฑ์ทหาร<br />
<br />
<br />
คือเรื่องเป็น<b>หอบหืด</b> แล้วไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั้น<br />
<br />
อันนี้ถ้าจะดราม่ากัน ก็เถียงกันไม่จบหรอกครับ เพราะถ้ายึดตามระเบียบจริง ๆ โรคหอบหืดก็ไม่ต้องเป็นทหาร <span style="color: #666666;">(มันเป็นสิทธิของแต่ละคน) </span><br />
<br />
เพราะถ้าโรคหอบหืดในขั้นรุนแรง มันก็อาจถึงตายได้ง่าย ๆ เช่น <b>อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล</b> ดาราชายที่จากไปด้วยโรคหอบหืดก่อนวัยอันควร หรือล่าสุด ก็<span style="color: #990000;"><b>ท่านบรรหาร ศิลปอาชา</b></span> แต่นั่นก็เพราะท่านอายุมากแล้วด้วย<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/NiQeKkT.jpg" width="480" /><br />
<img src="http://i.imgur.com/RcsyMZx.jpg" width="480" /><br />
<br />
แต่ประเภทอ้างว่าเป็น<b>หอบหืด</b> แต่ตัวเองกลับเล่นกีฬาเตะฟุตบอลได้สบาย ๆ หรือแสดงหนังบู๊เตะต่อยได้สบาย หรืออดหลับอดนอนกลางป่าเขาเพื่อถ่ายหนังได้กลางแจ้ง หรือประเภท<span style="color: blue;"><b>ร้องเพลงเต้นเก่งระดับเทพทีละ 3-4 ชม.</b></span> <b>ซิคแพค</b>กระจาย แต่ดันมาอ้างว่าเป็นโรคหอบหืด เพื่อขอไม่เป็นทหาร <br />
<br />
แบบนี้เขาเรียกว่า อะไรนะ ผมไม่อยากเขียนให้กระดาก <br />
<br />
ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งหลายทั้งปวง มันก็ขึ้นอยู่ที่<span style="color: blue;"><b>จิตสำนึก</b></span>ของเจ้าตัวคนที่จะไปเกณฑ์ทหารเองนั่นแหละมากกว่า<br />
<br />
เพราะถ้าอยากเป็นทหารจริง ๆ และอาการโรคหอบหืดก็สงบมาหลายปีแล้ว <b>เสมือนหายแล้ว</b> และอาการก็ไม่เคยกำเริบเป็นถึงขั้น<b>แบบปางตาย</b>มาก่อน หลายคนก็เลือกที่จะเข้ารับการคัดเลือก <span style="color: #cc0000;">(จับใบดำใบแดง)</span> โดยไม่เอาใบรับรองแพทย์มาบอกทางกองทัพในวันตรวจเลือก เพราะส่วนใหญ่ถ้าอาหารหอบหืดหายดีนานแล้ว เขาก็ไม่มีใบรับรองแพทย์มากันหรอก<br />
<br />
แล้วคนส่วนใหญ่<u>ในอดีต</u>เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ถ้าเป็นโรคหอบหืดก็ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์<br />
<br />
โดยที่ผ่านมา หากมีดาราไปเป็นทหาร ทางกองทัพก็มักให้ทำหน้าที่ ๆ สบายกว่าคนอื่น ๆ อยู่พอควร เช่น ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์เชิงบวกให้กองทัพ ออกไปพบปะประชาชนตามท้องที่ต่าง ๆ เป็นต้น<br />
<br />
กรณีตัวอย่างที่ผมเคยเจอ คือ พอคนที่เคยเป็นหอบหืดได้ไปเป็นทหารแล้ว ถ้าเจ้าตัวเกิดกลัวโรคจะกำเริบอีกหลังจากทดลองฝึกหนัก แล้วอาจไปต่อไม่ไหว เขาก็จะไปแจ้งกับครูฝึก แล้วเอาใบรับรองแพทย์ไปยืนยันทีหลัง<br />
<br />
แล้วหลังจากนั้นทางครูฝึก ก็จะส่งเรื่องทำเรื่องให้ทหารเกณฑ์คนนั้น<span style="background-color: white;">ได้ไปทำงานด้านเอกสาร หรือเป็นพลขับ หรือ คอยรับใช้นายทหาร หรืออื่น ๆ ที่ไม่ต้องฝึกหนักแทน</span> แต่ก็ยังพอมีฝึกระเบียบวินัยแบบทหารบ้างเท่านั้น<span style="color: #444444;"> (กรณีหากเจ้าตัวเลือกที่จะเป็นทหารต่อไปนะ คือจริง ๆ จะโดนปลดประจำการเลยก็ได้)</span><br />
<br />
ส่วนนักกีฬาอาชีพที่เคยเป็นหอบหืดตอนเด็ก ๆ แต่พอมาเล่นกีฬาแล้วหายจากโรคนี้ก็เช่น <b><span style="color: blue;">ดนัย อุดมโชค</span></b> เป็นต้น<br />
<br />
ผมมีเพื่อนหลายคนก็เป็นหอบหืด แต่ก็เรียน รด. ได้ โดยไม่เคยมีอาการกำเริบเลย เพราะการคุมโรคอย่างดีมาหลายปี โรคก็สงบจนเหมือนหายไปแล้ว เพียงแต่ยังทานยาคุมบ้างเล็กน้อยเท่านั้น<br />
<br />
ส่วนดาราที่บอกเองว่า เป็นโรคหอบหืดตอนเด็ก ๆ ก็คือ <b>โก๊ะตี๋ อารามบอย</b> เพียงแต่ว่า โก๊ะตี๋ กลับอยากเป็นทหารรับใช้ชาติมากที่สุด เพียงแต่มันเกิดเรื่องฮาขึ้นเท่านั้น<br />
<br />
แนะนำอ่าน "เมื่อโก๊ะตี๋ ต้องไปเกณฑ์ทหาร" ตามลิงค์นี้<br />
<br />
<a href="http://akelovekae.blogspot.com/2014/04/blog-post_10.html" target="_blank">http://akelovekae.blogspot.com/2014/04/blog-post_10.html</a><br />
<br />
<br />
--------------------<br />
<br />
เมื่อเสาร์ที่แล้ว ผมได้ชม <b><span style="color: blue;">เจสัน ยัง</span></b> ให้สัมภาษณ์ในรายการทีวีรายการหนึ่ง <br />
<br />
เขาบอกว่า เขาเคยสมัครเข้าเป็นพลทหารในกองทัพเรือ เขาบอกว่า ถ้าให้เขาเล่าว่า การเป็นทหารให้อะไรกับเขาบ้าง เขาบอกว่า เล่าเป็นชั่วโมงก็ไม่จบ<br />
<br />
แต่<b>เจสัน ยัง</b> เขาขอบอกสั้น ๆ ว่า <i><span style="background-color: white; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">"การเป็นทหารสอนให้เขาเป็นอดทนต่อความกดดันต่าง ๆ ในชีวิตได้" </span></i><br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/EQXmEO8.jpg" width="480" /><br />
<br />
ใช่เลยครับ ปัญหาของสังคมไทยที่มีปัญหามากในตอนนี้ ก็เพราะผู้คนไม่ค่อยอดทนอดกลั้นกัน<br />
<br />
บางทีผมก็นึกนะว่า อยากให้กฎหมายบังคับให้ชายไทยเป็นทหารเกณฑ์ทุกคน ไม่ใช่เพื่อไปรบกับใครหรอก <br />
<br />
แต่เพื่อได้ไปฝึกตน ฝึกให้รู้จักความรับผิดชอบต่อ<b>หน้าที่</b> <span style="color: #990000;"><b>ฝึกความเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง</b></span> เพื่อจะได้พลเมืองที่ดีของประเทศต่อไปในอนาคต <br />
<br />
<a href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/04/blog-post.html" target="_blank"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> เหตุผลที่ไม่ควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารของไทย</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/05/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-4223787885991275602016-04-25T07:31:00.004+07:002016-10-20T02:19:48.145+07:00รีวิวข้าวปลาผัดขิงเต้าซี่ 7-11 ข้าวกล่องแช่แข็งที่อร่อยที่สุด<br />
<br />
ผมเป็นคนนึงที่กินข้าวกล่องแช่งแข็งของเซเว่นอีเลฟเว่นมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม ตั้งแต่สมัยเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนน่าจะได้<br />
<br />
ข้าวกล่องแช่แข็งของเซเว่นฯ ในยุคแรก ๆ จะเป็นกล่องพลาสติกสำหรับไมโครเวฟอย่างดี ภายในมีข้าวและ<b>กล่องกระดาษสีขาว</b>ที่ใส่กับข้าวแยกไว้เป็นสัดส่วน <br />
<br />
เมื่อแรกเริ่มของข้าวกล่องเซเว่น กล่องจะใหญ่กว่าปัจจุบันมาก ราคาขายตอนนั้นกล่องละ 25 บาท ต่อมาก็ 27 บาท มีข้าว 3 ชนิดที่ขายคือ <span style="color: blue;"><b>ข้าวกะเพราหมู ข้าวพแนงหมู</b></span> และ<span style="color: #990000;"><b>ข้าวหมูทอดกระเทียม</b></span><br />
<br />
แต่พอนานวันเข้า นานวันเข้า กล่องข้าวเซเว่นฯ ก็เริ่มเล็กลง ๆ และไม่ใช่กล่องพลาสติกที่คุณภาพค่อนข้างดีเหมือนอดีต แต่กลายมาเป็นกล่องแบบที่เห็นในปัจจุบัน<br />
<br />
---------------<br />
<br />
สำหรับบทความนี้ ผมอยากจะแนะนำข้าวกล่องแช่แข็งเซเว่นฯ ที่ผมทานแล้วว่า อร่อยที่สุด ทานมานานก็ไม่เบื่อ <br />
<br />
ซึ่งต่างจากข้าวกล่องแช่แข็งชนิดอื่น ๆ ที่กินแล้วยังมีเบื่อได้ เอียนได้<br />
<br />
นั่นก็คือ <b style="background-color: yellow;">ข้าวปลาผัดขิงเต้าซี่ </b><br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/9TLCjO0.jpg" width="485"><br />
<br />
จริง ๆ แล้วข้าวปลาผัดแบบนี้ เซเว่นฯ ก็เคยออกมาแล้วครั้งนึงในชื่อว่า ข้าวปลาผัดคึ่นช่าย (ถ้าจำไม่ผิด) ในราคากล่องละ 40 บาท<br />
<br />
แต่พอขายได้สักพัก ก็หายไปจากเซเว่นอีก<br />
<br />
แล้วอีกสักไม่กี่เดือนต่อมา ก็กลับมาใหม่ด้วย<b>รสชาติที่อร่อยกว่าเดิม</b> ในชื่อว่า <span style="color: #990000;"><b>ข้าวปลาผัดขิงเต้าซี่ </b></span><br />
<br />
ซึ่งผมชอบกินมาก ๆ อาทิตย์นึงก็จะทานประมาณ 2-3 ครั้ง เรื่อยมา ทานแบบนี้นานติดต่อกันมาหลายเดือนแล้วล่ะ เพราะชอบ !!<br />
<br />
แม้จะกินมาหลายเดือนก็ยังไม่เบื่อ แตกต่างจากข้าวกล่องแบบอื่น ๆ ที่ถ้าผมทานต่อเนื่องมานาน ๆ จะเบื่อ<br />
<br />
ส่วนภายในข้าวกล่อง <b>ข้าวปลาผัดเต้าซี่ เซเว่นอีเลฟเว่น</b> หลังจากเข้าไมโครเวฟแล้วจะมีหน้าตาแบบนี้ครับ<br />
<br />
<img src="https://i.imgur.com/f0WAypy.jpg" width="500"><br />
<br />
หน้าตาน่าทาน ปลาทอดก็ทอดได้อร่อยดี น้ำราดก็รสชาติดี แต่ผมมักจะใส่ซอสพริกเสริมอีกนิดนึง แล้วเหยาะพริกไทยอีกหน่อย<br />
<br />
วิธีเวฟข้าวกล่องชนิดนี้ ผมจะเปิดฝาแล้วใส่น้ำเปล่าลงไปในข้าว และตรงส่วนกับข้าวนิดนึง เพื่อให้ข้าวนุ่มและขึ้นตัวสวยงาม และใส่น้ำเปล่าตรงส่วนปลาทอดนิดนึงด้วย<br />
<br />
โดยผมจะเวฟด้วยความร้อนประมาณ 700 วัตต์ ประมาณ 3 นาที แล้วเวฟต่อด้วยความร้อน 500 วัตต์อีก 1 นาที<br />
<br />
ก็จะได้ข้าวกล่องที่หอมอร่อยและนุ่มน่าทานพอดี ๆ <br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ปัญหาที่อยากแนะนำ</span></b><br />
<br />
ตอนนี้ในเซเว่นฯ หลาย ๆ สาขา ไม่มี ข้าวปลาผัดขิงเต้าซี่ วางจำหน่ายอีก<br />
<br />
ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า ทางเซเว่นอีเลฟเว่น จะเลิกผลิตหรือไม่ เริมหาซื้อยากขึ้นทุกวัน<br />
<br />
ตอนนี้ผมต้องไปซื้อในเซเว่นอีเลฟเว่นได้เพียงสาขาเดียวที่ยังขายข้าวชนิดนี้อยู่ และต้องขับรถออกไปไกลบ้านพอควร เพื่อจะซื้อข้าวกล่องแช่แข็ง <b>ข้าวปลาผัดขิงเต้าซี่</b><br />
<br />
ผมอยากจะบอกทางเซเว่นอีเลฟเว่นว่า <span style="color: blue;"><b>ไม่ควรเลิกผลิตข้าวปลาผัดเต้าซี่เลยครับ</b></span> เพราะหาข้าวที่เป็นปลา ค่อนข้างหาทานยาก เพราะร้านอาหารตามสั่งที่ไหน ๆ ส่วนใหญ่ก็ขายแต่หมู ไก่ เนื้อ ไม่ค่อยมีปลาขาย<br />
<br />
และถึงบางเจ้าจะมีปลาผัดคึ่นช่ายขาย ก็หารสชาติดีจริง ๆ ค่อนข้างยาก<br />
<br />
แล้วพวกร้านอาหารตามสั่งก็หามาตรฐานความสะอาดจริง ๆ ได้ยาก !!<br />
<br />
ผมเลยไม่ค่อยไว้ใจพวกร้านอาหารตามสั่งเท่าไหร่นัก บางทีก็ขายแพงเกินไป เหมือนเอาเปรียบประชาชน<br />
<br />
ทำให้ผมจึงเลือกกินข้าวกล่องเซเว่นฯ เพื่อความสบายใจดีกว่า แฟร์ ๆ ดี แม้ออกจะแพงไปนิด แต่เมื่อเทียบกับค่ากล่อง ค่าแอร์ ค่าพนักงาน และคุณภาพอาหารที่สะอาดพอควร ผมว่า ผมสบายใจที่จะทานข้าวกล่องเซเว่นฯ มากกว่า<br />
<br />
โดยเฉพาะ<span style="color: #990000;"><b>ข้าวปลาผัดขิงเต้าซี่</b></span>ของเซเว่นฯ เนี่ย ผมว่า <b>ทางเซเว่นฯ ปรุุงรสชาติออกมาได้ลงตัวมาก รสชาติกำลังดี </b><br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ซีพีออลล์ และเซเว่นฯ ควรสนับสนุนให้คนไทยกินปลาเยอะ ๆ</span></i><br />
<br />
สำหรับความเห็นผมนะ ผมอยากจะบอกว่า ตั้งแต่ทานข้าวกล่องเซเว่นมานานร่วมๆ 20 ปี ผมว่า <span style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;"><b>ข้าวปลาผัดขิงเต้าซี่ คือข้าวกล่องที่อร่อยที่สุดในความเห็นผมครับ </b></span></span><br />
<br />
และถ้าให้ดี ราคาน่าจะขายที่กล่องละ 40 บาทก็พอ ก็จะทำให้รู้สึกคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด <br />
<br />
แต่ถ้าเซเว่นเลิกผลิตข้าวปลาผัดขิงเต้าเซี่ ขอบอกว่า น่าเสียดายสุด ๆ<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/04/7-11.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-73150670702232746132016-04-02T18:35:00.000+07:002018-11-06T00:33:05.446+07:00เหตุผลที่ไม่ควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารของไทย<br />
<br />
<br />
พวกที่คัดค้านการเกณฑ์ทหารของประเทศไทย มักคิดว่า นี่คือการบังคับประชาชน <br />
<br />
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง<b style="background-color: white;">พวกร่าน</b> หรือ<span style="color: blue;"><b>ลิเบอร์ร่าน</b></span> ที่ชอบแอบอ้างสิทธิมนุษยชนบังหน้า เพื่อพยายามต่อต้านขนบธรรมเนียมประเพณี รวมถึงวัฒนธรมมไทยหลาย ๆ อย่าง <br />
<br />
พวกร่านพวกนี้มักต่อต้านการเกณฑ์ทหารของไทยอย่างมาก แล้วพยายามยกเรื่องประเทศอื่น ๆ ในหลาย ๆ ประเทศของโลกว่า เขาได้ยกเลิกวิธีการเกณฑ์ทหารไปนานแล้ว<br />
<br />
ผมขอถามว่า จำเป็นด้วยเหรอที่ไทยเราต้องเลียนแบบประเทศอื่น<br />
<br />
และพวกร่านที่ต่อต้านการเกณฑ์ทหารนี้เอง ก็มักเป็น<b>พวกที่เกลียดทหาร</b> เพราะทหารปกป้องสถาบันกษัตริย์ไทย ซึ่งพวกร่านบางคนก็เปิดตัวเต็มที่ว่าเป็นพวกล้มเจ้า และบางคนก็เป็น<span style="color: #660000;"><b>อีแอบล้มเจ้า</b></span> แต่ใช้วิธีการโจมตีทุกอย่างที่เกี่ยวกับทหารแทน<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">Royal Thai Armed Forces</span> แปลว่า กองทัพไทย</b><br />
<br />
<span style="background-color: white;"><b><span style="color: blue;"><span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;">Royal Thai Army</span> แปลว่า กองทัพบกไทย<br />
<br />
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"> Royal Thai Air Force </span>แปลว่า กองทำอากาศไทย<br />
<br />
<span style="font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"> Royal Thai Air Navy</span> แปลว่า กองทัพเรือไทย<br />
</span></b></span><br />
<br />
สังเกตในภาษาอังกฤษของคำว่า <b>กองทัพไทยทุกเหล่าทัพ</b> จะมีคำว่า <span style="color: blue; font-family: "arial" , "helvetica" , sans-serif;"><b>Royal</b></span> ซึ่งหมายถึง เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์<br />
<br />
เหตุเพราะประเทศไทยคือ <b>ราชอาณาจักรไทย</b> ดังนั้นเพราะทหารไทยต้องมีหน้าที่ปกป้องพระราชาด้วย เพราะกองทัพไทยคือ <span style="color: #cc0000;"><b>ทหารของพระราชา</b></span><br />
<br />
ดังนั้นพวกล้มเจ้าจึงพยายามทำลายทหารไทยทุกทางถ้าสบโอกาสเจอประเด็นโจมตี<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/D6L8x8g.jpg" width="300" /><br />
<br />
--------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ทำไมไม่ควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารของไทย</span></b><br />
<br />
หากใครที่ชอบ<b>คิดตื้น ๆ</b> ก็คงเห็นด้วยว่า ยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปก็ได้ แล้วใช้วิธีการเปิดรับสมัครพลทหารแทน <br />
<br />
แต่ถ้าคิดให้ลึกซึ้งขึ้นแล้ว คุณจะรู้ว่า การเกณฑ์ทหารนี่แหละดีแล้ว เหมาะแล้ว และไม่สมควรยกเลิกสำหรับสังคมไทยที่ยัง<u>มีความเหลื่อมล้ำ</u>ทางสังคมอยู่มาก<br />
<br />
เพราะการเกณฑ์ทหารนี่แหละ คือ <span style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;"><b>วิธีการอย่างหนึ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้พอควร</b></span></span> แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม<br />
<br />
ถ้ายึดตามกฎหมายและหลักเกณฑ์จริง ๆ โดยไม่มีการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่นะ <br />
<br />
<b>การเกณฑ์ทหาร คือวิธีการที่ทำให้ลูกคนจน ลูกคนรวย ได้มาเท่าเทียมกันในการรับใช้ชาติ</b> เพราะไม่มีใครมีอภิสิทธิ์ที่จะพ้นจากกฎหมายเกณฑ์ทหารได้ ยกเว้น ข้อยกเว้นบางอย่างตามที่กฎหมายกำหนด<br />
<br />
จะลูกมหาเศรษฐี ลูกนักการเมือง ไปจนถึงลูกชาวนาชาวไร่ ล้วนจะต้องรับการเข้าเกณฑ์ทหาร<u>อย่างเท่าเทียมกัน</u> และเมื่อได้ไปเป็นทหารแล้วก็จะได้อยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมกัน<br />
<br />
อ้อ ใครอย่ามาอ้างเรื่องความเหลื่อมล้ำจากการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ล่ะ เพราะนั่นมันผิดกฎหมาย<br />
<br />
แต่<u>โดยหลักการ</u> วิธีการเกณฑ์ทหารไทยนี่แหละ ที่ทำให้ลูกผู้ชายไทยทุกคนต้องมารับใช้ชาติไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง<u>ตามหน้าที่</u><br />
<br />
----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">การจับใบดำใบแดง คือ เสน่ห์ของการเกณฑ์ทหาร</span></b><br />
<br />
เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้ดูสกู๊ปข่าวของไทยพีบีเอส ที่มี<b>ผู้กำกับหนังสารคดีของเกาหลีใต้</b> ได้เดินทางมาทำ<span style="color: blue;"><b>สารคดีเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารของไทย</b></span><br />
<br />
เขาบอกว่า เขาทึ่งมาก ๆ กับการเกณฑ์ทหารของไทย เพราะใช้<b><span style="color: #990000;">วิธีการจับใบดำใบแดง</span></b> ซึ่งเป็นวิธีการเดียวที่มีในโลกที่ใช้วิธีการนี้ <span style="color: #666666;">(เขาว่าอย่างนั้น)</span><br />
<br />
เขาว่า การจับ<b>ใบดำ<span style="color: red;">ใบแดง</span></b>ของคนไทยเหมือนการ<b><span style="color: blue;">เสี่ยงโชค</span></b>นะ แต่ก็<b>เท่าเทียมกันดี</b> เพราะทุกคนมีสิทธิเสี่ยงโชคอย่างเท่าเทียมกัน แถมเขาแปลกใจมาก ที่เวลาจับใบดำใบแดง เสมือนมีงานรื่นเริงที่สนุกสนานมาก ๆ มีทั้งกองเชียร์ มีทั้งกองแช่ง<br />
<br />
ซึ่งพอใครจับได้<b>ใบดำ</b>ก็จะุถูกโห่ จากกองแช่งที่มีจำนวนมากกว่ากองเชียร์จะร่วมกันโห่อย่างเซ็ง ในขณะที่คนที่จับได้ใบดำกลับดีใจลิงโลด<br />
<br />
แต่ถ้าใครจับได้<span style="color: red;"><b>ใบแดง</b></span> กองแช่งที่มีเป็นร้อย ๆ คน มีทั้งหญิงทั้งชายและเพศที่ 3 จะเฮแสดงความดีใจกันลั่น แต่เป็นการ<b>ดีใจเชิงสมน้ำหน้า</b>นะ<br />
<br />
มีการร้องรำทำเพลง ตีกลองสนุกสนาน นี่แหละ<b>เสน่ห์ของคนไทย</b> ที่สนุกสนานได้ทุกเรื่องจริง ๆ <br />
<br />
ใครเคยอยู่ในบรรยากาศ<span style="color: #38761d;"><b>การจับใบดำใบแดง</b></span> ก็จะรู้ว่า สนุกสนานเพียงใด<br />
<br />
-------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">การเรียน รด.</span></b><br />
<br />
วิธีการเกณฑ์ทหารของไทย เราไม่ได้บังคับโหดร้ายทารุณอะไรเลย แถมยังเปิดโอกาสให้ชายไทยได้<b>ผ่อนผัน</b>กันเต็มที่ หากติดเรื่องการศึกษาอยู่ หรือยังไม่พร้อม<br />
<br />
แถมยังเปิดโอกาสให้มี<b><span style="color: blue;">ผู้สมัครใจรับใช้ชาติได้อย่างเสรี</span></b><br />
<br />
อย่างในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ผมเพิ่งเห็นข่าวว่า มีบางจังหวัดก็มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหารเกณฑ์จนเต็มจำนวนที่กองทัพต้องการไปแล้ว<br />
<br />
ซึ่งในเขตไหนที่มีผู้สมัครใจเต็มจำนวนที่ต้องการเกณฑ์แล้ว เขตนั้น ๆ ก็ไม่ต้องจับใบดำใบแดงอีก ก็ทำให้คนอื่น ๆ ที่ไม่อยากเป็นทหารก็สบายไปในทันที<br />
<br />
นี่แหละ คือ<b>ความสุดยอดของระบบการเกณฑ์ทหารของไทย</b><br />
<br />
ซึ่งหลังจากชายไทยได้ผ่านการเป็นทหารเกณฑ์จนครบกำหนดแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะได้รับการอบรมเรื่องระเบียบวินัยดีขึ้น เป็นชายที่เป็น<span style="color: #990000;"><b>ลูกผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ</b></span>ยิ่งขึ้น<br />
<br />
แม้การเกณฑ์ทหารจะไม่ได้ทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ถือว่าส่วนใหญ่ที่ปลดประจำการออกมาแล้ว มักจะเป็น<b>คนดีของสังคม</b> และเป็นที่ต้องการของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ มากกว่าคนที่ยังไม่ได้เกณฑ์ทหาร<br />
<br />
ส่วนใครที่ไม่อยากเป็นทหาร ทางระบบทหารก็เปิดโอกาสให้ได้เรียน<b>นักศึกษาวิชาทหาร</b> หรือเดิมเรียก นักศึกษารักษาดินแดน หรือ <span style="color: blue;"><b>เรียน รด.</b></span><br />
<br />
ซึ่งถ้าความเห็นผมนะ <b>ผมอยากให้บังคับให้นักเรียนชายไทยเรียน รด. ทุกคนเลย</b>ด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้นักเรียนที่อยู่ต่างโรงเรียนกัน ได้มามีโอกาสเป็นเพื่อนกันได้รู้จักกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความสามัคคีกันมากขึ้น<br />
<br />
<u>โดยเฉพาะอย่างยิ่ง</u> <span style="color: #990000;"><b>พวกนักเรียนช่างกล</b></span> นี่ยิ่งสมควรบังคับให้มาเรียน รด. ทุกคน เพราะที่ทะเลาะกัน ตีกัน ก็เพราะต่างบ้าสถาบันการศึกษาของตัวเองอย่างผิด ๆ และ<b>เพราะความที่ไม่รู้จักกัน</b> จึงทำให้มองสถาบันอื่นเป็นศัตรูไปหมด จึงเกิดการตีกัน ฆ่ากันเกิดขึ้นจนเป็นข่าวทุกปี<br />
<br />
แต่ถ้านักเรียนช่างกลถูกบังคับให้มาเรียน รด. ทุกคน ก็จะทำให้รู้จักกัน <b>ได้เป็นเพื่อนกัน</b> และจะได้ปลูกฝังเรื่องวินัย คุณธรรม ความเป็นลูกผู้ชายและความเสียสละเพื่อรับใช้ชาติด้วย<br />
<br />
แน่นอน การเรียนการสอนทุกอย่างย่อมมี<b>ข้อยกเว้น</b> <span style="color: #990000;">ไม่มีหลักสูตรใดที่ทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ดีกว่า ไม่มีหลักสูตรอบรมสั่งสอนคนเลย</span><br />
<br />
------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">สรุป</span></b><br />
<br />
ลองคิดดูถ้าไม่มีการเกณฑ์ทหาร ก็จะทำให้โอกาสที่ลูกคนรวย ๆ หรือพวกดารา พวกนักร้อง ยิ่งไม่ต้องมารับใช้ชาติตามหน้าที่ชายไทยเลย<br />
<br />
แต่จะกลายเป็นลูกคนจน ที่มีความจำเป็นทางฐานะที่เดิอดร้อน จึงมาอาสารับใช้ชาติไทย <b>สุดท้ายทหารเกณฑ์ไทยก็จะมีแต่ลูกคนจน ๆ เท่านั้น</b><br />
<br />
แล้วการที่ใช้การเกณฑ์ทหาร จึงทำให้ชายไทยจะได้สำนึกในหน้าที่ว่า เกิดมาบนแผ่นดินไทยสมควรตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน<br />
<br />
หลายคนที่คัดค้านการเกณฑ์ทหารมักบอกว่า งั้น<span style="color: blue;"><b>ตั้งเงินเดือนทหารเกณฑ์ให้สูง ๆ</b></span> สิ จะได้มีคนอยากมาเป็นทหารกันเยอะ ๆ แค่นี้ก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหารแล้ว<br />
<br />
<span style="background-color: yellow;">นั่นคือ ความคิดแบบมักง่าย ชุ่ย ๆ เพราะคิดอะไรก็คิดเป็นเงินไปหมด </span><br />
<br />
การเกณฑ์ทหารที่ไม่เลือกว่าใครจะเป็นลูกคนรวย หรือลูกคนจน ก็เพราะต้องการให้<span style="background-color: white;"><span style="color: blue;">ทหารไทยมีจิตสำนึกรักชาติด้วยใจมากกว่าทำไป<b>เพราะเห็นแก่เงิน</b></span></span><br />
<br />
<b>แน่นอน</b>เรื่อง<span style="color: #cc0000;"><b>อัตราผลตอบแทนทหารเกณฑ์</b></span>ก็ควรได้รับ<b>การปรับปรุงให้ดีขึ้น</b> เพื่อให้ทหารเกณฑ์ไม่ยากลำบากเกินไป และจะได้นำเงินเดือนไปช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้บ้าง<br />
<br />
แต่เรื่องเงินต้องไม่ใช่เรื่องสำคัญไปกว่า เรื่อง<u>จิตสำนึกในหน้าที่</u>ครับ<br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ถามว่า ถ้าวันใดที่ยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปแล้ว แล้วเกิดได้จำนวนทหารน้อยกว่าการต้องการของกองทัพจะทำอย่างไร </span></i><br />
<br />
อย่าลืมว่า <b>หน้าที่ของทหารไม่ใช่แค่การรบหรือป้องกันประเทศเพียงอย่างเดียว</b> แต่ทหารมีหน้าที่มากมายในการช่วยเหลือและรับใช้ประชาชน ซึ่งเราคงรู้ ๆ กันอยู่ว่า ในวิกฤติต่าง ๆ มักมีทหารนี่แหละ ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนก่อนหน่วยงานใด ๆ<br />
<br />
หลายคนที่เคยเกลียดการเป็นทหาร แต่พอเข้าไปเป็นทหารจริง ๆ ได้เจอ<b><span style="color: blue;">ครูฝึกทหารดี ๆ เจอเพื่อนทหารดี ๆ</span></b> มันสามารถเปลี่ยนทัศนคติที่แย่ ๆ ของเขาที่เคยมีกับทหารไปเลย<br />
<br />
เพราะการผ่านการเป็นทหาร เปรียบเสมือนได้ผ่านโรงเรียนของลูกผู้ชายอย่างหนึ่ง<br />
<span style="color: #666666;"><br />
</span> <span style="color: #666666;">(ส่วน<b>พวกครูฝึกเลว ๆ</b> หรือรุ่นพี่ทหารเลว ๆ กระทำรุนแรงต่อพลทหาร ต้องทำโทษอย่างหนัก เพราะเรื่องนี้คือจุดอ่อนที่คนที่ต้องการให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารจะยกประเด็นนี้มาโจมตีกองทัพและการเกณฑ์ทหาร)</span><span style="color: #444444;"> </span><br />
<span style="color: #444444;"><br />
</span> <span style="color: #444444;"> <span style="color: #666666;">(และผมอยากจะบอกอีกว่า แม้แต่<b>สหรัฐอเมริกาที่ไม่มีการเกณฑ์ทหาร</b> แต่เชื่อไหม การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพลทหารกลับมีสูงมากในระดับต้น ๆ ของโลก และพลทหารของกองทัพสหรัฐฯ ที่ปลดประจำการแล้ว ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และเป็นโรคจิตเฉลี่ยสูงมากในอันดับต้น ๆ ของโลกเช่นเดียวกัน ซึ่งเคยมีทั้งสารคดีข่าว รวมทั้งภาพยนตร์ที่เคยมีแผ่ในเรื่องเหล่านี้มาแล้ว)</span></span><br />
<br />
---------------<br />
<br />
<span style="font-size: large;">ล</span>องคิดดู <b>ที่สังคมไทยเหลวแหลกอย่างทุกวันนี้</b> <span style="background-color: white;">สาเหตุสำคัญเพราะความไม่มีระเบียบวินัยของคนไทย</span> แล้วถ้ายิ่งไปสนับสนุนกิจการที่ส่งเสริมความมีระเบียบวินัยของคนไทยให้เหลือน้อยลง ประเทศไทยเราคงเละเทะยิ่งกว่านี้<br />
<br />
อย่าลืมว่า ทุกวันนี้วัยแรงงานไทยเริ่มกลายเป็น<b>พวกหนักไม่เอาเบาไม่สู้</b> อยากทำงานที่ไม่เหนื่อยแต่มีรายได้สูง ๆ แต่การศึกษาของคนไทยกลับมี<u>ค่าเฉลี่ยที่แย่ที่สุดในอาเซียน</u> จนเป็นประเภท <span style="color: #cc0000;"><b>ความรู้ต่ำต้อยแต่รสนิยมสูง</b></span><br />
<br />
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นช่องทางให้มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานแทนคนไทย ในหลาย ๆ อาชีพ ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันไม่ใช่งานด้านความมั่นคง<br />
<br />
แล้ว<b>ถ้าไม่มีการเกณฑ์ทหาร</b> เชื่อเถอะว่า ต่อ ๆ ไปคนไทยที่จะอยากมาเป็นทหารก็ยิ่งน้อยลง ๆ เพราะใครล่ะอยากจะมาฝึกความลำบากแถมรายได้น้อย อีกทั้งต้อง<u>เสียสละ</u>เพื่อปกป้องคนอื่น ๆ ยิ่งนับวัน ๆ สปิริตความรักชาติบ้านเมืองของคนไทย กำลังถูก<span style="color: #990000;"><b>บ่อนทำลาย</b></span>จากพวกแอบอ้างสิทธิมนุษยชนบังหน้า หรือ<b><span style="color: blue;">พวกลิเบอร์ร่าน</span></b> นั่นแหละ<br />
<br />
มีเพจต่อต้านการเกณฑ์ทหารมันอ้างว่า <b>พวกดาราดัง ๆ เขาทำเงินวันละเป็นแสน ถ้าเขาต้องถูกเกณฑ์ทหารเป็นปี เขาต้องสูญเสียรายได้เป็นล้าน ใครจะรับผิดชอบ ?</b><br />
<br />
ผมอยากจะบอกว่า การเกณฑ์ทหารนี่แหละครับ<span style="color: #cc0000;"><b><u>ความเท่าเทียม</u></b></span>กันโดยแท้จริง เพราะไม่ว่าคุณจะมีรายได้เดือนละเป็นล้าน หรือมีรายได้แค่ค่าแรงขั้นต่ำ ก็มีหน้าที่ต้องมาเกณฑ์ทหารโดยเท่าเทียมกันตามกฎหมายทั้งสิ้น<br />
<br />
ถ้าต่อไปยกเลิกเกณฑ์ทหารจริง ๆ มันก็อาจจะเหมือนอาชีพใช้แรงงานระดับล่าง ที่ตอนนี้มีแต่ต่างด้าวมาทำงานแทนคนไทย เพราะคนไทยไม่ทำแล้ว งานหนัก ค่าแรงน้อย<br />
<br />
<i><span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">หรือว่า ต่อเราต้องไปจ้างคนต่างด้าวให้มาเป็น<b>ทหารเกณฑ์</b>แทนคนไทยเหมือนในอาชีพอื่น ๆ ถามว่า มันใช่แล้วหรือ ?</span></i><br />
<br />
ผมฝากให้คิด<br />
<br />
<br />
เมื่อก่อนผมเคยถามพ่อว่า <b>ทำไมผู้หญิงไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ?</b><br />
<br />
พ่อผมตอบว่า เพราะ<span style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;"><b>ผู้หญิงมีหน้าที่เป็นแม่</b></span></span> ต้องอุ้มท้องลูก นี่คือความเสียสละของการเกิดเป็นลูกผู้หญิงอยู่แล้ว<br />
<br />
ฉะนั้น ลูกผู้ชายก็ต้องมีหน้าที่ปกป้องผู้หญิง ปกป้องชาติบ้านเมือง เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ดีของลูกผู้ชายทุกคน<br />
<br />
คำตอบของพ่อผม ทำให้ผมเลย<b>เกท</b>เลย ว่า เราทุกคนที่เกิดมาต่างมีหน้าที่ติดตัวกันมาทุกคน<br />
<br />
<span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;">การทำหน้าที่คือสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นพลเมืองที่ดีของชาติและสังคม</i></span><br />
<br />
-------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">แถมข้อคิด</span></b><br />
<br />
คุณ<b>พรัญชัย</b> <b>อดิเทพวรพันธ์</b> เจ้าของค่ายมวย <span style="color: #990000;"><b>"พรัญชัย"</b></span> ค่ายมวยไทยยอดเยี่ยม 3 สถาบัน ได้พูดถึงนักมวยไทยไว้ว่า<br />
<br />
<i style="background-color: white;">"<span style="font-family: "courier new" , "courier" , monospace;">ตั้งแต่ผมเกิดมาไม่เคยเห็นลูกคนรวยมาขอเป็นนักมวยไทยอาชีพ ต้องมาฝึกมวยตั้งแต่เด็ก ต้องอดทน ต้องลำบากมาก แถมชกได้ค่าตัวแค่ไม่กี่ร้อย เลยไม่มีลูกคนรวยที่ไหนอยากมาเป็นนักมวยไทยหรอก"</span></i><br />
<br />
จากคำพูดของเจ้าของค่ายมวยพรัญชัย คุณผู้อ่านลองนำกรณีการเกณฑ์ทหารมาเปรียบเทียบกับการเป็นนักมวยไทยอาชีพ แล้วได้<b>ข้อคิด</b>อะไรไหมครับ<br />
<br />
นั่นคือ พลทหาร คือผู้ที่อยู่ในระดับต่ำสุดของกองทัพ ต้องฝึกหนัก ต้องลำบากที่สุดต้องเสี่ยงมากที่สุดในกองทัพ แถมได้ค่าตอบแทนต่ำสุดด้วย <br />
<br />
ถ้าไม่มีการเกณฑ์ทหาร สุดท้ายจะมีสักกี่คนที่จะเสียสละมาเป็นพลทหาร ขนาดนักมวยไทยอาชีพก็ยังมีแต่ลูกคนจนเท่านั้น<br />
<br />
การเป็นทหารจึงเป็นการ<b>ทำหน้าที่</b>เพื่อชาติของลูกผู้ชาย ขอให้ภาคภูมิใจเถิดที่คุณได้ตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยภาระหน้าที่นี้ <br />
<br />
-------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">ทำไมอาจารย์เฉลิมชัย ถึงอยากให้ลูกชายไปเป็นทหาร ?</span></b><br />
<br />
แล้วเมื่อ<b>ลูกชายของอาจารย์เฉลิมชัย</b> ไปเป็นทหารเรียบร้อยจนปลดประจำการแล้ว<br />
<br />
การเป็นทหารสอนให้เขารู้จักและเข้าใจชีวิตมากขึ้นอย่างไร เชิญชมได้จากคลิปนี้ครับ<br />
<br />
<iframe allow="accelerometer; autoplay; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/VgJTg6-K_Ks" width="500"></iframe><br />
<br />
<br />
<br />
<a href="http://kaeloveake.blogspot.com/2016/03/blog-post_26.html" target="_blank"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> เหตุผลที่พระสันตะปาปาทรงจูบเท้าผู้อพยพมุสลิม</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script> <br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/04/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500">
</div>
<div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-33014720006241446752016-03-03T14:26:00.004+07:002017-06-27T23:45:11.201+07:00ควรสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงหรือไม่<br />
<br />
<br />
ผมเคยเขียนเรื่องนิสัยส่วนตัวของผมอย่างนึงในบทความก็คือ <b>ผมจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้รับรู้ว่า</b> <span style="background-color: white;">สถานที่สวยงามทางธรรมชาติที่ใด ๆ ก็ตามยังคงสมบูรณ์และงดงามดังเดิม โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเที่ยวที่แห่งนั้นเลย</span><br />
<br />
เพราะผมคิดว่า <span style="color: #cc0000;"><b>วิธีอนุรักษ์ธรรมชาติที่งดงามให้คงอยู่ที่ดีที่สุดก็คือ ให้ธรรมชาติแห่งนั้น ๆ ห่างไกลมนุษย์มากที่สุด ถือเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติที่ดีที่สุด</b></span><br />
<br />
แน่นอน เราคงจะไปห้ามมนุษย์ผู้ยังมีกิเลส ยังอยากไปเที่ยว อยากไปชมธรรมชาติที่สวยงามก็คงจะห้ามไม่ได้ แต่อย่างน้อยการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว หรือคัดสรรนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและเข้าใจธรรมชาติสักหน่อย ก็น่าจะช่วยให้สถานที่ธรรมชาติสวยงามแห่งนั้น ๆ ยังคงความงดงามคงเดิมได้นานที่สุด<br />
<br />
ทุกครั้งที่มีข่าวว่าสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ยังคงความสวยงามอยู่ ผมจะรู้สึกดีใจไปด้วย แม้ผมจะไม่เคยไปเที่ยวสถานที่นั้น ๆ เลยก็ตาม<br />
<br />
เช่นเดียวกัน หากภูกระดึงเป็นสถานที่ ๆ เดินขึ้นไปด้วยความยากลำบาก ผู้ที่สุขภาพแข็งแรงเท่านั้นที่จะขึ้นไปถึงยอดภูกระดึง ผมคิดว่า ใครที่เดินไปถึงยอดภูกระดึงได้ด้วยขาของตัวเองก็คงรู้สึกภูมิใจ <br />
<br />
เช่นเดียวกัน <span style="background-color: white;">หากผมเป็นคนสุขภาพไม่แข็งแรง หรือเดินชึ้นไปไม่ไหว ผมก็จะคิดว่า ผมก็ไม่ควรกระสันอยากจะไปถึงยอดภูกระดึงเลย เพราะแม้ไม่ได้ไป แต่ถ้าภูกระดึงยังสวยงามคงอยู่ ผมก็ดีใจแล้วแม้ผมจะไม่เคยขึ้นไปเลยก็ตาม </span><br />
<br />
ส่วนในประเด็นที่ว่า <b>ควรสร้างกระเช้าขึ้นไปยอดภูกระดึงดีไหม ?</b><br />
<br />
คำตอบของฝ่ายสนับสนุน อ้างว่า จะได้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คนแก่ หรือคนที่ไม่แข็งแรงพอก็จะได้ขึ้นไปเที่ยวได้เช่นกัน และจะทำให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย<br />
<br />
ผมเชื่อเลยว่า ที่ยกเรื่องคนแก่ อ้างคนไม่แข็งแรง มาอ้างนั้น สุดท้ายประเด็นหลักจริง ๆ ก็คือ <b>ต้องการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนั่นแหละ </b><br />
<br />
คนที่เขาอยากรวยจากการมีนักท่องเที่ยวขึ้นภูกระดึงน่ะ ใจจริงเขาไม่สนหรอกว่า การสร้างกระเช้าจะมีผลกระทบหรือผลเสียต่อธรรมชาติของภูกระดึงมากเท่ากับเงินที่เขาจะได้หรอกครับ เพราะเจตนาของเขาจริง ๆ คือ มุ่งกอบโกยรายได้จากนักท่องเที่ยวมากกว่า<br />
<br />
ภูกระดึง ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของคนทั้งประเทศ และเป็นของคนทั้งโลก <span style="color: blue;"><b>การที่ธรรมชาติสร้างภูกระดึงขึ้นมาไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว</b></span> แต่เพื่อความสมดุลของธรรมชาติและเพื่อความสวยงามประดับโลก <br />
<br />
แน่นอนอาจมีคนอ้างว่า ในต่างประเทศเช่น ญี่ปุ่น จีน หรือที่อื่น ๆ เขาก็มีการสร้างกระเช้าขึ้นภูเขาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งนั้นแหละ<br />
<br />
แต่ผมขอถามกลับว่า ในวันนี้คนไทยมีจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และรักษาระเบียบวินัยของสังคมเท่ากับคนในประเทศที่เจริญแล้วเหล่านั้นแล้วหรือยัง ?<br />
<br />
หรือถ้าคนไทยยังไร้ระเบียบวินัย ถามว่า <b>กฎหมายไทยสามารถบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายจากคนไทยที่ไร้ระเบียบวินัยดีพอหรือไม่ ?</b><br />
<br />
คำตอบคือ <b><span style="color: red;">ไม่ !!!</span></b><br />
<br />
อย่างกรณีตัวอย่าง ที่ประเทศญี่ปุ่น บนเกาะฮอกไกโด มีลุงเจ้าของต้นไม้สวยงามที่ยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่ง ลุงเขาจำใจต้องตัดต้นไม้นี้ทิ้งไป เหตุเพราะลุงทนเสียงบ่นของเพื่อนบ้านและชาวสวนลาเวนเดอร์โดยรอบบ่นไม่ไหว ที่มีพวกนักท่องเที่ยวจากจีน และ<b>โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวไทยที่ไร้มารยาท ไร้ระเบียบวินัย</b> บุกเดินเข้าไปย่ำสวนผัก และแปลงผัก เพื่อจะไปถ่ายรูปต้นไม้ต้นนี้แบบใกล้ชิด<br />
<br />
สุดท้ายลุงเจ้าของต้นไม้จึงจำใจต้องตัดต้นไม้นี้ทิ้งเพื่อตัดปัญหาไปเสียเลย <br />
<br />
เมื่อผมได้อ่านข่าวนี้ ในฐานะที่ผมเป็นคนไทย ผมอึ้งและอายแทนครับ ทั้งอาย และละอายเลย แม้ผมจะไม่ใช่ผู้ก่อเหตุก็ตาม<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/UQzSay1.jpg" width="495" /><br />
<br />
<br />
หรืออย่างกรณีล่าสุด <b>ทุ่งดอกหญ้าสีขาวกลางกรุง</b> ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้านผมนี่เอง<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/T0WmHzy.jpg" width="490" /><br />
<br />
พอเป็นข่าวและลงในเว็บดัง สุดท้ายก็มีคนแห่ไปเที่ยวเพื่อถ่ายรูปแบบไม่เคารพสถานที่ บุกเข้าไปเหยียบย่ำต้นหญ้า เพื่อขอเข้าไป<b>ถ่ายเซลฟี่</b>ไว้อวด ไว้แชร์<br />
<br />
รวมทั้งทิ้งขยะกันเกลื่อนในพื้นที่ แถมยังจอดรถกันริมถนน ทั้ง ๆ ที่เป็นที่ห้ามจอด แต่ก็นั่นแหละ จอดกันพรึบ ทำให้คนอื่น ๆ ที่สัญจรผ่านทางนี้ก็พลอยได้รับผลกระทบรถติดไปด้วย<br />
<br />
เพราะความอยากเซลฟี่อยากอวด อยากแชร์รูปบนโซเชียลของพวกขี้อวดนี่แหละครับ<br />
<br />
ผมว่า <span style="background-color: white;">ค่านิยมขี้อวด ขี้แชร์ เพื่อจะแสดงตนว่า ทันสมัย ทันโลก อะไรทำนองนี้ เริ่มมีมากจนกลายเป็นปัญหาในสังคมไทยแล้วนะครับ</span><br />
<br />
หรืออย่างกรณี<b>ภูทับเบิก</b>ก็เช่นกัน เห่อกันไปเที่ยวกันจนแออัด ตามที่สื่อนำเสนอจนเป็นข่าว และเที่ยวกันแบบไม่สนเลยว่า จะช่วยกันทำลายความสวยงามที่ควรรักษา ทั้งผู้ค้าขาย ผู้ทำรีสอร์ท บนภูทับเบิก ต่างร่วมกันตักตวงเงินตรากันถ้วนหน้า จนขยะล้นภูทับเบิก จนหน่วยงานรัฐต้องเข้าไปช่วยนำลงขยะลงมากำจัด<br />
<br />
------------------------<br />
<br />
ทั้งจากกรณี<b>ท่องเที่ยวกันแบบเห็นแก่ตัว</b> แห่กันไปถ่ายรูปเพื่ออวด และความไม่เคารพสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น<br />
<br />
หรือแม้แต่กรณีคนไทยไปโพสข้อความอย่างไม่สมควรในอินสตาแกรมรัชทายาทบรูไน อย่างไม่รู้จักกาลเทศะและเสียมารยาท<br />
<br />
รวมถึงกรณีเกรียนไทยที่ผ่าน ๆ มาในอีกหลาย ๆ กรณี ทั้งการไปเกรียนในยูทูปขององค์การนาซ่า และกรณีอื่น ๆ อีกมากมาย จนจำไม่หวัดไหว<br />
<br />
ที่คนไทยสมัยนี้ไร้มารยาทและเห็นแก่ตัว คิดแค่ว่า <b>ทำอะไรตามใจคือไทยแท้</b> ในเมื่อกูพอมีเงินไปเที่ยว กูก็ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มที่สุด โดยไม่เกรงใจผู้อื่นนั้น<br />
<br />
ผมว่า มันเป็นปัญหาที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ นำหลักสูตร <span style="color: red;"><b>"สมบัติผู้ดี"</b></span> ในอดีตกลับมาสอนนักเรียนอีกครั้งได้แล้วล่ะครับ<br />
<br />
-------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">กลับมาที่ประเด็นการสร้างกระเช้าบนภูกระดึง</span></b><br />
<br />
ถ้าได้อ่านที่ผมเขียนมาทั้งหมด คุณผู้อ่านก็คงรู้แล้วว่า ผมจะสรุปว่าอย่างไร<br />
<br />
สรุปก็คือ <b>ไม่ควรสร้างครับ </b> นี่ผมยังไม่ได้พูดถึงปัญหาการจัดการขยะจำนวนมากที่จะตามมาอีก หากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นไป<br />
<br />
<b>ถามว่า ระบบจัดการขยะในประเทศไทยพร้อมแค่ไหน และบนภูกระดึงพร้อมแค่ไหน</b><br />
<br />
หรืออย่างเรื่อง<span style="color: #cc0000;"><b>พลังงานไฟฟ้า</b></span>ที่จะใช้กับกระเช้า ในขณะที่ปัญหาการสร้างโรงไฟฟ้ายังถูกต่อต้านจากคนไทยในหลาย ๆ พื้นที่ แล้วภูกระดึงล่ะจะใช้พลังงานอะไรใช้กับกระเช้า หรือจะปั่นไฟเองด้วยน้ำมัน ? ไม่กลัวก่อมลพิษทางอากาศหรือ ?<br />
<br />
ยังมีปัญหาตามมาให้แก้อีกเพียบแน่นอน แล้วมันคุ้มเหรอที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติของภูกระดึง <br />
<br />
คนไทยมักชอบคิดแง่เดียวคือ ต้องการรายได้มากขึ้นซึ่งก็เข้ากระเป๋าคนไม่กี่คนหรอก แต่สิ่งที่จะตามมาผลเสียด้านสิ่งแวดล้อม เคยคิดไหมว่า ใครต้องจ่ายต้นทุนในส่วนนี้ ? เหมือนที่สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมลงในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในหลาย ๆ แห่ง<br />
<br />
<br />
ผมจึงอยากขอให้คนที่ไม่แข็งแรง หรือคนแก่ ก็ควรทำใจเสียสละว่า เราอย่าไปเที่ยวในที่ ๆ เราไปด้วยขาของตัวเองไม่ได้เลยครับ<br />
<br />
แล้วให้ทำใจว่า <b><span style="color: blue;">ความงามธรรมชาติจะคงอยู่ได้นานที่สุด ถ้ามีมนุษย์ไปถึงน้อยที่สุด นี่แหละคือความคิดที่คุณควรจะคิดครับ </span></b><br />
<br />
การที่ขึ้นไปยอดภูกระดึงมีเพียงวิธีเดินขึ้นไปเท่านั้น ก็ถือเป็นการคัดกรองและจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวด้วยวิธีธรรมชาติอย่างหนึ่ง<br />
<br />
คุณผู้อ่านลองคิดดูว่า ถ้ามีกระเช้าขึ้นไปง่าย ๆ ต่อมานอกจากจะมีนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นแล้ว ก็คงต้องมี<span style="color: #990000;"><b>นักท่องเที่ยวจีนอีกมากมายที่อยากจะแห่ขึ้นไปเที่ยวเช่นกัน</b></span><br />
<br />
ลองนึกสภาพดูแล้วกัน คุณเคยเห็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยั้วเยี้ยและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนเดินกันจนเบียดเสียดสิ ขนาด<b><span style="color: blue;">วัดร่องขุ่น</span></b>ของอาจารย์เฉลิมชัย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างเอง ยังรับสภาพแทบไม่ไหว<br />
<br />
แล้วสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ถ้าเจอปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ๆ ธรรมชาติเขาอาจรองรับไม่ไหว แล้ว<b>ธรรมชาติอาจฟื้นตัวเองไม่ทัน </b><br />
<br />
มนต์เสน่ห์ของภูกระดึง ก็คือการเดินขึ้นไปอย่างลำบากและถือเป็นตำนานที่ท้าทายและน่าจดจำ <br />
<br />
หากสร้างกระเช้าให้ขึ้นไปง่าย ๆ มนต์เสน่ห์ที่เป็นตำนานเล่าขานของภูกระดึงก็คงหมดไป<br />
<br />
เลิกซะทีเถอะ ไอ้เรื่อง<span style="background-color: white;">ค่านิยมแดกด่วน เที่ยวด่วน</span>เนี่ย<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/CQG6auK.jpg" width="490" /><br />
<br />
--------------<br />
<br />
พอผมโพสบทความนี้ออกไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็บังเอิญ อ.ศศิน ก็ได้มาออกรายการทางไทยพีบีเอส<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ลองฟังความเห็นของ อ.ศศิน ในรายการคิดยกกำลัง 2 เมื่อคืนวันที่ 3 มีนาคม 2559 กันดูครับ</span></b><br />
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/uEviQhFvDYI?rel=0" width="560"></iframe><br />
<br />
---------------------<br />
<br />
แต่ถ้ายังฟังเหตุผลของอาจารย์ศศิน ยังไม่เข้าใจ<br />
<br />
ขอแนะนำลองดูคลิป<b>รายการ ช่วยคิดช่วยทำ</b> ที่ได้เชิญ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยนิด้า มาให้ความเห็นเรื่องกระเช้าขึ้นภูกระดึง ครับ<br />
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/nanEJn1DBGs?rel=0" width="500"></iframe><br />
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="325" src="https://www.youtube.com/embed/SRyMkZBulRA?rel=0" width="500"></iframe><br />
<br />
<a href="http://akelovekae.blogspot.com/2015/10/blog-post.html" target="_blank"><span style="color: black;"><b style="background-color: yellow;">คลิกอ่าน</b></span> ไทยควรขุดคอคอดกระหรือไม่ </a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script><br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/03/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-3763141024336469412016-02-10T13:55:00.002+07:002016-10-20T02:24:24.696+07:00กรณีนายกฯประยุทธฺ ขี้โมโห กับความห่วยของสื่อไทย<br />
<br />
<br />
ตอนนี้คนไทยแบ่งเป็นพวกใหญ่ ๆ 2 พวก คือ <b>พวกที่ชอบนายกฯ ประยุทธฺ กับ พวกที่เกลียดนายกฯ ประยุทธ์</b><br />
<br />
คนที่เกลียดนายกฯ ประยุทธ์ มีพื้นฐานมาจากพวกนิยมทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และพวกต่อต้านการรัฐประหาร<br />
<br />
ส่วนพวกที่ชอบนายกฯ ประยุทธ์ ก็มีพื้นฐานมาจาก<b><span style="color: #990000;">เกลียดนักการเมืองคอร์รัปชัน</span></b>ที่สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติอย่างไม่ละอายใจ และคิดว่า มีเผด็จการเข้ามาเว้นวรรคการเมืองย่อมดีกว่าปล่อยให้นักการเมืองทำลายชาติต่อไปเรื่อย ๆ<br />
<br />
นั่นคือ 2 พวกใหญ่ ๆ ที่ผมขอบอกว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกชอบได้ และเลือกที่จะไม่ชอบก็ได้ ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด<br />
<br />
แต่บทความนี้ผมอยากจะเขียนถึงเรื่อง <b>นายกฯประยุทธ์ มักอารมณ์เสียกับคำถามจากผู้สื่อข่าวอย่างสม่ำเสมอ</b><br />
<br />
คือโดยส่วนตัว ผมคิดว่า การตอบคำถามกับสื่อนั้น นายกฯ ประยุทธ์ ไม่อาจเทียบชั้นกับ<b><span style="color: blue;">พลเอกสุจินดา คราประยูร</span></b>ได้เลย <br />
<br />
ถ้าใครเกิดทันยุค รสช. ยึดอำนาจรัฐบาลพลเอกชาติชาย เมื่อปี 2534 คงจะจำนายทหารหน้าตาหล่อ ที่ชื่อ พลเอกสุจินดา กันได้<br />
<br />
พลเอกสุจินดา มีศิลปะในการตอบคำถามกับสื่อได้อย่างเหนือชั้น จนทำให้มีคนชอบพลเอกสุจินดามากกว่านายทหาร รสช. นายอื่น ๆ <br />
<br />
แต่พลเอกสุจินดา กลับมาพลาดตรงที่เคยพูดว่า จะไม่เป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังจากการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายกลับตระบัดสัตย์รับเป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุด จนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ในเวลาต่อมา<br />
<br />
------------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">นายกฯ ประยุทธ์ อารมณ์เสีย เพราะนักข่าวไทยห่วย ??</span></b><br />
<br />
คือการตอบคำถามของนายกรัฐมนตรีไทย กับนักข่าว <span style="background-color: white;"><b>เป็นการตอบแบบเป็นกันเองมากจนเกินไป</b></span> ทำให้บางครั้งทั้งตัวนายกฯ และผู้สื่อข่าวต่างก็<b><span style="color: blue;">ไม่เกรงใจซึ่งกันและกัน</span></b><br />
<br />
ถ้าเป็นในต่างประเทศ ถ้านักข่าวจะตั้งคำถามต่อนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี นักข่าวก็ต้องบอกชื่อของตนเอง และบอกชื่อต้นสังกัดเสียก่อน และถามคำถามด้วยไมค์ขยายเสียงเพื่อให้ทุกคนในห้อง รวมถึงผู้ชมทีวีได้ยินคำถามอย่างชัดเจน<br />
<br />
<b>แต่การถามของนักข่าวไทยกับนายกรัฐมนตรี คุณผู้อ่านลองสังเกตสิครับ เราจะไม่ได้เห็นหน้านักข่าว ไม่รู้จักชื่อนักข่าว และไม่รู้จักต้นสังกัดของนักข่าวเลย</b><br />
<br />
แถมเวลานักข่าวถาม เราก็ไม่ค่อยได้ยินคำถามของนักข่าว เราจึงไม่รู้ว่า นักข่าวถามอะไรกันแน่ ถึงทำให้นายกรัฐมนตรีจึงต้องตอบแบบนั้น หรือเกิดอารมณ์เสีย<br />
<br />
คุณผู้อ่านก็น่าจะรู้ว่า สื่อไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะไม่มีบทลงโทษตามกฎหมายเมื่อสื่อนำเสนอข่าวที่ไม่เหมาะสมต่อสังคมหรือขาดจรรยาบรรณ<br />
<br />
เช่น สื่อไทยมักนำเสนอข่าวห่วย ๆ สอนให้คนไทยหลงใหลความเชื่องมงายแบบผิด ๆ เสมอ โดยเฉพาะใกล้วันหวยออก ก็มักมีการเสนอข่าวโง่ ๆ เน้นเรื่องความงมงายออกมาตลอด เพื่ออะไร ??<br />
<br />
การที่คนไทยยังไม่พ้นความงมงาย ยังหลงเชื่อไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ เหตุผลสำคัญก็เพราะสื่อไทยนี่แหละตัวดี<br />
<br />
แล้วสื่อไทยก็จะใช้ข้ออ้างแถ ๆ ว่า เ<b>พราะคนไทยชอบเสพข่าวแบบนี้ จึงจำเป็นต้องนำเสนอ เพื่อขายข่าว</b><br />
<br />
เฮ่อ.. แทนที่สื่อจะเป็นผู้นำหรือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่ช่วยนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความงมงายโง่ ๆ นำพาไปในสิ่งที่ถูกต้องและเสริมสร้างปัญญาให้ประชาชน แต่สื่อไทยกลับสนับสนุนให้คนไทยยิ่งโง่ลงต่อไป<br />
<br />
---------------------<br />
<br />
ฉะนั้น การที่นายกรัฐมนตรีอารมณ์เสียกับผู้สื่อข่าว<br />
<br />
แน่นอน นายกรัฐมนตรีนั้นผิดเต็ม ๆ เพราะยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่ดีพอ <br />
<br />
แต่นักข่าวไทยล่ะ ได้ตั้งคำถามโง่ ๆ หรือมีเจตนาเสี้ยมคำถามให้นายกรัฐมนตรีโกรธรึเปล่าด้วย เพื่อหวังขายข่าว และเพื่อทำลายภาพลักษณ์นายกฯ ในจุดอ่อน ตามคำสั่งนักการเมืองที่จ้างมาหรือไม่?<br />
<br />
แต่ผมรู้อยู่อย่างนึงนะ คือ ถ้าเราตั้งใจทำอะไรเพื่อบางสิ่งบางอย่างอย่างเต็มที่แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่แล้วเสือกมี<b style="background-color: yellow;">พวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ</b> มาถามคำถามกวนตีนเพื่อหวังให้เราโกรธ ถ้าเป็นผม ผมก็อาจตบะแตกได้เหมือนกัน<br />
<br />
ตัวอย่างเช่น เช่น ถ้าผมเกิดระดมทุนหาเงินบริจาคเพื่อมาสร้างห้องสมุดสาธารณะให้ชุมชนจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี ผมทำอย่างโปร่งใส ตั้งใจทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ผู้ร่วมบริจาคก็เชื่อใจผมทุกคน แต่แล้วจู่ ๆ ดันมีพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำมาถามว่า <b>โกงเงินบริจาคบ้างรึเปล่า ?</b><br />
<br />
แน่นอน ผมย่อมมีบัญชีรายรับรายจ่ายให้ตรวจสอบได้อยู่แล้ว เพราะเราทำอย่างโปร่งใส แต่ก็อดนึกโมโหไม่ได้เช่นกันว่า ทำไมไอ้คนที่ไม่ทำห่าอะไรเลย เสือกมาทำลายเจตนาดีของเราได้ง่าย ๆ แบบนี้ เพราะการถามแบบนี้ย่อมทำให้มีทั้งคนเชื่อและคนไม่เชื่อแน่นอน<br />
<br />
ซึ่งคนที่มีเจตนาทำอย่างบริสุทธิ์ใจ ก็จะเสียกำลังใจได้มากทีเดียว ยิ่งพวกจ้องแต่จะจับผิดแบบ<b><u>มีอคติ</u></b> หรือเจตนาจ้องจะหาเรื่อง คนพวกนี้ยิ่งทำให้คนดี ๆ ท้อใจได้มาก<br />
<br />
ผมจึงไม่แปลกใจที่นายกฯ ประยุทธ์ ผู้ที่ไม่ใช่นักการเมือง จึงโมโหได้ง่ายกว่านักการเมือง เพราะคุณผู้อ่านก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า <span style="color: #660000;"><b>นักการเมืองไทยเสแสร้งหรือเล่นละครได้เก่งกว่าอาชีพดาราเสียอีก</b></span><br />
<br />
--------------------------<br />
<br />
มีคนที่ด่าพลเอกประยุทธฺ กรณีโมโหนักข่าว ทำนองว่า ก็เพราะคุณมาจากรัฐประหารน่ะสิ ถึงได้ตอบคำถามแบบนี้ เพราะถ้าคุณมาจากการเลือกตั้ง คงไม่ตอบคำถามด้วยอารมณ์โมโหแบบนี้หรอก อย่างทักษิณ ก็ไม่ตอบคำถามด้วยอารมณ์แบบนี้<br />
<br />
คนที่ด่านายกฯ ประยุทธ์ และไปยกยอทักษิณแทนเนี่ย แสดงว่า คุณไม่รู้อะไรเลย<br />
<br />
ทักษิณนี่แหละ ใส่อารมณ์กับนักข่าวบ่อย ๆ แต่ทักษิณเขามีวิธีปราบนักข่าวพวกนี้ง่าย ๆ ก็คือ <b><span style="color: blue;">สั่ง AIS ไม่ลงโฆษณาในสื่อพวกนี้ซะ ถอนโฆษณา AIS และบริษัทในเครือชิน ออกจากสื่อนั้น ๆ ซะ</span></b> ถ้าสื่อต้นสังกัดยังปล่อยให้นักข่าวถามคำถามที่ทักษิณไม่อยากตอบ<br />
<br />
นี่แหละที่ทำให้สื่อและนักข่าวที่หวังโฆษณาจากทักษิณ เลยไม่กล้าถามคำถามอะไรที่อาจทำให้ต้นสังกัดถูกถอนโฆษณาได้<br />
<br />
หรืออย่าง <b><span style="color: #990000;">มติชน ข่าวสด</span></b> ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอำนาจก็จะสั่งให้หน่วยงานราชการมาลงโฆษณาให้ 2 สื่อนี้โดยตลอด ทำให้ทั้งสองสื่อนี้จะไม่ตั้งคำถามกวนใจยิ่งลักษณ์เลย<br />
<br />
แต่หากเรามองในอีกแง่นึง การที่นายกฯ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็ดีตรงที่ไม่ต้องเกรงใจหัวคะแนนที่มักจะเป็นพวกมาเฟีย หรืออันธพาลทั้งหลายที่คุมผลประโยชน์จากการละเมิดกฎหมาย จึงทำให้สามารถปฏิรูปบ้านเมืองได้เพราะไม่กลัวจะเสียคะแนนเสียง เช่น <b>จับพวกค้าขายริมหาดที่พวกหัวคะแนนคุมอยู่</b> <span style="color: #660000;"><b>จับพวกนายทุนที่สนิทกับพวกนักการเมืองที่บุกรุกป่าสงวน</b></span> เป็นต้น<br />
<br />
--------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">สรุปแล้วกัน </span></b><br />
<br />
ผมว่า รัฐบาลไทยไม่ว่าจะรัฐบาลไหน ๆ ก็ตาม ควรเริ่มต้นเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ คือ ทำให้การตั้งคำถามของนักข่าวต่อนายกรัฐมนตรี<b><u>เป็นทางการมากขึ้น</u></b> ไม่ควรปล่อยให้เป็นกันเองจนเลยเถิดเกินไปแบบทุกวันนี้ เพราะจะเกิดความไม่เกรงใจกัน และกลายเป็นวิวาทะเกิดขึ้น<br />
<br />
รัฐบาลควรให้นักข่าวลุกขึ้นถามคำถามอย่างเป็นทางการ และต้องบอกชื่อนามสกุล และต้นสังกัดของนักข่าว ก่อนที่จะตั้งคำถามก้บนายกรัฐมนตรี และสื่อทีวีควรถ่ายภาพที่ตัวนักข่าวคนนั้น ๆ ให้เห็นหน้าตาด้วย<br />
<br />
คนดูทางบ้านจะได้รู้ว่า นักข่าวคนนั้น ๆ ได้ถามคำถามกวนตีนหรือ ถามคำถามโง่ ๆ ชวนทะเลาะหรือไม่ <br />
<br />
<span style="background-color: white;">แล้วคนดูจะวิเคราะห์ได้เองว่า ที่นายกรัฐมนตรีตอบแบบโมโหนั้น โมโหเพราะนายกฯ ไร้วุฒิภาวะที่ดี หรือเพราะนักข่าวไทยมันห่วยแตก เพราะอย่างไหนมากกว่ากัน</span><br />
<br />
แต่ผมสรุปตรงที่ว่า คนที่ชอบนายกฯ ประยุทธ์ เขาก็จะสะใจมากที่นายกฯ ด่านักข่าว เพราะคนกลุ่มนี้เขาคิดว่า <b>นักข่าวไทยมันก็ห่วยจริง ๆ นั่นแหละ</b><br />
<br />
ส่วนคนที่เกลียดนายกฯ ประยุทธ์ เขาก็จะด่านายกฯ ประยุทธ์ว่า <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>ถ้าคุมอารมณ์ตัวเองยังไม่ได้ แล้วจะคุมประเทศได้ยังไง </b></span></span><br />
<br />
-------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ฐานันดรที่ 4 คือ นักข่าวไทย อภิสิทธิ์ชนตัวจริง</span></b><br />
<br />
ทุกสิ้นปี บรรดานักข่าวไทยในวงการต่าง ๆ มักจะตั้งฉายาให้คนนั้นคนนี้เสมอ แถมตั้งฉายาแรง ๆ จนอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยซ้ำ <br />
<br />
แต่นักข่าวไทยกลับไม่ตั้งฉายาให้ตัวเอง ว่าปีที่ผ่านมา นำเสมอข่าวที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม หรือละเมิดสิทธิคนอื่นหรือเปล่า<br />
<br />
อย่างกรณี งานศพ <b>ปอ ทฤษฎี</b> ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนความห่วยในวงการสื่อไทยว่า สื่อไทยห่วยจริง ๆ จนประชาชนต้องตั้งฉายาให้สื่อไทยว่า <b><span style="color: #cc0000;">แร้งลง !!</span></b><br />
<br />
----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">อัพเดทข่าวล่าสุด</span></b><br />
<br />
หลังจากผมเขียนบทความนี้ไปได้ 6 วัน ล่าสุดนายกฯ ลุงตู่ก็<b>ได้จัดระเบียบนำข่าวประจำทำเนียบใหม่แล้ว </b>ตามข่าวนี้<br />
<br />
<img src="http://i.imgur.com/mwtNIe0.jpg" /><br />
<br />
แล้วใน<b>รายการคืนความสุขฯ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 59</b> นายกฯ ก็ได้พูดในรายการเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า <br />
<br />
<span style="color: #444444; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;">"..ไม่ใช่หาแต่คนที่มันขัดแย้ง มาสร้างข่าวอยู่ทุกวัน ๆ แบบนี้ สื่อไปหาแบบนี้มาไปหาที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ให้กำลังใจคนจน ให้กำลังใจคนทำดีไม่ค่อยเห็นนะ มีแต่เรื่องอะไรที่ไร้สาระอยู่เยอะมากกว่าสาระนะ </i></span><br />
<span style="color: #444444; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;"><br />
</i></span> <span style="color: #444444; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;">นี่ผมก็ทะเลาะกับเขาอีก วันนี้ก็ให้ 4 คำถาม ถามกันว่าทำไมต้อง 4 คำถาม เออแปลกดีเหมือนกันนะ ผมไปเมืองนอกเขาก็ทำแบนี้ คำถามเดียวเขายังไม่ให้เลย นี่ผมให้ความเป็นกันเอง แต่ไม่ได้ สรุปแล้วไม่ได้ ผมกลายเป็นลูกไล่ให้กับท่าน ผมโมโหก็ไม่ได้อีก </i></span><br />
<span style="color: #444444; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;"><br />
</i></span> <span style="color: #444444; font-family: "courier new" , "courier" , monospace;"><i style="background-color: white;">เพราะฉะนั้นมีกติกาก็แล้วกัน เรื่องความเกื้อกูลซึ่งกันและกันนะ ย้อนกลับไปที่ผมทำให้คือผมเกื้อกูล ให้ท่านมีงาน มีข่าวเขียน ปรากฏว่า แทนที่จะช่วยผม มาทำร้ายผมด้วย บางคนนะ บางคนนั่นแหละ ก็ต้องรับไปด้วยกัน เพราะนั่งอยู่ด้วยกัน เวลาถามผม ก็ไปดูกันเองว่าใครชอบสร้างความขัดแย้ง..."</i></span><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/02/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-61132039204239673172016-01-04T00:32:00.000+07:002017-10-24T01:44:08.228+07:0030 บาทรักษาทุกโรค ในยุคทักษิณห่วยที่สุด<br />
<br />
<br />
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่า <b>ผมชื่นชมนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค</b> เพราะเป็นนโยบายที่คนจนได้ประโยชน์มากที่สุด<br />
<br />
แน่นอน นโยบายนี้ได้ทำให้ทักษิณได้คะแนนนิยมมากที่สุด ซึ่งเราต้องยอมรับว่า ในเมื่อรัฐบาลทักษิณเป็นคนเริ่มนโยบายนี้ ก็ย่อมต้องได้เครดิตในฐานะผู้กล้าเริ่มทำนโยบายนี้เป็นการตอบแทน<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">แต่ทักษิณเริ่มนโยบายที่ดีก็จริงแต่บริการแสนห่วยทิ้งเอาไว้</span></b><br />
<br />
แต่ผู้ที่แก้ปัญหาให้นโยบายที่และมีการบริการที่ดีขึ้นตามลำดับ ก็คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่เสียสละอย่างอดทน ไม่ลาออกหนีไปโรงพยาบาลเอกชนเพราะงานหนักขึ้นหลายเท่า รวมถึงรัฐบาลสมัยต่อมา เช่น <b>รัฐบาลสุรยุทธ์ และรัฐบาลอภิสิทธิ์</b> ต่างหากที่พยายามเพิ่มการบริการในโครงการนี้ให้ดีขึ้น จนประชาชนได้รับสิทธิที่ดีขึ้นกว่าในยุคทักษิณทั้ง 2 สมัย<br />
<br />
เพราะใน 2 สมัยของรัฐบาลทักษิณ ตั้งแต่เริ่มโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคก็แทบไม่ช่วยพัฒนาการบริการและสิทธิให้ดีขึ้นกว่าตอนแรกเริ่มประกาศใช้โครงการเลย<br />
<br />
การที่ทุกคนรู้สึกว่า โครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ชื่อปัจจุบัน) หรือ สิทธิ สปสช. ดีขึ้นมากในปัจจุบันนี้นั้น ควรจะต้องขอบคุณรัฐบาลสุรยุทธ์ กับ รัฐบาลอภิสิทธิ์ มากกว่ารัฐบาลใด ๆ<br />
<br />
เพราะสิทธิของผู้ป่วยได้รับการปรับปรุงมากที่สุดใน 2 ยุคนี้ เพราะรัฐบาลทั้งสองยุคนี้ เป็นยุคที่เศรษฐกิจไทยดีมาก<br />
<br />
ในขณะช่วง<b>รัฐบาลยิ่งลักษณ์</b>กลับไม่ค่อยพัฒนาหรือปรับปรุงคุณภาพสิทธิของผู้ป่วย สปสช. สักเท่าไหร่นัก เหตุเพราะรัฐบาลเอางบประมาณไปทุ่มกับโครงการรับจำนำข้าวมากเกินไป จนงบประมาณชาติต้องขาดทุนเสียหายย่อยยับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์<br />
<br />
<br />
<u>ส่วนสิ่งที่ยังผิดพลาดในนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค</u>คือ <span style="color: #990000;"><b>ทำเป็นประชานิยมมากไป</b></span> ซึ่งแตกต่างจากรัฐสวัสดิการ ที่รัฐจะเก็บภาษีจากประชาชนค่อนข้างสูงมากเพื่อนำมาสนับสนุนโครงการรัฐสวัสดิการ ในขณะที่การจัดเก็บภาษีของไทยได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น<br />
<br />
และนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ก็ไม่<u>กำหนดวิธีการหาเงินเข้ารัฐให้ชัดเจน</u>ว่า จะนำเงินจากตรงไหนมาอุดหนุน <span style="color: #990000;"><b>นี่คือจุดบกพร่อง</b></span><br />
<br />
เพราะถ้าให้ดีควรกำหนดไปเลยอย่างเช่น อาจกำหนด<span style="color: blue;"><b>ภาษีมูลค่าเพิ่ม</b></span>จำนวนที่กี่เปอร์เซนต์ว่า จะนำมาใช้อุดหนุนโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเท่าไหร่<br />
<br />
หรือเช่นกำหนดไปเลยว่า ภาษีสรรพสามิตของเหล้า บุหรี่ <b>ภาษีจากน้ำมัน</b>ซึ่งก่อมลพิษในอากาศ ว่าจะนำมาอุดหนุนโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกี่เปอร์เซนต์ <br />
<br />
หรือเช่น <b>ปฏิรูปการจัดเก็บภาษีที่ดิน</b>ที่ไร้ประโยชน์จากพวกเศรษฐีที่ดินทั้งหลายในอัตราก้าวหน้า เพื่อมาอุดหนุนรัฐสวัสดิการด้านสุขภาพประชาชน เป็นต้น<br />
<br />
ซึ่งจะทำให้รัฐเห็นรายได้ชัดเจนที่จะนำมาใช้เพื่อรัฐสวัสดิการเพื่อสุขภาพประชาชน<br />
<br />
------------------<br />
<br />
และที่ผมบอกว่า 30 บาทยุคทักษิณห่วยสุด เพราะตอนนั้นทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่า รักษาทุกโรค <br />
<br />
เคยมีคุณหมอท่านนึงลุกขึ้นถาม <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;"><b>นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี </b></span></span>ซึ่งเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขในยุครัฐบาลทักษิณ 1 ในการสัมนาเรื่อง 30 บาททุกโรคก่อนที่จะออกเป็นนโยบายจริง ๆ ในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งว่า แล้ว<b>การล้างไตทางช่องท้อง</b> และ<b>การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม</b>นั้น บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคครอบคลุมการรักษาโรคไตวายหรือไม่<br />
<br />
นพ.สุรพงษ์ ตอบทันทีว่า <span style="background-color: white;">ไม่ครอบคลุมโรคไตวาย รวมถึงการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะทุกชนิด <span style="color: #a64d79;">(แม้กระทั่งผ่าตัดหัวใจ และโรคทันตกรรม ในตอนนั้นก็ไม่ครอบคลุม)</span></span><br />
<br />
แต่ในยุคต่อมาในรัฐบาลสุรยุทธ์ ก็ได้พัฒนาบริการ 30 บาทรักษาทุกโรคให้ดีขึ้น จนครอบคลุมหลาย ๆ โรค เช่น รวมการรักษาโรคไตวายทั้งการล้างไตทางช่องท้อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมถึงการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะต่าง ๆ และบัญชียาหลักแห่งชาติก็ปรับให้ดีขึ้นมาก<br />
<br />
ค่าหัวโครงการบัตรทองในยุคทักษิณ พ.ศ.2544 มีงบประมาณ <b><span style="color: #cc0000;">48,000 ล้านบาท</span></b> ในยุคนั้นจะตกหัวละประมาณ <b>1,100 บาทต่อปี</b>เท่านั้น<br />
<br />
แต่ใน พ.ศ. 2558 งบประมาณบัตรทองหรือ 30 บาท อยู่ที่ <span style="background-color: yellow;"><b>153,151.66 ล้านบาท </b></span>(อ่านว่า หนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันหนึ่งร้อยห้าสิบเอ็ดล้านหกแสนหกหมื่นล้านบาท) หรือตกหัวละ <span style="color: blue;"><b>2,895 บาท</b></span>ต่อคนต่อปี <br />
<br />
และในปี 2559 คาดว่างบประมมณก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหัวละ 3 พันกว่าบาท<br />
<br />
<b>เพราะงบประมาณมีแต่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการในปี 2558 - 2559 ก็ย่อมต้องยากขึ้นกว่ายุคทักษิณ</b><br />
<br />
-----------------------<br />
<br />
ในยุคทักษิณเริ่ม 30 บาทรักษาทุโรค ได้ก่อปัญหาทางการแพทย์มากมาย ทำให้แพทย์และพยาบาลสมองไหลออกไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนที่พรรคพวกของทักษิณ รวมทั้งทักษิณเองถือหุ้นในโรงพยาบาลเอกชนหลายโรงพยาบาล<br />
<br />
เพราะงบประมาณเพื่อรองรับการเจ็บป่วยประชาชนมันไม่สมดุลกัน แพทย์ที่มีน้อยไม่พอแก่ความต้องการอยู่แล้ว ก็ยิ่งไม่พอมากขึ้น เพราะแพทย์หนีออกจากระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค ไปเป็นหมอโรงพยาบาลเอกชนเพื่อสนอง<span style="color: blue;"><b>นโยบายฮับทางการแพทย์</b></span> ที่เริ่มขึ้นในสมัยทักษิณนั่นแหละ<br />
<br />
<br />
พวกเสื้อแดงมักอวยทักษิณแบบไม่รู้ที่มาที่ไป มักอ้างว่า <span style="color: #660000;"><b>ทำไมทักษิณถึงบริหารจัดการงบประมาณ 30 บาทรักษาทุกโรคได้</b></span><br />
<br />
ขอตอบว่า ก็ตอนนั้นประเทศไทยเริ่มมีเงินมากขึ้น ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มาได้แล้ว และที่ผ่านมาได้ก็เพราะรัฐบาลชวนได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจเอาไว้ก่อน แต่ทักษิณมาได้หน้าในยุคต่อมาแทน แล้วแอบอ้างว่าเป็นผลงานของตนเองคนเดียวที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น<br />
<br />
รวมทั้งอ้างเอาหน้าว่า<span style="color: #cc0000;"><b>ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด</b></span> ทั้ง ๆ ที่ใช้หนี้ได้ก่อนกำหนดเพราะรัฐบาลชวนไม่กู้เงินไอเอ็มเอฟจนเต็มวงเงินที่เคยทำเรื่องขอกู้ไว้ในยุครัฐบาลชวลิต<br />
<br />
รายละเอียดเรื่อง ไอเอ็มเอฟ ผมได้เขียนไว้แล้วในบทความเรื่อง <a href="http://newake.blogspot.com/2013/08/imf-imf.html" target="_blank">ใครกู้ไอเอ็มเอฟ ใครปลอดแอกไอเอ็มเอฟ ใครผลาญเงินเอาหน้า</a><br />
<br />
<br />
ที่ว่าเศรษฐกิจดีขึ้น <span style="color: blue;"><b>แม้แต่ในยุครัฐบาลสุรยุทธ์ เศรษฐกิจก็ดีขึ้นกว่ายุคทักษิณ </b></span>เพราะการส่งออกยุคสุรยุทธ์ทำลายสถิติสูงสุด เหตุเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเอื้ออำนวยด้วยนั่นแหละ<br />
<br />
ในยุครัฐบาลสุรยุทธ์ ก็เลยยกเลิกการจัดเก็บเงิน 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็นรักษาฟรีเลย เพราะเงินในคลังเริ่มมีมากขึ้น<br />
<br />
แล้วโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติก็พัฒนาขึ้นเรื่อยมา งบก็มากขึ้นเรื่อยมา<br />
<br />
-------------------------<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี่แหละ ที่ใช้เงินผิดพลาดไปกับ</span><span style="color: blue;">โครงการรับจำนำข้าว</span></b><span style="color: blue;"><b>ทุกเมล็ด</b></span>ราคาสูงกว่าตลาดโลกกว่า 50 % จนข้าวไทยขายไม่ออกเหลือค้างโกดังกว่า 18 ล้านตัน เสียหายขาดทุนกว่า 5 แสนล้านบาท<br />
<br />
ซึ่งความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต้องกลายเป็นภาระหนี้ที่รัฐบาลต่อ ๆ มา ต้องชดใช้หนี้ปีละไม่ต่ำกว่า<b> 6 หมื่นล้านบาท</b>ไปร่วม ๆ 20 ปี กว่าจะหมด<br />
<br />
ลองคิดดูเงินจำนวน 5 แสนล้านบาท <span style="color: #666666;">(ยังไม่รวมดอกเบี้ยเงินกู้)</span> สามารถสร้างโรงพยาบาลดี ๆ หรือ สามารถซื้อ<b style="color: #990000;">อุปกรณ์ทางการการแพทย์ที่ขาดแคลน</b>ไปให้โรงพยาบาลในชนบทที่ห่างไกลจะได้มากขนาดไหน<br />
<br />
รวมทั้ง<b>นโยบายรถยนต์คันแรก</b> ที่เสียเงินภาษีเข้ารัฐโดยใช่เหตุ ทำอุปสงค์อุปทานตลาดรถยนต์ปั่นป่วนไปหมด กระทบไปถึงตลาดรถมือสองด้วย<br />
<br />
จนถึงขนาดที่ว่า <b>ค่ายรถยนต์ทุกค่าย</b> ต้องออกมาขอร้องว่า <span style="background-color: white;">ต่อไปรัฐบาลกรุณาอย่าทำโครงการรถยนต์คันแรกอีกเลย</span> เพราะมันกระทบอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวม มีผลเสียมากกว่าผลได้<br />
<br />
และยุคยิ่งลักษณ์นี่แหละที่งบประมาณเริ่มขาดมือ จนต้องกลับมาเก็บเงิน 30 บาทรักษาทุกโรคอีกครั้ง <span style="color: #990000;"><b>แถมเริ่มมีแนวคิดที่จะให้ผู้ใช้สิทธิ สปสช. ต้องร่วมจ่ายสมทบค่ารักษาพยาบาลด้วย </b></span><br />
<br />
เพราะงบประมาณประเทศเริ่มขาดสภาพคล่อง จนผมต้องเขียนบทความเรื่อง <b>"ปฏิรูปหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต้องสอนให้คนไทยรู้ทันประชานิยมชั่ว"</b> ขึ้นมาว่า สาเหตุเพราะรัฐบาลเอาเงินไปใช้ในประชานิยมแบบผิด ๆ จนมากระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทั้งประเทศ<br />
<br />
<a href="http://kaeloveake.blogspot.com/2014/07/blog-post_30.html" target="_blank"><span style="background-color: yellow; color: black;">คลิกอ่าน</span> ปฏิรูปหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต้องสอนให้คนไทยรู้ทันประชานิยมชั่ว ๆ </a><br />
<br />
---------------------------<br />
<br />
ผมเองเขียนบทความเรื่อง <a href="http://kaeloveake.blogspot.com/2014/07/blog-post_30.html" target="_blank">จะปฏิรูปหลักประกันสุขภาพ ต้องสอนให้คนไทยรู้ทันประชานิยมชั่ว ๆ</a><br />
<br />
ซึ่งในบทความดังกล่าวได้อธิบายเหตุผลที่ ทำให้หลักประกันสุขภาพมีปัญหาสภาพคล่อง ก็เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี่แหละ<br />
<br />
แน่นอน โครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นนโยบายที่ดี ห้ามยกเลิกเด็ดขาด แต่ต้องปรับปรุงและพัฒนาการใช้จ่ายงบให้รอบคอบมากขึ้น<br />
<br />
อย่างเช่น <span style="color: #990000;"><b>พวกเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุ</b></span> กรณีนี้แม้แต่การประกันภัยทุกประเภทตั้งแต่ประเภทที่ 1 ไปถึงประเภทที่ 3 บริษัทประกันจะไม่จ่ายสินไหมกรณีเมาแล้วขับที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 150 มก.% จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ สุดท้ายภาระค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดก็ตกมาเป็นภาระที่งบ สปสช.แทน<br />
<br />
ดังนั้นกรณีเมาแล้วขับสมควรร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลสมทบด้วย<br />
<br />
<br />
หรืออย่างเช่น <span style="color: #990000;"><b>พวกอันธพาลตีกัน</b></span> ก็สมควรต้องร่วมจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลสมทบด้วย<br />
<br />
หรืออย่างเช่น <span style="color: #990000;"><b>พวกขับรถแต่ไม่ทำพ.ร.บ.ประกันภัยบุคคลที่ 3</b></span> พวกนี้พอไปทำให้คนอื่นบาดเจ็บ หรือตัวเองบาดเจ็บเอง แทนที่จะเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลจาก พ.ร.บ.ฯ ได้ แต่กลับเบิกไม่ได้ เพราะไม่ทำประกันไว้ ก็ต้องให้โครงการ สปสช.มาแบกรับภาระไว้อีก<br />
<br />
หรืออย่างเช่น <span style="color: #990000;"><b>พวกโจรไปปล้นเขา</b></span> ทำผิดกฎหมายเองจนตัวเองถูกยิงบาดเจ็บเอง ก็ต้องมาเปลืองค่ารักษาพยาบาลจาก สปสช. ด้วย<br />
<br />
นี่คือตัวอย่างที่น่าจะนำไปพิจารณาว่า <b>คนที่กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ สมควรได้รับค่ารักษาพยาบาลฟรีทั้งหมดหรือไม่ ? หรือสมควรร่วมจ่ายสมทบ ?</b><br />
<br />
-----------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">แนะนำอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br />
<br />
<a href="http://akelovekae.blogspot.com/2009/08/1.html" target="_blank"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> วิเคราหะ์คำว่า "โกงแต่ให้ประชาชน"</a><br />
<br />
<a href="http://akecity.blogspot.com/2013/01/blog-post_14.html" target="_blank"><span style="color: black;"><b style="background-color: cyan;">คลิกอ่าน</b></span> จากลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ถึง 30 บาทรักษาทุกโรค</a><br />
<br />
<span style="color: purple; font-size: large;">ดูทักษิณมันทำ ถวายบัตร 30 บาทให้ในหลวง</span><br />
<img src="http://i.imgur.com/iOYh76Y.jpg" width="500" /><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//</script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script><br />
<br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2016/01/30.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-55698776879548051052015-12-25T04:12:00.001+07:002016-10-20T02:25:12.887+07:00สังคมญี่ปุ่นถือมารยาทสำคัญกว่ากฎหมาย<br />
<br />
<br />
เป็นที่รับรู้กันทั่วโลกมาช้านานแล้วว่า <b>คนญี่ปุ่นมีมารยาทมาก และให้ความสำคัญกับมารยาททางสังคมสำคัญที่สุด</b> จนถือว่า เป็น<u>หน้าที่</u>ของตนเองเลย <br />
<br />
เมื่อครั้งประเทศญี่ปุ่นประสบภัยคลื่นสึนามิเมื่อหลายปีก่อน เราได้เห็นน้ำใจของคนญี่ปุ่นที่ยอมเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวมในหลาย ๆ เรื่อง<br />
<br />
เช่น ไม่มีการแย่งคิวขึ้นรถไฟหรือขึ้นรถเมล์ เพื่อรีบกลับบ้านในช่วงเวลาเกิดหายนะ ทุกคนต่างเข้าคิวรอคอยอย่างอดทนเป็นระเบียบเรียบร้อย<br />
<br />
<img src="http://media.gettyimages.com/photos/morning-commuters-wait-in-line-for-a-bus-outside-an-east-japan-co-picture-id110044937" width="400" /><br />
<br />
หรือเช่น <b>คนญี่ปุ่นไม่มีการแย่งซื้อกักตุนอาหารและน้ำดื่มในช่วงเกิดวิกฤติสึนามิเลย </b>เช่น ห้างสรรพสินค้าติดป้ายให้คนญี่ปุ่นซื้อน้ำดื่มได้คนละไม่เกิน 2 ขวด แต่คนญี่ปุ่นกลับซื้อแค่คนละขวดเท่านั้น เพื่อหวังให้คนที่มาที่หลังจะได้ซื้อน้ำดื่มได้<br />
<br />
ซึ่งต่างจากตอนอุทกภัยใหญ่ของไทยเมื่อปี 2554 ที่น้ำดื่มบรรจุขวดไม่ได้ขาดแคลน แต่คนไทยกลับตื่นตระหนกรีบซื้อกักตุนน้ำดื่มจนขาดแคลนเข้าจริง ๆ <br />
<br />
------------------<br />
<br />
กลับมาที่ประเด็นของบทตวาม ที่ว่า สังคมญี่ปุ่นถือมารยาทสำคัญกว่ากฎหมาย นั้น ขอให้คุณผู้อ่านลองอ่านข่าวนี้ครับ <br />
<br />
<b><span style="color: blue;">ศาลญี่ปุ่นตัดสินสนับสนุนให้ยืนตรงเคารพเพลงชาติ</span></b><br />
<br />
<img src="http://image.shutterstock.com/z/stock-photo-businessmen-bowing-at-japanese-flag-178707860.jpg" width="460" /><br />
<br />
<br />
ศาลญี่ปุ่นมีคำพิพากษาว่า <b>ระเบียบของนครโอซากา</b>ที่ให้ครูทุกคนยืนตรงเคารพธงชาติและเพลงชาติสอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ หลังจากมีครูฟ้องว่าระเบียบดังกล่าว<u>ละเมิดเสรีภาพทางความคิด</u><br />
<br />
ศาลนครโอซากามีคำพิพากษากรณีที่<span style="color: #660000;"><b>นายยาสุทากา โอคุโน</b></span> ครูวัย 58 ปีประจำโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งฟ้องร้องว่าคำสั่งของรัฐบาลนครโอซากา ที่ให้ครูทุกคนยืนตรงเคารพธงชาติและเพลงชาตินั้นละเมิดเสรีภาพทางความคิด โดยครูรายนี้ไม่ได้ยืนเคารพเพลงชาติในพิธีจบการศึกษาของนักเรียน โดยอ้างว่าขัดต่อความเชื่อคริสเตียนของเขาที่จะเคารพเฉพาะพระเจ้าเท่านั้น<br />
<br />
ศาลญี่ปุ่นระบุว่า <b><span style="color: #990000;">คำสั่งให้ยืนเคารพเพลงชาติและธงชาติชอบด้วยกฎหมาย</span></b> <u>เพราะถึงแม้รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นจะไม่ได้ระบุถึงการเคารพต่อสัญลักษณ์ของชาติ</u> หากแต่การยืนตรงโดยพร้อมเพรียงจะทำให้พิธีการต่างๆเป็นไปอย่างราบรื่นและเหมาะสม <br />
<br />
ครูรายนี้ยังยื่นฟ้องร้องด้วยกรณีที่ทางโรงเรียนสั่งลงโทษเขาโดยตัดเงินเดือน 1 เดือน โดยขอให้ยกเลิกโทษดังกล่าวพร้อมให้รัฐบาลนครโอซากาชดเชยค่าทำขวัญ 2 ล้านเยน<br />
<br />
ซึ่งศาลพิพากษาว่า <b>คำสั่งลงโทษของโรงเรียนชอบธรรม</b> เนื่องจากครูรายนี้ประพฤติตนทำให้เสียระเบียบและบรรยากาศในพิธีการสำคัญ <br />
<br />
<span style="color: #999999;">อ่านรายะเอียดข่าวที่นี่</span><a href="http://astv.mobi/AR1WCmD" target="_blank"> http://astv.mobi/AR1WCmD</a><br />
<br />
---------------------<br />
<br />
<b><span style="color: purple;">ข้อคิด</span></b><br />
<br />
จากข่าวศาลโอซาก้าตัดสินให้ครูทุกคนต้องยืนเคารพธงชาติและเพลงชาตินั้น<br />
<br />
ได้ข้อคิดก็คือ <span style="background-color: white;"><b><span style="color: blue;">คนญี่ป่นเขาให้ความสำคัญเรื่องมารยาทสำคัญกว่ากฎหมาย</span></b></span> ครับ<br />
<br />
คือ บางเรื่องแม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามันเสียมารยาทต่อสังคมส่วนรวมก็ถือว่า <b>ผิด </b><br />
<br />
หรือที่เขาเรียกว่า <span style="color: #990000;"><b>ผู้เจริญแล้วต้องรู้จักมารยาทกาลเทศะ</b></span> ไม่ใช่มาบอก กูไม่เคารพ กูไม่ยืน กูไม่ผิด เพราะสิทธิของกู <br />
<br />
พวกที่ชอบอ้างแบบนี้ คือ<b>พวกอวดฉลาด</b>ทั้งนั้น ประเทศไม่เจริญเพราะคนแบบนี้แหละ คือ ขวางโลกแบบไม่รู้จักกาลเทศะ<br />
<br />
<a href="http://akecity.blogspot.com/2012/01/respect-for-royal-anthem-of-thailand.html" target="_blank"><span style="color: black;"><b style="background-color: yellow;">คลิกอ่าน</b></span> ทำไมต้องยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2015/12/blog-post.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5878895343370679259.post-10307232422060992132015-11-19T01:20:00.000+07:002016-10-20T02:25:32.951+07:00การโกงในอุทยานราชภักดิ์กับความโง่ของพวกร่าน<br />
<br />
<br />
<br />
วันก่อน ดูข่าว <b>งานจุลกฐิน</b>ที่<span style="color: #990000;"><b>วัดพุน้อย</b></span> ในลพบุรี ได้เงินบริจาค 27 ล้านบาท นับกันสด ๆ ต่อหน้าสื่อ <br />
<br />
แต่<b><span style="color: blue;">วัดพระธรรมกาย</span></b> วัดใหญ่กว่า ดังกว่า จัดงานบุญปีละหลายหน ไม่เคยแจ้งยอดทำบุญเลยสักครั้งว่า มียอดบริจาคงานละเท่าไหร่<br />
<br />
เพราะพระและเจ้าอาวาส ก็ถือเป็น เจ้าหน้าที่รัฐ เช่นกัน<br />
<br />
<span style="color: #990000;"><b>ส่วนการสร้างอุทยานราชภักดิ์</b></span> ถ้ามีการโกงเกิดขึ้นจริง ๆ มันก็คือ <span style="background-color: white;">การโกงเงินบริจาคของประชาชน</span> <span style="color: #cc0000;">งานนี้เป็นการริเริ่มของกองทัพบก</span> เขาจัดงานกุศล เรี่ยไรเงินบริจาค <b>นี่มันไม่ใช่การโกงเงินภาษีชาติ</b><br />
<br />
แล้วพวกร่านแอนด์โง่ มึงจะให้ รัฐบาล คสช. รับผิดชอบอะไร ??<br />
<br />
ใครผิด ใครโกง ก็ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เข้าใจไหม ??<br />
<br />
ถ้าคนทำผิดเป็นทหาร ก็เล่นวินัยทหารเข้าไปอีก<br />
<br />
<b>ย้ำ !!</b> นี่คืองานที่ริเริ่มของกองทัพบกโดยเฉพาะ ไม่ใช่งานของรัฐบาล คสช.<br />
<br />
-------------------<br />
<br />
<span style="font-size: large;">ซึ่ง</span>ถ้ามีการโกงค่าก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์จริง ๆ ก็เป็นเสมือน<b>การโกงเงินบริจาคของเจ้าหน้าที่วัด </b><br />
<br />
ซึ่งผิดกับโครงการจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ที่อ้างว่า <span style="color: blue;"><b>มีการขายข้าวแบบจีทูจี</b></span> หรือ การขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ คือ รัฐบาลไทยได้ขายข้าวให้รัฐบาลจีน<br />
<br />
แต่สุดท้ายกลับไม่มีการขายข้าวจีทูจีเกิดขึ้นจริง แต่ข้าวหายไปจากโกดังแล้ว และไม่มีการส่งออกข้าวผ่านด่านศุลกากรไปจีน แถมค่าข้าวที่จ่ายมาก็จ่ายในราคาถูกกว่าปกติเพราะได้อ้างว่า เป็นการซื้อข้าวเพื่อไปขายแบบจีทูจีในราคามิตรภาพ<br />
<br />
สุดท้ายก็กลายเป็น<b>ข้าวเจี๊ยะทูเจี๊ยะ</b> นำข้าวเจี๊ยะทูเจี๊ยะมาขายในประเทศ แล้วได้กำไรมโหฬารไปเข้ากระเป๋าใครหว่า ?<br />
<br />
อีกทั้งวนข้าวมาจำนำ การสวมสิทธิจำนำ การลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำนำ นี่คือการทุจริตทั้งสิ้น ซึ่งหลายกรณีได้เป็นคดีความไปแล้ว<br />
<br />
นี่แหละคือ<span style="color: #990000;"><b>การทุจริตในงบประมาณของรัฐโดยแท้</b></span> แต่พวกร่านกลับไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไร <br />
<br />
ความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว มีทั้งการ<b>วนข้าว</b>เพื่อนำมาจำนำ การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำนำ ล้วนแต่สร้างความเสียหายให้แก่รัฐไทยทั้งสิ้น <br />
<br />
โครงการจำนำข้าวที่สร้างความเสียหาย ริเริ่มนโยบายโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรบ้าง นอกจากแก้ตัวแถเอาตัวรอดไปวัน ๆ แล้วก็โบ้ยความผิดให้คนอื่น<br />
<br />
แต่พวกร่านก็ไม่เดือดร้อนอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่มูลค่าความเสียหายมีมากมายมหาศาล<br />
<br />
แต่พวกร่านกลับไปเดือดร้อนเงินของประชาชนคนอื่น ๆ ที่เขาร่วมกันบริจาคสร้างอุทยานราชภักดิ์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เงินของ<b>พวกร่าน</b>เลยด้วยซ้ำ เพราะพวกร่านมันไม่บริจาคเงินเพื่องานนี้แน่นอน <span style="background-color: white;"><span style="color: blue;">เพราะพวกร่านมันเกลียดทหาร และเป็นพวกล้มเจ้าเสียส่วนใหญ่ </span></span><br />
<br />
ส่วน<b>ความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว</b> เป็น<span style="background-color: white;">ความเสียหายของประชาชนทุกคนที่เป็นเจ้าของเงินภาษีชาติ แต่พวกร่านกลับไม่คิดเดือดร้อนเอาความ หรือสร้างวาทกรรมโจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์เลย</span><br />
<br />
นี่แหละหนอ ประเทศไทยถึงไม่เจริญ เพราะมีพวกร่านอยู่หนักแผ่นดินไทยนี่เอง<br />
<br />
--------------<br />
<br />
แน่นอน !! ไม่ว่าการโกงจะเกิดขึ้นที่ใด หรือเป็นเงินของใคร การร่วมกันต่อต้านการโกงย่อมเป็นสิ่งสมควรที่ของคนไทยทุกคนควรทำ<br />
<br />
ถ้ามีการโกงในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ก็ต้องเอาคนโกงมาลงโทษให้ได้ ยิ่งการสร้างครั้งนี้เป็นเงินจากจิตศรัทธาของคนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ก็ยิ่งต้องหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ <br />
<br />
ส่วนพวกร่าน อย่ามัวแต่สร้างวาทกรรมประชดไปวัน ๆ ถ้าคิดจะต่อต้านคนโกง ก็ต้องต้านคนโกงทุกคนไม่ละเว้น ไม่ใช่เลือกต้านคนโกงเฉพาะฝ่ายตรงข้ามของตัวเองเท่านั้น<br />
<br />
<br />
<a href="http://kaeloveake.blogspot.com/2015/11/blog-post_21.html" target="_blank"><span style="background-color: yellow; color: black;"><b>คลิกอ่าน</b></span> ถ้าอธิบายง่าย ๆ แบบนี้ อุทยานราชภักดิ์ก็ไม่มีการโกง</a><br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3868693040831855";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* a1 */
google_ad_slot = "4695090125";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
<div class="fb-comments" data-colorscheme="light" data-href="http://akelovekae.blogspot.com/2015/11/blog-post_19.html" data-numposts="10" data-width="500"></div><div class="blogger-post-footer">เว็บมุมมองใหม่เมืองเอกรักความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่คิดลำเอียงแก่
กลุ่มผลประโยชน์ของใคร มากไปกว่าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์</div>Unknownnoreply@blogger.com0