วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

ท่านมุราโอกะถูกขัง 113

atsuhime 113


atsuhime 112


อีกด้านหนึ่งไทโรอี ก็ออกคำสั่งให้จับกุม ควบคุมตัวคนที่เกี่ยวข้องในการต่อต้านรัฐบาลจากที่ต่างๆ มาสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ทหารโรนินจนถึงระดับขุนนาง (โรนิน คือ พวกซามุไรไร้สังกัด ไม่มีเจ้านายปกครอง)

และคนสำคัญที่ผูกพันธ์กับท่านเท็นโชอิน คือท่านมุราโอกะ ก็ไม่พ้นการจับกุมครั้งใหญ่นี้ด้วย

------------------

ที่โอโอขุ

"อะไรนะ! บ้านโคโนเอะด้วยเหรอ?" ท่านเท็นโชอินตกใจมากเมื่อได้ยินข่าวร้าย

ชิเงโนะ
"การสอบสวนชองท่านอี ลุกลามไปถึงนั่นด้วยเจ้าค่ะ" / "หมายความว่า?"

"ท่านมุราโอกะก็ถูกจองจำอยู่ที่เกียวโตด้วยน่ะเจ้าค่ะ" / "นี่มันอะไรกันเนี่ย?"
อิคุชิมะถามอย่างตระหนก

"แต่ว่า..ทำไมต้องเป็นท่านมุราโอกะด้วยล่ะ?" / "ท่านมุราโอกะนั้น ถูกสงสัยว่าจะเป็นคนนำสาสน์ลับจากวังมาที่มิโตะน่ะเจ้าค่ะ"

"มีหนทางที่จะช่วยเหลือได้บ้างมั้ยล่ะเจ้าะ!?"
อิคุชิมะเริ่มร้อนรุ่มกลุ้มใจ

"ชิเงโนะ!" / "เจ้าคะ"

"ข้าจะขอเชิญท่านอีมาพบ รีบแจ้งตำหนักหน้าเดี๋ยวนี้" / "เจ้าค่ะ"

การถูกจับกุมและคุมขังท่านมุราโอกะนับเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับท่านเท็นโชอิน

แต่แล้วไทโรอีก็ปฏิเสธที่จะมาพบ โดยส่งที่ปรึกษาวากิซากะมาแจ้งต่อท่านเท็นโชอินว่า "ไทโรอีมีงานมากมายจึงไม่อาจมาพบท่าน ต้องขออภัยด้วยขอรับ"

ท่านเท็นโชอินได้ยินเช่นนี้ก็ลุกขึ้นยืนทันที! เพื่อจะไปพบไทโรอีที่ตำหนักหน้าด้วยตัวเอง แต่ว่า!

ชิเงโนะ "ท่านเท็นโชอินกรุณารอก่อนเจ้าค่ะ อย่าเพิ่งหนุหันไปนะเจ้าคะ"

(อิคุชิมะก็กำลังจะห้ามปรามท่านเท็นโชอินอยู่เหมือนกัน แต่บังเอิญชิเงโนะรีบห้ามปรามท่านเท็นโชอินได้เร็วกว่า จึงทำให้อิคุชิมะพอใจกับการทำหน้าที่ของชิเงโนะ ผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนตน ซึ่งท่านเท็นโชอินก็ฟังคำปรามของชิเงโนะเสียด้วยสิ)

ท่านเท็นโชอิน "ถ้าอย่างนั้นฝากไปบอกท่านอีด้วยว่า ท่านโคโนะเอะเป็นบิดาของข้า ส่วนท่านมุราโอกะก็เป็นผู้มีบุญคุณในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของข้า เพราะฉะนั้นขอให้คำนึงถึงและปฏิบัติกับท่านเป็นพิเศษด้วย"

ที่ปรึกษาวากิซากะ "แล้วข้าจะไปเรียนท่านไทโรใ้ห้ขอรับ"

---------------------------

ไทโรอี
"ให้ปฏิบัติเป็นพิเศษงั้นเหรอ?" / "ขอรับ"

"เรื่องที่นางไปสนับสนุนฮิโตะสึบาชิ ยังไม่ทำให้นางสำนึกถึงอันตรายอีกรึเนี่ย? ฮึ!?"

ไทโรอียิ้มอย่างไม่แยแสกับคำขอของท่านเท็นโชอิน และนั่งชงชาดื่มอย่างสบายอามรณ์ต่อไป แต่สายตาของไทโรอีดูช่างน่ากลัวนัก!

(การชงชาเองเป็นกิจวัตรที่ชื่นชอบของไทโรอี)

---------------------

ในที่สุดขุนนางที่อยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆ อย่างท่านโคโนะเอะก็ไม่พ้นอำนาจคุกคามของไทโรอีเช่นกัน เสนาบดีฝ่ายซ้ายโคโนเอะ ทาดะฮิโระ จึงได้ตัดสินใจออกบวช

--------------------

ท่านเท็นโชอิน "ท่านโคโนเอะออกบวชงั้นเหรอ!?"

"ท่านมุราโอกะเอง อีกไม่นานก็จะถูกควบคุมตัวมาจากเกียวโต เพื่อมารับการสอบสวนใหญ่ที่เอโดะอีกครั้งเจ้าค่ะ ทั้งที่ความจริงแล้ว น่าจะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข ท่านมุราโอกะกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้" อิคุชิมะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นจนแทบจะร้องไห้

อิคุชิมะดูทุกข์ใจและเสียใจอย่างมาก ท่านเท็นโชอินก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ท่านก็จำเป็นต้องหนักแน่นและเข้มแข็งอย่างมีสติ

"ยังไงก็ตาม ข้าต้องหาทางช่วยท่านมุณาโอกะให้ได้!"

"แล้วเรื่องนี้จะขอร้องกับท่านคุโบให้ช่วยได้มั้ยเจ้าคะ?!" อิคุชิมะจรดมือ3เหลี่ยมหันมาขอร้องต่อท่านเท็นโชอิน

"ท่านอิเอโมจิน่ะเหรอ?" / "กรุณาด้วยนะเจ้าคะ!" อิคุชิมะก้มหัวขอร้องต่อท่านเท็นโชอินอย่างที่สุด

"ข้ารู้แล้ว"

ทาคิยามะ
"ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านเท็นโชอิน ข้าคิดว่าอย่าทำอย่างนั้นจะดีกว่านะเจ้าคะ" / "เพราะอะไรล่ะ!?" อิคุชิมะตาขวางขึ้นมาทันที

"หากท่านเท็นโชอินเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็จะยิ่งทำให้ท่านอีคิดไปว่า ที่ท่านเท็นโชอินเป็นกังวลนั้นเพราะเหตุใด? อาจจะเป็นหลุมพรางก็ได้นะเจ้าคะ"

"แล้วคนที่หนุนหลังให้ท่านอี ขึ้นมามีอำนาจอยู่ในตอนนี้ได้เพราะใครกันล่ะ?" / "หลังจากไทโรอีได้ขึ้นเป็นใหญ่ จนได้เห็นพฤติกรรมต่างๆของเขา ถ้าให้พูดตรงๆ..ข้าเองก็เสียใจไม่น้อย"

"ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องออกความเห็น เรื่องนี้พวกเราจัดการเองได้" / "แต่ว่า! เรื่องมันไม่ได้จบเพียงแค่นั้นหรอกนะ!"

"หมายความว่ายังไง?"


(ต่อไปนี้ถือเป็นประโยคทองของทาคิยามะเลยทีเดียว ขอให้สังเกตให้ดีครับ)

"เรื่องที่เกิดกับตระกูลโคโนเอะ ปัญหาของท่านเท็นโชอิน ถ้าจะพูดไป..ก็คือเรื่องส่วนตัว หากท่านขอร้องแล้ว ท่านคุโบรับฟัง ก็จะทำให้ฐานะโชกุนของท่านคุโบอาจต้องเสื่อมเสีย ขอให้ท่านเท็นโชอินเข้าใจถึงความลำบากใจด้วยเถอะเจ้าค่ะ"

ทาคิยามะจรดมือ3เหลี่ยม
"ข้าอยากจะขอร้องเพียงเรื่องนี้ เท่านั้นเองเจ้าค่ะ" แล้วทาคิยามะกฌก้มหัวอย่างหนักต่อท่านเท็นโชอิน

เหตุผลของทาคิยามะ ทำเอาทุกคนถึงกับอึ้งและต้องยอมรับในเหตุผลอย่างเข้าใจ อิคุชิมะเองก็ไม่อาจทัดทานอะไรได้อีก

-------------------------------

ตรงนี้ผมประทับใจกับเหตุผลของทาคิยามะ เพราะละครได้สอนให้เราได้รู้จักการแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องหน้าที่ ว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรให้เหมาะสมและถูกกาลเทศะ

กรณีเรื่องตระกูลโคโนเอะจะนับไปก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านเท็นโชอินเท่านั้น หากท่านเท็นโชอินไปขอร้องท่านคุโบให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ ก็อาจทำให้ปัญหานี้กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตร้ายแรงต่อโทกุกาวะได้ และจะพลอยให้ท่านคุโบต้องตกที่นั่งลำบากไปด้วย เพราะไทโรอีเกิดไม่เกรงใจท่านคุโบขึ้นมา ก็จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ท่านคุโบได้!!
.
.

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

กิโมโนสีขาว 112

atsuhime 112


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 111


ช่วงไทโคคุของปีอันเซ (ไทโคคุคือการใช้อำนาจบาตรใหญ่) ไทโรของรัฐบาลบะขุฝุ อี นาโอสุเกะ ใช้กำลังเข้ากวาดล้างฝ่ายต่อต้านอย่างรุนแรง รวมทั้งบรรดาคนที่เคยมีอำนาจในรัฐบาลเดิมเสียนจนหมดสิ้น (เช่นที่สนับสนุนฝ่ายฮิโตะสึบาชิ)

ไทโรอี
"ข้าต้องกวาดล้างพวกต้านรัฐบาลเสียให้สิ้นซาก" นี่เป็นคำพูดของไทโรอีที่พูดต่อหน้าท่านโชกุนคนใหม่

โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือนำคำสั่งลับจากราชสำนักไปยังสัทสุมะและมิโตะ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายท่านหญิงอัตสึตอนแต่งงานเข้าบ้านโชกุน คือท่านมุราโอกะ โรโจะแห่งสกุลโคโนเอะและท่านโคโนเอะ ทาดาฮิโระเสนาซ้าย ก็ไม่รอดพ้นน้ำมือของไทโรอีเช่นกัน

บรรดาคนรอบข้างของเท็นโชอินต่างเข้าข่ายมีความผิดเกือบทั้งหมด

ไทโรอี
"พวกสัทสุมะเป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้ฮิโตะสึบาชิขึ้นเป็นโชกุึนต่อไป หนึ่งในนั้นคือท่านเท็นโชอิน!!รวมอยู่ด้วย" นี่คือคำพูดของไทโรอีที่หมายหัวคนสัทสุมะไว้ ซึ่งได้พูดประโยคนี้ต่อหน้าท่านโชกุนเสียด้วย!!

-----------------------

บทที่112

อีกเพียงไม่กี่วันจะสิ้นปีอันเซที่5 ท่านเท็นโชอินสั่งนางกำนัลนำชุดกิโมโนที่ท่านเคยใส่สมัยยังเป็นมิไดโดโกโระมาแขวนรวมกันอีกครั้งทุกชุดในห้อง

ท่านเท็นโชอิน "พอเอามารวมๆกันแล้ว มีมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือเนี่ย"

แต่เมื่อทาคิยามะเดินมาเห็นเข้า
"นี่พวกเจ้ามาทำอะไรกันอยู่" (นางกำนัลก็ทำความเคารพทาคิยามะ แม้แต่อิคุชิมะเองก็ยังก้มหัวให้นิดหน่อย)

ทาคิยามะยังไม่รู้ว่าท่านเ็ท็นโชอินก็อยู่ด้วยในห้องด้วย
"นี่มันชุดของท่านเท็นโชอินไม่ใช่รึ?"

ท่านเท็นโชอินจึงเดินออกมา "ไม่เป็นไรหรอกทาคิยามะ ข้าให้เอาออกมาเองนั่นแหล่ะ"

ทาคิยามะนั่งลงพูดต่อ
"ถ้างั้นก็..ขออภัยนะเจ้าคะ แต่ถึงยังไงก็..." (เวลาทาคิยามะกล่าวขออภัย นางกำนัลที่นั่งอยู่ก็ต้องก้มหัวขอโทษตามด้วย)

อิคุชิมะ
"ท่านเท็นโชอินบอกว่าให้นำเสื้อผ้าทั้งหมดมาแบ่งให้กับทุกคนน่ะ" / "อะไรนะ!"

"ตอนนี้ไม่มีท่านพี่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชุดพวกนี้แล้วล่ะ ข้าอยากให้คนตำหนักในทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกน่ะ"
ท่านเท็นโชอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะท่านไม่ติดยึดกับข้าวของมีค่าเช่นของพวกนี้ ท่านจึงมีน้ำใจอยากให้เป็นที่ระลึกแก่บ่าวที่คอยรับใช้ท่าน

"ชุดกิโมโนของท่านมิได จะเป็นสมบัติล้ำค่าตลอดไป ทุกคนคงจะตื้นตันมากนะเจ้าคะ" ทาคิยามะเห็นดีเห็นงามไปกับน้ำใจของท่านเท็นโชอินด้วยเช่นกัน

"พวกเจ้าเลือกตามใจชอบเลยนะ" / "เจ้่าค่ะ!!"

แล้วเหล่านางกำนัลก็เข้ามาเลือกหาชุดสวยๆของท่านมิไดโดโกโระกันใหญ่ แต่มีนางกำนัลคนหนึ่งไปหยุดที่ชุดกิโมโนสีขาวที่สวยมาก แล้วถามขึ้น
"ท่านเท็นโชอิน แล้วชุดนี้ล่ะเจ้าคะ?" / "ชุดนั้นเหรอ?"




อิคุชิมะเห็นเข้าก็รีบลุกขึ้นดุใส่นางกำนัลคนนั้นทันที "อย่าไปยุ่งกับชุดนั้นเชียวนะ!! นั่นมัน! ชุดที่ท่านเท็นโชอินใส่ในวันแต่งงานนะ สำคัญเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่มีทางยกให้กับใครแน่!!" / "ขออภัยเจ้าค่ะ"

"ไม่ต้องทำเสียงดุขนาดนั้นก็ได้ไม่ใช่เหรอ?"
ท่านเท็นโชอินเตือน

แล้วอิคุชิมะเดินเข้าไปพินิจชุดกิโมโนขาวตัวนั้นอย่างชื่นชมและรักใคร่!!

ส่วนท่านเท็นโชอินที่มองดูอิคุชิมะอยู่นั้น ท่านก็เกิดหวนคิดถึงเรื่องเมื่อวันก่อน ที่อิคุชิมะมาพูดเกริ่นว่า อยากจะไปจากโออขุแล้ว เมื่อท่านเท็นโชอินคิดถึงเรื่องนั้น ท่านก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา

ชิเงโนะ
"ขออนุญาตนะเจ้าคะ ข้าจะมาเรียนว่าท่านคุโบกำลังจะมาที่นี่เจ้าค่ะ" / "ท่านอืเอโมจิเหรอ?" ท่านเท็นโชอินมีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที

---------------------------

ที่ห้องรับรอง

ท่านคุโบอิเอโมจิ "ข้ามาที่นี่เพราะอยากมาเยี่ยมท่านแม่อีกน่ะขอรับ" / "ยินดีมากเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านมีเรื่องอะไรรึเปล่าล่ะ?"

"ท่านอีน่ะ คอยจะขัดขวาง ไม่ยอมให้ข้ามาพบท่านแม่สักที เมื่อเช้าก็....."


แล้วท่านคุโบก็เล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าที่พบไทโรอีให้ฟังว่า

ไทโรอี "เรื่องที่ท่านจะเคารพท่านเท็นโชอินเสมือนมารดาของท่านนั้น ไม่เป็นปัญหาอะไรเลย เพียงแต่ว่าตอนนี้ ท่านเป็นผู้นำทหารแล้ว ยังไงก็ขอให้นึกถึงการปกครองเป็นสำคัญด้วย" / "ข้ารู้อยู่แล้วน่า"

"แน่ใจรึขอรับ! ข้าได้ยินมาว่า ท่านแวะไปตำหนักในอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?" / "แล้วทำไมล่ะ!?"

"พอถึงวันขึ้นปีใหม่ เราจะต้องเรื่มทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับราชโองการลับนั้นแล้ว" / "แต่นั่นมันคนละเรื่องกับเรื่องท่านแม่นะ!!"


"แต่ข้าคิดว่าคนที่จะถูกสอบสวนนั้น จะเป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับท่านเท็นโชอินซะส่วนใหญ่นะขอรับ"

ท่านคุโบได้ยินไทโรอีพูดเช่นนั้น ท่านก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่ใช่เหตุผลที่ข้าจะไปพบท่านแม่ไม่ได้นี่นา!!"

"ท่านคุโบยังเด็กนัก ถึงเวลานี้ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว! คนที่จะช่วยท่านดูแลบริหารประเทศนี้ต่อไป มีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!! ไม่ใช่ท่านเท็นโชอิน!! หรือว่าคนในตำหนักในหน้าไหนทั้งนั้น!! ไม่มีซักคน!!"

คำพูดที่ดุดันและตั้งใจจะข่มท่านคุโบของไทโรอี สร้างความขุ่นเคืองใจแก่ท่านคุโบมาก!!

-------------------

เมื่อฟังเรื่องที่ท่านคุโบเล่าจบ

ท่านเท็นโชอิน "อย่างนี้นี่เอง.." / "แต่ว่า..ข้ากลับคิดว่าท่านอีกำลังจะสอบสวนในเรื่องที่ไม่จำเป็น"

"ข้่าเองก็คิดเช่นนั้นน่ะ" / "แต่ท่านอีบอกว่า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับรัฐบาลก็จำเป็นต้องทำ ข้าเองก็ไม่เข้าใจ..ว่าอะไรถูกต้อง..หรือะไรผิดกันแน่!?"


(การสอบสวนของรัฐบาลกับพวกต่อต้าน เป็นไปด้วยความรุนแรงและโหดเหี้ยม)

ท่านเท็นโชอินได้ฟังท่านคุโบพูดแล้ว อยู่ท่านเท็นโชอินก็ค่อยๆยิ้มและหัวเราะขึ้นมา

"ขำอะไรรึขอรับ?" / "เมื่อนานมาแล้ว ข้าเองก็เคยพูดประโยคนี้เหมือนกันนะ"

สิ่งที่ท่านเท็นโชอินหมายถึงว่าเคยพูดประโยคแบบนี้มาแล้วเหมือนกัน ก็คือเมื่อตอนที่โอคัตสึกับนาโอโกโร่กลับจากการไปพบท่านสุโช เหรัญญิกแห่งสัทสุมะในวันก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต

ตอนนั้นโอคัตสึก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านสุโชสอนเท่าไหร่ เมื่อโอคัตสึออกมาจากบ้านท่านสุโชแล้ว และผ่านมาที่ต้นไม้จุดชมวิวภูเขาซากุระจิมะที่ทั้งสองชอบมาเป็นประจำ

(ในตอนแรกๆผมยังเขียนไม่ละเอียดเท่าไหร่ ตรงจุดนี้ผมได้ข้ามไป แต่ในคลิปของบทที่2จะมีให้ดูอยู่)

โอคัตสึในเวลานั้นได้พูดกับนาโอโกโร่ว่า
"ข้าไม่เห็นเข้าใจเลยน่ะ ว่าอะไรถูกหรือว่าอะไรผิดกันแน่? แต่ว่าจะต้องเข้าใจให้ได้ สักวันข้าจะต้องเข้าใจมันให้ไ้ด้" (โอคัตสึเริ่มต้นพูดอย่างน้อยใจ แต่พอช่วงที่พูดท้ายประโยคกลับเริ่มยิ้มแย้มแจ่มใส)

(ขอแทรกหน่อยครับ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ในตัวโอคัตสึจนมาเป็นท่านหญิงอัตสึ จนเป็นท่านมิได และมาถึงท่านเท็นโชอิน นิสัยอย่างนึงที่เธอมักกระทำเป็นประจำคือ การเปลี่ยนอารมณ์แบบฉับพลัน!! โดยเฉพาะจากโกรธเปลี่ยนฉับพลันมายิ้มแย้ม หรือเสียใจเปลี่ยนฉับพลันมาเป็นยิ้มแย้ม เพียงแค่ในชั่วประโยคเดียวกันนั่นเองครับ)

เมื่อท่านคุโบได้ฟังที่ท่านเท็นโชอินเล่าจบ ก็รู้สึกดีขึ้้นมาก "ข้าเองก็จะต้องเข้าใจให้ได้! ต้องทำให้ได้!"

"จากนี้ไป มีเรื่องอะไรก็มาคุยกัน และเรียนรู้ไปด้วยกันนะ" / "ขอรับ!"


ทั้งสองต่างยิ้มให้กำลังใจแก่กัน ทำให้อิคุชิมะที่นั่งฟังอยู่ด้วยรู้สึกอิ่มใจและเริ่มวางใจในสถานะและบทบาทใหม่ของท่านเท็นโชอิน

----------------------

วันขึ้นปีใหม่ของปีอันเซที่6 ที่สัทสุมะ

ทาเตวากิ
"ท่านทาดายุกิน่ะเหรอ?" / โอคุโบะ "ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านโคมัทสึ มองว่าท่านทาดายุกิเป็นคนแบบไหนน่ะขอรับ?"

"ทำไมเหรอ?" / "ก็เพราะว่า พวกเราถูกลืมแล้วน่ะสิ แล้วท่านก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือคิชิโนะสุเกะกับท่านเก็ชโชเลย!"

"แต่ข้าคิดว่า ที่ท่านไซโกได้ไปอามามิโอชิมะนั้น เป็นเพราะได้ท่านทาดายุกิช่วยต่างหากล่ะ"


"ท่านคิดอย่างนั้นเหรอ ข้านึกว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นเพราะท่านนาริโอกิที่ปลดเกษียณไปแล้วเสียอีก ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าจากนี้ไป พวกเราฝากความหวังไว้กับท่านทาดายุกิได้รึขอรับ?" (ในตอนนี้ท่านนาริโอกิท่านพ่อของท่านทาดายุกิล้มป่วยลงแล้ว)

ทาเตวากิเข้าไปพูดใกล้ๆ "ข้าบอกได้แต่เพียงว่า.." / "ขอรับ"

"ท่านทาดายุกินั้นมีความมุ่งมั่น ที่จะสานต่อความตั้งใจของท่านนาริอาคิระจริงๆ" / "แน่ใจเหรอขอรับ?"

"แน่ใจสิ!!"

------------------------

ในวันต่อมา ทาเตวากิได้นำจดหมายเสนอแนวคิดทางการเมืองที่ท่านโอคุโบะเขียนเอง จ่าหน้าท่านเจ้าแคว้นสัทสุมะมาส่งถึงมือท่านทาดายุิกิด้วย

(ท่านทาดายุกิเป็นผู้ปกครองของท่านเจ้าแคว้นคนใหม่ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของท่านเอง ที่ยังเด็กอยู่)

ท่านทาดายุกิอ่านชื่อเจ้าของจดหมาย "โอคุโบะ?"

ทาเตวากิ "เขามีความสามารถในการรวบรวมพวกคนหนุ่ม และจะช่วยค้ำจุนอนาคตของประเทศเราต่อไปได้อย่างแน่นอนขอรับ"

"เขามีความสามารถถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ?" / "ในวันข้างหน้าเขาจะเป็นบุคคลที่สำคัญต่อสัทสุมะอย่างแน่นอนขอรับ!!"


แล้วท่านทาดายุกิก็เปิดจดหมายที่ท่านโอคุโบะเขียนออกมาอ่าน

"เรื่องหนึ่ง ต้องรวบรวมผู้คนจากที่ต่างๆ แล้วก็ปฏิรูปการปกครองของรัฐบาลและสานต่อความตั้งใจของท่านนาริอาคิระ..."
.
.

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

หลักการทำงานเครื่อง GT200 คือหลอกใช้พลังแห่งจิตใต้สำนึก!!






(กรุณาอ่านให้ละเอียดนะครับ ว่าผมกำลังสื่อเรื่องอะไร เพราะมีคนอ่านแล้วเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมต้องการบอก)
.
.

เกริ่น

เป็นประเด็นร้อนมาหลายวันกับเครื่องตรวจหาวัตถระเบิดGT200 ที่มูลค่าเครื่องต่อ1 ชุดราคาประมาณ1 ล้าน 4แสนบาทพร้อมกับการ์ดเสียบวัตถุต้องสงสัย 20 ใบ หลักการคร่าวๆที่ฝรั่งอ้างสรรพคุณคือ

เมื่อเสียบการ์ดที่มีสารประกอบวัตถุระเบิดชนิดใด ๆ เข้าไปในเครื่อง เครื่องก็จะหาวัตถุระเบิดที่ตรงกับการด์ที่เสียบอยู่ในเครื่องมือ

แต่เมื่อนักวิชาการออกมาแฉทั้งของไทยและของอังกฤษคือBBC ออกมาแฉว่าเครื่อง GT200 นี้กำมะลอหลอกขาย วัสดุและส่วนประกอบภายในไม่มีอะไรนอกจากเส้นลวด แม่เหล็ก2ก้อน และช่องเสียบการ์ดก๊องแก๊ง ราคาต้นทุนไม่กี่ร้อยแต่หลอกขายเป็นล้านได้

ทีนี้ขอเข้าเรื่องในความเห็นส่วนตัวของผม ที่ติดตามข่าวมา2-3วันมานี้ (เป็นความเห็นส่วนตัวผู้เขียนเท่านั้น)

ทำให้ผมเริ่มประมวลความคิดได้ว่า เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดGT200นี้ ที่แท้ก็คือ เครื่องมือที่เป็นอุบายดึงเอาพลังแห่งจิตใต้สำนึกของผู้ใช้ออกมาให้เกิดประโยชน์นั่นเองครับ






------------------------------

ทำไมผมถึงคิดเช่นนั้น??

คุณผู้อ่านเคยเห็นเรื่องการทดลองพลังจิตใต้สำนึก เช่น การใช้กระดาษตัดดินสอมั้ยครับ ? 

ผมเองเคยเห็นเพื่อนของผมแสดงให้ดูครั้งแรก ว่ากระดาษธนบัตร10 บาทตัดดินสอ 2 บี ได้ขาดอย่างง่ายดาย เมื่อเกือบ20ปีก่อน ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย!?

ผมลองถือดินสอของผมให้เพิ่อนลองตัดด้วยกระดาษ เพราะผมสงสัยว่าคนถือดินสอช่วยหักให้คนตัดหรือไม่ ? แต่เปล่าเลย! พอผมลองถือดินสอให้เพื่อนคนนั้นใช้ธนบัตร 10 บาทตัด ก็สามารถตัดได้อย่างง่ายดาย

ผมมารู้ทีหลังจากรายการทีวีหลายรายการในภายหลัง ที่มีอาจารย์ทางด้านจิตวิทยา ออกมาสอนเรื่องพลังแห่งจิตใต้สำนึกของคนเรานั้นมันมีพลังมหัศจรรย์มากกว่าที่คนเรานึกถึง

การตัดดินสอด้วยกระดาษคือหลักการเบื้องต้นแห่งพลังจิตใต้สำนึก

หลักการที่เคยได้ยินคือ คนเราทั่วไปซ่อนพลังแห่งจิตใต้สำนึกไว้90% โดยไม่ได้นำออกมาใช้ หากเราสามารถดึงพลังแห่งจิตใต้สำนึกที่ซ่อนอยู่ออกมาได้ทั้งหมด คนเราก็จะสามารถทำอะไรที่เหลือเชื่อได้ และเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ทางจิต!!




--------------------------------



เครื่องมือหาแหล่งน้ำ ก็คือพลังแห่งจิตใต้สำนึกของคนใช้

คุณผู้อ่านเคยเห็นเหล็กดัดงอ 2 อัน แล้วเอามาถือคนละมือ แล้วเดินไปเรื่อยๆเพื่อหาแหล่งน้ำหรือหาโลหะมั้ยครับ??

ในการ์ตูนโดเรมอน โนบิตะก็เคยใช้วิธีการนี้หาขุมทรัพย์สมบัติ

เครื่องมือนี้ในสมัยโบราณนิยมใช้หาแหล่งน้ำ หาทอง หาศพ เป็นต้น หรือที่เรียกว่า "เครื่องมือล้างป่าช้า"(ของฝรั่ง)

ถ้าจำไม่ผิดในรายการ"ตามไปดู" ที่มีหมอซ้งจัดไปตามหาเรื่องแปลกเมื่อ 20 ปีก่อน รายการได้ไปพิสูจน์เรื่องเหล็กงอสามารถหาแหล่งน้ำในชนบทได้ เป็นเครื่องมือง่าย ๆ เพื่อช่วยในการขุดเจาะแหล่งน้ำบาดาลในถิ่นทุรกันดาร

ซึ่งเครื่องมื่อเหล็กล้างป่าช้านี้ ก็สามารถหาแห่งน้ำใต้ดินได้ถูกต้องแม่นยำประมาณ 1 ใน 3 หรือมีโอกาสถูกประมาณ 30 % โดยรายการลองใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์หาแหล่งน้ำขนาดใหญ่มาพิสูจน์เพื่อเปรียบเทียบกัน

ไม่มีคำอธิบายใดๆว่า ทำไมเหล็กงอ 2 อันสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้?? 


แม้จะมีผิดพลาดบ้างก็ตาม แต่นับว่า เป็นเครื่องมือที่ราคาถูกหาง่ายและพอใช้ได้


แต่คำอธิบายจริง ๆ ก็คือ มันไม่ได้เป็นความมหัศจรรย์ของเหล็กหรอกครับ แต่มันเป็นความมหัศจรรย์ของพลังจิตใต้สำนึกของคนใช้มันต่างหาก!! (ส่วนเหล็กก็คืออุปกรณ์เสริม)

เมื่อคนเราเชื่อว่าเหล็กมันจะหาน้ำได้ เราก็จะเกิดความมั่นใจในความเชื่อมั่น เมื่อเกิดความมั่นใจประกอบกับจิตของผู้ใช้มีสมาธิ และไม่มีอคติในการค้นหาและไม่มีอคติในเครื่องมือ

พลังแห่งจิตใต้สำนึกของผู้ใช้แท่งเหล็กล้างป้าช้านั้น ก็จะออกมาโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลย

เท่ากับว่า เหล็กงอสำหรับหาน้ำได้เป็นอุบายหลอกให้ผู้ใช้สามารถดึงพลังแห่งจิตใต้สำนึกของตัวเองออกมาได้นั่นเอง

-----------------------------

การทดลองหาน้ำในแก้วที่อยู่ใต้กล่อง

ผมจำได้คร่าวๆว่า เคยดูรายทีวีอีกรายการ ซึ่งไม่แน่ใจว่ารายการของญี่ปุ่นหรือไม่? ที่เคยทดลองการหาน้ำด้วยการใช้แท่งเหล็ก

เขาใช้แก้วน้ำที่มีน้ำในแก้ว1ใบ ไปวางไว้ แล้วมีกล่องมาครอบแก้วน้ำไว้ และจะมีกล่องหลอกอีกประมาณ5กล่องครอบไว้เช่นกัน

แล้วลองใช้วิธีการหาน้ำแบบโบราณนี้ลองหาว่าแก้วน้ำอยู่ใต้กล่องใบใด ซึ่งผลการทดลองเหลายสิบครั้งก็สามารถหาแก้วน้ำได้เจออย่างถูกต้องเกือบ50% เช่นกัน (ทดลองแค่หาน้ำในแก้วเท่านั้น)

-------------------------------




แล้วเครื่องGT200ในการหาวัตถุระเบิดล่ะ ใช้หลักการพลังแห่งจิตใต้สำนึกยังไง??

เครื่อง GT200 นี้ ก็เป็นเครื่องมือที่ใช้เป็นอุบายหลอกผู้ใช้เกิดความเชื่อถือและมั่นใจในความไฮเทคของเครื่องมือราคาแพงลิบ เป็นอุบายบนความน่าเชื่อถือของเครื่องช่วยดึงพลังแห่งจิตใต้สำนึกของผู้ฝช้ออกมานั่นเอง

โดยเฉพาะคนไทยส่วนใหญ่มักจะเชื่อว่าเครื่องมือของฝรั่งมันต้องดี ต้องน่าเชื่อถือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การถูกหลอกให้ดึงพลังจิตใต้สำนึกของผู้ใช้ออกมาจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก


เครื่อง GT200 ถูกผลิตในอังกฤษ แถมมีราคาแพงมากๆ พร้อมด้วยการอธิบายหลักการทำงานที่น่าเชื่อถือ จึงทำให้ทหารไทยจึงเชื่อมั่นเครื่องมือนี้มาก 

แต่ถ้า GT200 ราคาถูกก็จะไม่สามารถหลอกดึงพลังจิตใต้สำนึกของผู้ใช้ออกมาได้ (เหมือนจะดีแต่ก็คือการหลอกลวง) เพราะโดยหลักการคนมักจะเชื่อในคุณภาพของที่มีราคาแพงมากกว่าของราคาถูก

เครื่องมือGT200 ไม่มีอุปกรณ์อิเลกโทรนิคส์ใดๆในตัวเครื่อง ไมใช้กระแสไฟฟ้า ไม่ใช้แบตเตอรรี่ใดๆเลย แต่บริษัทฝรั่งอ้างว่า ใช้พลังไฟฟ้าสถิตจากตัวของผู้ใช้เอง

และเมื่อเครื่องเจอวัตถุต้องสงสัย เหล็กที่ปลายกระบอกก็จะหันเข้าหาวัตถุที่สงสัย

แต่ที่จริงแล้ว ตัวเครื่องเป็นเพียงตัวช่วยดึงพลังมหัศจรรย์แห่งจิตใต้สำนึกของผู้ใช้ออกมามากกว่า และการที่ค้นพบระบิดได้ก็เกิดจากความมหัศจรรย์ของจิตใต้สำนึก ไม่ใช่ความไฮเทคของเครื่องมือ!!

ฉะนั้นที่คุณหญิงหมอพรทิพย์ ที่ออกรายการสรยุทธเมื่อเย็นที่ผ่านมา คุณหญิงหมอก็เชื่อว่าเครื่อง GT200 สามารถหาวัตถุต้องสงสัยได้จริง ?!?

และคุณหมอก็ยังยกตัวอย่างเรื่องเหล็กล้างป่าช้า ที่ตามหาแหล่งน้ำได้ ก็ไม่เห็นมีใครอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า ทำไมมันถึงหาได้ แม้จะมีผิดพลาดอยู่บ้าง!!? (แต่เหล็กล้างป่าช้ามันราคาถูก ไม่ได้ราคาแพงเป็นล้านนะครับ)

ยิ่งคนไทยมีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นนอกจากพลังแห่งจิตใต้สำนึกแล้ว ก็อาจมาจากพลังแห่งสิ่งศักดิ์สิทธื์ที่คุ้มครองผู้ใช้อยู่ก็ได้ ที่ดลบันดาลให้หาวัตถุอันตรายเจออย่างไม่น่าเชื่อ!!


เปรียบเสมือนคนบางคนที่เชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังจะคุ้มครองตนเองได้ ก็เลยก่อให้เกิดความมั่นใจบางอย่างขึ้นมา แล้วความมั่นใจนั้นก็เกิดพลังบางอย่างที่มาช่วยให้ทำบางสิ่งบางอย่างสำเร็จ 

ดังนั้น คนบางคนจึงขอพกเครื่องรางของขลังไว้ ดีกว่าไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวเลย
.
*ฉะนั้นที่เครื่องหาวัตถุระเบิดเจอ ไม่ใช่เพราะเครื่องดี แต่เป็นเพราะพลังจิตใต้สำนึกของคนใช้มันดีมากกว่า(ฮา)

----------------------------

พลังแห่งจิตใต้สำนึก และมายาจิต

คุณผู้อ่านเคยรู้จัก หนุ่มไทยที่จบมาจากอังกฤษที่ชื่อ"วิน มายาจิต" มั้ยครับ? ที่เขามาแสดงมายากลแปลกๆหลายอย่างทางทีวี แต่พอถามเขาว่าเขาเล่นกลใช่มั้ย?

หนุ่มวินกลับบอกว่า ที่เขาแสดงไม่ใช่มายากล แต่เป็นมายาจิต หรือพลังแห่งจิตใต้สำนึกนั่นเอง

เครื่องGT200นั้น ผมขอตั้งข้อสันนิษฐานว่า ผู้ผลิตคงจะเป็นนักจิตวิทยาแน่ ๆ ที่รู้หลักการของพลังจิตใต้สำนึกของคน และสร้างเครื่องมือที่สามารถใช้เป็นอุบายดึงเอาพลังจิตใต้สำนึกของคนดูออกมาใช้โดยเจ้าตัวคนใช้ก็ไม่รู้ตัวนั่นเอง

และที่ตรวจหาวัตถุระเบิดจนเจอได้ ก็เป็นเพราะจิตใต้สำนึกของผู้ใช้เป็นผู้หาเจอ ไม่ใช่เพราะเครื่องมือ GT200 หาเจอ !!


-----------------------------

คลิปbbc แฉเครื่องGT200กำมะลอ!!



การที่เครื่องมือมีราคาแพงมาก ๆ ก็มีส่วนช่วยให้ผู้ใช้เกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในเครื่องมือมากขึ้น ประกอบกับทหารไทยก็ได้ไปรับการอบรมมาว่า ต้องเดินด้วยท่าทางแบบนี้ ต้องมีสมาธิ ต้องพักผ่อนเพียงพอ ต้องไม่เดื่มแอลกอฮอล์

ข้อกำหนดเหล่านี้ ก็เป็นอุบายหลอกเพื่อดึงพลังจิตใต้สำนึกของผู้ใช้ออกมาได้ดีขึ้นนั่นเอง

ฉะนั้นข้อดีของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดGT200 ก็คือ สามารถช่วยดึงพลังมหัศจรรย์แห่งจิตใต้สำนึกของคนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และอาจจะไปดึงพลังจิตใต้สำนึกของผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่เชื่อมั่นในเครื่องมือเช่นเดียวกันมาใช้ได้ด้วย (เช่นในคลิปของวิน มายาจิตใช้จากผู้ชม)

แต่ข้อเสียก็คือ มันแพงเว่อร์จนกินไป และไม่สามารถยินยันได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ เพราะมันเกี่ยวกับจิตใต้สำนึกของคนใช้ครับ (อาจเรียกว่าลางสังหรณ์ หรือสัมผัสที่6ทีซ่อนไว้ก็ได้)

พอจะสรุปได้ว่า เครื่องมือGT200 จึงไม่สามารถให้ผลถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ได้แม่นยำก็จริง แต่ก็สามารถใช้ตรวจหาได้ในขั้นต้น แต่วันใดที่การหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ก็ไม่ต้องแปลกใจ!!

เพราะพลังแห่งจิตใต้สำนึกย่อมมีความผิดพลาดได้มากกว่าอุปกรณ์วิทยาศาสตร์แท้ ๆ แน่นอนอยู่แล้ว

----------------------------

ถ้าเครื่องมือ GT200 ราคาไม่เกิน 1,000 บาทไม่ใช่ราคาเป็นล้านแบบที่ซื้อใช้อยู่ตอนนี้ ก็จะไม่มีปัญหาเท่าไหร่


แต่ถ้าเครื่องมือราคาแค่1,000 บาทจริง ๆ  ก็จะทำให้ผู้ใช้จะเริ่มสงสัยในเครื่องมือ เริ่มไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของเครื่องมือว่าไฮเทคจริงรึเปล่า? 


ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถดึงพลังจิตใต้สำนึกของผู้ใช้โดยไม่รู้ตัวให้ออกมาได้ เพราะผู้ใช้ไม่เชื่อในเครื่องและไม่เชื่อในพลังจิตใต้สำนึกของตน

ยิ่งตอนนี้มีนักวิชาการออกมาแฉเรื่องเครื่องมือGT200กำมะลอนี้จนรู้กันทั่ว ก็อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความลังเลใจในเครื่องมือขึ้นบ้างแล้ว และเมื่อยิ่งลังเลใจมากเท่าใด ประสิทธิภาพอุบายช่วยดึงพลังจิตใต้สำนึกออกมาก็จะหายไปมากขึ้นเท่านั้นครับ!!

.
สรุปคือ เครื่องนี้เป็นเครื่องมือกำมะลอที่ไม่ได้อาศัยการตรวจจับตามหลักวิทยาศาสตร์ การที่ซื้อเครื่องนี้มาใช้จึงเป็นการถูกฝรั่งหลอกขาย ของกำมะลอแบบนี้หากอยากจะใช้จริงๆ คนไทยก็ผลิตเองได้ ราคาไม่ถึง1000บาท
.
ส่วนจะฝากชีวิตคนไว้กับเครื่องนี้ได้หรือไม่? 

คำตอบคือ ไม่ได้! เพราะเราคงไม่กล้าจะฝากชีวิตไว้กับจิตใต้สำนึกแน่ ๆ เพราะถ้าผู้ใช้รู้ว่าเครื่องนี้พึ่งจิตใต้สำนึกของตนเท่านั้น ก็จะไม่มีจิตใต้สำนึกออกมาอีก!!

คลิป วิน เอี่ยมอ่อง โชว์พลังจิตใต้สำนึกในรายการที่นี่หมอชิต


พลังจิตใต้สำนึกของคนธรรมดาที่ไม่ได้รับการฝึกฝน มันเชื่อถือไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องใช้ชีวิตมาเสี่ยง แต่ถ้าเก่งอย่างวิน ก็ไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ หรอกครับ


คลิกไปดูท้าพิสูจน์ที่วิน โชว์ แล้วจะอึ้ง เช่นโชว์หยุดการเต้นของหัวใจได้


วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

แม่ของโชกุน 111

atsuhime 111


อ่านเจ้าหญิงอัตสึทีี่รัก 110


ต้องขออภัยคุณผู้อ่านทุกท่านด้วย ที่ตอนที่111นี้ ผมจำเป็นต้องใช้เป็นการเล่าเรื่องแทน เพราะไม่สามารถหาคลิปซับภาษาอังกฤษดูได้เลย ทำให้ผมเองก็ดูตอนนี้ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็จำเป็นต้องอาศัยคลิปล่างนี้ ซึ่งไม่รู้เป็นภาษาอะไรก็ไม่แน่ใจเหมือนกันมาใช้แทน(ซับภาษาเวียตนามรึเปล่าไม่รู้?)

และผมก็ดูคลิปไปและนึกย้อนไปเท่าที่จำได้ ตามที่เคยดูทางทีวีไทย แม้จะลองไปหาดูย้อนหลังก็แล้ว แต่โชคร้ายซ้ำ2!! วันที่ออกอากาศในตอนนี้ เว็บดูทีวีย้อนหลังก็กลับดูเฉพาะวันนี้ไม่ได้เสียด้วย

ฉะนั้นจึงขออนุญาตเล่าเรื่องย่อคราวๆนะครับ ผิดพลาดยังไงขออภัยจริงๆ


คลิปอาจโหลดช้า ถ้าจะดูไม่สะดุด ควรรอให้แถบสีขาวโหลดไปเยอะๆเสียก่อน (ทั้งหมดยาว44นาที่)




-----------------------------

ตอนที่111

ท่านโชุกนคนใหม่ คือท่านอิเอโมจิก็ได้มาถึงปราสาทเอโดะ และได้เข้าไปทำความเคารพและทำรู้จักกับท่านเท็นโชอิน ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ราบรืนเป็นไปด้วยดี ท่านอิเอโมจินั้นให้ความเคารพแก่ท่านเท็นโชอินอย่างมาก

(ตอนที่ท่านคุโบคนใหม่มาพบท่านเท็นโชอินตอนช่วงแรกของคลิป ไม่รู้ท่านเท็นโชอินแกล้งดุอะไรท่านคุโบไป พวกนางกำนัลต่างหัวเราะกันใหญ่เลย ผมจำไม่ได้จริงๆ เฮ่อ! เสียดาย!)

และเมื่อท่านโชกุนอิเอโมจิไปพูดคุยกับไทโรอีเพื่ออยากให้ท่านเท็นโชอินมาเป็นผู้ปกครองของท่าน แต่ท่านไทโรอีกลับแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่อยากให้ท่านอิเอโมจิไปให้ความสำคัญกับท่านเท็นโชอินมากนัก

เพราะไทโรอีอ้างเหตุผลว่า ท่านเท็นโชอินคือฝ่ายที่สนับสนุนฮิโตะสึบาชิมาก่อน

แต่ท่านอิเอโมจิก็ยังอยากจะให้ท่านเท็นโชอินเป็นผู้ปกครองของท่านเช่นเดิม แต่ไทโรอีก็กลับขัดขวางและจะขอเป็นผู้ดูแลให้คำปรึกษาแก่ท่านโชกุนเอง

ซึ่งทำให้ท่านคุโบคนใหม่ลุกขึ้นสั่ง และยังยืนกรานว่าจะให้ท่านเท็นโชอินมานั่งฟังการปรึกษาราชการด้วยให้ได้ ไทโรอีเลยต้องจำใจต้องยอมๆไป (แต่เฉพาะตอนที่ท่านคุโบอยู่ในโอโอขุเท่านั้น)

เมื่อไทโรอีเข้ามาในโอโอขุเพื่อพบท่านคุโบ ไทโรอีพยายามหาเรื่องท่านเท็นโชอินโดยพูดในทำนองสงสัยว่า ท่านเท็นโชอินจะรู้เห็นเป็นใจกับพวกท่านไซโกหรือเปล่า?? เพราะเป็นสัทสุมะเหมือนกัน

แต่ที่น่าประทับใจก็คือ ท่านอิเอโมจิ พยายามปกป้องท่านเท็นโชอินจากข้อกล่าวหา ทำให้ท่านเท็นโชอินรู้สึกปลื้ม!!



ต่อมาไทโรอีก็เริ่มกวาดล้างพวกที่เป็นศัตรูฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะพวกมิโตะและพวกราชสำนักที่ร่วมมือกับฝ่ายมิโตะ ที่บังอาจร่วมมือกันส่งพระบรมราชโองการลับถึงฝ่ายมิโตะโดยที่ไม่ผ่านบะขุฝุ

เรียกว่าการกวาดล้างอันเซ เป็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ด้วยวิธีการที่รุนแรง

การกวาดล้างอันเซนี้ ทำให้ท่านผู้เฒ่าแห่งมิโตะถูกกักขังอยู่แต่ในคฤหาสน์ของท่านเท่านั้น และควบคุมการเข้าออกของทุกคนในปราสาทมิโตะด้วย ส่วนท่านโคโนเอะก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปราชสำนักอีก

การกวาดล้างซามุไรฝ่ายตรงข้ามที่แอบซ่องสุม หรือพวกหัวรุนแรงต่อต้านรัฐบาล จึงมีทั้งการจับขังรอการสอบสวน หรือใครขัดขืนก็ฆ่าทิ้งก็มี

ส่วนท่านไซโก ที่เป็นตัวการสำคัญในการเดินเรื่องแผนการทั้งหมด ก็ถูกตามล่าด้วยเช่นกัน ที่สำคัญแม้แต่ท่านเ็ก็ชโชผู้ให้ที่พักพิงแก่ท่านไซโก ก็ไม่ละเว้น!! ทำให้ท่านไซโกต้องพาท่านเก็ชโชหนีออกจากเมืองหลวงกลับไปสัทสุมะด้วยกัน

-----------------------

ต่อมาท่านนาริโอกิ ท่านพ่อของท่านทาดายุกิได้กลับมาที่สัทสุมะ ก็สั่งการให้จับท่านไซโกกับท่านเก็ชโชมาขังเพื่อเอาใจบะขุฝุ และจะสั่งประหารทั้งคู่เสียด้วย

(ตอนที่ท่านนาริโอกิกลับมาที่สัทสุมะ ในคลิปจะสังเกตเห็นว่า ลูกชายคนโตของท่านทาดายุกิได้เป็นทายาทของท่านนาริอาคิระตามคำสั่งเสีย และนั่งอยู่สูงกว่าท่านทาดายุกิด้วย)

ทำให้ทาเตวากิหาต้องทางช่วยเหลือด้วยการไปขอร้องต่อท่านทาดายุกิ แต่ท่านทาดายุกิก็ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือทั้งสองคนเพราะอำนาจถูกท่านพ่อของท่านยึดคืนกลับไป แต่ท่านทาดายุกิก็ส่งสัญญาณว่าจะไม่ขัดขวางใดๆ หากทาเตวากิไปจัดการเอาเอง

ดังนั้นทาเตวากิกับท่านโอคุโบะจึงวางแผนพาท่านไซโกหนีออกจากคุก โดยมีซามุไรเพื่อนๆที่เฝ้าคุก รู้เห็นเป็นใจด้วย แล้ววางแผนให้ท่านไซโกกับท่านเก็ชโชลงเรือหนี โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่เกาะอามามิโอชิมะที่จะใช้เป็นที่ซ่อนตัว

และเพื่อให้แนบเนียนและไม่อยากให้ทาเตวากิเดือดร้อน ท่านไซโกกับท่านเก็ชโชจึงต้องโดดจากเรือลงทะเล แสร้งว่าได้ตายจากการหลบหนีไป

ก่อนจะโดดลงทะเล ท่านเก็ชโชได้ส่งหัวใจของท่านไซโกที่เคยฝากท่านไว้คืนกลับให้แก่ท่านไซโก และท่านเก็ชโชบอกว่าต่อไปนี้ชีวิตของท่าน ก็ขอฝากไว้ที่ท่านไซโกบ้าง แล้วทั้งสองคนก็โดดลงทะเล

แต่แล้วจากการโดดลงทะเล ท่านไซโกได้พาท่านเก็ชโชเข้ามาถึงฝั่งได้(ไปไม่ถึงเกาะที่เป็นจุดหมาย) แต่ท่านเก็ชโชได้มรณภาพแล้ว ส่วนท่านไซโกก็หมดสติไป

ที่แรกเพื่อนๆซามุไรนึกว่าท่านไซโกตายไปแล้วจริงๆ จึงโกรธแค้นท่านนาริโอกิมาก แต่เพื่อนๆอีกกลุ่มได้ไปพบท่านไซโกที่สลบอยู่ข้างๆก็มีท่านเก็ชโชมรณภาพอยู่ด้วย จึงได้พาท่นไซโกไปรักษา และแจ้งข่าวให้ทาเตวากิมาให้แอบมาเยี่ยม

เมื่อฟื้นขึ้นมาท่านไซโกเสียใจอย่างมาก ที่ไม่อาจช่วยชีวิตท่านเก็ชโชไว้ได้ ทาเตวากิกับท่านโอคุโบะรู้สึกสงสารท่านไซโกจับใจ

หลักจากนั้นข่าวการตายของท่านไซโกหลอกๆก็มาถึงท่านเท็นโชอิน โดยโอโนะชิมะเป็นผู้มาแจ้งข่าวให้อิคุชิมะรู้ และเพราะข่าวการตายของท่านไซโกนี้เอง จึงทำให้พวกที่ตามล่าท่านไซโกอยู่ จึงหยุดการตามล่า

เนื่องจากท่านเท็นโชอินรู้สึกผูกพันธ์กับท่านไซโก เพราะท่านไซโกเคยเป็นบ่าวรับใช้ท่านมาก่อน จึงทำให้ท่านเท็นโชอินจึงรู้สึกเป็นห่วงท่านไซโกอย่างมาก

และต่อมาท่านไซโกเมื่อหายดี ก็ได้เดินทางไปที่เกาะอามามิ โอชิมะ เพื่อซ่อนตัว


เกาะ Amami Oshima



-------------------------

หลังจากท่านเท็นโชอิน ไม่ได้เป็นมิไดโดโกโระแล้ว มีตำแหน่งใหม่เรียกว่า โอมิได หมายถึง อดีตมิได

จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องมีคนรับใช้มากมายเหมือนแต่ก่อน และคนที่ต้องออกจากโอโอขุคนต่อมาก็คือ ฮัทสึเสะ ที่เป็นโรโจะรับใช้ท่านมิได จึงต้องมาลาท่านมิไดกลับบ้านเกิดไป

ท่านมิไดใจหายมากที่ฮัทสึเสะต้องจากไป ส่วนฮัทสึเสะร้องไห้และบอกว่า "ชีวิตนี้ดีใจที่สุดที่ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดท่านมิได ขอบคุณที่ท่านมิไดเมตตามาตลอด"

ไม่เพียงแต่ฮัทสึเสะ เท่านั้น นางกำนัลที่คอยหวีผม คอยทำผมให้ท่านมิไดตอนตื่นนอนทั้งสองคน คือ ฟุกุ และ คุวะก็ถูกบีบให้ออกไปด้วย

-------------------------

เมื่อท่านอิเอซาดะได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นโชกุนอย่างเป็นทางการแล้ว

ในวันหนึ่งท่านเท็นโชอินได้ยืนคุยกับท่านคุโบอิเอโมจิที่ริมระเบียงเและชื่นชมดอกซากุระที่เรื่มผลิ แต่อยู่ๆท่านเท็นโชอินเกิดเข่าอ่อน ก้าวสะดุดพื้นเกือบจะล้มลงไป ท่านคุโบรีบเข้าไปพยุงได้ทัน และเรียกท่านเท็นโชอินว่า

ท่านคุโบอิเอโมจิ "ท่านแม่! เป็นอะไรบ้างรึเปล่าขอรับ?" / "แม่!..เหรอ?"

คำว่าแม่ ที่ท่านคุโบเรียกนั้น ทำให้ท่านเท็นโชอินรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก เพราะท่านเป็นทายาทของท่านอิเอซาดะ ฉะนั้น ท่านเท็นโชอินย่อมเป็นเสมือนท่านแม่ของท่าน

และที่สำคัญที่สุด!! ท่านคุโบบอกว่า "ท่านแม่ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะขอรับ"

คำว่าครอบครัวเดียวกันนี้ ทำให้ท่านเท็นโชอินคิดถึงคำพูดของท่านอิเอซาดะ ที่ว่า "อยากให้ครอบครัวโทกุกาวะคงอยู่ต่อไป และให้มิไดปกป้องลูกหลานของโทกุกาวะด้วย"

แล้วน้ำตาท่านเท็นโชอินก็ไหลออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความปิติ..

อิคุชิมะที่เฝ้ามองความสัมพันธ์ที่ดีของแม่ลูกทั้งสองคน อิคุชิมะก็ปลื้มใจตื้นตันใจด้วยเช่นกัน

---------------------------

แต่แล้วเมื่อท่านโชกุนคนใหม่มาแล้ว คนที่กลับจะมาจากไปก็คือ อิคุชิมะ

อิคุชิมะมาเกริ่นกับท่านเท็นโชอินว่า อีกไม่นานตนเองอยากจะขอลาจากโอโอขุไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ที่ผ่านมา อิคุชิมะได้ทำหน้าที่ขัดขวางการเป็นโชกุนของท่านอิเอโมจิมาตลอด นับว่ายืนกันคนละฝ่ายกับท่านโชกุนคนใหม่

การอยู่ในโอโอขุต่อไปอาจไม่เป็นผลดีต่อท่านเท็นโชอินได้ และอิคุชิมะก็ไม่อยากจะทรยศต่อท่านนาริอาคิระด้วย

เมื่อท่านเท็นโชอินได้รู้ว่าอีกไม่นานอิคชิมะจะจากท่านไป น้ำตาท่านก็เริ่มไหล และพยายามจะขอร้องอิคุชืิมะว่า "ไม่ไปได้มั้ย?"

แต่อิคุชิมะก็มีเหตุผลพอ ทำให้ท่านเท็นโชอินก็ไม่อาจฝืนใจได้

และเมื่ออิคุชิมะเดินออกจากห้องไป ท่านเท็นโชอินก็ร้องไห้หนักขึ้นทันที!! (ส่วนอิคุชิมะก็แอบร้องไห้เช่นกัน)

ก่อนหน้าที่อิคุชิมะจะบอกท่านเท็นโชอินว่า ตนจะขอออกจากโอโอขุไป อิคุชิมะๆได้เรียกผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนตน คือ ชิเงโนะ มาให้ท่านเท็นโชอินได้รู้จักอีกครั้ง

(ชิเงโนะ คนนี้เป็นนางกำนัลที่อิคุชิมะเคยไหว้วานให้คอยสืบและสอดแนมทางฝ่ายท่านฮงจูิอิน ไม่ทราบว่าคุณผู้อ่านยังจำได้หรือไม่??)

--------------------------

รายละเอียดเหตุผลของการที่อิคุชิมะจะต้องไปจากโอโอขุ จะมีในตอน จำลาจากอิคุชิมะ ครับ
.
ถ้าได้ดูคลิปแล้ว แม้เราจะไม่เข้าใจภาษาก็ตาม แต่ผมว่าจะช่วยให้เข้าใจเห็นภาพมากขึึ้นครับ โดยเฉพาะหลายๆฉาก แม้แปลไม่ออกแต่ภาษากายก็ทำให้เราซาบซึ้งได้เหมือนกัน
.
.
.
.




กำเนิดเท็นโชอิน110

atsuhime 110


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 109


หลายวันต่อมา โอชิงะได้มาขอพบท่านเท็นโชอินอีก และเป็นการพูดคุยกันโดยลำพัง

โอชิงะ
"ข้ากำลังจะกลับไปที่คฤหาสน์ซากุระดะที่บ้านเดิมของข้า เพื่อไปอยู่ในวัดที่มีการสวดอุทิศให้ผู้ตายตลอดเวลาเจ้าค่ะ" (ภรรยาอนุทีไม่มีลูก เมื่อท่านโชกุนสิ้นไป ภรรยาอนุก็จะต้องออกไปจากโอโอขุ)

ท่านเท็นโชอิน "โออขุก็เหงาไปอีกสินะ" / "ท่านมิได ขอเรียกแแบบนี้เป็นวันสุดท้ายได้มั้ยเจ้าคะ?"

"ตามใจเถอะ" / "วันนี้มีเรื่องที่จะพูดกับท่านมิไดเป็นครั้งสุดท้ายนะเจ้าคะ"


"ก่อนอื่นข้าจะต้องขอโทษเจ้าเสียก่อน ที่ทำให้เจ้าโกรธเมื่อครั้งก่อนนี้ .... ขอโทษจริงๆนะ" ท่านเท็นโชอินยังอยากจะขอโทษโอชิงะ เพราะท่านคิดว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้ดูแลใส่ใจสุขภาพท่านคุโบเท่าที่ควร (ท่านเท็นโชอินน้ำตาเริ่มคลอเบ้า)

"คนที่จะต้องขอโทษคือข้าต่างหากล่ะเจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจความรู้สึกของท่านมิไดเลยพูดไปตามใจตัวเอง ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ" แล้วโอชิงะก็ก้มหัวขอโทษ

"ขออภัยทำไม...ข้าทำผิด..จริงอย่างที่เจ้าว่ามาทุกอย่างเลย" ท่านเท็นโชอินยังไม่เลิกที่จะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง

"ท่านร้องไห้ทำไมเจ้าคะ?.. ในเมื่อท่านมิได..ได้รับความรักจากท่านคุโบตั้งมากมาย" / "ได้ความรักเหรอ?"

"ท่านคุโบน่ะ เวลามาพักผ่อนอยู่กับข้า ท่านก็..อุตส่าห์ทำท่าทางร่าเริงดีเหมือนเด็กๆ แต่ว่า..ถ้าเทียบกับท่านมิไดแล้ว ท่านคุโบไม่เคยรักข้าเลยสักนิดเดียว" / "โอชิงะ.."



"เมื่อเห็นท่านคุโบรักท่านอย่างล้นเหลือ แล้วท่านมิไดจะต้องเศร้าไปตลอดกาล ผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับความรักอย่างข้าคิดว่า..ท่านควรจะพอใจนะเจ้าคะ" / "ควรจะพอใจเหรอ?"

ทุกคำพูดของโอชิงะ เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่จริงใจเพื่อให้กำลังใจแก่ท่านเท็นโชอิน "ข้าเปิดอกพูดจนหมด เสียมารยาทอย่างยิ่งเจ้าค่ะ"

ซึ่งท่านเท็นโชอินก็เข้าใจทุกความหมายที่โอชิงะสื่อออกมาเพื่อท่าน

"ขออภัยนะเจ้าคะ" โอชิงะก้มหัวให้ท่านเท็นโชอินอีกครั้ง

"ขอให้ท่าน..โชคดี..ตลอดไป" แล้วโอชิงะก็ก้มหัวอีกครั้ง แค่คราวนี้เป็นการก้มหัวเืพื่ออำลา และเธอก็ลุกเดินออกจากห้องไป และเป็นการจากโิอโอขุไปตลอดกาล

"ควรจะพอใจ?" ท่านเท็นโชอินยังทบทวนคำพูดของโอชิงะที่ให้สติแก่ท่าน เพื่อหวังให้ท่านหลุดพ้นจากความโศกเศร้าเสียที....

---------------------

เมื่อโอชิงะจากไปแล้ว ท่านเท็นโชอินกลับมาที่ห้องพัก ท่านจ้องมององค์พระที่มีการจุดเทียนบูชาอยู่ แล้วท่านก็ยังคงคิดถึงคำพูดของโอชิงะซ้ำอีกครั้ง

โอชิงะ "ท่านร้องไห้ทำไมเจ้าคะ ในเมืื่่อท่านมิไดได้รับความรักจากท่านคุโบตั้งมากมาย"

แล้วท่านเท็นโชอินก็หวนคิดไปถึงคำสั่งเสียของท่านคุโบอีกครั้ง

ท่านคุโบ "ข้าเพิ่งจะคิดถึงจุดนี้เป็นครั้งแรก อยากจะให้สกุลโทกุกาวะคงอยู่ต่อไป ถ้ายังอยู่ก็สามารถให้เจ้าคุ้มครอง ให้เจ้าปกป้องลูกหลานของข้าได้ ปกป้องครอบครัวของข้า"

"โยชิโตมิยังเด็ก ถ้าให้เขาเป็นโชกุนคนต่อไป แล้วให้เจ้าเป็นผู้ปกครองเขา คุณสมบัติของเจ้าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ตอนโยชิโตมิว่าราชการ ข้าอยากให้เจ้านั่งอยู่ข้างๆ ช่วยเขาปกครองบ้านเมือง"


เมื่อท่านเท็นโชอินทบทวนคำพูดของโอชิงะ และคำสั่งเสียของท่านคุโบแล้ว เหมือนท่านเริ่มตระหนักถึงสิ่งที่ท่านต้องทำต่อไปได้แล้ว

"นี่ไม่ใช่เวลาที่ควรจะพอใจ! อยู่แค่นี้นะ" ท่านเท็นโชอินบอกกับตัวเองเสร็จ ก็หันกลับมาหาอิคุชิมะทันที

"อิคุชิมะ ข้าต้องพบไทโร!" แววตาที่มุ่งมั่นของท่านเท็นโชอินได้กลับคืนมาแล้ว หลังจากที่ไม่ได้เห็นแววตาแบบนี้ของท่านมานาน..

------------------------

ดังนั้นหลายวันต่อมา ไทโรอีจึงถูกสั่งให้เข้ามาในโอโอขุเพื่อพบท่านเท็นโชอิน

ไทโรอี "ในโอกาสที่ท่านคุโบถึงแก่กรรมไปแล้ว ข้าขอกล่าวแสดงความเสียใจด้วยนะขอรับ"

ท่านเท็นโชอิน "ที่เรียกท่านอีมาก็เพราะว่า มีธุระอยู่เรื่องนึง คือเรื่องคำสั่งเสียขอท่านพี่องเคียวอินที่เสียไป ข้าต้องทำให้เป็นไปตามคำสั่งของท่านพี่ จึงอยากจะปรึกษากับท่านสักหน่อย"

"คำสั่งเสียของท่านโชกุนอย่างนั้นรึขอรับ?"


"ท่านพี่น่ะ สั่งให้ข้าเป็นผู้ปกครองของท่านโยชิโตมิ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็นท่านอิเอโมจิแล้ว แล้วให้ข้าเป็นผู้ช่วยว่าราชการอยู่ข้างๆท่านฝ่ายหน้า"

(ท่านโยชิโตมิ เปลี่ยนชื่อเป็น ท่านอิเอโมจิ โชกุนลำดับที่14ของโทกุกาวะ)

เมื่อท่านเท็นโชอินบอกเรื่องคำสั่งเสียแก่ไทโรอีแล้ว ไทโรอีกลับนิ่งเงียบไปจนน่าสงสัย??

"เป็นอะไรไปล่ะ?"

"เปล่าขอรับ คือ..เอ่อ.. เรื่องที่ท่านพูดมาน่ะ...เอ๋อ..."
ไทโรอีทำหน้างงๆ

"ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยใช่มั้ย!?"

"ขอรับ! เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกเลยขอรับ"


เอาแล้วสิ ไทโรอีเล่นแง่เสียแล้ว ท่านเท็นโชอินก็มองออก สายตาของทั้งคู่จึงเกิดปะทะกำลังกัน!!

"งั้นเหรอ? พูดแบบนี้เลยเหรอ?" ท่านเท็นโชอินถามด้วยน้ำเสียงท้าทาย

"ให้สตรีสูงศักดิ์ในโอโอขุมาว่าราชการด้วยอย่างนั้น นาโสุเกะคนนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยขอรับ ถึงแม้ว่าจะไม่มีท่านเท็นโชอินช่วยอยู่ พวกข้าก็ดำเนินงานตามปกติได้ เพราะมันเป็นหน้าที่โดยตรงของพวกข้าอยู่แล้ว เชิญท่านวางใจไม่ต้องออกมาเหนือยกับฝ่ายหน้าดีกว่านะขอรับ"

"ไม่ว่าท่านจะคิดยังไงก็ตามเถอะ!! ข้าจะต้องทำตามเจตนารมณ์ของท่านพี่ที่เสียไป.. ไม่ทำ! ไม่ได้หรอก!!" (อิคุชิมะเฝ้ามองท่าทีที่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งของเจ้านายว่าได้กลับคืนมาแล้ว)

"ขอให้ท่านจำใส่ใจไว้ด้วยนะ!! เท่านี้แหล่ะ!!" ท่านเท็นโชอินประกาศศึกกับไทโรอีซะแล้ว

ไทโรอีก้มหัวลาท่านเท็นโชอินด้วยท่าทางเย่อหยิ่งจองหองเป็นที่สุด...
.
.

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

กำเนิดเท็นโชอิน 109

atsuhime 109


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 108



หลังจากที่รู้ข่าวการจากไปของลูกชายแล้ว ท่านฮงจูอินก็ได้ไปเคารพศพท่านอิเอซาดะที่ห้องพิธี

ท่านฮงจูอิน "อิเอซาดะ เพราะอะไร..ทำไมถึงได้ไปก่อนแม่..ทำไมถึงทิ้งแม่ให้ว้าเหว่อยู่คนเดียว..ฮือๆๆ...."

มันเป็นเรื่องที่น่าศร้ายิ่งนัก เศร้ายิ่งกว่าสามีที่จากภรรยาไป เพราะนี่คือการที่ต้องสูญเสียแก้วตาดวงใจของผู้เป็นแม่ แม่ที่ต้องสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว แม่ที่ต้องมานั่งร้องไห้ต่อหน้าหีบศพของลูกชายตัวเอง

จึงไม่มีความเสียใจใดๆในโลกนี้ ที่เสียใจมากไปกว่าการที่แม่ต้องสูญเสียลูกอีกแล้ว

ท่านฮงจูอินก็เช่นกัน ท่านนั่งร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่ต่อหน้าหีบศพของลูกชายตัวเอง

ทั้งโอชิงะ ทาคิยามะ และอุตะฮะชิที่ตามมาด้วยก็ร้องไห้ไปตามๆกัน...

---------------------

เมื่อกลับมาจากการไปพบท่านฮงจูอินแล้ว ท่านหญิงอัตสึก็ยังร้องไห้ไม่หยุด

อิคุชิมะ "ถ้าเป็นแบบนี้ ท่านมิไดจะจิตใจสลาย ร่างกายทรุดโทรมนะเจ้าคะ"

"ช่างมันเถอะ" ท่านหญิงอัตสึกำลังร้องไห้อยู่ต่อหน้าพระพุทธรูปของท่านแม่ที่อยู่ในมือของท่าน "ท่านพี่..."

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านหญิงไม่เสียใจจนขาดสติสัมปชัญญะ ส่วนหนึ่งก็มาจากพระพุทธรูปของท่านแม่นี่แหล่ะ ที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ที่ทำให้ท่านหญิงยังสามารถเข้มแข็งอยู่ได้ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับความเสียใจครั้งใหญ่หลายๆครั้งในชีวิต

(ผมคิดว่า ท่านหญิงคงจะให้พระพุทธรูปเป็นเสมือนที่สิงแทนดวงวิญญาณของคนที่ท่านหญิงรักที่จากไปทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นแม่นมคิขุโมโตะ ท่านพ่อทาดาตาเกะ ท่านพ่อนาริอาคิระ และท่านคุโบอิเอซาดะผู้เป็นสามี)

-----------------------

ขณะเดียวกันที่เกียวโต คนจากแคว้นมิโตะถูกเรียกเข้าไปในราชสำนักอย่างลับๆ แล้วได้รับพระบรมราชโองการที่จักรพรรดิทรงเขียนไปถึงเจ้าแคว้นมิโตะ!!

การสื่อสารจากราชสำนักถึงไดเมียวโดยตรงโดยไม่ผ่านรัฐบาลเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน!!

แต่!! พระบรมราชโองการลับซึ่งควรจะรู้เฉพาะแึคว้นมิโตะ กลับรั่วไหลไปถึงท่านไทโรอีจนได้!!

และนั่นคือสาเหตุของการกวาดล้างอันเซในเวลาต่อมา

ที่ปรึกษาโอตะ "พวกฮิโตะสึบาชิเริ่มเคลื่อนไหวแล้วสิ"

ที่ปรึกษาทะนะเบะ "พวกที่เกี่ยวข้องกับราชโองการลับ ควรจะต้องถูกลงโทษหนักนะ"

ไทโรอี "คนที่ดำเนินการเรื่องนี้ คือพวกที่ยุยงไม่ให้จักรพรรดิยอมทำสัญญา ก็คือ พวกที่ติเตียนการบริหารบ้านเมืองของบะขุฝุ เราต้องกวาดล้่างพวกต่อต้านที่แวดล้อมราชสำนักเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นคุเงะ หรือซามุไร ใครที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้อง ให้จับมาลงโทษหนักให้หมด ไม่ต้องไว้หน้าใครทั้งสิ้น!!"

"ขอรับ!!"

-------------------------


วัดคันเอ วัดประจำตระกูลโทกุกาวะ



อีกด้านหนึ่งเมื่่อข่าวการจากไปของท่านอิเอซาดะผู้วายชนม์ได้ถูกประกาศแล้ว ร่างของท่านได้ถูกนำไปบำเพ็ญกุศสและทำพิธี ฝังไว้ที่วัดคันเอในอุเอโนะ เอโดะ (ปัจจุบันอยู่ตำบลอุเอโนะ เขตไทโต กรุงโตเกียว)

ท่านมิไดนั่งชมสวนอยู่ริมระเบียงอย่างเศร้าๆเช่นเคย และเมื่อทาคิยามะเข้ามาพบ

(สังเกตในคลิป ตอนนี้ท่านมิไดได้เปลี่ยนชุดที่สวมใส่แล้ว เป็นชุดหญิงหม้ายเหมือนที่ท่านฮงจูอินสวมใส่ แต่ท่านมิไดยังไม่ได้ปลงผม)

ทาคิยามะ
"ท่านมิได" / "ว่าไง"

"ท่านมิไดจะต้องเข้าพิธีระขุโชขุ ตามประเพณีนะเจ้าคะ" /
อิคุชิมะ "พิธีระขุโชขุ.."

"คือพิธีตัดผมหญิงหม้าย แต่ท่านมิไดอายุแค่23ปีเท่านั้นเองนะเจ้าคะ น่าเสียดายจริงๆเจ้าค่ะ!"
ฮัทสึเสะรู้สึกอาลัยในท่านมิได จึงตัดพ้อขึ้น

ท่านมิได "แต่ข้าไม่เสียดายเลยสักนิดเลย นี่จะได้เตือนใจให้ข้าสวดมนต์ระลึกถึงท่านพี่ตลอดไป"

ในตอนค่ำ เมื่อท่านมิไดกลับเข้าไปในห้องพัก ซึ่งตอนนี้้ท่านมิไดอยู่ในชุดนอนขาวและปล่อยผมสยายยาวลงมา

อิคุชิมะ "ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันพิธีตัดผม ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างกายของท่านมิได ข้าจะดูแลเองทั้งหมด"

ท่านมิไดได้ยินอิคุชิมะพูดเช่นนี้ ท่านจึงเงยหน้ามองมาที่อิคุชิมะ

"พวกเจ้าทั้งหมดออกไปได้แล้วล่ะ" อิคุชิมะสั่งนางกำนัลในห้อง แล้วอิคุชิมะก็ลุกเข้าไปนั่งใกล้ๆท่านมิได

"ข้ายังดูแลร่างกายของตัวเองได้อยู่นะ เจ้านึกยังไงถึงจะมาช่วยดูแลล่ะ?" ท่านมิไดยังคงพูดเนิบๆช้าๆเหมือนคนที่ยังโศกเศร้าอยู่เช่นเดิม

"เผื่อจะมีตัวอะไรมาไต่ตอม ข้าจะได้กัดมันให้ไงล่ะเจ้าคะ" อิคุชิมะเริ่มยิงมุขใส่ท่านหญิง

"สงสัยจะมีอะไรมาบ่นข้าอีกมากกว่า.."

"มีเยอะเลยเจ้าค่ะ แต่ว่า พูดไปเท่าไหร่ท่านมิไดก็ไม่เคยเชื่อฟังข้าสักที อิคุชิมะก็เลยเก็บกดเก่งขึ้นเยอะแล้วนะเจ้าคะ"

มุขของอิคุชิมะได้ผล ท่านมิไดเริ่มยิ้มสวยๆบนหน้าเศร้าๆออกมาบ้างแล้ว

"ข้าไม่ได้เห็นหน้าตายิ้มแย้มของท่านมิไดมานานแล้วเจ้าค่ะ" แล้วอิคุชิมะก็ลุกขึ้นไปสางผมให้ท่านมิไดอย่างอ่อนโยน

"ผมของท่านมิไดนี่ ดกดำนุ่มสลวย สวยเสมอเลยนะเจ้าคะ" / "อย่างนั้นเหรอ.."

"ท่านมิได พอถึงวันทำพิธีตัดผม วันที่ถูกตัดผม ขอให้นึกว่าเป็นวันที่เกิดใหม่อีกครั้งนึง คิดอย่างนั้นนะเจ้าคะ"

"ให้นึกว่า ตั้งแต่นี้ไปจะมีชีวิตใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมใช่มั้ย?" / "ใช่จริงๆเจ้าค่ะ มนุษย์เราตั้งต้นชีวิตใหม่ เหมือนเกิดใหม่กี่ครั้งก็ได้นะเจ้าคะ"

"อิคุชิมะ ขอให้เจ้า..ขอให้เจ้าอยู่ใกล้ๆข้าต่อไปได้มั้ย?"
ท่านหญิงหันชำเลืองไปด้านหลังเพื่อขอคำตอบจากอิคุชิมะ แต่อิคุชิมะกลับนิ่งเงียบไปเพราะความตื้นตันใจ..

"เป็นอะไรไปอีกล่ะ?" / "เปล่าเจ้าค่ะ เพียงแต่รู้สึกดีใจ ที่ได้หวีผม ให้ท่านมิไดอย่างใกล้ชิดแบบนี้เท่านั้นเองเจ้าค่ะ"

ช่างเป็นภาพความประทับใจที่แสนน่ารักในความสัมพันธ์ของนายหญิงกับบ่าว ที่อบอุ่นยิ่งนัก....

------------------------



หลายวันต่อมา ท่านหญิงอัตสึก็ได้เข้าพิธีตัดผมตามประเพณีของหญิงหม้าย โดยมีนักบวชเป็นผู้ตัดผมให้ ระหว่างพิธีทุกคนในพิธีจะต้องร่วมพนมมือจนกว่าพิธีตัดผมใหม่จะเสร็จสิ้น

หลังจากเสร็จจากพิธีระขุโชขุแล้ว เมื่อท่านมิไดกลับมาที่ห้องรับรอง (ตอนนี้ท่านมิไดมีทรงผมเหมือนท่านฮงจูอินแล้ว น่ารักไปอีกแบบจริงๆ)

ทาคิยามะ "ท่านมิไดเจ้าคะ วันนี้ท่านไ้ด้รับนามใหม่ว่า ท่านเท็นโชอิน ตั้งแต่นี้ไป"

นางกำนัลทุกคนก้มหัวทำความเคารพ แล้วทาคิยามะก็หยิบกระดาษที่พับไว้อย่างเรียบร้อยออกมาคลี่ให้ท่านมิไดได้เห็นนามใหม่ของท่าน



"เท็นโชอิน... ท่านพี่เปลี่ยนชื่อเป็นท่าน องเคียวอิน ทำให้รู้สึกเหมือนกับท่านพี่ยังอยู่ใกล้ๆข้าเลยนะ" ท่านหญิงยิ้มหวานปนเศร้า


"ท่านมิได"

---------------------

บทนี้ขอปิดท้ายที่โฆษณาชุดใหม่ของเซเว่นอีเลฟเว่น ชุด "ครู"

ซึ่งได้นำเพลงประกอบจากละครเจ้าหญิงอัตสึมาใช้ ไม่ทราบว่าคุณผู้อ่านรู้กันบ้างรึเปล่า??

แล้วไม่รู้ว่าเขาไปซื้อลิขสิทธิ์เพลงมาใช้ถูกต้องรึเปล่า??อันนี้ผมตั้งข้อสงสัยไว้


.
.
.
.

.

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

บอกท่านฮงจูอิน 108

atsuhime 108


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 107




ที่ห้องท่านฮงจูอิน ซึ่งท่านฮงจูอินกำลังตัดแต่งดอกไม้เพื่อจัดแจกันอยู่

"เจ้าว่าท่านคุโบเสียซะแล้วเหรอ? โฮ่ะๆๆ.. จู่ๆมาล้อเล่นอย่างนี้ทำไม?" ท่านฮงจูอินถามอย่างเนิบๆ แต่ทั้งสายตาและน้ำเสียงช่างน่ากลัวนัก

ท่านมิไดที่กำลังก้มหัวเคารพต่อท่านฮงจูอินอยู่ ก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วจึงตอบ "เป็นความจริงเจ้าค่ะ"

พอท่านมิไดพูดจบ ท่านฮงจูอินก็ตัดก้านดอกไม้ แล้วเสียบลงแจกันอีกหนึ่งดอก จึงค่อยพูดขึ้นอีกครั้ง
"เหลวไหล!!"

"มีคนบอกข้าเป็นกรณีพิเศษเจ้าค่ะ" / "ที่ว่าเสียแล้วน่ะ ด้วยเหตุอะไรกัน?"

"กล้ามเนื้อหัวใจตายเลยหัวใจวายเจ้าค่ะ"
ท่านมิไดยังคงก้มหน้าอยู่เล็กน้อย ในขณะที่ตอบท่านฮงจูอิน

(ท่านหญิงตอนนี้วางตำแหน่งมิไดไว้ก่อน แล้วพูดกับแม่สามีเหมือนที่ลูกสะใภ้ควรกระทำอย่างนอบน้อมที่สุด)

"ที่พูดนี่ เจ้าเห็นกับตาตอนตายรึยังไง?" มือที่ถือกรรไกรอยู่ของท่านฮงจูอินเริ่มสั่น

"ไม่เจ้าค่ะ เห็นเพียงหีบรบรจุท่านเท่านั้น"

อุตะฮะชิ "ท่านฮงจูอิน ในตลาดเมืองเอโดะมียาตัวนึงที่ชือ ฉุ (ผงปรอท) หรือว่า? มีคนเอามาใส่ให้ท่านคุโบทาน!?"

คำพูดของอุตะฮะชิ ทำให้ท่านฮงจูอินถึงกับทำกรรไกรในมือหล่น!

"เจ้าเองเหรอ!!?" / "......"

"เจ้าเดาได้ว่าเขาหัวใจวาย เพราะเจ้าเป็นคนเอายาพิษให้เขากิน!"
(ช่วงนั้นโอชิงะเดินมาพอดี จึงแอบฟังอยู่ข้างนอกห้อง)

"ฮึ่ย!!" ท่านฮงจูอินโมโหสุดขีด ลุกขึ้นหยิบดอกไม้ก้านแข็งๆในแจกันมาหนึ่งดอก แล้ววิ่งเข้าไปหวดท่านหญิง กระหน่ำใส่อย่างไม่ยั้งมือ!!

จนอิคุชิมะ และอุตะฮะชิ รีบลุกขึ้นมาห้ามปราม!! "อย่าเจ้าค่ะ!!อย่าเจ้าค่ะ!!"

"อย่ามาขวางข้านะ!!" ท่านฮงจูอินสะบัดจนอิคุชิมะล้มลง

แล้วท่านก็หันไปหยิบดอกไม้ก้านแข้งๆมาอีกกำ! แล้วเข้ามาหวดใส่ท่านหญิงซ้ำ!อีกหลายต่อหลายครั้ง!
โดยที่ท่านหญิงก็ก้มหน้ารับการฟาดของท่านฮงจูอินโดยไม่ขยับหนีไปไหน

"เจ้าทำให้โยชิโนะบุเป็นโชกุนคนต่อไปไม่สำเร็จ เลยแก้แค้นใช่มั้ย!!!"

ท่านฮงจูอินด่าไปก็ฟาดใส่ท่านหญิงไปอย่างไม่ยั้งหลายต่อหลายที จนอุตะฮะชิพยามยามจะเข้ามาห้ามอีก แต่ก็ถูกผลักล้มลงไปอีกคน

"ฆ่าคนแล้วยังมาทำหน้าตาย!! เจ้าบังอาจฆ่าเขา!!"

อุตะฮะชิลุกขึ้นมาห้ามปรามอีก ก็ถูกท่านฮงจูอินผลักกระเด็นไปอีกครั้ง แ้ล้วท่านฮงจูอิน ก็หันกลับไปคว้าเอาเก้าอี้มา ยกขึ้น! หวังจะเอามาทุ่มใส่ท่านหญิง!! อิคุชิมะกับอุตะฮะชิรีบลุกขึ้นพยายามเข้าขวางทันที

ระหว่างนั้นทาคิยามะก็มาถึงพอดี "ท่านฮงจูอิน! กรุณาอย่านะเจ้าคะ!!"

"ไม่ต้องห้ามหรอก!!" ท่านหญิงอัตสึตะโกนขึ้น จนทุกคนในห้องหยุด! รวมทั้งท่านฮงจูอินที่กำลังจะทุ่มเก้าอี้ลงมาใส่ท่านหญิง ก็ถึงกับต้องหยุดชะงักกลางอากาศ!!

"ข้าน่ะ พ่อก็ตาย ท่านพี่ก็ตายแต่ไม่มีใครบอกให้รู้ ตอนนั้นน่ะข้าโกรธแค้นมาก พอนึกถึงตอนนั้นจึงคิดว่าต้องบอกท่าน... สามีตาย ข้ายังเศร้าโศกถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกตาย! จะเศร้าสักเพียงไหน!!"

ท่านฮงจูอินได้ฟังจบ ท่านก็ร้องไห้โฮออกมา และไม่คิดทุ่มเก้าอี้ใส่ท่านหญิงอีก แล้วค่อยๆปล่อยเก้าอี้ทิ้งลงไปทางด้านหลังของท่านแทน

"ฮือๆ..หุบปากนะ! หุบปากเลย ไม่ต้องมาหลอกข้าหรอก" ท่านฮงจูิอินทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อยู่ต่อหน้าท่านหญิง

"เป็นความจริงเจ้าค่ะ" ท่านหญิงยืนยันในความจริงใจของตน

ตอนนี้ทุกคนในห้อง ทาคิยามะ อิคุชิมะ หรือแม้แต่โอชิงะที่ยืนอยู่หน้าห้อง ทุกคนเริ่มร้องไห้ เพราะต่างเริ่มเข้าใจความรู้สึกของท่านมิได

โดยเฉพาะโอชิงะที่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนี้ ความโกรธที่นางมีต่อท่านมิไดนั้น กำลังค่อยๆสลายลงไป...

"เป็นความจริงทั้งหมดเจ้าค่ะ" ท่านมิไดยังยืนยันในความจริงใจของตนที่มีต่อท่านแม่ของสามี และเพราะความจริงใจนี้เอง ที่แม้กระทั่งความโกรธดั่งไฟของท่านฮงจูอิน ก็ค่อยๆมอดลงเหลือเพียงน้ำตาแห่งความเสียใจ...
.
.
.
.

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

โอชิงะ 107

atsuhime 107


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 106





แม้ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ท่านมิไดก็ยังดูเศร้าๆซึมๆเหมือนเดิม

ท่านมิได
"อิคุชิมะ" / "เจ้าคะ"

"เรื่องท่านพี่่น่ะ ข้าจะบอกท่านแม่กับคนอื่นว่าอย่างไรดีนะ" / "ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ เพราะรัฐบาลจะบอกเอง เมื่อถึงเวลานะเจ้าคะ"

"อย่างนั้นเหรอ" / "มีอะไรรึเปล่าเจ้าคะ?"

"เรื่องท่านคุโบไปสวรรค์น่ะ ข้าอยากบอกท่านแม่เร็วๆ" / "อย่าพูดอย่างนั้นนะเจ้าคะ ท่านหญิงต้องอดทนไว้จนถึงวันทำพิธี ตามที่ให้สัญญากับท่านทาคิยามะไว้แล้วนะเจ้าคะ"

"คนที่รักที่สุดจากไปตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่มีใครบอกให้รู้แบบนี้ มันแย่จริงๆนะ...มันเศร้ามากเลย"
ท่านมิไดยังคงจดจำวันที่ทาคิยามะและท่านที่ปรึกษาคุเสะ มาแจ้งข่าวการเสียชีวิตของท่านคุโบได้ มันเป็นเรื่องที่แย่มากๆที่คนที่เรารักที่สุดได้จากไปนานแล้ว แต่ตัวเองกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะัไรเลย

"ข้าไม่อยากให้ท่านแม่กับโอชิงะ ต้องรู้สึกแบบนั้นเหมือนกับข้า" / "ไม่ได้นะเจ้าคะ อย่าบอกนะเจ้าคะ"

"ถึงท่านพี่จะไม่อยู่แล้ว...ข้าก็..อยากรู้ อยากรู้ให้เร็วกว่านี้จริงๆนะ"
ท่านมิไดเป็นคนที่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เมื่อตัวเองทุกข์เพราะอะไร ก็ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาทุกข์เหมือนที่ตนเองได้ประสบ

"ขออนุญาตเจ้าค่ะ" ฮัทสึเสะร้องขอจากด้านนอก / "มีอะไรเหรอ?" อิคุชืิมะหันไปถาม แล้วเมื่อประตูห้องเปิดออก

"ท่านโอชิงะ มาขอพบท่านมิไดเจ้าค่ะ"

------------------------------

เมื่อโอชิงะได้เข้ามาพบท่านมิไดในห้อง

ท่านมิได
"ขนมโบโระ?" / "ข้าทำเองเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าจะถูกปากท่านมั้ย?" โอชิงะถาม

ท่านมิไดลองหยิบขนมโบโระ(คุ้กกี้ของโปรตุเกส)ขึ้นมาชิม ทำให้ท่านมิไดหวนกลับไปคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ในวันที่ท่านคุโบเคยนำขนมโปรตุเกสชนิดนี้มาให้ท่านมิไดได้ลองทาน

ซึ่งตอนนั้นท่านมิไดบอกว่า
"อร่อยจริงๆ" ส่วนท่านคุโบพูดว่า "เย้!อร่อยเหมือนขึ้นสวรรค์เลย!!" แถมท่านคุโบยังเชียร์ให้ท่านมิไดทานเยอะๆๆอีกด้วย (ในบทที่90)

"ท่านมิได ขออนุญาต..ถามอะไรบางอย่างได้มั้ยเจ้าคะ?"

"เรื่องท่านพี่ใช่มั้ย?" ท่านมิไดมองออก / "เจ้าค่ะ..คิดว่า..ท่านคุโบคงจะ.."

"เป็นอย่างที่เจ้าคิดจริงๆแล้วล่ะ"
ท่านมิไดตอบไปตรงๆ จนโอชิงะตกใจและเริ่มร้องไห้

"แล้ว..." / "ท่านไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว"

เมื่อได้ยินชัดๆ โอชิงะก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้น

"ขอโทษนะ ข้าก็อยากจะบอก แต่ว่า..มีคนใ้ห้ข้าสัญญาว่าจะต้องไม่พูดเลย"

"ข้าบอกท่านแล้วไงล่ะ ร่างกายนายท่านอ่อนแอขนาดนั้น ยังให้ท่านออกไปว่าราชการอีก มันจะอันตรายสักแค่ไหน ท่านรู้แล้วทำไม!? ทำไมท่านไม่สังเกตว่าร่างกายของท่านคุโบมีอาการเป็นยังไงบ้างล่ะเจ้าคะ"


ท่านมิไดคงได้แต่ฟังโอชิงะตัดพ้อ เพราะท่านมิไดเองก็คิดโทษตัวเองเช่นกัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่โอชิงะต่อว่าเลย

"ทั้งๆที่ท่านคุโบมาหาท่านมิไดบ่อยๆ ทำไมท่านถึงไม่รู้เลยว่านายท่านอ่อนแอแค่ไหนน่ะ ฮือๆ..."

"ขอโทษนะ"

"ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าโกรธท่านจริงๆเจ้าค่ะ"
แล้วโอชิงะก็ก้มหัวลา แล้วลุกออกจากห้องไป

อิคุชิมะที่นั่งฟังอยู่่ตลอด หันมาหาท่านมิได "ท่านมิได"

"ข้าก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ.. โดนเขาโกรธ.. ก็สมควรแล้วล่ะนะ" / "ท่านมิได!"

"ต่อไปคงต้องบอกท่านฮงจูอิน"
แล้วท่านมิไดก็ตัดสินไปหาท่านฮงจูอินทันที

"ท่านมิได!!" อิคุชิมะพยายามจะห้าม แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะท่านมิไดได้ตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว..


-----------------


(อาการของคนป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นอาการที่น่ากลัวและน่าห่วงมาก เพราะผู้ป่วยจะอยู่ใกล้ชิดความตายตลอดเวลา กรณีท่านคุโบที่ไม่คิดจะสนใจปัญหาบ้านเมืองมาตลอด ปล่อยตัวเองให้สนุกๆไปวันๆ ก็อาจเป็นหนทางที่ช่วยยืดชีวิตของท่านไว้ได้นาน แต่เมื่อท่านเริ่มรู้จักรับผิดชอบบ้านเมืองและครอบครัวของท่าน

มันก็มีเหตุผลที่อาจจะเป็นไปได้ อย่างที่ท่านมิไดคิดโทษตัวเอง หรือที่โอชิงะกล่าวโทษท่านมิได เพราะโรคนี้อันตรายจริงๆ ยิ่งผู้ป่วยเครียดมากเท่าไหร่ ก็เหมือนยิ่งเร่งอาการของโรคให้ทรุดหนักเร็วยิ่งขึ้นครับ)
.
.

เจ้านายใหม่ 106

atsuhime 106



อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 105


อีกด้านหนึ่งที่สัทสุมะ หลังงานศพของท่านนาริอาคิระผ่านไปโดยราบรื่น ท่านทาดายุกิน้องชายต่างมารดาของท่านนาริอาคิระได้เรียกทาเตวากิมาพูดคุยปรึกษากับท่าน ทีห้องหนังสือในปราสาทสึรุมารุ

ท่านทาดายุกิ
"ขอบใจที่ช่วยจัดงานศพ ขอบใจมากๆเลยนะ" / "ต้องทำงานยุ่งๆไว้ จะได้ไม่คิดถึงนายท่านที่เสียไปขอรับ" ทาเตวากิตอบ




ท่านทาดายุกิรินวายแดงให้ทาเตวากิ "ความรู้สึกอาลัยรักอย่างนี้ ยากที่จะมีนายคนไหนได้รับจากบริวาร ถ้าท่านพี่รู้เข้า คงจะดีใจแน่้เลย" / "ขอบพระคุณขอรับ"

แล้วท่านทาดายุกิก็เชิญชวนทาเตวากิดื่ม

"อ้อ..เหล้านี้จากที่ไหนขอรับ?" ทาเตวากิเพิ่งจะเคยลิ้มลองรสชาติครั้งแรก

"ท่านพี่เคยบอกว่า เป็นของฝรั่งเศสน่ะ ท่านพี่เป็นคนหูตากว้างขวาง ติดต่อกับโลกภายนอกเยอะ ไม่เหมือนกับข้า ที่ไม่เคยออกจากสัทสุมะไปไหนเลย ข้าน่ะ! ไม่รู้เรื่องเอโดะ ไม่รู้เรื่องเกียวโต เหมือนคนบ้านนอกน่ะ! เ่อ่อ..เพราะอย่างนั้นน่ะสิ ข้าถึงได้อยากขอร้องเจ้า"

"ขอรับ" / "มาทำงานใกล้ชิดอยู่กับข้าได้มั้ย?"

"ให้ข้าัรับใช้ใกล้ชิดท่านรึขอรับ?!" / "ท่านพี่ข้าชมเจ้าไว้มาก ว่าเป็นคนดี ซื่อสัตย์จงรักภักดี ไม่ทรยศใคร และไม่ทรยศต่อตนเอง"

"ชมเกินไปแล้วขอรับ ข้า..ยังอ่อนประสบการณ์นัก เพื่อนของข้าเคยบอกว่า ข้าน่ะเป็นคนทำอะไรรอบคอบเกินไป จนอาจจะช้าไม่ทันกาลด้วยซ้ำ" / "นั่นแหล่ะ ที่ทำให้ข้าคิดว่า เจ้ามีคุณค่ากว่าใครๆทั้งหมด"

"เอ่อ..ไม่ทราบว่า ท่านมีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษใช่มั้ยขอรับ" / "ก็มีน่ะสิ...ข้าน่ะเลิอกทางเดินไว้แล้วก็คือ อยากจะสานต่องานของท่านพี่ให้สำเร็จตามแผนน่ะ"

"หมายความว่า?" / "ต่อไปนี้ ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน ข้าจะปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็ง เพื่อสนับสนุนเกียวโต มุ่งหน้าสู่เอโดะ ปฏิรูปบะขุฝุที่เละเทะเสียใหม่ให้จงได้!"

"ตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงรึขอรับ?"
ทาเตวากิต้องการคำยืนยันที่ชัดเจน

"ตั้งใจทำจริงๆสิ!!" ท่านทาดายุกิตอบด้วยแววตามุ่งมั่นอย่างมั่นใจ

น้ำเสียงมั่นคงจริงใจของท่านทาดายุกิ สามารถเรียกความเชื่อถือแก่ทาเตวากิได้

จากนั้นท่านทาดายุกิ ก็ลุกขึ้นยืน ขอชนแก้วกับทาเตวากิ กริ๊ง!!

"มาช่วยกันทำงานนะ" / "ขอบพระคุณที่ไว้ใจข้าขอรับ"

แล้วทั้งสองคนก็ดื่มเพื่อสัญญาต่อกัน

"แต่ว่า...มีปัญหาอยู่อย่างนึง" / "อะไรขอรับ?"

"อยู่ที่พ่อของข้าเองแหล่ะ"


----------------------------

นั่นก็คือ ท่านนาริโอกิ อดีตเจ้าแคว้นแห่งสัทสุมะนั่นเอง

โอยุระ
"ท่านจะกลับสัทสุมะรึเจ้าคะ" / "ก็กลับน่ะสิ ถามได้!" ท่านนาริโอกิซดน้ำชาดังซวบ!!

"เฮ่อ..ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะเจ้าคะ? งานทางสัทสุมะน่ะ ปล่อยให้ท่านทาดายุกิทำไปก็ดีแล้ว" โอยุระพยายามพูดเข้าข้างลูกชายของตน

"ปล่อยให้เขาทำไม่ไ้ด้หรอกน่า!! เพราะอี นาโอสุเกะได้เป็นไทโร มีอำนาจสูงสุดในบะขุฝุ ตั้งท่านโยชิโตมิเป็นทายาทโชกุน สัทสุมะของเราสนับสนุนฮิโตะสึบาชิมาตลอด จะต้องโดนเล่นงานหนักแน่ ข้่าจะต้องกลับไปป้องกันบ้านเมืองของเราละ"

"จะยังไงก็ตาม ท่านทาดายุกิทำได้เจ้าค่ะ!!" / "แล้วข้าจะแสดงฝีมือปกป้องสัทสุมะให้ดูแล้วกัน ฮ่าๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆ..."

"เฮ่อ..."
ท่านโอยุระออกอาการเซ็งกับคนแก่หลงตัวเองชัดๆ

(ถึงตอนนี้ ผู้คนภายนอกยังไม่รู้ข่าวที่ท่านโชกุนอิเอซาดะสิ้นแล้ว)

------------------------------

แล้วทาเตวากื ก็กลับไปบอกข่าวที่ตนจะทำงานให้ท่านทาดายุกิแก่พวกเพื่อนๆซามุไรระดับต่ำให้รับรู้ (เหล่าซามุไรระดับต่ำกำลังร่วมดื่มเหล้าพูดคุยกันอยู่หลายคน)

นาสะฮะระ "แบบนี้ ท่านทาดายุกิก็จะได้เป็นเจ้าแคว้นสัทสุมะ แปลว่า ท่านทาดายุกิก็จะมีอำนาจกุมกำลังทั้งหมด"

"ใช่แล้ว! ในที่สุดลูกของโอยุระก็จะได้กลายเป็นเจ้านายชองพวกเราไงล่ะ ใช่มั้ย! ท่านโคมัทสึ??" โอยามะที่เริ่มเมานิดๆถามทาเตวากิอย่างมีอารมณ์

"ก็ทำนองนั้น..." ทาเตวากิตอบอย่างลำบากใจ เพราะเข้าใจความเกลียดชังเก่าๆของเพื่อนที่มีต่อโอยุระแม่ของท่านทาดายุกิ

ยูสุเกะ
"สนุกแน่ล่ะที่นี้" / "ใช่ สนุกแน่ๆ" ชิงโกเข้าเสริม

อิจิชิ "ไม่ใช่แค่ท่านทาดายุกิคนเดียวนะ ยิ่งถ้าท่านนาริโอกิกลับมาล่ะก็ ต่อไป ก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นอีก เดาไม่ถูกเลยล่ะ"

ท่านโอคุโบะคงได้แต่นั่งฟังเพื่อนๆบ่น เพราะเข้าใจความรู้สึกเพื่อนๆทุกคนดี แต่ท่านโอคุโบะก็เข้าใจความลำบากใจของทาเตวากิด้วยเช่นกัน

------------------------------

เมื่อทาเตวากิได้ปลีกตัวออกมานั่งชมพระจันทร์เต็มดวงทางด้านนอก เผื่อว่าจะอารมณ์จะดีขึ้น ท่านโอคุโบะจึงตามออกมาคุยด้วย

โอคุโบะ
"จะไปรับใช้ใกล้ชิดท่านทาดายุกิเหรอ?" / "ใช่ แต่ไม่รู้ว่า..มันจะดีรึเปล่านะ" พอเห็นเพื่อนๆบ่น ทาเตวากิก็ชักลังเล

"ก็ดีแล้วนี่นา" / "เอ๋?"

"ข้าดีใจด้วยนะ โอกาสแบบนี้ หาได้ยากต้องคว้าไว้" / "..?!?.."

"ไม่เชื่อเหรอ?" / "ก็นิดหน่อย"
ทาเตวากิงง!ว่าทำไมท่านโอคุโบะกลับเห็นด้วย

"ข้าเคยเห็นคนมีอำนาจส่วนใหญ่ มักใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกไม่ควร เพียงเพื่อต้องการขยายอิทธิพลของตน เมื่อก่อนข้าจึงเกลียดคนพวกนี้ แต่ว่า..เดี๋ยวนี้ความคิดข้าเปลี่ยนไปแล้ว.." / "เปลี่ยนไปยังไงเหรอ?"

ท่านโอคุโบะลุกขึ้นมองฟ้า "ข้าคิดว่าควรนำอำนาจของพวกเขา มาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในที่สุด น่า่จะีดีกว่า"

ท่านโอคุโบะนั่งลงอีกครั้งเพื่อขอร้องต่อทาเตวาิกิ
"ขอให้ท่านจงทำเต็มกำลังเถอะ ถ้าท่านได้เป็นใหญ่เป็นโตล่ะก็ สักวันนึง.. พวกข้าจะอาจมีโอกาสได้ทำงานให้ท่านไงล่ะ"

"ข้่าจะขอจำคำท่านไว้"


นี่เป็นอีกครั้งที่ท่านโอคุโบะชี้แนะแก่ทาเตวากิ...
.
.

ผู้ติดตาม