วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561

บรรยากาศ อุ่นไอร้อนคอยความหนาว มากกว่า





คนกรุงเทพโดยกำเนิดอย่างผม ชอบอากาศหนาวมาก ๆ เพราะร้อนมาทั้งปี โดยเฉพาะปี 2561 เนี่ยยังหาความหนาวไม่เจอมาเลย

ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่ คือ วันที่ 29 ธันวาคม 2561 ลาดพร้าวบ้านผมก็กำลังมีฝนตกหนัก คาดว่า หลังฝนตกคงจะหนาวลงเยอะ ๆ นะ

ซึ่งนับตั้งแต่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศว่า ประเทศไทยปีนี้ได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมาจนวันนี้

บ้านผมและในกรุงเทพมหานคร ก็ไม่เคยรู้สึกว่าหนาวเลยสักวัน บ้านผมยังต้องเปิดพัดลมใบพัด 16 นิ้ว 2 เครื่องจ่อตลอดเวลาทุกวัน

ดังนั้น ฤดูหนาวที่กรมอุตุนิยมประกาศไปนั้น สำหรับในกรุงเทพ ฯ แล้ว จะมีคำเรียกฤดูหนาวแบบนี้เป็นเฉพาะกรณีพิเศษ นั่นก็คือ

ฤดูหนาวพ่องสิ !!

-------------



ขอทรงเปลี่ยนชื่องาน อุ่นไอรักคลายความหนาว ใหม่เถอะ

ข้าพพุทธเจ้า ใหม่เมืองเอก ขอพระบรมราชานุญาตแสดงความเห็นส่วนตัว

คือ ข้าพระพุทธเจ้าอยากขอในหลวง ร.10 ทรงเปลี่ยนชื่องาน #อุ่นไอรักคลายความหนาว ที่ลานพระราชวังดุสิต ในปีหน้าใหม่เถอะครับ

เพราะชื่องานนี้ขัดใจคนกรุงอยากหนาวมาก ๆ ชื่องานเหมือนไปสกัดกั้นลมหนาวให้ไม่ค่อยอยากเข้ากรุง

ขออนุญาตยกตัวอย่างชื่องานใหม่เช่น งานสายลมหนาวแห่งความรัก 💗 น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อชื่อใหม่นี้จะนำพาลมหนาวพัดเข้ากรุงเทพฯ จริง ๆ จัง ๆ เสียที

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า

-----------------------

บรรยากาศในกรุงเทพที่ผ่านมาจน ณ เวลานี้ 29 ธ.ค. 61 ยังไม่ใช่บรรยากาศอุ่นไอรักคลายความหนาวเลยครับ

แต่เป็นบรรยากาศ อุ่นไอร้อนคอยความหนาว มากกว่า



วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประชาชนที่เห็นแก่ตัวจะชื่นชอบ ประชานิยม




รัฐบาลสวิต ฯ เสนอนโยบายประชานิยมแจกเงินให้ประชาชน

วันที่ 28 มกราคม 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยแผนการแก้ปัญหาความยากจนในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกเสนอโดยกลุ่มนักคิดที่รวบรวมรายชื่อประชาชนครบ 10,000 คน ได้ยื่นเสนอให้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์แจกเงินแก่ประชาชนทุกคน สัปดาห์ละ 625 ฟรังก์ (ประมาณ 21,000 บาท) โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้มีงานทำหรือไม่ทำงาน

ส่วนประชาชนที่ยังเป็นเด็ก จะได้สัปดาห์ละ 145 ฟรังก์ (ประมาณ 5,000 บาท) นโยบายดังกล่าวถูกเสนอยังรัฐบาลกลาง ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติการทำประชามติในวันที่ 5 มิถุนายนที่จะถึงนี้

ซึ่งประชามตินี้ ถูกเรียกว่า "ประชามติหลักประกันรายได้พื้นฐานของประชาชน"

แต่ผลประชามติของชาวสวิส ปรากฏว่า ชาวสวิสส่วนใหญ่ร้อยละ 77 โหวตไม่รับนโยบายนี้ และมีประชาชนเพียง 23 % เท่านั้นที่โหวตรับนโยบายประชานิยมนี้



เหตุเพราะ คนสวิสส่วนใหญ่เกรงว่า นโยบายนี้จะทำให้ประเทศแบกภาระผูกพันจนอาจเกิดความเสียหายตามมาในอนาคตได้

จากประชามติของชาวสวิสครั้งนี้ ทำให้เห็นได้ว่า ชาวสวิสเห็นแก่ชาติบ้านเมืองโดยรวมเป็นที่ตั้งมากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง

นี่แหละครับ ระบอบประชาธิปไตยในประเทศที่ประชาชนไม่เห็นแก่ตัว

---------------------------

เวเนซุเอล่าเงินเฟ้อหนัก เหตุเพราะในอดีตรัฐบาลมอมเมาประชานิยม

ผมเห็นข่าว มีชาวเวเนซูเอล่าอพยพหนีภัยอดอยากและเงินเฟ้อของประเทศตัวเองเข้าไปในเปรูแล้ว 5 แสนคน

เปรู ต้องแบกภาระหนักเลย

เวเนซูเอล่า มีเงินเฟ้อถึง 80,000 % แล้วเขาว่าสถานการณ์อาจหนักไปถึงเงินเฟ้อ 1 ล้าน %

พูดแบบนี้อาจนึกภาพไม่ออกว่า เงินเฟ้อล้านเปอร์เซนต์มันเป็นยังไง ?

คิดง่าย ๆ ก็คือ จากคนมีเงิน 1 ล้านบาท แล้วอยู่ ๆ เงิน 1 ล้านบาทเหลือมูลค่าแค่บาทเดียว

เช่น ไข่ไก่เดิมฟองละ 5 บาท พอเงินเฟ้อล้านเปอร์เซนต์ ก็ต้องใช้เงิน 5 ล้านบาทซื้อ

ทีนี้เงินล้านบาทมันมีปริมาณเยอะ ใครจะแบกเงิน 5 กระสอบไปซื้อไข่ 1 ฟองจริงมะ

ทำให้รัฐบาลในประเทศที่เจอวิกฤติเงินเฟ้อขั้นรุนแรง อาจต้องนำแบงค์พันมาพิมพ์ทับเป็นฉบับละ 1 ล้าน หรือต้องยกเลิกธนบัตรเก่ เพื่อพิมพ์แบงค์ 1 ล้านใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศซิมบับเว


ธนบัตรฉบับละ 1 ล้านดอลล่าห์ซิมบับเว ภาพโดย รอยเตอร์

ฉะนั้น เราต้องอย่าให้นักการเมืองหรือจะพวกเผด็จการก็ตาม ใช้เงินชาติ งบประมาณแผ่นดินมาโปรยทำประชานิยม หรือแจกเงินฟรีเยอะ ๆ บ่อย ๆ ล่ะ

ไม่งั้นไทยอาจจะเหมือนเวเนซูเอล่าได้

อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้

วิกฤติต้มยำกุ้งไทยก็เคยเกิดมาแล้ว โดยก่อนหน้านั้น 2 ปีเคยมี วิกฤติการณ์เม็กซิโก เป็นตัวอย่างวิกฤติเศรษฐกิจก่อนไทย

แต่ตอนนั้นคนไทยก็ไม่มีใครคิดว่า ไทยเราจะเป็นแบบเม็กซิโกได้ แล้วเป็นไงล่ะ?

ฉะนั้น เราป้องกันได้ ด้วยการอย่าสนับสนุนนโยบายประชานิยมของทุกรัฐบาล

ถ้าคิดจะใช้ประชานิยมควรใช้ในเวลาจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และต้องเป็นแค่มาตรการระยะสั้น ๆ  และใช้เงินไม่มาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นบางครั้ง

ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลใช้นโยบายประชานิยมยาวแบบไร้กำหนดสิ้นสุด เหมือนที่รัฐบาล คสช. กำลังทำในนโยบายบัตรสวัสดิการประชาชน ที่ห่วยสิ้นดี

นโยบายเลวพอกัน

บัญชาคามินตูน

ตัวอย่างรัฐสวัสดิการของประชาชนที่ไม่เห็นแก่ตัว

ในปีหน้า 2019 ญี่ปุ่นจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 8 % เป็น 10 %

นโยบายขึ้น vat นี้เป็นของรัฐบาลนายชินโสะ อาเบะ

คนญี่ปุ่นรู้ทั้งรู้ว่า ถ้าเลือกพรรคของนายชินโสะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็ต้องเจอการขึ้นภาษีแวตแน่นอน

แต่คนญี่ปุ่นเขาก็ยินดีที่จะเลือกนายอาเบะ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

เพราะนายอาเบะ บอกว่า vat ที่ขึ้นอีก 2 % นั้น รายได้ที่รัฐได้เพิ่มขึ้น จะนำไปใช้สนับสนุนรัฐสวัสดิการเพื่อ สังคมผู้สูงอายุ เป็นหลัก ซึ่งประชาชนทุกคนจะได้รับสวัสดิการนี้เช่นเดียวกันทุกฐานะทุกชนชั้น

นี่แหละครับ ตัวอย่างรัฐบาลของประเทศที่เจริญแล้ว และประชาชนที่ไม่เห็นแก่ตัวมากกว่าประเทศชาติ

----------

ในขณะที่รัฐบาล คสช. แจกเงินเฉพาะคนบางกลุ่มยังไม่พอ แต่ยังจะ ยกเว้นภาษีแวตให้คนพวกนี้อีก

แปลง่าย ๆ คือ ได้เงินแจกฟรี แถมยังไม่ต้องเสียภาษีแวตอีก ซึ่งเป็นการบ่มเพาะนิสัยเอาเปรียบประเทศชาติมากขึ้น ๆ

โคตรประชานิยมไหมล่ะมึง

--------

ที่จริงโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ๆ จริง ๆ หรอก

เช่น เงินประชานิยมที่แจกไป ต้องแลกมาด้วย โรงพยาบาลรัฐที่มีไม่เพียงพอ ยาคุณภาพดี ๆ หลายตัว ไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หมอพยาบาลต้องทำงานโอเวอร์โหลดแต่รายได้น้อยจนหนีไป อยู่ รพ.เอกชน จนหมอ รพ รัฐขาดแคลน รถเมล์บริการห่วย ๆ รถไฟชั้น 3 แออัดซกมก ทหารชายแดนใต้ขาดแคลนเสื้อเกราะกันกระสุน ฯลฯ



วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ประเทศกูมี พวกลิเบอร์ร่านโง่ ๆ



#ประเทศกูมี

ทั้งล่าสัตว์ป่า ทั้งสร้างรีสอร์ทในป่า
ทั้งยึดทางเท้าหากิน
ทั้งสร้างบ้านบุกรุกคูคลอง
ทั้งลักลอบขายงาช้าง
ทั้งปัญหาประมงเถื่อน
ทั้งปัญหาความปลอดภัยทางการบิน
และอื่น ๆ อีกมากมาย ฯลฯ

ประเทศกูมี แบบที่ว่ามาตั้งนานแล้วตั้งแต่ #่สมัยประชาธิปไตย แต่พวกนักการเมืองแม่งไม่กล้าจัดการเอาผิดคนทำผิดกฎหมาย

มายุค #เผด็จการ นี่แหละที่กล้าจัดการกับผู้มีอิทธิพล
กล้าบุกรื้อรีสอร์ทในป่า
กล้าจัดระเบียบทางเท้า
กล้ารื้อบ้านบุกรุกคูคลอง
กล้าจัดการพวกลักลอบค้างาช้าง
กล้าแก้ปัญหาประมงเถื่อน ฯลฯ

เปรมชัยยิงสัตว์ป่ามานานแต่รอดการถูกจับมาตลอดในยุคประชาธิปไตยว่ะ



-------------------------

#ประเทศกูมี #พวกร่านรักนักการเมืองโกงชาติหนีคดี

6 ตุลา 19 รูปศพถูกแขวนแล้วถูกตี

มันคือโศกนาฏกรรมของความเกลียดกลัวภัยคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นของคนไทยฝ่ายขวา

นักข่าวฝรั่งผู้ถ่ายรูปนั้น เขาบอกว่า เขาคิดว่า น่าจะเป็นกลุ่มเด็กช่างกลอาชีวะแนวคิดฝ่ายขวาจัดเป็นผู้ตีศพที่เชื่อว่าเป็นศพคนฝ่ายซ้าย เรื่องมันเท่านี้แหละ

แต่มีไอ้พวกร่านแร้งพยายามจะลากรูปนี้มาหากินตลอดชาติ

ย้ำอีกทีว่า มันเป็นเรื่องความเกลียดกลัวภัยคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น


รูปวอยซ์ทีวี

----------

ถ้านึกไปถึงประเทศญี่ปุ่น กว่าจะปกครองระบอบประชาธิปไตยได้ในวันนี้ คนญี่ปุ่นเขาเข่นฆ่ากันเองตายไปหลายแสนคนครับ ตั้งแต่ยุคล้มระบอบโชกุน ลงได้เมื่อ 150 ปีก่อน จนถึงในยุคปฏิรูปเมจิ
.
จนญี่ปุ่นมาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคโชวะ ก็ตายไปเป็นล้านคน

แต่คนญี่ปุ่นเขาไม่โทษใคร เขาให้อภัยต่อกันหมด 

แม้แต่สมเด็จพระจักรพรรดิตั้งแต่ เมจิ ไทโช โชวะ คนญี่ปุ่นก็ไม่โทษทุกพระองค์เลย แถมปกป้องทุกพระองค์ด้วยชีวิต

คนญี่ปุ่นที่เข่นฆ่ากันเอง ล้วนมีสมเด็จพระจักรพรรดิเป็นที่ยึดเหนี่ยวในใจทุกคน

ประเทศไทยเรามีคนตายน้อยกว่าคนญี่ปุ่นเยอะกว่าจะได้ #ระบอบประชาธิปไตยแบบโง่ๆ มาใช้

แต่ไอ้พวกร่านในไทย มึงก็จะเกาะรูปศพคนตายนั้นทั้งชาติทำลายชาติอยู่นั่นแหละ

ภัยทำลายชาติไทยตัวจริงคือ #พวกลิเบอร์ร่าน

คลิกอ่าน คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่เจ๊งและขาดทุนจริงเหรอ ?



วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่เจ๊งและขาดทุนจริงหรือ ?





การลงทุนในตลาดหลักทรัพยฺ์มีความเสี่ยง คือคำเตือนแก่นักลงทุนที่ได้ยินบ่อย ๆ

ความจริงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้น ก็คือ การนำเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทที่เราต้องการผลตอบแทน ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้มานั้นก็คือ เงินปันผลประจำปี นั่นเอง

ส่วนผลพลอยได้จากหุ้นที่บริษัทมีอัตราผลประกอบการเจริญเติบโตที่ดี มูลค่าหุ้นก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นตามไปด้วย

ในทางกลับกัน ถ้าผลประกอบการไม่ได้กำไรจนถึงขั้นขาดทุน และไม่จ่ายเงินปันผล มูลค่าหุ้นของบริษัทนั้น ๆ ก็จะลดลงตามไปด้วบ

แต่ปกติเงินปันผลมักจะออกปีละ 1 ครั้ง หรืออย่างมากก็ 2 ครั้งต่อปี

แล้วเมื่อนำมูลค่าหุ้น ณ เวลานั้น ๆ มาหารกับจำนวนเงินปันผลต่อ 1 หุ้น   ถ้าได้อัตราผลตอบแทนที่มากกว่าจำนวนเปอร์เซนต์ของดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารแต่ละปี ก็ถือว่า การลงทุนซื้อหุ้นเพื่อหวังรับเงินปันผล ก็ดีกว่านำเงินไปฝากธนาคาร

แต่โดยมากแล้ว จำนวนเงินปันผลเมื่อนำไปหารกับมูลค่าหุ้น 1 หุ้น ก็มักจะได้ผลตอบแทนไม่ได้มากอะไรนัก ดังนั้น การลงทุนซื้อหุ้นเพื่อหวังเงินปันผลจริง ๆ ก็ไม่ได้ทำให้ใครร่ำรวยได้เร็วจริง ๆ หรอก

--------------------------


ซีรีย์ดังของฮ่องกงที่เกี่ยวกับการเล่นหุ้นเก็งกำไรโดยเฉพาะไม่ต่างอะไรจากนักพนัน

แล้วพวกที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้นรวดเร็ว เขารวยกันยังไงล่ะ ?

พวกรวยจากตลาดหุ้น ก็คือพวกที่ร่ำรวยจากการเก็งกำไรราคาหุ้นในแต่ละวัน คือรวยจากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละวัน ไม่ใช่รวยจากการรับเงินปันผลประจำปี

ดังนั้น คนเล่นหุ้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักพนันเลย

จำคำนี้ไว้ เพราะ การลงทุนไม่ใช่การเล่นหุ้น (ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้นในคลิปด้านล่างได้กล่าวไว้)

เมื่อแต่ละบริษัทจ่ายเงินปันผลปีละครั้งหรือ 2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้น การจะรวยจากการเล่นหุ้น ก็คือ การเล่นกับการมโนกับข่าวสารในแต่ละวัน ซึ่งมีทั้งข่าวจริง ข่าวเท็จ ช่าวปล่อย ข่าวลวง และข่าวลือ เพื่อให้เกิดกระแสราคาหุ้นขึ้น ๆ ลง ๆ ทุกวัน และนั่นก็คือ การซื้อขายเพื่อทำกำไรจากมูลค่าส่วนต่างของราคาซื้อขายหุ้นนั่นเอง

ซึ่งคนที่จะรวยจากตลาดหุ้นได้จริง ๆ มีน้อยมาก หากจะเปรียบเทียบว่า คนที่ร่ำรวยจากเล่นหุ้นจริง ๆ มีกี่เปอร์เซนต์ ?

เซียนหุ้นท่านนึงเจ้าของเว็บโฉลกดอทคอมซึ่งเป็บเว็บไซต์สอนนักลงทุน คุณโฉลก สัมพันธารักษ์ ได้กล่าวไว้ว่า
"นักเล่นหุ้นประมาณ 95% จะขาดทุน ส่วนอีก 5% เท่านั้นที่ได้กำไร ซึ่งใน 5% ที่ได้กำไรนั้นจะเป็นโบรกเกอร์สัก 4% มีเพียงนักเล่นหุ้น 1% เท่านั้นที่เล่นหุ้นแล้วได้กำไร(จากคน95%ที่ขาดทุน)"

คลิป ข้อคิดเรื่องการเล่นหุ้นจากเจ้าของเว็บไซค์สอนการลงทุน โฉลกดอทคอม


หากใครอ่านบทความยังไม่เกทนัก ผมก็มีบทความเกี่ยวกับเรื่อง การเล่นหุ้น อีก 3 บทความ ตามลิงค์ต่อไปนี้ครับ

คลิกอ่าน รู้ทันเซียนหุ้นหลอกฟันแมงเม่า

คลิกอ่าน การเก็งกำไรในตลาดหุ้นคือการพนันเป็นอบายมุข 1

คลิกอ่าน การเก็งกำไรในตลาดหุ้นคือการพนันเป็นอบายมุข (จบ)



วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ทำไมคนชาติไฮเทคอย่างจีนต้องซูฮกวัตถุมงคลไทย






เมื่อสุดท้ายเทคโนโลยีจีนก็ยังแพ้ไทย555

เมื่อวานผมดูคลิปสินค้าไฮเทคของจีนแดงในวันนี้ ผมนี่อึ้งทึ่งเลย

หลังจากท่านเล็กเซียวหงส์ เอ้ยไม่ใช่ ท่านเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน พณฯท่านเติ้งเสี่ยวผิง เปิดประเทศจีน ตามนโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบ นั่นคือ ปกครองประเทศด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม

ประเทศจีนของก๋งผม ก็เจริญรวดเร็วมากอย่างเหลือเชื่อ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่ถ้าจีนเปิดประเทศตั้งแต่ยุคท่านประธานเหมาเจ๋อตุงของสหายเหวง

จีนอาจส่งคนไปลงบนดวงจันทร์ก่อน usa ก็เป็นไปได้นะ 555

แต่เห็นจีนเจริญไฮเทคขนาดนี้ แต่เวลาคนจีนมาเที่ยวเมืองไทย สินค้าไทยที่คนจีนนิยมซื้อติดไม้ติดมือก่อนกลับบ้านคืออะไรรู้ไหม ?

คำตอบคือ เครื่องรางของขลังวัตถุมงคลทุกชนิด ทั้งตะกรุด ผ้ายันต์ กุมารทอง ฯลฯ และพระเครื่อง พระพุทธรูปของไทย

จนเดี๋ยวนี้แม้แต่ในประเทศจีนเอง ก็ยังมีร้านขายวัตถุมงคลจากไทยแลนด์ในหลาย ๆ เมืองใหญ่ของจีน ให้คนจีนได้ซื้อหาไปบูชาได้ง่าย ๆ แถมมีใบรับประกันว่า ของแท้ปลุกเสกแล้วจากเมืองไทย

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคนจีนมาเที่ยวไทย ก็ขอซื้อวัตถุมงคลที่ไทยเองจะชัวร์กว่าขลังกว่า จะได้แน่ใจว่าไม่ใช่วัตถุมงคลเสิ่นเจิ้น

ฉะนั้น นี่คือจุดแข็งของไทยแลนด์ สินค้าปลุกเสกเมดอินไทยแลนด์คือที่ 1 ในโลก 5555

ทำไมคนจีนแดง คนฮ่องกง ถึงเชื่อมั่นในวัตถุมงคลของไทยรู้ไหม ?

ก็เพราะสภาพบ้านเมืองที่ป่าเถื่อนชอบใช้ความรุนแรงตัดสิน จนมีปัญหาอาชญากรรมมากมาย แถมเป็นประเทศที่คนขับขี่รถได้อย่างเฮงซวยไร้ระเบียบวินัยที่สุดในโลก แต่คนไทยก็ยังไม่กลัวตายแถมยังรอดตายได้มากกว่าที่คนจีนคิดไว้ แถมไทยยังจัดเป็นประเทศที่ประชาชนมีความสุขอันดับต้น ๆ ของโลก สูงกว่าประเทศร่ำรวยอย่างสิงคโปร์ด้วยซ้ำ

นั่นแสดงว่า คนไทยที่ยังรอดตายอยู่ได้ต้องมีของดีติดตัวแน่ ๆ ซึ่งคนจีนถูกทำให้เชื่อว่า นั่นเพราะคนไทยส่วนใหญ่มีวัตถุมงคลนั่นเอง 5555

ทำนองเดียวกันไอ้พวกหินสีต่าง ๆ ตั้งแต่ หินธิเบต มายัน หินสีสวยงาม นี่คือการเอาคืนคนไทยของคนจีน

เพราะที่แหล่งค้าส่งในจีน จะมีขายหินที่เชื่อว่ามีพลังมงคลพวกนี้ขายส่งเป็นกระสอบ ๆ ในราคาแสนถูกมาก ๆๆๆ แต่พอมาถึงเมืองไทย หินสีพวกนี้กลับขายได้ชิ้นละหลายร้อยหลายพันบาท 555





วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561

MV ที่ช่วยให้ ป๊อก ปิยธิดา แจ้งเกิดในวงการบันเทิง





ป๊อก ปิยธิดา นางเอกระดับแถวหน้าของวงการละครไทย หลายคนอาจจำไม่ได้ หรือไม่เคยรู้มาก่อนว่า

ป๊อก ปิยธิดา แจ้งเกิดในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวจริง ๆ ก็มาจากเล่นเป็นนางเอกในมิวสิควิดีโอของ มอส ปฏิภาณ ชื่อเพลง กลับกลอก

ซึ่งใน MV เพลงนี้ ป๊อก หน้าสวยมาก ๆ  แถมตอนที่ ป๊อก พูดบอกเลิกกับ มอส ใน MV เธอพูดได้อย่างทรงพลัง จนถ้าผู้ชายคนไหนในโลก ถ้าต้องเจอ ป๊อก บอกเลิกแบบนี้นะ รับรอง ผู้ชายคนนั้นอาจต้องฝันร้ายไปทั้งชาติเลย



แต่เสียดายที่ Grammy ที่เพิ่งจะนำ MV เพลงนี้มาลงเมื่อไม่กี่วันก่อน ก่อนที่ผมจะเขียนบทความนี้ แกรมมี่ก็ได้ตัดเสียงพูดช่วงที่ ป๊อก ได้บอกเลิกกับ มอส ออกจาก MV นี้ไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ





พลังความสวยของป๊อก ปิยธิดา ใน mv "กลับกลอก" ได้สร้างความประทับใจในหัวใจผู้ชายแทบทุกคนที่ได้ดูมิวสิควิดีโอนี้

แล้วถ้าอยากรู้ว่า ป๊อก พูดว่าอะไรใน mv เพลงนี้ แนะนำให้ดูคลิปสุดท้ายด้านล่างบทความนี้ครับ

---------------------

รายการ สาระแนโชว์ หนุ่ม กรรชัย ป๊อก ปิยธิดา

ในช่วงที่ ป๊อก ปิยธิดา ยังเป็นแฟนกับ หนุ่ม กรรชัย

รายการ สาระแนโชว์ เมื่อ พ.ศ. 2542 ได้ร่วมมือกับ หนุ่ม กรรชัย แกล้ง ป๊อก ปิยธิดา โดยนำปมขี้หึงของคนทั้งคู่มาแกล้ง

โดยก่อนหน้านี้สักปีกว่า ๆ  หนุ่ม เคยโดนแกล้งไปก่อน แต่มาในคลิปนี้ หนุ่ม ร่วมมือกับสาระแน เพื่อมาเอาคืนป๊อก

ซึ่งคลิปที่ทั้งฮาและน่าสงสารป๊อกจริง ๆ คือ ดูออกเลยว่า ในเวลานั้น ป๊อก ปิยธิดา แคร์หนุ่ม กรรชัย มาก ๆ เพราะขนาดหนุ่มแกล้งวีนใส่ถึงขั้นท้าเลิกกัน

ป๊อก ก็ยังพยายามง้อและรักษาอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม

ตอนที่ผมได้ดูรายการในคลิปนี้ตอนออกทางช่อง 3 ในวันนั้น ก็รู้สึกขำกับการแกล้งป๊อก

แต่พอมานึก ๆ ย้อนคิดในวันนี้ คนที่ถูกแกล้งด้วยการถูกแฟนบอกเลิกนี่มันน่าสงสารมากนะ

ลองดูได้ในตอนจบของคลิปการแกล้งนี้ว่า ตอนจบป๊อกดูน่าสงสารจริง ๆ



ป๊อก ปิยธิดา กับ หนุ่ม กรรชัย พบรักกันเมื่อทั้งสองคนได้เล่นละครเรื่อง ตะลอนทัวร์ ทางช่อง 5 ด้วยกัน

ส่วน หนุ่ม กรรชัย พบรักกับ เมย์ เฟื่องอารมณ์ เพราะเล่นละครเรื่อง เทพบุตรสลัม ทางช่อง 7 สี

------

คลิป ทอล์คกะเทย ตอน ป๊อก ปิยธิดา

อยากรู้ว่า ป๊อก พูดอะไรใน mv กลับกลอก ต้องดูในคลิปนี้





วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เจตนาที่แท้จริงของโทษประหารชีวิตที่คุณอาจไม่เคยรู้




จากกรณีการประหารชีวิตนักโทษรายล่าสุดของไทยในรอบ 9 ปี พ.ศ. 2560

แม่ของเด็ก ม.5 ที่ถูกแทง 24 แผลจนเสียชีวิต บอกว่า ทำใจยังไม่ได้ที่สูญเสียลูก

แต่พอนักข่าวถามถึง ผู้ต้องหาถูกประหารชีวิตไปแล้ว รู้สึกยังไง

แม่ของเด็ก ม.5 ตอบว่า ก็ขออโหสิกรรมให้เขา เพราะเขาก็ได้ตายชดใช้ความผิดไปแล้ว

--------

ผมมองว่า คดีรุนแรงฆ่ากันตายต่าง ๆ จนเหยื่อเสียชีวิต

ที่ผ่านมา คนเป็นพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะตัวเองต้องสูญเสียคนที่รักไปตลอดกาล

ในขณะที่คนร้ายกลับยังมีชีวิตอยู่ แล้วเผลอ ๆ อาจได้ออกจากคุกในเวลาไม่นาน

จึงมีผู้ที่สูญเสียจำนวนไม่น้อยที่ไม่อาจอโหสิกรรมให้คนร้ายได้ เพราะเหมือนตัวเองยังไม่ได้รับความยุติธรรมจากสังคมและกฎหมาย

แต่เมื่อคนร้ายถูกประหารชีวิตไปตามโทษทัณฑ์ทางกฎหมายแล้ว ญาติของเหยื่อผู้สูญเสียถึงได้รู้สึกว่า พวกเขายังพอได้รับความเป็นธรรมบ้าง

ก็เลยเริ่มรู้สึกปล่อยวางได้ เริ่มจะอโหสิกรรมให้คนร้ายได้ ไม่งั้นญาติของเหยื่ออาจต้องทนทุกข์ทรมานใจไปตลอดชีวิต

เพราะไม่สามารถอโหสิกรรมให้คนร้ายและกระบวนการยุติธรรมเฮงซวยนี้ได้

-----------

เจตนาของการประหารชีวิตจริง ๆ จึงไม่ใช่หวังให้คนกลัวการกระทำผิดเท่านั้น

แต่เจตนาหลักของการประหารชีวิตจริง ๆ ก็คือ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมของทุกคนทุกชีวิตที่ต้องสูญเสียอย่างเท่าเทียมกันให้ได้มากที่สุด

แต่พวกเพี้ยนที่ชอบปกป้องฆาตกรมากกว่าเห็นใจคนดีที่ตกเป็นเหยื่อ

เพราะภาษีชาติมีไว้ปกป้องชีวิตคนดี ไม่ใช่มีไว้เลี้ยงดูฆาตกรโหดให้อยู่เปลืองภาษีของคนดีนาน ๆ ในคุก

----------------

ปัญหาอาชญากรรมรุนแรงในไทย เหตุเพราะไม่ลงโทษอย่างจริงจัง

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศไทยเพิ่งประหารชีวิตนักโทษจนถึงวันนี้ไปแค่ 320 คนเท่านั้น

หา !! ผ่านมา 80 กว่าปี จากประชากร 20 ล้านคน จนมีประชากร 72 ล้านคน ไทยเพิ่งประหารนักโทษไปแค่ 300 กว่าคนเท่านั้นเองรึ

ผมว่า ตัวเลขนี้มันบอกเลยว่า นี่คือ ปัญหาของประเทศไทย นั่นคือ ถ้าไทยคิดจะใช้โทษประหารชีวิต ก็ต้องใช้ให้มันจริงจัง แบบที่พวกประเทศโลกมุสลิมเขายังใช้

แต่ที่ผ่านมา ประเทศไทยใช้แบบกล้า ๆ กลัว ๆ มาตลอด จนคุกล้นแออัด

หรือแม้แต่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็ยังใช้โทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคออยู่ในปัจจุบัน อ้างอิง https://bit.ly/2JRR7Zj

พวกแอมเนสตี้ทั้งหลาย อย่ามาอ้างตัวเลขการวิจัยในต่างประเทศว่า โทษประหารไม่ได้ช่วยให้คดีอาชญากรรมรุนแรงลดลง

ผมเคยเขียนในบทความเก่าว่า

"ไทยเราควรทดลองจริง ด้วยการใช้โทษประหารอย่างจริงจังไปสัก 10 ปีดูสิ แล้วมาดูกันว่า จะช่วยลดจำนวนคดีอาชญากรรมรุนแรงลงได้ไหม ก็เพราะนิสัยคนไทยไม่เหมือนชาติใดในโลกโว้ย อย่ายกตัวเลขวิจัยต่างชาติมาใช้กับสังคมไทย"

การที่อ้างผลวิจัยในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่คือในประเทศที่เจริญแล้วโดยเฉพาะในยุโรป เขาย่อมได้ผลวิจัยว่า โทษประหารชีวิตไม่มีผลในการลดจำนวนอาชญากรรมรุนแรงลง

นั่นเป็นเพราะ ประเทศที่เจริญเหล่านั้น เขาได้ผ่านจุดวิกฤติของสังคมที่นิยมความรุนแรงไปแล้ว เพราะประชาชนมีการศึกษาดีขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันดีพร้อมมากกว่าประเทศไทย เมื่อมีความกินดีอยู่และอยู่ในสภาพแวดล้อมดีกว่า ความเครียดและความรุนแรงในสังคมจึงลดลงตามลำดับ

ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศของทวีปยุโรปจึงมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม เคารพกฎหมายดีอยู่แล้ว

ดังนั้นผลแห่งการลงโทษประหารจึงไม่มีผลอะไรต่อวิถีชีวิตของประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่มีความเจริญทางจิตใจและรู้จักหน้าที่พลเมืองดีอยู่แล้ว

แต่ประเทศไทยทุกวันนี้ ยังไม่ไปถึงจุดนั้น เพราะคนไทยจำนวนมากยังละเมิดกฎหมายเป็นว่าเล่นโดยไม่รู้สึกผิด  เช่นกฎหมายจราจร ยังไม่เคารพสิทธิของคนอื่น ยังเอาแต่สิทธิของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่รู้จักหน้าที่พลเมืองดี

ซึ่งที่ผ่านมา 9 ปีที่ประเทศไทยไม่มีการลงโทษประหารชีวิตเลย ก็ไม่ทำให้อาชญากรรมรุนแรงของไทยลดลง แถมมากขึ้น ๆ รุนแรงขึ้นทุกวัน




ขอฝากไปถึง พวกแอมเนสตี้ต่อต้านโทษประหาร Amnesty International Thailand ว่า

ตัวอย่าง กรณีนักโทษประหารรายล่าสุดนี้ เขามีโอกาสได้โทรคุยกับเมียสั่งเสียก่อนตายร่วมชั่วโมง ได้เลือกอาหารมื้อสุดท้ายที่อยากกิน แถมได้ตายแบบไม่ทรมาน สภาพศพสมบูรณ์ ให้พ่อแม่นำกลับไปทำพิธีทางศาสนา

ในขณะที่เหยื่อ ต้องตายด้วยสภาพศพถูกแทง 24 แผล ตายอย่างทุรนทุราย เพราะดิ้นรนหนีความตาย ต้องหมดอนาคตที่จะได้เลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ทั้งที่เป็นนักเรียนเรียนดี เป็นนักกีฬาของโรงเรียน และควรมีอนาคตที่ยาวไกลเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ

พวกแอมเนสตี้ทั้งหลาย พวกคุณลองมีลูกชายที่ถูกฆ่าตายแบบถูกแทง 24 แผลก่อนสิ หรือมีลูกสาวที่ถูกข่มขืนฆ่าก่อนสิ ถึงค่อยเสือกออกมาเรียกร้องให้ไว้ชีวิตฆาตกรที่ฆ่าลูกของพวกคุณ

---------------------

นช. ธีรศักดิ์ หลงจิ ถูกลัดคิวตายหรือไม่

ซึ่งแม่ของนักโทษประหารรายล่าสุด เธอไม่ได้พูดคัดค้านการมีโทษประหารเลยนะ

แต่เธอสงสัยว่า

ยังมีนักโทษคดีรุนแรงกว่าลูกชายของเธออีกตั้งหลายคน (คงหมายถึงต้องโทษประหารเหมือนกัน) แต่ทำไมต้องมาประหารลูกชายของเธอก่อน ??

แม่ของ นช. กล่าวทิ้งท้ายว่า หรือเป็นเพราะครอบครัวของเรายากจน ?

นั่นสิ คำถามนี้มันก่อให้เกิดความสงสัยว่า รัฐกำลังเลือกปฏิบัติหรือเปล่า ?

ทำไมถึงประหารนักโทษรายนี้ก่อน ทั้ง ๆ ที่มีนักโทษรอประหารอยู่อีกหลายคนก่อนหน้านี้

แต่ความเป็นจริงที่ผมได้รับคำตอบมาแบบไม่เป็นทางการจากการสอบถามผู้รู้มาว่า

เป็นเพราะนักโทษรอประหารคดีสิ้นสุดก่อนหน้านี้ เป็นนักโทษที่อยู่ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ส่งเรื่องทูลเกล้า ฯ ขอพระราชทานอภัยโทษให้นักโทษประหารทุกราย แต่ทางสำนักพระราชวัง ไม่มีการตอบกลับมา เรื่องจึงค้างอยู่อย่างนั้น

และเมื่อรัชกาลที่ 9 สวรรคต ก็เลยทำให้เรื่องทูลเกล้า ฯ ขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษประหารเหล่านี้ เลยเสมือนต้องรอเรื่องที่ค้างต่อไป (เสมือนรอดการประหารไปเลย เว้นแต่มีการส่งเรื่องใหม่อีกครั้ง)

ส่วนกรณีการประหารนักโทษรายล่าสุด เป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์เพิ่งจะส่งเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 แต่เรื่องถูกส่งตีกลับมาอย่างเดิม (โดยไม่มีพระราชวินิจฉัย)
.
แปลความโดยธรรมเนียมปฏิบัติว่า กรณีนี้ไม่มีการพระราชอภัยโทษลงมา จึงยืนตามคำพิพากษาศาลดังเดิม

ผิดถูกอย่างไร กรมราชทัณฑ์จะมาแก้ไขชี้แจงได้นะครับ

--------------------

พระพุทธเจ้ากับบทลงโทษทางกฎหมาย

สมัยพระพุทธเจ้าทรงไม่แตะเรื่องบทลงโทษตามกฎหมายของบ้านเมือง

เพราะบทลงโทษทางกฎหมายเขามีกำหนดไว้อยู่ก่อนแล้ว เพื่อให้คนเกรงกลัวการกระทำผิด

แล้วถ้าใครละเมิดก็ต้องถูกลงโทษไปตามกฎหมาย เพราะมันคือ กฎกติกาของสังคม

อย่างเรื่องโทษประหารชีวิตของไทย ผมอยากเตือนสติคุณผู้อ่านทุกคนว่า

เราอย่ายินดีหรือสะใจในการประหารชีวิตนักโทษคนนั้น ๆ เพราะมันจะเป็นบาปแก่เราเอง (จงไม่ยินดีในการฆ่า)

แต่ให้เราวางใจเป็นกลาง เป็น อุเบกขา ว่า

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"



วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อย่าศรัทธาแต่พระพุทธ พระธรรม จนละทิ้งพระสงฆ์




ในช่วงเวลาหลัง ๆ มานี้ มีชาวไทยพุทธจำนวนไม่น้อยที่เริ่มเบื่อหน่ายการทำบุญกับพระสงฆ์

เหตุเพราะมีข่าวพฤติกรรมเสื่อม ๆ หลายอย่างของคนที่เข้าไปบวชเป็นพระ

หลายคนรู้สึกอยากทำบุญกับเรื่องอื่น ๆ แทน เช่น ทำบุญกับโรงพยาบาล ทำบุญกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทำทานแก่ผู้ยากไร้ หรืออะไรอื่น ๆ มากกว่าจะไปทำบุญกับพระสงฆ์

วันนี้ผมเลยอยากเขียนบทความนี้ขึ้น แต่ก่อนอื่นขอเล่าประวัติพุทธศาสนาในประเทศไทยโดยสังเขปก่อน

----------------

การเผยแผ่พุทธศาสนาในประเทศไทย

ไทยเราได้รับพุทธศาสนามาจากลังกา หรือ ศรีลังกา โดยพระเถระจากลังกาได้เข้ามาเผยแผ่พุทธศาสนาในอาณาจักรศรีวิชัยก่อน (ปัจจุบันคือจังหวัดนครศรีธรรมราช)

ต่อมาในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ได้สดับถึงกิตติศัพท์ของพระเถระลังกาว่า "น่าเลื่อมใส" จึงได้เชิญพระเถระลังกาที่เผยแพร่ธรรมอยู่ที่นครศรีธรรมราช ให้มาเผยแผ่พุทธศาสนาสู่อาณาจักรสุโขทัย

พุทธศาสนาจึงเริ่มเจริญรุ่งเรืองในสยามประเทศ นับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

ดังนั้นเราจึงเรียกศาสนาพุทธนิกายเถรวาทในไทยว่า ลังกาวงศ์

จนเมื่อช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของคนไทย ขณะที่ลังกาในเวลานั้น ศาสนาพุทธในศรีลังกาได้ตกต่ำลงมาก จนไม่เหลือพระภิกษุในลังกาเลยสักรูป เหลือเพียงสามเณรเท่านั้น

เหตุที่พุทธศาสนาในศรีลังกาตกต่ำลง ก็เพราะมีปัญหาสงครามจากต่างชนเผ่า และปัญหาจากพวกต่างศาสนามารุกราน


จนเมื่อภาวะสงครามในลังกาทุเลาลง กษัตริย์ลังกาในยุคนั้น จึงได้ส่งคณะราชทูตมากรุงศรีอยุธยาในสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อขอให้ไทยช่วยส่งสมณทูตภิกษุไทยไปฟื้นฟูพุทธศาสนาในศรีลังกา

กรุงศรีอยุธยาจึงได้ส่งพระอุบาลี แห่งวัดธรรมาราม อยุธยา ไปฟื้นฟูพุทธศาสนาให้ศรีลังกาจนรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน

ดังนั้นพุทธศาสนานิกายเถรวาทของศรีลังกาในปัจจุบันนี้ จึงมีชื่อเรียกว่า สยามวงศ์ ซึ่งมีที่มาจากการที่สยามประเทศส่งพระภิกษุมาช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาให้ศรีลังกา

อ่านเรื่องพระอุบาลีและสยามนิกายโดยละเอียดได้ที่ https://bit.ly/2rluQqw



เราจึงเห็นได้ว่า พระสงฆ์ จึงเป็นเสาหลักค้ำยันพระพุทธศาสนาที่สำคัญมาก เพราะศาสนาพุทธที่เจริญรุ่งเรืองและเผยแผ่มาถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีช่วยเผยแผ่

หากใครเลือกจะไม่นับถือพระสงฆ์ หรือเลือกจะไม่ทำบุญกับพระสงฆ์ จัดเป็นมิจฉาทิฏฐิ อย่างหนึ่ง และเป็นสีลลัพพตปรามาส (ความหลงผิด) อย่างหนึ่ง

ซึ่งจะเป็นเหตุขัดขวางการสำเร็จโสดาบันได้เลย ซึ่งถือเป็นอันตรายมากสำหรับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น พุทธศาสนิกชน

ต่อให้เราไปตักบาตรกับพระปลอม หรือทำบุญกับพระทุศีล

หากเราไม่รู้ว่า พระรูปนี้ท่านทุศีล หรือแม้กระทั่งเราไปตักบาตรให้คนที่ปลอมเป็นพระ โดยที่เราไม่รู้ แต่เราก็ยังได้กุศลจากการตักบาตรเต็มเปี่ยมเหมือนทำบุญกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นกัน

เหตุพราะบุญกุศลนั้นสำเร็จได้ด้วยใจเป็นหลัก โดยมีกายเป็นรองคอยสนับสนุน

ซึ่งถ้าใครตั้งข้อรังเกียจการทำบุญกับพระสงฆ์แบบเหมารวม ว่า พระเดี๋ยวนี้หาดียาก จนหยุดบำรุงดูแลพระภิกษุตามสมควร

นั่นถือว่า เป็นแนวคิดที่ทำลายพุทธศาสนาได้เลย

----------------------

ข้อคิดเรื่อง "พระไม่ดี" จาก หลวงปู่ชา สุภัทโธ 

โยม : หลวงปู่ครับ ผมจะขอนับถือแค่ พระพุทธ กับ พระธรรมนะครับ เพราะพระสงฆ์ทุกวันนี้ มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย ผมว่าพระแท้ ๆ หมดแล้วจากพุทธศาสนาไปแล้ว !!!

หลวงปู่ : ถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่า โยมก็ไม่นับถือ อาตมาด้วยสิ

โยม : เปล่าครับ ๆ หลวงปู่ ผมยังเคารพศรัทธาหลวงปู่เหมือนเดิม

หลวงปู่ : อ้าว ! ไหนว่าไม่นับ ถือพระสงฆ์ไงล่ะ

โยม : เว้นหลวงปู่สิครับ

หลวงปู่ : เว้นหลวงปู่ก็แสดง ว่า หลวงปู่ก็ไม่ใช่พระสงฆ์สิ

โยม : (ทำหน้าเหมือนคิดหนัก)......

หลวงปู่ : โยม ! เวลาเขาหาเอาทองคำนั้น เขาไปหามาจากที่ไหน

โยม : ไปขุดดินแล้วร่อนแยกเอาทองมาครับ

หลวงปู่ : ดินมากหรือทองมาก

โยม : ดินมากครับผม ร่อนจากดินมาก ได้ทองแค่นิดเดียว

หลวงปู่ : มันก็เหมือนพระสงฆ์นั่นแหละ พระสงฆ์ก็ร่อนมาจากลูกชาวบ้าน ลูกสมมติ พระสงฆ์ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์แล้วมาบวชเมื่อไหร่

มันก็มีดีบ้างเสียบ้าง จะให้ดีหมด มันก็ทำไม่ได้ ...จะให้มันเสีย หมดก็ทำไม่ได้ ...

ส่วนที่มันเป็นดินก็ อย่าเอา.....

ให้เอาส่วนที่มันเป็นทองสิ ....

ถ้าเชื่อหลวงปู่ ... ถ้าเคารพหลวงปู่ ก็จงเชื่อว่า ...
พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีมากมาย อย่าเหมาพระว่าไม่ดีทั้งหมด

ขนาดคุณ ยังมีข้อเสีย จะให้ดีทั้งหมดทั้งโลกก็ไม่ได้

พระรัตนตรัย เหมือนไม้สามลำค้ำกันไว้ เอาออกอันหนึ่งมันก็ล้ม จำไว้ ....

พระ ก็คือนักเรียน

ผู้เป็นอริยะ คือ ผู้สอบผ่าน

ผู้ประพฤติไม่เหมาะสม คือ ผู้สอบตก

ให้สงสารคนสอบตก อย่าไปเกลียดคนสอบตก เพราะไม่มีใครอยากจะสอบตก เข้าใจนะ !

--------

สรุปท้ายบทความ

ดังนั้น พวกเราชาวพุทธมีหน้าที่ต้องบำรุงพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ จึงควรบำรุงพระสงฆ์ตามสมควร

แต่ต้องเป็นการบำรุงพระสงฆ์อย่างมีสติและปัญญา ไม่ใช่นึกแต่แค่ทำบุญหวังผลบุญด้วยความโลภ ซึ่งนั่นจะเป็นการทำร้ายพระสงฆ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้

แนะนำคลิกอ่าน อย่าทำบุญพระจนเกินความพอดีของการเป็นภิกษุ



วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ทัศนคติผู้หญิงจำนวนมากส่งเสริมให้ผู้ชายผิดศีล





ผู้หญิงจำนวนมากชอบผู้ชายเจ้าชู้ อ้างว่า ผู้ชายเจ้าชู้มักมีเสน่ห์

แต่พอแต่งงานอยู่กินกันไป ผู้หญิงก็มานั่งทุกข์ นั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าเอง ที่สามีไปมีกิ๊ก ไปมีเมียน้อย

บางรายแย่กว่านั้น พอสามีมีกิ๊ก ตัวเองเสียใจ เหงา พอไปเจอผู้ชายเลว ๆ ที่แสร้งมาทำดีด้วย ตัวเองเลยมีชู้บ้างซะเลย ก็เลยพากันลงนรกกันทั้งผัวทั้งเมีย ทั้งชู้ ทั้งกิ๊ก เวียนว่ายตายเกิดในบาปกรรมลิขิตไม่จบสิ้น



กิเลสตัณหา ยามเมื่อเกิดขึ้นกับใคร มันเป็นเรื่องยากนักที่จะระงับใจได้ ยิ่งถ้าพบเจอคนที่ถูกใจกันมาหลายภพหลายชาติ ก็ยิ่งยากเกินกว่าจะหักห้ามใจ

แต่หากความถูกใจนั้นเป็นการละเมิดศีลธรรม ก็ต้องรู้จักหักห้ามใจให้ได้

เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์ประเสริฐ ที่ต้องมีหิริโอตับปะ คือ ความละอายเกรงกลัวต่อบาป หากคนเราไม่สามารถระงับยับยั้งใจในสิ่งที่ผิดศีลธรรมได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานตัวนึง

-----------------------

ผู้หญิงจำนวนมากยอมรับผู้ชายสูบบุหรี่ กินเหล้าได้ เพราะดูแมนดี

แล้วพอแต่งงานอยู่กินกันไป สามีขับรถไปกินเหล้ากับเพื่อน ก็มานั่งทุกข์ นอนไม่หลับ เพราะคอยเป็นห่วงความปลอดภัยของสามี

หลายรายแย่กว่านั้น สามีตายเพราะตับแข็ง แถมเมียยังมีส่วนซื้อเหล้าให้ผัวกินมาตลอดด้วย (สามีช่วยให้เมียร่วมผิดศีลข้อ 5 จัดหาสุรามาประเคนเอาใจสามี)

แถมบางราย ลูกดันโตขึ้นมาติดเหล้า ติดบุหรี่เหมือนพ่อ และตายเหมือนพ่อ (เคยมีกรณีเพื่อนผมเอง)

แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ สามีตายจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ นี่แหละ ตายไปแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ลูกเมีย พ่อแม่ ทำใจไม่ได้ รับไม่ได้ที่คนที่เขารักจากไปอย่างกะทันหัน



ลูกบางคนเกิดมาเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดจากผลของควันบุหรี่มือสองของพ่อก็มี

แถมควันบุหรี่ช่วยเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น

ผู้หญิงจำนวนมากได้โชค 2 ชั้น คือได้สามีทั้งกินเหล้า ทั้งเจ้าชู้ แถมสามียังเอาตำแหน่งเมียหลวงมาฝากให้ใช้อีกด้วย

นี่คือตัวอย่างของคำว่า พวกศีลเสื่อมเสมอกัน มักจะมาได้กัน เพราะตอนไปเจอผู้ชายดี ๆ ดันบอกเลิกเขาด้วยเหตุผลว่า เธอดีเกินไป (น่าเบื่อ)

ทั้งหมดนี้ คือ ทุกข์ที่เกิดจากมิจฉาทิฏฐิของผู้หญิงเองแท้ ๆ

----------------

การรักษาศีลห้าคือบารมีขั้นพื้นฐานของการนำไปสู่หนทางแห่งอริยมรรค คือ นิพพาน

ที่ผมเขียนเล่ามาทั้งหมด ไม่ได้บอกว่า ผู้ชายติดเหล้า หรือผู้ชายติดบุหรี่ เป็นคนไม่ดีนะ อันนี้ขอให้แยกแยะ

แต่อบายมุขทั้งหลาย มันเป็นเหตุพาให้ชีวิตตัวเองและครอบครัวเสื่อมลงได้ โดยเฉพาะการรักษาศีล 5 เป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของการได้เกิดเป็นมนุษย์

หากคนเราไม่สามารถรักษาศีล 5 ไว้ได้ โอกาสตกในนรกภูมิและอบายภูมิจึงมีสูง จนยากที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างบารมีเพื่อความหลุดพ้นได้ง่าย ๆ อีกครั้ง

---------

ผู้หญิงเปลี่ยนแปลงโลกได้ยิ่งกว่าผู้ชายนะ ถ้าตั้งใจแน่วแน่

มีดาราหญิงคนนึง ที่ผมชื่นชมมากนั่นคือ คุณกมลชนก เขมะโยธิน หรือ อดีตก็คือ คุณกมลชนก โกมลฐิติ นางเอกละครชื่อดังในอดีต

เมื่อครั้งที่คุณกมลชนก เป็นแฟนกับคุณน็อต นุติ เขมะโยธิน สิ่งหนึ่งที่เธอยื่นคำขาดต่อคุณน๊อต ก็คือ ถ้าคุณน็อตไม่เลิกสูบบุหรี่ เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับคุณน๊อต เด็ดขาด

คุณกมลชนก เป็นผู้หญิงไทยที่ใจเด็ดมาก ๆ ที่กล้าประกาศเช่นนั้นกับคนรัก แต่มันคือเจตนาที่ดีต่อคุณน๊อตเอง และมันก็จะดีต่อครอบครัวของพวกเขาในอนาคตด้วย

จากกรณีคุณกมลชนก ที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างนี้ ก็เพื่อจะบอกคุณผู้อ่านว่า

ผู้หญิงที่ดีต้องช่วยกันนำพาชีวิตของผู้ชายที่เธอรักให้ดีขึ้นในทุกด้าน

ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าผู้ชายคนใดรักผู้หญิงที่เขารักจริง ๆ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟขึ้นเขาลงห้วย เสี่ยงภยันอันตรายสักแค่ไหน ผู้ชายที่มีรักแท้เขาจะทำเพื่อผู้หญิงที่เขารักได้เสมอ

กะอีแค่เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ หรือแม้กระทั่งเลิกเจ้าชู้ หากมีความตั้งใจจริงและรักผู้หญิงของเขาจริง ๆ ผู้ชายทุกคนย่อมทำได้แน่นอนครับ

ถ้าผู้ชายทำไม่ได้ คุณผู้หญิงต้องเด็ดขาด แล้วคุณก็จะได้ผู้ชายดี ๆ ที่ดีจริง ๆ รักคุณจริง ๆ

ผู้หญิงคือเพศแม่ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้

ลองนึกดูนะว่า ถ้าผู้หญิงตั้งปณิธานไว้ว่า จะไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้ขายดื่มเหล้า

ประเทศชาติสังคมไทยจะดีขึ้นขนาดไหน !!

คลิกอ่าน เหตุผลที่ไม่อาจตัดใจจากคนที่ทำให้เราเจ็บได้





ผู้ติดตาม