วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สงครามของเหล่าภรรยา 69.1 + 69.2

atsuhime 69.1 (+ 69.2)


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 69

Photobucket
รูปเจ้าหญิงอัตสึ ที่เด็กญี่ปุ่นวาด


เมื่อถึงรุ่งเช้า อิคุชิมะก็รีบมาถามถึงเหตุการณ์เมื่อคืนกับท่านหญิงอัตสึทันที

อิคุชิมะ "ไม่คิดอยากจะมีลูกเหรอ? ท่านพูดอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ?" / "ใช่!..แล้วว่ามีลูกไม่ได้ด้วย"

"ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องลังเลแล้วเรื่องท่านโยชิโนบุ!..ขอโทษที่เสียมารยาทเจ้าค่ะ"
(เสียมารยาทที่ใช้น้ำเสียงเหมือนมาสั่งท่านมิได)

"เจ้าอย่าพึ่งจริงจังเกินไป นั่นอาจจะเป็นอุบายโกหกหลอกข้าก็ได้" / "แต่ว่าอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้!"

.
"อาจจะโกหกน่ะ!" น้ำเสียงท่านหญิงชักเริ่มแข็ง
.
การที่ท่านหญิงยังไม่อยากพูดเรื่องท่านโยชิโนบุในช่วงนี้ เพราะหากยังคงคาใจบางเรื่องอยู่ ท่านหญิงก็ยังไม่อยากเดินหน้าตามแผนต่อ อีกทั้งการมีลูกได้ด้วยตัวเอง ย่อมต้องดีกว่าแน่นอน!
.
(ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะใช้เหตุผลตัดสิน แต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้้นเองของหญิงที่เป็นภรรยาต่างหาก!)
.
เห็นท่านหญิงมีน้ำเสียงแบบนั้น อิคุชิมะจึงจำต้องอธิบาย

"ที่ตำหนักในเนี่ย! เป็นที่ที่เต็มไปด้วยเหล่าคนที่เกลียดชังท่านมิโตะ และเกลียดชังท่านนาริอาคิระนะเจ้าคะ แม้แต่ท่านฮงจูอินเอง ก็เป็นตัวตั้งตัวตีอยู่แถวหน้าคอยกีดกันท่านมิโตะอย่างชัดเจนด้วยนะเจ้าคะ!"

.
"เป็นอย่างนั้นเหรอ?"

"เรื่องทายาทสืบทอดอำนาจก็เช่นกัน สำหรับพวกเราที่จะสนับสนุนท่านโยชิโนบุสายของท่านมิโตะนั้น จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับมาอยู่ในฐานของศัตรู หากพวกเราไม่พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ สิ่งที่พวกเราปรารถนา ก็จะไม่สำเร็จนะเจ้าคะ!"

"อย่าง..นั้น..เองเหรอ?"
เมื่อท่านหญิงได้ฟังอิคุชิมะอธิบายย้ำเตือนถึงหน้าที่และอุปสรรคที่มีแล้ว ก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งลงอย่างเศร้าๆ

เพราะอิคุชิมะอ่านใจท่านหญิงออก จึงพูดว่า "ส่วนเรื่องมีทายาทของท่านคุโบนั่นน่ะ ที่ว่าท่านไม่สามารถมีลูกได้ เป็นไปอย่างที่พูดแบบนั้นจริงๆ หรือว่า..ท่านไม่ยอมให้กำเนิดลูกกันแน่เจ้าคะ?"

"ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน.."

ท่านหญิงอัตสึเองคงยังไมรู้ตัวว่า ความรู้สึกของการเป็นภรรยาได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว!

และนี่แหล่ะ!คือสิ่งที่อิคุชิมะห่วงกังวลมาตลอด..

--------------------------

ในวันนั้น ท่านอิคุชิมะก็ได้แอบเขียนจดหมายเล่าเรื่องของท่านหญิงอัตสึ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายในตำหนักใน แล้วแอบส่งไปให้โอโนะชิมะ(คนสวย)ที่อยู่ที่จวนของสัทสุมะในเอโดะ

ซึ่งหลังจากโอโนะชิมะรับจดหมายดังกล่าวแล้ว ก็เรียกท่านไซโกมารับจดหมายเพื่อส่งให้ต่อท่านนาริอาคิระอีก

ไซโก "ทางนั้นน่ะ ท่าทางเป็นยังไงบ้างรึขอรับ?"

โอโนะชิมะ "ในจดหมายที่เขียนมาถึงข้านั้น บอกในทำนองว่า อาจจะมีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างน่ะสิ"

"หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?"

"ข้าก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้หรอก หากว่ามีเรื่องอะไร เดี๋ยวนายท่านก็คงบอกท่านเองแหล่ะ"

.
"เข้าใจแล้วขอรับ!"


----------------------------

atsuhime 69.2


หลังจากที่ท่านนาริอาคิระได้รับจดหมายจากอิคุชิมะแล้ว ท่านก็เรียกท่านไซโกมาสั่งการ

"ไซโก ที่ตำหนักในมีอันตรายมากกว่าที่่คิดนัก อาจจะจำเป็นต้องขอให้ทางโน้นทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม!" / "ขอรับ!"

หลังจากนั้น ท่านนาริอาคิระก็เอาเรื่องที่่ได้รับรายงานจากในโอโอขุมาปรึกษากับพวกท่านมิโตะ ท่านอาเบะ และท่านมุเนะนาริ

ท่านนาริอาคิระ "เรื่องที่ท่านคุโบจะมีลูกได้หรือไม่ได้นั้น! ก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องที่คิดจะไม่มีทายาทเพื่อสืบทอดอำนาจ!"

ท่านมุเนะนาริ "ถ้าอย่างงั้น!เราก็ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว สนับสนุนท่านโยชิโนบุขึ้นมาเลยดีกว่า"

แต่ปัญหาที่ท่านนาริอาคิระหนักใจก็ยังมีอีก นั่นก็คือฝ่ายท่านอี นาโอสุเกะรวมทั้งท่านฮงจูอิน ก็คิดสนับสนุนท่านโยชิโตมิแห่งคิชู(คิอิโทกุกาวะ โยชิโตมิ)ขึ้นเป็นทายาทเช่นกัน

ท่านมิโตะโทกุกาวะ นาริอากิ "และยิ่งไปกว่านั้นพวกนั้นยิ่งเกลียดข้ามากเสียด้วยสิ เพราะข้าชอบติติงพวกผู้หญิงที่่นั่นว่าชอบสุรุ่ยสุร่ายไม่รู้จักประหยัด!"

ในขณะที่ประชุมกันอยู่นั้น ท่านที่ปรึกษาอาเบะมีอาการป่วยจนเห็นได้ชัด ทำให้ทุกคนเริ่มเป็นห่วง

ท่านอาเบะ "หากขืนยังเป็นแบบนี้ เราก็คงต้องหวังพึ่่งการทำงานของท่านมิไดซะแล้วล่ะนะ"

ท่านนาริอากิ "ที่ว่ามีลูกไม่ได้เนี่ย ช่างน่าสงสารท่านหญิงมากเลยนะ"

ท่านนาริอาคิระ "ตั้งแต่ตอนแรก เรื่องการเข้าไปในโอโอขุเพื่อสนับสนุนท่านโยชิโนบุนั้น เจ้าตัวเองก็เข้าใจหน้าที่นี้ดีอยู่ก่อนแล้ว คงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรมากหรอกขอรับ"

---------------------

ส่วนท่านหญิงตอนนี้ แม้มือกำลังเขี่ยตุ๊กตาหนูส่ายหัวเล่น แต่ใจของท่านหญิงกลับยังคงวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องเมื่่อคืนก่อน ในคำพูดของท่านคุโบที่ว่า "ข้ามีลูกไม่ได้หรอกนะ และก็ไม่คิดจะมีด้วย!"

สายตาของท่านคุโบที่พูดในคืนนั้น ช่างมีแววตาที่แฝงความจริงจังเหมือนที่ในสวนเมื่อหลายวันก่อน..

วันนี้ท่านมิไดมีอาการเซื่องซึมและเหม่อๆอยู่ตลอดเวลา จนฮัทสึเสะสังเกตเห็นและแอบกระซิบบอกอิคุชิมะ ทำให้อิคุชิมะก็เลยเข้าไปชวนท่านมิไดออกไปเดินเล่นในสวน ซึ่งในวันนี้อากาศดีมาก

เมื่อได้ออกมาเดินเล่นในสวนแล้ว อิคุชิมะก็พยายามชวนท่านมิไดให้ชมความงามของดอกซากุระที่กำลังเริ่มแข่งกันบานในต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็ไม่ทำให้สีหน้าท่านมิไดดูดีขึ้นเลย


จนกระทั่งท่านมิไดเดินไปเห็นโอชิงะกำลังเพลิดเพลินกับการเก็บดอกไม้ในสวน เมื่อท่านมิไดเห็นโอชิงะ จึงเปรยขึ้นว่า

"โอชิงะล่ะ ทำไมท่าทางมีความสุขได้แบบนั้นนะ?"

อิคุชิมะ "ท่านมิได!เจ้าคะ" / ฮัทสึเสะ "ท่านมิไดเราไปทางอื่นต่อดีกว่านะเจ้าคะ"

แต่ท่านหญิงก็ยังคงมองโอชิงะอย่างสนใจ! และสงสัย? "เดี๋ยวสักพัก ช่วยเรียกนางให้ไปที่ห้องของข้าด้วยนะ"

"เมื่อกี้ ว่ายังไงนะเจ้าคะ?" / "ไปบอกให้นางไปหาข้าที่ห้องด้วย"

"ไม่ได้นะเจ้าคะ! เรียกไปที่ห้องไม่ได้!" / "ก็ข้าอยากจะคุยกับเขานี่นา แค่เพียงสองคน"

"ยิ่งเรียกไม่ได้ใหญ่เลย!เจ้าค่ะ" / "ไปบอกว่าข้าจะคอยอยู่ที่ห้อง เข้าใจนะ!"


ท่านมิไดจริงจังกับคำสั่ง!นี้มาก ทำให้อิคุชิมะเองก็ไม่กล้าจะขัดได้



.
--------------------------------

แล้วโอชิงะก็ได้ไปพบท่านมิไดตามคำสั่ง..
.
.
.
.
.
.

สงครามของเหล่าภรรยา 69

atsuhime 69


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 68



หลังจากท่านคุโบสวดมนตร์เสร็จ ก็ลุกขึ้นจะกลับทันที แต่ท่านหญิงอัตสึรีบเรียกไว้ "ท่านคุโบ!"

ท่านคุโบหันหลังกลับมาถามว่า "เมื่อกี้มีใครเรียกข้าเหรอ" / "มีเรื่องจะขอร้องเจ้าค่ะ" / "ก็ว่ามาสิ"

"คือว่าคืนนี้น่ะเจ้าค่ะ" / "คืนนี้เหรอ?"

"ขอให้ท่านแวะมาหาข้าได้มั้ยเจ้าคะ!?"

พอสิ้นประโยคนี้ ท่านฮงจูอิน อุตะฮะชิ และอิคุชิมะ รวมถึงทุกคนในห้อง ทั้งโอชิงะด้วย ต่างตกอกตกใจเหมือนประหนึ่งเห็นผี!



"คืนนี้ยังงั้นเหรอ?" / "คืนนี้เจ้าค่ะ!!" / "คืนนี้น่ะเหรอ?..คืนนี้เหรอ?.."

"ยังไงก็ขอร้องเถิดนะเจ้าคะ!"

ท่านคุโบเดินคอเอียงท่องประโยค"คืนนี้เหรอ?" ซ้ำๆจนออกจากห้องไป...


ส่วนท่านฮงจูอินก็ถึงกับบ่นอย่างระเหี่ยใจว่า "นี่เราพยายามไปเพื่ออะไรกันเนี่ย?"

การออกปากเชื้อเชิญผู้ชายให้ไปเยือนห้องหอ ใครๆเขาไม่ทำกันหรอกนะท่านหญิง!?

-------------------

แต่คำร้องขอของท่านหญิงอัตสึดูเหมือนจะได้ผล เพราะนางกำนัลตำหนักกลางแจ้งมาว่าท่านคุโบจะมาหาท่านมิไดในคืนนี้ ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นดีใจให้กับท่านฮงจูอินอย่างมาก และท่านฮงจูอินก็ถือโอกาสตู่ว่า ที่สำเร็จได้เพราะผลงานของพวกท่านที่ช่วยกันแปลงโฉมใหม่ให้ท่านหญิงแน่ๆ

ส่วนทาคิยามะซึ่งกำลังสูบยาเส้นอยู่นั้น ก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน

-----------------

ขณะท่านมิไดแต่งผมเสร็จ ก่อนจะถึงเวลาที่ท่านคุโบมา ท่านหญิงเอ่ยกับอิคุชิมะอีกว่า

"เขาแสร้างทำเป็นสติไม่สมประกอบหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วเพราะเหตุผลอะไร? คราวนี้แหล่ะข้าต้องพิสูจน์ให้ได้!"

แม้อิคุชิมะพยายามจะเตือนว่าเป้าหมายของท่านหญิงไม่ใช่เรื่องนี้ แต่ท่านหญิงรีบตัดบท ออกเดินทางไปห้องหอทันที

----------------

ในที่สุดเสียงกระดิ่งก็ส่งสัญญาณว่าท่านคุโบกำลังจะมา ท่านหญิงอัตสึรออยู่แล้ว แต่คราวนี้แววตาท่านหญิงมุ่งมั่นมาก และเมื่อท่านคุโบมาถึง ทุกอย่างก็เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติเหมือนเดิม คือมีคนกั้นฉากและนั่งอยู่หลังฉากนั้น

"ท่านพี่เจ้าคะ ที่คืนนี้ท่านพี่รับฟังคำขอร้องของข้าน่ะ ขอขอบพระคุณมากจริงๆเจ้าค่ะ"



"อะไรกัน..ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะมาด้วยเรื่องอื่นต่างหากล่ะ นี่ไง!นี่ไง!" / "ว้าย!!"

ท่านคุโบโยนตุ๊กตาหนูส่ายหัวหลายตัวใส่ท่านหญิง จนท่านหญิงตกใจ!มากมาย



"อย่ามัวแต่วี้ดว้ายสิ ดูโน่นสิ ดูดิ!" ที่ท่านคุโบบอกให้ดู เพื่อให้รู้ว่านั่นมันของปลอมต่างหากเล่า

.
"นึกว่าจะตายเสียแล้ว!" / "อะไรนะ!" / "เปล่าๆเจ้าค่ะ"


แล้วท่านคุโบก็เข้าเรื่อง นั่นก็คือ ท่านอยากจะให้ท่านหญิงเล่าเรื่องนั้นต่ออีก? ก็เรื่องหนู2ตัวไงล่ะ!

"ตามใจท่านพี่เถอะเจ้าค่ะ แต่ว่าก่อนจะคุยกันน่ะ ขอให้คนอื่นออกไปกันก่อนได้มั้ยเจ้าคะ?" / "ให้ออกไป ทำไมล่ะ?"

"ก็เรื่องหนูที่เราจะคุยกันน่ะ ข้ารู้สึกอายมาก คงคุยต่อไม่ได้หรอก ถ้ายังมีคนอื่นอยู่ที่นี่น่ะเจ้าค่ะ" / "งั้นเหรอ?"

หลังจากนั้นท่านคุโบก็สั่งให้คนอื่นๆที่หลังฉากนั่น ให้ออกไปให้หมด(แต่ไม่ค่อยจะยอมออกกันเลย) จึงต้องย้ำ!ว่า "นี่เป็นคำสั่งของข้านะ!" เท่านั้นแหล่ะถึงได้อยู่กัน2ต่อ2สักที

"เอาล่ะ เล่ามาสิ สิ!"

แต่ท่านหญิงก็ไม่ยอมเล่าง่ายๆเพราะ

"
"แต่ว่าก่อนที่จะเล่าเรื่องนั้น" / "อะไรอีกเล่า?" / "มีเรื่องนึงที่ข้าอยากรู้"

"ทำไมเจ้าคะ ทำไมท่านพี่ต้องแสร้งทำเป็นสติไม่สมประกอบด้วย?"
สายตาท่านหญิงแสดงออกถึงความจริงใจ เพื่อขอร้องให้ท่านคุโบยอมเปิดใจ

ท่านคุโบนิ่งอึ้ง!อยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะตอบว่า "ข้าก็ไม่ได้สติไม่สมประกอบสักหน่อยนึงนี่"

"ข้ารู้เจ้าค่ะ หากสติไม่สมประกอบจริงๆก็ไม่ต้องแสร้งทำ แต่เพราะท่านพี่ไม่ได้เป็น! ก็เลยจำเป็นต้องแสร้งทำใช่มั้ยเจ้าคะ?"

"พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรืองเลย! แล้วเมื่อไหร่จะคุยเรื่องหนูสักที!"

"ก่อนจะคุยถึงเรื่องหนูต้องคุยถึงเรื่องเป็ด!ก่อนเจ้าค่ะ!" / "เรื่องเป็ดอะไรเหรอ?"

"เมื่อวันก่อนตอนที่ไล่ตามเป็ดในสวนไง ข้ามองเห็นสายตาจริงจังของท่านแล้ว เพราะว่า!สายตาแบบนั้นถึงทำให้ข้าแน่ใจมากขึ้น ว่าที่จริงแล้วท่านพี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น!"

"โอ้ว โย่ว โหยว.." ท่านคุโบพยายามจะทำตลกใส่ "หน้าแ

แต่ไม่ทันท่านหญิง เพราะท่านหญิงพุดว่า "ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะที่จะทำท่าแบบนั้น เพราะว่าข้าเห็นด้วยสายตาของข้าเองเลย!"
.

ท่านคุโบนิ่งอีกครั้ง..
..
"โอ..ใช่แล้ว..ข้าเป็นปกติ!..เมื่อกี้!ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?"


เมื่อท่านหญิงเห็นท่านคุโบยังไม่ยอมเปิดใจให้ จึงนำมือจรดเป็นรูป3เหลี่ยมที่พื้น(ท่าเตรียมเคารพ)พร้อมกับกล่าวด้วยสายตาและน้ำเสียงที่จริงจังอย่างจริงใจ

"ท่านพี่..ข้าน่ะ! เป็นภรรยาของท่านพี่แล้วนะเจ้าคะ" / "ข้ารู้แล้ว ก็เจอกันตอนแต่งงานแล้วไง"

"แล้วกับข้าที่เป็นภรรยาของท่าน ท่านก็ยังแสดงท่าทางหลอกข้าด้วยอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ!? ให้ข้าได้เห็นใบหน้าและสายตาแบบที่แท้จริงๆไม่ได้เหรอเจ้าคะ?"

"ใบหน้าที่แท้จริงเหรอ? มันเป็นหน้าแบบไหนเหรอ?" / "ก็ใบหน้า..ที่ข้าเคยเห็นเมื่อตอนนั้นไงล่ะเจ้าคะ!"

"ใช่หน้าตาแบบนี้เหรอเปล่าล่ะ?"แล้วท่านโชกุน ก็แสดงหน้าตาตลกหลายแบบให้ท่านหญิงลองเลือก "หรือว่าหน้าแบบนี้?"



ท่านหญิงชักงอน!ล่ะสิ แต่ท่านคุโบสิ!แน่กว่า! "ข้าเหนื่อยละ นอนเถอะ"

พูดจบท่านคุโบก็ล้มลงนอนหันไปอีกทาง "พอตกกลางคืนทีไรก็ง่วงทุกที"

"ท่านพี่!" / "จริงสิ! แล้วหนู2ตัวผัวเมียนั่นมีลูกด้วยเหรอเปล่า?"

"เอ่อ..เจ้าค่ะ!..มีประมาณ10ตัว!"

แล้วท่านคุโบก็หันกลับมา "แต่ว่าข้ามีลูกไม่ได้หรอกนะ!" / "เอ๋?"



"แล้วก็ไม่คิด..อยากจะมีแม้แต่คนเดียว!" สายตาตลกๆของท่านคุโบพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ แม้สายตาท่านจะยิ้ม แต่กลับแฝงความจริงจังที่มีน้ำหนัก! จนน่าตกใจ!

"เจ้าก็นอนซะเถอะ" ท่านคุโบหันหลังกลับไป


"ท่านพี่! ท่านพี่!.."

ไม่มีเสียงตอบของท่านคุโบอีก คราวนี้ท่านหญิงกลับถูกปล่อยให้นั่งงง!อยู่คนเดียว

"มีลูก?..ไม่ได้เหรอ?.."
.
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 69.1
.
.

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สงครามของเหล่าภรรยา 68

atsuhime 68


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 67



รูปวาดเจ้าหญิงอัตสึ ที่เด็กญี่ปุ่นวาด


สมัยอัตสึ เรียก"โอ"นำหน้าชื่อผู้หญิง ส่วนในสมัยก่อน คนไทยเราก็เรียก"แม่"นำหน้าชื่อผู้หญิงเช่นกัน

----------------------


ส่วนวงสนทนาของ4ผู้อาวุโสในโอโอขุก็ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อหาหนทางทำให้ท่านคุโบอิเอซาดะรู้สึกอยากจะแวะไปหาท่านมิไดให้ได้ แล้วท่านฮงจูอินก็ปิ๊ง!ไอเดีย เสนอถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงทรงผมของท่านมิไดใหม่ เพราะท่านฮงจูอินเห็นว่าทรงที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่เห็นจะเหมาะกับท่านมิไดเอาซะเลยสิ

อุตะฮะชิ วิจารณ์ทรงผมปัจจุบันของท่านมิไดว่า "ดูเป็นคุณหนูมากไปหน่อยนะ" / ทาคิยามะ "เพราะทรงนี้เป็นทรงที่ธิดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ชอบทำกัน"

แล้วทั้งสามคนก็มีการเลือกทรงผมต่างๆขึ้นมาถกกัน เพื่อหาทรงที่เหมาะกับท่านหญิงมากที่สุด (ทุกครั้งที่เสนอทรงใดขึ้นมา แต่ละคนจะจินตนาการทรงผมในแต่ละทรงด้วยการมองขึ้นไปบนเพดานทุกครั้ง ฮาดีจัง!)

ท่านฮงจูอิน "แล้วทรงโอะสึเบระคาชิล่ะเป็นยังไง?" (ทุกคนแหงนมองบนเพดาน แต่ทรงแรกก็ไม่ปิ๊ง!)
(สีหน้าatsu""ในจินตนาการ )

อุตะฮะชิ "แล้วทรงเนะโดริซาเกะล่ะเป็นยังไง?" (ทุกคนจึงแหงนมองบนเพดานอีก แต่ทรงนี้ก็ไม่ปิ๊ง!อีกเช่นเดิม )
(atsu"")

ท่านฮงจูอิน "แล้วทรงเนะบุโตะชิมะดะล่ะเป็นไง?" / อิคุชิมะ "นั่นมันทรงเด็กเล็กๆนี่เจ้าคะ!"

อุตะฮะชิ "หรือจะเป็นทรงซาเกะอาเกะ ล่ะ?" / ท่านฮงจูอินเกือบจะแหงนหน้าขึ้นแล้ว แต่ "นั่นมันทรงของคนมีลูกแล้ว!ไม่ใช่เหรอไง? ยังไม่ทันมีทายาท เดี๋ยวก็เป็นลางไม่ได้หรอก" / "ขอโทษนะเจ้าคะ"

ทาคิยามะลองเสนอบ้าง "แล้วโอโมะตะไคชิล่ะเจ้าคะ?" / "โอมะตาไคชิ!" / "โอมะตะไคชิ!" / "โอมะตะไคชิ!?" (แล้วทุกคนก็มองขึ้นบนเพดานอีกครั้ง แต่คราวนี้จินตนาการปิ๊ง!กันทุกคน )


(atsu "")

ในที่สุดทุกคนก็มีมติเป็นเอกฉันท์ เพราะต่างเห็นด้วยกับทรงโอโมะตะไคชินี้เหมาะกับท่านหญิงที่สุด ทุกคนก็เลยเฮฮากันยกใหญ่ ความหวังเรื่องทายาทโชกุนเริ่มมีแววบรรเจิดแล้วสินะ!

(ทรงโอมะตะไคชิ เป็นทรงผมของหญิงที่มีตำแหน่งสูงสุดในโอโอขุ และให้หญิงที่เป็นภรรยาของโชกุน ทำผมทรงนี้ได้จนกว่าจะตั้งครรภ์)

--------------------------

เมื่อกลับจากการสนทนาประสาอาวุโสแล้ว อิคุชิมะก็จัดแจงสั่งการพวกนางกำนัลทันที!

อิคุชมะ "จงไปที่สำนักผู้ดูแลตำหนักใน ขอให้พวกห้องแต่งตัวเอาปิ่นปักผม หวี แล้วก็ดอกไม้ประดิษฐ์ที่มีมาที่นี่โดยด่วนที่สุดเลยนะ ย้ำ!ด้วยว่า ให้เลือกเอาเฉพาะของดีๆเท่านั้นนะ!.."

"ส่วนเรื่อง ชุดกิโมโนของท่านหญิงบอกด้วยว่า ให้จัดหาชุดใหม่ๆ เลือกแบบที่ท่านโชกุนชอบเข้ามาให้มากที่สุด จะต้องใช้เงินใช้ทองมากเท่าไหร่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง! เข้าใจนะ!" / "เจ้าค่ะ!!!"

-----------------------

แต่ทว่า! ท่านหญิงอัตสึในเวลานี้ กลับครุ่นคิดถึงแต่ภาพที่ท่านคุโบกระโดดโลดเต้นสนุกสนานเหมือนเด็กๆ แต่กิริยาเด็กๆแบบนั้น..มันช่าง!ขัดแย้งกับแววตาที่จริงจังคู่นั้นเหลือเกิน เพราะอะไรนะ?

ท่านหญิงยังคงจมกับความคิดวนเวียนเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา..

--------------

รุ่งเช้าวันต่อมา ทั้งท่านฮงจูอิน อุตะฮะชิ อิคุชิมะ ก็เริ่มจัดแจงสั่งการเปลี่ยนทรงผมให้ท่านมิไดใหม่ทันที และเมื่อท่านหญิงปรากฏออกมาในทรงผมใหม่!! ผู้อาวุโสทั้ง4ล้วนต่างชื่นชมกันยกใหญ่ แต่ท่านหญิงกลับมีสีหน้าบอกบุญไม่รับเอาซะเลย

อิคุชิมะ "ยิ้มด้วยเจ้าคะ!" / ท่านฮงจูอิน "โอ้โห!เป็นอย่างที่คิดไว้เลยนะ โฮ่ะๆๆ"

อุตะฮะชิ "ใช่แล้ว!เหมาะกับท่านมิไดมากที่สุดเลย อย่างนี้ท่านคุโบได้เห็นเข้าล่ะก็ จะต้องชอบอย่างแน่นอน"

ท่านหญิงแอบบ่น "คิดทำแบบนี้แล้วจะได้อะไรขึ้นมาล่ะเนี่ย!" / "ท่านมิได!" อิคุชิมะก็เลยแอบดุ!

"ท่านมิได ยังไม่พอเพียงเท่านี้หรอกนะเจ้าคะ" / "หา??"

สิ่งที่ท่านฮงจูอินหมายถึงก็คือ ต้องประดับเครื่องประดับทรงผมอีกสักหน่อย เอ!แต่ไม่หน่อยนะ เพราะว่า..ท่านผู้อาวุโสทั้ง3พากันเลือกหาปิ่นประดับผมคนละอันสองอัน แล้วร่วมกันมาจัดการเสียบเข้าทรงผมของท่านหญิงกันยกใหญ่เลย!

"นี่!ๆ พวกท่านกำลังจะทำอะไรกันน่ะ!"

พอช่วยประดับปิ่นเสร็จกันทุกคนแล้ว ท่านหญิงก็มีอันศรีษะแทบจะทรุดเพราะความหนัก! แต่ท่านผู้อาวุโสกลับชอบใจ ชื่นชมกันยกใหญ่! อีกแล้วสิเอ้า!

ส่วนทาคิยามะที่นั่งมองดูอยู่ เลยทักว่า "ติดมากเกินไปหน่อยมั้ยเจ้าคะ?" / "เอาๆออกสักหน่อยสิ หนักจนคอแทบหักแล้วสิ!ขอร้องล่ะนะ!"


แต่ผู้อาวุโสทั้ง3กลับไม่ให้เอาออกสักชิ้น เพราะทุกคนมองว่างามดีแล้ว เหมาะแล้ว ดูดีซะขนาดนั้น!

การขอร้องของท่านหญิงจึงไม่เป็นผล เฮ่อ!..

-------------------

และแล้วท่านหญิงอัตสึก็พารูปโฉมใหม่มาปรากฏ ณ ห้องพระที่ต้องมาอยู่เป็นประจำ

ท่านคุโบก็เดินดุ่ยๆมาห้องพระเหมือนเช่นเคย จากที่ดุ่ยๆไม่มองหน้าใคร ไม่สนใจใครทั้งสิ้น แค่มาให้เสร็จแล้วก็ไป

แต่วันนี้เมื่อท่านคุโบมาถึงห้องพระแล้ว เกิดมีหยุดชะงัก! มองไปที่ท่านหญิง ซึ่งกำลังก้มหัวหนักๆคำนับรอท่านคุโบอยู่
.(ทุกคนในห้องต่างพากันลุ้น ซึ่งก็ได้ผลแฮะ! ท่านอุตส่าห์หยุด!)

สายตาท่านคุโบเหมือนสะดุดอะไรบางอย่างในท่านหญิง ท่านจึงหยุดมอง!


แต่แค่แป๊บเดียว..แล้วท่านคุโบก็เดินดุ่ยๆเข้าไปสวดมนต์..
.
.

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สงครามของเหล่าภรรยา 67

atsuhime 67


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก66


ก่อนที่เข้าเรืองต่อไป ขออธิบายเกร็ดความรู้เล็กน้อยนะครับ ในเรื่องการเรียกคำนำหน้าว่า "โอ" นำหน้าชือ เช่น โอคัตสึ โอยุกิ โอชิคะ โอชิงะ เป็นต้น

การใช้"โอ" นำหน้าชื่อ ก็เป็นการเรียกแบบให้เกียรติแก่ผู้หญิงครับ หากจะเทียบในภาษาอังกฤษก็เหมือนคำว่า "Lady" นั่นแหล่ะครับ
.
และถ้าจะเทียบเคียงกับภาษาไทยก็ใกล้เคียงคำว่า "แม่" เช่นแม่พลอย แม่ช้อย เป็นต้น

เช่นเมื่อนาโอโกโร่แต่งงานกับโอชิคะแล้ว จึงเรียกโอชิคะ เฉยๆว่า "ชิคะ" เท่านั้นเพราะสนิทแล้ว เป็นต้น
.
(หากผิดถูกอย่างไร ถ้าคุณผู้อ่านท่านใดรู้ภาษาญี่ปุ่นช่วยมาชี้แนะด้วยนะครับ)

---------------------------

บทที่67

ชีวิตในแต่ละวันของท่านผู้หญิงอัตสึ(ในตำแหน่งมิไดโดโกโระ)ผ่านไปด้วยการปฏิบัติตนอยู่ในกฏระเบียบ เช่นเช้าขึ้นมาก็ต้องแต่งตัวและทำตามวิธีที่กำหนดไว้ (ภายหลังท่านหญิงอัตสึก็ปรับตัวกับกฏระเบียบเรื่องจุกจิกส่วนตัวแบบนี้ได้ ก็เลยไม่มีการแก้ไขระเบียบอย่างใด)

เวลาท่านโชกุนมาที่ตำหนักใน(โอโอขุ)ก็จะไปอธิษฐานที่ห้องพระด้วยกัน หลังจากนั้นผู้หญิงทุกคนในตำหนักในจะมารวมตัวกันเพื่อกล่าวทักทายอวยพรแก่ท่านมิไดในตอนเช้า

เพื่อการต้อนรับท่านโชกุน ท่านมิไดจะต้องเปลี่ยนชุดอยู่หลายครั้ง หมุนเวียนทำอยู่อย่างนี้ทุกวัน (ไม่ว่าท่านโชกุนจะมาหรือไม่ก็ตาม)แม้จะมีเวลาเหลือเฟือ แต่ก็ต้องอยู่โดยไม่ออกจากตำหนักในไปไหนเลย

โดยปกติท่านโชกุนจะพักอยู่ที่ตำหนักกลาง(ในปราสาทเอโดะ) หากท่านโชกุนมีประสงค์ที่จะมาพักที่ตำหนักใน ก็จะต้องแจ้งให้ผู้ดูแลทราบล่วงหน้าก่อน (หน้าประตูทางเข้าโอโอขุ จะต้องมีการล็อคกุญแจอยู่เสมอ)

แม้จะเป็นเวลานอนของสามีภรรยา ก็จะมีนางกำนัลนั่งเฝ้าอยู่ในห้องตลอด(หลังฉากบังตา) ชีวิตประจำวันของท่านหญิงอัตสึตั้งแต่เช้าจรดเย็นจึงถูกควบคุม(ด้วยกฏระบียบ)อยู่ตลอดเวลา

--------------------


นับตั้งแต่วันงานสมรสที่ยุ่งเหยิง เวลาผ่านไปได้1เดือน บรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิก็เข้ามาเยือนตำหนักในแล้วด้วยเช่นกัน เนื่องจากท่านคุโบไม่มาหาท่านมิไดอีกเลยหลังจากวันเข้าหอ ในท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม แต่2คนนายบ่าวกลับรู้สึกน่าเบื่อกับวันเวลาที่ผ่านไป
.
วันหนึ่งในเวลาน้ำชา
.
อิคุชิมะ "แย่จังเลย!" / "แย่มากเลยล่ะ"

"นี่ก็ล่วงเข้ามา1เดือนแล้ว แต่กลับไม่มีวี่แววของท่านคุโบจะแวะเวียนมาหาเลยสักครั้ง" /
"ก็นั่นน่ะสิ เพราะอะไรกันนะ?"

"หรือท่านพี่จะรู้ตัวว่าข้ามองออกแล้ว เรื่องที่ท่านน่ะแสร้างทำเป็นสติไม่สมประกอบน่ะ!"

"ท่านหญิงเจ้าคะ!"
อิคุชิมะดุเสียงดังจนท่านหญิงสะดุ้ง! "อุ๊ย!เรียกซะตกใจหมดเลย"



"เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดได้นะเจ้าคะ อย่าลิม!สิเจ้าคะ ว่าตอนนี้ท่านหญิงนะกำลังอยู่ในฐานะอะไร?"

"ข้ารู้หรอกน่ะ ว่าจะต้องให้กำเนิดทายาท ที่จะเป็นโชกุนคนต่อไปใช่มั้ย!" / "รู้ก็ดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ"

"แต่ว่า..อิคุชิมะเองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่า ต้องมีอะไรสักอย่างถึงแสร้งทำอย่างนั้น? นั่นก็แสดงว่าจะต้องมีจุดประสงค์อะไรแน่ๆ"

.
ท่านหญิงยังเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น จึงยังต้องการค้นหาคำตอบให้ได้ แต่อิคุชิมะไม่ได้เห็นเหมือนที่ท่านหญิงเห็น

"พูดว่าแสร้างทำ แสร้งทำหลายครั้งแล้วนะเจ้าคะ เห็นอะไรจึงคิดว่าแสร้างทำล่ะเจ้าคะ?"

"เมื่อตอนนั้น.. สายตาไง!"
แล้วท่านหญิงก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ท่านหญิงเกือบจะตกสะพาน!

"ยังไงก็ตาม ข้าก็ยังอยากรู้เหตุผล ถ้ายังไม่รู้แล้วจะเริ่มทำอะไรได้ แม้แต่..จะกำหนดกฏเกณฑ์ให้หัวใจตัวเอง ก็ยังทำไม่ได้!"

ระหว่างนั้นก็มีนางกำนัลมาเชิญอิคุชิมะให้ไปพบท่านฮงจูอิน

----------------------

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกับคุณผู้อ่านอีกสักนิดครับ คือในเรื่องศักดิ์และตำแหน่ง เพราะในเรื่องเจ้าหญิงอัตสึนี้ เราจะเห็นการรู้จักแยกแยะในเรื่องศักดิ์และตำแหน่งนี้ โดยวัฒนธรรมและมารยาทของคนญี่ปุ่นสมัยเอโดะอยู่ตลอดเวลา อย่างกลมกลืน เช่น

ท่านหญิงอัตสึกับอิคุชิมะ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ อิคุชิมะก็จะเรียกท่านหญิงว่า"ท่านมิได" เหมือนที่คนอื่นๆเรียก แต่หากเป็นเวลาที่อยู่ด้วยกันแบบเป็นส่วนตัว อิคุชิมะก็อาจจะเรียกว่า "ท่านหญิง"ได้เหมือนเดิมเป็นต้น (ที่จริงเป็นโดยศักดิ์ท่านหญิงเป็นท่านผู้หญิงแล้ว)
.
บางครั้งคนที่ศักดิ์สูงกว่าแต่กับมีตำแหน่งต่ำกว่า ก็จะมีให้เห็นตลอดเรื่องครับ เช่นผู้ที่มีอำนาจและตำแหน่งสูง อาจจะมาจากศักดิ์ตระกูลต่ำก็ได้ ส่วนบางคนเกิดในศักดิ์ตระกูลสูงก็อาจจะไม่มีอำนาจและตำแหน่งใหญ่โตเลยก็ได้

เมื่อท่านหญิงอยู่ในฐานะท่านมิได แม้แต่ท่านฮงจูอินก็ต่ำกว่าก็ต้องทำความเคารพท่านมิไดได้ แต่เมื่ออยู่ในฐานะลูกสะใภ้ ท่านมิไดก็อาจจะถูกท่านฮงจูอินต่อว่าหรือกระทั่งดุด่าก็ยังได้ครับ มันคาบเกี่ยวกันแบบที่เข้าใจกันอย่างเป็นธรรมชาติแบบของเขา (ที่จริงท่านฮงจูอินทั้งศักดิ์และตำแหน่งต่ำว่าท่านหญิงอัตสึทั้ง2อย่าง)

ผมเองชอบวัฒนธรรมแบบนี้ครับ วัฒนธรรมไทยของเราก็คล้ายๆกัน จริงมั้ย?

---------------------------


เมื่ออิคุชิมะไปพบท่านฮงจูอิน ในห้องก็มีอุตะฮะชิ และทาคิยามะ อยู่ร่วมวงสนทนาด้วย และเหตุที่ท่านฮงจูอินเรียกอิคุชิมะมาก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของท่านคุโบกับท่านมิไดนั่นเอง

ก็เพราะการที่ทานคุโบไม่ไปหาท่านมิไดมาเดือนกว่านั้น นับเป็นเรื่องใหญ่ของทุกคนที่เกี่ยวข้อง

ทุกคนจึงมาร่วมกันหาทางทำให้ท่านคุโบอยากไปพบท่านมิไดให้ได้ ด้วยจุดประสงค์เดียวกันก็คือ อยากให้ท่านคุโบกับท่านมิไดมีทายาทด้วยกันโดยเร็วนั่นเอง นางกำนัลอาวุโสอุตะฮะชิเสนอว่าให้ไปขอร้องท่านคุโบไปหาท่านมิไดตรงๆเลยจะดีมั้ย?

แต่อิคุชิมะกลับไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้เป็นไปตามธรรมชาติของสามีภรรยาน่าจะดีกว่า เพราะหากต้องไปขอร้องก็อาจฝืนใจท่านคุโบ ท่านมิไดเองก็คงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

(ในช่วงการสนทนา ทาคิยามะก็คอยกระแนะอิคิชิมะบ้างประปราย แถมยังมีการปะทะด้วยสายตาเป็นระยะๆ (ตรงกับสำนวนที่ว่า ไม่ค่อยจะกินเส้นกัน ไม่ถูกชะตา ประมาณนั้น) )

และเมื่ออุตะฮะชิเปิดประเด็นอีก "ชิงะไง ได้ข่าวว่าท่านคุโบแวะเวียนไปหา ให้ปรนนิบัติอยู่บ่อยๆ" / ฮงจูอิน "อย่างนั้นหรอกเหรอ?" / "เจ้าค่ะ"

อุตะฮะชิ กะจะให้โอชิงะมีทายาทของท่านคุโบแทนก็ได้ แต่อิคุชิมะไม่เห็นด้วยทันทีเพราะ

อิคุชิมะ "ฟังอย่างนี้ยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ ท่านหญิงเองก็ไม่ใช่ภรรยารอง หน้าที่ชองพวกเราก็คือ คิดหาทางให้ท่านคุโบเต็มใจที่จะมาหาท่านหญิงด้วยตัวท่านเอง แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอเจ้าคะ?"

ส่วนท่านฮงจูอินกลับบ่นเรื่อง.. "ชิงะเหรอ ผู้หญิงคนนี้ข้าไม่เคยรู้สึกว่าชอบนางเลยแม้แต่น้อยจริงๆ วันๆเอาแต่หัวเราะหน้าระรื่น ไม่รู้มีอะไรฝังอยู่ในท้องหรือยังไงนะ ผู้หญิงแบบนี้ ไม่รู้มีอะไรดีที่จะให้ชอบนัก!"

ขณะที่ท่านฮงจูอืนบ่นไปเรื่อยเปื่อย ทาคิยามะก็ขัดขึ้นมาทันที "ท่านฮงจูอินเจ้าคะ! กำลังพูดนอกเรื่องแล้วนะเจ้าคะ!" / "อะฮึ่ม! รู้แล้วน่ะ!"

นั่นไงครับ ทาคิยามะกล้าเตือน(เชิงดุ)ท่านฮงจูอินได้ แต่ก็นั่นแหล่ะ สังคมวัฒนธรรมญี่ปุ่น หากใครมีเหตุผลเพียงพอ เขาก็รับฟังและไม่ถือสากัน ให้เคารพความเห็นของคนอื่น
.
อย่างท่านฮงจูอินก็แค่ทำตาดุใส่ทาคิยามะสักหน่อยก็จบเท่านั้น แล้วก็ท่านฮงจูอินหยุดบ่นตามคำเตือนทันที

------

ต่อมา ทาคิยามะก็เกิดคิดวิธีของตนเองได้บ้าง เลยหันไปบอกแก่อิคุชิมะ

ทาคิยามะ "ท่านอิคุชิมะ" / "เจ้าคะ"

"ท่านคิดว่าในตัวท่านมิไดมีอะไรที่ดีที่สุดเจ้าคะ?" / "ดีที่สุดน่ะเหรอ?..ก็จิตใจที่กว้างนิสัยที่ตรงไปตรงมา มีข้อดีมากมายหลายอย่าง.." / "ขอที่มองเห็นได้!" / "มองเห็นได้เหรอ?"

"ข้าคิดว่า น่าจะเป็นความน่าเอ็นดูมากกว่านะ" / "ความน่าเอ็นดู!"
ทุกคนต่างพูดขึ้นพร้อมกัน

"ข้าพูดถึงท่าทางที่อ่อนช้อย น่ารักน่าเอ็นดูของท่าน น่าจะทำให้ท่านมิไดดูมีเสน่ห์มากกว่าในฐานะภรรยาท่านโชกุน เสื้อผ้าอาภรณ์จะต้องไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ไม่แน่นะ! เสื้อผ้าสีเรียบๆอาจจะเหมาะกับท่านมากกว่า"

"ท่านทาคิยามะ!!" อิคุชิมะพูดเสียงดัง / "เจ้าคะ"

"ขอบคุณท่านมาเลยนะ..ที่ท่านมอง่ท่านหญิงด้วยสายตาที่หวังดีถึงเพียงนี้ " / "ไม่ขนาดนั้นหรอก"

"แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ข้ากลับเข้าใจเหตุผลของท่านดี" / "งั้นเหรอ?"

"อย่างเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็เหมือนกัน จะเพื่อดึงดูด หรือว่าเรียบง่าย ก็ไม่ควรที่จะเสียเงินทองกับเสื้อผ้า แต่ให้ใช้เสื้อผ้าถูกๆอย่างที่ท่านคิดล่ะก็!" / "ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย"

สายตาอิคุชิมะปะทะสายตาทาคิยามะ!! เพราะอิคุชิมะคิดว่า ทาคิยามะเป็นประเภทหวังดีแต่ประสงค์เขียม! แอบแฝง ประมาณนั้น!

ฮงจูอืน "ใช่แล้ว! ท่านคุโบชอบอะไรที่สวยงาม..เป็นภรรยาถ้าไม่แต่งตัวให้สวยงามอยู่ตลอดเวลาละก็ คงไม่ดีแน่ๆ ข้าว่ายังไงก็ต้องหาทางทำให้ท่านคุโบเปลี่ยนใจแวะเวียนมาหาท่านหญิงบ่อยๆกันดีกว่านะ"

อุตะฮะชิ "แม้จะทำท่าทางแพวพราวแบบชิงะไม่ได้ก็ตามเถอะนะ"

"คิดว่ายังไงกันล่ะทั้งสองคนน่ะ?"
/ อิคุชิมะ "นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากเลยเจ้าค่ะ"

ทาคิยามะ "ข้าเองก็ไม่คัดค้านเช่นกันเจ้าค่ะ"

(แต่การสนทนาของวงนี้ยังไม่จบ)
.
.
"
"
.
.

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ลุงสมัคร นักการเมืองในดวงใจของผม



รูปอดีตนายกฯสมัครถ่ายเมื่อเดือนเม.ย.52
(รูปอดีตนายกฯสมัคร ถ่ายกับบล้อคเกอร์โอเคเนขั่นคนหนึ่ง ที่หัวหิน เมื่อ11เม.ย.52)

นายสมัคร สุนทรเวชนายกรัฐมนตรีคนที่25ของไทยได้ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่24พ.ย.52 เวลา08.48น. ณ.รพ.บำรุงราษฎร์

โดยส่วนตัวผม ครอบครัวของผมก็รู้จักครอบครัวของลุงสมัครมานานพอควร เพราะแม่ของผมเป็นเพื่อนนักเรียนเซนฟรังค์กลุ่มเดียวกับคุณหญิงสุรัตน์ภรรยาของท่าน และกลุ่มเพื่อนๆของแม่ผมจึงรู้จักกับลุงสมัครตั้งแต่ท่านเป็นเด็กเซนต์คาเบีรยลแล้ว แต่ครอบครัวของผมก็ไม่ถือว่าสนิทกับครอบครัวท่านมากนัก เพราะจะมีแม่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ติดต่อกับคุณหญิงสุรัตน์เป็นประจำ

ลุงสมัคร หรือสมัคร ที่ผมใช้เรียกโดยไม่มีคำนำหน้าท่าน เพราะเรียกในฐานะที่ท่านเป็นนักการเมือง ผมจึงเรียกแค่ชื่อเฉยๆ เวลาพูดเรื่องการเมืองกับเพื่อนๆ หรือเรียกในเว็บ และในบล็อคของผม


เพราะคงไม่สะดวกถ้าจะใช้คำว่าลุง นำหน้าตลอด ถามว่าผิดมั้ย? ที่ลุงสมัครที่เป็นเพื่อนของแม่ผมด้วย แต่ผมเรียกแค่สมัครเฉยๆ จะว่าผิดก็ได้ แต่มันสะดวกเวลาวิพาษ์วิจารณ์การเมือง เลยเรียกแค่สมัคร เฉยๆ

แต่ถ้าอยู่ต่อหน้่าท่าน เราก็ต้องเรียกท่านอย่่างให้เกียรติตามมารยาท แต่โดยจิตใจแล้ว ผมนับถือและเคารพท่านเป็นไอดอลของผมเลยครับ เพราะผมชื่นชอบและศรัทธาแนวคิดทางการเมืองของลุงสมัครมาร่วมๆ30ปี

สมัยผมเรียนอนุบาล แม่ผมมักจะพาผมตามไปฟังลุงสมัครหาเสียงในหลายๆแห่งกทม. ผมไม่ได้ฟังหรอกครับ เพราะเด็กเกิน แต่รู้ว่าพ่อแม่ชอบ ผมก็ชอบด้วย

จนกระทั่งผมรู้ความมากขึ้นแล้ว และรู้ตัวว่าชอบตามเรื่องการเมือง ก็เลยชอบลุงสมัครมากที่สุด เชียร์มาตลอด

ลุงสมัครเคยไปงานศพก๋งของผม เคยไปงานศพพ่อของผม เคยไปเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลตอนผมป่วยหนักถึง 2ครั้ง สมัยเด็กๆผมเคยไปบ้านลุงสมัครเมื่อ20กว่าปีก่อน 2ครั้ง ผมเคยไปงานครบรอบแต่งงาน25ปีของท่าน และนั่นคือวันที่ผมพบท่านครั้งสุดท้าย ก็กว่า10ปีมาแล้ว

แต่มาช่วง10ปีหลังนั้น ความสัมพันธ์ของแม่ผมกับคุณหญิงสุรัตน์ก็ห่างๆกันไป เพราะหลัง ๆ ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่ เจอะเจอกันบ้างตามงานต่าง ๆ ของเพื่อน ๆ แม่

แล้วยิ่งลุงสมัครไปเข้ากับทักษิณ แม่ผมยิ่งเกลียดลุงสมัครไปด้วย

------------------------

ทีมงานยกโขยงหกโมงเช้าเข้ารดน้ำดำหัวเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา


ผลงานลุงสมัคร

ผลงานหลายๆอย่างที่ลุงสมัครทำไว้ก็มีมาก แต่ที่ผมอยากจะยกตัวอย่างเฉพาะที่ไม่ค่อยมีใครรู้ ก็เช่น
.
ลุงสมัครเป็นนักการเมืองคนแรกที่เสนอสร้างรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินคนแรกของไทยเมื่อ30กว่าปีที่แล้ว เพราะลุงสมัครไปเรียนที่ชิคาโก้ ก็ใช้บริการรถไฟใต้ดินราคาถูกเสมอ เลยชอบ จนอยากให้ประเทศไทยมีใช้บ้าง

แต่ยุคนั้นกลับไม่ค่อยมีใครยอมรับแนวคิดเรื่องนี้ ลุงสมัครถูกกระแนะกระแหนว่าเป็น สมัครฝันเฟื่อง ด้วยซ้ำ เพราะรัฐบาลยุคนั้นคิดว่า กรุงเทพเมื่อ30กว่าปีที่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมีรถไฟใต้ดิน

ข้าวบรรจุถุง5กก. ของพรรคประชากรไทย ก็ลุงสมัครก็เป็นคนริเริ่มผลิตขึ้นเจ้าแรกในประเทศไทย ชื่อข้าวถุงประชากรไทย จนเดี๋ยวนี้ใครๆผลิตตาม ทำให้เดี๋ยวนี้คนไทยนิยมกินแต่ข้าวถุง5กก.กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว

แนวความคิดถนนโครงข่ายใยแมงมุม วงแหวนรอบนอกรอบใน ก็ลุงสมัครคนนี้แหล่ะที่คิดก่อนใครเพื่อน

ป้ายรถเมล์พรรคประชากรไทย สมัยก่อนป้ายรถเมล์ไม่ค่อยจะมีหลังคา คนกรุงเทพฯก็ยืนตากแดดตากฝนรอรถกันไป แต่ลุงสมัครนี่แหล่ะที่สร้างป้ายรถเมล์มีหลังคาคุ้มฝนให้คนกรุงเทพฯได้ใช้คนแรก ในนาม ป้ายรถเมล์พรรคประชากรไทย

ผลงานหลังสุดที่เห็นๆก็คือสมัยท่านเป็นผู้ว่ากทม. ก็คือ นโยบาย one stop service ที่เวลาเราไปสำนักเขต ไปติดต่ออำเภอ จะสะดวกรวดเร็วเหมือนไปธนาคาร เพราะมีบัตรคิว ติดแอร์ ให้ประชาชนรอบริการอย่างสะดวกสบาย

ก็สมัยลุงสมัครนี่แหล่ะครับ แต่พอโครงการนี้สำเร็จด้วยดี ลุงสมัครก็หมดวาระพอดี จนหลายคนนึกว่าโครงการวันสต๊อปเซอร์วิสที่สำนักเขต เป็นผลงานของผู้ว่าฯอภิรักษ์!!

-------------------------------

ในสมัยพลังธรรมรุ่งเรืองโดยพลตรีจำลอง ผมนี่แหล่ะครับ เกลียดจำลองเข้ากระดูกเลยในตอนนั้น (แต่พออายุมากขึ้น ผมก็เหลือแค่เฉย ๆ กับพลตรีจำลองเท่านั้น) นั่นเพราะผมเชียร์ลุงสมัครนั่นแหล่ะ (พรรคพลังธรรมที่ทักษิณเคยไปแจ้งเกิด)

แต่นอกจากจำลองแล้ว นายชวน หลีกภัยเพื่อนธรรมศาตร์รุ่นเดียวกับลุงสมัคร ผมนี่ก็เกลียดนายชวนมากมายเช่นกัน (จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ชอบนักการเมืองแบบนายชวนเหมือนเดิม แต่ลดจากเกลียดเหลือแค่ไม่ค่อยชอบเท่านั้น)

บ้านผมทั้งบ้าน ชอบสมัคร เลือกพรรคประชากรไทย ตามสโลแกนกันทั้งบ้าน ไม่เคยรู้เลยว่าสส.ในเขตบ้านชื่ออะไร รู้แต่ว่าเลือกพรรคประชากรไทยเท่านั้น เลือกประชากรไทยจนกระทั่งลุงสมัครลาออกจากพรรค

บ้านผมก็ยังตามเลือกลุงสมัครให้เป็นผู้ว่ากทม.ด้วย

--------------------------



ผมนั้นนับเป็นแฟนลุงสมัครอย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งเรื่องทักษิณขายหุ้นชินฯ ผมก็เริ่มมีความเห็นต่างกับลุงสมัครแล้ว และยิ่งลุงสมัครมาเป็นนายกฯนอมินีให้ทักษิณ ทีนี้แนวคิดผมก็ยิ่งต่างกับลุงสมัครมากขึ้นๆ

แต่ไม่ใช่ว่าผมจะเกลียดลุงสมัครเหมือนเกลียดทักษิณนะครับ แค่เบื่อ และเซ็งลุงสมัครเท่านั้น

แต่นอกนั้นผมก็ยังคงชื่นชอบลุงสมัครเหมือนเดิม ผมยังตามดูรายการชิมไปบ่นไป ยกโขยงหกโมงเช้า แทบทุกครั้ง แม้ท่านจะมาอยู่ฝ่ายพวกเสื้อแดงแล้วก็ตาม ผมก็ยังชื่นชอบที่จะฟังลุงสมัครพูดอยู่เสมอ



ทั้งรายการนายกฯสมัครพบประชาชน ผมก็ตามดูตลอด แม้ผมจะด่าท่านบ้างตามประสาชาวบ้านๆ ทั่วไปที่ด่านักการเมือง

แต่แม้ท่านจะเคยเป็นหัวห้าพรรคพลังประชาชนของกลุ่มเสื้อแดงก็ตาม ก็ใช่ว่าผมจะต้องต้านลุงสมัครทุกเรื่อง มีหลายๆเรื่องผมก็ชื่นชมท่านตอนเป็นนายกฯหลายครั้ง

จะมีแค่เรื่องทักษิณ กับเรื่องเขาพระวิหารเท่านั้น ที่ผมจะต้านลุงสมัครแบบคนละขั้วกันเลย
.
*** (อ่านบทความเรื่อง คดีชิมไปบ่นไป)

-------------------

สิ่งที่น่ายกย่องที่สุดของลุงสมัคร

สิ่งแรกก็คือ ลุงสมัครเป็นนายกฯที่โดนพันธมิตรขับไล่ แต่ท่านก็ไม่ยอมใช้ความรุนแรงเกินเหตุกับกลุ่มพันธมิตร ยอมที่จะไม่มีทำเนียบอยู่ เพราะท่านไม่อยากถูกประวัติศาสตร์จารึกว่า่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่สั่งฆ่าประชาชน!!

ลุงสมัคร ท่านยังเป็นนักอนุรักษ์ความเป็นไทย วัฒนธรรมไทยที่สุด เป็นพหูสูตรทางด้านวัฒนธรรมไทย

ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ลุงสมัครมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตรย์อย่างสุดหัวใจของท่านอย่างแน่นอน เพราะทุกครั้งที่ลุงสมัครเล่าหรือพูดถึงสถาบันฯ ท่านจะมีแววตาที่มีความสุข ความปิติมากอย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุด

ถึงแม้ท่านจะไปอยู่ในกลุ่มเสื้อแดงในชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม แต่ผมกล้ายืนยันได้อย่างมั่นใจที่สุดว่า ลุงสมัครรักสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่สุดตราบจนหมดลมหายใจของท่าน .
.
ชมคลิปรายการกฤษณะล้วงลูก อาลัยสมัคร ย้อนอดีตภาพอดีตของสมัครสุนทรเวช
.
.
------------------------------------

ก่อนที่ท่านจะถึงแก่อสัญกรรม

มีคนที่รพ.บำรุงราษฎร์ โทร.มาบอกแม่ผมเมื่อเกือบ2อาทิตย์ที่แล้วว่า ลุงสมัครเข้าไอซียูไปแล้ว ท่านใกล้แล้ว

ตอนผมรู้ ผมก็ทำใจไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อลุงสมัครจากไปจริงๆ ผมก็ใจหายเหมือนกัน และก็คิดถึงท่านเกือบทั้งวัน

วันที่ท่านเสีย ตอนผมตื่นมาใหม่ แม่ผมเข้ามาบอกผมว่ายังไงรู้มั้ยครับ แม่บอกว่า "ใหม่! ที่รักของใหม่ตายแล้ว!"

ผมก็งง!ถามว่า"ใครเหรอ?" แม่ก็บอกว่า "สมัคร!ไง "

--------------------------
เพลงโลกหมุนเวียน ร้องโดย พณ.ท่านสมัคร สุนทรเวช
ในบล็อคของผม หรือในเว็บต่างๆที่ผมไปโพสความเห็นไว้ ผมเคยโจมตีท่านหลายเรื่อง (หาอ่านบทความเก่าในบล็อคผมได้ครับ)  มาตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะติดใจลุงสมัครแล้ว เพราะท่านไปแล้ว ความดีของท่านก็พอมาก ผมจึงขอระลึกนึกถึงแต่เรื่อง ๆ ดีที่ท่านคยทำให้ชาติบ้านเมืองเท่านั้น เพราะคนเราต้องรู้จักแยกแยะครับ ลุงสมัครโปรดขออโหสิกรรมในสิ่งที่ผมเคยล่วงเกินด้วยครับ (แต่ผมคงไม่ลบออก เพราะนับเป็นประวัติศาสตร์งานเขียนส่วนตัวของผม) ผมขอให้ลุงสมัครไปสู่สุคตินะครับ ด้วยความเคารพ  ------------------------- รูปสมัครโผล่กลางสภา ไม่ได้เฮี้ยน!! สมัครไม่ได้เฮี้ยนอย่างที่มีคนพยายามทำให้คิดอย่างนั้น ผมเชื่อว่า มีคนในสภาเข้าเน็ตในเว็บสนุกรูป แล้วปล่อยภาพออกในสภามากกว่า ไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิดว่า สมัครมาลาเพื่อนๆสส.จริงๆ เพราะเฮี้ยน! คลิกอ่าน  ทักษิณไม่เคยโทร.หาสมัครในยามป่วย . .

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คืนแต่งงาน 66

atsuhime 66


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 65


ในโอโอขุนั้น ทุกๆเช้าท่านโชกุนกับมิไดโดโกโระและมารดา จะต้องมาพบกันที่ห้องพระเพื่อบูชาพระด้วยกัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่มีมานานมากแล้ว

ในขณะที่ท่านมิไดนั่งรอท่านโชกุนอยู่นั้น คนที่เข้ามาในห้องพระคนต่อมา กลับกลายเป็นผู้หญิงหน้าสวยที่ท่านมิไดเคยสะดุดตาเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งก็คือ โอชิงะ นั่นเอง แต่ถึงตอนนี้ท่านหญิงก็ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นใครในโอโอขุ



โอชิงะ "ท่านมิไดเจ้าคะ สบายดีมั้ยเจ้าคะ" / "อ๋อ..ก็ดี"

"ท่านคุโบดื่มมากเกินไป เลยยังไม่ตื่นเลยเจ้าคะ" / "เอ๊ะ!"

"ท่านฮงจูอินก็ไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ" / "งั้นรึ?"

โอชิงะยิ้มให้ท่านมิไดอย่างดูใจดีแต่แปลกๆ ถึงตอนนี้ท่านมิไดเริ่มจะสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้วสิ

เมื่อไม่มีใครจะมาอีก ท่านมิไดจึงต้องไหว้พระกับโอชิงะ หญิงที่รู้เรื่องท่านคุโบดีเสียจนน่าแปลกใจ? และเมื่อไหว้พระเสร็จ ท่านมิไดก็ยังหันไปมองโอชิงะอย่างสงสัยอีก

-------------------------



เมื่อกลับไปที่ห้องพัก อิคุชิมะก็นั่งรอท่านหญิงอยู่ และก็พูดด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า "ท่านมิได ขอคุยด้วยตามลำพังสักครู่นะเจ้าค่ะ"

และเมื่ออยู่กัน2ต่อ2แล้ว อิคุชิมะก็เริ่มถามในสิ่งที่อยากจะถามอยากจะรู้อย่างที่สุด

"เล่านิทานอย่างนั้นเหรอ?" / "เล่าไปยังไม่ถึงไหนเลย ข้าก็ชิงหลับไปเสียก่อนแล้วล่ะ" แล้วท่านหญิงก็หัวเราะ

"ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะเจ้าคะ!" / "แต่ว่า..มีคนเฝ้าอยู่ในห้องด้วยอย่างนั้น แล้ว..ใครจะไปทำอะไรได้เล่า!"

"เพราะธรรมเนียมเป็นแบบนั้นน่ะสิ ท่านคุโบถึงได้..กลายเป็นคนอย่างนั้น คงจะอึดอัดที่มีคนคอยดูคอยฟังอยู่ตลอดเวลาน่ะเจ้าคะ"

"ที่สำคัญนะอิคุชิมะ ข้าไม่เข้าใจเลยน่ะ" / "เรื่องอะไรเหรอเจ้าคะ?"

"ก็ท่านพี่นั่นแหล่ะ จะว่าปัญญาอ่อนก็ไม่ใช่ หรือเบาปัญญา ก็ไม่เชิงอีกนั่นแหล่ะ" / "หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?"

"ถึงบอกว่าข้ายังดูไม่ออกไงเล่า ยังมีอีกนะ ข้าพบนางกำนัลที่ห้องพระ ก็คนที่ช่วยข้าตรงทางเดินตอนนั้นด้วยไง"

"หมายถึงโอชิงะรึเจ้าคะ" / "เขาชื่อโอชิงะรึ? แล้วเขาเป็นใครกันล่ะ"

"นางเป็น..อนุของท่านคุโบเจ้าค่ะ" / "อนุ..ภรรยาเหรอ?"

"ได้ยินว่า เข้าโอโอขุมาไม่ทันไร ท่านคุโบก็ติดใจเลยให้ตำแหน่งจูโระ มีห้องส่วนตัวด้วยนะเจ้าคะ"

ท่านหญิงเมื่อได้รู้แล้ว ก็คิดอะไรบางอย่าง หยุดนิ่งไป..

"ท่านมิไดเจ้าคะ!"

"มีอนุภรรยาแบบนี้..คงจะ..ไม่ใช่..คนเบาปัญญาล่ะมั้ง?.."
ท่านหญิงพูดเหมือนบ่นอยู่คนเดียว

"ท่านมิได!" / "ว่าไงล่ะ?"

"นี่เป็น สงครามของลูกผู้หญิงนะเจ้าคะ ต้องสู้กันจริงๆจังๆ และท่านจะต้องชนะให้ได้ ด้วยการมีลูกก่อนแม่คนนั้นนะเจ้าคะ"

ช่างน่าลำบากใจจริงน้อ! ท่านหญิงมีสีหน้าแบบนั้น..

"มีลูกเหรอ.." / "ทายาท!ไงเจ้าคะ!" / "(ถอนหายใจ)"

(แข่งกันเรื่องแบบนี้นี่นะ ไม่น่าจะใช่ทาง ท่านมิไดคงคิดเช่นนั้น แต่ก็เถอะ! ก็มันเป็นหน้าที่นี่นา?)

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านมิไดกังวลมากเท่ากับอีกเรื่องที่ท่านรู้สึกคาใจมาแต่แรกแล้ว

------------------------------

แต่หลังจากนั้น ท่านอิเอซาดะก็ไม่เยี่ยงกรายเข้ามาหาท่านมิไดอีกเลย วันๆผ่านไปแบบเรื่อยๆเดิมๆ และในเวลาน้ำชาในวันอันแสนว่างวันหนึ่ง ขณะที่ท่านมิไดกำลังจะจิบชา

อิคุชิมะ "ท่านไม่มาหาแบบนี้ ก็แย่สินะเจ้าคะ?" / "ท่านไม่มาเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วน่ะ"

"พูดอย่างนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว" /
ฮัทสึเสะ "ถูกแล้วเจ้าค่ะ"

หลังจากนั้นนางกำนัลทั้งหมด ก็ก้มหัวขอร้องต่อท่านมิไดพร้อมกัน เพื่อสนับสนุนความคิดที่ว่า จะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วจริงๆ (นางกำนัลทุกคนต่างหวังให้โอโอขุมั่นคง ด้วยการที่ท่านมิไดมีทายาทของท่านโชกุนเอง)

"จริงด้วย!ขืนปล่อยไว้ ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก...ข้าจะต้องหาทางพิสูจน์ว่าเขาปัญญาอ่อนจริงหรือไม่" ท่านมิไดกลับพูดคนละเรื่องเดียวกัน!?

"ท่านมิไดเจ้าคะ!!" อิคุชิมะเกิดน้ำโหขึ้นทันที ก็เพราะอุตส่าห์พูดเตือนเรื่องนี้ แต่ท่านมิไดกลับไปคิดแต่เรื่องนู้น!

อิคุชิมะไม่ทันได้ดุอะไรท่านมิได นางกำนัลก็มาแจ้งว่า ท่านมิไดถึงเวลาต้องเปลี่ยนชุด เพื่่อไปทานอาหารแล้ว..

--------------------------

หลังจากท่านมิไดเปลี่ยนชุดเสร็จ อิคุชิมะที่ยังคาใจอยู่จากเรื่องเมื่อกี้อยู่ จึงสั่งให้นางกำนัลปิดห้อง เพื่อจะอยู่กับท่านมิไดตามลำพัง ฮัทสึเสะและนางกำนัลที่นั่งอยู่ข้างนอกก็งง!ว่าปิดทำไม?

"อิคุชิมะ เมื่อกี้ตั้งท่าจะพูดอะไรเหรอ?"

"ท่านมิได..ความจริงน่ะ ข้ารู้มาก่อนแล้วนะเจ้าคะ" / "เรื่องอะไรล่ะ?"

"ข่าวลือ ที่เขาว่าท่านคุโบเป็นคนปัญญาอ่อนเจ้าค่ะ"

"งั้น ท่านพ่อก็รู้ใช่มั้ย?"
ท่านหญิงเริ่มมีน้ำเสียงเย็นชา

"ถูกต้องเจ้าค่ะ" / "แล้วทำไม..ถึงให้ข้ามาแต่งงานทั้งๆที่รู้อย่างนั้นล่ะ?"

"แต่ว่าท่านพ่อ เคยบอกข้าไว้นะเจ้าคะ"
(แล้วอิคุชิมะเล่าถึงคำพูดของท่านนาริอาคิระ "ข้าน่ะ..คิดแล้วว่า ท่านผู้นั้นไม่ใช่คปัญญาอ่อน อย่างที่คนเขาลือกันหรอก!")

"อิคุชิมะ คำพูดเช่นนั้นน่ะ เชื่อถือได้มั้ย?"

อิคุชิมะอย่างมั่นใจ "แน่นอนเจ้าค่ะ!"

ท่านหญิงจ้องมองที่ตาของอิคุชิมะ แต่!!

มีเสียงท่านคุโบตะโกนดังมาแต่ไกล "หยุดนะ! หยุดๆ บอกให้หยุด!ไงเล่า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุดๆหยุดๆๆนะ.."

เมื่อท่านมิไดได้ยิน ก็รีบลุกออกไปตามเสียงของท่านคุโบที่ดังจากในสวนทันที!!

-------------------------------------

สิ่งที่ได้เห็นก็คือ ท่านคุโบกำลังวิ่งไล่จับเป็ดตัวเป็นๆอยู่ในสวน โดยมีโอชิงะคอยเดินตามท่าน โอชิงะท่าทางจะมีความสุขร่วมไปกับท่านคุโบ

"อิคุชิมะ" / "เจ้าคะ"

"ข้าทำผิดไปเองนั่นแหล่ะ" / "เอ๋?"

"ถ้าอยากรู้อะไร ก็ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจด้วยตัวเอง" / "ทำยังไงล่ะเจ้าคะ?"


พูดไม่ทันขาดคำ ท่านมิไดยกชายกิโมโนขึ้นสูง แล้ววิ่งออกไปร่วมจับเป็ดกับท่านคุโบทันที!

"หยุดนะ! หยุดนะ! หยุดๆๆ หยุดนะ!.." / "ทำอะไรน่! ข้ากำลังไล่จับมันอยู่นะเนี่ย"

"ท่านพ่อนาริอาคิระสั่งมาว่า ท่านทำอะไรข้าก็ต้องทำตามด้วยเจ้าค่ะ" /
"เอ้ย!เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน"

"หยุดนะ หยุดๆๆๆ.หยุดก่อนๆ" ท่านหญิงเล่นเอาท่านคุโบงง!
แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันวิ่งไล่จับเป็ดด้วยกัน

เสียงไล่จับเป็ดของทั้งคู่ดังเสียจนท่านฮงจูอินต้องลุกออกมาดู และสิ่งที่ท่านฮงจูอินเห็น ก็ทำให้ท่านฮงจูอินเกิดมีความหวังเรื่องทายาทชองโชกุนขึ้นมาอีกแล้ว..

"ถ้าเข้ากันได้อย่างนี้ สงสัยเรื่องทายาทก็คง.. โฮ่ะๆๆๆ..จริงมั้ยอุตะฮะชิ?"

----------------------

"ท่านพี่ๆ มันจะจนมุมแล้วเจ้าค่ะ" เสียงท่านหญิงตะโกนบอก แต่ทันใดนั้น!ท่านหญิงตอนนี้ก็เกิดพลาดท่า กำลังจะตกสะพานแดงแล้ว "อ๊ะ!ๆๆๆๆๆๆ อ้าๆ....!!"

เมื่อท่านคุโบเห็นท่านมิไดกำลังยื้อตัวเพื่อไม่ให้ตกสะพานอยู่นั้น สายตาของท่านคุโบก็กลับเปลี่่ยนแปลงฉับพลัน จากที่เคยหลุกหลิกกลับเฉียบคม! แล้วท่านคุโบก็กระโจนไปคว้าท่านมิได้ไว้ ไม่ให้ตกสะพานได้ทัน!

ท่านมิไดเกอืบตกน้ำ


ตอนนี้ท่านมิไดได้ตกอยู่ในวงแขนของท่านคุโบแล้ว พลันสายตาของท่านมิไดก็ประสานสายตาของท่านคุโบ ปิ๊ง!




PhotobucketPhotobucket


"อันตรายนะ ระวังหน่อยสิ!"

ท่านมิไดเห็นสายตาเฉียบคมคู่นั้น!! "ท่านพี่?"

เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ท่านคุโบก็กลับมาติ๊งต๊องเหมือนเดิม "แย่แล้ว แย่แล้ว!เป็ดหนีลงสระไปแล้วล่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุดๆๆๆ.."

ท่านคุโบก็กลับไปวิ่งไล่จับเป็ดต่อ โอชิงะก็จะรีบตาม แต่โอชิงะกลับมาหยุดมองท่านมิไดด้วยสายตาแปลกอีกแล้ว ก่อนที่จะคำนับท่านมิไดแล้วรีบตามท่านคุโบต่อไป

อิคุชิมะ "ท่านมิไดมีบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าเจ้าคะ?" / "อิคุชิมะ" / "เจ้าคะ!"

"ข้ารู้แล้วล่ะ" / "เอ๊ะ!"

"ท่านพี่ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนหรอกนะ.." / "ว่าไงนะเจ้าคะ?"


"ท่านอิเอซาดะ..ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนแน่!..ข้าจะต้อง..รู้จักตัวจริงของเขาให้ได้!..คอยดูเถอะ!"

.
.
.
.
.

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คืนแต่งงาน 65

atsuhime 65



อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 64




และแล้วพิธีการลำดับสุดท้ายในช่วงเวลากลางคืน นั่นคือพิธีส่งตัวเข้าห้องหอ และก่อนที่จะไปสู่ห้องหอ อิคุชิมะก็คุกเข่าลงและพูดกับท่านหญิงอัตสึอีกครั้ง (ขอเรียกว่าท่านหญิงอัตสึไปก่อนนะครับ แม้ตอนนี้จะเป็นท่านมิไดแล้ว)

"ท่านมิไดเจ้าคะ..งามเหลือเกินเจ้าค่ะ ท่านคุโบเห็นแล้วจะต้องชมแน่ๆเจ้าค่ะ"

ท่านมิไดยิ้มอายๆ

"ท่านมิได ข้าลาแล้วล่ะเจ้าค่ะ" / "จะไปแล้วเหรอ?"

"ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านได้ ถึงตรงนี้เท่านั้นเจ้าค่ะ"

แน่นอน ผู้หญิงเมื่อต้องเข้าหอครั้งแรก ยิ่งกับชายผู้ที่ตัวเองยังแคลงใจด้วยแล้ว ความหวั่นใจย่อมมีมากกว่าปกติ แต่หนทางของท่านมิไดหรือหนทางของลูกผู้หญิง เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ย่อมต้องเดินหน้าต่อไป

"เข้าใจแล้ว"

"ปรนนิบัติให้ดี ทำให้ท่านคุโบ ชอบท่านให้ได้นะเจ้าคะ" / "รู้แล้วน่า.."


------------------------

ส่วนที่สัทสุมะ นาโอโกโร่นั่งชมแสงเดือนเต็มดวงอยู่ ก็พระจันทร์ดวงเดียวกัน อยู่ที่ไหนก็พระจันทร์เดียวกัน แล้วนาโอโกโร่ก็หยิบเครื่องรางของโอคัตสึออกมาดู ครู่หนึ่งโอชิคะก็เดินมาหา "ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ"

"มีอะไรรึ?" เมื่อนาโอโกโร่ได้ยินเสียงเรียก ก็รีบเก็บเครื่องรางนั้นเข้าชายแขนเสื้อ โอชิคะแม้เห็นกิริยานั้นของสามี แต่เธอก็ทำเหมือนไม่เห็น

โอชิคะยิ้ม "เปล่าเจ้าค่ะ"

แล้วนาโอโกโร่ก็นั่งมองพระจันทร์ต่อไป 'แค่เพียงได้รักเขาก็พอ' ทั้งโอชิคะและนาโอโกโร่ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน..
.
--------------------

ตอนนี้ท่านหญิงอัตสึได้เข้าไปรอในห้องหอแล้ว เสียงกระดิ่งนำทางดังแว่วมาแต่ไกล "นายท่านมาแล้ว!"

เมื่อท่านคุโบเดินเข้ามานั่งในห้องแล้ว นางกำนัลพิธีก็พูดขึ้น "ท่านคุโบ ต่อไปเป็นพิธีเข้าหอ"

"น่าเบื่อออก ไม่ต้องทำแล้วล่ะ" / "แต่..แต่ว่า"

"ข้าไม่ฟ้องใครหรอก เพราะฉะนั้นหมดธุระของเจ้าแล้วล่ะ ออกไปได้แล้วไป" / "แต่.."

"ข้าบอกให้ออกไปได้แล้วไง" / "เจ้าค่ะ"

นางกำนัลพิธีจึงจำต้องออกไป หลังจากนั้นนักบวชหญิง2คน(นักบวชหญิงในศาสนาชินโต) ก็นำฉากมาบังตามากั้น


แล้วทั้งนักบวชหญิง2คน และนางกำนัลรับใช้อีก1คน ก็นั่งลงหลังฉากบังตาแค่นั้น พูดได้ว่าในห้องหอนั้นจะมีคนทั้งหมด 5คน!

ท่านหญิงอัตสึเห็นพิธีการที่มีคนเฝ้าอยู่แบบนี้ครั้งแรก ก็งง! (อย่าว่าแต่ท่านมิไดเลยครับ คนดูก็งง!เหมือนกัน แต่ทำไงได้นี่คือสิ่งที่โชกุนทุกคนและภรรยาของท่านต้องประสบตามๆกันมาเป็นร้อยปีแล้ว อยู่สูงเหนือผุ้คน ก็ลำบากแบบนี้เอง)

"ว่าไงล่ะ?" ท่านคุโบถามท่านมิได / "!?"

แล้วจะให้ทำไงล่ะ? ก็ท่านโชกุนแต่งงานมา3ครั้งแล้วนี่นา? (ท่านหญิงคงจะคิดแบบนี้กระมัง ก็คนมันเขินนี่นะ)

"ข้าเหนื่อยแล้วนะ จะนอนล่ะ" / "เอ๊ะ!"

"เจ้าก็นอนเถอะ"
ท่านคุโบนอนอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วหันหน้าไปอีกทางหลับตาลงทันที แต่!!



"ท่านพี่! ตั้งแต่วันนี้ไป ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย ถึงข้าจะไม่ใช่คนเก่งกล้าสามารถ แต่ในฐานะมิไดโดโกโระแห่งตระกูลโชกุน ข้าก็จะพยายามทำงานอย่างสุดกำลังเจ้าค่ะ!"

"หนวกหูน่า! เจ้าทำให้ข้าตื่นเลยเห็นมั้ย!" / "อุ้ย!ขออภัยจริงๆเจ้าค่ะ"

ท่านคุโบหันกลับไปนอนต่อ ท่านหญิงก็ไม่รู้จะทำอะไรได้อีก ก็ขอนอนบ้างดีกว่า แต่ท่านหญิงก็ยังคงประหม่าไม่หาย จนกระทั่ง..

"นอนไม่หลับเหรอ?" ท่านคุโบถามทั้งๆที่ยังหลับตา

"เจ้าค่ะ" / "หาเรื่องหนุกๆมาเล่าให้ข้าฟังหน่อยซิ"

"เรื่องสนุกๆเหรอเจ้าคะ?" / "ใช่แล้ว"

ท่านหญิงนึกอยู่แป๊บเดียว "เรื่องฮาริสดีมั้ยเจ้าคะ?" / "เรื่องฮาริส!!"

"เจ้าค่ะ คนที่อยู่ที่ชิโมดะน่ะ เรื่องนี้ท่านพี่คิดว่ายังไงบ้างล่ะเจ้าคะ?"

ท่านคุโบหันกลับมาดุ "เรื่องนั้นมันหนุกตรงไหน เนี่ย! อย่าเอามาพูดกับข้าอีกเชียวนะ!!" / "เจ้าคะ!?"

แล้วท่านคุโบก็หันกลับไปนอนต่อ ท่านหญิงเองก็ไม่รู้จะทำไงได้อีก พยายามหลับดีกว่า แต่..

"เรื่องอื่นมีมั้ยล่ะ? อ้ะ!นึกออกแล้ว เล่านิทานให้ข้าฟังหน่อยสิ"

"ให้ข้าเล่านิทานเหรอเจ้าคะ" / "นิทานปรัมปราน่ะ"

ท่านหญิงคิดแค่แป๊บเดียว "เอ่อ..เริ่มนะ กาลครั้งหนึ่ง ณ.ที่แห่งนึง มีหนูอยู่คู่นึง หนูตัวผู้นั้นชอบเล่นซูโม่เป็นชีวิตจิตใจ.."

"น่าสนใจดีนะ แล้วไงต่อล่ะ?" / "(เงียบ!)"

เมื่อไม่มีเสียงเล่าต่อ ท่านคุโบจึงลืมตาขึ้น หันกลับไปดูท่านหญิง แต่ท่านหญิงหลับสนิทไปแล้ว!

"เอ๊ย!!" ท่านคุโบลุกขึ้นทันที "แล้วมันเป็นยังไงต่อไปล่ะ!?

ก็ยังไม่มีวี่แววว่าท่านหญิงจะตื่น


ท่านคุโบก็เลยเรียกนางกำนัลรับใช้หลังฉาก

"เอาเหล้ามาซิ!" / "เจ้าค่ะ ได้เจ้าค่ะ"

ท่านคุโบก็เลยต้องดิ่มเหล้าเหงาๆเซ็งๆเพียงคนเดียว นั่งมองภรรยาที่กำลังหลับสนิทอย่างมีความสุข..


.
(นี่คือบุคลิกที่คนทั่วไปต้องอิจฉา เมื่อหลับก็คือหลับง่าย! หลับสนิท!คือผู้นำ!)

-------------------------

เช้าวันรุ่งขึ้น ท่านฮงจูอินกับอุตะฮะชิคนสนิทก็รู้เรื่องทุกเรื่องในห้องหอ

ท่านฮงจูอิน "ไม่ได้ทำอะไรกันเลยเหรอ?"

อุตะฮะชิ "เจ้าค่ะ เขาว่าเล่านิทานก่อนนอนเท่านั้นเจ้าค่ะ..มิหนำซ้ำท่านมิไดพูดเรื่องฮาริสขึ้นมาด้วยนะเจ้าคะ" / "พูดถึงฮาริส?"

"ไม่ใช่เท่านั้นนะเจ้าคะ"
แล้วอุตะฮะชิก็เข้าไปกระซิบ

ท่านฮงจูอินได้ยินก็ลมใส่ "หลับไปเสียก่อนด้วย! โอย..แล้วจะมีทายาทได้ไงกัน"

---------------------

ส่วนอิคุชิมะเอง เช้าวันนี้ตื่นสายกว่าปกติ จึงรีบไปหาท่านมิไดทันที แต่ไปไม่ทันได้พบ เพราะท่านมิไดไปไหว้พระทีห้องพระแล้ว..
.
.

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คืนแต่งงาน 64

atsuhime 64



อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 63



และแล้วก็ถึงวันที่18ธันวาคมอันเป็นฤกษ์มงคล ที่เป็นวันแต่งงานของท่านหญิงอัตสึ อิคุชิมะเมื่อเห็นท่านหญิงแต่งชุดในพิธีเสร็จ ก็กล่าวชื่นชมความงามของท่านหญิง



"งามเหลือเกิน สง่างามมากเลยเจ้าค่ะ" / "อิคุชิมะ" / "เจ้าคะ"

"ถึงเวลาแล้วสินะ" / "ถึงเวลาจนได้เจ้าค่ะ"

"ข้าหนีไม่ได้แล้วสินะ" / "ท่านหญิง ข้าจะอยู่ที่นี่นะเจ้าคะ"

.
ทั้้งนายและบ่าวต่างมองตากัน เพราะต่างเข้าใจถึงความลำบากที่ร่วมฟันฝ่ากันมากว่าจะถึงวันนี้้


"ข้าไปล่ะนะ"

แล้วท่านหญิงอัตสึลุกขึ้น เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ห้องรับรองเพื่อเข้าพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการกับท่านอิเอซาดะ

------------------



ท่านหญิงมานั่งรออยู่ในห้องพิธีก่อน ท่านโชกุนอิเอซาดะในชุดเจ้าบ่าวเข้ามาภายหลัง และหลังจากท่านคุโบนั่งลงแล้ว ท่านหญิงก็แอบชำเลืองมองท่านคุโบ

ท่านคุโบอิเอซาดะ "มองทำไม! มีอะไรติดหน้าข้างั้นเหรอ?" / "เปล่า!"

แล้วนางกำนัลพืธีก็กล่าวขึ้น "ขออภัยเจ้าค่ะ ตลอดพิธีแต่งงาน ห้ามเจ้าบ่าวเจ้าสาวมองหน้ากันนะเจ้าคะ ห้ามพูดกัน จนกว่าจะเสร็จพิธีเจ้าค่ะ" / "เจ้าค่ะ"

ท่านคุโบ "ข้าแต่งเป็นครั้งที่3แล้วนะ" / "เอ๊ะ!"

"ทำไมยังต้องทำอะไรซ้ำๆเหมือนเดิมอีก น่าเบื่อจังเลย" / "นายท่าน!"
นางกำนัลพิธีร้องเตือนอีก

"เจ้าแต่งมากี่คร้งแล้ว?" ท่านคุโบถามคำถามชอบกลๆกับท่านหญิง

"นี่เป็นครั้งแรกเจ้าค่ะ"
.
ท่านคุโบเขยิบมาหาท่านหญิง "มันเหนื่อยมากนะ" (หมายถึงพิธีจะทำให้เหนื่อย)

ท่านคุโบพูดเสร็จ ก็หยิบขนมแต่งงานขึ้นมาทานก่อนเองเลยชิ้นนึง แล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม ส่วนท่านหญิงเองเมื่อเห็นท่าทางพิลึกๆแปลกๆของท่านคุโบ สีหน้าท่านหญิงก็เกิดกังวลขึ้นมาอีกแล้วสิ..

ขณะประกอบพิธีตามขั้นตอนต่างๆไปตามลำดับอยู่นั้น ท่านหญิงก็แอบสังเกตดูเจ้าบ่าวอยู่เป็นระยะๆ (อันนี้ขอให้ดูจากคลิปแล้วกันครับ)

จนกระทั่งถึงเวลาพัก

-----------------------

ท่านหญิงจึงกลับไปที่ห้องพักก่อน และช่วงเวลานี้ท่านมุราโอกะ ผู้ทำหน้าที่ท่านแม่บุญธรรมจากตระกูลโคโนเอะก็มาพบท่านหญิง เมื่อท่านหญิงพบก็ทำความเคารพต่อท่านมุราโอกะ "สวัสดีเจ้าค่ะ"




ท่านมุราโอกะ "เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล เดี๋ยวนี้ข้าเป็นแม่ของเจ้าแล้วนะ" / "จริงด้วยเจ้าค่ะ"

"ท่านแม่คราวนี้ท่านอุตส่าห์เดินทางมาไกล ขอบพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะ"

อิคุชิมะ "จริงด้วยเจ้าค่ะ เพราะท่านอุตส่าห์ช่วย ถึงได้มีพิธีในวันนี้ได้ ขอบพระคุณหาที่สุดมิได้เจ้าค่ะ"

"ท่านอิคุชิมะ ทำได้ดีมากตั้งแต่ต้นจนถึงเดี๋ยวนี้เลย"

"ไม่หรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีให้กับท่านหญิง ที่มุ่งมั่นตั้งใจจริงเจ้าค่ะ"

ท่านหญิงยิ้มและพูดว่า "อิคุชิมะทำงานให้เราอย่างดีจริงๆ...ขอเปลี่ยนเรื่องเจ้าค่ะท่านแม่"

"ท่านแม่ ท่านเคยได้ยินคนเขาพูดกันถึงท่านคุโบว่าอย่างไรบ้างมั้ยเจ้าคะ?" (เอาอีกแล้ว ถามเรื่องนี้อีกแล้ว)

"เรื่องท่านคุโบเหรอ?" / "เจ้าค่ะ ใครๆพูดถึงท่านว่ายังไงบ้าง?"

"ท่านก็งามพร้อมไม่มีที่ตินี่นา ได้ยินว่าอย่างนั้น"
(อิคุชิมะเองก็ลุ้นคำตอบของท่านมุราโอกะเช่นกัน)

"งั้นรึเจ้าคะ" แม้ได้รับคำตอบจากท่านมุราโอกะแล้วก็ตาม แต่ท่านหญิงก็ยังไม่คลายความสงสัยเหมือนเดิม

ส่วนอิคุชิมะเองก็คงลำบากใจเหมือนกันที่ต้องปิดบังท่านหญิงแบบนี้

--------------------
.
(มีพิธีหลายอย่างที่เราไม่ได้เห็นในละครในตอนนี้ เช่นพิธีที่ท่านมุราโอกะเดินนำขบวนท่านหญิงเป็นต้น)

และแล้วพิธีก็ดำเนินต่อไป หลังจากการเลี้ยงก็ต่อด้วยพิธีที่เรียกว่าโซนิซังกง คือพิธีที่ท่าอิเอซาดะรับคำอวยพรจากไดเมียวทุกคน

ส่วนท่านหญิงก็แยกมาพบเหล่านางกำนัลอาวุโสเพื่อรับคำอวยพร

และนับตั้งแต่บัดนี้ ท่านหญิงอัตสึก็เป็นภรรยาท่านโชกุน จึงให้เรียกว่า "ท่านมิได" ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป..
"
"

.
.


คืนแต่งงาน 63

atsuhime 63


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 62


เช้าวันใหม่ที่สัทสุมะ

โอคุโบะ "มีจดหมายจากเอโดะ เล่าเรื่องสำคัญมากที่ลือกันไปทั่ว"

นาโอโกโร่ "เรื่องอะไร?" / แล้วท่านโอคุโบก็เข้าไปกระซิบบอกใกล้ๆ



"ท่านฮิโตะสึบาชิ จะขึ้นเป็นโชกุนคนต่อไปเหรอ?"

"ดูเหมือนท่านเจ้าแคว้นก็มีส่วนเปิดประเด็นนี้ด้วยนะ เพราะพวกท่านมีข้อจำกัดกว่าพวกฟุไดไดเมียว พวกท่านจึงต้องการใครสักคนที่ฉลาด และกล้าหาญพอที่จะปรับปรุงรัฐบาล และพร้อมจะเผชิญกับพวกฝรั่งต่างได้ด้วย คนหัวสมัยใหม่อย่างนั้น ก็เห็นมีแต่ท่านฮิโตสึบาชิ โยชิโนบุคนเดียวเท่านั้น"

"เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวๆ..หมายความว่าท่านหญิงอัตสึถูกใช้ให้ไปแต่งงาน ก็เพื่อผลักดันท่านฮิโตสึบาชิใช่มั้ย?" / "ก็ทำนองนั้นล่ะมั้ง!?"

"ถ้าเป็นอย่างนั้น..ท่านหญิงก็น่าสงสารเหลือเกิน.."

แม้อยู่ไกลลับตา แต่ใจก็ยังอาทร..

-------------------



ที่ปราสาทเอโดะ ท่านนาริอาคิระได้เข้ามาพบท่านอาเบะ ต่างฝ่ายก็มาแสดงความยินดีและขอบคุณซึ่งกันและกัน ที่ร่วมมือกันสนับสนุนให้เกิดการแต่งงานของท่านหญิงกับท่านโชกุนจนสำเร็จ แต่ประเด็นสำคัญของการพูดคุยของคนทั้งสองคือ

ท่านนาริอาคิระ "ว่าแต่ข้ามีเรื่องจะถามท่านเรื่องหนึง..เกี่ยวกับเรื่องท่านฮตตะขอรับ" / "อะไรรึ?"

"ท่านฮตตะ จะสนับสนุนท่านโยชิโนบุเป็นทายาทโชกุนคนต่อไปหรือไม่ เรื่องนี้ท่านพอจะทราบบ้างไหมขอรับ?"

"ไม่รู้สินะ เรื่องนี้ข้าก็ยังไม่ได้คุยกับท่านฮตตะเลย แต่ถ้าพวกฟุไดไดเมียวหัวเก่ารู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ มันจะยุ่งกันใหญ่ เรื่องเสนอชื่อท่านโยชิโนบุนี่ จะต้องค่อยๆทำไปอย่างรอบคอบ"

"ต่อไปนี้ ท่านอาเบะจะกลายเป็นพันธมิตรอีกคนของอัตสึโกะ ขอท่านช่วยผลักดันงานในปราสาทด้วยนะขอรับ" / "เชื่อมือข้าได้ขอรับ"

----------------------

ปลายปีมีทั้งการเตรียมงานวิวาห์ และงานต้อนรับปีใหม่ ในโอโอขุทุกคนจึงมีงานยุ่งทุกวัน จนกระทั่งถึงกำหนดแต่งงานที่จะมีในวันรุ่งขึ้น ในวันนี้ท่านอาเบะได้เข้าในโอโอขุเพื่อขอเยี่ยมเยียนท่านหญิงอัตสึ

ณ.ห้องรับรอง เมื่อท่านอาเบะมาถึง อิคุชิมะก็นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว สักพักท่านหญิงอัตสึก็เข้ามา

"ข้าคืออาเบะแห่งอิเซะขอรับ..พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของท่านหญิง ข้าจึงมาแสดงความยินดีด้วยขอรับ" / "ขอบคุณมาก"

"เรื่องของท่านอาเบะ ท่านพ่อแห่งสัทสุมะเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ เพิ่งได้พบครั้งแรกรู้สึกดีใจมาก"

"ข้าก็เหมือนกัน ข้าอยากพบท่านหญิงมานานแล้ว เพิ่งจะสมปรารถนาก็วันนี้เองน่ะขอรับ"

อิคุชิมะ "ข้าดีใจมากเจ้าค่ะ ที่ได้มาพบคนที่ทำงานเรื่องเดียวกับเรา ทำให้มีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลยเจ้าค่ะ"

"ท่านกำลังหมายถึงเรื่องทายาทใช่รึเปล่า?"

.
"ถูกแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงก็กำลังพยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำตามคำสั่งของท่านพ่อแห่งสัทสุมะเจ้าค่ะ"

"ตอนนี้ท่านหญิงมีอะไรจะถามมั้ย เช่นเรื่องกิจธุระในปราสาทน่ะขอรับ?" / "ข้าสนใจเกี่ยวกับฮาริส?"

"น่าทึ่งจริงๆ..นึกไม่ถึงว่าท่านหญิงจะรู้เรื่องการเมืองมากถึงเพียงนี้ แต่.."

"ฮาริสน่ะ เรียกร้องจะมาที่เอโดะอย่างนั้นรึ?"

"เขาขอมาอีกครั้งนึงแล้วล่ะขอรับ คราวนี้เราว่าจะปฏืเสธเป็นลายลักษณ์อักษรไปเลย"

"เรื่องเจรจาค้าขายเหรอ?" / "มันเกี่ยวพันธ์กันไปหมด พวกเราจึงต้องระวังให้มากน่ะขอรับ"

"ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไร ต่อไปนี้ขอให้บอกข้าด้วยนะ" / "รับทราบแล้วขอรับ"

แต่ยังเหลือเรื่องที่ท่านหญิงอยากจะถามที่สุด

"ยังมี อีกเรื่องนึง" / "ขอรับ"

"ขอถามเรื่องท่านคุโบน่ะ"
(อิคุชิมะได้ยินถึงกับสะดุ้ง)

แล้วท่านหญิงก็ลุกเดินเข้ามานั่งต่อหน้าท่านอาเบะใกล้ๆ

"งานที่ท่านพ่อแห่งสัทสุมะสั่งให้ทำนั้น ข้าไม่มีวันลืม..แต่ว่า..ถ้าหากท่านคุโบไม่ใช่คนปกติแล้วล่ะก็" / "ท่านหญิง!"

"ก็คงจะสุดวิสัยที่คนอย่างข้าจะจัดการได้ อาจทำให้เรื่องอื่นมีปัญหาตามไปด้วย"

"เราคงต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไปขอรับ"

"ท่านอาเบะ ขอถามอีกสักครั้งนะ ท่านคุโบน่ะเป็น.."


"ท่านเป็นผู้นำสูงสุด!ของเหล่าซามุไรขอรัซามุไรไม่จำเป็นต้องตอบเรื่องของเจ้านายขอรับ"
ท่านอาเบะตอบด้วยคำพูดที่ทรงพลัง จนท่านหญิงไม่กล้าที่จะซักไซร์ต่อไป..

------------------

พรุ่งนี้แล้วสินะ ก็จะถึงวันแต่งงานของท่านหญิงอัตสึ..

.
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 64
.
.
.

ผู้ติดตาม