วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

พายุฎีกา 92

atsuhime 92


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 91



ส่วนฝ่ายท่านมิได "อะไรนะ ท่านพ่อส่งฏีกามาแล้วงั้นเหรอ?"

อิคุชิมะ
"ท่านแสดงความคิดเห็นว่าควรจะให้ท่านโยชิโนะบุเป็นทายาท เมื่อแคว้นใหญ่อย่างสัทสุมะแสดงเจตนาชัดอย่างนี้ เลยทำให้ฮือฮากันไปทั่่วเลยเจ้าค่ะ"

"เพราะอะไร ทำไมส่งมาตอนนี้ล่ะ เพราะข้าเกลี้ยกล่อมไม่ได้ผลใช่มั้ย? หรือเพราะข้าใช้เวลานานเกินไปจนไม่เห็นทางสำเร็จซะที ท่านพ่อก็เลยลงมือซะเอง ใช่รึเปล่าล่ะ?!"
ท่านหญิงตกใจและรู้สึกผิดที่ตนทำงานไม่สำเร็จ จนทำให้ท่านพ่อต้องออกหน้าเสียเอง

อิคุชิมะไม่รู้จะตอบยังไง ยิ่งทำให้ท่านหญิงรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น จนถึงกับทรุดตัวนั่งลงอย่างท้อใจ

"อย่างไรก็ตาม แบบนี้ใครๆก็เห็นจุดยืนเราชัดแล้วเจ้าค่ะ พวกเราไม่มีทางหนี ไม่มีทางปกปิดแล้วนะเจ้าคะ ยังไงเสียท่านมิไิด ก็ต้องทำงานทันทีนะเจ้าคะ!" / "ข้าต้องทำงานทันทีเหรอ?"

----------------------------

ส่วนทางฮาริส ก็ได้เข้ามาเจรจากับทางฝ่ายรัฐบาลในรายละเอียดของการทำสนธิสัญญา ซึ่งฮาริสนั้นเรียกร้องเพิ่มมากกว่าเดิม จากที่ญี่ปุ่นจะยอมเปิดเมืองท่าคานากาวะกับนางาซากิให้ แต่ฮาริสก็ต้องการให้เปิดเมืองท่าอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะเมืองโอซาก้านั้น ฮาริสเจาะจงมากเป็นพิเศษว่าต้องเปิดให้ได้

ปัญหาการเจรจากับอเมริกามีการประชุมครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุึดก็ถึงจุดวิกฤติ ในช่วงใกล้ปีใหม่ ท่านฮตตะจึงต้องเข้าไปรายงานเรื่องการเจรจากับฮาริสให้ท่านโชกุนรับทราบ ในการประชุมใหญ่ของรัฐบาล

ท่านฮตตะ "สรุปว่า เราต้องเปิดเมืองท่าเพิ่มขึ้นขอรับ เรากำลังต่อรองกับอเมริกาว่าจะเป็นเมืองใด เราหลีกเลี่ยงการค้ากับชาติตะวันตก ไม่ได้แล้วขอรับ!"

เมื่อท่านฮตตะกล่าวจบ เหล่าบรรดาที่ปรึกษาที่มาร่วมประชุมหลายคนที่ไม่ทราบเรื่องราวมาก่อน ต่างฮือฮาเสียงดังวิพากษ์วิจารณ์ว่า บะขุฝุกำลังไร้น้ำยาเสียแล้ว ที่ไม่อาจต้านทานพวกต่างชาติ จนทำให้ต้องจำยอมต้องเปิดประเทศแล้ว

"เงียบ!....เงียบ!!..ข้าบอกให้เงียบไง!!" ท่านโชกุนต้องตะโกนสั่งถึง2ครั้ง พวกบรรดาที่ปรึกษาเหล่านั้นถึงจะยอมเงียบ

"ว่าต่อไปสิ" / "ขอรับ"

หลังจากนั้นท่านฮตตะก็กล่าวรายงานต่อ โดยที่ท่านโชกุนนั่งหลับตาฟังอย่างสงบ..

-------------------

ในคืนนั้น ท่านคุโบก็มาเล่นหมากเรียง5กับท่านมิไดเช่นเคย และก็เล่าเรื่องที่ประชุมวันนี้ให้ท่านมิไดฟัง

"อย่างนั้นเหรอเจ้าคะ" / "ถ้าไม่ตกลงค้าขายตามอเมริกาเรียกร้อง ฝรั่งชาติอื่นก็จะยกทัพมาบุกเรา เพราะฮาริสจะไปขอให้พวกนั้นมาช่วยด้วย โชคชะตาช่างกลั่นแกล้งเราเสียจริงๆเลยนะ"

"คนอย่างข้านะไม่ชอบสงคราม ไม่อยากปกครอง แต่กลับต้องมาเป็นโชกุนในยุคนี้ได้" / "แล้วท่านพี่คิดจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ?"

"คงจะถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเสียแล้วกระมั้ง แทนที่จะรอให้เกิดสงคราม เราก็ควรคิดหาวิธีเปิดประเทศอย่างระมัดระวังให้ได้จะดีกว่า" / "หาวิธีเปิดประเทศเหรอ?"


"หลังปีใหม่แล้วที่ปรึกษาฮตตะจะไปเกียวโตน่ะ" / "ไปทำไมเจ้าคะ?"

"เราปิดประเทศมา200กว่าปีแล้ว ถ้าองค์พระจักรพรรดิทรงอนุญาตให้เปิด ก็จะไม่มีใครกล้าบ่นอีก เพราะพวกเขาคิดว่าคงจะได้พระบรมราชานุญาตทันที และทำให้พวกเขาจะมีสิทธิโดยชอบธรรมมากขึ้น"

"ถ้าจะยากเจ้าค่ัะ ได้ยินว่าสมเด็จพระจักรพรรดิทรงชิงชังฝรั่ง ถึงกับเคยรับสั่งว่าให้ไล่ไปให้หมด คิดว่าพระองค์ทรงไม่ยอมอนุญาตให้ได้ง่ายๆหรอกเจ้าค่ะ"

ท่านคุโบฟังความคิดของท่านมิไดแล้ว เลยแกล้งถามขึ้นว่า
"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ มิไดก็ต้องลำบากใจเป็นพิเศษล่ะสินะ" / "เรื่องอะไรเจ้าคะ?"

"ข้าได้อ่านฎีกาที่ทางสัทสุมะเสนอมาแล้ว" /
ท่านมิไดได้ยินก็หน้าจ๋อยลงนิดนึง

"ในที่สุดท่านพ่อสกุลชิมะสึ ก็ต้องเริ่มเคลื่อนไหวในสิ่งที่ประสงค์" / "การที่ท่านพ่อ..จำเป็นต้องทำแบบนั้น..เพราะข้าเองเจ้าค่ะ"

"เพราะเจ้าเหรอ เพราะข้าด้วยล่ะมั้ง เ้อ้า! เดิน3!"

ท่านมิไดไม่เดินหมากต่อ แต่กลับนิ่งเงียบและเครียดจนถึงขนาดกำมือจิกผ้านุ่ง และหวนกลับไปนึกถึึงคำพูดของอิคุชิมะเมื่อวันก่อน ที่ว่า "ต้องให้ท่านคุโบกำหนดให้ท่านโยชิโนะบุเป็นทายาทเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น! ท่านมิไดก็จะได้อยู่สบายขึ้นด้วยนะเจ้าคะ"

หลังจากนั้นท่านมิไดขยับนั่งท่านั่ง พร้อมจรดมือรูป3เหลี่ยม (สังเกต ผมจะย้ำให้เห็นท่านี้เสมอ เพราะการจะพูดหรือขอร้องอะไรที่สำคัญและจริงจังอย่างเป็นทางการ วัฒนธรรมของญี่ปุ่นจะต้องกระทำท่าจรดมือรูป3เหลี่ยมเช่นนี้ก่อน งดงามจริงๆ)

ท่านคุโบเห็นกิริยาของท่านมิไดเช่นนี้ จึงถามว่า
"นั่นจะทำอะไรน่ะ?"

"จะขอความกรุณาเจ้าค่ะ"
ท่านมิไดสายตาจริงจัง / "ขออะไรล่ะ?"
สายตาท่านคุโบยังยิ้ม และเหมือนท่านจะอ่านใจท่านมิไดออก

"เรื่องโชกุนคนต่อไป ได้โปรดให้ท่านโยชิโนะบุเป็นได้มั้ยเจ้าคะ?"

ท่านคุโบอมยิ้ม แล้วถามต่อ "แปลว่าเจ้าต้องทำตามที่ท่านพ่อแห่งสัทสุมะสั่งมาใช่รึเปล่าล่ะ?"

ท่านมิไดนิ่งไปอยู่ครู่ เพราะถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจแล้วว่า สิ่งที่กำลังจะตอบไปนั้น ใช่การทำตามคำสั่งท่านพ่อหรือไม่ หรือเพราะอะไรกันแน่ แต่แล้ว..

"ไม่ใช่เจ้าค่ะ.." / "ทำไมถึงไม่ใช่ล่ะ?"

"เรื่องนี้...เรื่องนี้..เป็นความคิดของข้าเองเจ้าค่ะ!"
.
"ถ้าอย่างนั้นที่คราวก่อนเจ้าบอกข้า หมายความว่ายังไง? ที่ว่าโยชิโตมิเหมาะสมกว่าโยชิโนะบุน่ะ เจ้าเป็นคนพูดเองใช่มั้ย?" ท่านคุโบยังถามด้วยรอยยิ้มเสมอ

"เรื่องนั้น..." / "พอ พอแล้ว! คืนนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน" ท่านก็ยังพูดด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม

แล้วท่านคุโบก็ลุกขึ้นทันที แล้วกำลังจะออกจากห้องนี้ไป แต่ก่อนจะออกไป ท่านก็หยุดพูดประโยคสั้นๆที่แสนเย็นเฉียบว่า

"ข้าหลงคิดว่า เจ้าเป็นผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่ข้าจะไว้ใจได้เสียอีก"

คำพูดที่แสนจะเย็นเฉียบนั้นบาดลึกเข้าสู่หัวใจของท่านหญิงอัตสึเป็นที่สุด...

.
.
.
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม