วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ยอดบุรุษของญี่ปุ่น 8

atsuhime 8


อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(7)


ขอย้ำประโยคที่ผมเคยเขียนไว้อีกครั้งคือ "จงมองวัฒนธรรมของชาติอื่นด้วยใจเคารพ" ในบทนี้จะถึงตอนที่โอคัตสึจะได้รู้จักระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกาเป็นครั้งแรกครับ

**************************

ส่วนหนึ่งความประทับใจในเจ้าหญิงอัตสึ

บุคลคลที่โอคัตสึบอกว่าน่าสนใจมาก นั่นก็คือท่านมันจิโร่ ชายญี่ปุ่นที่เคยไปอยู่ที่อเมริกา เมื่อโอคัตสึ นาโอโกโร่ ท่านอาจารย์คิโยมิชิ และโอชิคะน้องสาวอาจารย์มาถึงบ้านท่านมันจิโร่แล้ว

"เพรส..ซิ..เดนท์ เหรอ?" เสียงนาโอโกโร่เปรยขึ้นอย่างสนใจ

"คนอเมริกัน เขาใช้เรียกผู้นำน่ะ ทุกๆ4ปี จะมีการเลือกตั้งครั้งนึง โดยประชาชนทุกคนจะไปหย่อนบัตรหรือว่าเขียนจดหมายเพื่อเลือก" ท่านมันจิโร่เริ่มต้นการอธิบายถึงตำแหน่งประธานาธิบดี

"อ๋อ!!......." ทุกคนในวงสนทนาร้องอ๋อกันใหญ่

ท่านอาจารย์คิโยมิชิ "เรื่องนั้นข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกันนะ.."

นาโอโกโร่ "ต่างกับโชกุนโทกุกาว่าเยอะเลยนะขอรับ"

ท่านมันจิโร่ "คือเค้าไม่แบ่งชั้นว่าใครเป็นซามุไร หรือว่าใครเป็นชาวนา ทุกคนมีสิทธิเสมอภาคกันหมด"

โอคัตสึ "เพิ่งตั้งประเทศยังไม่ถึง70ปีเลยนะเนีย"

"ในตอนแรกเค้ามีผู้หญิงน้อย เค้าก็เลยให้ความสำคัญกับผู้หญิงมาก"

"แล้วเขาทำยังไงบ้างล่ะ"

"อย่างเช่นเวลาจะเข้าหรือว่าจะออกจากตึกน่ะ เขาก็จะให้ผู้หญิงไปก่อน"

"หา!!......" ทุกคนที่ฟังส่งเสียงประหลาดใจกับเรื่องที่ได้ยิน

"ส่วนเรื่องแต่งงานก็ไม่ต้องให้ครอบครัวกำหนด ผู้หญิงเขาจะเลือกได้เองตามความพอใจ"

"ก็หมายความว่า อยู่กับคนที่ตนรักได้งั้นเหรอ?" โอชิคะก็สนใจถามขึ้นบ้างเหมือนกัน ตอนนี้นาโอโกโร่ก็หันไปชำเลืองมองโอคัตสึอย่างเศร้าๆ

"ใช่แล้วครับ"



ส่วนโอคัตสึเองก็พาไปคิดถึงเรื่องที่ท่านแม่แอบมาบอกเรื่องที่มีคนมาทาบทามขอตนเองแล้ว (ท่านพ่อสั่งห้ามไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกโอคัตสึ)

ขอแทรกนิดนึงครับ ตามธรรมเนียมโบราณของญี่ปุ่น โดยเฉพาะครอบครัวซามุไรแล้ว เขาจะมีประตูใหญ่ตรงกลางให้สำหรับผู้ชายเดินเข้าออกรั้วบ้าน ส่วนผู้หญิงจะมีประตูเล็กๆเข้าออกอยู่ข้างประตูใหญ่อีกทีนึง ส่วนตัวบ้านก็จะมีทางเข้าสำหรับผู้ชาย และสำหรับผู้หญิงแยกกันใช้ (สมัยโอคัตสึยังเป็นแบบนี้หรือไม่ยังไม่แน่ใจ) และผู้ชายได้สิทธิเดินเข้าบ้านก่อน

สิทธิของผู้ชายญี่ปุ่นใหญ่กว่าผู้หญิงมากๆ แต่ผู้หญิงสมัยนั้นก็ไม่ได้จะคิดว่าเป็นเรื่องผิดหรือไม่เสมอภาคกันแต่อย่างไร เพราะหน้าที่ผู้ชายคือเป็นนักรบที่ต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องผู้หญิงและบ้านเมือง สังคมสมัยนั้นเขาให้เกียรตินักรบมากที่สุดครับ แต่ซามุไรที่มีคุณธรรมแล้ว เขาจะไม่หยื่งผยองในเกียรติที่ตนมีเกินขอบเขตครับ เช่นที่ท่านพ่อของโอคัตสึก็เคยก้มหัวขอโทษแก่ชาวนาได้นั่นเอง(บทที่1)

-------------------------

เมื่อนาโอโกโร่กับโอคัตสึเดินออกจากบ้านท่านมันจิโร่ ทั้งสองก็เดินคุยถึงเรื่องสิทธิของคนอเมริกันที่แปลกใหม่และน่าทึ่ง

"น่าทึ่งจังเลยนะ เลือกแต่งงานกับคนที่รักได้ก็น่าทึ่งดี"

"ใช่อะไรๆก็น่าแปลกใจไปหมด แต่ว่า! อเมริกากับญี่ปุ่นต่างกันเกินไป.."

"วันนี้เป็นอะไรไปเหรอ? ทุกทีเห็นชอบความคิดใหม่ๆ แต่วันนี้เหมือนไม่ใช่ท่านเลย"

"จริงด้วยสินะ" โอคัตสึตอบแบบดูเศร้าๆ

"ข้าน่ะ.. จะบอกว่าข้าน่ะมีคนมาขอแล้ว... แต่ว่าครอบครัวข้ามองเขาว่าเป็นพวกศัตรู"

"ก็ถูกแล้วนี่"

"เอ๊ะ!"

"ไม่มีอะไร..คือท่านทาดายุกิ(พี่ชายของโอคัตสึ)เล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว... ได้ยินว่าเขาแอบฟังท่านพ่อท่านแม่คุยกันน่ะ"

"แอบฟังให้อภัยไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ" โอคัตสึดุ

"ท่านเองก็เป็นนักแอบฟังตัวยงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ" นาโอโกโร่เลยย้อนกลับ

"ก็นั่นมัน.. เป็นอาวุธของผู้หญิงที่อ่อนแอนี่นา ผู้ชายที่แอบฟังน่ะขี้ขลาด" (ตอนดูละครตอนนี้ผมขำเลยครับ)

"แล้วท่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ"

"ก็ท่านแม่บอกน่ะสิ เรื่องแบบนี้ถ้าไม่บอกจะได้หรือ"

"แล้วท่านจะทำยังไงต่อไปล่ะ"

"จะทำยังไงได้ล่ะ.. ถ้าท่านเจ้าแคว้นเอ่ยปาก ก็ต้องทำตามนั้น.."
.
เมื่อคุยต่อมาอีกสักพักโอคัตสึก็ขอร้องให้นาโอโกโร่ช่วยไปเป็นเพื่อนเธอ เพื่อจะไปแอบดูท่านอุกง ชายที่ให้พ่อมาทาบทามขอโอคัตสึ (ท่านอุกงคือบุตรของท่านทาดายุกิที่เป็นน้องชายท่านเจ้าแคว้น)

ทั้งๆที่โอคัตสึก็รู้ว่าการเป็นหญิงเรื่องแบบนี้ไม่ควรทำ ควรอยู่เฉยๆไว้ เพราะมันไม่งาม แต่โอคัตสึก็อดไม่ได้ที่อยากจะไปดูชายคนนั้นเพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนได้ นาโอโกโร่ก็เข้าใจเลยยอมที่จะตามไปด้วย ทั้งๆที่ในใจไม่อยากไปเลย และทั้งคู่ก็ไปที่สนามฝึกซ้อมยิงธนู ที่โอคัตสึได้ข่าวว่าท่านอุกงจะไปฝึกซ้อมที่นั่น

โอคัตสึจึงได้แอบมองท่านอุกงอยู่ไกลๆ แต่ในช่วงที่กำลังแอบดู นาโอโกโร่หน้าตาไม่สบายเอาซะเลย

และในระหว่างเดินกลับบ้าน นาโอโกโร่ก็เอ่ยพูดขึ้นก่อนว่า

"เป็นยังไงบ้างล่ะ ท่านอุกงเนี่ย"

"ท่าทางคงเป็นคนดี ค่อยโล่งใจไปหน่อย"

"เห็นแป๊บเดียวจะพอเหรอ ดูแค่นั้นก็โล่งใจพอที่จะไปเป็นเจ้าสาวเขาแล้วเหรอ" น้ำเสียงนาโอโกโร่เริ่มแหม่งๆ

"ก็ใครบอกว่าจะทำอยางนั้นเล่า" โอคัตสึเริ่มฉุน

"ก็ไหนบอกว่ายังไงก็ต้องทำ ไม่ใช่รึยังไงล่ะ"

"โกรธอะไรขึ้นมาอีกเล่า"

"ก็ไม่ได้โกรธสักหน่อยนี่"

"งั้นขอถามหน่อยนะ ข้าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองนักหรือ ที่อเมริกาเขาต้องสมัครใจ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องไปแต่งใช่มั้ยล่ะ ที่นี่ไม่ใช่อเมริกานะ แล้วผู้หญิงญี่ปุ่นทำแบบนั้นได้รึ?"

นาโอโกโร่เถียงไม่ออก

"วันนี้รบกวนท่านมากเกินไปละ ขอโทษจริงๆนะ ไปล่ะสวัสดี" โอคัตสึเลยตัดบทพูดห้วนๆ พร้อมกับก้มหัวให้และขอลากลับทันที

(ผมชอบตรงที่โอคัตสึก้มหัวเพื่อขอบคุณผสมขอโทษแก่นาโอโกโร่จริงๆ เพราะอย่างที่ผมเคยว่าไว้ แม้โอคัตสึสูงศักดิ์กว่านาโอโกโร่ แต่สำหรับการขอโทษหรือขอบคุณสำหรับคนญี่ปุ่น ชนชั้นสูงที่มีคุณธรรมย่อมก้มหัวให้ผู้น้อยได้ก่อนครับ ธรรมเนียมญี่ปุ่นเขาดีจริงๆเลย)

แต่โอคัตสึเดินจากไปไม่ทันจะกี่ก้าว นาโอโกโร่ก็เรียก "ท่านโอคัตสึ!... ท่านโอคัตสึน่ะ ชอบ ชอบผู้ชายแบบไหนเหรอขอรับ อยากอยู่กับผู้ชายแบบไหนกันเหรอ"

โอคัตสึหยุดฟัง แต่ยังไม่ได้หันกลับไป หยุดยืนคิดสักพัก มองออกไปยังทิวทัศน์ทะเลที่สวยงาม แล้วก็ไอเดียก็ปิ๊ง! หันมาตอบว่า

"ยอดบุรุษของญี่ปุ่น!!"
.
"ยอดบุรษของญี่ปุ่น?"
.
"ใช่! ยอดบุรุษของญี่ปุ่น ผู้ชายอย่างนั้นจึงจะเหมาะกับข้าน่ะ ข้าอยากเป็นภรรยาของผู้ชายที่ดีเลิศ จะว่าแบบนั้นก็ได้"

เมื่อต่างคนได้กลับไปบ้านตนเองแล้ว นาโอโกโร่เฝ้าครุ่นคิดกับคำว่า ยอดบุรุษของญี่ปุ่น อย่างหนัก แถมเขียนคำๆนี้ตัวเบ่อเร่อ และทบทวนคำๆนี้ซ้ำแล้วซ่ำเล่า

โอคัตสึก็ได้ไปคุยกับท่านแม่ แล้วก็พูดคุยไปถึงเรื่องที่ตัวเองแอบดูท่านอุกง และได้บอกกับท่านแม่เรื่องที่เคยพูดกับผู้ชายคนๆหนึ่ง(นาโอโอโกโร่)ไว้ว่า ตนเองอยากจะแต่งกับยอดบุรุษของญี่ปุ่น
.
แต่ผมจะขอข้ามไปที่โอคัตสึถามท่านแม่เรื่องท่านพ่อเลยครับ

"สำหรับท่านแม่ ท่านพ่อน่ะ เป็นยอดบุรุษของญี่ปุ่นมั้ยคะ"

"ใช่จ้ะ... ยอดบุรุษของญี่ปุ่น แต่ว่า..ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นตั้งแต่ต้นหรอกนะ มันค่อยๆตระหนักขึ้นมาในใจ เดี๋ยวนี้ท่านเป็นบุรุษที่ไม่มีใครเทียบได้เลย"

"เข้าใจแล้ว" (ผมชอบมากๆครับกับประโยคนี้ในเรื่องเจ้าหญิงอัตสึ ประโยค"เข้าใจแล้ว"มีใช้มาก ใช้เป็นประจำในละครเรื่องนี้ครับ ผมว่าเป็นประโยคที่ง่ายๆและสุดยอดจัง)

"เจ้าเองก็อาจจะเหมือนกันนะ กับท่านอุกงน่ะ"

"ถ้าต้องอยู่กับเขา ข้าก็จะพยายามจนสุดกำลัง แต่ว่า..."

"เจ้ารู้สึกว่า เขาไม่ใช่ยอดบุรุษของญี่ปุ่นใช่ไหม?"

โอคัตสึยังไม่ตอบอะไร

"แม่คิดว่าแม่เข้าใจเจ้านะ"

โอคัตสึสีหน้ากังวล ก่อนที่จะตอบว่า "เข้าใจแล้วค่ะ"

"อย่างนั้นเหรอ"

"ท่านแม่ ข้าเอาแต่ใจตนเองมากไปมั้ยคะ"

"ไม่หรอก เจ้าแค่เพียงจริงใจมากเท่านั้นเองน่ะ"

และการพูดคุยของ2แม่ลูกก็จบลงที่รอยยิ้มแก่กัน

ส่วนทางนาโอโกโร่ก็เริ่มเล่นซามิเซ็งด้วยอารมณ์ที่สับสน ต่อด้วยออกไปฝึกฟันเคนโด้อย่างบ้าคลั่ง พร้อมในใจครุ่นคิดแต่คำว่า "ยอดบุรุษแห่งญี่ปุ่น ข้าจะเป็นได้มั้ยนะ" จบด้วยอาบน้ำยามค่ำคืนกลางแจ้ง

.

ผมเห็นมาหลายเรื่องแล้วที่ คนญี่ปุ่นสมัยก่อนมักจะอาบน้ำกลางแจ้ง เพื่ออธิษฐานขอพร(อันนี้ต้องกลางแสงจันทร์วันเพ็ญ) หรืออาจจะเพื่อดับความเร่าร้อนบางอย่างในใจตน หรืออาจจะอาบน้ำเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนทำอะไรบางอย่างที่สำคัญ

.

และในคืนวันนั้นนั่นเอง นาโอโกโร่ก็ได้ตัดสินใจทำสิ่งที่กล้าหาญสำหรับลูกผู้ชายคน!!.

.
**************************

.

บทนี้ผมขอสรุปตรงที่ แม้โอคัตสึจะดูชื่นชมวัฒนธรรมและสิทธิสตรีของคนอเมริกันก็ตาม แต่โอคัตสึไม่เคยคิดจะดูถูกวัฒนธรรมญี่ปุ่นของตนเลย เพราะวัฒนธรรมในทุกๆที่ล้วนมีที่มาที่ไปต่างกัน ซึ่งเราจะเห็นในหลายๆตอนต่อไปว่า โอคัตสึมีความภูมิใจในความเป็นญี่ปุ่นมากๆ

.

อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก9

..

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม