อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(5)
เมื่อตอนที่แล้วได้นำเสนอปรัชญาบูชิโดมาหน่อยนึงแล้ว ในเรื่องเจ้าหญิงอัตสึในตอนต่อๆไป แนวคิดแบบบูชิโดจะมีเสนอให้เห็นชัดเจนมากขึ้น และสื่อให้เข้าใจเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ
หากเรามองเผินๆก็อาจจะคิดว่า วิถีบูชิโดก็คงเหมือนกับวินัยทหาร แต่ที่จริงแล้ว วิถีบูชิโดยังมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่าวินัยทหาร วินัยทหารดูจะเป็นการบังคับให้ต้องทำมากกว่า แต่บูชิโดจะคล้ายๆก็เป็นปรัชญาศาสตร์หนึ่งที่ซามุไรศรัทธา
การทหารก็นำวิถีบูชิโดมาประยุกต์ใช้ซึ่งออกจะเผด็จการกว่า เพราะบูชิโดแท้ๆจะทำตามด้วยใจมากกว่าถูกการบังคับ แม้ผู้ถูกสั่งจะมีข้อกังขาในคำสั่ง แต่สุดท้ายก็จะทำตามด้วยใจศรัทธาต่อเจ้านายเป็นที่ตั้ง
ในกองทัพญี่ปุ่นยุคสงครามโลกครั้งที่2 วินัยกองทัพญี่นก็คือวิถีบูชิโด เพียงแค่กองทัพเปิดรับสมัครทหารหน่วยกามิกาเซ่หรือหน่วยฝูงบินโจมตีแบบสละชีพ ด้วยวิถีแห่งบูชิโดที่มีองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์เป็นเจ้านายสูงสุด ทหารญี่ป่นจำนวนมากต่างขันอาสาสละชีพเพื่อองคจักรพรรดิด้วยความเต็มใจ
สุดท้ายมีบางคนไม่ได้ออกรบเพราะสงครามยุติก่อน บางคนรับไม่ได้ถึงกับฮาราคีรีตนเองเพราะไม่ได้มีโอกาสรับเกียรติแห่งความกล้าตามวิถีแห่งบูชิโด
ฉะนั้นวิถีบูชิโดต้องมีการให้เกียรติและการดำรงไว้ซึ่งกียรติเป็นเครื่องมือรองรับด้วยจึงจะเป็นวิถีบูชิโดโดยสมบูรณ์
"ซื่อสัตย์ ภักดีต่อนายด้วยชีวิต เชื่อใจนายเสมอ"
***************************
ส่วนหนึ่งความประทับใจในเจ้าหญิงอัตสึ (ต่อจากตอนที่แล้ว)
ในที่สุดงานเลี้ยงฉลองให้ท่านเจ้าแคว้นคนใหม่ก็มาถึง ทุกสายตระกูลต้องเข้าพบท่านนาริอาคิระตามลำดับความสำคัญและความสัมพันธ์
ช่วงสำคัญของตอนนี้มีอยู่2ช่วง คือช่วงที่ ท่านทาดายุกิน้องชายต่างมารดาเข้าพบเพื่อคาราวะต่อท่านนาริอาคิระ ซึ่งเมื่อตอนมีการจราจลที่ผ่านมา เคยเกิดการต่อสู้ระหว่างซามุไรฝ่ายสนับสนุนท่านนาริอาคิระกับฝ่ายซามุไรที่สนับสนุนท่านทาดายุกิ สุดท้ายซามุไรฝ่ายสนับสนุนท่านนาริอาคิระเป็นฝ่ายชนะ (แต่ฝ่ายสนับสนุนท่านนาริอาคิระกลับถูก ท่านนาริโอกิเจ้าแคว้นคนเก่าซึ่งก็เป็นท่านพ่อของท่านนาริอาคิระสั่งลงโทษ)
เมื่อท่านทาดายุกิแสดงการคาราวะต่อพี่ชาย "ท่านพี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะขอรับ"
"ท่านก็ได้เป็นหัวหน้า4ตระกูลด้วย ขอแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน" ท่านนาริอาคิระตอบ
"แต่ทว่าคดีที่ค้างคาอยู่ เป็นเพราะข้าเป็นต้นเหตุ ข้าอาจจะเป็นอุปสรรคต่องานของท่าน"
"หยุดเถอะทาดายุกิ.. ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่ต้นแล้ว" / "แต่ว่าเรื่องนี้..."
"ต้องข้ามหุบเขา จึงจะเห็นทิวทัศน์อันกว้างไกล เราสองคนพี่น้องตระกูลเดียวกัน มารวมพลังกันดีกว่า เพื่อความเจริญของสัทสุมะ และญี่ปุ่นของเรา"
"ขอรับ" ท่านทาดายุกิยิ้มอย่างปลื้มใจและก้มหัวคาราวะพี่ชาย
ตรงจุดนี้เราจะเห็นได้ว่าท่านนาริอคิระเมตตายอมอภัยให้น้องชายได้นั้น องค์ประกอบที่สำคัญคือ ผู้ที่จะได้รับการให้อภัยโทษนั้น ย่อมต้องแสดงออกถึงความสำนึกในผิดของตนอย่างจริงใจแล้วเท่านั้น จึงจะสมควรได้รับการให้อภัย
คนเราผิดพลาดล้วนกันได้ แต่การยอมรับความผิดและสำนึกในความผิดนั้นได้ คือความกล้าหาญ
การเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีและคาราวะต่อท่านเจ้าแคว้นก็ยังดำเนินเรื่อยๆ เมื่อหัวหน้าและภรรยาแห่งครอบครัวจากสายตระกูลย่อมเข้าพบหมดแล้ว ก็จะตามด้วยบุตรชายของแต่ละตระกูล ในลำดับสุดท้ายก็คือ การเข้าพบของบรรดาบุตรีของแต่ละตระกูล
โอคัตสึนั่งรอเงกอย่างตื่นเต้น เพราะอ่อนวัยที่สุด(17ปี) จึงได้เข้าพบเป็นคนสุดท้าย
เมื่อโอคัตสึได้เข้าพบ ท่านเจ้าแคว้นรู้สึกจะสะดุดตาโอคัตสึกว่าใคร โอคัตสึนั้น ท่านเจ้าแคว้นเคยได้มอบเครื่องรางนำโชคแก่ท่านพ่อโอคัตสึเพื่อมอบใหโอคัตสึตอนเกิด ตั้งแต่เมื่อครั้งท่านแม่ของโอคัตสึตั้งครรภฺ์อยู่
แถมเมื่อท่านนาริอาคิระกลับมาใหม่ๆ ก็เคยได้ยินชื่อเสียงความน่าสนใจของโอคัตสึมาบ้างแล้ว เพียงแต่ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงน่าสนใจ!?
ตอนแรกเมื่อโอคัตสึเข้าพบ โอคัตสึก็พูดไปตามสคริปที่พ่อสอนไว้ ในขณะที่ท่านนาริอาคิระซักถาม โอคัตสึก็ตอบไปเรื่อยๆ(เนื้อหาก็ยังอยู่ในสคริปของท่านพ่อ) แต่มีสิ่งที่โอคัตสึไม่เหมือนบุตรสาวตระกูลอื่นก็คือ
เมื่อท่านนาริอาคิระถามว่า "แล้วชอบทำอะไรล่ะ?"
"อ่านหนังสือประวัติศาสตร์เจ้าค่ะ" โอคัตสึตบอย่างมั่นใจ (แต่ก่อนหน้านี้ตอนท่านพ่อฝึกซ้อมบทให้ ท่านพ่อเคยบอกว่า"ไม่ควรตอบแบบนั้น แต่ควรตอบว่า เขียนพู่กัน หรือไม่ก็จัดดอกไม้อะไรประเภทนั้น" แต่โอคัตสึไม่ยอมบอกว่า "ไม่ได้ๆ ไม่ได้ โกหกไม่ได้ ก็ท่านพ่อเลี้ยงมาแบบนี้นี่เจ้าคะ" ท่านพ่อเลยต้องยอมแพ้ต่อเหตุผลของโอคัตสึ )
"ประวัติศาสตร์รึ? หายากนะเนี่ย" ท่านนาริอาคิระอดขำไม่ได้
ในห้องนั้นท่านคิโยมิชิ อาจารย์ของโอคัตสึและนาโอโกโร่ ที่ตอนนี้ได้เป็นคนสนิทของท่านเจ้าแคว้นก็นั่งอยู่ด้วย เอ่ยขึ้นว่า
"นายท่านขอรับ เมื่อก่อนนี้ ข้าเคยเปิดโรงเรียนสอนหนังสือ ท่านโอคัตสึเคยปลอมเป็นผู้ชายมาเรียนด้วยตัวเองเลยขอรับ"
"ปลอมเป็นผู้ชายเหรอ" ท่านนาริอาคิระถามด้วยความแปลกใจ โอคัตสึยิ้มรับ "ที่เขาว่าเจ้าน่าสนใจเป็นอย่างนี้เองเหรอ .. ไม่จำเป็นต้องเป็นชายก็ทำประโยชน์ให้สัทสุมะได้แบบผู้หญิง วันหน้าช่วยงานหน่อยนะ"
"ยินดีรับใช้เจ้าค่ะ" โอคัตสึกล่าวพร้อมคาราวะด้วยรอยยิ้ม
"แค่นี้แหล่ะ" ท่านนาริอาคิระพูดจบก็ลุกออกไป แต่ไม่ทันได้พ้นประตู โอคัตสึก็เผลอตัวถอนหายใจเสียงดังออกมา ท่านนาริอาคิระได้ยินก็รีบหันกลับมาทันที
"มีอะไร!" ท่านนาริอาคิระ
"ขอประทานโทษ บทที่ท่องมาจบแล้วเจ้าค่ะ"
"บทที่ท่องเหรอ?"
"เอ่อ... (ติดอ่าง) คือว่า ท่านพ่อให้ฝึกซ้อมทุกวันเจ้าค่ะ เพื่อให้มาพูดวันนี้เจ้าค่ะ"
"ฝึกซ้อมเหรอ?"
"ไม่ๆ ไม่ใช่ จะพูดยังไง.. คือๆ ท่านพ่อไม่เชื่อว่าข้าจะไม่ทำอะไรผิด เมื่อๆ..อยู่ต่อหน้าท่านน่ะเจ้าค่ะ ก็เลย..."
"ก็เลยต้องซ้อมหนักใช่ไหม?" ท่านนาริอาคิระเดินกลับมาอย่างอารมณ์ดี
"เจ้าค่ะ แต่มีอีกอย่างที่ลืมบอกไป นี่เป็นเครื่องรางที่ได้มาจากท่านก็ที่ข้าจะเกิดเจ้าค่ะ"
"อ๋อ! ตอนนั้นเหรอ"
"วันนี้ที่ข้าเติบโตอย่างแข็งแรงขึ้น ก็เพราะบารมีของสิ่งนี้ ทำให้มีความสุขทุกวันเลยเจ้าค่ะ"
ท่านนาริอาคิระหัวเราะชอบใจ "นี่เขาก็สั่งให้พูดแบบนี้เหรอ?"
"เรื่องนี้ก็สั่ง อ๊ะ! ไม่ใช่! พูดจากความรู้สึกของข้าเองเลยเจ้าค่ะ"
"เข้าใจแล้วล่ะ" ท่านนาริอาคิระขำอย่างมีความสุข "ดีใจจังเลย ต่อไปนี้ก็ขอให้แข็งแรงเหมือนเดิมนะ"
"ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ" โอคัตสึยิ้มอย่างมีความสุข
"เท่านี้แหล่ะ" และท่านนาริอาคิระก็รีบลุกขึ้นทันที แต่ไม่ทันจะออกพ้นประตูห้อง โอคัตสึก็เกิดนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยรีบเอ่ยขึ้นว่า "ท่านเจ้าคะ!"
"ว่ายังไง.."
"ขอประทานโทษ ขอถามหน่อยเจ้าค่ะ " ในตอนนั้นท่านอาจารย์คิโยมิชิก็รีบทักท้วง "ท่านโอคัตสึ!"
"ปล่อยเค้า.... ว่ามา" ท่านาริอาคิระสั่งแต่เสียงชักดุ!?
"คนที่รู้จักกัน พ่อเขาถูกปล่อยเกาะ ตัวเขาก็ถูกลงโทษให้พักงานอดอาหาร มีแต่ผู้หญิง3คนที่ดิ้นรนสู้ชีวิตอย่างลำบากเจ้าค่ะ"
"อย่างนั้นเหรอ.. ที่ก็ทำให้ข้าวราคาถูกลงแล้ว ก็ยังไม่พอสำหรับคนจนอย่างนั้นเหรอ"
"พวกคนที่ต้องโทษอยู่ตอนนี้น่ะ ท่านจะอภัยให้มั้ยเจ้าคะ?"
"อภัยให้แน่"
"แล้วพวกคนที่ถูกปล่อยเกาะล่ะเจ้าคะ"
"จะให้กลับมา ถึงเวลาก็อภัยให้แน่"
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"
"จบแล้วใช่มั้ย"
"คือ....ยังมีอีกอย่างเจ้าค่ะ"
ท่านอาจารย์คิโยมิชิเตือนอีก "ท่านโอคัตสึ!! พูดมากไปแล้วนะ"
"ปล่อยเค้า ว่ามาซิ"
"การจราจลครั้งนี้"
"หยุดได้แล้วนะ! " ท่านอาจารย์คิโยชมิชิเตือนอีก
"ปล่อยเค้า! พูดไป!" ท่านนาริอาคิระเสียงเข้มขึ้นมาก
"ทำไม ท่านถึงให้... คนใกล้ชิดท่านนาริอากิทำงานต่อ(ฝ่ายเจ้าแคว้นคนเก่าที่สนับสนุนท่านทาดายุกิให้ได้เป็นเจ้าแคว้น) ส่วนพวกที่ทำงานแท้ๆให้ท่าน ท่านกลับไม่ให้อภัยเขาล่ะคะ"
"แล้วเจ้าคิดว่าไง"
"ท่านน่ะยังเกรงใจ... เจ้าแคว้นคนก่อนอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ ตอนนี้ถ้ายกโทษให้ ก็แปลว่า.. ไม่เคารพคำสั่งของท่านพ่อ"
"เข้าใจแล้ว" ท่านนาริอาคิระกล่าวเสร็จ ก็ลุกเดินเข้ามาใกล้โอคัตสึ ส่วนโอคัตสึก็ออกอาการกลัวขึ้นมา!!
"เจ้ารู้ไหมว่า กำลัง คืออะไร?"
"กำลังเหรอเจ้าคะ"
"เมื่อใช้กำลังออกไป จะถูกใช้กำลังโต้กลับ ใช้อาวุธกับใครเขาก็จะใช้อาวุธกับเรา แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็มีแต่ความแค้นเท่านั้น"
"เจ้าค่ะ"
"ความแค้นก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องการแก้แค้น สู้กันไปสู้กันมาไม่มีที่สิ้นสุด การลงโทษน่ะมันง่าย แต่ถ้าลงดาบแบบนั้น ก็ต้องโดนดาบคืนสนองเป็นแน่แท้ หากต้องเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ไม่เหมาะจะลงโทษใครอย่างโง่ๆ ทุกคนต้องรวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อสัทสุมะของเรา ตอนนี้ข้ากำลังฟังเสียงประชาชน ถ้าประชาชนทั่วไป ไม่เชื่อมั่นในตัวข้า ข้าก็จะไปจากแคว้นนี้ทันที ก็แค่นี้แหล่ะ"
ท่านนาริอาคิระพูดจบก็เดินออกไปทันที คราวนี้โอคัตสึก้มหน้านิ่ง
หลังจากนั้น โอคัตสึก็ไปเล่าให้นาโอโกโร่ฟังเรื่องที่ท่านเจ้าแคว้นสัญญาว่าจะมีการให้อภัยโทษเมื่อถึงเวลา ซึ่งนาโอโกโร่ชื่นชมในความกล้าหาญของโอคัตสึอย่างมาก มันเป็นการยากและต้องอาศัยความกล้ามหาศาลที่เด็กสาวสักคนจะทำเช่นนี้ได้ แต่โอคัตสึเองซึ่งทั้งเกรงและกลัวทั้งกังวลว่าท่านเจ้าแคว้นจะโกรธแล้วจะเสียเรื่องใหญ่ในภายหลังได้
นาโอโกโร่จึงเตือนโอคัตสึว่า "เชื่อท่าน(เจ้าแคว้น)ก็แล้วกัน อย่างที่ที่อาจารย์คิโยมิชิพูด..เรื่องบูชิโด! ท่านโอคัตสึ ท่านทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก จงภูมิใจในตัวเองเถอะ"
"ได้" โอคัตสึตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
นาโอโกโร่ทราบข่าวจากโอคัตสึแล้ว จึงรีบไปบอกข่าวให้ที่บ้านท่านโอคุโบะรู้ แต่เมื่อถูกเพื่อนๆซามุไรอยางท่านไซโกถามว่า "แล้วเมื่อไหร่ล่ะถึงจะได้รับการอภัยโทษล่ะขอรับ"
นาโอโกโร่บอกไปว่า ยังไม่รู้ แต่ที่สำคัญนาโอโกโร่ก็กำชับตามแนวปรัชญาบูชิโดว่า "ขอให้ทุกคนเชื่อใจท่าน(เจ้าแคว้น)เถอะ"
ท่านไซโกและท่านโอคุโบะคุกเข่าก้มหัวคาราวะต่อนาโอโกโร่ พร้อมทั้งฝากให้นาโอโกโร่ไปขอบคุณท่านโอคัตสึด้วย
ท่านไซโก"ช่วยขอบพระคุณแทนเราด้วยนะขอรับ"
"ข้าจะไปบอกให้ว่าทุกคนดีใจกันมากเลย" นาโอโกโร่กล่าว
"กล้าไปพูดคาดคั้นกับท่านเจ้าแคว้นแบบนั้น ช่างเป็นหญิงที่กล้าหาญจริงๆเลยนะขอรับ" ท่านโอคุโบะกล่าว
นาโอโกโร่ยิ้มรับ
และในที่สุดอีกไม่นาน ท่านนาริอาคิระก็อภัยโทษให้แก่ผู้ต้องโทษพร้อมทั้งให้เงินทำขวัญกันทั่วหน้า
เมื่อโอคัตสึทราบ ก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียวแล้วพูดว่า "ท่านเจ้าแคว้นทำตามสัญญาแล้ว"
แต่โอคัตสึก็ยังหวนกลับไปนึกทบทวนถึงคำพูดของท่านเจ้าแคว้นอีก
"ลงโทษน่ะมันง่าย แต่ก็ต้องโดนดาบนั้นคือสนองเป็นแน่ ทุกคนต้องรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อสัทสุมะของเรา"
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึ (เก็บตก6บทที่ผ่านมา)
.
อ่านเจ้าหญิงอัตสึ ที่รัก(7)
.
.
.
ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วมองเห็นภาพเลยค่ะ ทำให้อยากดูเรื่องนี้มากขึ้น อยากให้เขียนต่อในตอนต่อๆไปจังค่ะ
ตอบลบขอบคุณครับ แต่ผมก็เขียนไปถึงบทที่13แล้วนะครับ
ตอบลบแต่ต้องขออภัยด้วยที่บางครั้งมีคำผิดเยอะ เพราะไม่ได้ตรวจทานโดยละเอียด แต่ก็จะพยายามจะมาตรวจแก้ภายหลังเรื่อยๆครับ