วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เศรษฐกิจโลกตก2 - การรับมือ





แต่ก่อนการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์(stock market) หรือตลาดหุ้นต้องมีเงินสำรองในบริษัทโบรเกอร์หรือนายหน้าหุ้นอยู่จำนวนค่อนข้างมาก แต่เดี๋ยวนี้หลายบริษัทไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น แค่เพียงเรามีบัญชีเงินฝากในธนาคารใดก็ได้อย่างน้อยประมาณหนึ่งแสนบาท ก็สามารถเป็นลูกค้ากับบริษัทนายหน้าซื้อขายหุ้นในตลาดได้ง่ายๆกว่าในอดีต 


(หลักการซื้อหุ้นของวอร์เรน บัฟฟเฟตมหาเศรษฐีอันดับ1ของโลกคนปัจจุบันกล่าวไว้ว่า“จงรู้สึกกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกำลังรู้สึกกลัว” แปลง่ายๆคือ ซื้อเมื่อคนอื่นเขากลัว ขายเมื่อคนอื่นเขากล้า)

จากวิกฤติเศรษฐกิจปี40 แม้จะมีบริษัทนับพันนับหมื่นบริษัทต้องมีอันปิดตัวลง(เจ๊ง) ไทยต้องไปเป็นลูกหนี้ไอเอ็มเอฟ แต่ในเวลาไม่กี่ปี ไทยก็สามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนั้นไปได้ สาเหตุหนึ่งที่สำคัญก็คือ ภาคการเกษตรของเราเข้มแข็ง เพราะแม้นคนงานในบริษัทต่างๆจะตกงาน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนต่างจังหวัด สามารถกลับไปอยู่บ้านเกิดตามชนบทที่ยังค่อนข้างจะมีวิถีชีวิตพอเพียงให้พึ่งพาอยู่มาก ไม่ต้องอาศัยเงินมากเท่ากับอยู่ในตัวเมือง

คราวนี้ก็คล้ายๆกัน แม้ไทยเราจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกรุนแรงเท่าปี40 แต่เพื่อความไม่ประมาท หากเรายังดำเนินชีวิตไปตามวิถีความพอเพียงต่อไป โอกาสที่เราจะอยู่ได้อย่างมั่นคงก็มีสูง เช่น ธนาคารก็มีวินัยในการปล่อยเงินกู้ ไม่ใช่อยากได้กำไรมากจนขาดวินัยแบบธนาคารในอเมริกา คิดให้รอบคอบแล้วค่อยปล่อย โอกาสเกิดฟองสบู่ก็จะยากขึ้น

(ผลจากการเมืองวุ่นวาย ในแง่ดีก็มีอยู่ตรงที่ ผู้คนและนักลงทุนไม่ค่อยกล้าลงทุนทำอะไรในช่วง2ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาระหนี้จากการกู้เงินเพื่อการลงทุนจึงน้อยลงไป ทำให้เมื่อเศรษฐกิจโลกตก ผลกระทบต่อไทยก็เลยน้อยลงไปด้วย)

แน่นอนเมื่อธนาคารปล่อยกู้ยากขึ้น ดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ก็จะมีโอกาสลดลงไปด้วย เพื่อช่วยลดภาระผู้ประกอบการและประชาชนที่มีการกู้เงินกับสถาบันฯ ที่ต้องมีภาระการใช้หนี้คืน ส่วนผู้ฝากเงินก็คงต้องยอมรับว่า การที่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้มากขึ้นอย่างไม่ประมาทต่อไป


ส่วนรัฐบาล ก็ต้องหาทางช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินจำเป็นของประชาชนต่อไป เช่นการขยายนโยบายขึ้นรถเมล์ฟรี หรือใช้น้ำไฟฟรี ที่ได้ทำอยู่ในทุกวันนี้ต่อไปอีก ลดค่าครองชีพจากปัญหาสินค้าราคาแพงให้ได้ ซึ่งเป็นการควบคุมภาวะเงินเฟ้อในตัว

ส่วนค่าน้ำมันตอนนี้ก็นับว่าลดลงพอสมควร หากตลาดโลกลดลงอีก ก็คงต้องชลอการลดลงบ้างเพื่อป้องกันการใช้น้ำมันฟุ่มเฟือยของผู้คน แล้วนำส่วนต่างที่ควรลดก็นำเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า เช่น เอาไปใช้อุดหนุนน้ำไฟแก่ประชาชนก็ได้เป็นต้น

ผมสังเกตว่า ตั้งแต่น้ำมันลดลงมากๆ รู้สึกนักเที่ยวกลางคืนก็เริ่มมากขึ้น เพราะผมสังเกตว่าเวลากลับบ้านช่วงวันหยุดจะเริ่มเห็นรถติดมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณแหล่งเที่ยวต่างๆ คนไทยพอมีเงินหน่อยก็มักจะกลับมาฟุ่มเฟือยอย่างเดิม

นโยบายลดค่าเงินบาทลงอีกของรมต.คลัง ที่หวังช่วยภาคการส่งออกดีมั้ย นักวิชาการคนที่ผมชอบคืออาจารย์คิม ไชยแสนสุข อธิการบดีรามคำแหง บอกว่า รมต.คิดดังไป เพราะหากอยากลดค่าเงินบาทจริง ควรทำกันเงียบๆ เพราะมิฉะนั้นอาจทำให้นักลงทุนค่าเงินจะเกิดการเก็งกำไรค่าเงินได้

นโยบายประกันเงินฝาก100%ยืดระยะต่อไปอีก 3ปีดีมั้ย อันนี้ผมเห็นด้วย เพราะในยุโรปและประเทศร่ำรวยอย่างกลุ่มตะวันออกกลาง ก็กลับมาใช้วิธีนี้อีก เพราะป้องกันความไม่เชื่อมั่นของประชาชนที่จะเกิดความกลัว เพราะความกลัวของคนเนี่ยมันน่ากลัวมาก เพราะสามารถทำให้ธนาคารเจ๊งได้ในทันที ทีนี้จะกระเทือนไปทั้งระบบ

นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยการฉีดเงินเข้าระบบด้วยนโยบายเมคกะโปรเจคล่ะ อันนี้เห็นด้วย แต่ถ้ากระตุ้นในสิ่งที่ไม่ได้มีผลต่อประชาชนส่วนใหญ่จริงล่ะ ต้องระวังให้มาก เพราะต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงไว้ให้หนักแน่นที่สุด เงินต่างๆที่จะลงไปควรลงอย่างช้าๆระมัดระวังมิฉะนั้นอาจเกิดฟองสบู่ได้อีก การให้เงินกองทุนหมู่บ้านต้องให้ความรู้แก่ประชาชนให้นำไปใช้ประโยชน์จริงเช่นการทำโรงสีหมู่บ้าน หรือสหกรณ์หมู่บ้าน เป็นต้น ไม่ใช่ให้ประชาชนกู้เงินไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างนโยบายในระยะแรกที่เกิดความผิดพลาด

รัฐบาลต้องให้ความรู้เรื่องวิถีพอเพียงแก่ประชาชนให้มากขึ้นและจริงจัง สนับสนุนการใช้สินค้าไทยให้มาก ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น คิดค่าธรรมเนียมการออกนอกประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อลดคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ

ส่งเสริมการใช้การเกษตรแบบชีวภาพให้มากขึ้นอย่างจริงจัง และอีกหลายๆวิธีเพื่อจูงใจให้คนไทยรู้จักประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย ลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงจากนอก

หาทางช่วยธุรกิจไทยที่เคยพึงพิงการส่งออกแก่ต่างประเทศ โดยลดการพึงพิงต่างชาติเพราะตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยจะทำให้กำลังซื้อจากทั่วโลกลดลง ให้มีแบรนด์ของตัวเองสามารถขายให้คนไทยได้ ไม่ใช่ พอต่างชาติไม่ซื้อก็เจ๊ง เหมือนโรงงานรองเท้าหรือเสื้อผ้าที่ส่งให้แบรนด์ต่างประเทศ พอต่างประเทศย้ายฐานการผลิต โรงงานไทยก็ต้องเจ๊งตามเป็นต้น

ผู้ค้าขายไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินต่างๆ ก็ควรจะลดราคาลงตามต้นทุนที่ลดล เพื่อช่วยเหลือประชาชนลูกค้าของคุณ หากพ่อค้าแม่ค้ารายใด ฉวยโอกาสลดราคาเพื่อลูกค้า ก็จะได้ใจลูกค้ามาก คุณอาจจะขายได้ดีขึ้นมากขึ้น เหนื่อยขึ้นหน่อยแต่ได้บุญนะครับ และบุญนี้ก็จะคุ้มครองครอบครัวของคุณให้เจริญรุ่งเรื่องสุขภาพแข็งแรง โชคดีมากขึ้น (รัฐต้องควบคุมราคาสินค้าและค่าครองชีพให้ลดลง)

(เมื่อ2ปีที่แล้ว กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับปตท.เคยดำเนินนโยบายขายข้างแกงราคาถูก กล่องละ10บาท ทำในรูปแฟรนไชล์ให้กับคนที่อยากมีอาชีพ โดยมีหน้าที่แค่ขายเท่านั้น เพราะทุกอย่างกรมการค้าภายในจะดำเนินการจัดหาให้ทุกอย่าง ผู้ขายมีหน้าที่ขายอย่างเดียวจริงๆ จะขายตามปั๊มปตท. และจะขยายไปเรื่อยๆ แต่ไปๆมาๆหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ยังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมไม่เคยเห็นเลยจริงๆ นโยบายนี้เป็นนโยบายที่ดี แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ หากทำสำเร็จจะช่วยควบคุมราคาขายอาหารได้ดีมากทีเดียว ผมว่าหากคิดจะทำจริงๆกรมการค้าน่าจะทำได้ แต่ที่ทำไม่ได้เพราะอะไรไม่ทราบจริงๆ-นโยบายลูบหน้าปะจมูก)


สังคมพอเพียง คือต้องเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ลูกค้าคุณอยู่ได้ คุณก็จะอยู่ได้เช่นกัน แถมได้ใจคน และบุญอีกต่างหาก


เลิกเสียทีเถอะ ความเห็นแก่ตัวที่ต้นทุนลดลง แต่ของยังขายแพงเช่นเดิม ใครใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสได้ คุณก็จะไม่ใช่ผู้ค้าที่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะคุณจะกลายเป็นผู้ค้าผู้ยิ่งใหญ่ในใจคน

อ่านเศรษฐกิจโลกตก (3)

อ่านเศรษฐกิจโลกตก(1)

อ่าน คนอเมริกันเบื่ออเมริกาทุนนิยม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม