ประวัติย่อ สมเด็จฮุน เซน นรม./รองหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา
ในการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาซึ่งมีขึ้นเมื่อ ๒๗ ก.ค.๕๑ ผลอย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่า พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ CPP(Cambodian People’s Party) ของสมเด็จฮุน เซน ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากชาวเขมร ๙๑ เสียง จากที่นั่งในสภาที่มีอยู่ทั้งหมด ๑๒๓ เสียง ซึ่งนั่นหมายถึง การที่พรรค CPP จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างแน่นอน และไม่ต้องพะวงเรื่องการขอลงมติไม่ไว้วางใจ/ถอดถอน จากพรรคฝ่ายค้านในอนาคต...
แม้ว่า สมเด็จฮุน เซน จะเป็นผู้กุมอำนาจเด็ดขาดในพรรค CPP ก็ตาม แต่สมเด็จฮุน เซน ต้องการเป็นเพียงรองประธานพรรคเท่านั้น โดยได้มอบตำแหน่งหัวหน้าพรรค CPP ให้กับสมเด็จเจีย ซิม ซึ่งเป็นประธานวุฒิสภา...
ในการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาซึ่งมีขึ้นเมื่อ ๒๗ ก.ค.๕๑ ผลอย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่า พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ CPP(Cambodian People’s Party) ของสมเด็จฮุน เซน ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากชาวเขมร ๙๑ เสียง จากที่นั่งในสภาที่มีอยู่ทั้งหมด ๑๒๓ เสียง ซึ่งนั่นหมายถึง การที่พรรค CPP จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างแน่นอน และไม่ต้องพะวงเรื่องการขอลงมติไม่ไว้วางใจ/ถอดถอน จากพรรคฝ่ายค้านในอนาคต...
แม้ว่า สมเด็จฮุน เซน จะเป็นผู้กุมอำนาจเด็ดขาดในพรรค CPP ก็ตาม แต่สมเด็จฮุน เซน ต้องการเป็นเพียงรองประธานพรรคเท่านั้น โดยได้มอบตำแหน่งหัวหน้าพรรค CPP ให้กับสมเด็จเจีย ซิม ซึ่งเป็นประธานวุฒิสภา...
ในโอกาสที่ สมเด็จฮุน เซน คงจะได้เป็นผู้นำประเทศกัมพูชาต่อไปอีก ๕ ปีอย่างแน่นอน หลังจากปกครองประเทศกัมพูชามายาวนานถึง ๒๓ ปีแล้ว จึงขอนำประวัติโดยย่อของผู้นำเขมรคนนี้ มาให้ท่านได้รับทราบ ดังนี้ ...
สมเด็จฮุน เซน เกิดเมื่อ ๔ เม.ย.๒๔๙๔ ที่ อ.สตึงเตรง จ.กัมปงจาม ปัจจุบันอายุ ๕๖ ปี มีภริยาชื่อ นางบุน ซัมเฮียง เป็นชาวเวียดนาม มีลูก ๖ คน เป็น ชาย ๓ และ หญิง ๓ ลูกชายคนโตชื่อ ฮุน มาเน็ท จบเวสท์ปอยต์/สหรัฐฯ เมื่อปี ๒๕๔๒...
สมเด็จฮุน เซน มีสัญชาติและเชื้อชาติเขมรญวน นับถือศาสนาพุทธ การศึกษาสูงสุด จบปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ด้วยเหตุนี้ จึงพูดภาษาเวียดนามได้เป็นอย่างดี แต่พูดภาษาไทยกับอังกฤษได้นิดหน่อย ที่พูดภาษาไทยได้นั้น เพราะสมเด็จฮุน เซน ชอบประเทศไทย และชอบดาราละครไทย โดยเฉพาะน้องกบ สุวนันท์ คงยิ่ง
ฮุน เซน เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก(ใกล้เคียงกับดื้อรั้น) ฉลาด พูดเก่ง สูบบุหรี่วันละ ๒ ซอง(๔๐ มวน) ยี่ห้อ ๕๕๕ รักครอบครัวและเชื่อฟังภริยา(กลัวเมียนั่นเอง) แต่เจ้าชู้มากที่สุด ตีกอล์ฟเก่งมาก แฮนดิแค็บอยู่ที่ ๑๕ ซึ่งเป็น International Handicap ที่สากลให้การยอมรับด้วย
ขณะนี้ รัฐบาลกัมพูชาได้เผยแพร่เอกสาร แผ่นปลิว และส่ง sms เป็นภาษาอังกฤษ ไปตามโทรศัพท์มือถือของพ่อค้า แม่ค้า ชาวเขมรที่ทำการค้าอยู่ตามตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และบ่อนคาสิโนของชาวเขมรระบุว่า “หากท่านรักชาติเขมร ขอให้งดใช้และงดซื้อสินค้าทุกชนิดที่เป็นของไทย ขอให้ชาวเขมรรักกัน และอย่าให้คนไทยดูถูกชาวเขมรอีกต่อไป”
อัปเดทผลบอลล่าสุดคลิกที่นี่
เพิ่มเติม
กษัตริย์สีหนุทรงประกาศเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม อ้างปัญหาสุขภาพและอาการป่วยที่ช่องท้อง ว่าพระองค์แก่เกินไป สำหรับการเป็นกษัตริย์ แม้พระองค์จะเคยใช้การสละราชสมบัติ เป็นอุบายแสดงความไม่พอใจของพระองค์ ต่อนักการเมือง ที่เอาแต่ทะเลาเบาะแว้ง แก่งแย่งกันเองอยู่เสมอ ๆ แต่นักสังเกตการณ์จำนวนมาก ก็เชื่อว่า การสละราชสมบัติครั้งนี้ เป็นไปเพื่อช่วยให้พระองค์ ได้มีสิทธิเสียงในการกำหนดองค์รัชทายาทได้ เพราะหากพระองค์แก่มากกว่านี้ หรือสวรรคตไป ระบอบกษัตริย์อาจสาบสูญไปได้ เพราะปัจจัยการเมือง และความทะเยอทะยานของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน
แม้ตามรัฐธรรมนูญ กษัตริย์สีหนุจะไม่สามารถกำหนดองค์รัชทายาทได้โดยตรง แต่พระองค์ก็สามารถส่งอิทธิพล ไปถึงคณะองคมนตรีทั้ง 9 ซึ่งประกอบด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และนักการเมืองระดับสูง รวมทั้งนายก ฯ ฮุนเซน ให้เฟ้นหาองค์รัชทายาทได้ และในที่สุด ด้วยการเสนอแนะของคณะองคมนตรี รัฐสภาแห่งชาติก็ได้อนุมัติไปตามนั้น กระนั้นก็ตาม รัฐธรรมนูญกัมพูชาก็ไม่ได้พูดถึง กรณีที่กษัตริย์ทรงสละราชบัลลังก์ตรง ๆ มาตราที่เขียนไว้ชัดเจน ก็มีแต่ว่า กรณีที่กษัตริย์เสด็จสวรรคตเท่านั้น นี่อาจจะถือเป็นข้อจำกัดของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ที่สายตาไม่กว้างไกล ไม่สามารถครอบคลุมความเป็นไปได้ด้านอื่น ๆ แต่สำหรับกัมพูชา ที่มีการอ้างรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง สิ่งนี้ก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญขึ้นมาได้ในอนาคต
มีเสียงลือว่า นายก ฯ ฮุนเซน ไม่พอใจอย่างมาก ต่อการที่กษัตริย์สีหนุสละราชสมบัติ เขารีบตัดการเยือนกรุงฮานอย แล้วเดินทางกลับกัมพูชา มาจัดการเรื่องนี้อย่างกะทันหัน ทั้ง ๆ ที่ว่ากันว่า เขาใช้ข้ออ้างการไปฮานอย เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องไปกล่าวสุนทรพจน์ ในที่ประชุมใหญ่ สหประชาชาติที่นิวยอร์ค เมื่อเดือนก่อน แม้ในตอนนี้ ฮุนเซนจะเห็นชอบให้เจ้าสีหมณี ขึ้นมาแทนพระราชบิดา แต่หากสิ้นบุญเจ้าสีหนุไปเมื่อใด เขาก็อาจจะยกเอาเรื่องรัฐธรรมนูญนี้ ขึ้นมาอ้างก็ได้
ที่ผ่านมา สส.ฝ่ายค้าน พยายามจะขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ครอบคลุมการสละราชสมบัติของกษัตริย์ด้วย แต่ขอเสนอขอแก้ไข ที่เคยได้รับความเห็นชอบจากเจ้ารณฤทธิ์(พระเชษฐาต่างมารดา ของเจ้าสีหมณี) หัวหน้าพรรคฟุนซินเปค นิยมกษัตริย์ ถูกพรรคประชาชน (ซีพีพี) ของฮุนเซนขัดขวาง โดยอ้างว่า หากแก้ไขไปตามนั้นแล้ว พรรคฝ่ายค้านก็จะใช้เป็นช่องทาง กดดันให้กษัตริย์สละราชสมบัติได้
เป็นที่โจษจันกันทั่วไปว่า ฮุนเซนต้องการขจัดระบบกษัตริย์ ออกไปจากประเทศ ซึ่งเท่ากับกำจัดภัยคุกคามอำนาจของเขา ที่ปรารถนาจะเป็นนายก ฯ ต่อไปอีก 50 ปี(ฮุนเซนเกิดปี 1952) นอกจากนั้น นี่ยังสามารถใช้เป็นข้ออ้าง ในกรณีที่เจ้าสีหมณี กลายเป็นตัวปัญหาขึ้นมาในอนาคต โดยอ้างว่า การสืบทอดราชบัลลังก์ไม่ถูกต้อง เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุให้กษัตริย์ สามารถสละราชสมบัติได้ เพราะเขาเคยใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญมาหลายครั้งแล้ว ตัวอย่างเช่น รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ตั้งขึ้นอย่างมีเลศนัยมากที่สุด จนกษัตริย์สีหนุต้องประท้วงมาจากเกาหลีเหนือ
สำหรับกษัตริย์สีหนุเอง พระองค์คงไม่ไปอย่างเงียบ ๆ แน่ ตลอดชีวิต พระองค์รอดพ้นภยันตรายต่าง ๆ มาได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร และรัฐบาลเผด็จการต่าง ๆ ในอดีต ในเวบไซต์ของพระองค์ พระองค์เคยเตือนเสมอว่า หากระบอบกษัตริย์ถูกขจัดไปแล้ว สงครามกลางเมืองก็อาจจะเกิดขึ้นได้ พระองค์ชี้ว่าสมาชิกพรรคการเมืองต่าง ๆ มีการแบ่งแยกกันอย่างเด่นชัด และพร้อมจะนองเลือดกันได้ตลอดเวลา แต่เป็นเพราะมีระบอบกษัตริย์เท่านั้น ที่คอยไกล่เกลี่ยเอาไว้
ดังนั้น ขณะที่ดูเหมือนว่าฮุนเซน จะทำทุกวิถีทางที่จะบั่นทอนอำนาจของระบอบกษัตริย์ และปราบปรามพรรคเอสอาร์พี และขณะที่เจ้ารณฤทธิ์ยังสนุกอยู่กับการทำเงิน จากการร่วมรัฐบาล เจ้าสีหมณีก็ดูจะเป็นตัวแปรที่สำคัญขึ้นมาในภาพ ทัศนะทางการเมืองของพระองค์ เป็นที่รู้จักกันน้อยมากนอกจากว่า พระองค์อยู่นอกวงการเมืองมาโดยตลอด เป็นไปได้ที่เจ้าสีหนุ จะสร้างสีสันและถวายคำแนะนำ ต่อทัศนะของกษัตริย์องค์ใหม่บ้างแต่ในระยะยาว เจ้าสีหมณีต้องพึ่งพระองค์เอง
เจ้าสีหนุเคยแสดงอิทธิพลของพระองค์ ผ่านทางการวิจารณ์ในเวบไซต์ บริภาษพวกนักการเมืองจากทุกพรรค และทรงพระบ่นกับการที่ประชาธิปไตยในประเทศ ค่อย ๆ เสื่อมถอยลงไป แต่การที่พระองค์ทรงวางเฉย และการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เป็นสิ่งที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ โดยเฉพาะในประเทศที่เคารพบูชากษัตริย์ แบบกัมพูชา ขณะเดียวกัน เจ้าสีหมณีอาจจะสืบทอด การที่พระราชบิดาเป็นที่รักและเคารพของประชาชน และหลังจากทรงตกผลึกได้แล้ว พระองค์ก็คงเริ่มแสดงบทบาททางการเมืองออกมา แต่พระองค์จะต้องระมัดระวังอย่างมาก จนกว่าจะทรงเข้มแข็งเสียก่อน เพราะฮุนเซนจะต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะบั่นทอนอำนาจของกษัตริย์พระองค์ใหม่ องค์นี้
(ที่มา bloggang.com) อัปเดทผลบอลล่าสุดคลิกที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้องที่ กรรมของสีหนุจากฮุนเซน
ใ
ใหม่เมืองเอก newakecity
มีข่าวว่าเขมรจะยิงคนไทยที่ล้ำแดน
ตอบลบทีเขามาบ้านเราล่ะ น่าจะยิงทิ้งบ้างนะ
จะได้รู้ซะมั่งว่าเขาขู่ แต่เราทำจริง
อย่างนี้แหละบ้านเรา มัวแต่เก่งในบ้าน ทะเลาะแต่ในครอบครัวเดียวกัน
คนนอกเขาชุึบมือเปิบไปถึงไหนแล้ว
ความจริงเขามาบุกเราก็ดีนะ
เสื้อเหลือง เสื้อแดงจะได้รู้ซะมั่ง
ว่าของจริงน่ะมันจากนี้ต่างหาก 555+
ดีเเต่ขู่ จะมายิงหรอ ชาติไทยก็สู้นะโว้ย!!! อย่าคิดว่ามาทำกร่างเพราะความ"บ้า"เเละความ"โลภ"ของตัวเอง
ตอบลบเเล้วก็มาทำอะไรกับชาติไทยเเบบนี้!!! ไอ่โลภเอ้ยย!! เก่งเเต่ปาก
ความซื่อสัตย์ไม่เคยมี เห็นเเก่ได้ หลงตัวเอง นึกถึงเเต่ตัวเอง
"เลวโดยสันดารจริงๆ!!!"
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ และอยากเชิญอ่านอีกบทความเรื่อง
ตอบลบ"หน้าที่ของคนไทยต้องปกป้องแผ่นดินเกิด" เชิญคลิกที่นี่
น่าสมเพชคนไทยใจเขมรอัปรียกย่องชักศึกเข้าบ้าน ยกย่องเผ่าพันธ์เขมรที่เกิดจากสัตว์เลื้อยคลานตะกวดตามพระพุทธทำนาย
ตอบลบสันดานแก๊งหางแดงขายชาติ ยกเขมรเป็นพ่อชื่นชมชาติอื่นเป็นพ่อของมันเองดุจดั่งเพลง "หนักแผ่นดิน"
ส่วนหนึ่งจากบทควาามในastv ประวัติฮุนเซ็นคร่าวๆ
ตอบลบฮุนเซนเดิมเป็นพวกเขมรแดงมาก่อน แต่แปรพักตร์ไปเข้ากับเวียดนาม เมื่อเวียดนามส่งกองทัพโค่นล้มรัฐบาลเขมรแดง และตั้งรัฐบาลหุ่นที่มีเฮง สัมริน เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2522 ฮุนเซนได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2528 แต่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเวียดนาม ซึ่งคงกองกำลังอยู่ในเวียดนาม จึงได้ชื่อว่า เป็นนายกฯ หุ่นเชิดของเวียดนาม
ฮุนเซน เป็นนายกฯ จนถึงปี 2536 เมื่อเวียดนามถอนกำลังออกไป ภายหลังมีการเจรจาสันติภาพ ระหว่างเขมร 3 ฝ่าย จนนำไปสู่การเลือกตั้ง โดยสหประชาชาติ พรรคประชาชนแห่งกัมพูชาของฮุนเซน แพ้พรรคฟุนซินเปค ของเจ้านโรดม รณฤทธิ์ แต่ฮุนเซนขู่ว่า ถ้าไม่ให้เขาเป็นนายกฯ อาจจะเกิดสงคราม
เมือง จึงทำให้ กัมพูชา มีนายกฯ 2 คน นายกฯ คนที่ 1 คือ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ นายกฯ คนที่ 2 คือ ฮุนเซน แต่อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของฮุนเซ็น เพราะว่า เป็นหุ่นเชิดของเวียดนามมานานเกือบ10 ปี จึงคุมกำลังและข้าราชการได้ทั้งหมด
ฮุนเซน กล่าวหาว่า ความขัดแย้งทางการเมืองของไทย เกิดขึ้นเพราะ การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ตัวฮุนเซนเองก็มาจากการรัฐประหารเหมือนกัน โดยยึดอำนาจจากเจ้ารณฤทธิ์ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2540 เพราะเจ้ารณฤทธิ์ จะรับทหารเขมรแดงมาประจำในกองทัพ ฮุนเซนกลัวว่า เจ้ารณฤทธิ์จะมีกำลังมากขึ้น จึงชิงลงมือทำรัฐประหารที่นองเลือด มีคนตายอย่างน้อย 58 คน และบาดเจ็บนับร้อย เจ้ารณฤทธิ์ต้องหนีออกนอกประเทศ
หลังยึดอำนาจได้ ฮุนเซนทำการกวาดล้างคนของเจ้ารณฤทธิ์ มีทั้งการจับกุมคุมขัง ทรมาน และฆ่า ทหารของฮุนเซนปล้นร้านค้าในกรุงพนมเปญ แม้แต่โรงพยาบาลก็ไม่เว้น
ปีถัดมา เขาจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง และได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว พรรคประชาชนของเขาชนะการเลือกตั้งอีก 2 ครั้งต่อมา ทำให้ฮุนเซนครองอำนาจมาอย่างยาวนาน
ฮุนเซนได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองที่เฉลียวฉลาด แต่โหดร้าย และคอร์รัปชั่น นักการเมืองฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชนจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ถูกจับและลงโทษจำคุก ด้วยกฎหมายหมิ่นประมาท
กัมพูชา เป็นประเทศที่มีรายได้จาก เงินบริจาคจากนานาชาติ แต่คนกัมพูชา ส่วนใหญ่ มีความเป็นอยู่ที่ยากจน เพราะการคอร์รัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐบาล กัมพูชามีทรัพยากรธรรมชาติที่อุมดมสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ และแหล่งน้ำมัน แก๊สธรรมชาติ จนทำให้หลายๆ ประเทศ ในตะวันตก ยอมหลิ่วตาให้กับ ปัญหาสิทธิมนุษยชน อย่างเช่น สหรัฐฯ เคยตัดความช่วยเหลือ เพื่อลงโทษกัมพูชา แต่เมื่อ เชฟรอน ได้รับสัมปทานน้ำมันในอ่าวไทย รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับมารื้อฟิ้นความสัมพันธ์กับกัมพูชาใหม่
แต่รายได้จากทรัพยากรธรรมชาตินี้ ตกอยู่ในมือของฮุนเซนกับครอบครัว และคนใกล้ชิดเท่านั้น ไม่ใช่รายได้ของแผ่นดิน
เมื่อ 2 ปีก่อน ฮุนเซน เปิดปฎิบัติการขายชาติครั้งใหญ่ โดยแก้กฏหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินได้นานถึง 90 ปี ที่ดินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ถูกขายให้กับต่างชาติไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินในแถบชายฝั่งทะเลตะวันตก อย่างเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว และเกาะในอ่าวไทย
ที่ดินจำนวนมาก เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวกัมพูชา ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง เมื่อเขมรแดงมีอำนาจ มีคนเขมรจำนวนมากอพยพหนีออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทย เมื่ออพยพกลับมาหลังสงครามกลางเมืองยุติ วันดีคืนดี ก็ถูกขับไล่ออกจากที่ดิน เพราะฮุนเซน ยึดที่ดินไปแล้ว
แน่นอนว่า รายได้จากการขายแผ่นดินเหล่านี้ ส่วนใหญ่ตกอยู่กับฮุนเซ็นและคนใกล้ชิด
พฤติกรรมของฮุนเซ็น ดูๆ ไปแล้ว ก็ไม่ต่างจาก นช.ทักษิณ คือ ขึ้นสู่อำนาจด้วยพิธีกรรมแบบประชาธิปไตย แต่ปกครองบ้านเมืองแบบเผด็จการ ปิดปากฝ่ายตรงข้าม ทำลายกระบวนการตรวจสอบ แสวงหาประโยชน์เข้าตัวและขายชาติ
อ่านทั้งหมดที่ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000127395