วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิธีเลือกตั้งที่สร้างความปรองดอง!!



กล้วันเลือกตั้งปี54 ในวันที่3กรกฎาคม ถ้านับจากวันนี้ไปก็อีกแค่3วันเท่านั้น

พรรคการเมืองทั้งหลาย ก็อ้างความปรองดองแต่ปาก แต่ที่จริงก็หวังคำว่า ปรองดอง ช่วยให้่พรรคตัวเองได้คะแนนเท่านั้น

แค่พูดว่า ปรองดอง น่ะ ก็แค่ลมปาก แต่หามีพรรคการเมืองไหนทั้งหมด บอกว่า การสร้างความปรองดองนั้นทำอย่างไร

อย่างพรรคเล็กๆ ที่อ้างคำว่า ปรองดอง นั่นก็อ้างไปเพียงจะบอกว่า พรรคของฉัน พร้อมร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคใหญ่ได้ทุกพรรค ซึ่งนั่นก็คือ อ้างปรองดองเพื่อจะขอมีเอี่ยวในอำนาจทางการเมือง ด้วยการร่วมรัฐบาลเท่านั้น

ส่วนพรรคใหญ่อย่าง พรรคเพื่อไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็อ้างคำว่าปรองดองว่า "จะแก้ไข ไม่แก้แค้น"

แต่ถ้าไปถามยิ่งลักษณ์ตรงๆว่า จะนิรโทษกรรมให้ทักษิณมั้ย??

ยิ่งลักษณ์ก็จะตอบแบบเบี่ยงประเด็นว่า ต้องให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน นั่นก็คือเธอไม่กล้าปฏิเสธเรื่องนิรโทษกรรมให้ทักษิณ

ถ้าคุณรู้กฏหมาย ไม่ได้เอาแต่ฟังความข้างเดียว การที่ทักษิณได้รับโทษติดคุกนั้น มันเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญฉบับปี40 รัฐธรรมนูญฉบับที่ทักษิณและลิ่วล้อพยายามหลอกชาวบ้านเสมอมาว่า ต้องการเรียกร้องเอารัฐธรรมนูญ40กลับมานั่นแหล่ะ

เพราะชาวบ้านที่ไม่รู้กฏหมาย มักจะเข้าใจไปว่า ที่ทักษิณได้รับโทษติดคุกนั้น เป็นเพราะรัฐธรรมนุญฉบับคมช.ปี50หาเรื่องเอาผิดทักษิณ ซึ่งนั้นคือความเข้าใจผิดที่ฝ่ายแกนนำเสื้อแดงพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ชาวบ้านเข้าใจไปผิดๆแบบนั้น

และถ้าพรรคเพื่อไทยชนะ พวกล้มเจ้าก็จะฮึกเหิมเพิ่มขึ้น ทักษิณเองก็ยอมรับหลายครั้งแล้วว่า มีพวกล้มเจ้าอยู่จริง แต่ทักษิณแกล้งโง่ไม่รู้ว่า ใครคือพวกล้มเจ้าในหมู่เสื้อแดง??

หากพรรคเพื่อไทยชนะ ก็จะต้องหาทางออกกฏหมายนิรโทษกรรมทักษิณ ซึ่งก็ต้องมีอีกฝ่ายอย่างพันธมิตรออกมาประท้วงอีกแน่ๆ

บ้านเมืองไทยก็ไม่มีทางสงบอยู่ดี การที่ประชาชน2สีจะออกมาปะทะกันกลางถนน ก็อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง

-------------------------------

ทีนี้พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามชัดเจนกับพรรคเพื่อไทยนั้น

ผลงานก่อนการเลือกตั้งไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดันไปสอบตกเรื่องการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มที่ล่าช้า จนข้าวของและราคาอาหารพากันอ้างขึ้นราคาเพราะขาดแคลนน้ำมันปาล์มนี่แหล่ะ ทำให้พรรคประชาธิปัตยฺ์มีภาพติดลบในเรื่องนี้

บรรดาฝ่ายแฟนๆของพรรคประชาธิปัตย์ พยายามบอกว่า ถ้าไม่เลือกมาร์ค แม้วมาแน่ เพื่อให้คนไทยที่เกลียดระบอบทักษิณ หันมาเลือกพรรคประชาธิปตย์ เพื่อหยุดระบอบทักษิณ

แต่ทีนี้ ถ้าเลือกประชาธิปัตย์ จนชนะ พวกคุณคิดว่า บ้านเมืองไทยจะสงบได้จริงๆเหรอ??

ผมว่าไม่มีทาง เพราะคนเลวๆอย่างทักษิณจะไม่ยอมแน่ๆ เพราะทักษิณต้องการสมบัติคืน ทักษิณต้องการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะ ผมว่า บ้านเมืองไทยก็ไม่มีทางสงบอยู่ดีนั่นแหล่ะ

ซึ่งโอกาสที่พรรคประชาธิปปัตย์จะชนะ ในการเลือกตั้งคราวนี้ผมว่า ยาก!!

(ข่าวที่รายงานล่าสุดวันนี้ รัฐบาลสั่งให้ลดราคาน้ำมันปาล์มลงอีกขวดละ5บาท และให้ลดราคาเนื้อหมูลงด้วย ด้วยการห้ามส่งออกนอกประเทศ ซึ่งสมมุติจะลดราคาได้จริงตามคำสั่งของรัฐบาล
แต่เชื่อเถอะ ราคาอาหารสำเร็จรูป อาหารตามสั่ง ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ที่ขึ้นราคาไปแล้ว ไม่มีทางลดราคาขายลงแน่นอน ฟันธง!!)

-----------------------------------

และทั้งสองพรรคใหญ่ ไปจนถึงพรรคขนาดเล็ก ต่างก็งัดวิธีโฆษณาประชานิยม ลด! แลก! แจก! แถม!!กันกระหน่ำหน้าฝน

ถ้าคุณคือคนไทยที่ฉลาด คุณต้องรู้ว่า การลด แลก แจก แถม ของรัฐบาลนั้น ต้องมาจากงบประมาณประเทศ ที่ต้องมาจากการจัดเก็บภาษีนั่นเอง ซึ่งการที่รัฐจะให้ประชาชนได้มาก รัฐก็ต้องมีรายได้จากภาษีมากขึ้น แต่กลับมีการโฆษณาว่าจะมีนโยบายจะลดภาษีลง??

ผมขอบอกว่า พรรคไหนยิ่งโม้ว่าจะให้มาก พรรคนั้นนั่นแหล่ะอย่าไปเลือก เพราะยิ่งเลือก ก็ยิ่งเละ!!

เพราะคิดแต่จะใช้เงิน ทั้งๆที่ยังไม่รู้วิธีหาเงิน (ในประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศ รัฐจะเก็บภาษีอัตราสูงเพื่อจัดสวัสดิการที่ดีให้ประชาชน ที่เรียกว่า รัฐสวัสดิการ) (อ่านข่าวญี่ปุ่นเตรียมเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม)

คนไทยนิสัยเสียมากๆ อยากให้รัฐช่วยนั่นช่วยนี่เยอะๆ ยิ่งถ้ามีหนทางเลี่ยงภาษีได้ มีหนทางเอาเปรียบประเทศชาติและสังคมได้ คนไทยก็ชอบที่จะทำกัน

พูดง่ายๆคือ ขนาดนายกรัฐมนตรียังเลี่ยงภาษี แล้วจะให้ประชาชนอยากจ่ายภาษีได้ยังไง??

คนไทยมักคิดแต่จะเอาเปรียบชาติ แทนที่จะถามตัวเองว่า วันนี้ฉันทำอะไรเพื่อชาติแล้วยัง? แต่กลับชอบถามว่า รัฐบาลจะให้อะไรฟรีๆแก่ฉันได้บ้าง??

พอรัฐเค้าช่วยออกค่าเล่าเรียนฟรีให้ลูก ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้บ้าง พ่อแม่ก็ยังไม่พอใจ จะขอฟรีทุกอย่าง เป็นประเภทได้คืบจะเอาศอก!! (คิดแต่จะมีลูกกัน แต่ไม่คิดจะส่งลูกเรียนกันหรือไง??)

ขนาดพ่อแม่ส่งเสียให้เรียนด้วยเงินพ่อแม่เอง เด็กไทยทุกวันนี้มันก็ขี้เกียจเรียนจะตายอยู่แล้ว มันไม่เสียดายเงินพ่อแม่ เรียนๆเล่นๆซะส่วนใหญ่

นี่ถ้ารัฐออกเงินให้เรียนฟรีทุกอย่างจริงๆ เด็กไทยมันคงขี้เกียจเรียนเพื่มขึ้นกว่าเดิม เพราะพ่อแม่มันไม่ต้องเสียเงิน!!

แนะนำอ่าน ฟังชูวิทย์พูดบ้าง(คลิป)

--------------------------------

ขออภัยไกลประเด็นไปหน่อย ผมอยากจะบอกว่า

ถ้าคุณเลือกพรรคเพื่อไทยจนชนะ บ้านเมืองก็แตกแยก
เลือกพรรคประชาธิปัตย์จนชนะ บ้านเมืองก็แตกแยกเช่นกัน

วิธีที่จะทำให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติได้ คือ ต้องไม่เลือกพรรคใหญ่ทั้งสองพรรค (ซึ่งคงยาก)

ซึ่งผมกล้าฟันธงเลยว่า ถ้า2พรรคใหญ่ คือพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคใดพรรคหนึ่งชนะ

ก็ไม่มีทางจะสร้างความปรองดองในชาติได้อย่างแน่นอน

ที่ถูกต้อง ที่จะสร้างความปรองดองในชาติได้ จะต้องไม่เลือกทั้ง2พรรคนี้เลยครับ

(ส่วนผมขอทำใจรอรับความแตกแยกที่ยังคงอยู่ต่อไป)


แนะนำอ่าน ยุคมิคสัญญีกับการเลือกตั้งไทย

แนะนำอ่าน สาเหตุประชาธิปัตย์จะแพ้การเลือกตั้งปี54


วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เก็บตก!!หลังไทยลาออกจากสมาชิกมรดกโลก



แนะนำย้อนอ่าน สุวิทย์ประกาศไทยลาออกจากภาคีมรดก โลก (แนะนำอ่านบทความนี้ก่อนนะครับ แล้วค่อยอ่านบทความนี้ต่อ)


ผมเพิ่งเข้าบ้านมาเมื่อตี1 ขณะเขียนบทความนี้ ก็เป็นเวลาตี2กว่าๆ แล้ว บทความนี้คิดว่าจะเขียนไม่ยาวนัก แค่อยากจะหยิบบางประเด็นหลังไทยประกาศลาออกจากภาคีมรดกโลกไปเมื่อ2วันก่อน

คือพอหลังจากไทยลาออก วันต่อมาสื่อเขมรโหมตีพิมพ์ตามคำสั่งฮุนเซ็น ประกาศชัยชนะเหนือไทยในเวทีมรดกโลก แต่พอผ่านไปอีกวัน ฮุนเซ็นออกอาการโมโหไทยอย่างมาก จนท้าท้ายให้ไทยลาออกจากยูเนสโกด้วยสิ

คุณผู้อ่านครับ ผมอยากเขียนตรงประเด็นนี้ว่า เขมรมันไม่ได้ชนะไทยอะไรตามที่มันตีปี๊บ!! หรอกครับ เพราะถ้าเขมรมันชนะจริงๆ มันต้องดีใจที่ไทยลาออกไปตลอด ไม่ใช่อีกวัน ฮุนเซ็นออกมาเดือดที่ไทยลาออกจนท้าให้ไทยลาออกจากยูเนสโก้อีก

ที่เขมร โดยฮุนเซ็นมันเดือดมาก ก็เพราะ ถ้าไทยไม่ร่วมมือในแผนบริหารจัดการกับมัน เขาพระวิหารมันก็จะขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่สำเร็จโดยสมบูรณ์

ผมอยากจะย้ำ!! ตรงนี้อีกครั้งว่า เขาพระวิหาร ได้รับการอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกก็จริง แต่ยังได้ขึ้นทะเบียนอย่างสมบูรณ์ เป็นแค่ได้รับอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับการประกาศว่าเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ

ในช่วงนี้ จึงเป็นแค่ช่วงดำเนินงานเพื่อให้ขึ้นทะเบียนให้สำเร็จ และจะสำเร็จเป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ มีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบตามแผนบริหารจัดการพื้นที่จนเสร็จสิ้นแล้ว นั่นแหล่ะถึงจะได้เป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์

แต่ถ้าไม่สามารถจัดการบริหารพื้นที่โดยรอบได้ ยังมีการสู้รบ มีการยิง มีอาวุธอยู่ในพื้นที่ที่เตรียมขึ้นเป็นมรดกโลก ตราบนั้นเขาพระวิหารก็ยังไม่ได้เป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการครับ

เผลอๆ ถ้ามีปัญหาสงครามคาราคาซังไปแบบนี้ เขาพระวิหารก็จะเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อ!! ครับ

แปลว่า เขาพระวิหารยังไม่ได้เป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ คงเป็นได้เพียง "ว่าที่มรดกโลก" เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้ฮุนเซ็นเดือดดาล ออกมาแต่งเรื่องใส่ความไทยเรามากมายในข่าวช่วงวันสองวันที่ผ่านมานี้

-------------------------------

ทีนี้พอไทยประกาศลาออกไปแล้ว ทางยูเนสโก้ ก็รีบออกมาแถลงว่า ยังไม่มีแผนบริหารจัดการอะไรทั้งนั้น หาว่าไทยตีตนไปก่อนไข้ไปเอง

คุณผู้อ่านครับ นี่แหล่ะครับสันดานฝรั่งขี้โกง ตอนเราทักท้วง พวกนี้มันทำเป็นไม่สนใจฟังเรา

พอเราลาออกจริงๆ ทีนี้ถึงทำเป็นมาเสียดาย เสียใจที่ไทยลาออก ก็เพราะยูเนสโก้หน้าแหกน่ะสิครับ ที่มีชาติสมาชิกลาออก ก็ทำให้ยูเนสโก้เสียหน้าพอควร

ตอนนี้ทั่วโลกเลยหันมาสนใจที่ไทยกันใหญ่ ว่า ทำไมไทยที่ทำตัวเป็นมิตรที่ดีของสหประชาชาติมาตลอด ดันงอนลาออกซะงั้น??

ผมว่า ตอนนี้ไทยเราเลยถือไพ่เหนือกว่าแล้วครับ เพราะจากเดิมที่ไทยเราพูดอะไรไป ไม่มีใครสนใจจะฟัง ทีนี้แหล่ะ เสียงเราจะดังขึ้นในเวทีโลกทันที (ไทยเราไม่ต้องเข้าประชุม แค่ส่งผู้สังเกตการณ์ไปดูเท่านั้น และทีนี้ถ้าไทยอยากพูดอะไร ก็ตั้งโต๊ะแถลง รับรองนักข่าวทั่วโลกจะรีบมาทำข่าวทันที)

คุณผู้อ่านไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ เพราะวันนี้เราออก แต่ถ้าวันหน้าเราพอใจ เราอยากจะกลับไปสมัครใหม่ก็ได้  ยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกา อังกฤษก็เคยทำมาแล้ว

ซึ่งนายสุวิทย์ ได้บอกว่า ตอนแรกได้พยายามถามไปถึงแผนบริหารจัดการว่ามีอยู่ในวาระการประชุมหรือไม่? แต่กลับไม่มีใครตอบให้ชัดเจนว่า มีแผนบริหารอยู่ในวาระหรือไม่ มีแต่อ้ำๆอึ้งๆกัน ประหนึ่งจะมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

--------------------------

ขอย้อนเล่าทบทวนถึงที่มาปัญหาอีกครั้งนะครับ

ในสมัยรัฐบาลสมัคร สั่งปลดอาจารย์อดุล วิเชียรเจริญ ออกจากประธานมรดกโลกไทย เพื่อแต่งตั้งให้นายปองพล อดิเรกสาร ลิ่วล้อทักษิณมานั่งตำแหน่งนี้แทน

(นั่นเพราะอาจารย์อดุล ยืนยันขัดขวางการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวของเขมรมาโดยตลอด เพราะเขมรต้องการพื้นที่ในส่วนของไทยนำไปขึ้นทะเบียนด้วย แต่เขมรจะขอขึ้นทะเบียนมรดกในนามเขมรฝ่ายเดียว)

ต่อมานายนพดล ปัทมะ ไปเซ็นยินยอมว่า ไทยเห็นด้วยที่จะให้เขมรนำเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดโลกเพียงฝ่ายเดียว!! แล้วนายนพดลก็อ้างว่า ได้เจรจาให้เขมรยอมขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้นจนสำเร็จ

ซึ่งมันคือคำโกหกคำโต เพราะตามหลักการของการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะขึ้นแค่ตัวโบราณสถานโดดๆไม่ได้ ต้องมีพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด่วย

และหนังสือที่นายนพดล ไปเซ็นยินยอมนั้น เขมรก็เอาไปยื่นเพื่อขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยแนบแผนที่1ต่อ2แสนไปด้วย

แปลความได้2อย่าง คือ

ประเด็นแรกก็คือ เขมรหลอกนายนพดล ว่าเขมรจะขอขึ้นแค่ตัวปราสาทเท่านั้น ทำให้นายนพดลยอมเซ็นยินยอมว่าไทยจะไม่คัดค้าน ซึ่งที่จริงนายนพดลก็เป็นนักกฏหมาย ไม่น่าที่จะไม่รู้ว่า มันผิดหลักการการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก ที่ไม่สามารถขึ้นเฉพาะตัวปราสาทได้เท่านั้น

ฉะนั้น จึงน่าจะเป็นประเด็นที่2 ก็คือ นายนพดล ร่วมมือกับเขมร ยกพื้นที่4.6ตร.กม.ให้เขมร แล้วนายนพดลก็มาโกหกคนไทยว่า ตัวเองได้ช่วยให้เขมรยอมรับแผนที่1ต่อ5หมื่นของไทย เขมรยอมขึ้นเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น

----------------------

และเมื่อเขมรยื่นเอกสารขอจดทะเบียนมรดกโลกจริงๆ เขมรก็ยื่นเอกสารที่นายนพดลได้เซ็นยินยอม เพราะถ้าไม่มีเอกสารนี้เขมรไม่มีทางขึ้นทะเบียนได้ แต่แทนที่เขมรจะทำตามเหมือนที่นายนพดลคุยโม้ ว่าเขมรจะขอขึ้นเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น เขมรมันยื่นแผนที่1ต่อ2แสน ซึ่งรวมพื้นที่4.6ตร.กม.ไปด้วย

เพราะมันเป็นไปตามหลักการของมรดกโลก ที่ต้องมีพื้นที่ประวัติศาตร์โดยรอบด้วยนั่นเอง

แม้ศาลรัฐธรรมนุญจะตัดสินว่า เอกสารที่นายนพดลไปเซ็นนั้น ขัด รธน.มาตรา190 ที่ต้องผ่านความเห็นชอบต่อสภาก่อนก็ตาม แต่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถไปหยุดยั้งเอกสารฉบับนั้นได้

เพราะยูเนสโก้ เขาถือว่า เอกสารที่นายนพดลเซ็นเป็นเอกสารที่รัฐทำต่อรัฐทำโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ส่วนจะผิดกฏหมายของไทยหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของยูเนสโก้จะต้องมาสนใจหรือตรวจสอบ

เรื่องผิดรธน.มาตรา190นั้นเป็นเรื่องภายในของไทย ไทยเราต้องก็ไปไล่เบี้ยกับคนที่กระทำโดยพลการเอง แต่ระหว่างรัฐต่อรัฐ ถือว่า เป็นเอกสารที่สมบูรณ์ไปแล้วนั่นเอง

-------------------------------

ก่อนจบ ผมขอสรุปคร่าว เพื่อความเข้าใจง่ายๆว่า

โดยปกติ การขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกใดๆ ถ้าสิ่งนั้นมีพื้นที่อยู่ในประเทศนั้นๆทั้งหมด ประเทศนั้นๆก็สามารถทำเรื่องยื่นขอขึ้นทะเบียนได้เองเพียงชาติเดียว

เช่น เขาใหญ่ ซึ่งอยู่ในประเทศไทย ไทยเราก็ไปยื่นขอขึ้นทะเบียนได้เอง ไม่ต้องให้ชาติไหนมาร่วมเซ็นยินยอมด้วย

สมมุติว่า เขมรขอขึ้นเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหารได้เท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นของเขมรอยู่แล้ว อยู่ในอธิปไตยของเขมรอยู่แล้ว เขมรก็ไปยื่นขอขึ้นทะเบียนได้เลย ไม่ต้องมาขอให้รัฐบาลไทยเซ็นเห็นด้วยหรอก

แต่ที่เขมรต้องมาขอให้รัฐบาลไทยเซ็นเห็นด้วย หรือเซ็นยินยอมด้วยนั้น นั่นเพราะเขมรไม่ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น แต่เขมรต้องการพื้นที่ประวัติศาตร์ร่วมข้างเคียงไปยื่นด้วย นั่นก็คือพื้นที่4.6ตร.กม.นั่นเอง

และนายนพดล ก็ไปเซ็นยินยอมให้พื้นที่4.6ตร.กม.แก่เขมร เอาเอกสารไปยื่นขอขึ้นทะเบียนได้นั่นเองครับ


-------------------------

**หมายเหตุ เท่าที่ติดตามข่าว นายสุวิทย์ได้ประกาศเจตจำนงว่าไทยขอลาออกจากภาคีมรดกโลก แต่ยังไม่ถือว่าได้ลาออกอย่างเป็นทางการ เพราะจะเป็นทางการได้ก็ต่อเมื่อ มีหนังสือลาออกจากรัฐบาลไทยแจ้งไปอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น แต่ตอนนี้รัฐบาลไทยยังไม่มีหนังสือดังกล่าว
และถึงแม้จะมีหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่การลาออกจริงๆก็จะมีผลก็ต่อเมื่อภายหลังไปอีก1ปี

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สุวิทย์ประกาศไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลก!!




ข่าวล่าสุดเมื่อกี้ ก่อนที่ผมจะเขียนบทความนี้ นายสุวิทย์ได้ประกาศในนามไทยขอลาออกจากภาคีสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว เพราะมีความสุ่มเสี่ยงจากการเสียอธิปไตยบนดินแดน จากแผนบริหารจัดการในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร

ซึ่งทั้งหมดนั่น ก็เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์ และนายสุวิทย์ดื้อรั้น ไม่เชื่อคำอาจารย์เทพมนตรีมาตั้งแต่ต้น และในที่สุดก็ต้องลาออกจากภาคีมรดกโลกจริงๆ ตามที่อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม และ*อาจารย์อดุล วิเชียรเจริญ เคยเตือนไว้นานแล้ว ว่าต้องทำแบบนี้

เพราะเอกสารที่รัฐบาลไทยหลายๆรัฐบาลไปเซ็นไว้ที่ผ่านๆมา มันต้องพาไทยมาถึงจุดนี้ จุดที่ต้องลาออกจากภาคีคณะกรรมการมรดกโลก!! (และถึงอาจขั้นลาออกจากสมาชิกมรดกโลกในขั้นตอนต่อไป) เพราะดันโง่ไปเซ็นเสียเปรียบไว้หลายจุด!! (มีทั้งโง่จริงและเลวจริงที่ไปเซ็นยกไว้)

หลายคนคงคิดว่า สุวิทย์ทำดี แต่จริงๆแล้วทำดีแต่เกือบช้าไป เพราะสุวิทย์ดันไปเซ็นเอกสารไว้เมื่อปีที่แล้ว ทั้งๆที่อาจารย์เทพมนตรีก็บอกแล้วว่า การเซ็นตรงนั้นจะเสี่ยงที่จะทำให้ไทยเสียเปรียบเขมร และเสี่ยงต่อการเสียอธิปไตยบนดินแดนจากแผนพัฒนาพื้นที่ (คลิกดูเอกสารเก่าที่สุวิทยเซ็นเมื่อปีที่แล้ว)

ทั้งหมดก็เพราะความผิดพลาดของนายสุวิทย์นั่นแหล่ะ แต่ก็ยังดีที่ยังไหวตัวทัน (แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า เอกสารที่สุวิทย์เซ็นจะมีผลอะไรอีกมั้ย ถ้าไทยกับเขมรต้องไปขึ้นศาลโลกอีก)

ผมเองก็เคยเขียนบทความไว้นานแล้วว่า ไทยเราอาจต้องลาออกจากมรดกโลก ในบทความเรื่อง จับผิดคำพูดนพดล นพเหล่

(ข่าวเบื้องต้นรายงานว่า ตอนนี้ไทยแค่ออกจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกเท่านั้น แต่หากยูเนสโก้ยังจะละเมิดอธิปไตยของไทยต่อไป เราอาจถึงขั้นลาออกจากสมาชิกมรดกโลกด้วย แต่กรณีนี้จะทำให้มรดกโลกของไทยอาจจะถูกถอดออกด้วย 
เหมือนเรามีอาหารอร่อยอยู่แล้ว ถึงไม่มีป้ายเชลล์ชวนชิมก็ไม่เห็นเป็นไรเพราะอาหารเราอร่อยอยู่แล้ว แค่ปากก็ต่อปากก็ขายดีไม่หวัดไม่ไหว มรดกโลกก็เสมือนมีป้ายเชลล์ชวนชิมนั่นแหล่ะ ถ้าออกบางครั้งอาจเป็นผลดีกว่าก็ได้ เพราะจะทำให้คนยิ่งสนใจมากกว่าเดิม ว่าออกเพราะอะไร ไหนไปต้องดูหน่อยซิ)

(อีกทั้งการเป็นสมาชิกมรดกโลก ไทยจะต้องจ่ายค่าสมาชิกปีละ50ล้านบาท!!  แม้แต่อเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ก็เคยถอนตัวมาแล้ว)

ซึ่งผมมั่นใจว่า สมมุติถ้าไทยถอนมรดกโลกทั้งหมดของเราออกจริงๆ ก็ไม่ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวของเราลดลง เพราะมรดกโลก ไม่ใช่สิ่งการันตีรายได้ เช่นวัดพระแก้ว ซึ่งไม่ใช่มรดกโลก แต่กลับมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวมากกว่ามรดกโลกของไทยหลายแห่งเสียอีก

**หมายเหตุ มีความสับสนว่า ไทยลาออกจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกเท่านั้น แต่ยังไม่ลาออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก (แปลว่ายังเป็นสมาชิกอยู่)
ล่าสุด!! ผมได้ตรวจสอบจากทวิสเตอร์ของคุณสุวิทย์ คุณสุวิทย์ยืนยันว่า ไทยเราได้ประกาศเจตจำนงขอลาออกจากคณะกรรมการมรดกโลก และภาคีอนุสัญญามรดกโลกแล้ว นั่นแสดงว่า ไทยได้ประกาศเจตจำนงลาออกจากการเป็นสมาชิกมรดกโลกแล้วนั่นเอง (แต่การลาออกอย่างเป็นทางการต้องมีหนังสือแจ้งถอนตัวจากรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ)
และในทางกฏหมายระหว่างประเทศ มีนักกฏหมายได้ตีความเรื่อง ไทยเราออกจากภาคีมรดกโลกแล้วจริงหรือ? คลิกอ่านที่นี่

----------------------

คุณผู้อ่านครับ ผมเขียนเรื่องเขาพระวิหารไว้หลายบทความมากๆ ว่าเหตุเรื่องเขาพระวิหารในสมัยฮุนเซ็นกับไทย มันเริ่มจากนายกฯชวน ไปชวนเขมรมาทำmou43 ที่ดันไปแนบแผนที่1ต่อ2แสนมาด้วย ทำให้เขมรอ้างว่าไทยยอมรับแผนที่นี้แล้ว

หลักฐานหนึ่งก็คือ นายฮอนัมฮง ได้เคยแถลงการณ์ว่า ไทยยอมรับแผนที่1ต่อ2แสนที่ปรากฏในmou43 

คลิกอ่านที่นี่


ขอสรุปแบบเข้าใจง่่ายๆว่า

สมัยนายกฯชวน เพราะกลัวการรบ จึงไปเปิดโอกาสให้เขมรนำแผนที่1ต่อ2แสนเข้ามาในmou43ได้
แต่ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ไปสำทับเรื่องMOU44 และTOR46 ยอมรับแผนที่1ต่อ2แสน ยกดินแดนให้เขมรซ้ำอีก
และสมัยรัฐบาลสมัคร ดันไปยกพื้นที่4.6ตร.กม.ให้เขมรไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้

-------------------------------


แนะนำอ่าน อธิบายกรณีเขาพระวิหารอย่างง่าย ตอน1

แนะนำอ่าน เทพมนตรีอธิบายไทยเสียดินแดนที่นายกฯอภิสิทธิ์ควรดูที่สุด

แนะนำอ่าน ปัญหาเขมรยืดเยื้อ เพราะไม่ตัดไฟแต่ต้นลม

(*หมายเหตุ* คุณผู้อ่านรู้จักอาจารย์อดุลย์ วิเชียรเจริญมั้ย?? ท่านนี้คือประธานมรดกโลกของไทย คนแรก ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมากว่า25ปี แต่โดนปลดเมื่อปี50 สมัยรัฐบาลสมัคร เพราะนายนพดลอยากยก4.6ตร.กมให้เขมรไปขึ้นทะเบียนให้สำเร็จ
เพราะท่านอาจารย์อดุล ได้ขัดขวางการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของเขมรฝ่ายเดียวมาโดยตลอด เปรียบเสมือนเป็นก้างขวางคอใครบางคน ขนาดอาจารย์อดุลย์ ผู้ซึ่งแตกฉานเรื่องนี้มากที่สุด ยังเสนอให้ไทยลาออกเลยครับ คลิกอ่านข่าวที่นี่ ล่าสุดจากข่าวไทยรัฐ อาจารย์อดุล อธิบายว่า มรดกโลกชองไทยที่ขึ้นไปแล้ว จะไม่กระทบหรือถูกถอดถอน)

---------------------------------


ขอเชิญทุกท่าน ไปชม เอกสารที่พธม.อธิบายเรื่องเขาพระวิหาร และให้ไปดูที่ จุดยืนที่แตกต่างกัน20จุด ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตร ในหน้า39 ที่ข้อ19 (เอกสารนี้ได้เขียนไว้นานแล้ว)

ในข้อ19 พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า ไทยไม่ควรลาออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก เพราะจะทำให้ไทยไม่มีเวทีที่จะคัดค้าน

แต่ กลุ่มพันธมิตร กลับเห็นว่า ไทยไม่ควรเป็นภาคอนุสัญญามรดกโลกอีกต่อไป เพราะคณะกรรมการมรดกโลก แลยูเนสโก ได้ละเมิดอธิปไตยไทยแล้ว ดังนั้นการที่ไทยไม่ถอนตัวจึงเสมือนไทยต้องอยู่ใสสภาพที่่ไม่ปฏิเสธมติคณะกรรมการมรดกโลก ที่ทำให้ไทยต้องเสียเปรียบที่ผ่านมา

คลิกอ่านเอกสารนั้นที่นี่


นั่นชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่กลุ่มพธม.ชี้แจงมาทั้งหมด คือเรื่องจริงว่าไทยกำลังเสียอธิปไตยบนดินแดนหากยังเป็นภาคีมรดกโลกต่อไป และนั่นคึอความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง

ยังไม่จบหรอกครับ เพราะทั้งmou43 ยังอยู่ tor46 ก็ยังอยู่ ขึ้นศาลโลกจะมีผลยังไงอีกหรือไม่ ต้องลุ้นต่อไปอีก


คลิกอ่านกระทู้สำคัญ MOU43 ขัดรธน.ทั้งสองชาติ!! (ที่ผมคุยและถกกับหนูแจ๋ว(ซึ่งเป็นคนรักปชป.)เรื่องเขาพระวิหาร ว่าใครผิด ใครชั่วมากกว่ากัน)

------------------------------

สิ่งที่ผมเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน เป็นจริงทุกประการ เชิญอ่าน

คลิกอ่าน ไอ้เขมรชั่วฮุนเซ็น ตอน1 ยึด4.6ตร.กมรอบเขาพระวิหารคืน!!

คลิกอ่าน ไอ้เขมรชั่วฮุนเซ็น ตอน2 หนทางเดียวที่จะได้4.6ตร.กม.คืนมีวิธีเดียวคือ..?

คลิกอ่าน ไอ้เขมรชั่วฮุนเซ็น ตอน3


และหลังจากคำเตือนของพธม.เป็นจริง!! ซึ่งนายสุวิทย์ได้ปฏิบัติทำตามแนวทางการแนะนำของอาจารย์เทพมนตรี และอาจารย์อดุล วิเชียรเจริญ ทำให้สื่ออย่างกรุงเทพธุรกิจ ในเครือเนชั่น ที่เคยเข้าข้างพรรคปชป.มาตลอด ก็ได้ลงบทความเอียงเข้าข้างแนวทางพธม. ในบทความเรื่อง ย้อนรอยปมพิพาท'พระวิหาร'ถึงวันไทยแตกหักมรดกโลก คลิกอ่านได้ที่นี่!!


---------------------------

(อัปเดตบทความเพิ่มเติม เมื่อ27มิ.ย.54 เวลา14.30น.)

ผมเพิ่งดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันที่27มิ.ย.54

ฟังคุณสุวิทย์ คุณกิตติสัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านีี้ วันที่27มิ.ย.54

ซึ่งตรงกับที่ผมได้แสดงความเห็นไว้ที่กล่องความเห็นด้านล่างตั้งแต่เมื่อคืนวานว่า คุณสุวิทย์ ได้ตัดสินใจลาออกไปตามสถานการณ์ด้วยตัวเองตามอำนาจที่ได้รับมาอย่างเต็มที่ โดยที่นายกฯอภิสิทธิ์ได้พยายามโน้มน้ามจะให้คุณสุวิทย์หาหนทางอื่นก่อน ยังไม่อยากให้ใช้วิธีลาออก!!

ดูรายการย้อนหลังได้ที่ คลิกที่นี่!!

-----------------------

บทพิสูจน์ว่านายนพดล ปัทมะโกหก!!

ตามหลักการของอนุสัญญามรดกโลก ต้องเป็นไปเพื่อสันติภาพ แต่กรณีเขาพระวิหาร มีพื้นที่จัดการอยู่ในทั้ง2ประเทศ ในส่วนของเขมร คือตัวปราสาทเขาพระวิหาร ในส่วนในไทยก็เช่น สระตาว สถูปคู่ ผามออีแดง

การที่มีอาณาเขตมรดกโลกร่วมกัน หนทางสันติคือ ต้องขึ้นทะเบียนร่วมกัน การที่นพดล ปัทมะ บอกว่า เขมรขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้นจึงเป็นเรื่องโกหก!!  เพราะความจริงมีพื้นที่4.6ตร.กม.รวมอยู่ด้วย จึงเป็นปัญหาทะเลาะกันจนทุกวันนี้

และที่นายสุวิทย์ ต้องลาออก เพราะแผนบริหารจัดการของเขมรได้ใช้แผนที่1ต่อ2แสนแนบในเอกสาร ด้วย ทำให้รวมเอา4.6ตร.กม.เข้าไปในแผนบริหารจัดการ ซึ่งตรงนี้พิสูจน์ว่านายนพดลก็โกหกว่า เขมรจะนำแค่ตัวปราสาทขึ้นทะเบียนเท่านั้น

รายละเอียดการโกหกของนายนพดล ไปอ่านได้ที่ จับผิดคำพูดนพดล นพเหล่


@@ ต้องอ่าน เก็บตก!! หลังไทยลาออกจากมรดกโลก @@


วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วันนี้คุณเลิกดื่มชาเขียวแล้วรึยัง??




าเขียว เครื่องดื่มอินเทรนในไทยมาหลายปี โดยเจ้าแรกที่ครองตลาดคือ ยูนิฟ กรีนที ตัวผมก็เคยชอบดื่มชาเขียวของยูนิฟ เมื่อ10กว่าปีมาแล้ว ช่วงนั้นยูนิฟเป็นเจ้าตลาด และยังขายในแบบกล่องUHT ซึ่งเมื่อ10กว่าปีที่แล้ว ผมชอบดืมยูนิฟกรีนที แบบผสมน้ำผึ้ง ราคาขายตอนนั้น กล่องละ 12 บาทในขนาด 250 cc. (คงเพราะมาใหม่เจ้าแรก  ราคาเลยสูง)

สำหรับผม ผมก็ว่าชาเขียวยูนิฟหวานอร่อยดีนะ (ถ้าชาเขียวแบบออริจิน่อน ไม่มีน้ำตาล ผมไม่ชอบ เพราะผมกินหวาน)

ทีนี้กระแสชาเขียวแรงมาก เพราะบริษัทชาเขียวพยายามสื่อโฆษณาให้ผู้บริโภคเห็นว่า ชาเขียวมีประโยชน์ คนญี่ปุ่นเขาชอบดื่ม ทำให้คนญี่ปุ่นแข็งแรง เพราะมีสารป้องกันมะเร็ง

เพราะกระแสโปรโมทว่าชาเขียวมีประโยชน์ ทำให้ คนไทยอย่างผมก็หลงเชื่อ ดื่มกันเข้าไปอย่างมาก เพราะรสอร่อยแบบแปลกๆ ดื่มไปบ่อยๆก็เริ่มชอบ และเชื่อว่ามันอร่อย มันดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ในยุคแรกๆของตลาดชาเขียว ก็มีไม่กี่เจ้าหรอก แต่เจ้าตลาด ที่ครองตลาดมากที่สุดก็คือยูนิฟ และควรต้องยกย่องยูนิฟตรงที่บุกเบิกตลาดชาเขียว จนคนไทยให้การยอมรับ ด้วยโฆษณาหนอนชาเขียวอันโด่งดัง (เพราะการบุกเบิกตลาดใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ)

อ่านบทความจากคมชัดลึก ชาเขียวต้านมะเร็งในคนได้จริงหรือ?


โฆษณาหนอนใบชา กับคาถาชิเมโจเต๋ !!



-----------------------------

โออิชิ มาล้มแชมป์ยูนิฟ

ยูนิฟครองตลาดมาหลายปี ก็ต้องมาเสียแชมป์ให้โออิชิ เพราะโออิชิ ทำรสชาติชาเขียวให้เข้มข้นขึ้น โดยเริ่มจากการขายในร้านอาหารโออิชิ ให้ลูกค้าที่มากินบุฟเฟ่ต์ซื้อติดไม้ติดมือแบบขวดสำเร็จรูปกลับไปดื่มที่บ้านหลังจากดื่มฟรีในร้าน

และเมื่อร้านอาหารโออิชิบูม ชาเขียวโออิชิ ก็พลอยขายดีไปด้วย คุณตันก็เลยนำโออิชิกรีนทีออกมาขายสู่ตลาดภายนอก

ลูกค้าเลยเกิดมีความเชื่อที่ว่า รสชาติเข้มข้นต้องได้ประโยชน์จากสรรพคุณชาเขียวมากกว่ายี่ห้ออื่นแน่ๆ ชาเขียวของโออิชิจึงมีรสฝาดของมากกว่ายูนิฟ ส่วนยูนิฟก็จะรสหวานมากกว่า

ทีนี้กระแสลดกินหวานมาแรง โออิชิเลยเติบโตได้เร็ว บวกกับการตลาดที่เก่งของโออิชิ(โฆษณาเก่งนั่นแหล่ะ) ทำให้ชาโออิชิมาแรงเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด จนชาเขียวโออิชิก็ล้มยูนิฟแชมป์เก่าได้ในที่สุด

อ่านกลยุทธล้มแชมป์ของโออิชิ

--------------------------------

ชาเขียวโออิชิ ดังมาก ขายดีมากจนเป็นเจ้าตลาด แต่สุดท้ายคุณตันก็ยอมขายแบรนด์โออิชิทั้งหมดให้แก่ไทยเบฟเวอเรจ(บ.เบียร์ช้าง สาเหตุที่ขายก็คือเอาเงินดีกว่าแข่งกับยักษ์ใหญ่ ขายในตอนที่ราคาดี ดีกว่าแข่งกับยักษ์แล้วล้มสลาย

เพราะคุณตันในตอนนั้นคิดว่า สายป่านของไทยเบฟฯยาวกว่า เลยขายหุ้นเอาเงินไว้ก่อนดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งคุณตันก็อยู่บริหารโออิชิให้ไทยเบฟ ไปอีก 5 ปี ทั้ง ๆที่ในสัญญาคุณตันต้องทำเพียง 3 ปี เท่านั้น

คุณตัน ได้บริหารโออิชิในเครือไทยเบฟฯ จากยอดขายปีละ4,000ล้าน กลายเป็นหมื่นล้าน!! และทำให้หุ้นจาก32บาท เป็น100บาท (ทำให้คุณตันเริ่มคิดว่า กูคิดผิดหรือเปล่าที่ขายโออิชิให้เบียร์ช้าง)

และหลังจากนั้น คุณตันก็ลาออกจากโออิชิ ในทุกตำแหน่ง

อ่านเสี่ยตันหัน3,000ล้านขายโออิชิ

------------------------------

ต่อมาคุณตัน ก็มาเปิดแบรนด์ชาเขียวใหม่อีกยี่ห้อ ชื่อ อิชิตัน ซึ่งถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ ที่ต้องมาชนกับเจ้าตลาดที่ตัวเองเคยสร้างมากับมืออย่างโออิชิ

คุณตัน เก่งเรื่องการตลาดมาก จับเอาโน๊ต อุดม มาช่วยทำให้อิชิตัน และสินค้าเครื่องดื่มในเครือบริษัท ไม่ตัน ทั้งหลาย

คุณตัน ลงทุนไปหลายพันล้านในการสร้างโรงงาน แถมทุ่มงบโฆษณาไปนับร้อยล้าน เพื่อจะให้ทุกแบรนด์ใหม่ของตัวเองเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว

"การเข้ามาทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม อิชิตัน ผมไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาด แต่ต้องการเป็นอันดับ 1 ในด้านของคุณภาพของผลิตชาที่ดีสู่ผู้บริโภค ซึ่งมีด้วยกัน 3 รสชาติ คือ ออริจินัล น้ำผึ้งผสมมะนาว และเก๊กฮวย ส่วนยอดขาย ดับเบิ้ล ดริ้งค์ ที่ผ่านมา จัดว่าเป็นฟังก์ชันนัลดริงก์ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขาย 50 ล้านบาท จากตลาดมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท" เสี่ยตัน กล่าว

อ่านข่าว “ตัน” ปั้นอิชิตันถล่มบ้านเก่า ไร้สัญญาใจ “เจริญ”-เกทับไซส์โออิชิ


----------------------------

วันนี้คุณเลิกดื่มชาเขียวกันแล้วรึยัง??

ถึงตอนนี้ การวิจัยของนักวิชาการระบุว่า ชาเขียวบรรจุขวดที่เราๆท่านๆ ดื่มกันอยู่นั้น ไม่ได้มีสารสำคัญอะไรมากมายเท่าที่อวดอ้างสรรพคุณ เพราะสารที่ว่าต่อต้านมะเร็งนั้น ในชาเขียวบรรจุขวดสำเร็จรูปที่ขายในบ้านเรานั้น มีสารสำคัญน้อยมากๆ จนแทบไม่มีเลยก็ว่าได้

พูดง่ายๆก็คือ ชาเขียวราคาแพง แต่ประโยชน์ที่ได้แสนจะถูก

กระแสชาเขียวทำให้หลายปีก่อนกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบต้นทุนการผลิตแล้ว พบว่่าเฉพาะค่าวัตถถดิบอย่าง ใบชา น้ำตาล น้ำ กลิ่น มีต้นทุนต่อขวดเพียงขวดละ1.50บาทเท่านั้น ไม่รวมค่าขวด ค่าการผลิต (ราคาขายปลีกตอนนั้นขวดละ20บาท)

ต่อมาในวันนี้ ตลาดชาเขียวรุนแรงมากขึ้น เพราะมีคู่แข่งมาก ทำให้มีการลดราคาลงมาอีก ไม่ได้ขาย20บาทเหมือนเมื่อก่อน

อ่านกระทรวงพาณิชย์แฉต้นทุนชาเขียว

อ่านพาณิชย์เพิ่งตื่นบีบชาเขียวลดราคา

-----------------------------------

ทีนี้ผมเลยมาคิดๆว่า เมื่อก่อนที่ขายราคาขวดละ 20 บาท ก็คงทำกำไรมหาศาลให้แก่บริษัทชาเขียวต่างๆมากมาย ทั้งๆที่ประโยชน์และคุณค่าไม่ได้มีมากตามที่อวดสรรพคุณจริง

มาถึงปี54 เจ้าตลาดอย่างโออิชิยังลดราคาตัดราคาลงมาเพื่อสกัดคู่แข่งรายใหม่แต่หน้าเก่า (แต่ก็ยังมีกำไรอีกมาก เชื่อผมสิ??)

เพราะกำไรในชาเขียวมีมาก มากจนยั่วยวนให้คุณตันต้องกลับมาตลาดชาเขียวอีกครั้ง

ไม่งั้นคุณตัน คงไม่ลงมาทำชาเขียวอีกหรอก นั่นเพราะ มันทำให้เขาร่ำรวยเป็นหมื่นล้าน ในเวลาไม่กี่ปีนั่นเอง

อ่านสงครามชาเขียว โออิชิ ปะทะอิชิตัน

----------------------------

ทุกวันนี้ ผมเลิกดื่มชาเขียวสำเร็จรูปในท้องตลาดมากว่า10ปีแล้วครับ เพราะผมรู้ว่า มันไม่ได้มีคุณค่าอะไรมากมาย เหมือนกับกับชาเขียวแท้ๆชงใหม่ๆ แบบที่คนญี่ปุ่นเขาชงดื่มหรอกครับ (อย่างในพิธีชงชา)

กับราคาที่แพงเกินไป แพงเกินกว่าคุณค่าที่ควรจะมี จนไปสร้างความร่ำรวยมหาศาลให้กับพ่อค้าจอมโฆษณาหลาย ๆ บริษัท

ในวันนี้ ผมจึงไม่อยากให้คนไทยตกเป็นเหยื่อโฆษณาเว่อร์ๆ จากพ่อค้านักการตลาดผู้ร่ำรวยทั้งหลาย ที่มาหลอกคนไทยให้เชื่อและหลงไปดื่มอะไรที่แพงเกินประโยชน์ที่แท้จริงของมัน

ก็เว่อร์กันทุกยี่ห้อนั่นแหล่ะ ผมว่านะ

อ่านชาเขียวอวดอ้างสรรพคุณ


-----------------------------------


ย้อนดู ตัน ลาออกจาก โออิชิ

ดูเสี่ยตัน เปิดใจออกจากโออิชิ


----------------------------------

ดูจะจะ!! อีกครั้งว่า คุณตัน บอกว่า หลังจากออกจากโออิชิ จะไปทำอะไรต่อ?? (เสี่ยตันโกหก หรือแค่เปลี่ยนใจ!!?)



V

V

แนะนำอ่าน กระทู้ธุรกิจที่วิเคราะห์อย่างถึงกึ๋น

เรื่อง อิชิตัน - ย้อนเกล็ดโออิชิที่เจ็บแสบ 
(รับรองความมันส์!!)

ถ้าคุณได้อ่านกระทู้ธุรกิจข้างบนแล้ว บางทีคุณอาจคิดเหมือนผม ว่า หรืออนาคตคุณตัน จะเล่นการเมือง หรือว่า คุณตัน อาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยในอนาคต?? ในวงเล็บว่า..

(ถ้าไม่ห้ามให้คนจบแค่ม.ศ.3 อย่างเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ผมก็อยากลองให้คุณตัน ลองเป็นนายกรัฐมนตรีไทยอยู่เหมือนกัน)



วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พวกล้มเจ้าลิ่วล้อทักษิณดูถูกพระอรหันต์





วกล้มเจ้า โดยเฉพาะในเว็บหมาเดียวกัน เมื่อก่อนผมเข้าไปอ่านเว็บนี้บ่อย พวกนี้รู้ดีว่าพุทธศาสนากับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น เกื้อกูลต่อกันมากเพียงใด

เมื่อพวกล้มเจ้าคิดจะล้มสถาบันกษัตริย์ พวกนี้รู้ดีว่า หากคนไทยยังเชื่อและศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็ยังเป็นการยากที่จะล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ง่ายๆ

ผมคงไม่ขอเล่านะครับว่า พวกล้มเจ้าในเว็บหมาเดียวกันนั้น พยายามหาตรรกะมาทำลายคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างไรบ้าง

--------------------------------

สิ่งหนึ่งที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ได้รับความรักความศรัทธาอย่างมากโดยเฉพาะในรัชกาลที่ 9 นี้ เหตุผลนึงก็คือ มีพระอรหันต์หลายรูป ได้เคยยืนยันว่า ในหลวงของเรานั้น พระองค์มีภูมิธรรมชั้นสูงพอสมควร ส่วนจะได้ถึงระดับใดนั้น เชื่อว่าคุณผู้อ่านคงหาอ่านได้ในหลาย ๆ เว็บ ผมไม่ขออ้างถึงแล้วกัน

ที่ผมกล้าพูดว่า มีพระอรหันต์หลายรูปยืนยันถึงภูมิธรรมชั้นสูงของในหลวงนั้น สังเกตได้อย่างไรว่า พระดังกล่าวเป็นพระอรหันต์จริง

ก็สังเกตจาก เมื่อพระหลาย ๆ รูปดังกล่าว ที่ท่านมรณภาพไป ต่อมาอัฐิของท่าน ก็ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุ นี่จึงบ่งชี้ได้ว่า พระรูปนั้น ๆ คือพระอรหันต์ แล้ว

ในเมื่อพระอรหันต์ พระอริยะ พระเกจิอาจารย์หลายๆรูป ก็ยังยกย่องในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่นนี้ และพระดัง ๆ ทั้งหลายก็มีผู้คนเคารพศรัทธามากมาย

ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกล้มเจ้า ต้องพยายามทำลายความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และปฎิเสธเรื่องอัฐิ แปรเป็นพระธาตุของพระอรหันต์ด้วย

พวกลัมเจ้า  จึงต้องใช้แผนที่เรียก ต้องตี2ทาง!!

ทางแรกคือ ให้ร้ายในหลวง ทางที่สองคือ ทำลายความเชื่อในเรื่องพระพุทธศาสนา และความเชื่อเรื่องพระอรหันต์ในปัจจุบัน

-----------------------------------

เมื่อไม่นานมานี้ หลวงตามหาบัว เพิ่งจะมรณภาพไป ซึ่งมีข่าวอย่างออกมาว่า เถ้าอัฐิของหลวงตามหาบัว ได้แปรสภาพกลายเป็นพระธาตุ ซึ่งมีความหมายว่า หลวงตามหาบัวได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว สำเร็จพระนิพพานแล้ว

ทีนี้ หลวงตามหาบัว ท่านเคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างมาก ถึงขั้นเคยเทศนาไว้ว่า ทักษิณเลวยิ่งกว่าเทวทัต เพราะเทวทัตยังสำนึกผิดได้ก่อนที่ธรณีจะสูบ ได้ถวายคางแด่พระพุทธเจ้า

ส่วนทักษิณนั้น จะไม่มีคำว่าสำนึกผิด !!

--------------------

ทีนี้เมื่อผู้คนศรัทธาหลวงตามหาบัวอย่างมาก และหลวงตามหาบัวต่อต้านระบอบทักษิณ



ทำให้ลิ่วล้อทักษิณสายล้มเจ้าคนนึง  ซึ่งเป็นอดีตสส.ในสภาสมัยที่แล้วด้วย (และปัจจุบันก็ยังเป็นสส.พรรคเพื่อไทยในยุคยิ่งลักษณ์) สส.คนนี้หัวหงอก พูดจากวนตีนสุดๆในสภา หลายคนมักจะเรียกชื่อสส.คนนี้ว่า นายสุนัข !!

สส.หัวหงอกคนนี้ ได้ไปปราศัยในที่แห่งนึง (ผมได้ดูจากยูทูปชื่อดัง) ซึ่งสส.คนนี้ได้ปรามาสว่า มันไม่เชื่อหรอก เรื่องกระดูกพระจะกลายเป็นพระธาตุไปได้

มันยกเหตุผลมาสนับสนุนความคิดมันหลายอย่าง เพื่อทำลายความเชื่อเรื่องพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งผมก็รู้ว่า มันกำลังหมายถึงพระธาตุของหลวงตามหาบัว ซึ่งมันปราศัยหลังจากหลวงตามหาบัวมรณภาพไปไม่นาน

หลวงตามหาบัว เคยสนทนาธรรมกับในหลวง และหลวงตาก็เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่ยกย่องภูมิธรรมของในหลวงด้วย

การทำลายความเชื่อเรื่องพระธาตุ จุดประสงค์นึงก็เพื่อจะดิสเครดิตหลวงตา จนกระทบมาถึงสถาบันนั่นเอง

------------------------

สส.หัวหงอกพรรคเพื่อแม้ว หรือ นายสุนัขคนนี้ ยังพูดจากระทบหมิ่นไปถึงรัชกาลที่ 5 ด้วย ซึ่งแม้มันจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ผู้ฟังก็รู้ว่า หมายถึงรัชกาลที่5

ผมขอไม่เล่าให้ฟังแล้วกัน

ก่อนจบ ผมอยากพูดทฤษฎี ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า พอสังเขปเล็กน้อย

ล้มทุน คือ นายทุนหน้าเหลี่ยมอาศัยคนจน ยุยงว่านายทุนคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มหน้าเหลี่ยมของมันเช่นธนาคารกรุงเทพฯ ธนาคารกสิกรไทย ได้เอาเปรียบประชาชน ให้ประชาชนเกลียดชังนายทุน (ยกเว้นกลุ่มทุนพวกหน้าเหลี่ยม) ตามหลักการสังคมนิยม และคอมมิวนิสต์

แต่กลับอ้างให้พวกเสื้อแดงฟังว่า นี่คือวิถีประชาธิปไตย แปลความง่าย ๆ คือ อาศัยหลักการคอมมิวนิสต์มาหลอกใช้คนจนให้หลงเข้าใจประชาธิปไตยไปในทางที่ผิด ด้วยการนำเอาพวกล้มเจ้าอดีตพรรคคอมมิวนิสต์มาร่วมกลุ่มหน้าเหลี่ยมหลายคน มาเป็นแกนนำในการหลอกใช้ประชาชน

ล้มปืน คือล้มทหาร คือพยายามให้ประชาชนเกลียดชังทหาร หลอกให้คนไทยออกมาตาย เพื่อใส่ร้ายทหาร เพราะทหารคือผู้ปกป้องราชบัลลังก์ (ปี52มันใส่ร้ายว่าทหารฆ่าประชาชน แต่มันหน้าแตกเพราะปีนั้นไม่มีใครตาย ฉะนั้นปี53 พวกมันจึงจำเป็นต้องให้มีประชาชนตายให้ได้เพื่อใส่ร้ายทหาร)

ล้มเจ้า พวกนี้ใช้ยัดเยียดความเป็นไพร่ให้ประชาชน พร้อมแฝงความเกลียดชังเรื่องชนชั้น เพียงเพื่อพวกมันจะได้เป็นใหญ่แทน (แนะนำอ่าน แปลคำว่าไพร่กัน)


คุณผู้อ่านครับ ผมเขียนเรื่อง พวกไม่จงรักภักดีสถาบันไว้ทั้งหมด 7 ตอน อยากเชิญชวนให้คุณผู้อ่านลองไปอ่านกันนะครับ

อ่านพวกไม่จงรักภักดีสถาบันฯ ตอนแรก เชิญ คลิกที่นี่


วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สาเหตุที่ประชาธิปัตย์จะแพ้เลือกตั้ง54




การเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่กำลังจะมาถึง ผมค่อนข้างมั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้แน่ๆ  สาเหตุนั้น ก็เพราะการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของประชาธิปปัตย์เองนั่นแหล่ะ

สาเหตุแรกคือ ประชาธิปัตย์อ่อนหัดเรื่องการประชาสัมพันธ์ผลงานที่ถูกต้อง นายกฯ อภิสิทธิ์อาจจะพูดเก่ง พูดมีหลักการสูง แต่พูดไม่ตรงใจชาวบ้าน ไม่มีคำพูดที่โดนใจ ซึ่งต่างกับทักษิณ ที่พูดง่ายเข้าใจง่าย ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่ายกว่าคำพูดของนายกฯ อภิสิทธิ์

นายกฯ อภิสิทธิ์ ขาดวิธีการ ขาดทักษะในการพูดให้โดนใจ!! 

ถ้าอยากจะพูดให้โดนอย่างไร ก็ไปศึกษาวิธีการพูดของแกนนำหัวขวดเสื้อแดงดูก็ได้ ว่าพูดให้โดนใจชาวบ้านเป็นอย่างไร ถ้านายกฯไม่สามารถพูดให้ชาวบ้านเข้าใจเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ ก็ต้องหาคนที่พูดแล้วโดน แบบนักพูดมาพูด ไม่ใช่ไปเชิญนักวิชาการอย่างอาจารย์ปณิธาน มาเป็นโฆษกรัฐบาล เพราะอาจารย์ปณิธานไม่สามารถหาวิธีการที่จะพูดให้ชาวบ้านเข้าใจเข้าถึงได้ง่าย


สาเหตุที่ 2 คือ ทำนโยบายประชานิยมได้ไม่ตรงใจ หรือตรงใจแต่ไม่ตรงประเด็น เช่นนโยบายเรียนฟรี ไม่สามารถอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจก่อนว่า คำว่าเรียนฟรีคืออะไรกันแน่?

ทั้งๆที่ควรอธิบายไปว่า เรียนฟรี คือค่าเล่าเรียนฟรีเท่านั้น และมีแถมหนังสือเรียน และเครื่องแบบคนละชุดเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น ก็ต้องจ่ายเอง ไม่งั้นพอบอกว่า เรียนฟรี ก็จะมีคนเห็นแก่ได้ เห็นแก่จะเอาประโยชน์จากประเทศชาติโวย

ก็เพราะไม่ทำความเข้าใจให้ถูกต้องกับชาวบ้าน นโยบายเรียนฟรีแทนที่จะทำให้ชาวบ้านประทับใจ กลับกลายผิดหวังเพราะคนไทยจำนวนมากชอบของฟรี เลยหวังไว้สูง

ต่างกับสมัยทักษิณ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค มันก็ไม่ได้รักษาทุกโรคจริง ๆ  ยาก็มีแต่ได้ห่วย ๆ แถมทำให้หมอหลายคนต้องหนีออกจากระบบ เพราะทนรับงานหนักไม่ไหว ทำให้หมอหนีไปอยู่โรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลที่ทักษิณและพรรคพวกถือหุ้นเป็นต้น จนทำให้โรงพยาบาลที่ทักษิณถือหุ้น ได้บุคลากรจากภาครัฐไปมากมาย จนทำให้โรงพยาบาลเอกชนเปิดโครงการรักษาชาวต่างชาติได้

แต่กลับมีชาวบ้านปลื้มอกปลื้มใจโครงการ 30 บาท นั่นเพราะอะไร??
นั่นเพราะทักษิณอธิบายให้ชาวบ้านไม่คาดหวังสูงเกินไป คือยอมรักษาให้ทุกโรค แต่จะได้ยาดีหรือไม่ ไม่สำคัญ !!

ทั้ง ๆ ที่โครงการหลักประกันสุขภาพดีถ้วนหน้า ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำไว้ในวันนี้ดีขึ้นกว่ายุคทักษิณมาก แบบฟ้ากับเหวแท้ ๆ แต่ชาวบ้านดันฝังใจกับ 30 บาทรักษาทุกโรคของทักษิณ

( แนะนำอ่าน เปรียบเทียบเรียนฟรีกับ 30 บาทรักษาทุกโรค)


สาเหตุที่3 ที่เห็นชัดๆ คือ ไม่สามารถแก้ต่างให้ชาวบ้านเข้าใจได้ว่า รัฐบาลกู้แค่ไหน กู้อย่างไร และทำไมต้องกู้ ? 

จนพวกเสื้อแดงเอาไปเป่าหูชาวบ้านว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ดีแต่กู้ พอพูดเข้ามาก ๆ ชาวบ้านก็เชื่อสนิทว่า รัฐบาลนี้หาเงินไม่เป็น เพราะดีแต่กู้ ชาวบ้านไม่เคยรู้เลยว่า ที่รัฐบาลกู้ นั้นกู้จากไหน ชาวบ้านเข้าใจหลงผิดคิดไปว่า ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์กู้ คงไปกู้จากต่างประเทศ จนทำให้คนไทยเป็นหนี้มาก

ชาวบ้านหารู้ไม่ว่า รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ใช้เงินในคลังไปเยอะ พอเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก รัฐบาลที่เข้ามาใหม่เลยไม่มีเงินพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องกู้ เพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่เป็นผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก และรัฐบาลไทยแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจได้เร็ว ชาวโลกรู้ นักธุรกิจรู้ แต่ชาวบ้านไทยไม่รู้!!

ชาวบ้านยังเข้าใจผิดๆว่า ทักษิณปลดหนี้ให้คนไทย เพราะทักษิณมันโม้เก่ง ทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้ข่าวสารแท้จริง ยังเข้าใจผิดมาจนบัดนี้ ว่าทักษิณปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ ทั้ง ๆ ที่ทักษิณมันอยู่ในรัฐบาลที่ทำให้ไทยเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งแท้ๆ และรัฐบาลที่ทักษิณเคยอยู่นั่นแหล่ะ ที่ไปกู้ไอเอ็มเอฟ ก็รัฐบาลชวลิตไง

และจริง ๆ แล้วรัฐบาลปชป.ก็ไม่ได้กู้มากเท่าที่วางแผนจะกู้ เพราะวิกฤติเศรษฐกิจผ่านไปเร็วกว่าที่คาดไว้ และการกู้ก็กู้จากคนไทยที่มีเงินฝากในรูปพันธบัตรไทยเข้มแข็ง และให้ดอกเบี้ยสูงแก่คนไทย ซึ่งทำให้คนที่มีเงินฝากได้รับประโยชน์

รัฐบาลไม่อธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ จึงทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์เสียคะแนนไป ทั้งๆที่รัฐบาลทักษิณมันก็กู้เหมือนกัน แต่เพราะบ้านเมืองแตกแยก ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องทำการบ้านให้ชาวบ้านเข้าใจมากกว่าปกติ แต่กลับไม่ทำเท่าที่ควร

(แนะนำอ่าน ทักษิณขี้โม้!!)

มาดูทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของไทยสิครับ สูงเป็นอันดับที่12ของโลกแล้วในปี2554

คลิกที่รูปเพื่อดูขยาย



สาเหตุที่ 4 เรื่องเขาพระวิหาร ประชาธิปัตย์ผิดมาตั้งแต่รัฐบาลชวน และก็ยังจะฝืนต่อไปอีก ทำให้ต้องเสียคะแนนจากกลุ่มพธม.ไป  (ฮอนัมฮง เคยแถลงการณ์ว่าไทยยอมรับแผนที่1:2แสนของฝรั่งเศส)

(แนะนำอ่าน อธิบายกรณีเขาพระวิหารอย่างง่าย) (แนะนำอ่าน ปัญหาเขมรยืดเยื้อเพราะไม่ตัดไฟแต่ต้นลม)

(แนะนำอ่าน mou43 ขัดรัฐธรรมนูญทั้ง2ชาติ) (แนะนำอ่าน สุวิทย์ประกาศไทยลาออกจากมรดกโลก)


สาเหตุที่5 ปัญหาน้ำมันพืชขาดแคลน รัฐบาลอภิสิทธิ์ แก้ไขปัญหาล่าช้า ทำให้พวกบรรดาสินค้าต่างๆถือโอกาสอ้างในการขึ้นราคาและไม่ยอมลง ทำให้เกิดวิกฤติข้าวยากหมากแพงจนถึงวันนี้

(แนะนำอ่าน แนะวิธีแก้ปัญหาน้ำมันพืช)


สาเหตุที่6 ปัญหา 91 ศพ ที่พวกเสื้อแดงเอามาอ้างว่า มีเสื้อแดงตาย 91 ศพ เพราะรัฐบาลสั่งฆ่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ชี้แจงให้เด็ดขาดว่า ที่จริงแล้ว พวกเสื้อแดงเผาบ้านเมืองไม่ได้ตายถึง91ศพ

จำนวน 91 ศพ เป็นการอ้างเอาตัวเลขทั้งทหาร ตำรวจ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเสื้อแดงต้องมาตายรวมอยู่ด้วย เสื้อแดงอ้าง 91 ศพให้ดูจำนวนมากเพื่อทำลายเครดิตรัฐบาล

รัฐบาลปล่อยให้เสื้อแดงโพทนาจนคนหลงเชื่อว่า มีประชาชนเรียกร้องประชาธิปไตยแบบแม้วๆตายมากถึง91ศพ

(แนะนำอ่าน เสื้อแดงมั่วเรื่อง91ศพ)


สาเหตุที่ 7 การแก้ปัญหาภัยธรรมชาติที่ผ่านมาไม่โดนใจชาวบ้าน และการทุจริตเรื่องปลากระป๋องเน่า ที่กลายเป็นเรื่องที่มัวหมองของรัฐบาลนี้


สาเหตุที่ 8 ปัญหาเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในเจ้าพระยา รัฐบาลมัวแต่เดินสายหาเสียง แทนที่จะใช้วิกฤติเป็นโอกาส แก้ปัญหาเรือล่มอย่างรวดเร็ว กลับปล่อยให้เรือน้ำตาลล่มอยู่ 2 อาทิตย์ สร้างความเสียหายแก่แม่น้ำและระบบนิเวศน์อย่างหนัก!!

ทำให้ชาวบ้านและประชาชนมองว่า การแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐล่าช้าไม่ทันการณ์ คนในรัฐบาลนี้ไม่ลงมาช่วยทำให้การแก้วิกฤติให้รวดเร็วอย่างที่ควรจะทำ

แล้วแบบนี้ประเทศไทยจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้เหรอ แค่เรือน้ำตาลล่มยังแทบจนปัญญาแก้ไข ถ้าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่ว คนไทยเตรียมใจรอความตายได้เลย

------------------------------------


ทำใจเถอะแฟนๆประชาธิปัตย์ พวกคุณแพ้เลือกตั้ง54แน่ หากไม่อยากให้คนชั่วครองเมืองอีก คุณต้องทำอย่างไร คิดเอาเอง แต่ถ้าเลือกประชาธิปัตย๋ต่อไป ก็เตรียมใจเป็นฝ่ายค้านได้เลย

เพราะตอนแรกกลุ่มผู้ใช้สิทธิอีกกว่า 50% บอกยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร แต่ตอนนี้ดูเหมือนคนกลุ่มนี้ตัดสินใจกันบ้างแล้ว ว่าจะเลือกใคร แต่คงไม่ใช่ประชาธิปัตย์

นั่นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ พวกคุณพลาดเอง!!


ผมเสียดายอย่างเดียว ชาวบ้านที่ไม่ได้เล่นเน็ต ไม่ได้มีโอกาสรู้เลยว่า มีพวกเสื้อแดงล้มเจ้ามากแค่ไหน มีสส.ในกลุ่มเสื้อแดงหลายคนที่พูดจาหมิ่นต่อสถาบันฯ ทั้งทางตรงทางอ้อมมากมาย ทำให้ชาวบ้านที่จงรักภักดีสถาบันฯ ยังหลงใหลพรรคที่ให้พวกล้มเจ้าเข้ามาเกาะอาศัย!!

(แนะนำอ่าน พวกล้มเจ้าลิ่วล้อทักษิณดูถูกพระอรหันต์!!)


----------------------------------------

แนะนำอ่าน กฏแห่งกรรมลงโทษประชาธิปัตย์พ่ายแพ้


--------------------------------------


แนะนำอ่าน ประชาธิปัตย์กับนโยบาย2สูงของเสี่ยธนินทร์


แนะนำอ่านกระทู้ ความจริงที่อภิสิทธิ์ดีแต่พูด??

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เล่าเรื่องเกมกดเก่าๆ ของเล่นที่รักของ akecity




มได้เกิดทัน การเข้ามาครั้งแรกของเกมกด (Game&Watch Nintendo) ก็ราวๆ30ปีที่ผ่านมาแล้ว พอมองย้อนกลับไป ผมว่าสมัยยุคนั้นคือยุคที่คลาสสิคจริง ๆ เป็นยุคที่มีเสน่ห์และคุณค่ามากๆ

เกมกดในสมัยก่อน แม้จะไม่ทันสมัยเหมือนเกมคอมพิวเตอร์ เกมออนไลน์ ในยุคนี้ก็ตาม แต่ด้วยอารมณ์ความรู้สึก เกมกดในยุคนั้นมันช่างยิ่งใหญ่จริงๆ สำหรับคนที่เกิดทันยุคนั้น

ยุคสมัยที่ไม่ได้เจริญมากเกินไป ยุคสมัยที่ใคร ๆ ก็ยังไม่รู้จักโทรศัพท์มือถือ มันคือยุคที่มีความสุขและสนุกมาก ๆ สำหรับคนที่เกิดทันยุคนั้น คงเข้าใจเหมือนที่ผมรู้สึก

------------------------

ตัวผมนั้น เริ่มรู้จักเกมที่ต้องใช้เทคโนโลยีครั้งแรก ก็คือเกมเทนนิส ซึ่งเล่นได้บนทีวีสีสมัยก่อน ซึ่งทีวีสีเมื่อ30กว่าปีที่แล้ว ราคาแพงมาก ๆ เครื่องละประมาณ2หมื่นบาท แถมอยู่ในตู้ไม้อย่างสวยงาม เพราะแม่ผมทำงานบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่น ผมเลยมีโอกาสได้เห็นเกมบนจอทีวี เมื่อตอนผมอยู่แค่อนุบาล 2 ก็เมื่อ 34-35 ปีที่แล้ว

แต่ก็ไม่เคยเล่นหรอกครับ เพราะถึงแม่ผมจะทำงานบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ทีวีสีก็แพงมากสำหรับครอบครัวเราในตอนนั้น

ตอนผมอยู่อนุบาล สิ่งที่ผมตื่นตาตื่นใจที่สุดที่เคยเห็นตอนเล่นอยู่ที่บริษัทของแม่ ก็คงจะเป็น กระเป๋าเจมส์บอนด์ที่เป็นเครื่องฉายหนังได้ พอเปิดกระเป๋าเจมส์บอนด์ขึ้นมา ส่วนที่เป็นฝากระเป๋า ก็จะใช้เป็นจอหนัง ส่วนตรงที่เก็บของ ก็เป็นที่บรรจุเครื่องฉายหนัง ที่จะฉายหนังขึ้นไปบนจอ (ฝากระเป๋า)

-----------------------

ทีนี้ มาพูดถึงเกมกดกันบ้าง เกมกดที่ผมได้รู้จักจริงๆในชีวิต ก็คือ เกมปลาหมึก (Nintendo Octopus เป็นรุ่นจอกว้าง)ซึ่งต้องลูกคนรวยเท่านั้นที่ซื้อได้ เพราะตอนเข้ามาขายใหม่ๆแพงมาก เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วตกเครื่องละ 700 กว่าบาท ตอนนั้นน่าจะปี พ.ศ.2524 (แต่เกมที่เข้ามาเมืองไทยครั้งแรกไม่ใช่เกมปลาหมึก)


ตอนที่เห็นเกมกดครั้งแรก มันช่างเป็นเรื่องที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับผมอย่างมาก โดยคนที่นำเกมปลาหมึกมาให้ผมเห็นครั้งแรก (น่าจะเป็นช่วงปิดเทอมแรกชั้น ป.4) คือพี่ผู้หญิงคนนึงที่เป็นลูกเจ้าของโรงงานน้ำแข็งใกล้ ๆ บ้านผม ผมก็อยากมีกับเขาบ้าง แต่ก็ยังไกลเกินฝัน!!

การเล่นเกมปลาหมึก ก็เป็นเกมที่เราต้องบังคับนักประดาน้ำลงไปเอาสมบัติใต้ทะเล แล้วต้องคอยหลบหนวดปลาหมึกยักษ์ที่จะคอยจับ ซึ่งเราจะมีตัวเล่นได้ 3 ตัว


ซึ่งเกมปลาหมึกก็เป็นเกมที่ฮิตสุดดังมากที่สุดในยุคนั้น และต่อมาก็มีเกมมิกกี้เมาส์ เกมป๊อปอาย และอีกหลายๆอย่าง

ตอนผมอยู่ป.4 มีเพื่อนผม ที่เป็นหลานชายเจ้าของโรงเรียนได้โชว์นาฬิกาข้อมือที่เล่นเกมได้ของเขา ซึ่งผมก็ตื่นตาตื่นใจมากๆเพราะเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก เพราะนาฬิกาข้อมือที่เล่นเกมได้ ต้องซื้อจากนอกเท่านั้น ในเวลานั้นเมืองไทยยังไม่มีขาย

และนาฬิกาเกมของเพื่อนผม ก็เป็นเกมที่เรียกว่า เกมวิ่งหลบค้อนแล้วเข้าบ้าน หรือ เกมhelmet นั่นเอง ซึ่งก็เหมือนในเกมกดhelmet ของนินเทนโด


------------------------------

แต่เกมกดครื่องแรกที่เป็นของผมจริงๆนั้น ผมได้มาก็ตอนผมอยู่ปลายๆป.4แล้ว พ่อได้ฝากหลานชายห่างๆของพ่อที่ทำงานเดินเรือ ซื้อมาจากสิงคโปร์ ในราคาเครื่องละ 400 บาท คือ เกมม้าโรมัน  (Trojan Horse)


การเล่นเกมม้าโรมันนี้ เราจะต้องคอยเปิดประตูรับคนของเราเข้าเมือง แล้วปล่อยให้ข้าศึกตกคูเมืองไป ถ้าเราเปิดประตูไม่สอดคล้องกับการวิ่ง คนของเราก็ตกคูตาย

แต่เกมจะมาเร้าใจตอนที่ มีม้าโรมันโผล่มา เราก็ต้องคอยปล่อยให้คนของเราที่วิ่งมาบนม้าเข้าเมืองไป และเราต้องคอยแทงพวกศัตรูที่วิ่งเข้ามา ซึ่งการเล่นตรงนี้ต้องแยกประสาทของเราพอควร เพราะต้องคอยเปิดประตูทางด้านล่าง และต้องคอยแทงข้าศึกทางด้านบน ซึ่งเราอาจเผลอแทงคนของเราเอง หรือบางทีก็เผลอให้ข้าศึกเข้าเมือง ซึ่งจะทำให้เราตาย ดูวิธีเล่นตามคลิป


และหลานห่างๆของพ่อ เขาก็ใจดีซื้อมาฝากให้อีกเครื่อง ซึ่งก็ให้เป็นของน้องชายผมไป เป็นเกมเฮลิคอปเตอร์ช่วยชีวิต (Towering rescue) ซึ่งทั้งสองเครื่องเป็นของบริษัทGakken ก็เป็นบริษัทญี่ปุ่นอีกบริษัทที่ทำเกมกดขายในตอนนั้น

เกมช่วยคนจากตึกที่ไฟไหม้ อันนี้เล่นไม่ยาก อาศัยความไวเท่านั้น ไม่ต้องแยกประสาทเหมือนเกมม้าโรมัน ซึ่งอันนั้นเล่นยากกว่า


---------------------------------

ต่อมานาฬิกาcasio ก็ออกรุ่นเล่นเกมได้ตามมา ผมเห็นครั้งแรกก็น่าจะเป็นช่วงที่ผมเรียนป.5แล้ว ราวปีพ.ศ.2525 เกมบนนาฬิกาเกมแรกซึ่งฮิตมากในเมืองไทยก็น่าจะเป็นเกมรถแข่ง

แต่ผมไม่มีนาฬิการเกมหรอกครับ เพราะผมซื้อนาฬิกาcasio รุ่นธรรมดาไปแล้วซึ่งขนาดนาฬิการคาสิโอดิจิตอลธรรมดาๆของผม ไม่กันน้ำ จับเวลาก็ไม่ได้ ผมซื้อนาฬิกาเมื่อตอนอยู่ป.4 ก็น่าจะปี พ.ศ.2524 ราคา 430 บาท ซึ่งสำหรับเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ของราคา 400 บาท นับว่าแพงพอควร เกมนาฬิกาก็เลยยืมเพื่อนที่มีเล่นแทน


ต่อมาก็มีเกมที่ผมอยากได้จริงๆอีกเกมคือเกมต่อยมวยซึ่งอยู่ในเครื่องคิดเลข ตอนแรกที่เล่นจะมันส์มาก เล่นติดงอมแงมอยู่หลายวันทีเดียว (ผมยืมเพื่อนของแม่เอามาเล่นจนเบื่อ) ตอนหลังก็เลยไม่อยากได้แล้ว

(เพื่อนแม่ผมเขาอยู่แผนกซ่อมเครื่องคิดเลขของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ก็ดันมีลูกค้าเอาเกมกดมาให้เพื่อนแม่ผมซ่อมอยู่บ่อยมาก เพราะปุ่มกดของเกมกดมักจะเสีย มีช่วงหนึ่งของชีวิตผมในวัยเด็ก ผมเคยยืมเกมกดที่ลูกค้าเอามาให้เพื่อนแม่ผมซ่อม ผมยืมมาทีเดียว 10 เครื่อง 10 เกม เล่นยังเมามันส์ในช่วงปิดเทอมของผม ยังจำอย่างติดใจมาถึงทุกวันนี้)




------------------------------

เกมกดเครื่องต่อมาของผม เป็นเกมกดที่ผมชอบที่สุด เพราะสนุกที่สุด ซื้อมาในราคา 250 บาทเมื่อตอนผมอยู่ป.6   ซึ่งเกมกดส่วนใหญ่ในตอนนั้นราคาถูกลงมาเหลือประมาณ 200 กว่าบาทแล้ว


นั่นคือเกมโดราเอมอนกินแป้งทอด (Doraemon dorayaki house) ในบรรดาทุกเกมกดที่ผมมี ผมชอบเกมโดราเอมอนกินแป้งทอดมากที่สุด เพราะเกมจะให้เราบังคับโดราเอมอนขึ้นบันได ไปชั้น2 แล้วเลื่อนเก้าอี้มาวางซ้อนกัน2ตัว ให้ตรงกับจุดที่แป้งทอดลอยอยู่ แล้วบังคับให้โดราเอมอนขึ้นไปบนเก้าอี้เพื่อเก็บแป้งทอด ระหว่างนั้นก็จะมีหนูวิ่งไปวิ่งมา ซึ่งเราต้องคอยบังคับให้โดราเอมอนกระโดดหลบ

ทีนี้พอเก็บแป้งทอดที่ชั้น2หมด ก็ต้องลงบันได้มา ต้องคอยระวังหนูที่ชั้นล่างด้วย พอลงมาชั้นล่างแล้ว เราต้องบังคับให้โดราเอมอนเข้าไปนั่งที่ด้านขวาสุด ถึงจะกินแป้งทอดที่เก็บมาได้ และก็จะได้คะแนน

ผมเล่นจนเกมจบที่ 9,990 คะแนน พอถึง 9,990 แล้ว ก็เริ่มเกมใหม่ เริ่มคะแนนใหม่ แต่ผมก็ไม่เล่นละ เพราะถึงที่สุดของเกมแล้ว




เกมโดราเอมอนมีดีอีกอย่างคือ ด้านหลังเครื่องจะมีช่องให้เสียบพลาสติกตรงที่ใส่ถ่าน เพื่อเป็นการดับเครื่องโดยไม่ต้องแกะถ่านออกจากเครื่อง ทำให้ไม่เปลืองถ่าน เพราะเกมกดอื่น ๆ ในสมัยนั้น ถ้าไม่อยากเปลืองถ่านก็ต้องถอดถ่านออกเท่านั้น


---------------------------

เกมกดเครื่องสุดท้ายที่ผมมี เป็นเกมอุดท่อน้ำมัน ก็พอเล่นเพลินๆ แต่ไม่หนุกมาก ราคาที่ซื้อ 200 บาท ซื้อตอนผมอยู่ ม.2 แล้ว แต่เบื่อเกมเก่า ๆ อยากหาเกมมาเล่นใหม่ ๆ ซึ่งเกมกดอันสุดท้ายเครื่องนี้ของผม ก็ถือยุคที่เกมกดขาวดำใกล้หมดยุคแล้ว

ที่เล่ามาทั้งหมด เกมกดของผมยังอยู่ครบทุกเครื่อง เพียงแต่อยู่ในกล่องเก็บของเก่า คิดอยู่เหมือนกันว่า จะรื้อออกมาเล่นใหม่ เพราะยังเล่นได้ทุกเครื่อง

ช่วงที่ผมมีเกมกดเครื่องสุดท้ายผมก็เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว เกมกดรุ่นใหม่ๆที่มี2หน้า หรือมีลูกเล่นมากขึ้น หรือจะเป็นเกมบอยที่เป็นเกมกดแบบวีดีโอเกมแบบพกติดตัวได้ ผมก็ไม่ได้ตามหามาเล่นต่ออีกแล้ว

-------------------------------

ผมก็หันไปสนใจวีดีโอเกมแทน แต่ของผมเป็นเครื่องรุ่นสีดำของแฟมิลี่ ผมบ้าเล่นอยู่วีดีโอเกมไม่นาน เพราะเกมที่ผมสนใจมากที่สุด และคิดว่าสนุกที่เท่าที่ตัวเองมีเกมเล่น คือเกมฟุตบอล (Power shot Soccer)

มันไม่ใช่เกมที่เล่นบนจอ แต่มันคือเกมที่เสมือนมีชีวิตจริงๆ มันเหมือนเกมฟุตบอลจริงๆ มีการเลี้ยงบอล หลบคู่แข่ง เตะที่สมจริงๆมาก เหมือนเราบังคับนักเตะได้จริงๆ


ผมแข่งกับน้องผม อย่างเมามันส์อยู่หลายเดือน แต่เสียดายที่มันเปลืองถ่านไปหน่อย เพราะเวลาถ่านเริ่มอ่อน ตัวผู้เล่นก็จะเริ่มวิ่งช้าไปด้วย ทำให้ความมันส์ลดลงไป (ตอนที่ใส่ถ่านใหม่ๆ ตัวเล่นมันวิ่งเร็วมาก เร็วจนตลกมากๆ จนผมกับน้องขำกันทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่านใหม่)

ตอนที่ผมซื้อเกมฟุตบอลมาในตอนนั้น ผมอยู่ม.4 ราคาประมาณ1,300บาท ซึ่งก็ค่อนข้างแพงพอควรมากสำหรับเมื่อ23ปีที่แล้ว ต่อมาอีก2ปี น้องชายดันได้รางวัลจากไมโล ก็ได้เกมpower shot soccer มาอีกเครื่อง แต่ราคาขายตอนนั้นก็เหลือประมาณ 800 บาทแล้ว

เครื่องเก่าผมเลยให้ลูกพี่ลูกน้องไป


-----------------------

ยังมีของเล่นที่ต้องใส่ถ่านอีกหลายอย่าง ที่ผมประทับรักและประทับใจในวัยเด็ก เช่น อิเลคโทนขนาดเล็กของcasio รุ่นPT-30 ที่พ่อผมได้ซื้อญี่ปุ่นในราคา 1,500 บาทเมื่อพ.ศ. 2525  ซึ่งทุกวันนี้ อิเลคโทนคาสิโอเด็กเล่นเครื่องนี้ของผม ก็ยังอยู่ ยังเล่นได้เหมือนเดิม นับว่าทนทานมากๆครับ




------------------------

บทความนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวสักหน่อย แต่อยากจะเขียนเก็บไว้เป็นความทรงจำครับ

ก่อนจบ ขอปิดท้ายด้วย คำพูดของคนญี่ปุ่น สมัยที่พ่อผมไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อปี2525

ไกด์ชาวญี่ป่นเขาคุยว่า "แค่ประเทศญี่ปุ่นผลิตเกมกดส่งขายทั่วโลกอย่างเดียว ญี่ปุ่นก็รวยแล้ว"


-------------------------

มาย้อนดูเกมกดในปีต่างๆ ของนินเทนโดกัน 



คลิกอ่าน ความคิดถึงยุคดิจิตอลแตกต่างจากความคิดถึงในอดีต


วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยุคมิคสัญญีกับการเลือกตั้งไทย!! (โหวตโน)



ามพุทธทำนายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เคยทรงพุทธทำนายไว้เมื่อสมัยพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงมีพระสุบินนิมิตเรื่องอาเพทหลายอย่าง ซึ่งพวกพราหมณ์แนะนำให้พระเจ้าปเสนทิโกศลกระทำการบูชายัญ คือฆ่าสัตว์บูชายัญ เพื่อให้พระองค์ทรงพ้นจากเคราะห์นั้น

ความทราบถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงทรงตรัสให้พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเลิกกระทำบูชายัญ เสีย เพราะนั่นยิ่งเป็นการก่อบาปให้แก่ตัวพระเจ้าปเสนทิโกศลเอง ที่สำคัญพระสุบินนิมิตนั้นจะไม่เกิดแก่สมัยพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่จะเกิดกับโลกในภายหน้าและเกิดกับศาสนาของพระพุทธเจ้าเอง

ซึ่งผมคงไม่นำคำทำนายทั้งหมดมาลง แต่อยากให้คุณผู้อ่านไปหาอ่านได้ในเว็บมากมาย

แต่!! ขอเตือนอย่างนึงคือ มีผู้นำพุทธทำนายไปแปลให้เกินจริงเกินไปด้วยครับ โดยแปลให้เข้าทางแนวความคิดพวกเขา ฉะนั้น ถ้าคุณผู้อ่านไปอ่านเจอคำแปลพุทธทำนายที่มันเกี่ยวข้องกับการเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วล่ะก็ ขอให้ข้ามไปครับ เพราะนั่นแปลเข้าข้างความคิดของคนแปลเองครับ ไม่น่าเชือถื่อเพราะมีความเอนเอียง เอาความเชื่อตนเองเข้าไปผสม

(แต่สำหรับผม ชอบคำแปลจากเว็บนี้ครับ คลิกที่นี่ )

-------------------------------

ในยุคมิคสัญญีนั้น(ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อกึ่งพุทธกาลผ่านไป คือพ.ศ.2500เรื่อยมาจนถึงอายุพุทธศาสนาครบ5,000ปีก็จะเข้าสู่มิคสัญญีแบบเต็มพิกัด!!)

ผู้คนจะเห็นแก่ตัวมากขึ้น ผู้คนจะเต็มไปด้วยตัญหา ราคะ รุนแรง จิตใจผู้คนก็จะโหดเหี้ยม ไร้ศีลธรรมยึดเหนี่ยวจิตใจมากขึัน ผู้คนจะเห็นแก่ลาภยศสรรเสริญ เงินทอง มากกว่ารักษาคุณธรรม เห็นแก่ตัวมากกว่าชาติบ้านเมือง เช่นรักตัวกลัวตาย มากกว่ารักชาติรักแผ่นดิน

ทำไมยุคนี้จึงมีคนชั่วเยอะขึ้น??

นั่นก็เพราะ พวกสัตว์นรกที่ถูกลงโทษจองจำมากมายได้พ้นกรรมขึ้นมาจากนรก และยังพอเหลือเศษบุญจากที่เคยรักษาศีล5มาบ้าง ได้นำพาให้มาเกิดเป็นคนได้ ในยุคมิคสัญญีนี้

ยุคนี้จึงเต็มไปด้วยเหล่าสัตว์นรก ผุดขึ้นมาเกิดมาก เมื่อสัตว์นรกขึ้นมาเกิดมาก โอกาสที่จะมีคนชั่วมีแนวคิดแบบผิดๆ(มิจฉาทิฏฐิ) จึงมีมากขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ใช่ว่า สัตว์นรกจะต้องเลวไปหมด เพราะก็ต้องมีบ้างที่เกิดมาแล้วได้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีมีศีลธรรมก็มีอยู่บ้าง แต่คนดีก็จะมีปริมาณน้อยกว่าคนชั่ว

หากเรายึดถือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้เป็นที่พึ่ง เป็นสรณะ โอกาสที่เราจะรอดจากภัยจากคนชั่วคนพาลก็จะมีมากขึ้น เพราะบุญจะช่วยคุ้มครองเรา หรือช่วยผ่อนกรรมหนักของเราให้เบาลงได้

-----------------------------------

นักการเมืองโกง แต่เก่ง ก็อย่าเลือก

มีคนไทยจำนวนมากชอบพูดว่า นักการเมืองมันก็โกงกันทุกพรรคนั่นแหล่ะ ฉะนั้นเราก็เลือกคนที่มันโกง แต่มันเก่ง ที่มันแบ่งประโยชน์มาให้ประชาชนด้วย ก็เลือกคนนั้นดีกว่า

ที่จริงความเชื่อที่ว่า คนโกงแต่เก่งคนนั้น เพราะยุคนั้นประชาชนไม่แตกแยก เชื่อมั่นผู้นำ ความเชื่อมั่นมันช่วยให้อะไรๆดูดีได้ง่ายขึ้น แต่จริงๆเขาก็ต้องเก่งพอควร แต่ความเก่งนั้นเกิดจาก ไม่มีใครค้าน เพราะฝ่ายค้านตอนนั้นมีกำลังน้อย อีกทั้ง เขามีกำลังเงินสูง ที่ทำให้ผู้คนต้องยอมเขา อีกทั้งกำลังทางธุรกิจของเขาก็สูง ทำให้สื่อไหนที่ด่าเขามากๆ เขาก็สั่งธุรกิจในเครือของเขาถอนโฆษณาออกจากสื่อซะ

ฉะนั้นในยุคนั้น สื่อที่กล้าด่าเขาตรงๆจึงน้อย สื่อไหนซูฮก โฆษณาก็เข้าเพียบ แม้แต่สื่อก็เห็นแก่เงินเช่นกัน

ที่สำคัญคือ เขาเก่งมากในเรื่องการพูดโน้มน้าวใจคน และเก่งการโฆษณา เช่นทำไปแค่สิบแต่ทำให้คนเชื่อว่าเขาได้ทำไปเป็นร้อย!?

----------------------------------

ถ้ามันโกงกันทั้งนั้น ก็อย่าไปเลือกมันทั้งหมด Vote No

คนไทยมักได้ยินคำพูดสอนผิดๆที่ว่า ถ้าไม่มีคนดีเลย ก็ให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด นั่นเพราะในอดีตบัตรเลือกตั้ง ไม่มีช่องโหวตโน เลยต้องจำใจเลือกคนที่เราคิดว่าเลวน้อยที่สุดแทน

แต่เดี๋ยวนี้มีช่องให้โหวตโน แล้ว ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น แม้ในอดีตกฏหมายที่สนับสนุนการโหวตโนจะยังไม่สมบูรณ์พอก็ตาม

หรือแม้จะไม่โกง แต่ถ้าไม่เก่ง บริหารประเทศไม่ถูกใจ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนก็ไม่ควรไปเลือกพรรคนั้นๆเช่นกัน

----------------------------------

แม้ผมไม่ใช่พธม. แต่ผมตั้งใจจะโหวตโน สำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ส่วนแบบบัญชีรายชื่อ ผมมีหมายเลขที่อยากจะเลือกในใจไว้แล้วครับ(แต่กำลังชั่งใจอยู่ว่าควรเลือกดีหรือไม่?)

ผมเชื่อคำสอนพระพุทธเจ้า ว่าอย่าสนับสนุนคนชั่ว ต่อให้คนชั่วจะเก่งแค่ไหน ผมก็ไม่เลือก!! ยิ่งถ้ามีคนยุงยงส่งเสริมให้คนไทยแตกแยก ทำร้ายบ้านเมืองตัวเอง เราต้องยิ่งอย่าเลือกคนๆนั้น!!

ฉะนั้นถ้ามันโกงทุกพรรค ก็อย่าไปเลือกมันเลยทุกพรรค ให้โหวตโนไปซะ

ผมไม่ได้สนับสนุนความคิดของกลุ่มพธม. แต่ผมเชื่อคำสอนของพระพุทธองค์ คือถ้าไม่มีคนดีให้เลือกเลยก็ไม่ต้องเลือกใคร แต่ให้เราไปใช้สิทธิของเรา ในการโหวตโนเพื่อบอกพวกพรรคการเมืองว่า เราไม่ไว้ใจพวกคุณอีกแล้ว ผมคิดมาก่อนที่พธม.จะออกมารณรงค์โหวตโนด้วยซ้ำ

เพราะผมเบื่อหน่ายกับการเมืองแบบไทยๆ ที่เห็นแก่พรรคพวกมากกว่าชาติ!!

และขอให้มั่นใจในการตัดสินใจของเรา อย่าไปกลัวว่า ถ้าไม่เลือกคนที่เลวน้อยกว่า เดี๋ยวคนชั่วกว่าจะเข้ามา เพราะนั่นคือความคิดที่ผิด

ถ้ามันเลวก็ไม่ต้องสนับสนุนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเลวน้อยเลวมาก ขึ้นชื่อว่าโกง ว่าเลวก็ต้องไม่เลือก ไม่งั้นชาติไทยจะไม่มีทางพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ได้เลย

ถ้าคุณผู้อ่านคนใดคิดเหมือนผม ก็ขอให้เชื่อมั่นในความดี และยึดมั่นในความดี เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะถ้าไม่มีคนดีหรือพรรคการเมืองดีๆให้เลือก ก็ไม่ต้องเลือกใคร นั่นคือความหนักแน่นในความเชื่อเรื่องความดีของเราครับ

เพราะเราต้องไม่ใช่พวกสัตว์นรกที่ผุดมาเกิด ที่เห็นแก่อามิสมากกว่าคุณธรรม ยอมสนับสนุนคนชั่วให้มาบริหารบ้านเมือง

แม้สุดท้าย คนชั่วจะกลับมามีอำนาจอีกก็ตาม แต่เราต้องไม่ใช่ส่วนหนึ่งที่ไปร่วมสนับสนุนคนชั่วให้ครองเมืองครับ

หากเรายึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า โอกาสที่เราจะหลุดพ้นวัฏสังสารก็จะมีมากขึ้น หรือถ้ายังไม่นิพพาน เราก็จะได้เกิดมาพบศาสนาพุทธได้อีกในอนาคต


-----------------------

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชมหาราช

"ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดี ได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"

ถ้าไม่มีคนดี ในความคิดของท่านเลย ก็จงไม่เลือกใครเลยดีที่สุด



แนะนำอ่าน เจ้าชายสิทธัตถะทรงทิ้งลูกเมีย ผิดหรือไม่??


ผู้ติดตาม