วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิธีเลือกตั้งที่สร้างความปรองดอง!!



กล้วันเลือกตั้งปี54 ในวันที่3กรกฎาคม ถ้านับจากวันนี้ไปก็อีกแค่3วันเท่านั้น

พรรคการเมืองทั้งหลาย ก็อ้างความปรองดองแต่ปาก แต่ที่จริงก็หวังคำว่า ปรองดอง ช่วยให้่พรรคตัวเองได้คะแนนเท่านั้น

แค่พูดว่า ปรองดอง น่ะ ก็แค่ลมปาก แต่หามีพรรคการเมืองไหนทั้งหมด บอกว่า การสร้างความปรองดองนั้นทำอย่างไร

อย่างพรรคเล็กๆ ที่อ้างคำว่า ปรองดอง นั่นก็อ้างไปเพียงจะบอกว่า พรรคของฉัน พร้อมร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคใหญ่ได้ทุกพรรค ซึ่งนั่นก็คือ อ้างปรองดองเพื่อจะขอมีเอี่ยวในอำนาจทางการเมือง ด้วยการร่วมรัฐบาลเท่านั้น

ส่วนพรรคใหญ่อย่าง พรรคเพื่อไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็อ้างคำว่าปรองดองว่า "จะแก้ไข ไม่แก้แค้น"

แต่ถ้าไปถามยิ่งลักษณ์ตรงๆว่า จะนิรโทษกรรมให้ทักษิณมั้ย??

ยิ่งลักษณ์ก็จะตอบแบบเบี่ยงประเด็นว่า ต้องให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน นั่นก็คือเธอไม่กล้าปฏิเสธเรื่องนิรโทษกรรมให้ทักษิณ

ถ้าคุณรู้กฏหมาย ไม่ได้เอาแต่ฟังความข้างเดียว การที่ทักษิณได้รับโทษติดคุกนั้น มันเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญฉบับปี40 รัฐธรรมนูญฉบับที่ทักษิณและลิ่วล้อพยายามหลอกชาวบ้านเสมอมาว่า ต้องการเรียกร้องเอารัฐธรรมนูญ40กลับมานั่นแหล่ะ

เพราะชาวบ้านที่ไม่รู้กฏหมาย มักจะเข้าใจไปว่า ที่ทักษิณได้รับโทษติดคุกนั้น เป็นเพราะรัฐธรรมนุญฉบับคมช.ปี50หาเรื่องเอาผิดทักษิณ ซึ่งนั้นคือความเข้าใจผิดที่ฝ่ายแกนนำเสื้อแดงพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ชาวบ้านเข้าใจไปผิดๆแบบนั้น

และถ้าพรรคเพื่อไทยชนะ พวกล้มเจ้าก็จะฮึกเหิมเพิ่มขึ้น ทักษิณเองก็ยอมรับหลายครั้งแล้วว่า มีพวกล้มเจ้าอยู่จริง แต่ทักษิณแกล้งโง่ไม่รู้ว่า ใครคือพวกล้มเจ้าในหมู่เสื้อแดง??

หากพรรคเพื่อไทยชนะ ก็จะต้องหาทางออกกฏหมายนิรโทษกรรมทักษิณ ซึ่งก็ต้องมีอีกฝ่ายอย่างพันธมิตรออกมาประท้วงอีกแน่ๆ

บ้านเมืองไทยก็ไม่มีทางสงบอยู่ดี การที่ประชาชน2สีจะออกมาปะทะกันกลางถนน ก็อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง

-------------------------------

ทีนี้พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามชัดเจนกับพรรคเพื่อไทยนั้น

ผลงานก่อนการเลือกตั้งไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดันไปสอบตกเรื่องการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มที่ล่าช้า จนข้าวของและราคาอาหารพากันอ้างขึ้นราคาเพราะขาดแคลนน้ำมันปาล์มนี่แหล่ะ ทำให้พรรคประชาธิปัตยฺ์มีภาพติดลบในเรื่องนี้

บรรดาฝ่ายแฟนๆของพรรคประชาธิปัตย์ พยายามบอกว่า ถ้าไม่เลือกมาร์ค แม้วมาแน่ เพื่อให้คนไทยที่เกลียดระบอบทักษิณ หันมาเลือกพรรคประชาธิปตย์ เพื่อหยุดระบอบทักษิณ

แต่ทีนี้ ถ้าเลือกประชาธิปัตย์ จนชนะ พวกคุณคิดว่า บ้านเมืองไทยจะสงบได้จริงๆเหรอ??

ผมว่าไม่มีทาง เพราะคนเลวๆอย่างทักษิณจะไม่ยอมแน่ๆ เพราะทักษิณต้องการสมบัติคืน ทักษิณต้องการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะ ผมว่า บ้านเมืองไทยก็ไม่มีทางสงบอยู่ดีนั่นแหล่ะ

ซึ่งโอกาสที่พรรคประชาธิปปัตย์จะชนะ ในการเลือกตั้งคราวนี้ผมว่า ยาก!!

(ข่าวที่รายงานล่าสุดวันนี้ รัฐบาลสั่งให้ลดราคาน้ำมันปาล์มลงอีกขวดละ5บาท และให้ลดราคาเนื้อหมูลงด้วย ด้วยการห้ามส่งออกนอกประเทศ ซึ่งสมมุติจะลดราคาได้จริงตามคำสั่งของรัฐบาล
แต่เชื่อเถอะ ราคาอาหารสำเร็จรูป อาหารตามสั่ง ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ที่ขึ้นราคาไปแล้ว ไม่มีทางลดราคาขายลงแน่นอน ฟันธง!!)

-----------------------------------

และทั้งสองพรรคใหญ่ ไปจนถึงพรรคขนาดเล็ก ต่างก็งัดวิธีโฆษณาประชานิยม ลด! แลก! แจก! แถม!!กันกระหน่ำหน้าฝน

ถ้าคุณคือคนไทยที่ฉลาด คุณต้องรู้ว่า การลด แลก แจก แถม ของรัฐบาลนั้น ต้องมาจากงบประมาณประเทศ ที่ต้องมาจากการจัดเก็บภาษีนั่นเอง ซึ่งการที่รัฐจะให้ประชาชนได้มาก รัฐก็ต้องมีรายได้จากภาษีมากขึ้น แต่กลับมีการโฆษณาว่าจะมีนโยบายจะลดภาษีลง??

ผมขอบอกว่า พรรคไหนยิ่งโม้ว่าจะให้มาก พรรคนั้นนั่นแหล่ะอย่าไปเลือก เพราะยิ่งเลือก ก็ยิ่งเละ!!

เพราะคิดแต่จะใช้เงิน ทั้งๆที่ยังไม่รู้วิธีหาเงิน (ในประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศ รัฐจะเก็บภาษีอัตราสูงเพื่อจัดสวัสดิการที่ดีให้ประชาชน ที่เรียกว่า รัฐสวัสดิการ) (อ่านข่าวญี่ปุ่นเตรียมเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม)

คนไทยนิสัยเสียมากๆ อยากให้รัฐช่วยนั่นช่วยนี่เยอะๆ ยิ่งถ้ามีหนทางเลี่ยงภาษีได้ มีหนทางเอาเปรียบประเทศชาติและสังคมได้ คนไทยก็ชอบที่จะทำกัน

พูดง่ายๆคือ ขนาดนายกรัฐมนตรียังเลี่ยงภาษี แล้วจะให้ประชาชนอยากจ่ายภาษีได้ยังไง??

คนไทยมักคิดแต่จะเอาเปรียบชาติ แทนที่จะถามตัวเองว่า วันนี้ฉันทำอะไรเพื่อชาติแล้วยัง? แต่กลับชอบถามว่า รัฐบาลจะให้อะไรฟรีๆแก่ฉันได้บ้าง??

พอรัฐเค้าช่วยออกค่าเล่าเรียนฟรีให้ลูก ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้บ้าง พ่อแม่ก็ยังไม่พอใจ จะขอฟรีทุกอย่าง เป็นประเภทได้คืบจะเอาศอก!! (คิดแต่จะมีลูกกัน แต่ไม่คิดจะส่งลูกเรียนกันหรือไง??)

ขนาดพ่อแม่ส่งเสียให้เรียนด้วยเงินพ่อแม่เอง เด็กไทยทุกวันนี้มันก็ขี้เกียจเรียนจะตายอยู่แล้ว มันไม่เสียดายเงินพ่อแม่ เรียนๆเล่นๆซะส่วนใหญ่

นี่ถ้ารัฐออกเงินให้เรียนฟรีทุกอย่างจริงๆ เด็กไทยมันคงขี้เกียจเรียนเพื่มขึ้นกว่าเดิม เพราะพ่อแม่มันไม่ต้องเสียเงิน!!

แนะนำอ่าน ฟังชูวิทย์พูดบ้าง(คลิป)

--------------------------------

ขออภัยไกลประเด็นไปหน่อย ผมอยากจะบอกว่า

ถ้าคุณเลือกพรรคเพื่อไทยจนชนะ บ้านเมืองก็แตกแยก
เลือกพรรคประชาธิปัตย์จนชนะ บ้านเมืองก็แตกแยกเช่นกัน

วิธีที่จะทำให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติได้ คือ ต้องไม่เลือกพรรคใหญ่ทั้งสองพรรค (ซึ่งคงยาก)

ซึ่งผมกล้าฟันธงเลยว่า ถ้า2พรรคใหญ่ คือพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคใดพรรคหนึ่งชนะ

ก็ไม่มีทางจะสร้างความปรองดองในชาติได้อย่างแน่นอน

ที่ถูกต้อง ที่จะสร้างความปรองดองในชาติได้ จะต้องไม่เลือกทั้ง2พรรคนี้เลยครับ

(ส่วนผมขอทำใจรอรับความแตกแยกที่ยังคงอยู่ต่อไป)


แนะนำอ่าน ยุคมิคสัญญีกับการเลือกตั้งไทย

แนะนำอ่าน สาเหตุประชาธิปัตย์จะแพ้การเลือกตั้งปี54


7 ความคิดเห็น:

  1. ประชาธิปไตยในประเทศที่เจริญแล้ว

    การที่ใครจะมาเป็นแคนดิเดต เป็นคนสำคัญในพรรคการเมือง

    ต้องผ่านการทำงานทางการเมืองมาพอสมควร จนได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรคทั้งประเทศ

    แต่พรรคเพื่อไทย มีเจ้าของเงินที่เป็นเจ้าของพรรค เขาอยากให้โคตรเง่าของเขาคนไหนก็ได้ มาเป็นนายกฯ

    นั่นไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องตามวิถีประชาธิปไตย

    เพราะวิถีประชาธิปไตย ต้องเป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่ระดับพรรคก่อน

    แต่เจ้าของพรรคสั่งการว่า ต้องให้น้องสาวอั๊วที่ไม่เคยเป็นสส. ไม่เคยทำงานทางการเมืองมาก่อน มาเป็นแคนดิเดตอันดับ1 ในทันทีนั้น


    แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับคิมอิลซุง ผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ ที่ให้ลูกชายคือ คิมจองอิล สืบทอดอำนาจนั่นเอง


    ไอ้พวกลูกพรรคเพื่อไทย มันก็ไม่ต่างอะไรกับขี้ข้าทางการเมืองของนายทุนใหญ่หน้าเหลี่ยมนั่นเอง !!

    ตอบลบ
  2. ขอนำข้อมูลจากบทความ http://astv.mobi/AKEMWWZ

    เวลานี้ พรรคการเมืองแทบทุกพรรคโดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ เพื่อไทย - ประชาธิปัตย์ และพรรคขนาดกลาง ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ดำเนินการโฆษณาหาเสียงโดยกระทำผิด พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53 ที่กำหนดว่า “ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

    “(1) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นตัวเงินได้ แก่ผู้ใด
    “(2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด”

    แม้จะมีกฎหมายห้ามไว้ชัด แต่ผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมือง ต่างมองเห็น กกต. เป็นเพียงเสือกระดาษ เพราะเมื่อสำรวจตรวจสอบนโยบายและการปราศรัยหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง จะเห็นได้ชัดเจนว่าล้วนแต่เต็มไปด้วยนโยบายที่สัญญาว่าจะให้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งให้ในลักษณะปัจเจกบุคคลและกลุ่มองค์กร ชุมชน ฯลฯ แทบทุกพรรคมีคำมั่นสัญญามั่นเหมาะเป็นตัวเงินชัดเจน

    เมื่อเอ็กซเรย์นโยบายพรรคการเมืองจะพบความผิดที่เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 53 ปรากฏดังนี้

    ตอบลบ
  3. พรรคเพื่อไทย (หมายเลข 1)

    -องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับเงินเพิ่ม 25%
    -กองทุนหมู่บ้านเพิ่มเงินทุกตำบลๆ ละ หนึ่งล้านบาท
    -พักหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้ไม่เกินห้าแสนบาท ไม่น้อยกว่า3 ปี ส่วนผู้ที่มีหนี้เกินห้าแสนแต่ไม่เกินหนึ่งล้านให้ปรับโครงสร้างหนี้
    -ลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เหลือ 23%
    -)ปรับเงินเดือนข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ
    -คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก
    -คืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรกและต้องถือครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี
    -จบปริญญาตรีทำงานมีเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท
    -กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท
    -เบี้ยเพื่อไทยวัยสูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปี ถึง 90 ปี จาก 600 - 1,000 บาทต่อเดือน
    -คอมพิวเตอร์ราคาถูกฟรีแก่นักเรียนคนละเครื่อง
    -ออกเครดิตการ์ดสำหรับเกษตรกรนำไปซื้อปุ๋ย เมล็ดพันธุ์
    -ประกันราคาจำนำข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ 20,000 บาท
    -เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท

    นอกจากนี้ ยังมีโฆษณาหลอกลวงประชาชนด้วยความเท็จ เช่น บอกว่าจะทำให้ “คนไทยหายจนภายใน 4 ปี” ”จะปราบปรามยาเสพติดให้หมดภายใน 12 เดือน” “สร้างรถไฟฟ้าให้ครบ 10 สาย แต่ละสายเก็บ 20 บาท” เป็นต้น

    ตอบลบ
  4. พรรคประชาธิปัตย์ (หมายเลข 10)

    -ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ราคาไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ประหยัด 300 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว
    -รักษาฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียวด้วยงบประมาณกว่า 130,000 ล้านบาทต่อปี
    -ค่าไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 150 - 300 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว
    -โครงการสินเชื่อกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 2 ปี
    -เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 25% ภายในระยะเวลา 2 ปี
    -เพิ่มเงินเดือนครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ
    -เพิ่มเงินเดือน 5% ให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
    -ให้บำเหน็จรายเดือนและบำเหน็จตกทอดสำหรับลูกจ้างประจำทุกส่วนราชการ
    -เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 500 บาทต่อเดือน จำนวนกว่า 6.5 ล้านคนทั่วประเทศ
    -ขยายประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคน
    -เพิ่มกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยเพิ่มทุนตั้งแต่ 200,000 - 600,000 บาทต่อกองทุน แล้วแต่ขนาดกองทุน
    -เรียนฟรี 15 ปีตั้งแต่อนุบาลถึงม.6
    -เพิ่มเงินกำไร 25% ให้เกษตรกรจากโครงการประกันรายได้เกษตรกร

    ตอบลบ
  5. พรรคภูมิใจไทย (หมายเลข 16)

    -ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม 2% เหลือ 5% จะทำให้สินค้าและบริการลดราคาลงทันที
    -สร้างที่ดินทำกิน 1 ล้านคนให้กับรถตู้ มอเตอร์ไซด์และแผงลอย
    -ตั้งกองทุนสวัสดิการผู้บำเพ็ญประโยชน์ เช่น อปพร., ชรบ. เป็นต้น
    -กองทุนจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง เพื่อเป็นหลักประกันการมีงานทำ
    -กองทุนประกันราคาสินค้าเกษตร ข้าวเปลือกตันละ 2 หมื่นบาท

    พรรคชาติไทยพัฒนา (หมายเลข 21)

    -เพิ่มรายได้คนไทย 2 เท่าใน 5 ปี โดย “นโยบายกุญแจ2ดอก” เสนอเงินกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ย 1% เป็นเวลา 10 ปี และซื้อรถคันแรกราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทจะได้ส่วนลด 1 แสนบาท
    -ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
    -สนับสนุนค่าตอบแทนอาสาสมัครเกษตร อกม., อสม., อปพร. ประจำหมู่บ้านคนละ 1,000 บาทต่อเดือน
    -เพิ่มเงินสวัสดิการผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน
    -จัดงบประมาณให้โรงเรียน S 100,000 บาท, M 200,000 บาท L 300,000 บาท
    -ประกันราคาข้าวเปลือก 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 20,000 บาท
    -จัดตั้งกองทุนสวัสดิการเกษตร วงเงิน 20,000 ล้านบาท
    -สนับสนุนเงินลงทุนปัจจัยการผลิตด้านการเกษตร ฟรีดอกเบี้ย 1 ปี วงเงิน 500,000 ล้านบาท
    -จัดเพิ่มแหล่งน้ำตำบลละ 3 ล้านบาท
    -เพิ่มวงเงินกู้ SMEs ดอกเบี้ยต่ำ ปีละ 100,000 ล้านบาท

    ตอบลบ
  6. พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (หมายเลข 2)

    -เพิ่มการจัดสรรรายได้ให้องค์การปกครองท้องถิ่นปีละ 3% จนครบ 35%
    -เริ่มทำงาน 5 ปีแรก ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
    -เบนซินไม่เกิน 35 บาท ดีเซล ไม่เกิน 30 บาท ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม
    -เงินออมคูณสอง เกิดวันนี้ 20 ปีมีเงินล้าน
    -ค่าแรงขั้นต่ำ 350 บาทภายใน 3 ปี
    -เบี้ยสวัสดิการให้กลุ่มอาสาสมัคร เช่น อสม., อปพร., ก.พ.ส.ต. เดือนละ 1,200 บาท
    -ค่าตอบแทนปราชญ์ชาวบ้าน ศิลปินพื้นบ้าน เดือนละ 1,000 บาท
    -กองทุนหมู่บ้านสมานฉันท์ หมู่บ้านละ 500,000 บาท
    -เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการ 2 เท่า จาก 500 บาท เป็น 1,000 บาท
    -ทุนพัฒนาโรงเรียน 2 ล้านบาททุกตำบล
    -กองทุนพัฒนาเยาวชนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 แสนบาท
    -งบประมาณหมื่นล้านสร้างครูของประเทศ และ พัก ลด ปลดหนี้ครู
    -เรียนฟรี 19 ปี อนุบาลถึงปริญญาตรี
    -ข้าวเปลือกตันละหมื่นห้า ข้าวหอมมะลิตันละสองหมื่น อ้อยเกินพัน มันสำปะหลังเกินสาม ปาล์มเกินหก ด้วยกองทุนสร้างเสถียรภาพราคาพืชผล
    -พัก ลด ปลดหนี้ ให้เกษตรกรไทย
    -พืชพันธุ์ดีแจกฟรีเกษตรกรทั่วไทย
    -สร้างศูนย์กีฬาทุกตำบลทั่วประเทศ
    -เงินกู้รายละ 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% สำหรับคนที่อยากเป็นผู้ประกอบการ

    ตอบลบ
  7. คำมั่นสัญญาและคำหลอกหลวงดังกล่าว มีบทกำหนดโทษไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 137 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี

    นอกจากนั้น ยังอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 94 (1) ที่ว่าได้กระทำการ “ให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ” และ มาตรา 94 (2) ที่ว่าได้ “กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งวุฒิสภา หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม”

    ตอบลบ

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม