เอกสารข้างบนคือ
มติการประนีประนอมเสนอโดยประธานที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 34 (34 com 7B.66)
คณะกรรมการมรดกโลก
1. ได้รับเอกสาร WHC-10/34.COM/7B.Add3 แล้ว
2. อ้างถึงมติคณะกรรมการมรดกโลก 31 COM8.24, 32 COM 8B.12 และ 33 COM 7B.65, ได้รับรองการประชุมครั้งที่ 31 (ไครซ์เชิร์ท, ค.ศ. 2007), การประชุมครั้งที่ 32 (ควิเบก, ค.ศ. 2008) และการประชุม ครั้งที่ 33 (เซบีย่า, 2009) ตามลำดับ
3. แจ้งให้ทราบว่าศูนย์มรดกโลกได้รับเอกสารจากรัฐภาคี (กัมพูชา) แล้ว
4. สิ่งที่จะดำเนินการต่อไปเพิ่มเติม, ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆโดยรัฐภาคีเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนของปราสาทพระวิหาร
5. ตัดสินใจพิจารณาเอกสารที่ยื่นเสนอโดยรัฐภาคีในการประชุมครั้งที่ 35 ในปี ค.ศ. 2011
ลายเซ็น สุวิทย์ คุณกิตติ 29/07/2010 ซก อาน 29/07/2010 Juca Ferreira BSB 29/07/2010
-------------------------------------
ประเด็นที่เป็นที่สนใจขณะนี้คือ เอกสารนี้สำคัญแค่ไหน? นายสุวิทย์ไปเซ็นอะไรให้ไทยเสียเปรียบหรือไม่??
มีอีกหลายคนแปลออกมาแบบนี้
ข้อ 1 ได้รับเอกสารหมายเลข WHC-10/34.COM/7B.Add.3. (คือเอกสารที่กัมพูชายื่นในปีนี้)
ข้อ 2 อ้างอิง คำตัดสิน(ของกรรมการมรดกโลก) สามฉบับที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2550, 2551, และ 2552
ข้อ 3 บันทึกไว้ว่า ศูนย์มรดกโลกมีเอกสาร (หลายฉบับ) ที่ยื่นโดยกัมพูชา
ข้อ 4 ยินดีต้อนรับในโอกาสต่อไปในการที่กัมพูชาจะจัดตั้งคณะกรรมการนานาชาติที่จะดูแลเรื่องการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนของวัดเขาพระวิหาร
ข้อ 5 ตัดสินใจ พิจารณาเอกสาร (ตามข้อ 3) ที่ยื่นโดยกัมพูชาในการประชุมปีหน้า
โดยที่อ้างว่า ข้อ2และข้อ4 นั้น อธิบายขยายความว่า
ข้อ 2 Recall คือ เขา "อ้างถึง" ผลการประชุมในครั้งก่อนๆ ซึ่งมีการยอมรับโดย ที่ ป ร ะ ชุ ม รวมเพื่อพิจารณามติไปแล้วในปีก่อน
ข้อ 4 Further Welcome คือ "ยินดีจะให้ความร่วมมือ" ในการจัดตั้ง "คณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ปราสาทเขาพระวิหารอย่างยั่งยืน" (โดยที่ไม่เกี่ยวกับ กรรมสิทธิ์ หรือดินแดน!!!!)
---------------------
ผมใช้เวลาตรองเอกสารนี้อยู่1คืนเต็มๆว่า มันหมายความว่ายังไงกันแน่?ใครพูดจริงใครพูดเท็จกันแน่? ผมไม่ขอตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่!!
แต่ผมใช้การตัดสินจากความรู้สึกว่า คำแปลในข้อ2 กับข้อ4มันแทม่งๆอยู่ คือข้อ2 อ้างถึงมติคำตัดสินของคณะกรรมการมรดกโลกตั้งแต่ปี50 51 52
แต่เท่าที่จำได้ ไทยเราไม่ยอมรับการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียวของเขมรนะครับ แล้วไหง! อยู่ๆไทยย้อนกลับยอมให้เขาอ้างถึงมติพวกนั้นซะงั้น
นี่คือประเด็นแรก
--------------------------------
ประเด็น2 คือ ในข้อ4 ที่ผมแปลยังไงๆ ผมก็ว่ามันทแม่งๆ เพราะ??
ที่ผ่านมา หลักการของไทยเรายืนยันมาตลอดว่า จะไม่ยอมรับการเป็นแค่เพียงหนึ่งในคณะกรรมการร่วมในการบริหารจัดการเพื่อการอนุรักษ์เขาพระวิหาร ถ้าหากเขมรยังขึ้นทะเบียนเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะ
เมื่อเขมรขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว แต่จะมาเอาพื้นที่ในส่วนของไทยเช่น ผามออีแดง สระกราว และองค์ประกอบอื่นๆ ที่อยู่ในเขตไทยไปรวมด้วย แต่ไม่ให้ไทยขึ้นทะเบียนร่วมโดยที่จะให้ไทยเป็นแค่1ในคณะกรรมการร่วม7ชาติเท่านั้น
ทั้งๆที่พื้นที่ดังกล่าว ไทยเรายึดถือว่าเป็นอธิปไตยของไทย100% เราไม่ยอมรับที่ให้มีต่างชาติอีก6ชาติเข้ามาบริหารจัดการในแผ่นดินอธิปไตยของไทย โดยที่ไทยที่เป็นเจ้าของแผ่นดินแท้ๆ!! กลับกลายเป็นแค่เสียงข้างน้อยเท่านั้น
หากจะให้มีคณะกรรมการร่วมจัดการบริหาร ไทยเรายืนยันมาตลอดว่า ต้องขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันเท่านั้น!!
แต่นี่อยู่ดีๆ นายสุวิทยืไปเซ็นเห็นด้วยที่จะให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมากอีกแล้ว แม้ในเอกสารนี้จะไม่ได้ระบุว่าเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินก็ตามเถอะ
ก็แหงแหล่ะครับ ก็มันที่ดินของเรานี่ เขาก็ต้องบอกว่า ยูอย่าพูดเรื่่องกรรมสิทธิ์ที่ดินล่ะ ไอก็ไม่อยากพูด แต่ขอไอเข้ามาบริหารจัดการในแผ่นดินของยูแล้วกัน ส่วนยูก็มีแค่1เสียงในการแสดงความเห็นเท่านั้น
แบบนี้ก็เท่ากับเราสูญเสียอำนาจการจัดการบนแผ่นดินอธิปไตยของเราไปแล้วน่ะสิครับ ใช่มั้ย??
------------------------
ข่าวต่อมาคือ
นางซู วิลเลียมส์ โฆษกยูเนสโก กล่าวว่า "ข้อขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาในเรื่องประสาทพระวิหารเป็นประเด็นทวิภาคีโดยแท้ และคณะกรรมการมรดกโลกไม่มีอำนาจที่จะจัดการกับปัญหานี้ ส่วนที่มีการะบุว่า คณะกรรมการมรดกโลกได้รับรองแผนบริหารจัดการพื้นที่ของกัมพูชาแล้วนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะคณะกรรมการไม่ได้รับ หรือให้ความเห็นชอบแผนการใดๆ
สิ่งเดียวที่พูดได้คือมีการยื่นแผนดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ วิลเลียมส์ระบุด้วยว่า ประเทศสมาชิกทุกประเทศมีสิทธิที่จะถอนตัวออกจากการเป็นภาคียูเนสโก แต่ความเป็นไปได้ ที่จะถอนตัวของไทย จะไม่ส่งผลกระทบกับสถานะของมรดกโลกในประเทศแต่อย่างใด"
*****
เมื่อผมมาอ่านคำพูดของโฆษกยูเนสโกดีๆแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะไปขัดแย้งกับเอกสารด้านบนนั่นอย่างไร เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่า การจะรับแผนจัดการเขาเลื่อนไปพิจารณาใหม่ปีหน้า และเขมรก็ได้ยื่นเอกสารให้ยูเนสโกไว้แล้ว เพียงแต่ขอเลื่อนไปพิจารณาต่อปีหน้า
แต่เหมือนนายสุวิทย์จะดันไปเห็นชอบกับเขมรไปทุกข้อแล้วเช่นกัน อย่างที่เห็นชัดๆก็คือ ไปเห็นด้วยที่ให้กัมพูชาจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น!!
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com