ข่าวล่าสุดเมื่อกี้ ก่อนที่ผมจะเขียนบทความนี้ นายสุวิทย์ได้ประกาศในนามไทยขอลาออกจากภาคีสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว เพราะมีความสุ่มเสี่ยงจากการเสียอธิปไตยบนดินแดน จากแผนบริหารจัดการในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร
ซึ่งทั้งหมดนั่น ก็เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์ และนายสุวิทย์ดื้อรั้น ไม่เชื่อคำอาจารย์เทพมนตรีมาตั้งแต่ต้น และในที่สุดก็ต้องลาออกจากภาคีมรดกโลกจริงๆ ตามที่อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม และ*อาจารย์อดุล วิเชียรเจริญ เคยเตือนไว้นานแล้ว ว่าต้องทำแบบนี้
เพราะเอกสารที่รัฐบาลไทยหลายๆรัฐบาลไปเซ็นไว้ที่ผ่านๆมา มันต้องพาไทยมาถึงจุดนี้ จุดที่ต้องลาออกจากภาคีคณะกรรมการมรดกโลก!! (และถึงอาจขั้นลาออกจากสมาชิกมรดกโลกในขั้นตอนต่อไป) เพราะดันโง่ไปเซ็นเสียเปรียบไว้หลายจุด!! (มีทั้งโง่จริงและเลวจริงที่ไปเซ็นยกไว้)
หลายคนคงคิดว่า สุวิทย์ทำดี แต่จริงๆแล้วทำดีแต่เกือบช้าไป เพราะสุวิทย์ดันไปเซ็นเอกสารไว้เมื่อปีที่แล้ว ทั้งๆที่อาจารย์เทพมนตรีก็บอกแล้วว่า การเซ็นตรงนั้นจะเสี่ยงที่จะทำให้ไทยเสียเปรียบเขมร และเสี่ยงต่อการเสียอธิปไตยบนดินแดนจากแผนพัฒนาพื้นที่ (คลิกดูเอกสารเก่าที่สุวิทยเซ็นเมื่อปีที่แล้ว)
ทั้งหมดก็เพราะความผิดพลาดของนายสุวิทย์นั่นแหล่ะ แต่ก็ยังดีที่ยังไหวตัวทัน (แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า เอกสารที่สุวิทย์เซ็นจะมีผลอะไรอีกมั้ย ถ้าไทยกับเขมรต้องไปขึ้นศาลโลกอีก)
ผมเองก็เคยเขียนบทความไว้นานแล้วว่า ไทยเราอาจต้องลาออกจากมรดกโลก ในบทความเรื่อง จับผิดคำพูดนพดล นพเหล่
(ข่าวเบื้องต้นรายงานว่า ตอนนี้ไทยแค่ออกจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกเท่านั้น แต่หากยูเนสโก้ยังจะละเมิดอธิปไตยของไทยต่อไป เราอาจถึงขั้นลาออกจากสมาชิกมรดกโลกด้วย แต่กรณีนี้จะทำให้มรดกโลกของไทยอาจจะถูกถอดออกด้วย
เหมือนเรามีอาหารอร่อยอยู่แล้ว ถึงไม่มีป้ายเชลล์ชวนชิมก็ไม่เห็นเป็นไรเพราะอาหารเราอร่อยอยู่แล้ว แค่ปากก็ต่อปากก็ขายดีไม่หวัดไม่ไหว มรดกโลกก็เสมือนมีป้ายเชลล์ชวนชิมนั่นแหล่ะ ถ้าออกบางครั้งอาจเป็นผลดีกว่าก็ได้ เพราะจะทำให้คนยิ่งสนใจมากกว่าเดิม ว่าออกเพราะอะไร ไหนไปต้องดูหน่อยซิ)
(อีกทั้งการเป็นสมาชิกมรดกโลก ไทยจะต้องจ่ายค่าสมาชิกปีละ50ล้านบาท!! แม้แต่อเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ก็เคยถอนตัวมาแล้ว)
ซึ่งผมมั่นใจว่า สมมุติถ้าไทยถอนมรดกโลกทั้งหมดของเราออกจริงๆ ก็ไม่ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวของเราลดลง เพราะมรดกโลก ไม่ใช่สิ่งการันตีรายได้ เช่นวัดพระแก้ว ซึ่งไม่ใช่มรดกโลก แต่กลับมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวมากกว่ามรดกโลกของไทยหลายแห่งเสียอีก
**หมายเหตุ มีความสับสนว่า ไทยลาออกจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกเท่านั้น แต่ยังไม่ลาออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก (แปลว่ายังเป็นสมาชิกอยู่)
ล่าสุด!! ผมได้ตรวจสอบจากทวิสเตอร์ของคุณสุวิทย์ คุณสุวิทย์ยืนยันว่า ไทยเราได้ประกาศเจตจำนงขอลาออกจากคณะกรรมการมรดกโลก และภาคีอนุสัญญามรดกโลกแล้ว นั่นแสดงว่า ไทยได้ประกาศเจตจำนงลาออกจากการเป็นสมาชิกมรดกโลกแล้วนั่นเอง (แต่การลาออกอย่างเป็นทางการต้องมีหนังสือแจ้งถอนตัวจากรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ)
และในทางกฏหมายระหว่างประเทศ มีนักกฏหมายได้ตีความเรื่อง ไทยเราออกจากภาคีมรดกโลกแล้วจริงหรือ? คลิกอ่านที่นี่
----------------------
คุณผู้อ่านครับ ผมเขียนเรื่องเขาพระวิหารไว้หลายบทความมากๆ ว่าเหตุเรื่องเขาพระวิหารในสมัยฮุนเซ็นกับไทย มันเริ่มจากนายกฯชวน ไปชวนเขมรมาทำmou43 ที่ดันไปแนบแผนที่1ต่อ2แสนมาด้วย ทำให้เขมรอ้างว่าไทยยอมรับแผนที่นี้แล้ว
หลักฐานหนึ่งก็คือ นายฮอนัมฮง ได้เคยแถลงการณ์ว่า ไทยยอมรับแผนที่1ต่อ2แสนที่ปรากฏในmou43
คลิกอ่านที่นี่
ขอสรุปแบบเข้าใจง่่ายๆว่า
สมัยนายกฯชวน เพราะกลัวการรบ จึงไปเปิดโอกาสให้เขมรนำแผนที่1ต่อ2แสนเข้ามาในmou43ได้
แต่ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ไปสำทับเรื่องMOU44 และTOR46 ยอมรับแผนที่1ต่อ2แสน ยกดินแดนให้เขมรซ้ำอีก
และสมัยรัฐบาลสมัคร ดันไปยกพื้นที่4.6ตร.กม.ให้เขมรไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้
-------------------------------
แนะนำอ่าน อธิบายกรณีเขาพระวิหารอย่างง่าย ตอน1
แนะนำอ่าน เทพมนตรีอธิบายไทยเสียดินแดนที่นายกฯอภิสิทธิ์ควรดูที่สุด
แนะนำอ่าน ปัญหาเขมรยืดเยื้อ เพราะไม่ตัดไฟแต่ต้นลม
(*หมายเหตุ* คุณผู้อ่านรู้จักอาจารย์อดุลย์ วิเชียรเจริญมั้ย?? ท่านนี้คือประธานมรดกโลกของไทย คนแรก ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมากว่า25ปี แต่โดนปลดเมื่อปี50 สมัยรัฐบาลสมัคร เพราะนายนพดลอยากยก4.6ตร.กมให้เขมรไปขึ้นทะเบียนให้สำเร็จ
เพราะท่านอาจารย์อดุล ได้ขัดขวางการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของเขมรฝ่ายเดียวมาโดยตลอด เปรียบเสมือนเป็นก้างขวางคอใครบางคน ขนาดอาจารย์อดุลย์ ผู้ซึ่งแตกฉานเรื่องนี้มากที่สุด ยังเสนอให้ไทยลาออกเลยครับ คลิกอ่านข่าวที่นี่ ล่าสุดจากข่าวไทยรัฐ อาจารย์อดุล อธิบายว่า มรดกโลกชองไทยที่ขึ้นไปแล้ว จะไม่กระทบหรือถูกถอดถอน)
---------------------------------
ขอเชิญทุกท่าน ไปชม เอกสารที่พธม.อธิบายเรื่องเขาพระวิหาร และให้ไปดูที่ จุดยืนที่แตกต่างกัน20จุด ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตร ในหน้า39 ที่ข้อ19 (เอกสารนี้ได้เขียนไว้นานแล้ว)
ในข้อ19 พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า ไทยไม่ควรลาออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก เพราะจะทำให้ไทยไม่มีเวทีที่จะคัดค้าน
แต่ กลุ่มพันธมิตร กลับเห็นว่า ไทยไม่ควรเป็นภาคอนุสัญญามรดกโลกอีกต่อไป เพราะคณะกรรมการมรดกโลก แลยูเนสโก ได้ละเมิดอธิปไตยไทยแล้ว ดังนั้นการที่ไทยไม่ถอนตัวจึงเสมือนไทยต้องอยู่ใสสภาพที่่ไม่ปฏิเสธมติคณะกรรมการมรดกโลก ที่ทำให้ไทยต้องเสียเปรียบที่ผ่านมา
คลิกอ่านเอกสารนั้นที่นี่
นั่นชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่กลุ่มพธม.ชี้แจงมาทั้งหมด คือเรื่องจริงว่าไทยกำลังเสียอธิปไตยบนดินแดนหากยังเป็นภาคีมรดกโลกต่อไป และนั่นคึอความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง
ยังไม่จบหรอกครับ เพราะทั้งmou43 ยังอยู่ tor46 ก็ยังอยู่ ขึ้นศาลโลกจะมีผลยังไงอีกหรือไม่ ต้องลุ้นต่อไปอีก
คลิกอ่านกระทู้สำคัญ MOU43 ขัดรธน.ทั้งสองชาติ!! (ที่ผมคุยและถกกับหนูแจ๋ว(ซึ่งเป็นคนรักปชป.)เรื่องเขาพระวิหาร ว่าใครผิด ใครชั่วมากกว่ากัน)
------------------------------
สิ่งที่ผมเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน เป็นจริงทุกประการ เชิญอ่าน
คลิกอ่าน ไอ้เขมรชั่วฮุนเซ็น ตอน1 ยึด4.6ตร.กมรอบเขาพระวิหารคืน!!
คลิกอ่าน ไอ้เขมรชั่วฮุนเซ็น ตอน2 หนทางเดียวที่จะได้4.6ตร.กม.คืนมีวิธีเดียวคือ..?
คลิกอ่าน ไอ้เขมรชั่วฮุนเซ็น ตอน3
และหลังจากคำเตือนของพธม.เป็นจริง!! ซึ่งนายสุวิทย์ได้ปฏิบัติทำตามแนวทางการแนะนำของอาจารย์เทพมนตรี และอาจารย์อดุล วิเชียรเจริญ ทำให้สื่ออย่างกรุงเทพธุรกิจ ในเครือเนชั่น ที่เคยเข้าข้างพรรคปชป.มาตลอด ก็ได้ลงบทความเอียงเข้าข้างแนวทางพธม. ในบทความเรื่อง ย้อนรอยปมพิพาท'พระวิหาร'ถึงวันไทยแตกหักมรดกโลก คลิกอ่านได้ที่นี่!!
---------------------------
(อัปเดตบทความเพิ่มเติม เมื่อ27มิ.ย.54 เวลา14.30น.)
ผมเพิ่งดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันที่27มิ.ย.54
ฟังคุณสุวิทย์ คุณกิตติสัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านีี้ วันที่27มิ.ย.54
ซึ่งตรงกับที่ผมได้แสดงความเห็นไว้ที่กล่องความเห็นด้านล่างตั้งแต่เมื่อคืนวานว่า คุณสุวิทย์ ได้ตัดสินใจลาออกไปตามสถานการณ์ด้วยตัวเองตามอำนาจที่ได้รับมาอย่างเต็มที่ โดยที่นายกฯอภิสิทธิ์ได้พยายามโน้มน้ามจะให้คุณสุวิทย์หาหนทางอื่นก่อน ยังไม่อยากให้ใช้วิธีลาออก!!
ดูรายการย้อนหลังได้ที่ คลิกที่นี่!!
-----------------------
บทพิสูจน์ว่านายนพดล ปัทมะโกหก!!
ตามหลักการของอนุสัญญามรดกโลก ต้องเป็นไปเพื่อสันติภาพ แต่กรณีเขาพระวิหาร มีพื้นที่จัดการอยู่ในทั้ง2ประเทศ ในส่วนของเขมร คือตัวปราสาทเขาพระวิหาร ในส่วนในไทยก็เช่น สระตาว สถูปคู่ ผามออีแดง
การที่มีอาณาเขตมรดกโลกร่วมกัน หนทางสันติคือ ต้องขึ้นทะเบียนร่วมกัน การที่นพดล ปัทมะ บอกว่า เขมรขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้นจึงเป็นเรื่องโกหก!! เพราะความจริงมีพื้นที่4.6ตร.กม.รวมอยู่ด้วย จึงเป็นปัญหาทะเลาะกันจนทุกวันนี้
และที่นายสุวิทย์ ต้องลาออก เพราะแผนบริหารจัดการของเขมรได้ใช้แผนที่1ต่อ2แสนแนบในเอกสาร ด้วย ทำให้รวมเอา4.6ตร.กม.เข้าไปในแผนบริหารจัดการ ซึ่งตรงนี้พิสูจน์ว่านายนพดลก็โกหกว่า เขมรจะนำแค่ตัวปราสาทขึ้นทะเบียนเท่านั้น
รายละเอียดการโกหกของนายนพดล ไปอ่านได้ที่ จับผิดคำพูดนพดล นพเหล่
@@ ต้องอ่าน เก็บตก!! หลังไทยลาออกจากมรดกโลก @@
เพราะนายสุวิทย์ รับภาระกิจสำคัญ ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์โยนลูกมาให้รับผิดชอบไปคนเดียวแบบเต็มๆ
ตอบลบนายสุวิทย์ คงตรึกตรองดูแล้วว่า หากตัวเองก้าวพลาด คนที่ซวยคือนายสุวิทย์คนเดียว เพราะพรรคประชาธิปัตย์มอบอำนาจสิทธิขาดให้เต็มที่ในการตัดสินใจ
ก่อนที่นายสุวิทย์ จะประกาศลาออกจากภาคีมรดกโลก ทางรักษาการณ์นายกฯอภิสิทธิ์ ยังพยายามเจรจาโน้มน้ามให้นายสุวิทย์เปลี่ยนใจ ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าเพิ่งตัดสินแบบนั้น
แต่เพราะนายสุวิทย์ รู้ดีว่า ที่ผ่านๆมา ไทยเราเสียเปรียบไปแล้ว สุ่มเสี่ยงในการเสียอำนาจจัดการในพื้นที่ หรือเสียอธิปไตยบนดินแดน จึงได้ตัดสินลาออก ตามที่กลุ่มพธม.เคยเสนอมานานแล้ว
ทั้งหมดนี้จึงยืนยันถึงความผิดพลาดของรัฐบาลประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี43 รัฐบาลทักษิณปี46 รัฐบาลสมัครปี50 อย่างชัดเจน
ผมไม่ใช่กลุ่มพธม. แต่เรื่องเขาพระวิหาร ข้อมูลของพธม. เชาชัดเจนและถูกต้องจริงๆ
ข่าวล่าสุด รักษาการณ์นายกฯอภิสิทธิ์ รีบออกมาแถลงข่าวว่าที่ไทยลาออกจากมรดกโลก เป็นไปตามมติครม.
ตอบลบผมขอแซวๆไว้แล้วกันว่า ประชาธิปัตย์สงสัยคงกลัวนายสุวิทย์จะได้เป็นฮีโร่ผู้ปกป้องชาติไปคนเดียวมั้ง??
ปชป.ขอมีเอี่ยวด้วย ว่างั้น !! ^^
มติครม. คือให้อำนาจสุวิทย์ในการตัดสินใจทำได้เต็มที่
ตอบลบแต่มติครม.ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ให้ลาออกจากมรดกโลกครับ เพียงแต่สุวิทย์สามารถตัดสินใจไปตามสถานการณ์ได้เลย
(ปชป.ถือหลักว่า แบบถ้าดีข้าขอเอี่ยว ถ้าตายปล่อยเอ็งตายเดี่ยว)
สุุวิทย์รับภาระไปเต็มๆ ถ้าพลาดคนซวยคือสุวิทย์คนเดียว แต่ถ้าได้หน้า ปชป.จะรีบออกมาบอกว่า เป็นมติครม.
สมมุติว่า คุณทำอาหารอร่อยมากๆแล้วมีร้านอาหารของตัวเอง
ตอบลบแต่มีคนมีชื่อเสียงคนนึงชื่อแม่ชุ่ย นางฟ้อน เคยจัดรายการชวนชิมทางทีวี มาบอกว่า ถ้าคุณยอมจ่ายให้เขาปีละ5พันบาท
เขาจะทำป้าย มีหน้าตัวเขาเองมาติดให้ที่หน้าร้านคุณ
คุณจะยอมจ่ายเงินเพื่อได้ป้าย แม่ชุ่ย นางฟ้อนมาติดหน้าร้านหรือไม่??
ถ้าสมมุติว่าคุณจ่าย เพราะอยากได้ป้ายชวนชิมไปแล้ว
แต่หลายปีต่อมา
แม่ชุ่ย นางฟ้อน บอกว่า ร้านข้างๆจะมาเปิดขายอาหารเหมือนของคุณ แต่ร้านข้างๆเขาให้เงินแม่ช้อยมากกว่า เพราะให้แม่ช้อยกินฟรีตลอดชีพ พร้อมแถมเงินให้ปีละหมื่นด้วย
แม่ช้อย มาบอกว่า ขอให้คุณช่วยจ่ายเงินเพิ่มเป็น1หมื่นบาทต่อเดือนแบบร้านที่จะมาเปิดใหม่ได้มั้ย?พร้อมต้องให้แม่ชุ่ย กินฟรีที่ร้านคุณตลอดชีพด้วย
คุณเห็นว่า แม่ชุ่ย เริ่มเอาเปรียบคุณ คุณเลยขอลาออกจากสมาชิกแม่ชุ่ย ชวนชิม เพราะไม่มีป้าย อาหารของคุณก็อร่อยอยู่แล้ว
เรื่องอะไรต้องไปตกเป็นเบี้ยล่างของแม่ชุ่ยด้วย
V
V
เช่นเดียวกัน การเป็นสมาชิกมรดกโลก ก็เปรียบเสมือนได้ป้ายแม่ชุ่ย ชวนชิม มาติดหน้าร้านนั่นแล
(ไทยต้องจ่ายค่าสมาชิกมรดกโลกประมาณปีละ50ล้านบาท)
ยูเนสโก้ ไม่ได้ให้เงินในการอุดหนุนซ่อมแซมมรดกโลกใดๆของไทย
ตอบลบมีแต่ไทยเราต่างหากที่ต้องเสียเงินในการเป็นสมาชิกในแต่ละปี
ส่วนกรณีเขาพระวิหาร พวกฝรั่งและชาติที่เข้ามาร่วมจัดการบริหารในพื้นที่ ก็หวังรอรับผลประโยชน์จากการจัดการด้านการท่องเที่ยวต่างหาก
เงินในการบูรณะเขาพระวิหารในแผนบริหารจัดการ จึงมาจากชาติที่ร่วมทุนร่วมผลประโยชน์ในพื้นที่ แต่พวกนี้ก็รอผลตอบแทนจากการท่องเที่ยวในภายหลัง
ยูเนสโก้ ไม่ได้มีเงินมาช่วยซ่อมแซมบูรณะมรดกโลกแต่อย่างใด
แถมยูเนสโก้ จะขอค่าจ้างในการแนะนำทำการด้วยซ้ำครับ
พูดง่ายๆคือ ชาติที่ได้ประโยชน์จะลงทุนซ่อมแซมบูรณะให้ก่อน และรอผลประโยชน์ตอบแทนภายหลัง
ยูเนสโก้ ไม่ได้ให้เงินในการซ่อมแซมบูรณะนะครับ
ตอบลบหลายท่านอาจเคยเห็นว่ามรดกโลกในประเทศอื่น ที่มีต่างชาติมาช่วยออกเงินบูรณะนั้น นั่นเป็นการบริจาคในนามประเทศนั้น ไม่เกี่ยวกับการเป็นหรือไม่เป็นมรดกโลกครับ
เช่นประเทศร่ำรวยช่วยเหลือประเทศยากจนแบบให้เปล่า เป็นต้น
แต่อย่างในเขาพระวิหาร ชาติที่ได้ผลประโยชน์จากการจัดการเรื่องการท่องเที่ยว หลังจากจัดการพื้นที่เรียบร้อย พวกนี้เขาให้เงินซ่อมแซมซึ่งถือเป็นการลงทุนครับ
ได้ความรู้อีกหลายอย่าง ขอบคุณคุณใหม่ เมืองเอกมากค่ะ
ตอบลบ^
ตอบลบ^
ยินดีครับ ^^
http://bogy-documentary.blogspot.com/2011/05/blog-post_08.html
ตอบลบขอมคือสยาม จามคือเขมร