คงเคยเห็นโฆษณาหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์กันตามทีวีกันแล้วนะครับ ที่นายกฯอภิสิทธิ์ออกมาบอกว่า ปัญหาค่าครองชีพสูง จะแก้ด้วยการเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชนให้มากขึ้น ทั้งประกันราคาสินค้าการเกษตร และขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
ผมบอกตามตรง เซ็ง!ครับท่าน
ยังไม่ทันได้ขึ้นค่าแรง ก็โฆษณาล่วงหน้าไปแล้ว พ่อค้าแม่ค้าก็เฮ เราขึ้นราคาสินค้ากันดีกว่า เพราะค่าแรงขั้นต่ำเดี๋ยวก็ขึ้นแล้ว
ผมล่ะเบื่อกับการโฆษณาบ้าบอแบบนี้ ถ้าจะขึ้นค่าแรง ไม่ต้องมาป่าวประกาศหรอกครับ ขึ้นก็ขึ้นไป ไม่ใช่ป่าวประกาศซะ สินค้าหนีขึ้นราคาไปรอล่วงหน้าก่อนแล้ว
อย่าลืม!!สิครับ ว่าพวกท่านเป็นรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน รัฐบาลต้องกระทำให้เห็น ไม่ใช่ดีแต่พูด!!
และพอค่าแรงได้ขึ้นจริงๆ สินค้าก็จะขยับขึ้นหนีซ้ำไปอีกทีนึง
----------------------
เมื่อ2ปีก่อน ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งกระฉูดสูงกว่าราคาในปัจจุบันนี้เสียอีก เพราะขึ้นไปถึงบาเรลละ140เหรียญUS. ตอนนั้นสินค้าก็ขึ้นราคาพุ่งขึ้นไปทีแล้ว มาปีนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกยังไม่ไปถึงจุดนั้น เพิ่งจะเลย100เหรียญUS ไปนิดหน่อย
แต่วันนี้เมื่อเราเทียบราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย กับน้ำมันตลาดโลก เราจะพบว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปอย่างแก๊สโซฮอล์95 แพงกว่ายุคน้ำมันตลาดโลกที่140เหรียญเสียอีก
ปตท.ขูดรีดประชาชนแบบเห็นๆ
------------------------
ทีนี้มาว่าด้วยเรื่อง นโยบาย2สูง ของเจ้าสัวซีพีธนินท์ เจียรวนนท์ ที่เคยให้สัมภาษณ์ในรายการจับเข้าคุย ที่บอกว่าให้รัฐบาลปล่อยราคาสินค้าการเกษตรให้แพงขึ้นไป แล้วให้รัฐบาลขึ้นค่าแรงตามไปให้ทัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เลือกใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหาค่าครองชีพ ซึ่งก็ยังแก้ได้ช้ามาก
ซึ่งหากเรามองผิวเผิน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าจะดี ได้ขึ้นค่าแรงแพง เกษตรกรขายสินค้าได้ราคาสูง!?
การที่เจ้าสัวซีพีเสนอนโยบายนี้ หากเรามองดีๆ มันก็ดีแก่บริษัทซีพีเองนั่นแหละ เพราะซีพีเป็นคนคุมราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการการเกษตรแทบทั้งสิ้น ตั้งแต่ราคาปุ๋ย ราคาอาหารสัตว์ที่แพงขึ้น ก็อยู่ภายใต้การคุมตลาดของซีพีทั้งนั้น (เช่นราคาอาหารไก่ ราคาลูกเจี๊ยบ ซีพีคุมตลาด ไข่แพงเพราะซีพีนี่แหล่ะ)
เมื่อเกษตรกรซื้อปุ๋ยแพง ซื้ออาหารสัตว์แพง เครือซีพีก็สบาย แต่เกษตรกรจะขายสินค้าเกษตรจะยากขึ้น เพราะราคาสินค้าการเกษตรไทยมันคงแพงกว่าคู่แข่งในตลาดโลกไปเยอะแล้ว
แต่ซีพีโดยบริษัทเจี่ยไต๋ จะรวยขึ้นเพราะขายของได้แพงขึ้น เพราะต้นทุนปุ๋ยและอาหารสัตว์หลายชนิดนำเข้ามาจากโรงงานที่ผลิตในจีนในต้นทุนเท่าเดิม!!
อย่างเช่น ข้าว เวียตนามในบางปีก็ขายแซงไทยเป็นอันดับ1ของโลกไปแล้ว เพราะราคาข้าวเวียตนามถูกกว่าไทย แม้ข้าวเวียตนามจะคุณภาพสู้ข้าวไทยไม่ได้ แต่ชาวโลกก็กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ ราคาอาหารในประเทศของเขาก็แพงขึ้นมาก จนเกิดการประท้วงก่อจราจลในหลายประเทศ ก็เพราะประชาชนรับไม่ได้กับราคาอาหารที่แพงขึ้น
เมื่อชาวโลกจนลง เขาย่อมเลือกของถูกแม้คุณภาพด้อยลงหน่อย ดีกว่าของดี แต่แพง!!
หากเวียตนามไม่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ข้าวไทยก็กำลังจะขายได้ลดลงเรื่อยๆในภาวะตลาดโลกที่แข่งขันกันว่าด้วยเรื่องราคา! (เมื่อ2ปีก่อน ที่ข้าวไทยบูมสุดขีดในโลก เพราะเวียตนามสั่งห้ามส่งออกข้าว เพราะเกรงว่าจะไม่พอสำหรับการบริโภคในประเทศ)
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะต้นทุนการผลิตของเกษตรกรไทยแพงกว่าชาติอื่น สินค้าการเกษตรมันเก็บไว้นานไม่ค่อยได้ หากแพงก็ยากที่จะแข่งขัน
วิธีลดต้นทุนกการเกษตรตามแนวเกษตรชีวภาพ และตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงคือทางออก!! ซึ่งผมเคยเขียนเรื่องเหล่านี้ไว้แล้วในบทความเก่าๆ ตัวอย่างเช่น ชาวนาผู้ร่ำรวย
(แนะนำห้ามพลาด!! บทความที่มีผู้อ่านมากที่สุดของผม เรื่อง คนไทยไม่มีวันเจริญเหมือนญี่ปุ่นได้หรอก!! )
-------------------------
ค่าแรงขึ้น??
ถ้าค่าแรงขึ้น แต่ข้าวของแพงกว่า มันก็ไร้ประโยชน์!!
ประเทศไทยเป็นประเทศที่รับจ้างผลิตสินค้าหลายอย่าง หากค่าแรงแพง นักลงทุนก็อาจย้ายการลงทุนไปที่ๆค่าแรงต่ำกว่า
ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่คิดค้นสินค้านวัตกรรมไฮเทคโนโลยีได้เอง ที่สามารถจะกำหนดราคาสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆมาล่อตาล่อใจผู้ซื้อเห่อไฮเทคได้ เหมือนประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือจีน (ผลสอบโอเน็ตที่ผ่านมา ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่า เด็กไทยอ่อนวิทยาศาสตร์ ค่าเฉลี่ยสอบตกกันทั้งประเทศ จึงยากที่ไทยจะผลิตสินค้าไฮเทคของตัวเองได้)
ยิ่งตอนนี้ มีสินค้าจีนมาตีตลาดไทย จนผู้ผลิตสินค้าไทยต้องเจ๊ง ปิดโรงงาน เพราะแพ้แก่สินค้าจีนที่ถูกกว่ามาหลายรายแล้ว
ยิ่งถ้าไทยขึ้นค่าแรงมากขึ้นเท่าไหร่ สินค้าอุตสาหกรรมไทย ก็จะยิ่งตายเพราะจะแพ้สินค้าจากจีน!!
------------------------------
สิ่งที่ควรทำ ก็คือ ต้องทำให้ค่าครองชีพของคนไทยถูกลงให้ได้ ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้าอยากขึ้นราคาอาหารสำเร็จรูปทีละ5บาทได้ตามอำเภอใจ
แต่ค่าแรงกว่าจะได้ขึ้นแต่ละบาท เลือดตาแทบกระเด็น!! เพราะค่าแรงขั้นต่ำมันตามราคาสินค้าไม่ทัน
รัฐบาลต้องหาทางให้ราคาสินค้าทุกชนิดถูกลงสอดคล้องกับค่าแรง
ไม่ใช่แก้ปัญหาค่าครองชีพง่ายๆ ด้วยการขึ้นค่าแรง ถ้าแก้ปัญหาแบบนี้ ก็แสดงว่า รัฐบาลไม่มีน้ำยาอะไร
สิ่งที่ถูกต้องคือต้องพยายามให้ค่าครองชีพต่ำลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้(ถ้ามีปัญญา!!) จะได้ไม่ต้องไปขึ้นค่าแรง ที่จะทำให้โอกาสที่สินค้าไทยจะแข่งขันในตลาดโลกก็จะยิ่งยากขึ้น
ผมเคยเขียนวิธีที่จะทำให้ค่าครองชีพถูกลงไว้แล้ว ในบทความเรื่อง แก้ปัญหาข้าวยากหมากแพงอย่างยั่งยืน
ถ้าคิดง่ายๆแค่ เมื่อราคาสินค้าอยากขึ้นก็ขึ้นไป รัฐบาลก็แก้ปัญหาง่ายๆด้วยการสั่งขึ้นค่าแรงเท่านั้น นั่นคือการผลักภาระไปให้ผู้ผลิต
ถ้ารัฐบาลคิดได้เท่านี้ คงไม่ต้องมีรัฐบาลก็ได้มังครับ เพราะถ้าแก้ปัญหาง่ายๆแบบนี้ แค่เด็กประถมก็มาเป็นรัฐบาลได้เหมือนกันนั่นแหล่ะ
---------------------
ก่อนจบ รัฐบาลอาจหลงลืมเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ500บาทไปแล้วมั้ง?? ค่าครองชีพแพงขึ้น บอกจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ บอกจะขึ้นโน่นขึ้นนี่ แต่สงสัยคงจะให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ500บาทเท่าเดิมต่อไป เหรอ??
ถ้าหลงลืมผู้สูงอายุ พรรคประชาธิปัตย์ก็เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านเถอะ ผู้สูงอายุเขาฝากบ่นน้อยใจมา
คนไทย 3,477 คน ร่วมสร้างสถิติโลกใหม่ใช้ปืนฉีดน้ำใส่กันนาน 10 นาที ถูกบันทึกใน Guinness World Record ทำลายสถิติเดิมของสเปนที่เคยทำไว้ 2,671 คน แต่!! ปืนฉีดน้ำทั้งหมดผลิตจากประเทศจีน!??
เข้าทำนองที่ว่า พี่ไทยได้หน้า แต่พี่จีนได้เงิน!!
สุดยอดมากค่ะ เห็นด้วยทุกประการ ทุกวันนี้หากินลำบากมาก เรียนจบมาตกงาน แทบจะไม่มีงานทำอยู่แล้ว รัฐบาลโงาเง่า้ต่าตุ้นจริงๆ ไม่เคยแก้ปัญหาประชาชนได้อย่างจริงจัง คิดแล้วแค้น เสียดายที่ประเทศไทยมีต้นทุนที่ดีมากกว่าหลายประเทศ แต่กลับมีผู้นำที่ไม่ได้เรื่อง ห่วงแต่พวกพ้อง ประชาชนอกตาย ไม่เคยรู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นเลยแม้แต่นิด ไม่รู้ว่ารัฐบาลบริหารงานในฝันหรืออย่างไร
ตอบลบมีกรณีศึกษาประเทศไหนในโลกที่ทำให้ค่าครองชีพต่ำลงแล้วเศรษฐกิจเจริญขึ้นบ้างมั้ยครับ
ตอบลบขอบคุณทั้งสองท่านด้านบนที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
ตอบลบส่วนคำถามของคุณรันเป็นคำถามที่ดีมากครับ
ในบทความนี้ผมต้องการให้รัฐบาลพยายามรักษาระดับค่าครองชีพไม่ให้สูงขึ้น เพื่อมีความสมดุลกับค่าแรงให้ได้เสียก่อนครับ
ไม่ได้หมายความว่า จะต้องคงอัตราค่าครองชีพให้ต่ำเสมอไป
อย่างประเทศจีน ก็นับว่ายังมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่าไทยมาก และยังสามารถผลิตสินค้าที่ไฮเทคโนโลยีของตัวเองได้ด้วย
ประเทศไทยเป็นประเทศรับจ้างผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เมื่อค่าแรงแพงขึ้น ประเทศเจ้าของสินค้าเขาก็ต้องคิดแล้วครับว่า จะคุ้มหรือไม่ถ้ายังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตต่อไป
ในเรื่องวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ตอนนี้เด็กเวียตนามและจีน เหนือกว่าไทยมาก โอกาสที่สินค้าไฮเทคฯจะย้ายฐานการผลิตไปที่เวียตนามก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะการศึกษาไทยล้มเหลว
เด็กไทยสนใจร้องเพลง เต้นรำ มากกว่าศึกษาวิทยาศาตร์ ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่สำคัญในการผลิตสินค้าไฮเทคฯ
ทีนี้เรื่องค่าครองชีพ เมื่อเทียบกับภาวะเงินเฟ้อ และค่าแรงแล้ว ผมมีบทความที่อธิบายให้เห็นภาพมากกว่านี้
ขอเชิญไปอ่านบทความเรื่อง "ความล้มเหลวของระบบเงินบาท"
ได้ตามลิงค์นี้ครับ http://akelovekae.blogspot.com/2011/02/blog-post_25.html
ประเทศจีน คือกรณีศึกษา ที่ทำระดับค่าครองชีพและค่าแรง และคงค่าเงินหยวนไว้ให้ต่ำกว่าความเป็นจริง
ตอบลบเพื่อทำให้สินค้าจีนถูกกกว่าสินค้าคู่แข่งมากๆ ครับ
จริงที่สุดเลย ค่ะ แค่พื้นฐานเศรษฐศาสตร์ หลัก ที่ทางผู้นำ ทุกฝ่ายควร รู้ ไว้ ถ้าแก้กัน ง่าย ๆ ก็ เหมือน กับ การ เดิน หน้า แบบ รอแก้ ปัญหาที่รออยู่ ข้างหน้า นะคะ ซีเรียส กัน ซะที
ตอบลบ