วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

ปัญหาเขมรยืดเยื้อ เพราะไม่ตัดไฟแต่ต้นลม






ลองย้อนกลับไปอ่าน บทความที่ผมเขียนเมื่อปี51เรื่อง ไอ้เขมรชั่ว ฮุนเซ็น ทั้งตอน2และตอน3 ซึ่งพอผมได้กลับไปอ่านแล้ว ก็ไม่ผิดจากที่ผมคาดการณ์ไว้ ว่าสุดท้ายปัญหาไทย-เขมร จะต้องเป็นแบบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

ไม่มีใครชอบสงคราม เชื่อว่าทุกคนเกลียดและกลัวสงคราม แต่ปัญหามันเริ่มเมื่อไหร่?? คำตอบก็คือ ปัญหาชายแดนไทยเขมร เริ่มเมื่อช่วงสมัยนายกฯชวน หลีกภัยเป็นนายกฯ (ที่จริงผมเขียนไปหลายครั้งแล้ว)

เนื่องจากหลักเขตแดนหลายจุดได้สูญหายไป ทำให้ทหารเขมรมันเริ่มรุกรานชายแดนไทย จนเกิดการปะทะกัน บริเวณพื้นที่4.6ตร.กม.ราวๆ ปี 40-43 หลายต่อหลายครั้ง

ที่ผ่านมาเขมรมันไม่เคยกล้าหือกับไทย ในยุคที่มีทหารเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พอประเทศไทยได้นายชวน มาเป็นนายกฯ

ซึ่งเขมรในยุคฮุนเซ็น มันมองออกว่า ถ้าจะลองเสี่ยงแหย่เสือหลับอย่างไทย ก็ต้องแหย่ยุคนายชวนนี่แหล่ะ

เพราะนายชวน เคยมีวาทะกรรมเรื่องเนิน491 ปัญหาชายแดนไทย-พม่าว่า "ถ้าผมสั่งให้รบ คนที่ไปรบ ไปตายก็คือทหารชั้นผู้น้อย ไม่ใช่ผม ผมก็สังได้ แต่ผมไม่อยากทำ เพราะผมไม่ต้องการสงคราม"

ทีนี้เขมร มันก็เลยคาดการณ์ถูกว่า เพราะ นายชวน หลีกภัยไม่ใช่ทหาร จึงไม่มีความคิดแบบทหาร ไม่ชอบสงคราม ไม่อยากรบ 

ซึ่งนายชวน หลีกภัย น่าจะลองศึกษาดูประธานาธิบดีสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เป็นตัวอย่างบ้างว่า ถึงไม่ได้เป็นทหารมาก่อน แต่เรื่องรักษาแผ่นดินและอธิปไตยมันเรื่องที่ใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งสิ้น

รัฐบาลชวน หลีกภัย จึงไปชวนเขมรมาทำmou43 เพื่อมาปักปันเขตแดนกันใหม่ แต่กลับไปเปิดโอกาสให้เขมรนำแผนที่ระวางดงรัก1:200,000 (ค.ศ.1908) เข้ามาร่วมเจรจาได้ ทั้งๆที่ แผนที่ 1 ต่อ 2 แสนมันขัดกับหลักสากลและขัดกับรัฐธรรมนูญกัมพูชา ในมาตรา2 ด้วยซ้ำ

(คลิกอ่าน แผนที่ 1 ต่อ 2 แสนขัดรธน.กัมพูชา)

ซึ่งในMOU43 กำหนดว่าประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องออกจากพื้นที่ที่ทับซ้อนกันในแผนที่ของ 2 ประเทศที่ระบุใน MOU43

ตรงนี้ทำให้คนไทยหลายคนที่หากินในพื้นที่ก็ต้องย้ายออกจากพื้นที่ไปด้วย ทั้งๆ ที่มันเป็นพื้นที่ของไทยแท้ๆ 

แล้วรัฐบาลตั้งแต่ยุคชวน และรัฐบาลทุกยุคเรื่อยมา ก็ชอบที่จะเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า พื้นที่ทับซ้อน ในขณะที่ฝ่ายเขมร ไม่เคยเลยที่จะเรียกว่า พื้นที่ทับซ้อน ในขณะที่ฝ่ายเขมรกลับยืนยันหนักแน่นว่า เป็นดินแดนเขมร !!

---------------------

ซึ่งเขมร โดยฮุนเซ็นมันพวกสันดานขี้โกง พอเห็นไทยเปิดโอกาสให้นำแผนที่1ต่อ2แสนเข้ามาร่วมเจรจาได้

ซึ่งเขมรมันไม่คิดในทางดีกับไทย เหมือนแบบที่นายชวนคิดดีต่อเขมร

เขมรมันไม่คิดแบบใสซื่อบริสุทธิ์แบบรัฐบาลไทย แต่เขมรมันกลับถือว่า ไทยยอมรับแผนที่1:2 แสนของมันแล้ว

ยิ่งสมัยทักษิณดันไปทำMOU44 และTOR2546 ย้ำเข้าไปอีก เสมือนรัฐบาลไทยสมัยทักษิณยอมรับแผนที่1ต่อ2แสนซ้ำ

แปลความง่ายๆคือ สมัยนายชวน เปิดโอกาสให้เขมรนำแผนที่1ต่อ2แสนเข้ามาเจรจาเพื่อสันติภาพ 

แต่สมัยทักษิณดันไปยอมรับแผนที่1ต่อ2แสนสำทับซ้ำให้หนักแน่นเข้าไปอีก เพราะเพื่อหวังขายชาติ ทักษิณหวังสัมปทานร่วมกับฮุนเซ็นในทรัพยาการพลังงานกลางอ่าวไทย!!

---------------------------

และเมื่อไม่นานมานี้ นายฮอร์ นัม ฮง รมต.ต่างประเทศกัมพูชา เคยแถลงการณ์ว่า ไทยยอมรับแผนที่1ต่อ2แสนของเขมรแล้ว

ขอยกบางส่วนชองคำแถลงของนายฮอร์นัมฮง เมื่อวันที่14ก.พ.54 ตามนี้

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543)  กัมพูชาและประเทศไทยได้ลงนามบันทึกความ เข้าใจระหว่างรัฐบาลของราชอาณาจักรกัมพูชาและรัฐบาลของราชอาณาจักรไทยในการ สำรวจและจัดทำหลักเขตทางบก (mou43) ซึ่งได้ยอมรับ “แผนที่ดงรัก” (แผนที่ 1 ต่อ 2แสน) ซึ่งอ้างถึงโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศสำหรับคำตัดสินในปี ๑๙๖๒ ว่าแผนที่ “ผนวก ๑” พร้อมด้วยเอกสารที่ชอบด้วยกฎหมายอื่น เป็นฐานทางกฎหมายสำหรับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชาและประเทศไทย

คลิกดูถ้อยแถลงของฮอร์ นัมฮง ทั้งหมด

-----------------------

ส่วนปัญหาปราสาทตาเมือนธม หรือ ปราสาทตาควาย ที่กำลังเกิดในตอนนี้ ก็เพราะมันเกิดจากเขมรยึดแผนที่1ต่อ2แสน ที่ลากมาจนถึงทั้งสองปราสาทด้วย เขมรจึงอ้างว่าทั้งสองปราสาทก็เป็นของเขมร

เพราะแผนที่ทั้ง2ปราสาท มันก็ลากมาจากแผนที่เดียวกันกับปราสาทเขาพระวิหารนั่นแหล่ะ

-----------------------

ถ้าถามผม ผมขอบอกว่า ปัญหามันเกิดจากความรักสงบเกินไปของรัฐบาลชวนในปี43 ที่ไม่ยอมผลักดันเขมรออกไปให้เด็ดขาดตั้งแต่ตอนนั้น แล้วยึดสนธิสัญญาปักปันเขตแดนค.ศ.1904 และ1907 สยาม-ฝรั่งเศสเป็นหลัก เพราะแผนที่ทั้ง 2 ฉบับนั้นได้ยึดเส้นสันปันน้ำเป็นหลัก หากเขมรรุกรานก็ผลักดันออกไปซะ 

แต่เพราะรัฐบาลชวน กลับไปยินยอมให้เขมรนำแผนที่ที่เคยเป็นปัญหาจนไทยเสียปราสาทพระวิหารมาแล้ว เข้ามาร่วมเจรจาใน MOU43 ได้

นั่นเพราะไม่อยากให้เกิดการรบ ไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน หวังดีต่อ2 ประเทศ เลยกลายเป็นทำร้ายประเทศภายหลัง

ก็เพราะรัฐบาลนายชวน ไม่ยอมตัดไปแต่ต้นลมเสียตั้งแต่ ที่เราได้เปรียบเรื่องความชอบธรรมในการปกป้องอธิปไตยของชาติ 

เพราะตอนนั้นค่อนข้างชัดเจนว่า เขมรยอมรับอธิปไตยของไทยในพื้นที่ตรงนั้นมากว่า40ปีแล้ว

แต่ในวันนี้ ไทยเราอาจไม่ได้เปรียบเรื่องความชอบธรรมในการปกป้องอธิปไตยแล้ว เพราะปัญหาแผนที่1ต่อ2แสน ที่เขมรใช้จนได้รับการอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารได้สำเร็จ

นายชวน กลัวการรบในวันนั้น ก็ไม่ได้ช่วยให้วันนี้ไม่ต้องรบ แถมการรบหนักข้อกว่าเดิม เพราะเขมรมั่นใจในหลักฐานของตัวเองมากขึ้นกว่าวันนั้นแล้ว

(การขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร จะเกิดขึ้นเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อเขมรส่งแผนจัดการพื้นที่ต่อคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว ซึ่งตอนนี้เขมรก็ยังไม่ได้ส่ง ทำให้ปราสาทเขาพระวิหารจึงยังไม่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกสักที)


----------------------


ฟังชัดๆ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ทนายผู้ประสานงานคณะทนายฝ่ายไทยในคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ.2502-2505 พูดถึงแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ใน MOU43





คลิกอ่าน ทำไมราตรี วีระ ไม่ควรโดนจับ !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม