วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไทยต้องการนางงามแบบไหนแน่?



ติเรื่องการประกวดชุดว่ายน้ำของเวทีนางงามไทย

ในฐานะผู้ชายชอบชื่มชมสาวๆ โดยเฉพาะสาวสวยระดับนางงาม ผมเห็นว่าประเทศไทยถอยหลังลงคลองมากกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะในแนวคิดเรื่องการประกวดด้วยชุดว่ายน้ำ


ผมเห็นว่าระยะหลังๆ การประกวดชุดว่ายน้ำเดินบนเวทีประกวดของสาวงามทุกเวทีระยะหลังๆนี้ มักจะทำแบบครึ่งๆกลางๆ ประดักประเดิด หากคิดจะให้มีการประกวดชุดว่ายน้ำก็ควรประกวดกันแบบที่นานาประเทศเขาทำกัน

ไม่ใช่อุตส่าห์แต่งชุดว่ายน้ำแล้วต้องเอาผ้ามาผูกปิดช่วงล่างแล้วเดิน ผมว่ามันเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว ถ้าทำแบบนี้ผมว่ามันตลกและดูถูกคนไทยอีกต่างหาก ถ้ากลัวโป๊นักก็ไม่ต้องประกวดชุดว่ายน้ำไปเลย

ของสวยๆงามๆแท้ๆ มาปกปิดให้คนดูเซ็ง
แต่ทีพวกสาวประเภท2ประกวด กลับปล่อยให้ถ่ายทอดสดได้ดูแบบไม่ต้องมีการปกปิดกระมิดกระเมี้ยน เดินโชว์กันได้อย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งอย่างนี้น่าจะมีการควบคุมมากกว่ากลับไม่มีใครว่า

ของสวยๆของแท้ๆ กลับมาปกปิด ทีกับของเทียมๆดันปล่อยให้ทำได้เต็มเหนี่ยวบนเวที แถมถ่ายทอดสดดูได้ทั่วประเทศ หรือพวกสื่อโทรทัศน์คิดว่าการประกวดกระเทยน่าดูน่าชมกว่าผู้หญิงแท้ๆ หรือจะเป็นกระเทยมีสิทธิ์มากกว่าผู้หญิง เพี้ยนไปแล้วสื่อไทย!!

ตกลงประเทศไทยสนับสนุนกระเทยให้โชว์ความเป็นผู้หญิงปลอมๆให้คนไทยดู มากกว่าที่จะให้คนไทยได้ดูความสวยงามของผู้หญิงจริงๆ


ทีเมื่อก่อนการประกวดนางงามก็ประกวดชุดว่ายน้ำได้ตามปกติ แม้ตอนช่วงหลังๆจะดูมากไป เช่นใส่ชุดว่ายน้ำกันนานจนถึงช่วงรับมงกุฏ แต่เราก็สามารถปรับเปลี่ยนให้ดูงาม ตามแบบสากลประเทศเขาทำกันก็ได้

ข้ออ้างที่ว่า กลัวเป็นการยั่วยุทางเพศ ผมว่าเป็นข้ออ้างที่โง่มากๆและดูกระแดะคิดมากๆด้วย

ดูอย่างนางสาวไทยไม่มีการประกวดชุดว่ายน้ำเลยอันนี้ดีมาก ไม่ต้องมาทำแบบปากว่าตาขยิบ ถ้าจะมีประกวดชุดว่ายน้ำแต่มาทำเป็นกระแดะปิดโน่นปิดนี่ สรุปง่ายๆก็คือ เวทีประกวดนั้นด่าตัวเองและดูถูกคนดูด้วยครับ
.
ทีตอนประกวดนางงามจักรวาลในประเทศไทย ทำไมไม่เห็นต้องมาทำปกปิดเรื่องการโชว์ชุดว่ายน้ำบนเวทีเลย แต่ที่ประกวดของไทยเอง เสือกมากระแดะปิดโน่นปิดนี่ พวกคนคิดจัดประกวดมันโหลยโท่ยจริงๆ

ในการประกวดมิสยูนิเวอร์สปี2009ที่เพิ่งจบไปเมื่อเช้า มีคำถามนึงที่กรรมการถามมิสออสเตรเลียว่า


"ในบางประเทศมีการต่อต้านการประกวดนางงามใส่ชุดว่ายน้ำ คุณคิดอย่างไร?"


นางงามออสเตรเลียตอบว่า "การใส่ชุดว่ายน้ำเป็นการแสดงให้เห็นถึงความงามของสรีระร่างกายที่สมส่วนของผู้หญิง ฉะนั้นจึงคิดว่าควรมีการใส่ชุดว่ายน้ำจะดีกว่า"

************************

สวยกับภาษาดีอันไหนสำคัญกว่ากัน


การประกวดมิสยูนิเวอร์ส2009ที่เพิ่งจบไป ไม่รู้ว่าคุณผู้อ่านได้สังเกตเห็นอะไรที่กรรมการไทยมักไม่ค่อยเห็นบ้างมั้ยครับ

นั่นก็คือผู้เข้ารอบ5คนสุดท้าย ที่จะต้องประชันกันจากคำถามของกรรมการ จากนางงามจาก5ประเทศ มีเพียงมิสออสเตรเลียคนเดียวที่ตอบเป็นภาษาอังกฤษ

ส่วนนางงามอีก4ประเทศ ทุกคนตอบภาษาของประเทศตัวเองทุกคน และมีล่ามคอยแปลให้

ที่จริงผมสังเกตเห็นตรงจุดนี้มานานแล้ว นางงามเวเนซูเอล่าในทุกๆปีที่ผ่านมา เป็นตัวเต็งในการประกวดแทบทุกปี และมักจะเข้ารอบลึกๆแทบทุกปี

แต่นางงามเวเนซูเอล่า ไม่เคยตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษเลยสักปีครับ แต่กลับมีตำแหน่งกลับบ้านแทบทุกปี และอีกประเทศคือนางงามเปอร์เตอร์ริโก้ที่ได้ตำแหน่งกลับบ้านแทบทุกปีเช่นกัน เธอก็ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเลยสักปี

แต่นางงามไทยระยะหลังๆที่ไปประกวด ทำไมต้องเน้นพูดภาษาอังกฤษได้ หรือนางงามของไทยเน้นเพื่อไปประชาสัมพันธ์ประเทศไทยเป็นหลัก แล้วเรื่องประกวดเป็นงานรองอย่างนั้นหรือครับ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมก็โอเค! ไม่ว่าอะไร

แต่หากนางงามไทยไปเพื่อเน้นผลประกวด ผมว่านางงามที่สมัครเข้ามาคัดเลือกในเมืองไทย กรรมการควรคัดคนฉลาดไปเลยในรอบแรกๆ ส่วนเมื่อถึงรอบ5คนสุดท้าย ผมว่าก็ฉล่าดๆกันทั้งนั้นแหล่ะ จะต่างกันก็แค่เรื่องใครเก่งภาษาอังกฤษมากกว่ากัน เรามาเน้นสวยและงามสมส่วนไว้ก่อนจะดีกว่าไม๊?

เพราะเรื่องภาษาไม่น่าจะสำคัญเท่ากับความสวยและงามสง่าแบบผู้หญิงนะครับ ถึงยังไงความสวยก็ได้เข้ารอบมิวยูนิเวอร์สได้ไกลกว่าคนเก่งภาษาแน่นอน

แต่หากเน้นภาษาดี หน้าตาไว้ทีหลัง ก็ไม่ทันได้เข้ารอบลึกๆโชว์ความสามารถทางภาษาหรอกครับ ตกรอบไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว

ฉะนั้นกรรมการไทยที่คัดเลือกสาวงาม ก็ลองคิดให้ดีนะครับว่า ส่งนางงามภาษาดีแต่ถ้าตกรอบแรกๆกับสวยหุ่นดีแต่ภาษาอังกฤษอ่อนหน่อยหรือพูดไม่ได้เลย แต่ได้กลับเข้ารอบลึกๆอะไรสำคัญกว่ากัน

*********************

มิสโฟโต้จินิค

สำหรับรางวัลมิสโฟโต้จีนิก ที่ให้ผู้ชมโหวตในอินเตอร์เน็ต ผมให้ความเชื่อถือรางวัลโฟโต้จีนิกแค่ครึ่งเดียวครับ เพราะเห็นช่อง7โปรโมทเยอะจริงๆ อยากรู้นักว่าถ้าไม่โปรโมทเชิญชวนคนไทยไปลงคะแนนในเว็บมากๆ มิสไทยแลนด์จะได้ตำแหน่งนี้จริงๆหรือ?

ผมอดคิดไม่ได้ว่า ความเป็นชาตินิยมของคนไทยเราน่าจะเป็นรองคนญี่ปุ่นกับคนจีนนะครับ ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า หากญี่ปุ่นกับจีนโปรโมทเหมือนที่ช่อง7ทำ ไทยเราไม่น่าจะได้ตำแหน่งนี้

คุณผู้อ่านจะคิดว่าผมอคติก็ได้นะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับก็คือ คุณไข่มุก ตัวแทนมิสไทยแลนด์สวยขึ้นกว่าตอนได้ตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์สมากเลยครับ
แต่ถ้าเทียบกับรองมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์สคนอื่นๆ ผมว่า คุณไข่มุกไม่สวยครับ นางงามอันดับรองๆสวยกว่าครับ

ส่วนในอาเซียน ผมว่ามิสอินโดนีเซียน่ารักดีครับ และถือเป็นนางงามในเอเซียที่มีคนโหลดภาพชมติดอันดับต้นๆ



Bikini Zivanna Letisha Pictures, Images and Photos

Bikini Zivanna Letisha Pictures, Images and Photos


แนะนำอ่าน นักแสดงAVไม่ใช่โสเภณี

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ก็คนมันชั่ว! ทำไงได้

.
.



หลังเหตุการณ์จราจลช่วงสงกรานต์ ทักษิณให้สัมภาษณ์สกายนิวส์สื่ออังกฤษที่ดูไบว่า

“ตอนนี้ไม่มีใครที่จะนำสันติสุขกลับมาสู่ประเทศได้ ยกเว้น องค์พระมหากษัตริย์ ผมขอเรียกร้องให้พระองค์ท่านได้โปรดลงมาแทรกแซง!! มิฉะนั้นกองทัพและรัฐบาลจะฆ่าคนมากขึ้นอีก ตอนนี้พวกเขาปกปิดทุกอย่าง ขณะที่หนังสือพิมพ์ในเมืองไทยก็เผยแพร่แต่ข่าวสารที่เป็นเท็จ”

อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวว่า "ทางเดียวที่จะทำให้ความรุนแรงหยุดลงได้ก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกมาจัดการ ถ้าการแทรกแซง!!ไม่เกิดขึ้นในคืนนี้ คุณจะเห็นผู้คนล้มตายเพิ่มขึ้นอีก” (!?!)

นั่นคือคำพูดที่ผ่านมาของทักษิณ ที่พยายามจะปลุกระดมและพยายามดึงในหลวงให้ทรงมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง แถมยังขู่... อีกว่าถ้าไม่ทรงรีบแทรกแซงภายในคืนนั้น จะเห็นคนตายเพิ่มขึ้นอีก

ดูดู!!ดูมันพูด

ในความเป็นจริง ไม่มีใครตายเลยจากเหตุการณ์จราจลวันนั้น และแม้วกลายเป็นตลกนานาชาติ!!

แต่ที่แน่ๆ ความไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของทักษิณมันเป็นสันดานไปแล้ว
.
.

**********************

ดูคลิปสันดานแม้ว (ไม่ฮาก็ไม่รู้จะว่าไง)



.
/

ฎีกาเป็นเรื่องของประชาชนหรือเป็นเพราะเอ็งเป่าหูกันแน่
.
ทักษิณเคยบอกว่า การถวายฎีกาฯเป็นเรื่องของประชาชน แต่ในความเป็นจริงทักษิณกลับเรียกร้องในการโฟนอินอยู่เสมอว่าให้ประชาชนร่วมกันออกมาลงชื่อถวายฎีกาให้มากๆ

ทักษิณเคยโฟนอินอ้อนคนชัยภูมิว่า

"อยู่ต่างประเทศรู้สึกเหงามาก แต่ก็ได้ใช้เวลาว่างศึกษาหาความรู้เพื่อจะกลับมาช่วยแก้ปัญหาของประเทศโดยเร็ว ถ้าประชาชนชาวชัยภูมิและทั่วประเทศช่วยกันเข้าชื่อถวายฎีกาให้มาก ๆ ก็จะได้กลับประเทศโดยเร็ว"

ทักษิณเป็นคนที่เริ่มจุดประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นครั้งแรกเมื่อตอนเสื้อแดงชุมนุมกันที่สนามกีฬารัชมังคลา และยังโฟนอินย้ำเรื่องนี้อีกหลายครั้ง จนกระทั่งลิ่วล้อวีระก็ตอบสนองคำสั่งนายใหญ่

หากเป็นเรื่องของประชาชนแท้จริง ทักษิณควรจะอยู่เฉยๆใช่มั้ย ไม่ใช่พยายามโฟนอินเป่าหูกรอกหูให้ประชาชนออกลงชื่อมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะหากประชาชนอยากทำให้จริงๆ ไม่ต้องร้องขอ เขาก็จะทำให้เองโดยมิต้องปากเปียกปากแฉะแบบที่ทักษิณและลิ่วล้อกระทำ

และทั้งๆที่พยายามอ้อนขอประชาชนแทบทุกวันแล้ว ก็ยังได้รายชื่อแค่3ล้านห้าเท่านั้น ไม่สมราคาที่เคยคุยไว้
.
ขำกลิ้งลิงดำกับแม้ว!!! (ลิง3ตัว! 1.เปิดปากเลียขอเงืนนาย 2.เปิดหูฟังนายสั่ง 3.แหกตาหลอกเงินนาย )

"
***********************
.
จากข่าวพระราชดำรัสของในหลวง
.
หลังจากนั้นแกนนำแดงก็ออกมา......
..
***********************
.
คำพูดของคนจัญไร
.

นายจตุพร สกุลจัญไรในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า

"คนเสื้อแดงมีหน้าที่ในการน้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติแต่คนที่ควรจะน้อมรับมากกว่าบุคคลอื่นคือรัฐบาล ซึ่งการที่รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความไม่ชอบธรรม มีการทุจริตคอร์รัปชั่นและให้กลุ่มผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญแทรกแซงระบบประชาธิปไตยของไทย จนกระบวนการประชาธิปไตยเกิดหายนะนั้น ถือว่าเป็นจุดที่ทำให้ชาติล่มจม

อย่างไรก็ตามคนเสื้อแดงพร้อมที่จะหยุด หากทุกฝ่ายหยุดและทำให้ประชาธิปไตยย้อนกลับไปสู่วันที่ 19 กันยายน 2549 โดยเฉพาะการทำให้กระบวนการยุติธรรม ไม่มีความเป็น 2 มาตราฐาน กลับไปจุดของความเสมอภาคเท่าเทียมกัน"


สรุปคำพูดเลวๆของจตุพรก็คือ
.
"พวกกูจะไม่หยุดก่อน หากพวกกูไม่ได้ตามที่พวกกูขอ!!"

.


.
.





วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์คำว่า"โกงแต่ให้ประชาชน"




ทักษิณโกงแต่ให้ประชาชนจริงแค่ไหน?

สืบเนื่องจากบทความก่อนๆตอน ติดสินบนประชาชน (อยากให้คุณผู้อ่านกลับไปอ่านเพื่อจะเข้าใจมากขึ้น)

แต่ในบทความตอนนี้ ผมจะพูดในส่วนของกลุ่มคนที่รักทักษิณกลุ่มที่เชื่อว่าทักษิณโก แต่คนกลุ่มนี้ก็ยืนยันว่า แม้ทักษิณจะโกงก็จะเลือกทักษิณ (อย่างน้อยคนรักทักษิณกลุ่มนี้ ก็มีความเห็นตรงกับผมอย่างหนึ่งก็คือ เชื่อว่าทักษิณโกงจริงๆ)

คนรักทักษิณกลุ่มนี้บอกว่า ทักษิณโกงก็จริง แต่ทักษิณก็โกงแล้วยังให้ประชาชนมากกว่าคนอื่น

ผมจะขออธิบายว่า ในความเป็นจริงแล้ว ที่ทักษิณโกงนั้น ไม่ได้เอาเงินส่วนที่ทักษิณโกงนั้นมาให้ประชาชนเลยครับ

เพราะเงินส่วนที่ทักษิณโกง ก็ยังเข้ากระเป๋าส่วนตัวของทักษิณและครอบครัวทั้งหมด แต่ส่วนที่ทักษิณให้ประชาชนกลับกลายเป็นเงินส่วนของชาติและประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งมาในรูปของนโยบายประชานิยม ไม่ใช่เงินส่วนที่ทักษิณโกงแล้วมาแบ่งให้ประชาชนสักหน่อย

จะขอยกกรณีนโยบายของทักษิณที่ผมและประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบก็คือ นโยบาย30บาทรักษาทุกโรคซึ่งเป็นนโยบายที่ดีมากของทักษิณ ทำให้คนไทยจำนวนมาก รวมทั้งผมด้วยในตอนนั้นชื่นชมทักษิณมากๆ

แต่ผมจะแสดงให้เห็นว่า ทักษิณโกงเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่คืนให้ประชาชนด้วยนโยบายดีๆ โดยไม่เกี่ยวกับส่วนที่ทักษิณโกงไปเลย ผมจึงขอ

ยกตัวอย่างที่ให้ภาพง่ายๆ เช่น งบประมาณประเทศประมาณ2ล้านๆบาทต่อปี จากสมมุติฐานที่ทักษิณโดนอังกฤษอายัดไปเกือบแสนห้าหมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าทักษิณยังน่าจะมีส่วนที่ไม่มีใครรู้ซ่อนที่อื่นอีก(เพื่อความไม่ประมาท)

สมมุติว่า ทักษิณโกงไปสัก3แสนล้านไปซ่อนไว้เมืองนอก(ซึ่งตัวเลขจริงอาจจะมากกว่านี้ก็ได้ และไม่น่าจะน้อยกว่านี้แน่ๆ) ก็น่าจะคาดการณ์ว่าทักษิณน่าจะโกงทั้งทางอ้อมจากงบประมาณประเทศหรือจะทางอ้อมจากนโยบายที่ทำให้ประเทศเสียประโยชน์เพื่อธุรกิจตนเอง

เอาเป็นว่าทักษิณอยู่ในตำแหน่งนายกฯ6ปี ถ้าโกงไป3แสนล้าน ก็เฉลี่ยทักษิณโกงไปปีละ5หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งทักษิณเอาเข้าประโยชน์ส่วนตนหมด แต่ที่คืนให้ประชาชนด้วยนโยบายดีๆ เช่น นโยบาย30บาทรักษาทุกโรคซึ่งอยู่ในงบประมาณพัฒนาประเทศในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข

ซึ่งงบประมาณในแต่ละปีของกระทรวงสาธารณสุข จะมีงบประมาณเพื่อโครงการ30บาทรักษาทุกโรคในปีแรกคือปี2544ที่ทักษิณเป็นนายกฯ มีงบประมาณเพียง 48,000บาทเท่านั้น!!!


เห็นไหมครับว่า งบประมาณโครงการ30บาทเพื่อประชาชนที่นอกระบบการรักษาจากรัฐเช่นระบบประกันสังคม หรือระบบราชการ ประชาชนทั้งประเทศต้องแบ่งปันกันใช้จากงบประมาณไม่ถึง50,000ล้านบาท ขณะที่ทักษิณโกงเฉลี่ยต่อปีตามที่ผมคาดการณ์อย่างต่ำที่5หมื่นล้านบาทต่อปี

สรุปง่ายๆว่า ทักษิณโกงชาติทั้งทางตรงและทางอ้อมไปปีละ5หมื่นล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ประชาชนทั้งประเทศหลายล้านคนได้ประโยชน์จากนโยบาย30บาทรักษาทุกโรค(ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเงินที่ทักษิณโกงไปแล้ว) ปีละแค่45,000ล้านบาทเท่านั้น

อย่างนี้จึงแสดงให้เห็นว่า ที่ทักษิณโกงไปมีมากกว่าส่วนที่คืนให้ประชาชนในรูปนโยบายเสียอีก ที่สำคัญส่วนที่คืนก็ไม่ใช่ส่วนที่ทักษิณโกงไปเลย แต่เป็นส่วนที่เหลือจากที่เขาโกงไปแล้วมาแบ่งปันให้ประชาชน!!!

(***ตอนโกงไม่มีใครรู้ เพราะกว่าจะรู้ก็ตอนที่ทักษิณโดนอายัดทรัพย์ทั้งหมด แต่ดันมีเงินไปซื้อสโมสรฟุตบอล และมีให้อังกฤษอายัด!!
.
*****************************

นโยบาย30บาทรักษาทุกโรค

ผมยอมรับว่า นี่คือนโยบายที่ถูกใจประชาชนที่สุดของทักษิณ ผมเองก็คือหนึ่งในประชาชนที่ชื่นชมนโยบายนี้ เพราะเห็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าข้อเสียที่มี ที่จะต้องพัฒนากันต่อไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด

นโยบายนี้ คนที่คิดระบบขึ้นมาไม่ใช่ทักษิณ แต่เป็นนายแพทย์สงวน นิตยารัมภาคือผู้คิดค้นขึ้น ซึ่งท่านได้เสียชีวิตแล้ว ท่านเคยนำนโยบาย30บาทนี้ไปเสนอพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน

แต่พรรคประชาธิปัตย์แม้จะเห็นด้วย แต่ปชป.เห็นว่ายังไม่มีความพร้อมในหลายด้าน (ก็มัวแต่รอให้พร้อมที่ไม่รู้เมื่อไหร่ ประชาชนคงตายไปหลายรอบเกิดแล้ว) เนื่องจากงบประมาณไม่พอ

แต่ทักษิณกล้าที่จะรับโครงการนี้ไว้ และนำมาหาเสียง และนี่คือจุดเด่นของทักษิณคือคิดแล้วก็ทำเลย ไม่ใช่มัวแต่เงอะงะ ปัญหามีก็ตามแก้กันไป

และเมื่อทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้กำเนิดนโยบาย30บาทรักษาทุกโรคขึ้น ซึ่งก็มีปัญหามากมายตามมาจริงๆ และปัญหาหนักมากๆ จนถูกครหาจากการบริการที่สุดแสนห่วยในปีแรกๆ

แต่เพราะได้บุคคลากรทางการแพทย์ทุกคนทั้งหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้องช่วยหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ตามแก้ไขปัญหาที่ตามมา จนโครงการไปได้ในที่สุด

มีคนรักทักษิณบางคนแสดงความเห็นเลวๆ แบบไร้ความรับผิดชอบว่า หมอ พยาบาลเกลียดทักษิณเพราะทักษิณเอา30บาทมาใช้ ทำให้หมอพยาบาลงานหนักมากขึ้น เลยเกลียดทักษิณ และผมคาดว่าคนที่แสดงความเห็นชั่วๆนี้ คงมีความคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริงน้อยมาก หรืออาจถึงขั้นจะนั่งเทียนคิดเองก็ได้เพียงเพื่อจะยกย่องทักษิณโดยเหยียบคนอื่น

ซึ่งผมว่าเป็นการแสดงความเห็นอยู่บนความเชื่อที่ชั่วช้ามาก แน่นอนหมอพยาบาลที่ไม่ดีพอที่ทนลำบากไม่ได้ ก็ลาออกไปแล้วจำนวนมาก ซึ่งก็ยิ่งไปเพิ่มภาระหนักอึ้งเพิ่มขึ้นกับหมอพยาบาลที่ยังเหลืออยู่ และยังไม่ยอมลาออกไปไหน
.
และหมอและพยาบาลที่เหลืออยู่แม้เหนื่อยขึ้นมาก แต่ไม่ลาออกไป คงเพราะทุกท่านมีจิตสาธารณะมากกว่าแค่ผลประโยชน์ส่วนตน (และหากใครเจอหมอเลวๆจริงๆ ก็อาจจะเป็นหมอใหม่ที่รอใช้ทุนหมดแล้วจะลาออกซึ่งคงไม่ใช่ส่วนใหญ่แน่ๆ)


และบุคคลากรทางการแพทย์ในส่วนที่เหลือนี่แหล่ะครับ คือผู้เสียสละตัวจริงที่พยายามหาหนทางช่วยให้โครงการ30บาทนี้อยู่รอดให้ได้บนงบประมาณจำกัดสุดๆ เพราะงบประมาณไม่พอจริงๆ
.akecity .s,jg,nv'gvd
หากไม่มีหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เสียสละเหล่านี้ เกิดไม่ยอมรับนโยบายทักษิณจริงๆ ทำแบบปล่อยให้โครงการมันเป็นไปตามยถากรรม โครงการนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จในระดับพอประมาณจนถึงทุกวันนี้ และคงไม่สำเร็จจนได้รับความชื่นชมจากประชาชนแบบทุกวันนี้

ต่อให้ทักษิณเก่งแค่ไหน ทักษิณก็ไม่มีทางทำสำเร็จได้หรอก ถ้าบุคคลากรทางการแพทย์ไม่ให้ความร่วมมือช่วยคิดช่วยทำให้สำเร็จ

ผมเคยอธิบายเหตุผลในเรื่องหมอกับโครงการ30บาทไปบ้างแล้วในเว็บสนุก แต่ก็ยังมีพวกแถชั่วๆบอกว่า ที่ผ่านมาตัวเองเจอแต่หมอชั่วๆ ไม่เคยเจอหมอดีๆเลย ที่จริงแค่เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วครับว่าเป็นความเห็นที่ตอแหลชุ่ยๆ

เพราะในความเป็นจริง หมอกับพยาบาลของไทยส่วนใหญ่เป็นคนดีที่เสียสละแน่นอนครับ ไม่งั้นประเทศไทยคงไม่ได้รับการยกย่องและเชื่อถือจากนานาประเทศว่า มีความเจริญทางการแพทย์ไม่แพ้ใครในเอเซีย

คนที่แสดงความเห็นชั่วๆ ที่ว่ามีหมอเลวเป็นส่วนใหญ่นั้นผมไม่ได้เข้าไปตอบอีก เพราะผมเห็นตอนกระทู้มันผ่านไปนานแล้ว และไม่อยากจะเสวนากับพวกโง่ชั่วเช่นนี้

แต่ถ้าผมจะตอบกลับคนคิดชั่วแบบนี้ ผมจะตอบไปแบบกวนๆกลับไปว่า ถ้าหมอส่วนใหญ่ในประเทศนี้เลวจริงๆอย่างที่เขาบอก

ผมก็จะย้อยถามกลับไปว่า แล้วทำไมคุณไม่ไปเรียนหมอเสียเองล่ะ ทำไมคุณไม่ส่งลูกหลานเรียนหมอล่ะ ทำไมญาติพี่น้องคุณไม่มีใครเป็นหมอเลยใช่มั้ย

น่าจะให้ญาติพี่น้องและครอบครัวส่งลูกหลานเหลนโหลนไปเรียนหมอนะ เผื่อคุณจะได้หมอที่ดีๆให้มากขึ้น

หรือคุณและญาติพี่น้องมันโง่ ถึงไม่มีปัญญาเรียนหมอกันแน่!!!

ถ้าผมตอบคนคิดชั่วๆแบบนั้น ก็คงต้องตอบแบบที่ผมยกตัวอย่างนั่นแหล่ะครับ พวกคิดเลวๆบางทีเหตุผลก็ไม่มีความหมายกับคนพวกนี้

*****************
.
ก่อนจบ...


ที่จริงตอนสมัยนโยบาย30บาท รักษาทุกโรค นั้นไม่ได้รักษาทุกโรคจริง เช่น โรคไตวายไม่เคยได้รับการสนใจ ยาดี ๆ มากมายที่ข้าราชการเบิกได้ แต่ 30 บาทรักษาทุกโรคไม่มีทางได้ใช้ นอกจากออกเงินเอง

ต่อมาสมัยรัฐบาลสุรยุทธ ก็ได้ยกเลิกการเก็บเงิน30บาท และโรคไตและโรคเรื้อรังอื่นๆอีกหลายโรคก็ได้รับยารักษาที่ดีขึ้นกว่าสมัยทักษิณมาก

(ผมไม่ได้จะบอกว่ารัฐบาลไหนเก่งกว่าดีกว่า แต่ผมเขียนไปตามเหตุผลจริงที่เกิดขึ้น เพราะนโยบายดีๆก็ต้องสานต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่! จะบอกนี่นโยบายข้าใครอย่าแตะ เพราะนั่นคือความเห็นแก่ตัวกว่าชาติ)

เพราะในสมัยทักษิณ ยาที่ได้มีแต่ยาที่ถูกๆ เพราะงบประมาณไม่พอ ได้แต่ยาที่ค่อนข้างไร้คุณภาพ เมื่อเทียบกับระบบประกันสังคม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระบบราชการ เพราะเทียบกันไม่ได้เลย

แต่พอในสมัยสรยุทธ การบริการและเพิ่มยาดีๆเข้าในบัญชีกลางได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น จนประชาชนยอมรับว่าดีพอใช้ได้ แต่เครดิตส่วนใหญ่ทักษิณก็ยังได้ไปเหมือนเดิม

ทั้งๆที่ทักษิณโยนปัญหาหนักในโรงพยาบาลและบุคลลากรทางการแพทย์ให้ตามแก้ปัญหาแท้ๆ แต่คนรักทักษิณโง่ๆ กลับไปเบิ่งตามองว่า คนที่สมควรได้รับคำยกย่องเช่นกันก็คือบุคคลากรทางการแพทย์นั่นเอง

แถมยังเสือกมีคนรักทักษิณหลายคนด่าหมอพยาบาลดีที่เหลือให้เสียอีก เลวจริงๆ มันเป็นพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ พวกนี้สงสัยเวลาป่วยคงป่วยหนักหาคนรักษาไม่ได้แน่ๆ เพราะกรรมของการคิดเลว

หมอและพยาบาลเขาที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลรัฐ ผมไม่เคยได้ยินใครเกลียดโครงการ30บาทเลย เพราะคนเกลียดทนอยู่ไม่ได้ลาออกไปหมดแล้ว

แต่ที่หมอพยาบาลส่วนใหญ่ขาเกลียดทักษิณก็เพราะ ทักษิณโกงและไม่ยอมรับผิด แถมยังเอาประชาชนมาทำร้ายสถาบันยุติธรรมของไทยอีก

ที่สำคัญทักษิณไปไกลกว่าคำว่าโกงแล้วครับ ไม่บอกก็รู้ว่าเรื่องอะไร!!!

เหตุผลอันนี้ต่างหากที่ทำให้หมอและพยาบาลรัฐต้านทักษิณ

ก็คงจะมีหมอและพยาบาลโรงพยาบาลของทักษิณล่ะมั้งที่ชอบทักษิณ (คงไม่ต้องบอกนะครับว่าโรงพยาบาลอะไร)

โอกาสหน้าหากผมเหลืออดอีก ผมจะไปต่อเรื่องนโยบายดีๆที่ผมชอบ แต่มีข้อเสียไม่แพ้กัน คือนโยบายปราบปรามยาเสพติดครับ หากจะเขียนก็เพราะคนรักทักษิณอ้างมั่ว ๆ นั่นเอง ไม่จำเป็นผมไม่อยากเขียนเลยจริงๆ
.
อ่านเรื่องการโจมตีองคมนตรี,กรณีเขายายเที่ยง

.
.

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ขอฎีกากับคดีที่ดินรัชดาของทักษิณ





ผมเคยเขียนไปแล้วกับคดีที่ดินรัชดากับคดีชิมไปบ่นไป แม้ผมไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ผมก็เข้าใจแบบที่ผมเข้าใจด้วยวิจารณญาณส่วนตัว ซึ่งแน่นอนแม้แต่นักกฎหมายแท้ๆเองก็ยังถกเถียงกันกับเรื่องนี้แบบไม่ตรงกัน เขาจึงต้องมีศาลไว้ตัดสินแทนไง ไม่งั้นยุ่งตาย
.
ผมจะขออธิบายคดีที่ดินรัชดาแบบบ้านๆง่ายๆ เพราะเขียนคราวที่แล้วมันดูยืดยาวไป อยากให้มันไม่ต้องไปหนักทางวิชาการมากนัก ไม่ต้องยกกฎหมายฉบับโน้นข้อนั้นข้อนี้มาอ้างให้มึน! แต่ขออธิบายตามความรู้สึกของตนเอง แบบชาวบ้านธรรมดาคนนึง ใครไม่เชื่อก็แล้วแต่

กฎหมายเอาผิดทักษิณเขาเขียนมาก่อนมีการปฏิวัติของคมช. ความผิดที่เกิดก็เกิดข้อถกเถียงก่อนที่จะมีคมช. กฎหมายปปช.ปี42 เขาห้ามให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นนายกฯหรือรมต.หรือรมช. และเมีย อย่าได้ไปซื้อขายทรัพย์สินจากหน่วยงานของรัฐเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น (แม้ทักษิณจะอ้างฟังขึ้นบ้างก็ตามว่า ถูกเผด็การใส่ร้าย แต่ทักษิณก็ไม่เคยบอกว่า ตรงไหน จุดไหนที่คตส.ใส่ร้ายว่าเป็นข้อมูลเท็จ)

แต่เมียทักษิณไปประมูลซื้อที่ดินจากหน่วยงานรัฐคือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กับปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานและรองกรรมการบริหารอยู่

ซึ่งทั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกับรองปลัดกระทรวงการคลังนี้ ก็สามารถโดนรมต.คลังสั่งปลดสั่งย้ายได้ และนายกฯก็สามารถสั่งปลดรมต.คลังได้ ทำให้นายกฯจึงมีอำนาจควบคุมแบบอ้อมๆกับหน่วยงานกองทุนฟื้นฟูนี้ ซึ่งอาจทำให้ข้าราชการเกรงใจเมียนายกฯไปด้วย ซึ่งอาจถูกครหาว่าไม่เป็นธรรมแก่ผู้ร่วมเข้าประมูลรายอื่นได้ (กฎหมายเขาถึงห้าม)

ที่สำคัญกองทุนฟื้นฟูฯ ก็ได้รับเงินอุดหนุนจจากรัฐบาล จึงถือว่าเป็นหน่วยงานประเภทหนึ่งของรัฐ แม้จะมีการจัดการไม่เหมือนระบบข้าราชการก็ตาม

ในฐานะที่ทักษิณเป็นนายกฯ ที่มีอำนาจให้คุณให้โทษแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ทักษิณจึงต้องคอยกำกับตรวจสอบเมียไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกรรมในทรัพย์สินของรัฐ เพราะจะถือเป็นความผิดฐานปล่อยปละละเลยในฐานะสามีและนายกฯที่ต้องมีความรับผิดชอบทางจริยธรรมสูงกว่าคนทั่วไป

เมียทักษิณไปซื้อไม่ผิดหรอกครับ แต่คนที่ผิดก็คือทักษิณ เพราะไม่ดูแลเมียตัวเองให้ดี ปล่อยให้ไปซื้อในสิ่งที่เขาห้าม
.
ถ้าจะบอกว่าเมียทักษิณไม่ผิดกฎหมายที่ไปซื้อที่ดินก็ถูกต้อง !!

เพราะเมียทักษิณไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะกฎหมายนี้เขามีไว้สั่งให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรจะดูแลคนใกล้ชิดไม่ให้ไปทำ หรือมีไว้เล่นงานผู้ดำรงตำแหน่งโดยเฉพาะ

ในเมื่อทักษิณในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ดูแลเมียตัวเองให้ดี ปล่อยให้เมียไปซื้อ จึงถือว่าทักษิณผิดครับ ที่บกพร่องในหน้าที่สามีที่ดำรงตำแหน่งสำคัญ

มันเป็นความผิดเชิงจริยธรรมนั่นเอง(เรื่องทุจริตในหน้าที่หรือไม่นั้นยังเป็นแค่ประเด็นรอง) ซึ่งก็คล้ายๆคดีซุกหุ้นภาค1 ที่ทักษิณก็อาจอ้างได้ว่า ตัวเองเป็นนักธุรกิจไม่ค่อยมีความเข้าใจในเรื่องกฎหมายดีพอ จึงไม่มีเจตนาทำผิด หากจะผิดก็เพราะบกพร่องโดยสุจริต

ซึ่งตอนนั้นก็มีคำครหาต่อศาลเหมือนกันว่า ตัดสิน2มาตรฐานหรือไม่? ซึ่งตอนนั้นทักษิณก็บอกว่า ศาลยุติธรรม (เวลาตนได้ประโยชน์ศาลก็ยุติธรรม!! แต่หากตนเสียประโยชน์ศาลไม่ยุติธรรม!?)

คราวคดีที่ดินรัชดานี้ทักษิณเป็นนายกฯมาหลายปีแล้ว หากจะมาอ้างว่าบกพร่องโดยสุจริตอีกก็คงฟังไม่ขึ้น

คดีที่ดินรัชดานี้ หากเปรียบเทียบคล้ายๆคดีเมืองนอก เช่นพ่อแม่ที่ปล่อยปละละเลยให้ลูก8ขวบไปขับรถทั้งๆที่ลูกไม่มีใบขับขี่ เพราะอายุไม่ถึง ลูกไม่มีความผิดเพราะยังเด็ก แต่พ่อแม่ผิดเพราะไม่ดูแลลูกให้ดีเป็นต้น
.
ทักษิณจึงผิดที่ไม่ควบคุมเมียให้ดีไม่แนะนำสิ่งที่ถุกต้องให่เมียเข้าใจ!!! ว่ามึงอย่าไปซื้อนะ เพราะมึงจะทำกูผัวมึงเดือดร้อน!!!!
.
คงคล้ายๆคดีอดีตปธน.เกาหลีใต้นายโนห์ มูเฮียน ที่โดดหน้าผาฆ่าตาย เพราะเมียกับลูกไปรับสินบนโดยที่ตัวเองไม่รู้ ในฐานะที่เป็นถึงอดีตปธน.เกิดความละอายที่ตัวเองไม่ดูแลเมียให้ดี จึงยอมตายเพื่อชดใช้ความบกพร่องของตนในฐานะสามี และพ่อ และในฐานะเคยเป็นถึงประธานาธิบดี
.
(กฎหมายเกาหลีเขาไม่เหมือนของเราครับ ของเขาอดีตผู้นำละอายใจและมีสำนึกผิดในความบกพร่องในหน้าที่ตนเอง โดยไม่ต้องรอให้ศ่าลต้องตัดสิน แต่ของไทยต้องขึ้นศาลเท่านั้น ไม่งั้นไม่เคยสำนึก หรือแม้ศาลตัดสินแล้ว ก็ยังมีคนไม่สำนึก)

แต่กรณีทักษิณเป็นบุคคลสำคัญที่ต้องเป็นแบบอย่างแก่ประชาชน แม้ผิดดูจะไม่มากนัก (หากทักษิณบอกไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เมียไปทำจริง) แตในความรับผิดชอบของคนเป็นนายกรัฐมนตรีย่อมต้องสูงกว่าคนทั่วไป

แต่ในความเป็นจริง ทักษิณอ้างฟังไม่ขึ้นครับที่ว่า ไม่รู้ไม่เห็นว่าเมียจะไปซื้อที่ดินแห่งนี้ เพราะภายหลังคำตัดสิน ก็มีหนึ่งในทีมทนายความของทักษิณออกมาพูดว่า เคยเตือนทักษิณแล้วว่าอย่าไปเสี่ยงซื้อที่ดินแห่งนี้เลย เพราะอาจมีปัญหาภายหลังได้ เพราะปัญหาการตีความยังไม่มีความไม่แน่ชัด

ทักษิณก็เลยไปถามข้าราชการที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบดูว่า สามารถซื้อได้หรือไม่ ซึ่งข้าราชการสอพลอก็เลียนาย บอกทักษิณไปว่า "ซื้อได้ครับท่าน" จึงทำให้เมียทักษิณตัดสินไปประมูลซื้อ

ผมมองแบบชาวบ้านๆว่า เมื่อเห็นกฎหมายเขาห้ามซื้อทักษิณก็ไม่ควรไปเสี่ยงซื้อ แม้จะมีข้อกังขาว่า กองทุนฟื้นฟูจะถือเป็นหนาวยงานรัฐหรือไม่? ถามคนโน้นบอกไม่ใช่ แต่ถามคนนี้กลับบอกว่าไม่แน่
ถ้าทักษิณไม่ประมาทก็ไม่ควรไปยุ่งเลยกับที่ดินแห่งนี้เลย รวยจะตายอยู่แล้ว ปล่อยทิ้งไปสักแห่งขนหน้าแข้งคงไม่ร่วง

แล้วยังมีเรื่องมาแก้กฎหมายเรื่องอาคารสูงให้สร้างตึกสูงได้ในภายหลังอีก และแม้จะยังไปขัดกับกฎหมายของกทม.อยู่ก็ตาม ยิ่งสมัยนั้นทักษิณก็มีเสียงส่วนใหญ่ของสก. ในสภากทม. ทำให้หลายคนเขาอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน อาจจะมีไปสั่งลูกน้องให้แก้กฎหมายกทม.ให้รองรับกันหรือไม่?

ฉะนั้นหากคิดแบบชาวบ้านๆแบบผม ทักษิณจึงผิดครับ เพราะเขาห้ามเมียไปซื้อ ก็ยังปล่อยเมียไปซื้อ จึงผิดครับ ผมตัดสินแบบที่ผมคิดไปก่อนจะมีคมช.หรือโดยไม่ต้องรอศาลจะตัดสิน ผมตัดสินในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่มองแบบกลางๆทั้งๆที่ผมเองก็เคยเลือกทักษิณถึง2ครั้งในสมัยทรท.

ซึ่งประชาชนคนรักทักษิณเขาย่อมตัดสินในแบบของพวกเขา อันนี้เป็นสิทธิของทุกคนที่มีสิทธิจะเชื่อและจะคิด

*****************************

ทักษิณและคณะฯเลื่อนวันหยุดปีใหม่?? (อ้างจากวิกิพีเดีย)

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 คณะรัฐมนตรีมีมติเลื่อนวันหยุดปีใหม่ จากวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันที่ 2 มกราคม โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ประชาชนได้หยุดยาวตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 มกราคม พ.ศ. 2547

ซึ่งส่งผลให้การซื้อขายที่ดินรัชดา สามารถดำเนินการได้ทันในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และเสียค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน เฉพาะกรณีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในอัตราลดหย่อน เพียง 0.01% ที่มีผลใช้บังคับถึงสิ้นปี พ.ศ. 2546

แต่ต่อมาในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2546 กรมที่ดินได้ขยายระยะเวลาใช้อัตราลดหย่อน ไปอีก 1 ปีจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2547 (ซึ่งอาจต่ออายุกฎหมายเพื่อทำให้ที่ดินรัชดาที่ได้ของเมียมาดูชอบธรรมมากขึ้น เพราะช่วงที่เมียทักษิณโอน ยังไงๆก็แก้กฎหมายไม่ทันการแล้ว)

******************************

ถ้ายอมรับผิดซะ คงไม่ยุ่งแบบนี้

ผมเชื่อส่วนตัวนะครับว่า หากคดีนี้ทักษิณลดอัตตาลงสักนิด ยอมรับผิดโดยดี ผมเชื่อว่าศาลคงเมตตาลดโทษให้ทักษิณบ้าง

เช่น จำเลยเคยสร้างคุณงามความดีมามาก ประกอบกับสำนึกในความผิดที่ได้ทำ และจำเลยไม่เคยต้องโทษอาญามาก่อน ศาลจึงเห็นควรให้จำเลยได้รับการรอลงอาญาเป็นเวลา2ปีแทน

เพราะขนาดคดีซื้อเสียงของเนวิน ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ ก็ยังได้รับความเมตตาจากศาลให้รอลงอาญาเลย

ถ้าทักษิณยอมรับผิดซะ ไม่ดื้อ ก็คงไม่ต้องมาให้ประชานต้องมาลงชื่อถวายฎีกาแบบนี้

ที่ผ่านมาการถวายฎีกาของประชาชนที่เดือดร้อน เช่นประชานผู้ถวายขอฯมีปัญหาปากท้อง มีปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ การขอถวายฎีกาช่วยเหลือ ก็เป็นเรื่องเฉพาะตน ของใครของมันมาตลอด เป็นการขอพระราชทานความช่วยเหลือโดยตรงเท่านั้น

คนเสื้อแดงอ้างว่า ตนเองเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจความเป็นอยู่ขัดสน แทนที่จะขอให้ในหลวงพระราชทานทรัพย์ช่วยเหลือตน หรือพระราชทานรับเข้าในพระบรมราชานูปถัมป์ หรือพระราชทานโครงการหลวงไปช่วยเหลือให้ทำมาหากินได้ แต่กลายเป็นว่า

คราวนี้ กลับกลายเป็นว่า ตนเองขัดสน จึงขอให้ในหลวงช่วยทักษิณพ้นคุก?!? ผมว่าดูมันทะแม่งๆจริงๆ กลายเป็นการขอพระราชทานโดยอ้อมไปไกล

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ
@..อย่างงั้นต่อไปคงมีพ่อแม่ที่มีลูกคนเดียวเลี้ยงดู แต่ลูกหนีคุกหนีคดี ไม่ไปติดคุก พ่อแม่ลำบากมากไม่มีลูกคอยดูแล เลยมาขอพระราชทานอภัยโทษให้ลูกไม่ต้องติดคุกกลับมาดูแลพ่อแม่ได้มั้ง? 555!!
.
@..หรือต่อไปอาจมีเมียมาถวายฎีกาของพระราชทานอภัยโทษช่วยให้ผัวที่กำลังหนีคดีปล้นทองที่อ้างว่าทำไปเพื่อหาเงินมาซื้อนมให้ลูก โดยเมียจะอ้างว่า ลำบากมากที่ไม่มีใครหางินซื้อนมให้ลูกกิน ขอพระราชทายอภัยโทษให้ผัวไม่ต้องติดคุก? 555!!
"
( แต่2ตัวอย่างที่ผมลองยกให้เห็นเล่นๆ ก็ยังเป็นการขอพระราชทานอภัยโทษโดยตรงจากพ่อแม่เมียลูกของนักโทษนะครับ )
.
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทักษิณก็ยังเหลือคดีค้างอีกหลายคดีรออยู่ ซึ่งทักษิณอ้างง่ายๆว่า ตนถูกเผด็จการใส่ร้าย ก็ฟังขึ้นอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะคนรักทักษิณเขาพร้อมเชื่อข้ออ้างนี้ทันที (แต่ทักษิณไม่เคยลงรายละเอียดว่ามีหลักฐานอะไรที่คตส.สร้างขึ้นเพื่อใส่ร้ายตน)

สรุปง่ายๆก็คือ คมช.สร้างเหตุให้ทักษิณมีข้ออ้างง่ายๆที่อ้างแล้วฟังขึ้นซะด้วย!! ทั้งๆที่หลักฐานเอาผิดของจริงทั้งนั้น และหลักฐานที่คตส.นำมาสอบสวนก็เป็นคดีที่ทักษิณทำไว้อยู่แล้ว บางคดีก่อนคมช.เกิดตั้งนาน!!!!
.
(แม้จะถูกมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการก็ตาม แต่ถึงยังไงรัฐธรรมนูญปี50 ก็ยังเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกและฉบับเดียวของไทยตอนนี้ที่มีการลงประชามติรับรองจากประชาชน)



วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ชนชั้นในจิตใจ



[ Click Me ]

วันนี้ขอเขียนเรื่องสบายๆง่ายๆครับ
.
เมื่อตอนตี2 ตื่นขึ้นมาเจอละครจีนไต้หวันเรื่องรักใสๆหัวใจ4ดวง ภาค2 ซึ่งผมก็ไม่เคยดูมาก่อน แต่ผมก็หายง่วงแล้ว เลยเปิดทีวีดูแก้เหงา เผื่อจะง่วงอีกที

ละครจีนเรื่องนี้ถึงตอนที่พระเอกต้องกลับไปนิวยอร์คกับแม่ และแม่ที่ดูเจ้าระเบียบหยิ่งผยอง ถือตัวว่ารวย ก็สั่งพระเอกว่า อย่ากลับไปคบพวกชนชั้นต่ำอีก!!! (คงหมายถึงเพื่อนๆพระเอกที่ไต้หวัน)

และแม่ของพระเอกก็ยังมีฝรั่งเป็นขี้ข้า เอ้ย! เป็นคนรับใช้ ทั้งคนขับรถ คนรับใช้สนิท แม่บ้านที่ดูแลบ้านเป็นฝรั่งทั้งนั้น และละครเขาแสดงให้เห็นว่า ฝรั่งทำตัวเป็นขี้ข้าชั้นดี เอ้ย! อย่างกับเป็นคนรับใช้ของผู้ดีอังกฤษอะไรปานนั้น เพราะเครื่องแต่งกายบ่งบอกฐานะทันทีว่า เป็นคนรับใช้ที่แสนจะเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายผู้ร่ำรวย (ซึ่งในเรื่องก็คือคนจีนเป็นเจ้านายฝรั่ง)

ที่จริงในหนังญี่ปุ่นหลายๆเรื่อง ที่เจ้าของบ้านเป็นคนรวย ก็จะมีคนรับใช้ก็จะแต่งกายแบบคนรับใช้ฝรั่ง ทำอะไรดูมีระเบียบเรียบร้อยมีพิธีรีตรองแบบผู้ดีอังกฤษหรือผู้ดีฝรั่งเศสในเวลารับประทานอาหาร เจ้านายก็ดูจะคนละชนชั้นกับคนรับใช้เช่นกัน

ผมดูละครทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาก็พอสมควร แต่ช่วงหลังๆก็มักจะเป็นละครเกาหลีเสียมาก ละครเกาหลีก็มีน้ำเน่าบ้างคล้ายละครไทย แต่ก็ไม่มากเท่าละครไทย ส่วนละครญี่ปุ่นจำไม่ได้ว่าเคยดูละครน้ำเน่าบ้างหรือเปล่า คิดไม่ออกจริงๆ

แต่ในละครทุกๆชาติ ที่กล่าวมา ก็ยังมีการเหยียดหยามกันเรื่องฐานะและความแตกต่างทางสังคมอยู่ทุกชาติ

มีการดูถูกคนจนกว่า มีการดูถูกฐานะของคนที่ต่ำกว่า ยิ่งเกาหลี ผมยิ่งได้เห็นบ่อยเพราะได้ดูบ่อยสุดในช่วงหลังๆ ประเภทแม่ผัวเกลียดนางเอกที่จนแสนจนกว่าพระเอก เห็นมาหลายเรื่องจริงๆ ที่แม่ผัวด่านางเอกว่าเป็นคนละชั้นกับตัวเอง เป็นชนชั่นต่ำ จะกีดกันกันสุดฤทธิ์

แถมละครเกาหลีก็ยังแสดงให้เห็นว่ายังมีการดูถูกทางเชื้อชาติในสังคม เช่นสาวเวียตนามไปแต่งงานกับชายเกาหลี ก็จะโดนดูถูกเป็นต้น

กระนั้นนอกจากเรื่องการดูถูกทางชนชั้นแล้ว วัฒนธรรมเจ้านายกับลูกน้อง โดยเฉพาะเกาหลีกับญี่ปุ่นนี่ ดูแล้วเจ้านายเปรียบเสมือนท่านโชกุนผู้มีอำนาจล้น ส่วนลูกน้องก็ดูเป็นทาสรับใช้ที่แสนเชื่อง ที่ต้องกลัวและเชื่อฟังเจ้านายยิ่งกว่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าเสียอีก

เวลาเจ้านายเดินผ่าน ลูกน้องต้องก้มหัวแบบนอบน้อมสุดๆ แถมนอกเวลาทำงานแล้ว ก็ยังไม่วายกลัวเจ้านายยิ่งกว่ากลัวเสือซะปานนั้น

แม้ทั้งเกาหลี หรือไต้หวัน หรือจะญี่ปุ่นก็ตาม โดยเฉพาะเกาหลีใต้กับไต้หวัน ถึงแม้จะเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีก็ตาม แต่ในส่วนลึกของจิตใจคนเราแล้ว คำว่าการแบ่งชนชั้นก็ยังอยู่เสมอในใจไม่หายไปไหน

แม้แต่ในหนังอเมริกาเอง ก็ชอบสร้างประเภท นางเอกจากคนธรรมดากลายเป็นคนรวยในพริบตาประเภทซินเดอเลล่า หรือนางเอกกลายเป็นเจ้าหญิงเพียงข้ามคืน
.
ดาราฮอลลีวู้ดดังๆรวยๆ หรือศิลปินระดับโลกรวยๆหลายคน ก็ทำตัวอย่างกับมหาราชาหรือมหาราณีอะไรปานนั้น จนดูบางครั้งเหมือนเรื่องมาก บางครั้งมากเสียจนอดคิดไม่ได้ว่า เว่อร์หรือต๊องกันแน่!?

สรุปง่ายๆก็คือ ส่วนลึกจิตใจอยากจะเป็นชนชั้นสูงกันหรือเป็นถึงเจ้าเลยยังมีในแทบทุกประเทศ เกาหลีก็ชอบเหลือเกินที่สร้างละครประเภทเจ้าหญิงเจ้าชาย หรือไต้หวันก็ชอบสร้างละครประเภทคุณชายคุณหนูผู้สูงศักดิ์ทายาทมหาเศรษฐีร่ำรวย

แต่นิสัยคนไทยดั้งเดิม ไม่กล้าจะคิดไปไกลเรื่องสูงส่งถึงชั้นอยากเป็นเจ้าหรอกครับ เพราะเดี๋ยวเหามันจะกินกระบาล แค่อยากเป็นคนรวยมีหน้ามีตา แต่ขอรวยแบบทันใจก็ยิ่งดี

วันนี้หวยรัฐบาลออก ไปซื้อกันหรือยังครับ ความฝันความหวังชั่วข้ามคืนทุกครึ่งเดือน
.
อ่านมองอเมริกาต้องฉุกคิด
.
อ่านประชาธิปไตยคือความไม่เท่าเทียมกัน
.akecity
อ่านประชาธิปไตยชวนเชื่อ
.
*************************


ฝรั่งมาเป็นชาวนาไทย

แม่ผมเล่าให้ฟังว่า วันก่อนได้ดูรายการอะไรแม่ก็จำไม่ได้ แต่แม่ผมเล่าว่า รายการเขาไปสัมภาษณ์ฝรั่งที่มาเป็นชาวนาที่ไทย และใช้ชีวิตแบบพอเพียงเรียบง่าย และปลูกพืชแบบผสมผสานหมุนเวียนแบบเกษตรทฤษฎีใหม่

ผมอยากจะหาดูย้อนนะ แต่ไม่รู้รายการอะไร เพราะเเม่บอกจำไม่ได้! หากข้อมูลบกพร่องอย่างไรขออภัย!

แม่เล่าว่า ฝรั่งคนนี้เป็นคนอังกฤษ เขาบอกว่าตอนอยู่อังกฤษทำงานได้เงินเดือนเหมือนคนทั่วๆไป แต่ก็ไม่สามารถมีบ้านอยู่เป็นของตัวเองได้เลย เพราะราคาบ้านที่อังกฤษแพงมาก ต้องคนรวยจริงๆเท่านั้นถึงจะมีปัญญาซื้อบ้านเป็นหลังๆได้

เขาต้องอยู่ห้องเช่าเล็กๆแคบๆ แต่พอเขามาเมืองไทยมาพบรักกับสาวไทย ซึ่งต่อมาเขาได้แต่งงานด้วย ตอนแรกสาวไทยได้พาเขากลับไปเยี่ยมบ้านพ่อบ้านแม่ที่ต่างจังหวัดทางอีสาน

ซึ่งก่อนไปแฟนสาวไทยก็บอกเกริ่นๆไว้แก่ฝรั่งคนนี้ไว้ก่อนว่า ที่บ้านยากจนไม่ค่อยจะมีอะไร แต่พอไปถึงบ้านสาวจริงๆ ฝรั่งคนนี้ถึงกับอึ้งเลยครับ และบอกว่า นี่หรือไม่มีอะไร ที่บ้านเธอก็ใหญ่กว่าห้องพักของฉันที่อังกฤษตั้วเยอะ แถมใหญ่โตกว้างขวาง(คงหมายถึงที่นาที่ไร่ของบ้านปฟนสาว)

และในที่สุดพวกเขาก็แต่งงานกัน เขาบอกว่าเขารักเมืองไทยและอยากอยู่เมืองไทยตลอดไป

**************************
.
ประชาธิปไตยลูกหนี้คอมมิวนิสต์
[ Click Me ]

ขณะนี้ คนอเมริกันจะเป็นหนี้ประเทศจีน เฉลี่ยคนละประมาณ4,000เหรียญสหรัฐครับ ประเทศประชาธิปไตยแท้ๆกลายเป็นหนี้จีนแล้วจ้า
.
ทุนนิยมแบบประชาธิปไตยแพ้ทุนนิยมแบบคอมมิวนิสต์แล้วหรือไฉน?
.
.
อ่านทักษิณไม่ใช่นักประชาธิปไตย

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

นโยบายน้ำมันของไทยห่วยจริงๆ





ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว น้ำมันแพงกับผลงานรัฐบาลมาร์ค6เดือน
.
.
ก่อนอื่นขอเท้าความกลับไปสักหน่อยว่า ทำไมไทยต้องอ้างอิงราคากลางน้ำมันสำเร็จสิงคโปร์+ค่าขนส่งน้ำมัน+ค่าประกันภัยการขนส่งจากสิงคโปร์มาไทย +ภาษี +เงินกองน้ำมัน  = ราคาค่าน้ำมันหน้าโรงกลั่น(ก่อนบวกภาษีและค่าอะไรต่างๆ)
.
เพราะในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน ไทยเราต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิดจากสิงคโปร์ทั้งหมด เพราะไทยเรายังไม่มีโรงกลั่นของตัวเอง
.
ทีนี้พอเราเริ่มพบแหล่งน้ำมันดิบในประเทศของเราเอง เราจึงมีความจำเป็นต้องสร้างโรงกลั่นน้ำมันขึ้นเพื่อรองรับแหล่งน้ำมันดิบของเราเอง
.
และเมื่อไทยอยากจะมีโรงกลั่นเอง แต่ตอนนั้นรัฐบาลไทยยังเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างยากจนรัฐบาลเราก็ต้องจูงใจให้บริษัทน้ำมันอยากจะมาลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำขึ้นในประเทศไทย

รวมทั้งโรงกลั่นของ ปตท.เอง ก็ต้องกู้เงินจากต่างชาติและรวมถึงเงินภาษีของชาติมาสร้าง ปตท. จึงต้องหาทางใช้หนี้คืนไวไว

ไทยเราจึงกำหนดว่า ให้โรงกลั่นน้ำมันที่อุตส่าห์เมตตามาตั้งโรงกลั่น ได้ตั้งราคาให้สูงเท่ากับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ขายในสิงคโปร์ บวก ค่าขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์มาไทย บวก ค่าประกันภัยขนส่ง เพื่อจะได้ค่าการกลั่นที่สูงเท่าราคากลางน้ำมันสำเร็ขรูปที่สิงคโปร์ เพื่อที่โรงกลั่นน้ำมันที่มาลงทุนในไทยจะได้คืนทุนโดยเร็ว และคุ้มค่าที่จะลงทุนสร้างโรงกลั่นในไทย
.
แต่นั่นมันก็เป็นนโยบายส่งเสริมการลงทุนเมื่อหลายสิบปีก่อน

แต่เดี๋ยวนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เพราะโรงกลั่นส่วนใหญ่ก็คืนทุนกันหมดแล้ว ที่สำคัญ ปตท. บริษัทน้ำมันของรัฐบาลไทย ก็ได้เข้าถือหุ้นใหญ่ในโรงกลั่นไทย 5 โรง จากทั้งหมด 6 โรง

โรงกลั่นน้ำมันที่ ปตท. ถือหุ้น มี 5 โรงดังนี้ 
ไทยออยล์ 49.1%
PTTGC 48.9%
IRPC 38.5%
SPRC 36.0%
BCP 27.2%

มีเพียงโรงกลั่นของเอสโซ่เท่านั้น ที่ ปตท. ไม่ได้ถือหุ้นอยู่ด้วย

แต่ทุกวันนี้ โรงกลั่น ปตท. ก็ยังอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ + ราคาค่าขนส่งน้ำมันจากสิงคโปร์มาไทย + ค่าประกันภัยเช่นเดิม (บวกภาษีไทยและเงินเข้ากองทุนน้ำมัน)  = ราคาหน้าโรงกลั่น เหมือนเดิม
.
ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง ไทยไม่ได้ซื้อน้ำมันสำเร็จจากสิงคโปร์และไม่มีการขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์มานานแล้ว

เพราะไทยเราซื้อน้ำมันดิบจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบโดยตรงเพื่อนำมากลั่นเอง

ฉะนั้นตัวเลขค่าการกลั่นอ้างราคาน้ำมันสำเร็จจากสิงคโปร์+ค่าขนส่ง+ค่าประกันภัยการขนส่ง จึงเป็นเพียงค่าสมมุติ เพราะค่าขนส่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงนำมารวมอยู่ในค่าน้ำมันหน้าโรงกลั่นของ ปตท. ด้วย

ก็เข้าใจนะที่ต้องอ้างราคาตลาดกลางสิงคโปร์ แต่ปตท.ควรเลิกอ้างโดยบวกค่าขนส่ง(ค่าสมมุติ) บวก ค่าประกันภัย (ค่าสมมุติ) จากสิงคโปร์ได้แล้ว
.
ถามว่ามันยุติธรรมหรือไม่ครับ ที่คนไทยซื้อน้ำมันแพงเท่ากับซื้อน้ำมันจากสิงคโปร์บวกค่าขนส่งบากค่าประกัน?
.
เพราะเมื่อมีการกลั่นน้ำมันดิบ เราก็จะได้ทั้งน้ำมันดีเซล และเบนซินออกมาพร้อม ๆกัน แต่น้ำมันดีเซลไทยเราใช้เยอะมาก ในขณะที่น้ำมันเบนซินไทยใช้น้อยมาก จึงทำให้ทุกครั้งที่มีการกลั่นน้ำมันดิบ เราจะมีน้ำมันเบนซินเหลือใช้มากกว่าดีเซลจำนวนมาก ซึ่งโรงกลั่นของไทยก็จะกลั่นน้ำมันให้ได้มากกว่าจำนวนความต้องการในประเทศ เพื่อเป็นการลดค่าโสหุ้ยของการกลั่น
.
แล้วน้ำมันที่เราผลิตเหลือใช้ เราเอาไปไว้ไหน?
.
เราก็ส่งน้ำมันที่เหลือใช้ก็ส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้านไทยทั้งหลาย เช่น เขมร ลาว

แต่รู้มั้ยครับว่า ไทยเราขายน้ำมันสำเร็จรูปให้เพื่อนบ้านในราคาเท่ากับหรืออาจน้อยกว่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ด้วย

เพราะราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ไทยขายประเทศเพื่อนบ้านแถวนี้ ไม่ใช้สูตรเดียวกัยที่ขายให้คนไทย แปลง่าย ๆ ว่า ปตท. ขายน้ำมันสำเร็จรูปให้ประเทศเพื่อนบ้านเราถูกกว่าซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ ก็เพื่อจูงใจให้เพื่อนบ้านหันมาซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากไทยมากกว่าไปซื้อจากสิงคโปร์ เพราะซื้อจากไทยจะประหยัดค่าขนส่งในระยะทางที่ใกล้กว่า


ที่สำคัญคือ โรงกลั่นน้ำมันผลิตได้ทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินออกมาพร้อม ๆ กัน แต่เพราะน้ำมันดีเซลมีการใช้ในประเทศเราเองในปริมาณที่สูงมาก ทำให้บางครั้งโรงกลั่นน้ำมันของไทยจึงมีน้ำมันเบนซินเหลือเกินความต้องการในประเทศ ทำให้ต้องส่งออกน้ำมันเบนซินให้ประเทศเพื่อนบ้านในราคาส่งที่ถูกกว่าปกติ อาจถูกกว่าต้นทุนที่ขายน้ำมันให้บริษัทน้ำยี่ห้อต่าง ๆ ที่ขายปลีกในประเทศไทยด้วยซ้ำ

.
สรุปง่าย ๆ ก็คือ ต้นทุนน้ำมันหน้าโรงกลั่นที่ขายให้คนไทยแพงกว่าขายให้ประเทศ เขมร ลาว พม่า เวียดนาม หรือพูดให้ง่ายเข้าไปอีกก็คือ ประเทศ ลาว เขมร พม่า เวียดนาม ซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นไทยถูกกว่าที่ขายให้คนไทยซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่น ปตท. เอง 

สะใจดีมั้ยครับคุณผู้อ่าน!!
..
อีกอย่าง การมีน้ำมันดิบบางส่วนที่ไทยเราขุดเจาะได้เองในประเทศ ซึ่งเป็นทรัพยากรของคนทั้งชาติ แต่ ปตท. และรัฐบาลไทยกลับไม่เคยนำต้นทุนน้ำมันของไทยเราเองมาใช้เป็นส่วนลดราคาน้ำมันให้คนไทยเลยสักนิด เพื่อให้ต้นทุนน้ำมันดิบของไทยถูกลงกว่าราคาน้ำดิบโลก จริงไหม ??

เพราะน้ำมันดิบที่ไทยผลิตได้เอง คิดเป็นประมาณ 15 % ของการบริโภคน้ำมันของคนไทย และนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศประมาณ 85 %

แล้วเราจะขุดน้ำมันดิบของเราขึ้นทำไม สู้เก็บไว้ในแผ่นดินก่อน แล้วยังซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์เหมือนเดิมไม่ดีกว่าเหรอ

เพราะยังไง ๆ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่เรากลั่นเองก็ไม่ได้มีราคาถูกกว่าราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์อยู่แล้วนี่นา จริงไหม ?
.
------------------

ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น ปตท. ที่ยุติธรรม ควรเป็นเช่นไร

สิ่งที่ควรเป็นเพื่อความยุติธรรมสำหรับคนไทย คือ ปตท. ควรนำราคาน้ำมันดิบอิงราคาตลาดโลก บวก ค่าขนส่งและค่าประกันภัยการขนส่งน้ำมันดิบจากประเทศผู้ผลิตจริง ๆ บวก ค่าการกลั่นที่แท้จริงในไทย บวกภาษีรัฐไทย บวกกองทุนน้ำมัน มาเป็นราคาขายหน้าโรงกลั่นของ ปตท.

จริงไหม ?

ไม่ใช่นำเอาราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ บวก ค่าขนส่ง(หลอก ๆ)น้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ บวก ค่าประกันภัยการขนส่ง(หลอกๆ)น้ำมันสำเร็จรูปมาเป็นราคาหน้าโรงกลั่นของ ปตท. เหมือนเช่นที่ทำอยู่ทุกวันนี้

กรณีน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เมื่อคิดค่าขนส่งมาไทย มันจะมีต้นทุนแพงขึ้น เพราะราคาน้ำมันสำเร็จรูปมีราคาแพงกว่าราคาน้ำมันดิบ จึงต้องมีค่าประกันภัยการขนส่งที่แพงกว่าการประกันภัยการขนส่งน้ำดิบด้วย

โรงกลั่นน้ำมันในไทย จึงควรยกเลิกการใช้ค่าขนส่งและการประกันภัยน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ส่งมาไทย แล้วใช้ค่าขนส่งและค่าประกันภัยน้ำมันดิบมาคิดแทน

ลองอ่านข่าวนี้


ผู้เชี่ยวชาญน้ำมันในไทยแนะปรับเปลี่ยนสูตรกำหนดราคาหน้าโรงกลั่น



29 ม.ค. 2559  นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความเห็นในการปรับสูตรราคาหน้าโรงกลั่นว่า

"โครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นที่ใช้ในปัจจุบันค่อนข้างเก่าและไม่สะท้อนสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

สาเหตุที่ควรปรับคือ

1) หน่วยปรับคุณภาพน้ำมันของแต่ละโรงกลั่นที่ลงทุนมาก่อนหน้านี้ใช้มานานและคืนทุนไประดับหนึ่งแล้ว ควรปรับส่วนนี้ลดลง

2) ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ควรใช้ราคาน้ำมันดิบในการคำนวณแทนราคาน้ำมันสำเร็จรูป สามารถทำให้ระดับราคาลดลงได้จากเดิม

3) สามารถปรับลดภาษีกำไรจากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 20 ในส่วนที่ปรับลดจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงได้

4) ราคาไบโอดีเซลที่ใช้ผสมกับน้ำมันดีเซลที่โรงกลั่นน้ำมันซื้อจริงมีราคาต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของ สนพ.

5) ให้ใช้ส่วนต่างค่าขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมาสิงคโปร์และมาไทย แทนการใช้ค่าขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์มาไทย

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน ถ้าภาครัฐมีการผลักดันอย่างแท้จริงประชาชนในประเทศจะได้รับประโยชน์ นอกจากนี้ ควรยกเลิกในประเด็นต่าง ๆ ที่ทำให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผูกขาดในตลาดน้ำมัน เนื่องจากในปัจจุบัน ปตท.เป็นบริษัทมหาชนไม่ใช่รัฐเหมือนก่อนหน้านี้"

"เรื่องปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นมีมานาน แต่ไม่มีการผลักดันให้เป็นรูปธรรม เพราะโรงกลั่นส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบในแง่ของรายได้ แต่ถ้าหากมองถึงประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับ ถือเป็นประเด็นที่กระทรวงพลังงานจะต้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสะท้อนต้นทุนจริง" นายอนุสรณ์กล่าว

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

**************************
.
บิดเบือนราคาดีเซลถูกกว่าเบนชินสร้างปัญหาหลอกตัวเอง
.
หลาย ๆ คนอาจคิดว่าผมบ้าไปหรือเปล่าที่ไม่เห็นด้วยกับการขายดีเซลถูกกว่าเบนซิน เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศคือคนใช้น้ำมันดีเซล การที่ช่วยให้ราคาน้ำมันของคนส่วนใหญ่ถูกกว่าน้ำมันของคนส่วนน้อยน่าจะเรื่องที่ถูกต้อง
.
แต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้นครับ เพราะทั่วโลกดีเซลต้องแพงกว่าเบนซิน แต่ประเทศไทยกลับบิดเบือนเพื่อให้ดีเซลถูกว่าเบนซิน โดยข้ออ้างแบบเดิม ๆ ว่า เพราะเป็นต้นทุนของค่าขนส่งและต้นทุนของค่าสินค้าในประเทศ และเป็นน้ำมันที่เกษตรกรใช้
.
ลองคิดดูสิครับว่า ทั่วโลกเขาก็ใช้ดีเซลในการขนส่งเช่นกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่มาบิดเบือนราคาแบบประเทศไทยทำ ลองคิดดีๆ
.
การที่รัฐกดราคาดีเซลให้ถูกว่าเบนชิน ทำให้แทนที่ผู้ที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำมันดีเซลจริง ๆ เท่านั้นจะเป็นผู้ใช้

แต่กลับกลายเป็นรัฐไปส่งเสริมทางอ้อมให้คนทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้ใช้รถเพื่อการขนส่งสินค้าหรือเพื่อการผลิตเป็นหลักหันมาใช้รถปิคอัพดีเซลประเภทต่างๆ เช่นมีแคป ไม่มีแคป หรือปิคอัพ4ประตูมาใช้เป็นรถส่วนตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพียงเพื่ออยากจะประหยัดค่าน้ำมันรถ
.
และคุณลองคิดดูว่า รถปิคอัพแต่ละประเภทนั้นมีความยาวตัวรถมากกว่ารถเก๋งทั่วไป ซึ่งทำให้กินพื้นที่การจราจรมากขึ้น ทำให้รถติดมากขึ้น แถมสร้างมลภาวะเป็นพิษมากขึ้นกว่าการใช้รถเครื่องยนต์เบนซิน
.
ทำให้เดี๋ยวนี้ แม้แต่ชนชั้นกลางที่พอมีฐานะ หรือเลยไปถึงคนรวย ก็หันมานิยมซื้อรถเก๋งยุโรปแพงๆเครื่องยนต์ดีเซลกัน หรือจะซื้อรถsuvหรูๆ หรือจะเป็นจำพวกรถออฟโรดแพงๆ กันมากขึ้น เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน ?
.
แล้วต้องอย่าลืมว่า รถที่ใช้เบนซินก็มีใช้ในการขนส่งเช่นกัน เช่นรถมอไซค์รับจ้าง รถซาเล้งสกายแลป รถกระเป๊าะในซอย รถแท๊กซี่ แต่รัฐกลับเอาเงินจากค่าน้ำมันเบนซินเพื่อไปอุดหนุนรถดีเซล หากจะเปรียบเทียบแบบประชดประชันหน่อย ก็คือ เอาภาษีรถมอไซค์ไปอุดหนุนให้รถSuvของคนรวย !?
.
ด้วยเหตุนี้ จำนวนคนใช้รถปิคอัพในประเทศไทยมีอัตราการใช้รถประเภทนี้มากที่สุดในโลก มากจนจูงใจให้ประเทศผู้ผลิตรถกระบะปิคอัพเข้ามาตั้งฐานการผลิตรถปิคอัพในประเทศไทยกันทุกยี่ห้อ
.
เพราะผู้ผลิตบอกว่า ทำให้โรงงานผลิตรถปิคอัพสามารถทดสอบความนิยม ทดสอบตลาดได้ในประเทศไทย หากขายในไทยได้ ก็มีแนวโน้มประสบความสำเร็จในต่างประเทศ และโรงงานผลิตสามารถอยู่ได้ด้วยตลาดภายในโดยไม่ต้องพึ่งแต่ตลาดต่างประเทศมากเกินไป พูดง่าย ๆ ก็คือ โอกาสเจ๊งยากขึ้น
.
ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า เป็นเพราะมีบริษัทรถยนต์อยู่เบื้องหลังนักการเมืองหรือไม่?
เพื่อที่จะได้ช่วยให้น้ำมันดีเซลราคาถูกเพื่อช่วยด้านการตลาดแก่บริษัทผู้ผลิตปิคอัพทางอ้อม (อันนี้ผมคิดเล่นๆ)
.
ผมว่า หากไทยปล่อยให้ดีเซลอยู่ในราคาที่เป็นจริงไม่บิดเบือน จะทำให้นานวันเข้า เราก็จะเหลือแต่ผู้ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการขนส่งและการผลิตจริงๆ ซึ่งจะน่าจะเป็นผลดีในระยะยาวมากกว่า
.
และการที่เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตหรือเงินเข้ากองทุนน้ำมันจากเบนซิแพงๆ มันเป็นธรรมแก่ประชาชนจริงหรือ คุณคิดว่าคนขับรถเบนซินทั้งหมดรวยกว่าคนขับรถปิคอัพ รถmpv รถSuv รถppv หรือไง?


ขออัพเดทข่าว ปัจจุบันใน พ.ศ. 2561 เมืองฮัมบูร์ก เป็นเมืองแรกในเยอรมัน ที่ออกกฎหมายห้ามรถที่ใช้น้ำมันดีเซลวิ่งเข้าในถนนสายหลักในเมือง 2 สาย เหตุเพราะรถใช้ดีเซลก่อมลภาวะสูงกว่าน้ำมันเบนซิน คลิกอ่านข่าวนี้
.
*************************
.
ต้องมีดีเซลเพื่อเกษตรกรด้วย
.
อย่างที่ผมเขียนในบทความตอนก่อนว่า รถไถ รถอีแต๋น รถเกี่ยวข้าว ทำไมต้องใช้น้ำมันเกรดเดียวกับรถยนต์เครื่องคอมมอนเรลด้วย?
.
ทำไมเกษตรกรต้องใช้น้ำมันที่ดีเกินความจำเป็นด้วย มีน้ำมันดีเซลรอบต่ำสักหน่อยเพื่อเกษตรกรได้มั้ย?
.
**************************
.
แยกตลาดก๊าซหุงต้มออกจากก๊าซแอลพีจีเติมรถยนต์
.
จากบทความตอนที่แล้ว ผมได้เขียนไปแล้วว่า ควรจะแยกราคาก๊าซหุงต้มในครัวเรือน ออกมาจากราคาก๊าซLPGที่ใช้เติมรถ
.
เพราะการที่ไม่แยกราคาทั้งสองตลาดออกจากกัน ทำให้กลายเป็นว่ากองทุนน้ำมันมาขูดภาษีจากผู้ใช้รถยนต์ทุกชนิดเพื่อไปอุดหนุนค่าก๊าซแอลพีจีที่ใช้เติมรถยนต์ด้วย
.
ซึ่งทำให้มีรถยนต์จำนวนมากเอาเปรียบสังคมด้วยการไปเปลี่ยนเป็นรถใช้ก๊าซแอลพีจีมากขึ้น (ไม่นับรถtaxi ซึ่งรัฐกำลังมีนโยบายเปลี่ยนtaxi ให้ใช้ngv ทุกคันฟรีแล้ว)
.
จึงทำให้ปกติก๊าซแอลพีจีที่เป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ที่เคยพอใช้ในประเทศ กลับถูกปตท.อ้างว่า ไม่พอใช้แล้ว จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ (แต่มีข่าวลือว่าไม่จริง อันนี้ผมไม่ยืนยันนะครับ)
.
(ราคาก๊าซแอลพีจีของไทยถูกว่าราคาที่ซื้อขายในตลาดโลก)
.
การที่รัฐจะอุดหนุนราคาหรือตรึงราคาก๊าซหุงต้มก็เป็นสิ่งที่ดี  แต่ทุกวันนี้กลายเป็นว่ามีคนหันมาเปลี่ยนรถเพื่อใช้ก๊าซแอลพีจีกันมาก ถือเป็นการเอาเปรียบสังคมไทยทั้งประเทศครับ จึงกลายเป็นว่ารัฐกลับต้องมาอุดหนุนพวกเอาเปรียบสังคมไปด้วย (ขออภัยคนที่เติมLpg ด้วยแต่นี่คือความจริง)
.
ที่จริงก็มีเทคโนโลยีที่สามารถเติมสารน็อคเครื่องยนต์มาใส่ในถังก๊าซหุงต้ม เพื่อจะได้แยกตลาดก๊าซแอลพีจีสำหรับหุงต้มและเพื่อขนส่งออกจากกันให้ชัดเจน โดยที่ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคซึ่งสามารถทำได้ แต่ทำไมไม่มีใครคิดจะทำสักที ทำไมหนอ!
.
(ในความเป็นจริง ไทยเราผลิต LPG ราคาถูกและพอใช้สำหรับหุงต้มและเติมรถยนต์ในประเทศ แต่เรากลับถูกรัฐบาลหลอกว่าไม่พอใช้ คลิกอ่านที่นี่ !!)

*********************
.
ตอนค่าขนส่งลด ราคาสินค้ากลับไม่ลดตาม
.
ตอนค่าน้ำมันโลกพุ่งไป 140 กว่าดอลล่าห์สหรัฐฯ น้ำมันดีเซลพุ่งไปถึง 37 บาทกว่า ราคาสินค้าก็แพงขึ้น ผมเป็นคนที่ซื้อของใช้เข้าบ้านเองเป็นประจำทุกอาทิตย์
.
ช่วงน้ำมันแพงปีที่แล้ว สินค้าของกินของใช้ทยอยปรับราคาขึ้นหลายครั้ง แต่เมื่อค่าน้ำมันลดลง ค่าขนส่งก็ลดลงนิดหน่อย แต่ค่าสินค้าที่ไม่ใช่ของสดจำพวกผลไม้พืชผัก ไม่ลดลงตามเลย ยังคงตรึงอยู่ในราคาที่สูง
.
ฉะนั้น ที่รัฐอ้างเพื่อไม่อยากให้ค่าขนส่งขึ้น แล้วเวลารัฐลดให้เขา ผู้ค้าเขากลับไม่ลดราคาสินค้าลงตาม สุดท้ายกลายเป็นรัฐไม่ได้ช่วยประชาชนเท่าไหร่หรอก แต่กลับไปช่วยพ่อค้าให้ได้กำไรมากขึ้นมากกว่า!!
.
ซึ่งหากน้ำมันดิบโลกดีดกลับไปเกิน 100 เหรียญอีกครั้ง พวกสินค้าทั้งหลายก็จะถือโอกาสขึ้นราคาอีกรอบแน่ ๆ และที่รับไปเต็มๆคือประชาชนคนจนๆนั่นเอง
.
*************************
..
น้ำมันดีเซลที่มาเลเซียราคาขายปลีกลิตรละ16บาทกว่า ในขณะที่เทียบกับน้ำมันดีเซลไทยในช่วงเดียวกันราคาเกือบ30บาท
.
ทั้ง ๆ ที่ของปตท.ราคาหน้าโรงกลั่นยังไม่รวมค่าภาษี ค่าการตลาด ค่าvat ค่าอะไรต่อมิอะไร ก็เริ่มต้นที่ 18 บาทกว่าแล้วครับท่าน
.
ทำไมหนอมาเลเซียถึงไม่กลัวเรื่องราคาบ้านเขาจะถูกกว่าราคาสิงคโปร์แบบที่บริษัทน้ำมันบ้านเรากลัว?
.
ถ้าจะอ้างว่า มาเลเซียมีน้ำมันของตัวเอง ก็อ้างฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ เพราะแม้ไทยจะมีน้ำมันของเราเอง ถึงแม้จะไม่ได้มากเหมือนชาติในโอเปค

แต่ขอย้ำอีกที่ว่า  ปตท. และรัฐบาลไทย กลับไม่เคยคิดจะเอามาทรัพยากรน้ำมันในแผ่นดินไทย มาใช้เป็นส่วนลดให้ต้นทุนราคาน้ำมันให้ถูกลงเพื่อคนไทยสักนิดเลย
.
ผมเลยสงสัยว่า ในเมื่อ ปตท. ก็ขายน้ำมันเท่ากับราคาสิงคโปร์บวกค่าขนส่งอยู่แล้ว งั้น! สู้เรายังไม่ขุดเจาะน้ำมันในบ้านเราไม่ดีกว่าเหรอ เก็บไว้ในแผ่นดินไทยไปก่อน แล้วซื้อน้ำมันสำเร็จจากสิงคโปร์แบบเดิมก็ได้ เพราะยังไงก็ราคาการกลั่นไทยก็ไม่ถูกกว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์อยู่แล้ว (ประชด!)
.
สู้เก็บน้ำมันในแผ่นดินไทยเอาไว้ให้ลูกหลานเราไปใช้ในอนาคต จะดีกว่ามั้ย? งง!จริง ๆ กับประเทศไทย
.
******************************
.
รัฐถือหุ้นปตท.เกินครึ่งไม่ได้ช่วยอะไรประชาชนเลย
.
แม้กระทรวงการคลังและภาครัฐอื่น ๆ จะถือหุ้นปตท. ประมาณ65 % แต่ข้าราชการที่รัฐส่งไปนั่งเป็นกรรมการในปตท. แทนที่จะไปเพื่อเป็นปากเสียงเพื่อช่วยประชาชน แต่กลับส่งไปนั่งกินค่าเบี้ยประชุมแพงๆแทน

@ค่าเบี้ยประชุม ประกอบด้วย เบี้ยกรรมการรายเดือน เดือนละ 30,000 บาท เบี้ยประชุมครั้งละ 20,000 บาท (เฉพาะกรรมการที่เข้าร่วมประชุม), เบี้ยประชุมคณะกรรมการอื่นที่คณะกรรมการ ปตท. แต่งตั้ง ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบ แยกเป็นเบี้ยกรรมการรายเดือนๆ ละ 15,000 บาท เบี้ยประชุมครั้งละ 15,000 บาท (เฉพาะกรรมการที่เข้าประชุม) ส่วนคณะกรรมการอื่นๆ อีก 3 คณะ คือ คณะกรรมการสรรหา, คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน, คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี กำหนดเบี้ยประชุมให้ครั้งละ 24,000 บาท / ข้อมูลจาก “ขรก.เพื่อปตท.”รวยอู้ฟู่ โบนัส-เบี้ยประชุม@

.
เพราะหากไปแย้งเพื่อผลประโยชน์ประชาชนมากไป ไปทำให้ปตท.กำไรน้อยลง เดี๋ยวจะไปกระทบค่าเบี้ยประชุมราคาแพงของตนไปด้วย ฉะนั้นเลยขอนั่งเงียบกินเงินแพง ๆ ไปสบายๆดีกว่า เรื่องไรจะโง่ทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะกว่าจะได้มานั่งตำแหน่งนี้ ก็เหลือเวลากอบโกยอีกไม่มากแล้ว
.
มีนักวิชาการเคยวิจัยแล้วบอกว่า หากเปรียบเทียบค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท ปตท. ไปเทียบกับค่าตอบแทนของกรรมการในบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์
.
บริษัทของนอร์เวย์ขายน้ำมันทั่วโลกมากกว่าไทยหลายเท่า แต่กรรมการบริษัทปตท.กลับได้ค่าตอบแทนมากกว่ากรรมการบริษัทน้ำมันของนอร์เวย์ถึง2เท่า!!!
.
ทั้งๆที่ค่าครองชีพของคนนอร์เวย์สูงกว่าคนไทย!!!
.
เอาเถอะ! ใครได้ร่ำรวยจากปตท. ได้ทำงานในปตท.จนร่ำรวยรวยบนความทุกข์ของประชาชน ก็ขอเชิญตามสบาย ขอมุทิตาจิตด้วย
.
แต่พนักงานปตท.โปรดหยุดคิดสักนิดว่า คุณกำลังทำบาปทางอ้อมหรือเปล่า? คุณอาจสุขสบายในชาตินี้ เพราะคุณทำบุญเก่ามาดี กิจการคุณก็ไม่ต้องแข่งขันกับใครมาก เพราะพวกคุณผูกขาดตลาดสบาย
.
แต่หากคุณเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง คุณคิดหรือว่าคุณจะไม่ได้รับผลกรรมที่คุณขูดกำไรเกินควรจากประชาชน
กำไรแต่พอเพียงพออยู่ได้ พอพัฒนากิจการได้ แต่พวกคุณเลือกที่จะไม่ทำ!!?
.
ผู้บริหารปตท.  ผมก็เข้าใจคุณที่ว่า หากคุณไม่ทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นมากๆ คุณก็อาจจะถูกเด้งจากตำแหน่ง ผมเข้าใจครับ!
.
เพราะคุณยังมีกิเลสเหมือนคนทั่วไป คุณถึงมีความจำเป็นต้องได้ผลตอบแทนเดือนละกว่า14ล้าน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ยากจนของคุณ

-------------------

อัพเดทบทความ ปี 2561

ข่าวเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2561 คุณรสนา โตสิตระกุล ก็อดีต สว.กทม. ได้ออกมาพูดถึงการกำหนดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของไทยอีกว่า  โรงกลั่นน้ำมันไทยก็ยังอิงราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ + ค่าขนส่งน้ำมันจากสิงคโปร์มาไทย บวก ค่าประกันภัยการขนส่ง อยู่เลย ตามลิงค์ข่าวนี้

คลิก https://www.posttoday.com/economy/552847

ซึ่งคุณรสนา ได้พูดถึงสูตรราคาหน้าโรงกลั่นของไทยแบบนี้มาหลายปีแล้ว ถ้าเรื่องที่คุณรสนาพูดเป็นความเท็จ ทาง ปตท. ก็ควรฟ้องร้องเอาผิดคุณรสนามาตั้งนานแล้วจริงไหม แต่ทำไม ปตท. ไม่ฟ้องคดีนี้หว่า ?

ส่วนคดีที่ ปตท. เคยฟ้องคุณรสนา กลับเป็นเรื่องที่ คุณรสนา เคยบอกว่า ปตท. แอบไปเปิดบริษัทลูกบนเกาะฟอกเงิน ที่ชื่อ เกาะเคย์แทน ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้องคดีไปแล้วทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ตามลิงค์ข่าวนี้

คลิก https://www.matichon.co.th/politics/news_387700

สุดท้ายกับการอัพเดทบทความในปี 2561 นี้ ผมขอนำราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่พม่าขายหน้าปั๊ม มาลงให้คุณผู้อ่านดูแล้วกันครับ

ซึ่งพม่าเขาซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากไทยเหมือนกัน เพียงแต่ว่า รัฐบาลพม่าเขาไม่มีนโยบายเก็บภาษีแพง ๆ ขูดรีดจากประชาชนมาก ๆ ก็เท่านั้นเอง

พม่าเขาเก็บภาษีจากราคาขายน้ำมันบ้างเล็กน้อย ราคาน้ำมันในพม่าก็เลยถูกกว่าราคาน้ำมันไทยตั้งเยอะ

ราคาน้ำมันหน้าปั๊มในกรุงย่างกุ้ง ยี่ห้อ Max Energy ในพม่า ประจำวันที่ 31 พ.ค. 61


https://maxenergy.com.mm/#pricelist

ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่กรุงย่างกุ้ง ราคาขายคือ 930 จ๊าด/ลิตร หรือเป็นเงินไทย 22.18 บาท
แต่ราคาขายน้ำมันเบนซิน 95 หน้าปั๊มของ ปตท. ราคาขายในวันเดียวคือ 36.36 บาท/ลิตร

ราคาน้ำมันดีเซลเกรดธรรมดา ที่กรุงย่างกุ้ง ราคาขายคือ 905 จ๊าด/ลิตร หรือเป็นเงินไทย 21.59 บาท
แต่ราคาน้ำมันดีเซลเกรดธรรมดาของ ปตท. ราคาขายในวันเดียวกัน คือ 28.79 บาท/ลิตร

น้ำมันสำเร็จรูปยี่ห้อ Max Energy ที่พม่าเขาขายถูกกว่าน้ำมัน ปตท. เยอะจริง ๆ อิอิ



แนะนำอ่านแปรรูปปตท.ดีจริงหรือ??

มองรอบด้านกรณีแปรรูปรถไฟ!??




วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

น้ำมันแพงกับผลงานรัฐบาลมาร์ค6เดือน



คะแนนนิยมในตัวนายกฯอภิสิทธิ์ตกต่ำลง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยพอใจผลงานการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมา พูดง่ายๆว่าผลงานยังไม่เข้าตาประชาชน
.
แต่ไม่ใช่เฉพาะนายกฯไทยเท่านั้นที่ต้องเจอกับปัญหาประชาชนเซ็งกับผลงาน แม้แต่ประธานาธิบดีโอบามาแห่งสหรัฐ หรือจะเป็นนายทาโร อาโซะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นที่ไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ทันใจคนญี่ปุ่น ก็มีอันต้องประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ปลายเดือนสิงหาคมนี้
(ขนาดผู้นำยักษ์ใหญ่ยังโดนด่า นับประสาอะไรกับผู้นำเล็กๆอย่างมาร์คหรือจะรอด)
.akecity
(อ่านประชาชาติธุรกิจ เรื่องสหรัฐติดบ่วงรายได้รัฐหดไม่เลิก ลุ้นขยายเพดานก่อหนี้-ก๊อกสองรีดภาษี)
.
สังเกตดูว่าพรรคประชาธิปัตย์มักจะเข้าบริหารในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจทั้ง2ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นการยากกว่าที่เข้ามาบริหารในช่วงเศรษฐกิจเป็นขาขึ้นแล้ว การที่นโยบายการแก้ปัญหาจะให้เห็นผลทันตาทันใจประชาชนได้นั้น ยากมาก เพราะคนไทยเราใจร้อน (555)
.
รัฐบาลอภิสิทธิ์เข้ามาประมาณ6เดือน คนไทยส่วนใหญ่ก็อยากให้มีผลงานถูกใจราวอยู่มา6ปี อันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องเข้าใจในนิสัยของคนไทยให้ได้
.
ปัญหาอย่างหนึ่งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์สอบตกอย่างหนึ่งก็คือแผนการตลาดการโฆษณา หากเป็นรัฐบาลที่เก่งด้านประชาสัมพันธ์ผลงาน หากทำได้แค่10ส่วนก็สามารถทำให้ประชาชนเชื่อว่าได้ทำไป100ส่วนได้
.
ฉะนั้นเรื่องการทำความเข้าใจให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ รัฐบาลอภิสิทธิ์สอบตกโดยสิ้นเชิง และประชาธิปปัตย์ก็ห่วยมากกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์มานานแล้ว เพราะขนาดเรื่องใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ รัฐบาลนายชวนก็ใช้หนี้ไปตั้งเยอะแล้ว แต่คนไทยก็ไม่รู้ คนไทยส่วนใหญ่รู้แต่ว่า นี่คือผลงานระดับเทพของทักษิณ (สมน้ำหน้า!ปชป. 555!!)
.
หากเปรียบเทียบไตรมาสแรกของปี ที่อัตราการเติบโตเศรษฐกิจติดลบของไทยยังน้อยกว่าสิงคโปร์หลายขุม แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ดูเหมือนจะโดนประชาชนไทยด่ามากกว่าผู้นำชาติอื่นๆมากมาย นี่ก็เพราะรัฐบาลมาร์คอธิบายให้ประชาชนเข้าใจไม่เป็น(สมน้ำหน้ามาร์คจริงๆ)
.
แม้แต่เรื่องกู้เงิน รัฐบาลมาร์คก็โดนด่าเพียบ ทั้งๆที่ญี่ปุ่นเขามีหนี้สาธารณะมากกว่า100%ของจีดีพี แต่รัฐบาลไทยจะกู้แค่40กว่าเปอร์เซ็นต์ และจะกู้ในประเทศด้วยการออกพันธบัตรแก่ประชาชน ก็ไม่ค่อยจะเห็นรัฐบาลใช้คำว่าออกพันธบัตรให้ประชาชนเข้าใจ ทำให้ประชาชนจำนวนมากตกกะใจกลัวตัวเองเป็นหนี้!!
.
แต่นโยบายที่ผมรังเกียจที่สุดที่ผ่านมาของรัฐบาลมาร์คก็คือ เช็ค2พันบาท ที่รัฐบาลมาร์คแสนเซ่อ ให้เงินเขาไปใช้แต่ก็กลับโดนเขาด่ากลับมาแทน เรียกง่ายๆว่า มาร์คทำคุณไม่ขึ้นแท้ๆ
.
และที่สำคัญ แทนที่รัฐบาลจะแจกเช็คแก่คนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ เช่นคนตกงาน คนพิการ คนแก่ที่ไม่มีรายได้ เด็กที่อายุต่ำกว่า18ปี (ซึ่งญี่ปุ่นเขาก็แจกเงินคนแก่กับเด็ก และไม่มีใครด่า)
.
แต่รัฐบาลมาร์คดันไปแจกให้คนที่มีรายได้ต่ำกว่าหมื่นห้าพันบาท เรียกง่ายๆว่า กลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้เดิอดร้อนมากกว่ากลุ่มคนตกงาน หรือกลุ่มคนพิการเลย หรือคนแก่เลย แต่กลับได้เอาเงินไปใช้สบายๆแถมด่ารัฐบาลกลับด้วยซ้ำว่า ระบบจัดการห่วยแตก (สมน้ำหน้ารัฐบาลอีกทีดีมั้ยนี่)
.
นโยบายเรียนฟรี15ปีก็เหมือนกัน รัฐบาลไม่ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่า ฟรีแค่ไหนอย่างไร พอประชาชนที่เป็นผู้ปกครองที่มีอคติกับรัฐบาลประชาธิปัตย์อยู่แล้ว พอเขาต้องเสียเงินบ้างแม้จะน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่เขาก็ยังไม่พอใจเพราะ "ไหนบอกว่าฟรีไง ไม่เห็นฟรีเลย "
.
นี่ก็เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไร้น้ำยาเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชนนั่นเอง ถ้าเปรียบเทียบนโยบายเรียนฟรี15ปีกับโครงการ30บาทตอนเริ่มต้นนะ มีข้อบกพร่องยิ่งกว่าโครงการเรียนฟรีเสียอีก
.
เพราะที่ว่ารักษาทุกโรคแต่ต้องยาถูกๆนะ ยาแพงแบบข้าราชการใช้ไม่มีให้หรอก แถมไม่รักษาทุกโรคตามสโลแกน แต่ประชาชนเขาไม่ว่าไม่ด่าเท่าไหร่ ก็เพราะรัฐบาลชุดนั้นเขาประชาสัมพันธ์ดี ประชาชนเขาเข้าใจว่า ระยะแรกๆมันก็ต้องมีปัญหาบ้างเป็นธรรมดา (แต่ผลการสำรวจความเห็นประชาชนส่วนใหญ่ที่พอใจรัฐบาลมาร์คจะพอใจนโยบายเรียฟรีมากที่สุด แต่คนที่ชอบกลุ่มนี้เสียงไม่ค่อยดังเท่าเสียงคนเสื้อแดง 555)
.
ก็เพราะรัฐบาลมาร์คคุยโวมากไป พอไม่ได้ตามที่ประชาชนคาด ก็ต้องโดนด่าอย่างนี้แหล่ะ ที่จริงควรอย่าไปให้ความหวังแก่ประชาชนสูงมาก เพราะเวลาปฏิบัติจริง หากประชาชนได้เกินที่หวัง จะได้ไม่เสียอารมณ์ภายหลัง
.
แต่สิ่งนึงที่รัฐบาบมาร์คเสียเปรียบผู้นำชาตือื่นๆอย่งนึงก็คือ ประเทศอื่นประชาชนเขาพยายามเอาใจช่วยให้รัฐบาลแก้ปัญหาสำเร็จ แต่สำหรับประเทศไทย มีประชาชนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลพยายามแช่งให้รัฐบาลเจ๊งบ๊งให้ได้ เพราะเขาจะได้มีข้ออ้างในการเรียกร้องอดีตผู้นำหน้าเหลี่ยมที่เป็นที่รักของเขากลับมานั่นเอง
.
เรื่องหวัด2009ไม่อยากกล่าวถึงมาก แต่ผมไม่อยากโทษรัฐบาลอย่างเดียว ผมโทษตัวเองและคนไทยกันเองด้วยเพราะขาดเรื่องจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมกันมานานจนเป็นสันดาน เพราะคนไทยปฏิบัติเรื่องสุขอนามัยต่อตนเองและผู้อื่นสอบตกครับ ส่วนรัฐบาลก็เงอะงะงะเกินไป
.
แถมตอนนี้โครงการชุมชนพอเพียงของรัฐบาลเน่าจนไม่รู้จะเน้ายังไงแล้ว โกงกินกันสะบัดช่อ ไหนด่าคนอื่นว่าโกง แต่พอตัวเองอย่าปล่อยให้ผ่านเลยไปล่ะ เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ หรือว่าไม่กล้า เพราะเห็นยังเฉยกันทั้งรัฐบวม!!
.
ฉะนั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ โปรดสำเหนียกไว้ให้หนักว่า ถ้าทำผลงานไม่เข้าตา เดี๋ยวมันมาแน่ ฮ่าๆ เอิ๊กๆ
.
*************************
'
น้ำมันแพง แต่คนไทยใช้ไม่ถอย เฮ่อๆ

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะตก การผลิตในอุตสาหกรรมก็ลดลง แต่อัตราการใช้น้ำมันคนไทยกลับไม่ได้ลดลงกว่าเดิม นั่นเพราะคนไทยเจ๋งจริงๆ 555
.
ตอนน้ำมันแพงราคาสินค้าก็แพงขึ้นๆไม่หยุดหย่อน แต่พอน้ำมันถูกลงเมื่อเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ช่วงต้นๆ น้ำมันลดลงไปเหลือไม่ถึงลิตรละ20บาท แต่ราคาก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านผมจากเคยขายชามธรรมดาละ25บาทเมื่อ1-2ปีก่อน ก็ขึ้นมาเป็นธรรมดา30พิเศษ35บาทไปแล้ว เอิ๊กๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ไม่เคยลดราคาลงเลย เพราะอ้างต้นทุนแพงเหมือนเดิม
.
แม่ผมก็บ่นเชิงประชดว่า รัฐบาลน่าจะคงราคาแพงๆไว้ที่เดิม น้ำมันตลาดโลกลดลง รัฐบาลก็น่าจะเก็บภาษีแพงๆไว้ ไม่ให้ราคาน้ำมันในประเทศลดตาม เพราะน้ำมันลด พวกพ่อค้าแม่ค้ามันก็ไม่เห็นจะลดราคาลงเลย ทำให้พวกพ่อค้าแม่ค้ายิ่งได้กำไรใหญ่...
.
สงสัยรัฐบาลอภิสิทธิ์จะคิดเหมือนแม่ผมนะ เลยเก็บภาษีสรรพสามิตแพงๆเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแพงๆ(ราคาแก๊สหุงต้มก็ได้เงินจากกองทุนน้ำมันพยุงราคาไว้) ประชาชนจะได้ไม่ฟุ่มเฟือย แถมช่วยลดโลกร้อน และรัฐก็ได้เงินมาใช้บริหารด้วย
.
แต่ในความเป็นจริง คนที่เขาจำเป็นต้องใช้ เขาก็ต้องใช้อยู่ดี แต่ที่ผมเห็นประหยัดอยู่กลุ่มนึงที่ประหยัดในช่วงน้ำมันแพงก็คือ พวกนักเที่ยวนักกินกลางคืนนี่แหล่ะ ที่ดูจะลดลงไปพอควร เพราะปกติต้นเดือนหรือสิ้นเดือนที่เงินเดือนออกแล้ว หรือจะเป็นช่วงเย็นช่วงค่ำในวันศุกร์ รถติดประจำ แต่พอน้ำมันแพงก็รถติดน้อยลงมาก แต่พอน้ำมันถูก รถติดเพิ่มขึ้นเหมือนเดิมโดยเฉพาะย่านที่มีร้านอาหารดังๆมากๆ
.
ตอนนี้ใครๆก็ด่ารัฐบาลเรื่องเก็บภาษีน้ำมันแพง อันนี้ก็เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องคิดดีๆ ว่าจะทำไงต่อไป แต่ถ้าประชาชนเชื่อใจในการจัดการเรื่องเงินภาษีที่เขาต้องเสียเพิ่มเพื่อช่วยชาติอย่างโปร่งใสจากรัฐบาลก็ไม่น่าเป็นปัญหา แต่ทีเป็นปัญหาก็คือประชาชนเริ่มไม่เชื่อเรื่องความสุจริตในรัฐบาลแล้วนี่สิ ปัญหาใหญ่
..
เราอาจด่ารัฐบาลเก็บภาษีแพงได้ แต่เราหารู้ไม่ว่า บ.น้ำมันก็แอบขึ้นค่าการตลาดสูงขึ้นกว่าสมัยน้ำมันโลกราคาแพงด้วยซ้ำ
.
แต่อยากจะติงสื่อไทยหน่อยว่า ทำไมไม่พูดถึงราคาหน้าโรงกลั่นของปตท.ที่ผูกขาดถึง5โรงจาก6โรงในประเทศ ทำไมสื่อไม่ไปดูหน่อยล่ะว่า ราคาหน้าโรงกลั่นตอนน้ำมันโลก70เหรียญไฉนมันใกล้เคียงตอนน้ำมันโลกแพงกว่า100เหรียญล่ะ ไปดูกันหน่อย กำไรหน้าโรงกลั่นนี่แหล่ะที่เป็นบ่อทองใหปตท. กินเลือดปูของประชาชนอีกจุดนึง (ตรงนี้เป็นเรื่องซับซ้อนหน่อยครับ ผมเลยไม่อยากลงรายละเอียด เกี่ยวกับทำไมโรงกลั่นไทยต้องอ้างอิงราคาขายที่สิงคโปร์+ค่าขนส่งจากสิงคโปร์มาไทย = ราคาหน้าโรงกลั่น)
.
แต่สำหรับประเด็นของผมเรื่องน้ำมันก็คือ ผมสงสัยเรื่องชนิดน้ำมันว่าทำไมทีน้ำมันเบนซิน มีได้หลายหลายชนิด ทั้ง95 91 ทั้งโซฮอล์95 91 ทั้ง E20 E85 มีให้เลือกตามความสะใจเอ้ย!ตามสมรรถนะเครื่องยนต์ชนิดต่างๆ
.
แต่ทำไมหนอ น้ำมันดีเซลซึ่งมีประชาชนใช้มากที่สุด กลับมีให้เลือกเพียงไม่กี่ชนิด คือแบบดีเซลพิเศษ กับดีเซลผสมน้ำมันพืช5% ทำไมไม่มีดีเซลหมุนช้า หรือดีเซลกระจอกๆหน่อยให้รถอีแต๋น รถไถ เครืองสูบน้ำ ฯลฯ ที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเลิศเลอ มาให้เกษตรกรได้ใช้น้ำมันดีเซลถูกๆบ้าง? ทำไม! ใครรู้บ้าง
.
รถไถรถอีแต๋นก็ใช้น้ำมันดีเซลตัวเดียวกับรถรุ่นใหม่ๆที่ใช้เครื่องยนตร์คอมมอนเรล!!!
.
แถมรัฐมีนโยบายบิดเบือนราคาดีเซลในประเทศให้ถูกว่าเบนซิน ทั้งที่ความเป็นจริงน้ำมันดีเซลทั่วโลกเขาแพงกว่าเบนซินทั้งนั้น รัฐบิดเบือนราคาดีเซลเพียงคิดแค่ว่าเป็นน้ำมันสำหรับภาคการขนส่งและการผลิตสินค้า และเพราะคิดแบบนี้ เดี๋ยวนี้คนรวยๆก็เลยหันมาซื้อรถหรูราคาแพงเพื่อจะเติมดีเซลราคาถูกๆ (เปรียบเทียบเหมือนกับว่ารัฐเอารีดภาษีจากเงินค่าน้ำมันของรถมอไซค์มาอุดหนุนรถประเภทSUV(SPORT-UTILITY VEHICLE)ของคนรวย)
.
ค่ากำมะถันของไทยก้าวไกลกว่าสิงคโปร์!? เพราะค่ากำมะถันน้ำมันไทยคุณภาพเทียบเท่าน้ำมันในยุโรปดีต่อสิ่งแวดล้อม คนสิงคโปร์รวยกว่าคนไทย แต่กลับใช้น้ำมันคุณภาพด้อยกว่าคนไทย โดยคนไทยจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยโลก จงภูมิใจเถอะที่เกิดเป็นคนไทย 555 (บทความเกี่ยวข้องในกรุงเทพธุรกิจ "พยุงดีเซล รัฐบาลต้องคิดให้รอบด้าน")
.
ยังมีเรื่องก๊าซแอลพีจีอีกอย่าง ทำไมไม่แยกราคาแก๊สหุงต้มในครัวเรือนออกจากแก๊สLPGที่เติมรถยนตร์เสียที ทั้งที่สามารถทำได้ ทางเทคนิคสามารถเติมสารหรือก๊าซที่น็อคเครื่องยนตร์ไว้ในแก๊สหุงต้มบรรจุถัง เพื่อป้องกันการแอบนำไปใช้เติมเครื่องยนตร์ จะได้กำหนดราคาให้ต่างกันชัดเจนไป
.
เพราะตอนนี้กลายเป็นว่าแทนที่รัฐจะช่วยค่าแก๊สสำหรับหุงต้มตามนโยบายเท่านั้น แต่กลายเป็นรัฐต้องไปช่วยแบกภาระทางอ้อมอุ้มค่าแก๊สLPGสำหรับเติมรถอีก ทั้งๆที่เป็นการเอาเปรียบแก่สังคมโดยรวม เพราะเอาเงินจากกองทุนน้ำมันที่บวกอยู่ในราคาน้ำมันขายปลีกมาพยุงราคาก๊าซLPGทั้งระบบไปหมด
.

ผมไม่อยากจะไปพูดถึงเสื่อนอนกินเงินคนไทยอย่างปตท.ให้มากนัก ขอแค่เบาะหน่อยก็คือ พนักงานปตท.ตั้งแต่ต่ำสุดถึงสูงสุด รวยๆกว่าทำงานบริษัทเอกชนแท้ๆใหญ่ๆเสียอีก แถมสวัสดิการเพียบ โบนัสเพียบ แต่งานสบายกว่าใครๆ
.
แม้รัฐบาลจะส่งข้าราชการไปนี่งเป็นกรรมการในปตท. แต่ข้าราชการแทนที่จะไปเป็นปากเสียงเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ดั๊น! กลับไปร่วมเป็นเสือนอนกินกับปตท.ซะงั้น ทำไงได้ เบี้ยประชุมมันหอมหวลเหลือเกิน ฟันคนละเป็นล้านทั้งน้าน เฮ่อ! สันดาน....
.
**************************
.
ก่อนจบ ขอบอกว่าทีมงานกระบอกเสียงแทนอภิสิทธิ์ อย่างเทพไท หรือ เทพเทือก หรือดร.ปณิธาณ สู้กระบอกเสียงของทักษิณอย่าง3เกลอหัวเกรียนไม่ได้จริงๆ
.
เพราะหลักการพูดให้คนไทยฟัง ถ้ามีแต่ข้อมูลอย่างอาจารย์ปณิธาณ คนฟังก็ง่วงขี้เกียจฟังเพราะเข้าใจยาก หรือจะออกมาด่าเฉยๆอย่างเทพไท ก็มีแต่คนรังเกียจ แถมสร้างความแตกแยกเพิ่มขึ้น
.
มันต้องแบบ3เกลอหัวเกรียนที่ใส่มุขเรียกเสียฮาให้คนฟังอยากฟัง อยากจดจำ แม้จะใส่ข้อมูลไร้สาระมากหน่อย แต่เข้าถึงคนฟังได้มากกว่า


แนะนำอ่าน นโยบายน้ำมันไทย่วยจริงๆ

.

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรื่องฎีกา ปล่อยให้เสื้อแดงรอเงกก็คงดี

วันนี้.
.
วันนี้เขียนเรื่องสบายๆสัก3เรื่อง


คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ



แซวการเมือง (ขำๆนะ)
.
ปล่อยให้เสื้อแดงคอยเก้อคงขำดี
.
หลังจากฎีกาถึงสำนักราชเลขาแล้ว
.
ผมคาดว่า(ไม่ต้องเชื่อก็ได้)เพื่อไม่ให้ประชาชนถูกแอบอ้าง และเป็นการแฟร์แก่ประชาชนทุกท่าน
.
เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจสอบรายชื่ออย่างรอบคอบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีน้อยอาจตรวจได้วันละ1000รายชื่อเป็นอย่างมาก
.
ฉะนั้น สำนักราชเลขาฯน่าจะใช้เวลาตรวจสอบรายชื่อและลายมือทุกคน อย่างน้อย 5,000,000คนหาร1,000คน= 5,000วัน ครับ (ปีนึงมี365วัน)
.
แต่ถ้ามีความยากลำบากมากในการตรวจสอบ ก็น่าจะใช้เวลาสัก10,000วัน ถึงจะได้ความถูกต้องของรายชื่อผู้ร้องฎีกาครบถ้วน
.
หากเป็นเช่นนี้ตามคาด ก็ขอให้เสื้อแดงรอหน่อยนะ ฮิๆ
.
อ่านบทความจากโอเคเนชั่น เรื่อง 3เกลอหัวขวดลวงโลกเรื่องฎีกา
.
อ่านบทความจากโอเคเนชั่น เรื่อง จับผิดเสื้อแดงปริมาณกระดาษA4 ห้าล้านแผ่นควรมีปริมาณมากแค่ไหน.

ดูรูปจำนวนปริมาณฎีกาทั้งหมดจากสนามหลวง
ดู . ใ
**************************************

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

เรื่องของป้าเสื้อแดงข้างบ้านพ้ม!

ป้าข้างบ้านผมซึ่งสนิทกัน แกชอบเสื้อแดงและรักทักษิณมากๆ แกด่ารัฐบาลเรื่องกู้แบบที่เสื้อแดงด่าเปี๊ยบ

แต่วันที่รัฐบาลออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งวันแรกแก่ผู้สูงอายุ แกออกไปรอหน้่าธนาคารตั้งแต่หกโมงครึ่ง แกตั้งใจจะซื้อพันธบัตรสัก2ล้านบาท

แต่แกต้องเซ็งเพราะแกได้ซื้อแค่1ล้านบาทเท่านั้น ตามโควต้า

ป้าแกก็แค่เกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกงครับ เพราะแกได้เป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาลแล้ว

แม้ป้าข้างบ้านจะเป็นเสื้อแดง แต่บ้านเราทั้งสองก็สนิทและเอื้อเฟื้อพึ่งพากันดีเหมือนเดิม(แต่ผมไม่ใช่พันธมิตรนะครับ แค่ต้านแม้วเท่านั้น)
.
*******************************

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ



แม่ผู้ปลูกฝังประชาธิปไตยให้ลูก

ตอนเด็กๆ แม่จะถามลูกๆทั้ง3คนว่า จะไปเที่ยวที่ไหนดี? จะไปกินร้านไหนดี? โดยแม่จะมีช้อยให้เลือก2ข้อ เพื่อให้ลูกๆช่วยกันโหวตเลือก (แต่แม่เป็นคนกำหนดช้อยให้เลือกนะ!?!) เสียงข้างมากเลือกที่ไหน ทั้งครอบครัวก็จะไปที่นั่นตามมติ..

แต่แล้ววันหนึ่งในยามแม่แก่ชรา ลูกๆต่างเกี่ยงกันให้ลูกคนโน้นเอาแม่ไปเลี้ยงดู แต่เพราะมีลูกอยู่3คน ต่างคนต่างให้แม่ไปอยู่บ้านลูกอีกคน แบบงูกินหาง ไม่มีเสียงข้างมากตัดสิน

สุดท้าย ลูกๆทั้ง3คน ก็ต้องปรึกษาหาทางออก ในที่สุดลูกทั้งสามของแม่ชราลงมติออกเสียง3ต่อ0เสียง เสียงเป็นเอกฉันท์ ว่าจะให้แม่ไปพักอยู่กับบ้านใครดี?

คำตอบของลูกทั้ง3 มีมติชี้ขาดว่า ให้แม่ไปอยู่บ้านพักดูแลผู้สูงอายุเอกชน โดยทั้ง3คนจะออกเงินค่าใช้จ่ายในการส่งแม่ไปอยู่บ้านพักดูแลผู้สูงอายุคนละเท่าๆกัน เป็นการแก้ปัญหา! ตามหลักประชาธิปไตย!!?

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

อ่านบทความเรื่อง เงินแสนล้านกับชายหน้าเหลี่ยม โดยเปลว สีเงิน

อ.
.
.


ผู้ติดตาม