วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552

การโจมตีองคมนตรีคือแผนชั่วมากกว่าที่คิด,บ้านไร้กังวล,ที่ดินเขายายเที่ยง

. akecity
.
อ่านข่าว ป๋าเปรมตอบข้อกล่าวหาว่าได้อยู่เบื้องหลังปฏิวัติหรือไม่?
.
แม้ทักษิณจะพูดอยู่บ่อยๆว่ายังจงรักภักดีอยู่ แต่นั่นมันไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเองที่กำลังกระทำอยู่ แม้จะอ้างว่า เคารพสภาองคมนตรีส่วนใหญ่อยู่ แต่ไม่เคารพตัวบุคคลในตำแหน่งองคมนตรีบางคนนั้น

แถมพวกแกนนำเสื้อแดงก็ยังพยายามพูดแยกแยะว่า หากองคมนตรีคนใดทำผิด ก็ไม่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด หากใครเป็นคนเสื้อแดงก็คงเชื่อตามนั้น

แต่ในความเป็นจริง หากทักษิณทำลายพลเอกเปรม ประธานองคมนตรีให้ออกจากตำแหน่งได้ ก็เท่ากับได้ทำลายความน่าเชื่อถือของสภาองคมนตรีโดยรวมไปด้วย

เพราะองคมนตรีได้รับการแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์โดยตรง เป็นพระราชอำนาจที่ใครจะมาแทรกแซงไม่ได้

แต่หากความน่าเชื่อถือขององคมนตรีถูกบั่นทอนหรือทำลาย ก็จะทำให้พระราชอำนาจและพระราชวินิจฉัยที่ทรงน่าเชื่อถือที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลายาวนานขององค์พระมหากษัตริย์ในการคัดเลือกผู้ใดมาเป็นองคมนตรีนั้นจะได้รับผลกระทบด้วยอย่างแน่นอน ทั้งทางตรงทางอ้อม โดยผู้ทีก่อการกล่าวร้ายจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

หากพวกทักษิณสามารถล้มตำแหน่งประธานองคมนตรีได้ตามแผนชั่วได้สำเร็จ ต่อไปพระมหากษัตรย์พระองค์จะทรงคิดยังไง พระองค์จะทรงมีพระทัยกล้าแต่งตั้งใครขึ้นมาเป็นองคมนตรีได้อีกหรือ เพราะที่ตั้งมาก็ถูกนักโทษหนีคดีโจมตีและจ้องล้มเพื่อให้ตัวเองรอด

หากเป็นเช่นนี้ หากทำการลบหลู่และทำลายองคมนตรีให้ออกได้ ก็เท่ากับหมิ่นพระราชอำนาจและพระราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน ว่าทำไมถึงตั้งคนผิดมาเป็นองคมนตรีสร้างความเสื่อมพระเกียรติ์แก่พระมหากษัตริย์โดยรวม

และที่ผ่านมาคนไทยก็เคารพและเชื่อถือพระราชวินิจฉัยของในหลวงมาโดยตลอด ว่าพระองค์ได้ทรงเลือกองคมนตรีที่เป็นคนดีมาทำงานได้อย่างถูกต้องเสมอมา แต่ทักษิณกำลังบอกว่าองคมนตรีเป็นคนไม่ดี ก็เท่ากับดูถูกพระราชวินิจฉัยคัดเลือกโดยตรงของในหลวง
.
ในหลวงบอกว่าคนนี้ดี แต่ทักษิณกลับมาบอกว่าไม่ดี ผมอธิบายแบบนี้คุณผู้อ่านพอเห็นภาพมั้ยครับ!

เรื่องบางเรื่อง หากพูดไปมีผลกระทบต่อชาติบ้านเมืองและสร้างความแตกแยกแก่ชาติมากขึ้น ก็ไม่ควรพูดดีกว่า หากใครเคยดูละครเกาหลีย้อนยุคหลายเรื่องๆ เขาจะสอนในเรื่องทำนองนี้อย่างมาก คือบางครั้งต้องยอมเป็นคนผิดในสายตาคนมากมาย เพื่อชาติบ้านเมืองไม่เดือดร้อน ก็ต้องทำ

แต่ทักษิณ กำลังสร้างความแตกแยกทำลายชาติ หมิ่นเบื้องสูงทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อเอาตัวรอด แต่อ้างประชาธิปไตยบังหน้า

หากทักษิณจะแก้แค้นหรือจะเอาอำนาจคืน หากรักชาติจริง ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีไม่สาย แต่ที่จริง ก็ไม่ต้องรอถึง10ปีจริงๆหรอก แค่รอให้บ้านเมืองผ่านวิกฤติเศรษฐกิจไปสัก2-3ปีก่อน แล้วค่อยกลับมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง ไม่ใช่ยิ่งซ้ำเติมปัญหาชองชาติให้หนักขึ้น

อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่า รักชาติมากกว่ารักตัวเอง หรือไม่ก็ทักษิณอาจมีใจคิดล้มสถาบันสูงสุดหลักจริง จึงไม่สนว่าสถาบันสูงสุดที่คนไทยเคารพจะระคายเคืองและเสื่อมเสีย

(ล่าสุดในวีดีโอลิงค์ทักษิณบอกพลเอกพิจิตร กุลวณิชย์ได้เป็นองคมนตรีเพราะโชคดี พูดอย่างนี้หมายความวาอะไร?)

(ยิ่งแกนนำเสื้อแดงโจมตีว่าพลเอกเปรมเป็นอำมาตย์ที่ขึ้นไปเพ็จทูลเรื่องเท็จ หากพูดอย่างนี้ แกนนำเสื้อแดงได้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่าในหลวงทรงเชื่อคนง่ายหรือไม่?)


******************************

บ้านไร้กังวล

ขณะนี้ทักษิณและลิ่วล้อจ้องโจมตีองคมนตรี โดยเฉพาะพลเอกเปรมและพลเอกสุรยุทธ เฉพาะในตอนนี้ผมขอแวะเฉพาะเรื่องที่ตอบง่ายๆนะครับ เรื่องยากๆปล่อยไปตามกรรม

ผมเห็นว่ามีพวกเสื้อแดงหลายๆที่โจมตีเรื่องชื่อบ้านพักของพลเอกเปรมที่โคราชว่า การใช้ชื่อ "บ้านไร้กังวล" นั้น ว่าเป็นการอาจเอื้อมที่จะใช้ชื่อเลียนแบบพระราชวังไกลกังวลหรือไม่?

แน่นอน! หากคนมีมิจฉาทิฐิก็ย่อมคิดในทางอกุศล ผมเองก็เคยคิดว่า หากผมเป็นคนต้านพลเอกเปรมผมก็จะเอาประเด็นนี้มาโจมตีเหมือนกัน แต่ผมไม่ใช่คนต้านพลเอกเปรม แค่ผมเป็นคนที่เคยเบื่อพลเอกเปรมตอนเป็นท่านนายกฯเท่านั้นเอง

ที่จริงคำว่า "ไร้กังวล" เป็นคำธรรมดาที่ใช้อยู่ทั่วไป เช่นในประโยคว่า สบายใจไร้กังวล หรือปลอดภัยไร้กังวล เป็นต้น

แต่คำว่า "ไกลกังวล" นั้นไม่ธรรมดา เพราะในรูปประโยคไทยทั่วๆไป ไม่มีใครใช้คำนี้ในประโยคใดๆ เช่น ไม่มีใครใช้ประโยคที่ว่า สบายใจไกลกังวล หรือ ปลอดภัยไกลกังวล เป็นต้น และยิ่งไม่มีใครใช้คำนี้มาตั้งชื่อสถานที่ใดๆอีก เพราะให้เกียรติ์แก่ชื่อนี้ไปแล้ว

และใครเล่าจะรู้ว่า พลเอกเปรม อาจได้เคยขอพระบรมราชานุญาตขอตั้งชื่อ "ไร้กังวล" กับในหลวงเป็นการส่วนพระองค์แล้วก็ได้ (แต่ความเป็นจริง ก็ไม่จำเป็นต้องทูลขอ เพราะเป็นคำธรรมดาพื้นๆ)

ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ตั้งชื่อนี้ เพราะบ้านหลังนี้ทหารเป็นคนสร้างให้พลเอกเปรม พลเอกเปรมอาจไม่มีส่วนในการตั้งชื่อเลยก็ได้ และที่สำคัญบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักทหาร ที่มอบให้พลเอกเปรมใช้เป็นที่พักเท่านั้น แต่ไม่ใช่ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ บ้านหลังนี้จึงเป็นของหลวงของราชการของทหาร ของหลวงจะใช้ชื่อคล้ายของในหลวง ก็ได้ ไม่เห็นแปลก

ผมเชื่อว่า คนไทยหลายๆคนคงชอบชื่อพระราชวังไกลกังวลกันเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นคำที่มีความหมายดี และมีความไพเราะชัดเจนมาก

แต่เพราะความชอบชื่อไกลกังวลมากๆ นี่แหล่ะ ก็เลยมีคนอยากนำไปตั้งชื่อบ้านหรือสถานที่ๆที่มีความสงบสุขของตนเอง แต่หากจะตั้งด้วยคำว่า "ไกลกังวล" ตรงๆ ก็จะกลายเป็นการไม่บังควร ก็เลยขออนุญาตกันเองว่า ขอตั้งคล้ายๆก้แล้วกัน เช่น "ไร้กังวล" เป็นต้น

ซึ่งผมคิดว่า แม้หากในหลวงทรงจะมาทอดพระเนตรพบชื่อบ้านประชาชนธรรมดาว่า "บ้านไร้กังวล" ผมคิดว่า พระองค์ก็คงไม่ทรงถือสาอะไร เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดามาก ใครๆก็ใช้ชื่อ ไร้กังวลได้ เพราะเป็นคำธรรมดา ไม่ใช่คำว่า"ไกลกังวล "ที่ถือว่า ให้เกียรติ์คำนี้ไปแล้ว

และเท่าที่ผมทราบ มีสถานที่หลายๆแห่งในประเทศก็ใช้คำว่า "ไร้กังวล" มาตั้งเป็นชื่อสถานที่ครับ(เช่นบ้านไร้กังวลที่เชียงใหม่ที่เป็นเทวสถานของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู)

ก็เหมือนกับที่บางคนนำชื่อ พระตำหนักจิตรลดาฯ ไปตั้งเป็นชื่อให้ลูกของตนว่า "จิตรลดา" นั่นแหล่ะครับ เป็นธรรมดามาก

***********************


Thai camerman begs Thaksin Shinawatra to answer why his mother and father were gunned down by police in his 'War on Drugs'




ประเด็นการมีเด็กกราบพลเอกเปรม

ที่จริงยังมีประเด็นรูปถ่ายที่นักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่งกราบพลเอกเปรม ที่ฝ่ายเสื้อแดงนำมาโจมตีพลเอกเปรมอยู่เสมอนั้น ผมว่ามันค่อนข้างธรรมดามากในวัฒนธรรมไทย แต่มันไม่ธรรมดาเมื่อมีกลุ่มคนคิดอกุศลจ้องทำลายนำเรื่องกราบมาใช้โจมตี

นักศึกษาจะกราบคนที่เขาเคารพยกย่องนับถือ คนที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากในหลวง คนที่ทำประโยชน์มากมายแก่ประเทศ ก็ไม่เห็นแปลก เปรียบเสมือนศิษย์กราบไหว้อาจารย์ หรือเด็กกราบผู้หลักผู้ใหญ่ทีมีคุณธรรม

ผมเองหากนับถือความดีของใครอย่างจริงใจ ผมก็สามารถก้มกราบทุกคนได้ครับ และด้วยเหตุที่เสื้อแดงใช้ประเด็นนี้มาโจมตีพลเอกเปรม ทำให้

เคยมีหญิงคนนึงมาขอความช่วยเหลือจากนายกฯสมัคร เมื่อนายกฯสมัครรับปากว่าจะดูแลให้ หญิงคนนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งจนอยากก้มกราบเท้าขอบคุณ แต่เพราะนายสมัคร รู้ว่า เคยมีการใช้ประเด็นการกราบมาโจมตีพลเอกเปรม นายกสมัครถึงกับโมโหและโวยวายต่อว่า หญิงคนนั้นว่า ทำอย่างงี้ได้ยังไง

ทั้งๆที่หญิงคนนั้นพยายามอธิบายว่า รู้สึกขอบคุณอย่างมาก จึงอยากจะกราบท่าน นายกฯสมัครก็ไม่สน เพราะตัวเองกลัวจะถูกฝ่ายตรงข้ามจะนำประเด็นแบบนี้มาจ้องทำลายเช่นกัน

นักมวยรุ่นน้องที่ชกกับนักมวยรุ่นพี่ หลังทำการชกเสร็จสิ้น ก็มักจะก้มกราบเท้าขออภัยนักชกรุ่นพี่ที่นับถือ มีให้เราพบเห็นอยู่เสมอ
.
คลิกดู เสื้อแดงเสร่อกราบพลทหารที่ปราบจราจลเองโดยไม่ได้ถูกบังคับ (เขาอยากจะกราบเอง)

************************

ที่ดินเขายายเที่ยง

ทักษิณมักจะพูดว่า "ผมเซ็นให้เมียไปซื้อที่ดินผิด แต่สุรยุทธบุกรุกที่ป่าเขายายเที่ยงไม่ผิด" การพุดเช่นนี้ฟังดูดีนะครับ แต่ไม่ตรงหลักความจริงเท่าใดนัก เพราะกรณีทักษิณมีกฏหมายห้ามไว้ก่อนแล้ว แต่ทักษิณก็ยังฝ่าฝืนและแถไปข้างๆคูๆ

ผมขอสรุปแบบเข้าใจง่ายๆนะครับ ก็คือ ที่ดินเขายายเที่ยงที่โคราชนี้ กรมป่าไม้ได้จัดสรรให้ชาวบ้านทำกินหลายแปลง ซึ่งเป็นที่ดินป่าเสื่อมโทรม และชาวบ้านไม่มีสิทธิในการครอบครอง ชาวบ้านแค่มีสิทธิในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่จัดสรร

ต่อมาพลเอกสุรยุทธก็ไปซื้อสิทธิการใช้พื้นที่นั้นมา แต่ก็ไม่มีสิทธิครอบครอง ซึ่งจะถามว่า ผิดมั้ย? ต้องตอบว่า ผิดครับ

เพราะกรมป่าไม้จัดสรรให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์และห้ามนำไปขายต่อ แต่ให้ตกทอดสิทธิแก่ลูกหลานต่อไป ก็คล้ายๆกับ กรณีตลาดนัดจตุจักร ที่ห้ามผู้ขายขายสิทธิต่อ แต่เขาก็ใช้วิธีเซ้งสิทธิต่อกันเป็นทอดๆนั่นแหล่ะครับ (อันนี้ตามความเข้าใจของผมนะครับ อาจผิดก็ได้)

ฉะนั้นสรุปว่า พลเอกสุรยุทธผิดที่ไปซื้อสิทธิต่อ(สวมสิทธิ) แต่พลเอกสุรยุทธก็ไม่มีสิทธิครอบครอง หากกรมที่ดินจะเรียกคืน ก็สามารถทำได้

หากท่านอ้างว่าไม่รู้ข้อเท็จจริงของที่ดินที่จะซื้อมาก่อน ความผิดของจะเปลี่ยนไปอีกแบบนึง เพราะการไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติเป็นความผิด จึงต่างกับการไม่รู้ข้อเท็จจริง

ถ้าไม่รู้ข้อเท็จจริงแล้ว สามารถแก้ตัวได้ เพราะเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด

กฎหมายถือว่าไม่มีเจตนา จึงไม่เป็นความผิดอาญา การไม่รู้ข้อเท็จจริง อันเป็นองค์ประกอบของความผิด (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 3) ที่ถือว่าผู้กระทำไม่มีเจตนาจึงไม่เป็นความผิดอาญาดังคำพิพากษาศาลฎีกาที่เป็นบรรทัดฐานดังนี้

ฎีกาที่ 1266/2515 ไม่รู้ว่าที่ดินที่ใดเป็นป่าสงวนไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507

ฎีกาที่ 2907 ถึง 2928/2517 เข้าใจว่าที่ดินที่จำเลย ไถ ทำนาเป็นที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครอง ไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360

ฎีกาที่ 320/2515 ประกาศ กฎกระทรวง คำสั่ง ระเบียบ หรือข้อบังคับต่างๆ ที่ออกโดยฝ่ายบริหาร ไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย การไม่รู้บทบัญญัติเหล่านี้ ต้องถือว่าเป็นการไม่รู้ข้อเท็จจริง เท่ากับไม่มีเจตนา (ฎีกาที่ 660/2492 และที่ 1347/2505) แต่ความเข้าใจผิด ที่อ้างว่าไม่รู้ข้อเท็จจริงนี้ จะต้องมีเหตุผลอันสมควรด้วย (resonable)

ส่วนความผิดเรื่องบุกรุกที่ดินป่าสงวนหรือไม่? ก็ต้องตอบว่า ไม่ผิดครับ เพราะเป็นที่ดินที่กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่อยู่แล้ว และมีการเสียภาษีแก่กรมที่ดินทุกปีครับ

ฉะนั้นที่ทักษิณโจมตีว่าพลเอกสุรยุทธบุกรุกที่ป่าสงวนจึงไม่เป็นความจริง!

ส่วนจะผิดแค่ไหนมากหรือไม่อย่างไร ผมไม่ขอวิจารณ์ครับ แต่ผิดแน่ๆ แต่ผู้รู้บางคนเขาเปรียบเทียบไว้ว่า หากเป็นพระก็ต้องปลงอาบัติแน่นอน

แต่หากให้เปรียบเทียบความผิดของพลเอกสุรยุทธกับทักษิณ ทักษิณย่อมผิดมากกว่า เพราะผู้นำสูงสุดควรต้องมีจริยธรรมสูงกว่านายทหารยศนายพันธรรมดาคนนึง(ยศขณะนั้น)

และพลเอกสุรยุทธ ก็บอกว่า หากพบว่าผิดเขาก็ยินดีรับผิดชอบ และพร้อมที่จะคืนที่ดินดังกล่าวทันที ซึ่งหากพลเอกสุรยุทธต้องคืน ก็คือ เสียชื่อ และเสียเงินค่าโง่ที่ไปซื้อมาฟรีๆ ก็เท่านั้น ส่วนท่านจะเจตนาทำผิดหรือไม่ ท่านเท่านั้นที่รู้ตัวเองดี แต่ที่แน่ๆ ท่านน่าจะลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับความผิดหากตัวเองได้ผิดจริงๆ
.
.

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ16 เมษายน, 2552 13:09

    มนุษย์โดยส่วนใหญ่
    มักหาเหตุผล
    มารองรับการกระทำของตนเอง
    ไม่มีคนไหน หรือกลุ่มไหน
    มองตัวเอง แล้วยกมือ บอก "ผมผิดเอง"...

    ตอบลบ
  2. ตร.สั่งไม่ฟ้อง"สุรยุทธ์"ถูกกล่าวหาบุกรุกเขายายเที่ยง

    เมื่อวันที่ 2 กันยายน พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) กล่าวถึงกรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเขายายเที่ยง ในจังหวัดนครราชสีมา ว่า มีคณะพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีแล้ว โดย พล.ต.ต.เชิด ชูเวช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เป็นหัวหน้า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากและค่อนข้างเกือบสมบูรณณ์แล้ว แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดในสำนวนคดีได้ เนื่องจากผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง

    แหล่งข่าวระบุว่า ในส่วนที่มีผู้แจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาบุกรุกพื้นที่เขตป่าสงวนฯเขายายเที่ยงนั้น พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรนครราชสีมา สรุปสำนวนคดีเสร็จสิ้นแล้วโดยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพยานซึ่งเป็นชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในพื้นเขายายเที่ยงต่างยืนยันว่าได้เข้ามาปลูกสร้างบ้านพักอาศัยอยู่มานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดคดีความขึ้น ระหว่างอาศัยไม่มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาแจ้งว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวนฯ ประกอบกับสอบปากคำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ระบุว่า เขายายเที่ยงนั้นมีพื้นที่เป็นบริเวณกว้างมาก แต่ในส่วนของกลุ่มชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ไม่ใช่พื้นที่เขตป่าสงวนฯจึงไม่ได้แจ้งกับกลุ่มชาวบ้านดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำนวนคดีของตำรวจนครราชสีมากับสำนวนของ บช.ก.คนละสำนวนกัน

    ตอบลบ
  3. ขออธิบายง่ายๆนะครับ ในกรณีที่ดินเขายายเที่ยง

    สุรยุทธไม่ได้บุกรุกที่ดินป่าสงวนครับ

    เพราะที่ดืนตรงนั้นเป็นที่ดินจัดสรรเพื่อเกษตรกรในเขตป่าสงวนที่เสื่อมโทรม

    ที่ดินนั้นเขาห้ามซื้อขายสิทธิต่อให้คนอื่น ให้ตกทอดแก่ทายาทเท่านั้น

    สุรยุทธผิดที่ไปซื้อในที่ดินจัดสรรเพื่อเกษตรกร และเป็นที่ที่เขาห้ามซื้อขาย

    ฉะนั้นสุรยุทธจึงไม่มีสิทธิที่จะครอบครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้ว

    หากป่าไม้ต้องการที่ดินคืนก็สามารถทำได้ทันที
    และสุรยุทธก็จะเสียเงินที่ซื้อมาแพงๆไปฟรีๆ

    ที่ผ่านมาสุรยุทธบอกเสมอว่า หากเขาผิดยินดีคืนที่ดินทันทีเช่นกัน

    และกรณีสุรยุทธนี้ ก็ไม่เป็นความผิดถึงขึ้นติดคุกครับ
    ทนายทองใบ ทองเปาว์เคยอธิบายไว้ ผมเคยอ่าน

    ตอบลบ
  4. กรณีของสุรยุทธต่างกับคดีที่ชาวบ้านรอบๆเขาที่ถุกดำเนินคดีจนติดคุก

    เพราะชาวบ้านมีที่ดินอยู่ในที่จัดสรรอยู่แล้ว แต่กลับไปบุกรุกเพิ่มเติมในเขตป่าสงวนแท้ๆ

    ส่วนสุรยุทธถือครองที่ดินจัดสรรในเขตป่าสงวนเสื่อมโทรม และเป็นการซื้อมาในทอดที่3แล้ว

    ตอบลบ
  5. กรณีเขายายเที่ยง นายเบ้าเจ้าของคนแรกเริ่มขายตั้งแต่ปี38 แล้วมีการขายทอดๆกันมาจนถึงภรรยาของพลเอกสุรยุทธในปี2545

    ในช่วงเวลาดังกล่าว นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในช่วงเวลาดังกล่าว แต่กลับละเลยการตรวจสอบที่ดินปัญหาดังกล่าว

    แต่พอนายปลอดประสพไม่มีหน้าที่โดยตรงกลับมาเจอปัญหาที่ดินนี้

    ประวัติการทำงาน

    - เม.ย. 2532 - มิ.ย. 2540 อธิบดีกรมประมง
    - มิ.ย. 2540 - ต.ค. 2540 รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
    - ต.ค. 2540 - เม.ย. 2541 *เลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม*
    - เม.ย. 2541 - ต.ค. 2545 *อธิบดีกรมป่าไม้*
    - ต.ค. 2545 - เม.ย. 2547 *ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม*
    - เม.ย. 2547 - มี.ค. 2548 ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการ
    - กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    - กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
    - ผู้อำนวยการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี่
    - ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
    - 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2548 กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2549 กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    .

    ตอบลบ
  6. จากการศึกษาข้อมูลทางกฏหมายที่ผมไปหาดู

    พบว่า กรณีที่มีการสวมสิทธิถือครองที่ดินประเภท ภบท.5 ที่ห้ามซื้อขาย แต่ให้ตกทอดแก่ทายาทเท่านั้น

    แต่เมื่อผู้ถือครองสิทธิอย่างนายเบ้า เจ้าของที่ดินเขายายเที่ยงที่เป็นปัญหากับพลเอกสุรยุทธนั้น

    เมื่อกรมป่าไม้พบการสวมสิทธิแล้ว ยังไม่เคยมีกรณีให้ผู้สวมสิทธิคืนที่ดินมาก่อน เพราะกฏหมายไม่ได้เขียนว่ต้องคืน

    แต่กฏหมายให้สิทธิกรมป่าไม้เพิกถอนสิทธิกับผู้ถือครองเดิมที่ผิดวัตถุประสงค์ที่ดินได้ทันที

    กรณีที่ดินปัญหาของพลเอกสุรยุทธนั้น ทางออกทางเดียวคือ กรมป่าไม้เพิกถอนสิิทธิของนายเบ้าเจ้าของสิทธิเดิม ให้กลับมาเป็นของรัฐซะ

    ส่วนพลเอกสุรยุทธไมมีมีสิทธิคืนที่ดินใดๆ เพราะมันไม่ใช่สิทธิของพลเอกสุยุทธมาตั้งแต่ต้นแล้ว

    เมื่อกรมป่าไม้เพิกถอนสิทธิของนายเบ้าคืนกลับสู่รัฐ เรื่องก็จบ

    ส่วนสำนึกในฐานะที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคนนึง แต่ไปสวมสิทธิในที่ที่เขาไม่ให้มีสิทธิ

    ตรงนี้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบทางสังคมและจริยธรรมของพลเอกสุรยุทธครับ

    19 มกราคม, 2010 05:31

    ตอบลบ

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม