เมื่อก่อนผมก็ไม่ชอบทักษิณเพราะผมรู้สึกว่า ทักษิณถึงเก่ง แต่ก็รวยจากธุรกิจสัมปทาน ใช้เวลาไม่กี่ปีขึ้นระดับเป็นมหาเศรษฐี
ผมรู้สึกว่าการที่คนเราจะรวยเร็วได้นั้นมีเหตุผลหลัก ๆ 2 อย่างคือ กิจการขายดีมาก ๆ จนรวยแต่ก็จะไม่รวยแบบปุบปับ เช่นธุรกิจของเครือซีพี ก็รวยมาจากขายสินค้าที่เกี่ยวกับการเกษตร กว่าจะก้าวมาเป็นยักษ์ใหญ่ได้นั้นต้องใช้เวลาสร้างสมหลายสิบปี ต้องขายในตลาดใหญ่ที่คนส่วนใหญ่เข้าถึง
แต่ธุรกิจมือถือของทักษิณ ช่วงที่ทักษิณก้าวเข้ามาเล่นการเมืองใหม่ๆ โดยเข้าพรรคพลังธรรมนั้น ตอนนั้นคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือจริงในไทยตอนนั้นมีไม่กี่แสนคน
ฉะนั้นการที่ทักษิณรวยได้อย่างรวดเร็วก็น่าจะมาจากการที่ขายทำกำไรแบบขูดรีดประชาชนถึงได้รวยเร็วขนาดนี้ แต่นั่นก็เป็นความคิดสมัยเด็กๆของผม ที่ค่อนข้างอคติกับการค้ากำไรเกินควร
ก่อนทักษิณเล่นการเมืองไม่นาน ทักษิณคือคนที่ให้กำเนิดดาวเทียมดวงแรกของไทย แม้จะไม่ใช่ดาวเทียมของรัฐโดยตรง แต่ทักษิณก็เป็นคนไทย ผมก็ร่วมภูมิใจกับเขาไปด้วย
กิจการดาวเทียมเป็นกิจการที่ต้องใช้โควต้าช่องสัญญาณร่วมกันในโลก แต่ละประเทศก็จะมีช่องสัญญาณได้จำนวนจำกัด ฉะนั้นถึงแม้ดาวเทียมจะเป็นของเอกชนอย่างทักษิณ แต่ก็ต้องขอสัมปทานช่องสัญาณในสิทธิของประเทศไทย
แต่เมื่อทักษิณขายกิจการดาวเทียมให้กลุ่มเทมาของเส็กสิงคโปร์ไป ก็เท่ากับขายช่องสัญญาณในส่วนของประเทศไทยไปด้วย เท่ากับว่า ตอนนี้ไทยเราไม่มีสิทธิในดาวเทียมในช่องสัญญาณของเราเองแล้วในขณะนี้
แม้ฝ่ายรักทักษิณจะอ้างว่าเมื่อหมดอายุสัญาญาณดาวเทียมก็ต้องกลับมาเป็นของไทยอยู่ดี แต่โปรดทราบด้วยว่า กว่าจะถึงวันนั้นดาวเทียมดวงเดิมก็จะหมดอายุหรือใกล้หมดสภาพการใช้งานไปแล้ว
.
ที่สำคัญ หากทักษิณอยากขายกิจการจริง ก็ควรขายในสัดส่วนที่กฏหมายกำหนด ไม่ใช่อาศัยเสียงข้างมากแก้กฎหมายเพื่อเอื้อการขายธุรกิจตัวเอง ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ในประเทศที่เจริญแล้วเขาจะไม่ยอมให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นกิจการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
เดิมกฎหมายอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 25% แต่ทักษิณแก้ไขจนต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 49 %
การที่ทักษิณทำแบบนี้ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำอย่างนี้เพื่ออะไร เงินสำคัญกว่าความมั่นคงชาติหรือไม่
ผมเองเคยไม่ชอบทักษิณสมัยตอนที่ไปคบกับจำลอง ทักษิณไปศรัทธาสันติอโศก แต่เมื่อทักษิณมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ พรรคไทยรักไทยนั้น ผมเริ่มทำใจยอมรับทักษิณขึ้นมาบ้าง
อีกทั้งไทยเราก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี40 ผมก็หวังให้ทักษิณใช้ความเก่งเข้ามาช่วยชาติ ผมก็เลือกทักษิณมาถึงสองสมัย เพราะผมเกลียดพรรคประชาธิปปัตย์ พรรคที่ดีแต่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ออกกฏหมายขายชาติ ไม่เคยช่วยเหลือคนจน เกื้อหนุนแต่คนรวย
ทักษิณ สร้างแนวทางการพัฒนาประเทศแบบประชานิยม ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะไม่เคยมีรัฐบาลไหนช่วยคนจนมากเท่านี้มาก่อน ผมสมน้ำหน้า! พรรคประชาธิปัตย์ที่แพ้การเลือกตั้งใหญ่ปี 48 อย่างราบคาบ
ทักษิณสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ผมหวังว่าทักษิณจะเป็นนายกที่มาจากการเลือกตั้งที่อยู่ยาวนานที่สุด ไทยเราจะเป็นหนึ่งในภูมิภาคนี้ จะแซงหน้าสิงคโปร์ได้แน่ หากทักษิณเป็นนายกฯ
แต่หลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะมีการทุจริตในรัฐบาลทักษิณ ผมเองก็ยังเข้าข้างทักษิณว่าไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง คงเป็นฝีมือของคนในรัฐบาลคนอื่นมากกว่า
เมื่อครั้งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดที่สวนลุมพินีในรายการ เมืองไทยรายวันสัญจร ประมาณปลายปี48 ผมได้ฟังสนธิกล่าวหาทักษิณว่า เรื่องที่ทักษิณพาลูกสาวคนโตไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ หลังลูกสาวสอบเสร็จ แต่ทักษิณก็ไปกับลูกสาวเพียงสองคนนั้น
สนธิกล่าวหาทักษิณว่าบินไปตกลงราคาซื้อขายหุ้นชินคอร์ปกับกลุ่มธุรกิจสิงคโปร์ ซึ่งผมบอกตรงๆว่า ผมไม่เชื่อสนธิแน่นอน!! ทักษิณจะขายทำไม!? กิจการเขาออกดีมีกำไรมากมาย แถมตัวเองก็เป็นถึงนายกฯ ต้องไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่ๆ
.
แต่เมื่อทักษิณขายหุ้นให้เทมาเส็กจริงๆ ผมก็ยอมรับว่า หมดศรัทธาทักษิณขึ้นทันที และยิ่งเมื่อศึกษาการขายหุ้นของทักษิณ ยิ่งเสื่อมศรัทธามากขึ้น เพราะมันผิดหลักการซื้อขายในตลาดหุ้น และต่อมา ผมก็เริ่มตามติดทุกคดีของทักษิณ ก็ยิ่งมั่นใจว่า ทักษิณผิดจริงๆ
นักวิชาการ นักธุริกจ นักกฏหมายของไทย ไม่มีใครเลยที่บอกว่าทักษิณไม่ผิด มันน่าสงสัยมั้ยว่าคนมีความรู้ทำไมเขาถึงไม่เข้าฝ่ายทักษิณเท่าใดนัก ไม่ใช่ผมจะเชื่อนักวิชาการเหล่านี้ทันที ผมหวังว่า ฝ่ายทักษิณ จะออกมาแก้ต่างในเรื่องนี้ได้ แต่แล้วกลับมีแต่เหตุผลข้างๆคูๆว่า ซื้อขายในตลาดหุ้นไม่ต้องเสียภาษีแค่นั้นเอง
ซึ่งถ้าเป็นตาสีตาสา ที่ไม่รู้ขั้นตอนระเบียบการซื้อขายหุ้นก็คงต้องเชื่อฝ่ายทักษิณโดยง่าย เพราะใจรักทักษิณเป็นทุนเดิม แต่ถ้าคนรู้จริงและศึกษาข้อมูลจะรู้ว่าทักษิณผิดแน่ๆ ผมก็อยากให้ทักษิณเป็นฝ่ายถูก แต่ก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาช่วยทักษิณได้เลย
และเมื่อยกเอาความชอบทักษิณเดิมของผมออกไป ผมลองศึกษาคดีซุกหุ้นของทักษิณที่ผ่านมา ก็ยิ่งรู้ว่า ทักษิณเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศชาติ หากทักษิณเป็นแค่นักธุรกิจทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่เป็นถึงนายกฯ การใช้วิธีการหลบเลี่ยงภาษีด้วยวิธีต่างๆ นับว่าขาดจริยธรรมอย่างมาก
พวกรักทักษิณในเว็บบอร์ดต่างๆ ที่เขียนเชียร์ทักษิณ หรือแม้แต่สามเกลอหัวเกรียนที่จัดรายการความจริงวันนี้ ทาง NBT ผมก็เห็นแต่ทำได้แค่ดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามทักษิณ แต่ไม่เคยนำเสนอว่าทักษิณไม่ผิดยังไงในเรื่องหุ้นชินฯ
การทำเช่นนี้แม้จะทำลายฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้ทักษิณพ้นผิดได้หรอก ที่สามเกลอไม่กล้าอธิบายเรื่องหุ้นทักษิณ ก็เพราะคงรู้อยู่แก่ใจว่า พูดไปก็ตายเปล่า
ศ่าลตัดสินโดยใช้พยานหลักฐาน และอธิบายหลักเหตุผล ส่วนพวกรักทักษิณก็กล่าวหาง่าย ๆ ว่า ศาลถูกตั้งโดยระบบอำมาตย์ ผมว่ามันเป็นข้ออ้างของพวกขี้แพ้ชวนตีมากกว่า มันเป็นการอ้างแบบชุ่ยๆ การอ้างแบบนี้ใครๆก็อ้างได้
บ้านเมืองถ้าไม่มีศาลตุลาการเป็นหลักแล้ว จะให้เชื่อพวกนักการเมืองรัฐบาลเท่านั้นเหรอ ผมว่าในทุกกลุ่มชนย่อมมีคนดีและไม่ดีทั้งนั้น
แต่โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า ยังไงศาลก็ยังน่าเชื่อถือมากกว่าพวกนักการเมืองแน่นอน เพราะคนที่จะมาเป็นศาลไม่ใช่อยู่ดีก็จะมาเป็นกันง่าย และศาลที่ตัดสินคดีทักษิณก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาเป็นศาล แต่ละคนต่างทำหน้าที่ศาลมาไม่ต่ำกว่า 20-30ปี ถ้าศาลจะเอียง ทำไมไม่เอียงมาทางฝ่ายรัฐบาลหรือทำไมไม่เอียงมาทางฝ่ายคนมีเงินอย่างทักษิณ มันน่าคิดมั้ยครับ
พวกรักทักษิณไม่ค่อยยอมรับเสียงส่วนน้อยที่เห็นแย้งกับตนเอง เพียงแค่นี้ก็เท่ากับว่าไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ยิ่งชอบไปบุกตีฝ่ายตรงข้ามก่อน ก็เท่ากับว่าไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว
ผมไม่ได้บอกว่าฝ่ายตรงข้ามทักษิณจะถูกต้องเสมอไป มีหลายเรื่องก็ผิดเช่นกัน และผมก็เกลียดจำลองด้วยซ้ำ แต่ในเรื่องความรุนแรงของการมุ่งทำร้ายร้างกายกันนั้น ผมว่าฝ่ายรักทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตยมากกว่าแน่นอน เพราะบุกไปตีเขาก่อนทุกครั้ง
หากเราไม่เชื่อในข้อมูลฝ่ายตรงข้าม ผมว่าเราควรฟังจากผู้มีความรู้ที่เป็นกลางน่าจะดีกว่า ฟังและวิเคราะห์โดยปราศจากอคติ แล้วเราก็จะรู้ว่า ทำไมนักวิชาการ นักศึกษา หมอ หรืออาจารย์มหาวิทยาลัย ทำไมไม่มีใครชี้ว่าทักษิณไม่ผิดสักคน
หากคิดว่าความคิด กู ถูกต้อง ไม่ต้องใช้หลักวิชาการรองรับ ไม่ใช้หลักเหตุผลรองรับ เอาแต่ว่ากูรักคนนี้ คนนี้ทำให้กูกินดีอยู่ดี ถ้าคิดแค่นี้ ก็เท่ากับรักตัวเองมากกว่าประเทศชาติแล้ว
ทหารที่ชายแดนบางครั้งต้องอดอยากเสี่ยงตาย จากบ้านช่องลูกเมีย เพื่อรับใช้ชาติ พวกเขาเคยไม่คิดถึงแค่ปากท้องสำคัญกว่าชาติบ้านเมืองหรอก ละอายใจกันซะบ้าง
แม้ทักษิณจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น แต่ถ้าไร้คุณธรรมโกงกระทั่งภาษีของชาติ หากพวกคุณยอมรับได้ ก็เท่ากับว่าตอนนี้ โลกก็เข้าสู่ ยุคมิคสัญญีแล้ว เพราะเงินทองสำคัญกว่าคุณธรรม
----------------------
ขอยกตัวอย่างเรื่องคิมซูซอน มหาขันที แถมท้ายหน่อยครับ
โชชิกคยอน พ่อของคิมซูซอน ก็เคยสอนว่า ขันที แม้ต้องถูกมองว่าเป็นคนผิดไปตลอดชีวิต ก็จะไม่ให้ใครลบหลู่พระเกียรติ์ฮ่องเต้ แม้ต้องตายเพื่อรักษาพระเกียรติ์ฮ่องเต้ก็ต้องยอม ซึ่งคิมซูซอนก็ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
หากเปรียบในยุคปัจจุบัน หากต้องตายเพื่อชาติ หรือโดนกล่าวหาว่าเลวในสายตาผู้คน ก็จะไม่ยอมให้ชื่อเสียงของชาติต้องเสื่อมเสีย
ไม่ใช่อ้างว่าตนเองโดนใส่ร้าย ก็หนีไปต่างประเทศ แล้วโยนบาปไว้ให้ชาติเสียหายแทน