วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ชาติกำเนิดและศักดิ์ศรี 128

(นี่เป็นบทที่ผมลองพยายามเขียนเท่าที่จะทำได้ครับ เขียนตอนที่33ของเจ้าหญิงอัตสึที่ค้างคาให้จบ เขียนไม่ละเอียดแต่ขอเน้นเฉพาะส่วนสำคัญเท่านั้น)

atsuhime 128


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 127


ภายหลังองค์จักรพรรดิก็ทรงตัดสินพระทัยจะให้องค์หญิงคะสึโนะมิยะมาแต่งกับโชกุน เพียงเพราะต้องการให้บะขุ็ยอมรับการที่ต้องเทิดทูนต่อองค์จักรพรรดิ และยอมเชื่อฟังคำสั่งจากราชสำนักโดยดี เป็นเวลาอย่างน้อย7-10ปี ตามคำแนะนำของท่านฮิวาคุระ ที่ปรึกษาในพระองค์

แม้องค์หญิงคะสึโนะมิยะนั้นมีพระคู่หมั้นแล้ว แต่เมื่อองค์จักรพรรดิทรงยกเรื่องเพื่อสงบสุขของประเทศชาติขึ้นมาเป็นเหตุผล องค์หญิงคะสึโนะมิยะจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะราชนิกุลต้องอยู่เพื่อปวงประชา

ทำให้องค์หญิงจึงจำต้องยอมตกลงมาแต่งงานกับโชกุนอย่างจำใจเพียงเพราะคำว่า หน้าที่เพื่อชาติเท่านั้น!!

โดยที่องค์หญิงจะมีผู้ติดตามจากพระราชานุญาตคือ พระสนมคังเงียวอินผู้เป็นพระมารดา และนิวาตะ สึงุโกะนางกำนัลอาวุโสก็จะติดตามมาเอโดะด้วย

-------------------------------

ส่วนทางท่านเท็นโชอินก็ถูกเหล่าพวกที่ปรึกษาสร้างเรื่องขึ้นว่า ทางสัทสุมะมีหนังสือร้องขอให้ท่านเท็นโชอินกลับไปอยู่ที่สัทสุมะ เพื่ออยากให้ท่านได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิดเพราะท่านเครียดมานานจากปัญหาต่างๆที่ผ่านมา

ทีแรกท่านเท็นโชอินก็คล้อยตามไป เพราะความคิดถึงบ้าน และเริ่มมั่นใจในความสามารถของท่านคุโบ ท่านจึงน่าจะวางใจได้ และท่านเท็นโชอินก็กำลังนึกว่า หรือว่าหน้าที่ท่านเสร็จสิ้นจริงๆแล้ว?หรือไม่?

แต่ภายหลังทาคิยามะได้มาบอกว่า หนังสืือที่่สัทสุมะส่งมาร้องของให้ท่านเท็นโชอินกลับสัทสุมะเป็นเรื่องที่เหล่าที่ปรึกษาสร้างเรื่องขึ้น เพราะต้องการกำจัดท่านเท็นโชอินให้พ้นไปจากโอโอขุ จึงสั่งให้คนของสัทสุมะเขียนขึ้นมา

ก็เพราะเหตุผลทางชนชั้นชาติกำเนิดของท่านเท็นโชอินนั่นเองที่คือสาเหตุ เพราะท่านเท็นโชอินมีชาติกำเนิดต่ำต้อยเกินไป เพราะท่านเกิดจากตระกูลย่อยของชิมะสึเท่านั้น แต่จะมาเป็นถึงแม่สามีขององค์หญิงจากวังหลวงนั้น ย่อมดูไม่เหมาะสม

ท่านเท็นโชอิน "เพราะข้าเกิดจากสายย่อยของสัทสุมะเท่านั้นใช่มั้ย?"

ทาคิยามะ "จะสายย่อยหรือสายตรงก็เหมือนกัน เพราะเป็นตระกูลซามุไร!"

"อ๋อเหรอ.. เพราะอย่างนี้นี่เองเหรอ.." เมื่อทราบเหตุผลที่แท้จริงจากทาคิยามะแล้ว จากสีหน้าที่วิตกกังวลของท่านเท็นโชอินก็เริ่มสงบลง และเริ่มมีรอยยิ้มในแววตา แต่แล้วในฉับพลัน! สีหน้าท่านก็เคร่งเครียด และท่านก็ลุกขึ้นยืนอย่างทรนง

แล้วท่านก็สั่งชิเงโนะว่า ไม่สามารถพาชิเงโนะกลับสัทสุมะด้วยกันได้อีกแล้ว แต่จะไปพบท่านหัวหน้าที่ปรึกษาเดี๋ยวนี้

------------------------------



และเมื่อท่านหัวหน้าที่ปรึกษามาเข้าพบ

ที่ปรึกษาอันโต "จะไม่กลับรึขอรับ?"

ท่านเท็นโชอินยิ้ม "ข้าตัดสินใจจะไม่กลับแล้ว ช่วยตอบสัทสุมะไปตามนี้ด้วยนะ" / "แต่ว่า.."

"จริงๆแล้ว ถ้าจะพูดถึงชาติกำเนิดของข้า ต่ำต้อยเกินกว่าจะเป็นแม่สามีขององค์หญิงคะสึโนะมิยะ มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา!"


ท่านอันโตเริ่มหน้าเสีย เพราะท่านเท็นโชอินรู้ทันเจตนาแฝงของเหล่าที่ปรึกษา

ท่านเท็นโชอินจึงเริ่มแจงเหตุผลแจ่มชัดและทรงพลังในอำนาจ!

"แค่เพราะเหตุนั้น พวกท่านถึงกับวางแผนจะไล่ข้ากลับสัทสุมะ ด้วยวิธีโง่เขลาแล้งน้ำใจเช่นนี้ได้อย่างไรกัน! ขณะที่ท่านอิเอโมจิเป็นอย่างนี้ แล้วต้องรับท่านคะสึโนะมิยะจากราชสำนักมาเป็นเจ้าสาว ท่านอิเอโมจิจะำลำบากยุ่งยากสักปานใด!"

"พอมาพิจารณาตรงจุดนี้แล้ว จะเป็นสัทสุมะหรือที่อื่น ข้าก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!!"


ที่ปรึกษาอันโตอึ้งในอำนาจแห่งผู้สูงสุดแห่งโอโอขุ ชิเงโนะแอบยิ้มสะใจ

แล้วสีหน้าที่เข้มและดุของท่านเท็นโชอินก็เริ่มเย็นลง และพูดต่ออีก "แต่ว่า จะบอกให้เอาบุญเรื่องนึงนะ" / "เอาบุญ?"

ท่านเท็นโชอินยิ้ม "ข้าน่่ะ..ได้ให้สัญญากับท่านพี่ที่ล่วงลับไปแล้วว่า.."

"จะปกป้องตระกูลโทกุกาวะให้คงอยู่ต่อไป ถ้าไม่เกิดเรื่องคราวนี้ล่ะก็ ข้าก็เกือบจะลืมสัญญานี้ไปแล้วสินะ" / "แต่ว่าท่านเท็น.."

"เจ้าแคว้นฟุกุชิมะ!!" / "ขอรับ"

"คนในบะขุฝุเป็นคนมีศักดิ์ศรีนะ.. ถ้าลืมจุดนี้ไปซะแล้ว มันก็จบเท่านั้่น!!"


เมื่อที่ปรึกษาอันโตได้ยินเรื่องศักดิ์ศรีแห่งตระกูลซามุไรทั้งหมดที่ท่านเท็นโชอินยกขึ้นมา จึงไม่มีเหตุผลอันใดอีกแล้วที่ท่านอันโตจะแย้งได้อีก

ท่านเท็นโชชินมองออก ท่านจึงลุกขึ้นอย่างสง่าตามแบบฉบับหญิงสูงศักดิ์แห่งโอโอขุ แล้วสะบัดชายกิโมโนเดินกลับออกไป

-----------------------------

เมื่อกลับมาที่ห้อง ท่านเท็นโชอินก็หยิบเครื่องรางที่ได้แลกกับนาโอโกโร่ขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วกล่าวให้ทาคิยามะ และชิเงโนะและนางกำนัลคนอื่นๆฟังว่า

ท่านเท็นโชอิน "ข้ากำลังอธิษฐานกับเครื่องรางชิ้นนี้ เรื่องที่ตัดสินใจว่า จะไม่กลับไปสัืทสุมะและเรื่องอื่นๆด้วย แล้วก็.. ข้าละอายใจด้วย"

ทาคิยามะ "ละอายใจรึเจ้าคะ?"

"ไม่ได้คิดถึงสัทสุมะ แม้แว่บเดียวข้าก็ละอายใจแล้ว"

ทุกคนในที่นั้นต่างซาบซึ้งไปกับความรักบ้านเกิดของท่านเท็นโชอิน

"ท่านรักสัทสุมะมากมายถึงขนาดนั้นรึเจ้าคะ? แต่ความรู้สึกต่อสัทสุมะ..ก็ต้องปกปิดเอาไว้ คงจะอัดอั้นตันใจนัก"

แต่เศร้าแค่เพียงแวบเดียว ท่านเท็นโชอินก็ลุกขึ้นแล้วหันมาสั่งแก่นางกำนัลทั้งหลายว่า "เรากำลังมีงานสำคัญรออยู่นะ ก็คือเตรียมการต้อนรับองค์หญิงคะสึโนะมิยะไงล่ะ" / "เ้จ้าค่ะ!"

ท่านเท็นโชอินเริ่มต้นด้วยการย้ายข้าวของของตนเองออกจากห้อง เพื่อเตรียมยกห้องให้แด่ท่านคะสึโนะมิยะ และสั่งให้ซื้อข้าวของใหม่และดีที่สุดทุกชิ้นเพื่อมิโดโกโดโระคนใหม่

--------------------------

ก่อนจะเดินทางจากเกียวโตมาปราสาืเอโดะ องค์หญิงคะสึโนะมิยะ ก็ทรงรับสั่งแก่ท่านนิวาตะว่า "แม้จะต้องไปที่เอโดะตามหน้าที่ แต่ทุกอย่างจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเกียวโตทั้งสิ้น "

หรือพูดง่ายๆว่า องค์หญิงคะสึโนะมิยะจะไม่ยอมรับธรรมเนียมแห่งบ้านซามุไรนั่นเอง...

ปัญหาระหว่างตระกูลซามุไรกับราชินุกลสูงศักดิ์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
.
.

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตายอย่างมีเกียรติ 127

.
.

(บทนี้คือบทความตกค้างที่ผมยังเขียนไม่เสร็จครับ) อ่านบทความขออภัย


atsuhime 127


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 126


และเมื่อท่านอิเอโมจิได้มาเยี่ยมท่านเท็นโชอิน

ท่านเท็นโชอิน "เรื่องแต่งงานนี่ ท่านอิเอโมจิคิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ?

ท่านคุโบ "ก็อย่างที่เคยบอกแล้วน่ะขอรับ ตอนนี้ยังเร็วไปสำหรับข้า มันยังเร็วเกินไปน่ะขอรับ"

"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เร็วหรือว่าช้านะ! การแต่งงานของโชกุนมีผลทางการเมืองแน่อยู่แล้ว แต่ที่ข้าถาม เพราะอยากรู้ความในใจของท่าน"

"บะขุฝุจะเรียกความศรัทธาคืนมา ด้วยวิธีการแบบนี้ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ตอนนี้ข้าไม่รู้หรอก คิดอยู่แค่นี้เองขอรับ" / "เข้าใจละ"

"แต่ที่แน่ๆ เรื่องการแต่งงานนี้จักรพรรดิจะทรงยอมหรือเปล่า ก็ยังไม่มีใครรู้เลยนะขอรับ" / "ที่พูด..มันก็จริงอยู่"

"เพราะฉะนั้นคิดแค่นี้ก็พอแล้ว คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกขอรับ"

ท่านเท็นโชอินได้ฟังท่านอิเอโมจิกล่าวแบบนี้ ก็ถึงอึ้ง! "จริงสิ..!?..จริงด้วยสินะ!?"

"อึ้ม!! อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ!!"
แล้วท่านเท็นโชอินก็ถึงบางอ้อ!! (ท่านคุโบแอบขำ)

"เป็นอะไรไปล่ะ?" / "เปล่าขอรับ" ท่านคุโบอดขำไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางท่านเท็นโชอินแบบนั้น
.
วันนี้ท่านเท็นโชอินได้เห็นถึงความสุขุมของท่านอิเอโมจิแล้ว

-------------------------

อีกด้านหนึ่งที่แคว้นสัทสุมะ หลังจากเหตุการณ์นอกประตูซากุระดะจบลง ซามุไรหนุ่มคนนึงก็กลับมาบ้าน

คืนวันนั้นกลุ่มซามุไรระดับล่างแห่งสัทสุมะนั่งดื่มและหารือกัน

อาริมะ
"ได้ยินว่าคนที่ตัดหัวอี คือจิเซม่อน ใช่รึเปล่า?" / "ใช่! น้องชายข้าทำงานสำเร็จอย่างดีเยี่ยม และเขาได้ทำฮาราคีรีไปแล้ว" ท่า่นชุนไซตอบ

ในทีนั้น 'ยูสุเกะ' น้องชายอีกคนของท่านชุนไซ ซามุไรแห่งสัทสุมะอีกคนที่ร่วมในการลอบสังหารไทโรอีก็นั่งอยู่ในห้องด้วย สีหน้าของเขาดูเศร้ามากๆ

โอยามะ
"ดีแล้วล่ะ น้องชายของพวกเจ้าเป็นศรีแก่กลุ่มเซจูของพวกเรา" / "นักรบแห่งสัทสุมะต้องกล้าหาญอย่างนี้แหล่ะ ใช่มั้ย!!" อิจิชิพูดเสริม

"ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!" เพื่อนๆต่างเห็นด้วย (ส่วนท่านโอคุโบะที่นั่งฟังอยู่ด้วย ก็ได้แต่ดื่มเหล้าด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด)

ระหว่างนั้นทาเตวากิได้เปิดประตูเข้ามาในห้อง

โอยาม "อ้าว ว่าอย่างไรท่านโคมัทสึ?"

ทาเตวากิมีสีหน้าเคร่งเครียดมาก และหันไปมองทางท่านโอคุโบะ แล้วส่ายหัวเหมือนบอกอะไรบางอย่าง!

อาริมะ "มีอะไรกันเหรอ? ทำเป็นลับลมคมใน!!"

ท่านโอคุโบะหันไปถามทาเตวากิว่า
"ยูสุเกะ ถูกสั่งให้ทำฮาราคีรีใช่มั้ย?" / "ใช่" ทาเตวากิตอบ

อิจิชิ "แล้วทำไมต้องทำด้วยล่ะ? ยูสุเกะเป็นนักรบแถวหน้าของพวกเรา เป็นเกียรติเป็นศรีของกลุ่มเรานะ ทำไมต้องทำฮาราคีรี ทำไมต้องล้างอายด้วยเล่า!?"

ทาเตวากิ
"เพื่อไม่ให้แคว้นเราต้องรับผิดชอบ ไม่ให้บะขุฝุหาว่าแคว้นเราสั่งน่ะสิ" / "แปลว่าเรากลัวบะขุฝุจะโกรธ เลยต้องเอาใจมันใช่มั้ย?" ท่านอาริมะชักเดือด

นาฮาระ
"พวกเราเป็นควาย ยอมให้มันสนตะพายรึยังไง!!?" / "นาฮาระ!!" ท่านโอคุโบะตวาดเพื่อให้เพื่อนระงับอารมณ์

อาริมะ
"เราไม่ยอมให้ทำฮาราคีรีหรอกน่า! ถ้าทางแคว้นไม่ปกป้องคนร่วมอุดมการณ์ของพวกเรา พวกเราก็จะปกป้องชีวิตยูสุเกะเอง!!"

"ใช่! ใช่! ใช่!"
ซามุไรเลือดเดือดต่างลุกขึ้นเพื่อสนับสนุนความคิดของท่านอาริมะ แต่..

"เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน! ทั้งยูสุเกะและจิเซม่อน ลั่นปากเอาไว้แล้วว่า จะไม่ทำให้มีภัยมาถึงท่านเจ้าแคว้น เพราะฉะนั้นพวกน้องชายข้า จึงไม่ต้องการให้ทางแคว้นมาปกป้องเรา ตัวข้าเองก็ยังอยากจะ.. ให้น้องชายทำฮาราคีรีด้วยซ้ำไป" ท่านชุนไซกล่าวและมองไปทางท่านจิเซม่อน ผู้เป็นน้อง

"พูดอย่างนี้ยังเป็นพี่ชายของยูสุเกะรึเปล่าเนีย!!?" ท่านอาริมะเดือดอย่างที่สุด
/ "เพราะข้าเป็นพี่น่ะสิถึงได้พูดแบบนี้!!" ท่านชุนไซสวนกลับทันที

บรรยากาศในห้องต่างเดือดและโศกเศร้าไปพร้อมๆกัน

"ข้าน่ะ เตรียมจะทำแบบนี้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว" ยูสุเกะ กล่าว

ชุนไซ"ยูสุเกะ ก็แค่อยากตายอย่างมีเกียรติ อย่างที่ซามุไรควรจะเป็นเท่านั้นเอง" / "ท่านชุนไซ.." ทาเตวากิน้ำตาคลอ

หลังจากได้ฟังเหตุผลจากท่านชุนไซแล้ว ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งและโศกเศร้า ส่วนท่านอาริมะเองก็เข้าไปกอดยูสุเกะและร้องไห้อย่างอาลัย

--------------------------

วันต่อมา ท่านทาดายุกิ ในฐานะผู้ดูแลเจ้าแคว้น ขณะท่านกำลังคุมการฝึกซ้อมยิงปืนใหญ่อยู่ ทาเตวากิก็เข้ามารายงาน

ทาเตวากิ "นายท่าน ข้ามีเรื่องด่วนจะต้องพูดกับท่านขอรับ!"

ท่านทาดายุกิสั่งทหาร "หยุดยิงก่อน!"

เมื่อสิ้นเสียงปืนแล้ว

"ว่ามาเลย" / "เราเสียสมาชิกกลุ่มเซจูไปแล้ว2คนขอรับ และดูเหมือนคนอื่นๆก็กำลังจะเอาใจออกห่างจากแคว้นเราแล้วขอรับ"

"พวกที่เสนอตัวจะทำงานให้สัทสุมะ ถึงขนาดกรีดเลือดเขียนจดหมายมานั่นน่ะเหรอ?" / "ถ้านายท่านไม่ยับยั้งพวกเขาไว้ก่อน พวกเขาก็จะจากไปจริงๆนะขอรับ"

"คนที่มีความสามารถ พอที่จะเป็นผู้นำกลุ่มเซจูได้น่ะมีมั้ย?" / "มีขอรับ!"

"โอคุโบะ โชสุเกะ งั้นรึ!?"


-------------------------

ต่อมา ทาเตวากิก็ได้พาท่านโอคุโบะเข้าพบท่านทาดายุกิ

ท่านทาดายุกิ
"เงยหน้าขึ้นเถอะ" / "ขอรับ" ท่านโอคุโบะตอบ

"ข้าจะเรียกเจ้าว่าผู้แทนของกลุ่มเซจูก็แล้วกันนะ มีอะไรในใจก็พูดออกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ"

"ขอรับ!.. คราวก่อนที่พวกข้ายื่นหนังสือมา เพราะว่าพวกเราทั้งหมด อัดอั้นตันใจอย่างมากเหมือนกันทุกคนน่ะขอรับ" / "อืม.."

"ขออภัยขอรับ สิ่งที่เขียนไว้ในจดหมายนั้น เป็นวิธีจัดการกับเหตุที่ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้น ท่านนาริอาคิระที่เสียไปจึงวางแผนเพื่อให้สัทสุมะของเราสามารถปกป้องญี่ปุ่นได้ขอรับ" / "เจ้าพูดถูกต้อง"

"อย่างที่เราทราบกันว่าที่เอโดะ ไทโรผู้เป็นใหญ่ที่สุดในรัฐบาล สั่งให้ปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง ตอนนี้ถึงเวลารึยังที่สัทสุมะของเรา ควรจะเข้าไปปฏิรูปบะขุฝุเสียที!!"

"เจ้ากำลังเสนอให้ส่งทหารออกไปใช่มั้ย?" / "นายท่านเข้าใจถูกต้องแล้วขอรับ!!"

ทาเตวากิได้ยินข้อเสนอของท่านโอคุโบะก็ถึงกับตกใจ แต่ท่่านทาดายุกิกลับนิ่งสงบ ยังไม่ตอบอันใด จนทาเตวากิกับท่านโอคุโบะต้องมองไปที่ท่าน

ท่านทาดายุกิจึงชี้แจงเหตุผลว่า "ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น.. การลอบสังหารท่านอีน่ะเป็นเรื่องใหญ่ก็จริง แต่ไม่ใช่สงคราม ถ้าหากผลีผลามส่งทหารไปโดยไม่คิด ก็มีแต่จะทำให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกเท่านั้น แต่เรื่องสำคัญที่ีสุดก็คือ ข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งกลุ่มเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อแคว้นอย่างมาก ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ไม่อยากจะให้พวกเจ้าเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ เข้าใจมั้ย?"
.
"ไปบอกผู้ร่วมอุดมการณ์ว่าจงเก็บชีวิตเอาไว้ทำงานที่มีประโยชน์จริงๆดีกว่า เข้าใจนะ!"
.
"ขอรับ!" ท่านโอคุโบะเข้าใจเจตนาของท่านทาดายุกิแล้ว
.
.
.
.

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หาทางออก.. ด้วยการให้อภัย

.
.

เนื่องจากผมกำลังพบปัญหาหนักในชีวิตตอนนี้ ที่เป็นผลจากคนอื่นสร้างให้โดยที่เขาไม่ตั้งใจ ผมพยายามหาทางดับทุกข์ แต่ก็ยังทำไม่ได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้รับการแก้ไข

แต่ผมก็ไม่อยากเคียดแค้นผู้ที่ก่อทุกข์ให้ผม พอดีเจอบทความดี เลยอยากเอามาช่วยเผยแพร่ครับ

-----------------------------

เรื่องการให้อภัย!

หลายปีก่อนมีคดีหนึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ๆในแก๊งhen ทุกนัดที่มีการสืบพยานในศาล...

แม่ของผู้ตายนั่งฟังการพิจารณาอย่างนิ่งเงียบ หลังจากที่ศาลตัดสินจำคุกวัยรุ่นผู้นั้น แม่ของผู้ตายเดินเข้าไปหาเขา จ้องหน้าและพูดว่า

"ฉันจะฆ่าเธอ!"

ผ่านไปครึ่งปี หญิงผู้นั้นก็ไปเยี่ยมคนที่ฆ่าลูกชายเธอ เธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ไปเยี่ยมเขา เพราะเขาเป็นเด็กข้างถนน ไม่มีญาติพี่น้อง ก่อนที่จะจากกัน เธอให้เงินเขาเป็นค่าบุหรี่ แล้วเธอก็เริ่มไปเยี่ยมเขาบ่อยขึ้น แต่ละครั้งก็เอาอาหารและของฝากไปให้

เมื่อใกล้ครบกำหนดจำคุกสามปี หญิงผู้นั้นก็ถามว่า เขาจะทำอะไรเมื่อพ้นโทษ เขาตอบว่าไม่รู้ เธอจึงหางานให้เขาทำในบริษัทของเพื่อน ครั้นถามว่าเขามีที่พักไหม ก็ได้คำตอบว่าไม่มี เธอจึงชวนเขามาพักในบ้านของเธอ "บ้านของเด็กที่เขาฆ่ากับมือ"


ตลอดแปดเดือนเขาพักบ้านเธอ กินอาหารที่เธอทำ แล้วเย็นวันหนึ่งเธอก็เรียกเขาไปคุยในห้อง เธอนั่งประจันหน้าเขานิ่งเงียบพักใหญ่ แล้วพูดขึ้นว่า

"เธอจำได้ไหมตอนที่อยู่ในศาล ฉันพูดว่าจะฆ่าเธอ?"

"จำได้ครับ"

"ฉันไม่ต้องการเห็นคนที่ฆ่าลูกฉันยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ฉันต้องการให้เขาตายเพราะเหตุนี้แหละฉันจึงไปเยี่ยมเธอและเอาของไปให้ เพราะเหตุนี้แหละฉันจึงหางานให้เธอและให้เธออยู่บ้านฉัน"

ถึงตรงนี้ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แล้วแม่ของผู้ตายก็พูดต่อไปว่า "ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเธอ ตอนนี้เจ้าวัยรุ่นคนนั้นก็จากไปแล้ว ฉันจะถามเธอล่ะทีนี้ว่า ลูกของฉันจากไปแล้ว เจ้าฆาตกรก็จากไปแล้วเช่นกัน เธอยังจะอยู่ที่นี่อีกหรือเปล่า ฉันอยากรับเธอเป็นลูกหากเธอไม่ว่าอะไร"

ในที่สุด เธอก็ได้กลายเป็นแม่ของคนที่ฆ่าลูกเธอ ส่วนฆาตกรผู้หลงผิดก็ได้แม่ซึ่งเขาไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต

เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหญิงคนหนึ่ง แต่เธอก็ได้พลิกเปลี่ยนเหตุการณ์ให้กลายเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ชัยชนะอันสำคัญมิได้อยู่ที่เธอได้ลูกคนใหม่มาแทนคนเก่าที่จากไป หากได้แก่การกำจัด "ศัตรู" ของเธอ โดยไม่มีใครเป็นฝ่ายสูญเสียแต่อย่างใด ทุกคนเป็นผู้ชนะ ทั้งตัวเธอเอง และชายหนุ่มผู้หลงผิด

ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในเหตุการณ์ครั้งนี้มิได้เกิดจากการแก้แค้น แต่เกิดจากการให้อภัย การให้อภัยนั้นมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากกำจัดคนชั่วร้ายให้หมดไปโดยปราศจากการสูญเสียเลือดเนื้อแล้ว ยังสามารถฉุดรั้งชีวิตให้พ้นจากความตกต่ำ เข้าสู่หนทางที่ดีงาม มิใช่แค่ชีวิตของฆาตกรผู้หลงผิดเท่านั้น หากรวมถึงชีวิตของหญิงผู้เป็นแม่ด้วย

ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรหากจิตใจถูกเผาลนด้วยความโกรธ หรือหมกมุ่นอยู่กับความเคียดแค้นพยาบาท วันแล้ววันเล่า ทั้งนี้โดยหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่า ความวิบัติของฆาตกรเท่านั้นที่จะทำให้เธอถูก"ปลดปล่อย"จากความทุกข์ทั้งมวล แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง คนที่จะย่ำแย่เป็นคนแรกก็คือตัวเธอนั่นเอง

ไม่มีอะไรที่จะปลดปล่อยเราจากความทุกข์เพราะถูกทำร้ายได้ดีไปกว่าการให้อภัย

การให้อภัยจะช่วยให้เราเป็นอิสระจากกรงขังที่เราสร้างขึ้นไว้เอง อันได้แก่กรงขังแห่งความเคียดแค้นพยาบาท ต่อเมื่อสลัดความเคียดแค้นออกไป อิสรภาพจึงจะบังเกิดขึ้น

ถึงที่สุดแล้วชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้ มิได้อยู่ที่การชนะใจฆาตกรผู้หลงผิด หากได้แก่การที่ผู้เป็นแม่สามารถเอาชนะความเคียดแค้นพยาบาทในใจเธอ แล้วให้เมตตากรุณามาแทนที่ ชัยชนะเช่นนี้ต้องอาศัยความกล้า ความเข้มแข็งและความมั่นคงในจิตใจอย่างมาก

แน่ละ การให้อภัยคนที่ทำร้ายดวงใจพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่าย ๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่บ่มเพาะได้ หากสนใจ ไยไม่เริ่มจากการให้อภัยคนที่ชอบนินทาเรา พูดจาไม่ถูกหู หรือไม่ซื่อต่อเรา ใช้ความรักความจริงใจเข้าหาเขา แล้วดูซิว่าจะได้ผลดีกว่าการแก้แค้นตอบโต้เขาไหม ?

จบ.

บทคามจากhttp://www.rakdee.net/hai_apai.html

-----------------------------

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านนะครับ


วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ขออภัยคุณผู้อ่านทุกท่าน

ผมพบปัญหาใหญ่มากในครอบครัว ซึ่งผมต้องใช้เวลาแก้ไขมากและอีกนาน ทำให้ผมไม่อาจจะมีเวลาเขียนเจ้าหญิงอัตสึที่รักได้อีก ผมเคยตั้งใจจะเขียนให้จบ แต่ผมทำไม่สำเร็จ ผมเองก็รู้สึกผิดมาก

ผมขอโทษคุณผู้อ่านที่ติดตามผมมาตลอดด้วยนะครับ แต่ผมต้องใช้เวลาเพื่อไปแก้ปัญหาหนักมากที่ตนกำลังประสบอยู่

หลายท่านอาจคิดว่าผมขี้เกียจ หรือแกล้งคนติดตามรึเปล่า?

แต่ด้วยความสัตย์ ผมมีความจำเป็นต้องหยุดเขียนอัตสึจริงๆ แต่เพราะเรื่องอัตสึเป็นบทความที่ต้องใช้เวลามาก และต้องมีจิตใจที่สงบในการเขียนมาก ซึ่งผมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีก

ผมไม่อยากให้บล้อคนี่ร้างไปเลย เพราะผมสร้างจากใจ รักมาก

ผมจะพยายามเขียนบทความอื่นๆที่สั้นมากๆบ้าง หากทำได้

เพราะอยากจะรักษาบล้อคนี้ไว้ แต่ไม่รู้คุณผู้อ่านจะอยากติดตามเหมือนเดิมหรือเปล่า?

ขอบคุณคุณจูน คุณทศพรรษ คุณarporn คุณladda และอีกหลายๆท่านด้วยครับที่ติดตามมาตลอด
.
.

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พระขนิษฐาจักรพรรดิ 126

atsuhime 126


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 125


(คลิปมาช้ามาก ต้องรอครับ แต่บางครั้งก็เร็วเอาแน่ไม่ได้)



ผู้ปกครองต้องเสียสละเพื่อประชาชนและบ้านเมืองอย่างกล้าหาญ เมื่อดูตามประวัติศาสตร์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบะขุฝุกับเกียวโตแล้ว ก็มีสตรีคนนึงที่ต้องทำเช่นนั้น นั่นคือการที่ราชสำนักและบะขุฝุใช้สตรีในฝ่ายตนไปสมรสกับอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อผลทางการเมือง

ไทโรอีวางแผนที่จะพระขนิษฐาของพระจักรพรรดิมาเป็นมิไดโดโกโระ หวังให้ราชสำนักกับบะขุะฝุมีความสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งขึ้น เป็นการรวมกันระหว่างเชื้อพระวงศ์กับตระกูลซามุไร เพื่อความมั่นคงของรัฐบาลและตระกูลโชกุนโทกุกาวะ และเพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ

แต่ว่าการฆาตกรรมนอกประตูซากุระดะ ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

สตรีคนหนึ่งต้องมาเป็นเหยื่อของยุคสมัย ต้องรับเคราะห์ ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนกับท่านหญิงอัตสึ

------------------------------

ท่านเท็นโชอินกำลังนั่งอมยิ้มมองภาพซากุระจิมะอย่างมีความสุข

ชิเงโนะ
"ยังดูภาพนี้อีกไม่เบื่ออีกเหรอเจ้าคะ?"

ท่านเท็นโชอิน "ดูเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มใจ ดูแล้วเหมือนกับเหตุการณ์ครั้งกระโน้นมันหวนกลับมาอีกครั้ง" / "ขนาดนั้นเลยรึเจ้าคะ"

เพียงชั่วแวบเดียวสีหน้าที่มีความสุขของท่านเท็นโชอินก็เริ่มเปลี่ยน

"ไม่นึกเลยว่่าซามุไรของสัทสุมะ จะเอาชีวิตของเขาไป..." / "แต่ว่าเป็นเพราะท่านอีใช้วิธีรุนแรงเกินไป คนที่แค้นจนทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นมาทำแบบนั้น"

"ถ้าใช้ดาบทำร้ายคนอื่น! ก็ต้องดาบนั้นคืนสนองอยู่แล้ว!" / "เอ๊ะ?"

"ตอนอยู่ที่สัทสุมะน่ะ ท่านพ่อที่เสียไปสอนข้าแบบนี้ ความแค้นทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องการแก้แค้น ก็เลยสู้กันไปสู้กันมาไม่สิ้นสุด" / "จริงด้วยเจ้าค่ะ"

"เรื่องที่ไทโรีได้ทำลงน่ะ ตัดสินไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่ตัวเขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่ตัวเองทำไปมันถูกต้องแล้ว"
สีหน้าท่านเท็นโชอินเริ่มดีขึ้นเมื่อนึกถึงคำพูดของไทโรอีอีกครั้ง

( ท่านเท็นโชอิน "ทำให้เลือดนองทั่วแผ่นดิน ท่านไม่ละอายต่อฟ้าดินบ้างรึ?" / ไทโรอี "ไม่เคยแม้แต่จะคิด เพราะข้าได้ทำไปตามหน้าที่ของข้าเท่านั้นเอง" )

"เขาทำตามคำว่า หน้าที่อย่างสุดชีวิตเพื่อปกป้องบะขุฝุจริงๆ" / "แล้ว..สิ่งที่ท่านอีอยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ จะเป็นยังไงต่อไปล่ะเจ้าคะ?"

"เรื่องที่เขาอยากจะทำเหรอ?" / "ให้ท่านคุโบกับพระขนิษฐาของจักรพรรดิ จับคู่แต่งงานกันไงเจ้าคะ"


ท่านเท็นโชอินได้ยินก็ตกใจ "แต่งกับพระขนิษฐาของจักรพรรดิอย่างงั้นเหรอ!?"

"ท่านไม่ทราบเรื่องนี้หรอกหรือเจ้าคะ?"

ท่านเท็นโชอินอาจเคยได้ยินเรื่องที่มีคนอยากให้ท่านโชกุนแต่งงาน แต่เพิ่งเคยได้ยินว่าคนที่ถูกกำหนดนั้นเป็นเจ้าหญิงจากวังหลวง

---------------------------

ขณะเดียวกันที่เกียวโต ก็มีการพูดคุยถกเถียงถึงเรื่องการแต่งงานขององค์หญิงต่อหน้าพระจักรพรรดิ

หัวหน้านางกำนัล นางกำนัลอาวุโสท่านนิวาตะ สึงุโกะ "ดื้อจริงๆเลยท่านคุโจน่ะ" / "หา?" เสนาบดีขวาท่านคุโจ งง!

"ท่านคุโจน่ะดื้อจริงๆ!!" / "แต่เรื่องนี้มันก็เคยมาแล้วก็คือ ท่านยะสะโนะมิยะกับท่านโชกุนคนที่7 ท่านอิเอสึกุก็แต่งงานกันได้"

"เรื่องนั้นน่ะ! ท่านอิเอสึกุด่วนถึงแก่กรรมไปเสียก่อน ก็เลยไม่ได้แต่งงานกันจริงๆต่างหากล่ะ"

"ถึงจะแค่หมั้นกันเท่านั้นแต่ก็จับคู่กันก็คือแต่งนั่นแหล่ะ คราวนี้ก็เหมือนกัน.."

"คุโจ!" พระจักรพรรดิโคเมทรงนั่งฟังการถกเถียงกันอยู่นานเริ่มเอ่ยขึ้น / "พะยะค่ะ!"


"ข้าก็เคยบอกแล้วไง คะสึโนะมิยะน้องสาวข้าไม่เกี่ยวข้องด้วยนะ ไม่ต้องหยิบยกคำขอของบะขุฝุมาพูดอีก"

ท่านคุโจได้ยินจักรพรรดิทรงรับสั่งเช่นนั้น ก็ถึงกับคอตก ส่วนท่านนิวาตะก็ยิ้มเยาะ

แต่ท่านคุโจไม่ละความพยายาม "ขอพระราชทานอภัย การรวมกันเป็นปึกแผ่นนั้นสำคัญมาก จึงอยากจะขอให้พระองค์ทรงพิจารณาอีกครั้งหนึ่งพะยะค่ะ เวลานี้เราต้องคิดถึงอนาคตของประเทศ"

ท่านนิวาตะ
"ท่านคุโจ! ท่านควรจะไปบอกทางเอโดะให้ขับไล่พวกฝรั่งออกไปให้หมดเสียก่อน แล้วค่อยมาพูดกัน ถ้าทางโน้่นยังไม่ทำอย่างนั้น แต่อาจเอื้อมมาขอองค์หญิงในวังแบบนี้ นิวาตะ สึเงโกะไม่อาจจะเห็นพ้องด้วย"

"แต่ข้าคิดว่า.." / "อย่าดื้อนะ!!"
ท่านนิวาตะตวาดเสียจนท่านคุโจผวา!!

ณ.เวลานี้พระจักรพรรดิยังทรงคัดค้านการแต่งงานขององค์หญิงคะสึโนะมิยะกับโชกุนอิเอโมจิ

--------------------------

กล่าวถึงองค์หญิงคะสึโนะมิยะ ซึ่งพระองค์กำลังทรงพระอักษรอยู่ ระหว่างนั้นเสด็จแม่ขององค์หญิงคือพระสนมคังเงียวอินเดินเข้ามาในห้อง

พระสนมคังเงียวอิน
"มิยะซัง เป็นยังไงบ้าง? กำลังแต่งเพลงยาวหรือลูก?" แล้วท่านคังเงียวอินก็นั่งลงข้างๆองค์หญิง

องค์หญิงคะสึโนะมิยะ "เพคะเสด็จแม่ ท่านทารุฮิโตะเขียนมาถึงหม่อนฉันก่อน ก็เลยอยากจะเขียนโต้ตอบกับท่านน่ะเพคะ"

เมื่อเห็นองค์หญิงทรงดูมีควาามสุข ท่านคังเงียวอินผู้เป็นแม่ก็ลำบากใจที่จะบอกเรื่องสำคัญ แต่ก็จำเป็นต้องพูด "แม่มีเรื่อง อยากจะพูดด้วยน่ะ" / "อะไรหรือเพคะ?"

หลังจากพระสนมคังเงียวอินได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้องค์หญิงทรงทราบแล้ว

องค์หญิงคะสึโนะมิยะทรงตกพระทัยมาก
"เพราะอะไร!? ทำไมถึงต้องส่งหม่อมฉันไปเอโดะ ทั้งๆที่หม่อมฉันได้หมั้นกับท่านทารุฮิโตะแล้วนะเพคะ" (เจ้าชายอาริสึกาวะ ทารุฮิโตะเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าหญิงคะสึโนะมิยะ)

"แม่เข้าใจดี เรื่องนี้น่ะเสด็จพี่ของลูกก็ทรงทราบดีอยู่" / "ถ้าอย่างนั้น ก็ทรงปฏิเสธให้แล้วใช่มั้ยเพคะ?" / "ใช่" ท่านคังเงียงอินเข้าไปจับมือองค์หญิงเพื่อปลอบ

"ไม่ว่ายังไงหม่อมฉันก็ไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด"


แม้จะได้ยินว่าเสด็จพี่ได้ทรงปฏิเสธให้แล้วก็ตาม แต่ในพระทัยองค์หญิงก็ยังไม่ทรงคลายความกังวลอยู่ดี..

-----------------------------

ที่โอโอขุ

ทาคิยยามะ "เป็นการรวมกันให้มั่นคงเจ้าค่ะ"

ท่านเท็นโชอิน "รวมกันให้เป็นปึกแผ่นน่ะเหรอ?" / "เพราะท่านอีคิดว่า จะทำให้ราชสำนักกับรัฐบาลบะขุฝุ กลับมาดีต่อกันอีกครั้งหนึ่ง จึงวางแผนให้แต่งงานกันเจ้าค่ะ"

"แล้วคิดว่าจะได้ผลเหรอ?" / "ตอนนี้พวกที่ปรึกษาเห็นพ้องด้วยแล้ว กำลังเจรจากับราชสำนักอยู่เจ้าค่ะ"

"แล้ว..พระขนิษฐาขององค์จักรพรรดิเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?" / "ทรงพระนามว่าคะสึโนะมิยะเจ้าค่ะ"

"องค์หญิงคะสึโนะมิยะ" / "ถึงแม้องค์หญิงคะสึโนะมิยะทรงมีพระคู่หมั้นแล้วก็ตาม แต่ถ้าเราจะขอให้ถอนหมั้นให้มาเป็นสะใภ้ของเรา.."

ท่านเท็นโชอินตกใจ "เมื่อกี้เจ้าพูดว่ายังไงนะ ทรงมีพระคู่หมั้นแล้วอย่างนั้นเหรอ!?" / "เจ้าค่ะ ข้าสอบถามมาแล้วเจ้าค่ะ"

"องค์หญิงอยู่ในสภาพอย่างนั้น ยังจะบีบให้มาเป็นสะใภ้ทางเอโดะให้ได้เชียวเหรอ!! มันหักหาญน้ำใจกันมากเกินไปนะ!!" / "เจ้าค่ะ.. มันจำเป็น"

ชิเงโนะที่นั่งฟังอยู่ด้วย สังเกตเห็นถึงความเสียใจของท่านเท็นโชอิน

"เมื่อไหร่โลกเรา ถึงจะเลิกใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือทางการเมืองเสียทีนะ ข้าไม่อยากให้ใครต้องมาทุกข์ทรมานขมขื่น แบบเดียวกับที่ข้าเจอมาแล้วอีกน่ะ"

--------------------------

ดังนั้นท่านเท็นโชอินจึงเรียกหัวหน้าที่ปรึกษาอันโดะเข้ามาพบ

ท่านอันโดะ
"ให้ยกเลิกเรื่องอะไรขอรับ?" / "ขอพระขนิษฐาขององค์จักรพรรดิซึ่งมีพระคู่หมั้นแล้ว ให้มาเอโดะเพื่อเป็นภรรยาของท่านอิเอโมจิน่ะสิ"

"เราถอยหลังอย่างที่ท่านบอกไม่ได้หรอกขอรับ" / "แปลว่าบะขุฝุจนปัญญาถึงขนาดนั้นเชียวรึ!
?"

"ท่านพูดถูกแล้วขอรับ ตั้งแต่ไทโรอีโดนฆาตกรรม บะขุฝุก็สูญเสียความน่าเชือถือ อาจจะถึงขั้นตระกูลโทกุกาวะปกครองประเทศไม่ได้" / "แล้วทำไมไม่ปรึษาข้าสักคำนึง ข้าอยู่ในฐานะแม่ของท่านอิเอโมจินะ!"

"เรื่องนั้น..เอ่อ.. คือว่า คือองค์จักรพรรดิเองก็ไม่ทรงเห็นชอบกับการแต่งงานนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว" / "องค์จักรพรรดิน่ะรึ?"

"แต่ถ้าราชสำนักปฏิเสธการขอครั้งนี้ล่ะก็ จะทำให้บะขุฝุขายหน้าประชาชนมาก เพราะฉะนั้นถึงอย่างไรเราก็ต้องทำให้พระจักรพรรดิทรงยอมให้องคฺหญิงคะสึโนะมิยะมาเป็นสะใภ้เราขอรับ"


"ตกลงจะไม่ยอมเลิก จะผลักกันไปจนถึงที่สุดใช่มั้ย?" / "มันจำเป็นขอรับ!"

ชิเงโนะสังเกตเห็นความกังวลใจอย่างมากของท่านเท็นโชอิน..
.
.
.
.

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อัตสึฮิเมะ ตอนพิเศษ 125

atsuhime 125


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 124


วันนี้ขอปูพื้นเรื่องความเชื่อของซามุไร เพื่อให้การอ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รักในตอนต่อๆไปได้เข้าใจยิ่งขึ้น (ต้องอ่านนะครับ เพราะเรื่องราวต่อๆไปจะเกี่ยวข้องกับจุดนี้มาก)

ขอเริ่มที่ การตายของไทโรอี ที่ทำให้ท่านเท็นโชอินต้องเสียใจ เราอาจจะสงสัยว่า ทำไมท่านเท็นโชอินถึงต้องเสียใจให้กับไทโรอีอย่างมาก?

ก็อยากให้คุณผู้อ่านต้องแยกแยะระหว่างหน้าที่กับบทบาทให้ออกจากกันก่อน ไทโรอีได้อธิบายให้กับท่านเท็นโชอินไปแล้วว่า เขาเชื่อว่าเขาได้ทำหน้าที่ได้สมบูรณแล้ว เขาเชื่อมั่นเช่นนั้น แม้จะต้องถูกผู้คนทั้งแผ่นดินโกรธเกลียดเขา เพราะเขาใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วยก็ตาม

ท่านเท็นโชอินเข้าใจในการทำหน้าที่ไทโรของท่านอี ที่ต้องการปกป้องบะขุฝุและตระกูลโทกุกาวะอย่างสุดชีวิต ท่านเท็นโชอินจึงยกย่องไทโรอีตรงจุดนี้ คือเรื่องการทำตามหน้าที่ของเขา

แม้ไทโรอีทำตามหน้าที่ในการปกป้องบะขุฝุและตระกูลโทกุกาวะตามความเชื่อของเขาก็ตาม แต่เขากลับทำหน้าที่ในบทบาทที่ไม่เป็นที่ยอมรับจากท่านเท็นโชอิน เพราะไทโรอีแสดงบทบาทที่โหดเหี้ยมต่อประชาชน

ซึ่งท่านเท็นโชอินกับท่านอิเอโมจิคิดว่า การปกครองด้วยวิธีการรุนแรง จะไม่สามารถกุมหัวใจของประชาชนได้

-----------------------------

หากคุณผู้อ่านได้เคยอ่านความรู้เกี่ยวกับศาสนาชินโต ก็จะรู้ใจว่า ปรัชญาสำคัญของศาสนาชินโต ได้ก่อกำเนิดวิถีบูชิโด หรือวิถีซามุไร ขึ้น

ปรัชญาซามุไรเชื่อเรื่องการให้ความเคารพบรรพบุรษ ความจงรักภักดีต่อชาติและต่อองค์จักรพรรดิเป็นสิ่งสูงสุด จงรักภักดีต่อเจ้านายเป็นสิ่งรองลงมา ความเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องผู้ที่ตนจงรักภักดีได้ นับว่าเป็นกระทำบุญที่สำคัญ

แม้ว่าซามุไรจะอยู่คนละฝ่ายกันอาจต้องมาต่อสู้กันเพื่อปกป้องเจ้านายของตนอย่างสุดชีวิต เมื่อซามุไรไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามตายลง ก็จะได้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์อย่างมีเกียรติเช่นกัน

เพราะบนสวรรค์เป็นดินแดนแห่งเทพพระอาทิตย์และเทพพระจันทร์ (เทพผู้สร้างประเทศญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นขึ้นมา) จะไม่มีการเป็นศัตรูต่อกัน จะเป็นพวกเดียวกัน เป็นลูกหลานพระอาทิตย์เช่นเดียวกัน

ขอเพียงยามมีชีวิตได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ เสียสละ และจงรักภักดีต่อเจ้านายของตน เมื่อตายและได้ขึ้นสู่สวรรค์ ก็จะไ้ด้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติทุกดวงวิญญาณไม่เลือกฝักเลือกฝ่าย
.
เวลาคนญี่ปุ่นหรือจะเป็นซามุไรได้ตายอย่างกล้าหาญ เมื่่อไปถึงสรวงสวรรค์ ก็จะมีเพื่อนๆ ญาติสนิทมิตรสหาย บรรพบุรษ หรือคนที่ตนรัก หรือคนที่ตนเคยนับถือที่ล่วงลับไปก่อน จะมายืนให้การต้อนรับวิญญาณตนอย่างสมเกียรติ นี่คือสิ่งที่ซามุไรหรือคนญีปุ่นส่วนใหญ่อยากจะได้รับเกียรติเช่นนั้น!!

(ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เทพพระอาทิตย์ได้ประทานองค์จักรพรรดิให้มาปกครองประเทศ องค์จักรพรรดิจึงเป็นเสมือนตัวแทนเทพเจ้าบนโลก และชาวญี่ปุนทุกคนเป็นลูกหลานของเทพพระอาทิตย์)

----------------------------------

ขอยกตัวอย่า่ง เช่น

หากกลุ่มซามุไร2กลุ่มต่อสู้กัน เช่นซามุไรกลุ่มเอสู้กับซามุไรกลุ่มบี สมมุติว่าซามุไรกลุ่มเอ บุกเข้าโจมตีบ้านของซามุไรกลุ่มบี หากซามุไรกลุ่มบีถูกฆ่าไปทีละคนจนพ่ายแพ้ จนเหลือหัวหน้าซามุไรกลุ่มบีเป็นคนสุดท้าย

เมื่อซามุไรกลุ่มเอ บุกเข้าไปถึงห้องของหัวหน้าซามุไรกลุ่มบีได้ เพื่อต้องการสังหารหัวหน้าซามุไรกลุ่มบี

แต่เมื่อไปถึงห้องหัวหน้าซามุไรกลุ่มบี กลับเห็นหัวหน้าซามุไรกลุ่มบีนั่งเตรียมพร้อมเพื่อจะทำพิธีเซปปุคุ(ฮาราคีรี) ถ้าซามุไรกลุ่มเอเห็นดังนั้น ก็ต้องถอยออกมา เพื่อปล่อยให้หัวหน้าซามุไรกลุ่มบีทำพิธีอันศักดิ์สิทธินี้ ถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่ศัตรู

และเมื่อหัวหน้าซามุไรกลุ่มบีได้กระทำฮาราคีรึเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซามุไรกลุ่มเอจึงจะเข้ามาในห้องได้ และก็ต้องทำความเคารพให้แก่ผู้ตายด้วย เพราะการตายด้วยการทำฮาราคีรีนั้น ถือว่าเป็นการตายอย่างสมเกียรติและกล้าหาญตามวิถีบูชิโด ตายไปก็จะได้ไปสวรรค์

ซามุึไรถือว่า การตายอย่างสมเกียรติที่สุดคือการตายด้วยน้ำมือตนเอง คือการทำพิธีเซปปุกุ หรือฮาราคีรี

การตายอย่างกล้่าหาญสมศักดิ์ศรี เป็นการตายที่มีเกียรติ ดีกว่าการมีชีวิตอยู่อย่างอัปยศ นี่คือความเชื่อของซามุไร
.
(ลองไปหาเรื่องวิธีกระทำฮาราคีรีอ่านดูนะครับ การฮาราคีรีนั้นไม่ใช่แค่แทงท้องเฉยๆเพียงเท่านั้น แต่มีการแทงตามแบบแผนที่น่ากลัวมากๆ และการกระทำพิธีฮาราคีรีกระทำได้เฉพาะในหมู่ซามุไรหรือนักรบเท่านั้น )

-----------------------------------------

ทีนี้เมื่อศาสนาพุทธเข้ามาในญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจึงนำทั้งสองศาสนามาผสมผสานกัน คือ จะเชื่อทั้งศาสนาพุทธและศาสนาชินโตไปพร้อมๆกัน แต่ศาสนาชินโตก็ยังมีอิทธิพลมากกว่าทุกๆศาสนาเช่นขงจื้อ เต๋า เซน

ศาสนาชินโตเชื่อว่า คนเราเกิดมาแค่รั้งเดียว หากได้ตายอย่างกล้าหาญ ก็จะได้ไปอยู่กับเทพพระอาทิตย์ชั่วนิรันดร์ แต่เมื่อศาสนาพุทธมีการสอนว่าจะมีการเวียนว่ายตายเกิดอีก

คนญี่ปุึ่นจึงเชื่อทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกัน คือถ้าการเกิดมีเพียงครั้งเดียว ก็จะต้องตายอย่างกล้าหาญตามวิถีชินโต แต่ถ้าหากโลกหน้ายังมีอีกตามความเชื่อศาสนาพุทธ คนญี่ปุ่นก็จะปฏิบัติตามหลักศาสนาพุทธไปด้วย คือทำเผื่อไว้ก่อนกันพลาด!!

--------------------------

แต่หากใครมีชีวิตอยู่ไม่ทำหน้าที่ของตนให้ดีพร้อม ไม่ซื่อสัตยฺต่อหน้าที่ ไม่เคารพบรรพบุรษ ไม่จงรักภักดีต่อชาติ และองค์จักรพรรดิ ไม่จงรักภักดีต่อเจ้านาย

ตายไปก็จะตกนรกครับ คุณผู้อ่านได้เคยอ่านศาสนาชินโตแบบย่อๆตามลิงค์ในบล็อคทางด้านบนที่ผมทำไว้ให้ เคยไปอ่านมั้ยครับ ถ้าได้อ่านจะเข้าใจมากขึ้น ถ้าไม่เคย
คลิกที่นี่

แต่ก็มีอีกเว็บนึงที่อธิบายเรื่องศาสนาชินโตอย่างละเอียดกว่าเว็บตามลิงค์ข้างบน ถ้าอยากอ่านให้
คลิกที่นี่ มีทั้งหมด11หน้า จะเข้าใจมากขึ้นยิ่งกว่า!!

--------------------------------
.
.

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันนี้คุณเคยดู 'จามอง' แล้วรึยัง??

.
.

หลังจากลีซานจบลงไป ก็มีเรื่องมูยุลมาแทน ซึ่งผมประทับใจลีซานมาก แต่เบื่อมูยุลที่เอาแต่รบจนน่าเบื่อ แต่ผมก็ดูมูยุลจนจบอยู่ดี(ฮิๆ)

และหลังจากซินยุนบกจบไปแบบเร็วเกิน! ทั้งที่กำลังมันส์ ก็มาถึงละครที่นับว่าสุดยอดแห่งการเขียนบท!! และการผูกเรื่องได้มีมิติแห่งเรื่องราวได้ยอดเยี่ยม! คืออาจไม่จำเแ็นต้องดูพระเอกนางเอกแทบตลอดก็ได้ เพราะตัวละครตัวอื่นๆมีน่าดูน่าสนใจมากกว่า!!

----------------------

จามอง ยอดหญิงพิทักษ์แผ่นดิน ละครเกาหลีเป็นภาคต่อจากไตรภาคของเรื่อง จูมง และมูยุล ทั้ง3เรื่อง จูมงสนุกมากแต่ยังไม่เฉียบ ส่วนมูยุลน่าเบื่อแต่พอดูได้

ส่วนจามอง ที่ผมดูมาจนถึงวันนี้ทางช่อง3 ตอนแรกๆที่ออกฉาย ยอมรับว่าเรื่องราวทำออกมาแบบซับซ้อน สลับกันระหว่างอดีตกับปัจจุบันจนหลายคนอาจดูตามไม่ทัน แปลง่ายๆว่า อาจงงๆ แต่ถ้าตั้งใจดูก็จะเข้าใจได้(ต้องสมองเร็วหน่อย เพราะถ้าช้าจะตามไม่ทันในช่วงแรกๆ)

แต่เมื่อเรื่องราวเข้าที่เข้าทางแล้ว ผมยอมรับว่าเรื่องนี้ดีมากๆเรื่องหนึ่ง เพราะละครได้นำเสนอบทบาทและหน้าที่ และการแยกแยะระหว่างหน้าที่และบทบาท ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องของบ้านเมืองได้น่าดูและน่าชื่นชม

นี่เป็นละครเกาหลีโบราณเรื่องแรกที่พระเอกจะต้องไปหลอกให้ผู้หญิงคนหนึ่งให้มาหลงรักตนเอง เพื่อบ้านเมืองและอำนาจของตน ผมยังไม่เคยเห็นละครเกาหลีที่พระเอกต้องไปหลอกผู้หญิงให้มาหลงรักตนเองเลย เพิ่งได้ดูเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก(ของเกาหลีโบราณ)

ละครมีมิติต่างๆในตัวละครมากมายจนสนุกน่าติดตาม ในละครเรื่องนี้ ผมมีตัวละครที่ประทับใจมากๆอยู่2ตัว คือ พระมเหสีรองแห่งนังนังผู้เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของจามอง(นางเอก)ผู้ที่เอาปิ่นปักอกจามองตั้งแต่แรกคลอด และพระมเหสีเอกแห่งโกคูรยอ ผู้เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของพระเอก (ที่พยายามฆ่าพระเอกตั้งแต่พระเอกอายุ7ขวบ)


ตัวละคร2ตัวนี้ คือตัวละครที่มีพลังในการแสดงมาก ละครสนุกมากก็เพราะตัวละคร2ตัวนี้ แม้สองคนนี้จะร้าย แต่ร้ายอย่างฉลาดและเลือดเย็นมากๆ

ส่วนตัวละครอีกตัวที่นับว่าเด่นมากไม่แพ้กัน คือ โมยังเฮ หญิงอ้วนผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นที่มีต่อพระมเหสีรองแห่งนัมนัง ตัวละครตัวนี้เล่นได้สนุกและฉลาด บางครั้งดูเหี้ยม เพราะเหี้ยมและฉลาดนี่เอง ที่ทำให้ปะทะกับตัวร้ายที่เป็นพระมเหสีรองแห่งนังนังได้มันส์อย่างสมน้ำสมเนื้อ

จุดเ่ด่นที่ทำให้ละครเรื่องนี้นับว่าเป็นเลิศอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือความสมเหตุสมผลในการที่ตัวละครแต่ละตัวจะตัดสินใจกระทำการใดๆในเรื่องใดๆก็ตาม ก็จะมีเหตุผลรองรับได้ดี (จุดบกพร่องในละครก็มีบ้างแต่เล็กๆน้อยๆ)

ละครเรื่องจามองนี้ นับเป็นละครเกาหลีอีก1เรื่องที่ผมต้องขอยกย่องให้เป็นละครโบราณสุดมันส์อีกเรื่องหนึ่งในดวงใจครับ!! (หากคุณเป็นแฟนละครเกาหลีโบราณ เรื่องนี้พลาดไม่ได้!!)

-----------------------------------

ละครเกาหลีเรื่องจามองนี้ ได้สอนให้รู้จักแยกแยะระหว่างบทบาทและหน้าที่ ว่าสิ่งใดควรทำในเวลาใด สิ่งใดไม่ควรทำในเวลาใด สิ่งใดพึงต้องรักษาเกียรติ์และศักดิ์ศรี และสิ่งใดไม่ใช่เวลาที่ต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรี
.
การเลือกระหว่างความรักแท้เพื่อส่วนตัว กับความรักชาติเพื่อส่วนรวม ว่าสุดท้ายจะต้องเลือกสิ่งใด?
เพราะคนไทยจำนวนมากดูแต่ละครไทยที่ไร้สาระ(ส่วนใหญ่) จนเดี๋ยวนี้มีคนไทยจำนวนมากไม่เข้าใจว่าสิ่งใดเป็นบทบาทหน้าที่และสิ่งใดควรและไม่ควรทำในเวลาใด เรียกได้ว่าคนไทยที่ไม่รู้จักแยกแยะ นับวันจะยิ่งมีมากขึ้นๆ!!

เรื่องบางเรื่องแม้ไม่อยากทำ แต่หากทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของบ้านเมือง บางครั้งเราก็ต้องยอมปกป้องแม้กระทั่งคนที่เราเกลียดที่สุดก็ตาม เราก็ต้องทำ!!
ละครเรื่องจามอง ให้ข้อคิดดีๆมากมาย (ที่คนไทยจำนวนมากเริ่มคิดไม่เป็นครับ)



หนึ่งในเพลงประกอบเรื่อง 'จามอง' ที่ขับร้องโดยทิฟฟานี่ แห่งวงsnsd
เพลงนี้มักใช้กับนางร้ายคือเจ้าหญิงลาฮี พี่สาวของจามอง นางเอก

SNSD Tiffany Pictures, Images and Photos
tiffany สาวตายิ้มแห่ง snsd





.
.

อ่านแนะนำละครโบราณเกาหลีที่ดีที่สุด


.
.

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

จากศัตรูกลายเป็นมิตร 124

atsuhime 124


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 123



ณ.ประตูซากุระดะ ท่ามกลางหิมะที่กำลังตก ขบวนเกี้ยวของไทโรอีกำลังผ่านออกมา ไทโรอีซึ่งนั่งอยู่ในเกี้ยวได้หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ท่านเท็นโชอินเย็บมาฝากออกมาดูอีกครั้งอย่างชื่นชม

"บุกมันเลยพวกเรา!!" เสียงดังมาจากข้างทางที่ขบวนเกี้ยวผ่าน

"เฮ้ย!หยุดนะ พวกแกเป็นใคร!?" ทหารนำขบวนเกี้ยวตะโกนถามออกไป

เกิดการต่อสู้กันระหว่างทหารที่คุ้มกันไทโรอีกับพวกซามุไรกลุ่มหนึ่งที่มารอดักโจมตีขบวน และช่วงนั้นเองก็มีเสียงปืนดัง ปัง!! จากที่ดักซุ่มยิงมาที่คนในเกี้ยว

ไทโรอีรู้ตัวว่าตนนั้นถูกยิง!! เพราะลองเอามือจับตรงแผลกระสุน มีเลือดออกเลอะมืออย่างมาก ไทโรอีเข้าใจในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับตน ส่วนในมือซ้ายของไทโรอีก็ยังกำผ้าเช็ดหน้าของท่านเท็นอินไว้

แล้วไทโรอีก็ค่อยๆหลับตาลง เขาพร้อมที่จะรับชะตากรรมที่ตนเองได้เลือกแล้วอย่างกล้าหาญ!!

ภายนอก สถานการณ์ทหารคุ้มกันกำลังพ่ายแพ้ต่อฝ่ายลอบโจมตี

หลังจากนั้นก็มีซามุึไรคนหนึ่งยกดาบพร้อมแทง วิ่งพุ่งเข้าหาไทโรอีทันที ดาบทะลุเกี้ยวพุ่งเข้าหาร่างของไทโรอี ดาบหนึ่งเข้าแล้ว ก็ยังมีดาบสอง!! ดาบสาม!!พุ่งแทงทะลุร่างของไทโรอีอย่างเหี้ยมเกรียม!!

-------------------------

ทาคิยามะวิ่งเข้ามาหาท่านเท็นโชอินซึ่งกำลังนั่งชื่นชมตุ๊กตาโบราณอยู่่ "ท่านเท็นโชอิน!!"

"มีอะไรเหรอ?" / "ที่นอกประตูซากุระดะ ไทโรอีถูกลอบสังหารเสียชีวิตแล้วเจ้าค่ะ!"

"เกิดเรื่องอะไรกันแน่น่ะ!?"
ท่านเท็นโชอินและทุกคนในห้องตุ๊กตาต่างตกใจ

"ขบวนของท่านอีถูกกลุ่มทหารของมิโตะหลายสิบคนบุกเข้าโจมตี ว่ากันว่าเป็นการล้างแค้นที่ท่านอีลงโทษผู้คนของมิโตะเจ้าค่ะ"

ท่านเท็นโชอินและทุกคนในห้องตุ๊กตาต่างตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน

"แล้วก็..." / "อะไรล่ะ!? พูดมาเร็วเข้า!!"

"ส่วนคนที่..ตัดคอท่านอีไปนั้น.. เป็นคนของสัทสุมะเจ้าค่ะ!!"

"คนสัทสุมะเหรอ!?"
ท่านเท็นโอชินต้องตกใจซ้ำอีกครั้งกับสิ่งที่ได้ยิน

ณ.สถานที่ไทโรอีถูกลอบสังหาร ยังมีผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ


Edo Castle's Sakurada Gate (Sakurada-mon) – the location chosen by Ii Naosuke's assassins for their attack in Ansei 7 (March 1860)


-----------------------------

ท่านอิเอโมจิ "ท่านแม่!!"

ท่านเท็นโชอินหันมาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า "ท่านคุโบ..เคยได้ชิมรสชาติชา..ที่เขาเป็นคนบ้างชงมั้ยเจ้าคะ?

"ไม่เคยขอรับ!?!"

"จากนี้ไป ทั้งที่ต่างกำลังจะเข้าใจ และจับมือกันได้อยู่แล้วแท้ๆ..."
ท่านเท็นโอชินรู้สึกเสียใจอย่างมาก

และนับเป็นความเสียใจที่มีให้แก่คนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นศัตรู!
.
.

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หน้าที่ของไทโร 123

atsuhime 123


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 122



ท่านเท็นโชอิน "ทั้งที่ทำร้ายผู้คนให้ทกุข์ทรมานมากมายถึงเพียงนั้นน่ะเหรอ.."

ไทโรอี "มีเรื่องนึงที่ข้าอยากจะขอถามท่านได้มั้ย?" / "อะไรล่ะ?"

"ท่านเท็นโชอินคิดว่า ในยุคสมัยนี้สมควรที่จะขับไล่คนต่างชาติต่อไปอีกหรือไม่ขอรับ?" / "เรื่องนั้นน่ะ..คงเป็นไปไม่ได้"

"ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ว่า..การต่อต้านคนต่างชาติเป็นอุดมการณ์ของคนที่่ยึดถือคำสั่งลับที่ออกมาจากวัง อ้างแต่ว่า จะต้องขับไล่ต่างชาติเพื่อไม่ให้มาล่วงล้ำเข้ามาใกล้องค์จักรพรรดิ เราจะวางใจมอบอนาคตของประเทศนี้ให้กับคนโง่เขลาเหล่านั้นได้หรือ?

ทั้งหมดที่นาโอาสุเกะคนนี้ทำลงไปก็เพื่อปกป้องประเทศชาติของเรา เราจำเป็นต้องทำสนธิสัญญาทางการค้า ก็เพื่อปกป้องประเทศของเราจากพวกต่างชาติ และเพื่อปกป้องประเทศชาติของเราจากคนโง่เขลา ก็คงหลีกเลี่ยงจากการถูกเคียดแค้นชิงชังได้ยาก"


"แล้วที่ทำให้เลือดนองทั่วแผ่นดินนั้น ท่านไม่ละอายต่อฟ้าดินบ้างเหรอ?" ท่านเท็นโชอินถามตรงและแรง

"ไม่เคยแม้แต่จะคิด! เพราะข้าถือว่า..ได้ทำตาม
ภาระหน้าที่ของตัวเองจนสมบูรณ์แล้ว"

"ภาระหน้าที่เหรอ?" / "ใช่แล้ว
หน้าที่ขอรับ!"

สายตาของคนทั้งสองต่างจ้องกัน

"ท่านยึดถือสิ่งนั้นมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?" / "ขอรับ"

เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่นและชัดเจนจากไทโรอี เพียงครู่ที่ท่านเท็นโชอินหยุดคิด สีหน้าที่เคร่งเครียดของท่านเท็นโชอินก็ค่อยๆผ่อนคลายลง และดูเป็นกันเองมากขึ้น

"จากนี้ไป..ท่านจะชงชาให้ข้าดื่มอีกได้มั้ย?" / "เป็นเกียรติสำหรับข้าอย่างยิ่งขอรับ"

"ที่สัทสุมะสอนกันว่า จงอย่าฟังความข้างเดียว ข้าก็เลยอยากได้ยินฟังจากปากของท่านเอง" / "กับผู้ที่อุตส่าห์ชมรสชาติชาของข้า ข้าเองก็คิดที่จะเปิดอกพูดเช่นกัน"

ท่านเท็นโชอินยิ้มเมื่อได้ยินไทไรอีตอบเช่นนั้น

"จริงสิ! เกือบลืมซะสนิท" แล้วท่านเท็นโชอินก็หันไปหยิบผ้าชิ้นหนึ่งออกมา แล้ววางตรงหน้าไทโรอี

"นี่คือ?" / "เป็นผ้าที่เย็บด้วยจักรเย็บผ้าจากต่างประเทศ ข้าตั้งใจที่จะเย็บมาให้ท่านเชียวนะ"

"เอามาให้ข้ารึขอรับ!?"
ไทโรอีมีน้ำเสียงดีใจปนแปลกใจ

"เพื่อขอบคุณน้ำชาของวันนี้ไง"

เมื่อไทโรอีหยิบผ้าเช็ดหน้าจากท่านเท็นโอชินขึ้นมา ค่อยๆคลี่ออกแล้วพินิจดู จากอดีตสีหน้าไทโรที่เคยดุดันและเคร่งขรึมต่อหน้าท่านเท็นโชอินมาตลอด แต่มาบัดนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างตรงกันข้าม เพราะไทโรอีเริ่มรู้ซึ้งถึงน้ำใจที่แท้จริงของท่านเท็นโชอินแล้ว

"ข้ารู้สึกเหมือนว่ามาตอนนี้ข้า..พอจะเข้าใจ ความรู้สึกของท่านคุโบคนก่อนขึ้นมาบ้างแล้ว" (ไทโรอีน้ำตาเริ่มคลอนิดๆ)

"วันนี้น่ะ เป็นวันทีี่่เราต่างก็เข้าใจกันมากขึ้นหลายเรื่องนะ"

"จริงอย่างที่ท่านพูดแล้วล่ะขอรับ"

วันนี้เป็นวันที่ท่านเท็นโชอินได้มีโอกาสชิมชาที่ท่านอีชงให้ เพียงครั้งเดียวในชีวิต ไม่มีวันที่จะหวนกลับมาได้อีก

-----------------------------

เย็นวันนั้นเป็นวันที่3เดือน3(วันที่3 เดือนมีนาคม 1860) ซึ่งตรงกับวันเทศกาลเด็กผู้หญิง เอโดะก็เริ่มเข้าสู่ฤดูโมโมะออกผล จู่ๆก็มีพายุหิมะหลงฤดูตกลงมาอย่างหนัก!!


Photobucket
ตัวอย่างตุ๊กตาโบราณในเทศกาลเด็กผู้หญิง


[เทศกาลฮิน(Hina Matsuri) หรือฮินะ มัตสุริ เทศกาลนี้จะมีการจัดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม เป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเอโดะ Edo (1603-1867) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของเด็กผู้หญิงในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการตกแต่งตุ๊กตาญี่ปุ่น ที่สวยงามหลายตัวบนชั้นวาง ที่ตั้งอยู่ภายในบ้าน ตามความเชื่อที่ว่า จะทำให้ลูกสาวมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข บางครั้งเรียกเทศกาลนี้ว่า เทศกาลเด็กผู้หญิง (Girl's Festival)

ชาวญี่ปุ่นรับเทศกาลนี้มาจากธรรมเนียมจีน ตามความเชื่อว่า จะสามารถขจัดเคราะห์ร้าย ให้ไปกับตุ๊กตาได้ โดยปล่อยตุ๊กตาลอยไปกับแม่น้ำ ส่วนในประเทศญี่ปุ่น จะถือว่าเป็นเทศกาลของการอธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุข ขจัดพลังชั่วร้ายออกไปจากชีวิต ประสบความสำเร็จ สุขภาพร่างกายแข็งแรง และสวย - ข้อมูลจาก http://www.his-bkk.com/th/article/article_2.php
]

ที่โอโอขุก็มีการนำตุ๊กตาประจำเทศกาลออกมาประดับตกแต่งเช่นกัน ซึ่งท่านเท็นโชอินก็ได้มาร่วมชื่นชมความงามพร้อมๆกับเหล่านางกำนัล

ท่านเท็นโชอิน "งามมากเลยนะ!"

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น หลังจากไทโรอีได้มีโอกาสได้พบท่านเท็นโชอินเป็นการส่วนตัวแล้ว ขบวนเกี้ยวของไทโรอีก็ออกเดินทางออกจากปราสาทเอโดะทางประตูซากุระดะ ในช่วงที่หิมะกำลังตกกระหน่ำ

เป็นช่วงเวลาที่ท่านเท็นโอชินและเหล่านางกำนัลกำลังชื่นชมตุ๊กตาโบราณ และกำลังพูดคุยและกำลังรับประทานขนมในเทศกาลอย่างสนุกสนานและมีความสุขอยู่นั้น..

.
.

ชารสเลิศจากไทโร 122

atsuhime 122


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 121



เมื่อท่านโอคุโบะประกาศว่าจะอ่านจดหมายจากท่านทาดายุกิให้ฟัง เหล่าซามุไรทุกคนก็คุกเข่าลงทันที

ท่านโอคุโบะอ่านจดหมายที่มีเนื้อความดังนี้

"โลกเราในเวลานี้ มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ง่ายนัก หากว่าทำอะไรผิดพลาดไป ก็จะขัดต่อความตั้งใจของท่านนาริอาคิระผู้ล่วงลับ ข้าซาบซึ้งใจที่ทุกคนจะเสียสละยอมทิ้งครอบครัว เพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่ก็อยากจะเตือนทุกคนซึ่งถือเป็นเสาหลักและก็เป็นรากฐานสำคัญ ที่จะคอยค้ำจุนบ้านเมืองของเราต่อไป พี่น้องกลุ่มเซจูทุกท่าน"

หลังจากอ่านจดหมายจบ ท่านโอคุโบะก็พูดกับเพื่อนซามุไรต่อ.. (ทาเตาวากิได้มายืนดูการชุมนุมอยู่ทางด้านข้าง)

โอคุโบะ "ทั้งที่พวกเรา..สมควรจะต้องรับโทษด้วยซ้ำ แต่นายท่านกลับให้อภัยและขอร้องให้พวกเรา..เป็นเสาหลัก! เป็นรากฐานของบ้านเมืองอีก ข้าไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของท่านได้ จึงอยากจะขอร้องให้พวกเราล้มเลิกแผนการบุกโจมตี มีใครไม่เห็นด้วยก็บอกมา"

"ไม่มีใครไม่เห็นด้วยหรอก!" / "ใช่ๆๆ" / "ไม่มีหรอก!"

โอคุโบะ "ตกลงตามนี้! งั้นต่อไปนี้! ข้าจะขอยึดถือชื่อกลุ่มเซจูที่นายท่านเรียก เป็นชื่อกลุ่มของพวกเราอีกด้วย" / "ใช่ๆๆ"

โอคุโบะ
"พวกเราจะแสดงความจงรักภักดี โดยกลุ่มเซจูทุกคนจะกรีดเลือดประทับลงในหนังสือสาบาน ส่งให้นายท่านกัน!!"

"ใช่ ๆๆๆ"
เหล่าซามุไรต่างร้องตะโกน และลุกขึ้นยืนสนับสนุน

ทาเตวากิที่ยืนฟังดูการชุมนุมอยู่ ก็พลอยซึ้งใจในความจงรักภักดีของเพื่อนๆซามุไรที่เริ่มมีต่อท่านทาดายุกิแล้ว

-------------------------

แล้วบรรดาซามุไรก็มาร่วมกันกรีดเลือดใส่ชามและจะใช้เลือดเขียนชื่อเพื่อส่งให้ท่านทาดายุกิ และผู้ที่จะเป็นคนลงมือเขียนก็คือ ท่านโอคุโบะ

อาริมะ
"จะเขียนชื่อใครก่อนดีล่ะ? / โอคุโบะ "มันแน่นอนอยู่แล้ว ต้องเป็นเขาเท่านั้น"

และเขาคนนั้นที่ท่านโอคุโบะจะให้เป็นรายชือแรกของกลุ่มเซจู ซึ่งหมายถึงหัวหน้ากลุ่ม ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือ ท่านไซโก คิชิโนะสุเกะ นั่นเอง

------------------------

หลังจากท่านเท็นโชอินได้รับของขวัญจากท่านคัตสึ ที่ท่านมันจิโร่เป็นคนนำมามอบให้แล้ว ท่านเท็นโชอินก็เริ่มเรียนรู้และหัดใช้เครื่องจักรที่เรียกว่า จักรเย็บผ้า ด้วยตัวท่านเองอย่างขะมักเขม้น

ว่ากันว่า ท่านเท็นโชอินเป็นสตรีที่ใช้จักรเย็บผ้าเป็นคนแรกของประเทศญี่ปุ่น

ท่านเท็นโชอิน "อุ๊ย! ทำไมมันยากอย่างนี้น้า"

แล้วพอดีชิเงโนะก็เข้ามา "ท่านเท็นโชอิน นี่ที่สั่งไว้เจ้าค่ะ"

"จริงสิ! เรื่องเย็บผ้าเอาไว้แค่นี้ก่อน พวกเจ้าเอาไปเก็บได้ละ และกลับไปได้เลยนะ" ท่านเท็นโชอินสั่งให้เหล่านางกำนัลที่นั่งอยู่นำจักรเย็บผ้าไปเก็บ

ส่วนสิ่งที่ชิเงโนะนำมาให้ท่านเท็นโชอินก็คือ บรรดารายชื่อบุคคลและกลุ่มบุคคลต่างๆที่ถูกไทโรอีสั่งลงโทษ

เมื่อท่านเท็นโชอินตรวจดูรายชื่อผู้ต้องหา "มีมากมายถึงเพียงนี้เชียวเหรอ?"

"ชิเงโนะ ข้าจะพบไทโรเพียงลำพัง2คน"


------------------------

แล้วท่านเท็นโชอินก็ได้มีโอกาสออกไปพบไทโรอีที่ที่พักของไทโร (ตามลำพัง)

ไทโรอีเทน้ำร้อนลงในถ้วยชา แล้วกล่าวว่า "นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสได้ชงชาให้ท่านเท็นโชอินแบบนี้ ว่าแต่..ท่านไม่รังเกียจชาที่ชงจากมือสกปรกของข้าแน่หรือ?"

ท่านเท็นโชอิน
"ท่านก็คิดว่ามือตัวเองสกปรกหรือ?"

ไทโรอีใช้ไม้คนชาน้ำชา ระหว่างนั้นท่านเท็นโชอินก็คลี่กระดาษที่เขียนรายชื่อกางออก

"นี่เป็นชื่อคนที่ถูกท่านลงโทษ รายชื่อเรียงเต็มหน้ากระดาษไปหมดน่ะ"

"โอ้..มีมากถึงเพียงนี้เลยหรือ?"
ไทโรอีคนน้ำชาจนแตกฟองได้ที่ ก็หมุนถ้วยชา3รอบ แล้วยื่นวางตรงด้านหน้าให้ท่านเท็นโชอิน

แล้วท่านเท็นโชอินก็รับถ้วยชาขึ้นจากพื้น (ซึ่งขณะนั้นไทโรอีก็ก้มหัวทำนองเชื้อเชิญ) เมื่อท่านเท็นโชอินรับถ้วยมาแล้วก็จะก้มหัวเล็กน้อยทำนองขอบคุณ

แล้วท่านเท็นโอินก็วางถ้วยชาลงอีกพื้นอีกครั้ง ก่อนจะที่หยิบเฉพาะถ้วยขึ้นมาจากจานรองขึ้นดื่ม หมุนถ้วยเข้าหาตัวก่อนแล้วจึงดื่ม

ขณะที่ท่านเท็นโชอินกำลังดื่มชาและสัมผัสถึงรสชาติและกลิ่นของชาอยู่นั้น จู่ๆท่านก็มีอาการอึ้ง! และมีสีหน้าดูผิดปกติ!?

ไทโรอี "รสชาติเป็นอย่างไรขอรับ?"

"เจ็บใจ..แต่ก็.." / "ขอรับ?"


แล้วสีหน้าท่านเท็นโชอินก็เริ่มผ่อนคลายลงและดูแจ่มใสขึ้น "ข้าไม่เคยดื่มชาที่อร่อยแบบนี้มาก่อน" / " ดีใจนัก ทีี่ได้รับคำชมจากท่าน"

"แล้วท่านไปได้ชารสชาติเลิศนี้มาจากไหนล่ะ?" / "ข้าสนใจศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับชามาหลายปีแล้วขอรับ"

"อย่างนั้นเองหรอกเหรอ.."
ท่านเท็นโชอินยกชาขึ้นดื่่มอีกครั้ง

"แต่ว่าท่านเท็นโชอินกเป็นคนตรงไปตรงมาดีนะขอรับ ชมว่าชาอร่อยทั้งที่ชงโดยคนที่ตัวเองแสนจะเกลียด เพราะถ้ามีทิฐิก็คงจะไม่พูด"

ท่านเท็นโชอินดื่มหมดแล้ววางถ้วยลง "ข้าจะพูดตรงตามสิ่งที่ตัวเองคิดเสมอ และรสชาติของชามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการกระทำที่โหดร้าย..ไร้มนุษยธรรมของท่าน"

ไทโรอีเอื้อมไปหยิบถ้วยชากลับมา "เรื่องราวในครั้งนี้อาจจะทำให้น้ำร้อนซึมซาบถึงแก่นแท้ของรสชาติชามากขึ้นก็ได้"

(การสนทนาครั้งสำคัญยังไม่จบ มีต่อบทหน้า)
.
.

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พบเพื่อนเก่า 121

atsuhime 121


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่่รัก 120


หลังจากได้พบกับผู้ควบคุมเรือคือท่านคิมุระ และอาจารย์สอนการเดินเรือคือท่านคัตสึ รินทาโร่แล้ว ท่านเท็นโชอินก็มาที่ห้องรับรองส่วนตัวของท่าน เพื่อมารอของขวัญที่ท่านคัตสึบอกไว้

ท่านเท็นโชอินนั่งอยู่หลังม่านบังตาตามธรรมเนียม เพื่อมาพบกับชายคนหนึ่ง เป็นผู้้ที่จะนำของขวัญมามอบให้

ท่านเท็นโอชิน "เงยหน้าขึ้นเถอะ" / "ขอรับ"

แม้จะต้องมองผ่านม่านก็ตาม แต่เมื่อชายคนนั้นเงยหน้าขึ้น ท่านเท็นโชอินก็ยังสามารถจำชายคนนี้ได้

"ท่านมันจิโร่! นี่จอห์น มันจิโร่ไม่ใช่เหรอ?" ท่านเท็นโชอินเบิ่งตามองอย่างดีใจ

ชายคนนี้ก็คือ จอห์น มันจิโร่ ผู้ที่เคยไปอยู่ในอเมริกา และนี่เป็นการพบกันอีกครั้ง หลังจากที่จากกันไปนานถึง8ปี

"ว่าแต่ ทำไมท่านถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?" / "ข้าจะไปกับเรือที่จะไปอเมริกา ในฐานะของล่ามน่ะขอรับ"

"อย่างนี้นี่เอง" / "นี่ข้ากำลังคุยกับท่านเท็นโชอินใช่มั้ย? .. ไม่นึกไม่ฝันว่ามาก่อนเลยว่า ท่านจะได้แต่งงานกับท่านโชกุนแบบนี้ขอรับ"

"ข้าเองก็ไม่นึกเหมือนกันน่ะ!"
ท่านเท็นโชอินยิงมุข แล้วทั้งสองก็หัวเราะ "คิดถึงสมัยก่อนจังเลยน่ะ"

ท่านมันจิโร่นิ่งไปนิด ก่อนจะถามว่า
"พวกท่านนาโอโกโร่ล่ะ สบายดีรึขอรับ?" (แล้วท่านมันจิโร่ก็หวนนึกถึงคำพูดของนาโอโกโร่เมื่อในอดีต ที่นาโอโกโร่เคยพูดกับท่านมันจิโร่ว่า "ข้ากำลังจะถูกแย่งคนรักไป")


คลิปช่วงกลางจะหยุดขัดข้อง แต่ให้กดเล่นข้ามไปได้



"ท่านเท็นโชอินล่ะ ทราบความรู้สึกของเขามั้ย?" / "เอ๋!?"

"อ๋อ เปล่าขอรับ" / "มีอะไรเหรอ?.. บอกมาเถอะ"


ท่านมันจิโร่จึงตัดสินที่จะบอกออกไป "ท่านนาโอโกโร่..เคยรักท่านเท็นโชอินขอรับ" / "เอ๋!!?"

"แต่ว่า ตอนนั้นท่านกำลังจะเป็นท่านหญิงสายตรง เขาก็เลยหักห้ามใจไม่บอกให้รู้ ไม่อยากทำให้ท่านหนักใจ บอกว่าจะต้องไม่้ทำให้โอคัตสึต้องกังวลใจ"


เมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่คาดฝันเช่่นนี้ ท่านเท็นโชอินก็ถึงกับตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
"ข้าน่ะ..ไม่เคยรู้มาก่อนเลย" สีหน้าท่านเท็นโชอินดูเหมือนจะเศร้าลง จนท่านมันจิโร่ต้องเอ่ยถาม

"นี่ข้าพูดมากไปรึเปล่าขอรับ?" / "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ข้าดีใจน่ะ" ท่านเท็นโชอินยิ้ม

"ดีใจรึขอรับ?" / "ข้าดีใจที่ท่านนาโอโกโร่มีความรู้สึกที่ดีให้กับข้า ทำให้ข้าคิดถึงวันเวลาช่วงนั้นมากกว่าเวลาใด"

ท่านเท็นโชอินดูมีความสุขเมื่อได้นึกถึงเวลาในช่วงนั้นอีกครั้ง

"ลืมเรื่องงานเสียสนิท!" แล้วท่านมันจิโร่ก็ลุกขึ้นเพื่อไปเปิดผ้าที่คลุมของขวัญออก

"สิ่งนี้เรียกว่าจักรเย็บผ้าขอรับ" / "จักรเย็บผ้างั้นเหรอ?"

"จากการเย็บผ้าด้วยมือ เปลี่ยนมาใช้เครืองจักรแทน" / "เครื่องจักรเหรอ?"

"เป็นสิ่งนึงที่เพอร์รี่เลือกใช้เป็นของฝากเวลาที่จะมาญี่ปุ่น หลงเก็บอยู่ในโกดังตั้งนาน ท่านคัตสึเลยขนออกมา บอกว่ามีของฝากให้ท่านมิไดแล้ว" / "เป็นของฝากที่วิเสษมาก.. ทั้งตัวท่าน และก็เครื่องจักรนี่"


"ฝากไปบอกท่านคัตสึด้วยว่า ข้าขอบคุณสำหรับน้ำใจ" / "ขอรับ"

----------------------

เมื่อท่านมันจิโรกลับไปแล้ว ท่านเท็นโชอินใช้มือลูบสัมผัสจักรเย็บผ้าอย่างชื่นชม แต่ในใจก็หวนนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขในอดีต แล้วท่านก็หยิบเอาเครื่องรางสีแดง(หรือชมพู)ออกจากอกเสื้อออกมาชมอีกครั้ง พร้อมด้วยรอยยิ้ม

"เคยรักข้าเหรอ.."

ชิเงโนะ "ดูท่าทางจะสนุกมากนะเจ้าคะ" / "กำลังคิดถึงคนๆนึงที่อยู่ในความทรงจำ.."

จากนั้นท่านเท็นโชอินก็หันไปมองรูปซากุระจิมะที่แขวนอยู่

"ความทรงจำนี่แหล่ะ..เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด อาจทำให้มีชีวิตชีวาหรือเศร้าก็ได้ และเวลาจะช่วยปลอบใจเรา.."

------------------

ที่ปราสาทสัทสุมะ

ท่านทาดายุกิ
"เรื่องนี้! ไม่ผิดแน่นะ" / "ขอรับ" ทาเตวากิตอบ

"จะบุกแล้วเหรอ?"

ทานิมุระ "เรือก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นเช้าพรุ่งนี้ขอรับ"

ท่านเจ้าแคว้นทาดาโยชิ "จับกุมซะตอนนี้เลยเถอะท่านพ่อ!" / "หุบปากซะ!!"

"ที่เรื่องบานปลายถึงขนาดนี้ สาเหตุอาจเป็นเพราะข้าเองที่ไม่ได้บอกให่ทุกคนรู้ว่า สัทสุมะของเรามีแผนการอย่างไร และต่อจากนี้ไป ตั้งใจจะเดินไปในทศทางไหน"


ทาเตวากิ "ข้าเองก็คิดเช่นนั้นขอรับ แล้วตอนนี้จะบอกอย่างไรดีขอรับ" / "จะบอกอย่างไรดีน่ะเหรอ..."

------------------------

ณ.สถานที่ที่พวกเหล่าซามุไรระดับล่างนัดชุมนุมรวมพล(ที่ๆมักใช้เป็นที่ฝึกซ้อมดาบ) ก่้อนเคลื่อนพลไปเกียวโต

อิจิชิชูจดหมายขึ้นให้ที่ชุมนุมได้เห็น "จดหมายนี่! เขียนถึงสิ่งที่พวกเราได้ตัดสินใจแล้ว"

โอยามะ
"ทุกคนได้เขียนจดหมายลาพ่อแม่เอาไว้แล้วใช่มั้ย?" / "ใช่!!" เหล่าซามุไรตะโกนตอบ

โอยามะ
"สมมุติว่าพลาดจนถึงตาย! พวกเราก็จะไม่เสียดายชีวิต!!" / "ใช่!!!"

"รอเดี๋ยวก่อน!!"
เสียงท่านโอคุโบะตะโกนมาจากทางด้านหลัง แล้วท่านโอคุโบะก็เดินออกมาไปยืนข้างหน้า

โอคุโบะ
"ทุกคน!! ดูนี่ก่อน" / แล้วท่านชุนไซก็ชูจดหมายอีกฉบับขึ้นให้ทุกคนเห็น

อาริมะ
"ว่าไง? อะไรกันน่ะ?" / ชุนไซ "จดหมายจากนายท่านเขียนมาถึงพวกเรา เพื่อชี้แจงเหตุผล"

อาริมะ "จากนายท่านเหรอ.. หมายความยังไงกัน?"

แล้วท่านโอคุโบะก็ดึงจดหมายจากมือท่านชุนไซไป

"ข้าจะอ่านให้ฟัง!!" ท่านโอคุโบะตะโกน
.
.

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รู้จักท่านคัตสึ รินทาโร่ 120

atsuhime 120


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 119



ต่อมาเมื่อท่านคุโบอิเอโมจิมาเยี่ยมท่านเท็นโชอินอีก

ในการพูดกันอย่างเป็นส่วนตัว

ท่านคุโบ
"มิไดโดโกโระอย่างนั้นรึขอรับ?" / "ท่านคิดยังไงบ้างล่ะ?"

"เรื่องแบบนั้นข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย" /
ท่านเท็นโชอินได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มออก



"ยิ่งตอนนี้ เรื่องที่ข้าสนใจมากที่สุดคือ คังรินมารุ " / "คงรินมารุ!?"

"เรือรบไอน้ำที่บะขุฝุสั่งให้ฮอลันดาสร้าง กำลังเดินเรือวนอยู่รอบฝั่งตะวันตก และดูเหมือนเคยแวะเทียบท่านที่สัทสุมะด้วย" / "เคยไปสัทสุมะด้วยเหรอ?"

"แล้วก็ต้นปีหน้านี้เรือของญี่ปุ่น ก็จะออกเดินทางสู่อเมริกาเป็นเที่ยวแรกด้วย" / "ไปอเมริกาเลยเหรอ!?"

"ข้าได้เชิญพวกลูกเรือให้มาพบ เพื่อจะได้ไถ่ถามเรื่องราวของพวกเขาด้วย" / "อยากพบจัง! ขอให้ข้าได้พบด้วยเถอะ!"


------------------------

อีกไม่นานต่อมา ผู้ควบคุมเรือคังรินมารุก็ได้เข้าพบท่านคุโบตามคำเชิญ ท่านคุโบได้ออกมาพบพร้อมกับท่านเท็นโชอิน และเมื่อท่านคุโบกับท่านเท็นโชอินได้นังลงแล้ว

เมื่อท่านเท็นโชอินเห็นไทโรอีนั่งอยู่ในห้องรับรองด้วย จึงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก จึงแกล้งถามประชดไปว่า "ทางนั้นก็มาด้วยเหรอ?"

เมื่อไทโรอีถูกถามก็ได้แต่ผงกศีรษะรับ (ดูท่าทางท่านเท็นโชอินจะหมั่นไส้ไทโรอีไม่น้อยเลย)

ไทโรอี
"ท่านผู้นี้คือผู้บัญชาการเรือรบ คิมุระ เซ็ตสึโนะคามิ ส่วนอีกท่านนึงคือ อาจารย์สอนเดินเรือ คัตสึ รินทาโร่ ขอรับ" (จำ!ท่านคัตสึ รินทาโร่ไว้ให้ดี นี่คือบุคคลสำคัญของเรื่องอีกคน)

"ขอรับ!!" ทั้งท่านคิมุระ และท่านคัตสึต่างขานรับและทำความเคารพท่านคุโบพร้อมๆกัน

ท่านคุโบ "เชิญตามสบาย เงยหน้าขึ้นเถอะ"

ท่านคิมุระ "ขอบคุณท่านคุโบอย่างมาก ที่ให้เกียรติพวกข้า" / "ไม่ต้องมีพิธีรีตรองหรอก แล้วนั่นอะไรล่ะ?"

ท่านคัตสึ "ได้ยินว่าท่านคุโบให้ความสนใจเรื่องคังรินมารุมาก ก็เลยคิดว่า น่าจะนำเรือจำลองมามอบให้ขอรับ"

"ขอดูหน่อยสิ!" / "ได้ขอรับ" ท่านคัตสึจึงลุกไปยกเรือจำลองมามอบแก่ท่านคุโบ

แต่พอท่านคัตสึเดินไปยกเรือจำลองเพื่อเข้าไปมอบให้ท่านคุโบ แต่ท่านคิมุระกลับเรียกไว้
"โอ๊ะเดี๋ยว!..ค้ตสึ!" (ท่านคิมุระมีท่าทางจะชอบเอาหน้าและท่าทางนอบน้อมมากเสียจนเหมือนประจบประแจง)

แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เรือจำลองก็ส่งถึงมือท่านคุโบแล้ว

ในการพบกันครั้งแรก ดูเหมือนท่านเท็นโชอินก็รู้สึกถูกชะตากับท่านคัตสึทันที (ขณะนี้ท่านคัตสึอายุ35ปี)

ท่านคุโบ "แล้วลำจริงล่ะ จะใหญ่โตสักเท่าไหร่กัน?"

ท่านคิมุระ
"ความยาวก็168ฟุตขอรับ" / "ความยาว1ฟุต ก็ราวๆ1ชากุ น่ะขอรับ" ท่านคัตสึกล่าวเสริมเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น (แต่ท่านคิมุระมองค้อน!)

"ได้ยินว่าจะเดินเรือไปอเมริกาด้วยใช่มั้ย?" / "ขอรับ" ท่านคิมุระรีบตอบ

"ระยะทางไปถึงอเมริกาน่ะ ไกลแค่ไหนกัน?" / "สัก4พันลี้ห็นจะได้ขอรับ"
ท่านคัตสึตอบ

"ข้ามโพ้นทะเลขนาดนั้น เพื่ออะไรล่ะ?" ท่านเท็นโชอินถามไปที่ท่านคัตสึ แต่มีคนรีบชิงตอบก่อน!

ท่านคิมุระ "ขอรับ! การเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนเกี่ยวกับสนธิสัญญาทางการค้า ทำหน้าที่ขนส่งสินค้าไปอเมริกาน่ะขอรับ"

ท่านเท็นโชอินดูเฉยๆกับคำตอบของท่านคิมุระ แต่เมื่อ

ท่านคัตสึ
"แต่นั่นเป็นข้ออ้างที่ยกมาบังหน้า จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการฝึกเดินเรือ หรือจะเรียกว่าทดสอบฝีมือก็ได้ขอรับ" / "คัตสึ!" ท่านคิมุระเรียกเตือน

ท่านเท็นโชอินรู้สึกพอใจในคำตอบที่จริงใจจากท่านคัตสึมาก

(ให้สังเกตการนั่งของท่านคิมุระ กับท่านคัตสึ โดยที่ท่านคิมุระจะนั่งแบบมีพิธีรีตรองอยู่ตลอด ส่วนท่านคัตสึ กลับนั่งตัวตรงอย่างสง่าผ่าเผยและสบายๆ ตามที่ท่านคุโบเชิญให้ตามสบาย และทรงผมของท่านคัตสึก็ไม่โกนหัวแบบทรงที่ชายญี่ปุ่นยุคเอโดะไว้กัน ท่านคัตสึไว้ผมเหมือนชินเอม่อนซังไว้ ในยุคอิคคิวซัง )

"ทดสอบฝีมือเหรอ?" / "จากนี้ไปประเทศของเราจะต้องมีกำลังพอที่จะติดต่อกับนานาประเทศให้ได้ ในเวลาที่กลับมาจากอเมริกา รินทาโร่ผู้โง่เขลาจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างประเทศให้แข็งแกร่งขอรับ"

"อึม!!"
ท่านคุโบพยักหน้าเห็นดีด้วย

ไทโรอี
"จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ จะต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศให้เกิดขึ้นเสียก่อนใช่รึเปล่าล่ะ" พูดจบก็ชำเลืองไปทางท่านเท็นโชอิน

"นี่ท่าน! คิดจะใช้ไม้แข็งอะไรอีกงั้นเหรอ?" / "ถ้ามันจำเป็น.." ไทโรอีตอบโดยไม่หันมามองท่านเท็นโชอินเลยด้วยซ้ำ

ท่านคัตสึ
"อย่าใช้ไม้แข็งอย่างเดียววิธีไม้อ่อนก็มี" / "คัตสึ!!" ท่านคิมุระเรียกเตือนอีก

ได้ยินท่านคัตสึพูดขึ้นมาแบบนั้น ท่านเท็นโชอินพอใจ จึงส่งยิ้มให้

ท่านคัตสึ "ยังไงก็ตาม ข้าปราถนาให้ท่านได้ช่วยสวดมนตร์อวยพรเพื่อการเดินทางครั้งนี้ ให้ไปถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพด้วยขอรับ"

ท่านเท็นโชอินยิ้มและพยักหน้า แล้วถามต่ออีกว่า

"ท่านคัตสึ! ดูเหมือนว่าท่านจะไปสัทสุมะมาแล้วใช่มั้ย?" / "ใช่ขอรับ บิดาของท่าน เจ้าแคว้นสัทสุมะ ท่านชิมะสึยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเรือคังรินมารุด้วย"

"ท่านพ่อน่ะเหรอ!?"
ท่านเท็นโชอินตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด

"ท่านเป็นคนที่น่านับถือมาก แล้วก็..เคยพูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรืองกองกำลัง เรื่องป้องกันชายฝั่งของประเทศ แล้วก็เรืิ่องเปิดเมืองท่าด้วยขอรับ" / "อย่างนั้นเองเหรอ.."

"ถ้าท่านเจ้าแคว้นสัทสุมะยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ญี่ปุ่นของเราก็คงจะดีกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน" / "อย่าเพ้อเจ้อน่า!"
ท่านคิมุระแทรกขึ้นมาอีก "ไม่หรอก!"

ท่านเท็นโชอินชำเลืองไปทางไทโรอี
"ถ้าท่านอยู่ถึงตอนนี้ ก็คงจะถูกลงโทษให้ปลดเกษียณไปแล้ว" (ไทโรอียังตีหน้าดุเหมือนเดิม)

"โอ๊ะ! คือข้าคิดว่า พวกเราคงต้องขอตัวแล้วล่ะขอรับ แล้วสำหรับวันนี้ต้องขอ.. คัตสึ!!" ท่านคิมุระ เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศชักทแม่งๆๆ เลยคิดจะชิ่งก่อนดีกว่า แถมเรียกให้ท่านคัตสึให้ทำความเคารพตาม แต่ท่านคัตสึกลับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้!?!

"อ๋อ! ข้าเกือบลืมไปเรืองนึง ข้ามีของฝากให้ท่านเท็นโชอินด้วยขอรับ" / "ให้ข้าน่ะเหรอ!?"

"คือมันใหญ่มากจนถือไม่ไหว! เอาไว้เดี๋ยวค่อยดูนะขอรับ"


ท่านเท็นโชอินยิ้มรับ "ข้าชักอยากจะรู้แล้วสินะ"

"ลาแล้วขอรับ!!" ท่านคิมุระกับท่านคัตสึ พูดพร้อมกันแล้วก้มหัวทำความเคารพต่อท่านคุโบและท่านเท็นโชอินทันที

-----------------------------

ของฝากจากท่านคัตสึ ที่นำมามอบให้ท่านเท็นโชอินคือสิ่งใด โปรดติดตามบทหน้า...
.
.

ผู้ติดตาม