สรุป คดีนายศิวรักษ์จัดฉากแน่นอน!!

ภาพจากทีวีเสื้อแดง

วันที่9พ.ย.52 ทักษิณมาถึงเขมรมีการถ่ายทอดสดทั่วไปเขมร เครื่องบินลำนี้ก็ขออนุญาตผ่านเข้าไทยไปเขมร ซึ่งในตอนแรกทางการไทยอาจไม่แน่ใจว่า เครื่องบินลำนี้ใช่เครื่องบินทักษิณหรือไม่?

แต่เมื่อทักษิณมาถึงทีวีถ่ายทอดทั่วเขมร ทางการไทยจึงรู้เลขทะเบียนเครื่องบินของทักษิณทันที (เลขทะเบียน N300BZ)

นักข่าวทุกสำนักก็มาทำข่าวการมาของทักษิณ รู้ว่าทักษิณมาด้วยเครื่องบินลำใด ฉะนั้นข้อมูลการบินทักษิณว่ามาเครื่องบินลำใดจึงไม่ใช่ความลับ!!
.
และทักษิณก็ใช้เครื่องบินลำเดิมขออนุญาตผ่านไทยในขากลับด้วย และไทยจึงไม่อนุญาต!!

ทางการไทยจึงไม่จำเป็นต้องให้บนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ไปจารกรรมข้อมูลการบินทักษิณแต่อย่างใด

นายคำรบโทร.หานายศิวรักษ์เมื่อเครื่องบินลงจอดแล้ว 20นาที นายคำรบและนายศิวรักษ์ก็พูดเองว่า เป็นการพูดคุยเรื่องทั่วๆไป เป็นธรรมดาที่คนไทยในเขมรจะพูดคุยเรื่องทักษิณ และข้อมูลการบินบินทักษิณก็เป็นแค่ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น (ผู้บริหารสามารถ บริษัทแม่ของCATS ก็บอกว่่าเป็นแค่ข้อมูลทั่วไป อ่านข่าว)

ขนาดผู้บริหารบริษัทยังบอกว่าไม่ใช่ข้อมูลลับ แล้วพนักงานจะไปรู้ได้ยังไงว่าเป็นข้อมูลลับ ก็เพราเขมรไม่เึคยมีหนังสือมาแจ้งก่อนเลยว่า ข้อมูลการบืินทักษิณเป็นความลับ จึงไม่มีใครในบริษัทคิดว่าข้อมูลนี้เป้นความลับ

แต่เขมรดักฟังโทรศัพท์นายคำรบ จึงหาเหตุใส่ร้ายแท้ๆ และขับนายคำรบออกนอกเขมร และจับนายศิวรักษ์ในวันที่12พ.ย.52 (ทักษิณกลับวันที่14พ.ย.) (ข่าวนายศิวรักษ์ยอมรับเขมรดักฟัง)

และคนแรกที่เอาเรื่องการดักฟังมาพูดก็คือ นายจตุพร พรหมพันธ์ลูกน้องของทักษิณนั่นเอง ที่เป็นคนออกมาแถลงว่าเขมรมีเทปการดักฟังนายคำรบรับคำสั่งนายกษิต ให้ขโมยข้อมูลการบินทักษิณ(ข่าว)

ต่อมาพลเอกเตีย บัน ก็ออกมาบอกว่าเขมรไม่มีการดักฟังโทรศัพทแน่นอน!! ใครปล่อยข่าวเรื่องการดักฟัง เป็นคนที่ไม่หวังดีแก่ทั้ง2ประเทศแน่ๆ

(คำรบถูกขับวันที่12พ.ย.52 นายศิวรักษ์ก็โดนจับวันที่12เช่นกัน แต่ทักษิณกลับออกจากเขมรในวันที่14พ.ย.52 หากทักษิณคิดว่าไทยจารกรรมข้อมูลจะทำให้ทักษิณเป็นอันตราย ทำไมทักษิณก็ยังคิดจะขออนุญาตบินผ่านไทยอีก?? นี่คือพิรุธ!!)

ทีวีเขมรก็ถ่ายทอดสด!! สังเกตเลขทะเบียนที่ด้านท้าย

--------------------

ฮุนเซ็นวางแผนใส่ร้ายไทย (วิเคราะห์ตามความเห็นผู้เขียน)

เพราะเขมรดักฟังโทรศัพท์นายคำรบ และฮุนเซ็นจึงถือโอกาสใส่ร้ายนายคำรบและกล่าวหาว่า ไทยจารกรรมข้อมูลลับที่เป็นภัยความมั่นคงต่อเขมร ทั้งๆที่กฏหมายข้อมูลการบินเอกชนไม่ใช่ความลับแน่นอนในโลก

ต่อมาเมื่อนายศิวรักษ์ถูกจับ พรรคเพื่อไทยก็มารู้ทีหลังว่า เอ้า!ซวยล่ะสิ ลูกชายผู้มีพระคุณของนายใหญ่ จึงต้องวางแผนต่อไปว่าต้องเข้าช่วยเหลือนายศิวรักษ์ เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน แล้วโทษไปที่นายคำรบแทนว่าเป็นคนหลอกใช้นายศิวรักษ์แทน

ตัวละครสำคัญคือนางสิมารักษ์ ผมเชื่อว่าที่แรกนางสิมารักษฺไม่ได้ร่วมมือกับคดีลวงโลกนี้มาก่อนแน่ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยติดต่อให้ความช่วยเหลือโดยบิ๊กจิ๋ว

นางสิมารักษ์เพราะความรักลูก จึงยินยอมทำตามคำสั่งพรรคเพื่อไทยโดยดี และช่วงนี้เองในทางข่าวลับรายงานว่า นายศิวรักษ์ได้ออกจากคุกไปพักเซฟเฮ้าส์อย่างดี

เพราะพรรคเพื่อไทยและจิ๋วและทักษิณได้ติดต่อฮุนเซ็นแล้วว่า นายศิวรักษ์เป็นลูกผู้มีพระคุณของทักษิณเพราะพ่อนายศิวรักษ์ คือนายสุวิทย์เป็นผู้มีพระคุณของทักษิณมาก่อน จึงขอให้นางสิมารักษ์เดินตามแผนของพรรคเพื่อไทยโดยดี(ในตอนแรกนางสิมารักษ์ไม่ยอมรับว่ารู้จักทักษิณมาก่อน แต่มายอมรับทีหลัง)

ดังนั้นนายศิวรักษ์จึงติดคุกเขมรจริงๆไม่กี่วัน แต่ที่จริงได้ออกไปพักที่เซฟเฮ้าส์ที่ฮุนเซ็นจัดการให้และดูแลอย่างดี

ตอนแรกนางสิมารักษ์อ้างนักหนาว่าลูกชายป่วยมาก ถ้าอยู่ในคุกกลัวจะไหลตายแบบพ่อ และอยากให้ลูกชายออกจากคุกโดยเร็ว โดยจะรีบประกันตัวทันทีที่มีโอกาส
"
แต่ต่อมานางสิมารักษ์กลับเปลี่ยนใจไม่ประกันตัวลูกชายซะแล้ว ก็เพราะรู้แล้วว่าลูกอยู่ในที่ๆสะอาดปลอดภัยอย่างดีแล้วนั่นเอง (ภายหลังการอยู่ในคุก จึงเป็นแค่การจัดฉาก)

ตอนรัฐบาลไทยจัดหาทนายเก่งมากในเขมร เป็นทนายชื่อดังด้านปกป้องสิทธิมนุษยชนมาเป็นทนายให้ แต่เมื่อนางสิมารักษ์ร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยเสียแล้ว จึงขอเปลี่ยนตัวจากทนายของรัฐบาลเป็นทนายที่เพื่อลูกชายแนะนำให้

โดยนางสิมารักษ์อ้าง(โกหก)ว่า เพื่อนลูกชายแนะนำให้ทนายเก่งกว่าคนใหม่ให้ แต่ที่จริงเป็นทนายที่พรรคเพื่อไทยหามาต่างหาก แต่หามาเพื่อให้แพ้คดีเท่านั้น (ก็จะมีทนายเก่งๆไปทำไม ก็เมื่อจะยอมรับสารภาพผิดแล้วนี่!!)

แล้วนางสิมารักษ์ก็สอนให้ลูกชายยอมสารภาพผิดซะ เพื่อหวังให้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ

เพราะเจตนายอมรับผิด(ทั้งๆที่ๆไม่ผิด) ไม่ต้องการชนะคดี จึงขอเปลี่ยนตัวทนายความ อ้างแค่ว่าเพื่ออยากให้ลูกได้อิสรภาพโดยเร็ว


ทั้งๆที่หากจะสู้คดีจริงก็มีโอกาสจะชนะแน่ๆ(ถ้ายังใช้ทนายคนเก่า) เพราะเขมรใส่ร้ายชัดๆจึงขาดหลักฐานที่จะเอาผิดได้ เพราะสำนวนการสอบสวนตำรวจเขมรอ้างว่ามีเทปดักฟังการสนทนาของนายคำรบกับนายศิวรักษ์ หากมีเทปก็แสดงว่าดักฟัง หากดักฟังก็แสดงว่าละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศ

ส่วนหลักฐานเอกสารก็เป็นการหยิบเอกสารในบริษัทที่อ้างว่าเป็นเอกสารข้อมูลการบินมายัดข้อหาให้ และเอกสารนัั้นเจ้าหน้าที่เขมรก็เป็นคนส่งให้ศิวรักษ์

.

แต่เจ้าหน้าที่เขมรกลับไม่โดนดำเนินคดีใดๆ(เช่นสมรู้ร่วมคิด) แม้เจ้าหน้าที่เขมรคนนี้ได้ขึ้นให้ปากคำในศาลว่า คิดว่าการให้ช้อมูลการบินแก่ฯายศิวรักษ์ไป ก็ไม่รู้ว่่านายศิวรักษ์จะเอาไปทำอะไร แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องไม่ได้แน่ (แต่ก็ยังให้ไป!? งงมะ?)

แต่นายศิวรักษ์รักแม่ เห็นแก่แม่ และกลัวลำบาก จึงไม่เห็นแ่ก่ศักดิ์ศรีชาติ เห็นแก่อิสรภาพของตัวเองเท่านั้นจึงยอมทำตามที่นางสิมารักษ์ผู้เป็นแม่ขอให้ยอมรับผิดซะ ด้วยเหตุนี้ก็เท่ากับร่วมมือใส่ร้ายรัฐบาลไทยว่าจารกรรมข้อมูลเขมร

สโลแกนนางสิมารักษ์ "ขอลูกข้าปลอดภัย ประเทศชาติเสียหายก็ช่างมัน นางสิมารักษ์เป็นแม่ที่ดี แต่เป็นคนไทยที่เลว!!"
หลักจากนั้นพรรคเพื่อไทยก็หน้าแตก เพราะไม่ทันได้ยื่นเอกสารของพระราชทานอภัยโทษ ก็ได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากเจ้าสีหมุนีแล้ว (ที่จริงเป็นฮุนเซ็นขโมยซีนเสียเอง เพื่อจะได้อวดว่าตัวเองมีความเมตตา)

และแปลกมากหลังจากได้รับการพระราชทานอภัยโทษแล้ว นักโทษจารกรรมอย่างนายศิวรักษ์กลับได้รับการต้อนรับจากฮุนเซ็นอย่างดี เรียกอา เรียกหลานทุกคำ และมีการต้อนรับอย่างดีที่บ้านของฮุนเซ็น

.

.

------------------------

.

มาดูคำพิพากษาของศาลเขมร!?

.

"แผนการบินของท่านทักษิณมีความสำคัญมากกับรัฐบาลไทยจริง แต่ข้อมูลนี้อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับทักษิณได้ ทักษิณเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา และกัมพูชามีพันธะหน้าที่ที่จะต้องรักษาความปลอดภัยให้แก่เขา"

.

จะเห็นได้ว่า ในคำพิพากษานัั้นไม่มีกกหมายใดๆมารองรับ ว่าใช้กฏหมายข้อไหน มาตราใดในการลงโทษนายศิวรักษ์

.

เป็นการอ้างลอยๆของศาลเขมรโดยปราศจากฏหมายรองรับ ทั้งๆที่ศาลทั่วโลกเวลาตัดสินดคความใดๆ ต้องอ้างกฏหมายมารองรับทั้งๆนั้น แต่ศาลเขมรไม่มี!!

------------------------

สรุปง่ายๆก็คือ ฮุนเซ็นใ่ส่ร้ายไประเทศไทย แต่เผอิญไปดันไปถูกเอาลูกผู้มีพระคุณของทักษิณ นางสิมารักษ์ที่แรกไม่ได้ร่วมมือ แต่มาร่วมมือทีหลังเพราะจะให้ลูกชายได้รับอิสรภาพ โดยไม่สนว่าจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย

แม้ลูกชายบอกไม่ผิด แต่แม่ก็ขอให้ลูกยอมรับผิด ไม่รู้ว่านางสิมารักษ์เป็นครูสอนเด็กได้ยังไง เพราะไม่ยอมยืนหยัดในความถูกต้อง ชอบธรรม ทั้งๆที่รู้ว่าเขมรใส่ร้ายลูกชายเพื่อหวังให้ร้ายประเทศชาติตน

นางสิมารักษ์จึงถือได้ว่า เป็นคนทรยศชาติเพื่อลูกโดยแท้ .
(ลือว่านางสิมารักษืคือเสื้อแดง เมื่อนักข่าวถามว่าคุณแม่เป็นเสื้อแดงใช่มั้ย? นางสิมารักษ์ตอบว่า "พูดไปเรื่อยเปื่อย แม่เป็นข้าราชการ รู้ดีอะไรควรไม่ควร" -- แล้วตกลงอะไรล่ะที่ควร ไม่ควร??)


------------------
.
ล่าสุดฮุนเซ็นออกมาด่าผู้นำรัฐบาลไทยว่า "โง่เง่า" เรื่องการดักฟังว่า

"ที่ผ่านมา ที่ประเทศไทยอธิบายว่า เราแอบฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ ของเขา ผมขอชี้แจงว่ากัมพูชามีกฎระเบียบ ยึดถือกฏหมาย จะไม่มีบริษัทโทรศัพท์ใดอัดเสียงผู้ใช้บริการ ผู้พูดในกรุงเทพฯอย่าโง่มากไป เขาสามารถรู้เพียงการติดต่อของคุณเท่านั้น เพราะเมื่อรับสายทางบริษัทจะบันทึกระยะเวลา ของการสนทนาเพื่อที่จะเก็บเงิน (อ้างตลกว่ะ!!)

"ผู้พูดเรื่องนี้ในไทยพูดไม่รู้เรื่อง...คุณไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่า มีการดังฟังการสนทนาของคุณและจะมีหรือไม่ บริษัทที่ไม่บันทึกเวลา การสนทนาของคุณ นี่เป็นใบเสร็จ(โชว์เอกสาร)ผมเอามาให้ดูอีก ถ้าคุณยัง ขาด เชิญมาเอาจากผม จงอย่ามาอธิบาย อย่ามาโง่เง่า อย่ามาทำให้ไฟใหญ่ขึ้น ผม เพียงแต่ป้องกันชาติของผม ผมคิดไม่ออกว่า ทำไมพวกคุณโง่ในการอธิบายและการ ใช้ถ้อยคำถึงขนาดนี้"
คำพูดของฮุนเซ็นนั้นขาดเหตุผลสิ้นดี เพราะเรื่องการดักฟังนั้นคนแรกที่ออกมาพูดคือนายจตุพร พรหมพันธ์ลูกน้องของทักษิณเอง และหากเขมรไม่ดักฟังจะรู้ได้อย่างไรว่านายคำรบกับนายศิวรักษ์พูดคุยเรื่องอะไร

แค่เพียงข้อมูลโทรศัพท์เข้าออกของนายคำรบเท่านั้น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีการจารกรรมข้อมูลลับกัน(ทั้งๆที่ความจริงไม่ลับ)

ฮุนเซ็นโกหกอย่างโง่ๆ ขาดเหตุผลรองรับสิ้นเชิง แค่ข้อมูลการโทรศัพท์เข้าออกเอามาใส้ร้ายกันได้ เลวจริงๆ


------------------------


ดูคลิป เอกสารการขออนุญาตบินผ่านนjานฟ้าไทยทั้งขามาของทักษิณไปเขมร และเอกสารการขออนุญาตในขากลับ แต่ทางการไทยรู้ว่าเป็นเครื่องบินทักษิณแล้ว จึงไม่อนุญาต!!
(กรุณาดูคลิปอย่าละเีอียด)

1.

2.

คลิปต่อไป (พอดีหาได้จากผจก.เท่านั้น) ฟังทักษิณพูดเองว่า ทำเรื่องขออนุญาตบินผ่าน แต่ไทยไม่อนุญาต แต่ทักษิณยังโกหกอีกว่า

ไทยจะให้เอฟ16ยิง!! (กฏหมายการบินโลก ไม่อนุญาตให้เครื่องบินรบยิงเครื่องบินพลเรือนได้ง่ายๆ และในทางปฏิบัติไม่มีใครเขาทำกัน หากรัฐบาลไทยโง่ยิงทักษิณ ก็โง่สุดๆแล้วครับ)

ถ้าไทยไม่อนุญาตให้เครื่องบินทักษิณบินผ่านแล้ว จะไปเอาเอฟ16มายิงทำไม ก็เมื่อไม่อนุญาตให้เข้าแล้ว

ทักษิณอ้างว่า ไทยไม่รู้ว่าใครนั่งบนเครื่องบิน ซึ่งโกหก!!

เพราะทักษิณใช้เครื่องบินลำเดิม!!เหมือนเมื่อตอนขาเข้า ทะเบียนเครื่องบินลำเดิม ขากลับก็ลำเดิม!!

--------------------------

หลังจากนายศิวรักษ์มาถึงไทยแล้ว ดูคำสัมภาษณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเหยื่อของฝั่งไหน?

วิศวกรรายนี้นิ่งคิดก่อนจะตอบว่า "ก็แล้วแต่คนมอง อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องให้นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ออกมาพูดความจริง ออกมาชี้แจง หรือพูดคุยกับมารดาตนก็ได้ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะรู้ว่ามันไม่ใช่การจัดฉาก"
"ผมเข้าไปจัดฉากหรือ-คงไม่ได้ แต่ต้องดูว่าหลังจากคุณคำรบโทรหาผมแล้ว เขามีเจตนาอย่างไร แล้วเขาโทรหาใครต่ออีกบ้างก็ต้องดู มันเป็นอย่างไร"
ถามว่าการที่ศาลกัมพูชาพิพากษาให้ผิดเกิดจากสาเหตุอะไร?

นายศิวรักษ์ชี้แจงว่า "สาเหตุหลักวันนั้นนายคำรบซึ่งได้โทรมาตอนเช้า ตอนที่เครื่องลงแล้ว รัฐบาลกัมพูชามองว่านายคำรบอาจมีเจตนาจะปองร้ายอะไรหรือไม่"

"ตอนที่ผมคุยกับคุณคำรบก็ไม่ได้สนใจประเด็นนั้น เพราะเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากคนไทยทุกคนก็อยากจะทราบความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นอย่างไร ซึ่งผมก็บอกคุณคำรบไปว่ามีเครื่องบินวีไอพีลง แต่ไม่ทราบว่าใครอยู่ข้างใน ซึ่งตอนนั้นเครื่องบินก็ลงไปแล้ว 20 นาที แต่เมื่อคดีพิพากษามาแล้วก็ไม่อยากพูดถึงเพราะเป็นวิจารณญาณของเขา" นายศิวรักษ์กล่าว

นักข่าวถามว่าการที่เครื่องบินก็ลงแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเป็นความลับหรือไม่?
นายศิวรักษ์นิ่งคิดก่อนจะตอบด้วยท่าทีอึกอักว่า "ผมไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ เพราะเครื่องก็ลงไปแล้ว แต่ทางโน้นมองว่าเป็นความลับ"

เมื่อถามว่าคิดว่าตัวเองผิดไหม?

นายศิวรักษ์กล่าวว่า "ผมไม่ได้ทำผิดนะ และผมก็เข้าใจว่ามันไม่ได้ผิดอยู่แล้วครับ แต่อาจจะพลาดไป คือผมไม่มีเจตนาร้ายอยู่แล้ว"

ส่วนที่ว่าตนเองเป็นสปายหรือไม่?

นายศิวรักษ์กล่าวว่า "ตนเองไม่ใช่สปาย เพราะถ้าเป็นสปายก็คงจับไม่ได้แน่ คงไม่มีหลักฐานทิ้งไว้หรอก และสมัยนี้คงไม่มีสปาย ซึ่งการที่ศาลกัมพูชาตัดสินก็เป็นเรื่องของดุลพินิจ คดีตัดสินไปแล้วก็ไม่อยากพูดถึง เพราะกษัตริย์กัมพูชาทรงเมตตา"

ซักว่าในทัศนะความลับด้านความมั่นคงคืออะไร?
วิศวกรผู้นี้ตอบว่า "เขาต้องเก็บมิดชิด คนที่จะดูได้ต้องมีหน้าที่ที่จะดู ไม่สามารถนำออกไปได้ง่ายๆ แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้ก๊อบปี้ข้อมูลส่งทางอินเทอร์เนตตามที่ข่าวเสนอก่อนหน้า"

.

.

.

อ่านสปิริตของชาวอิสราเอล

.
.