วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พายุฎีกา 90

atsuhime 90


อ่านเจ้าหญิงอัตสึที่รัก 89.1


การปิดประเทศของญี่ปุ่นในสมัยโชกุนโทกุกาวะนั้น ได้เริ่มขึ้นเมื่อค.ศ.1639 คือห้ามคนญี่ปุ่นเดินทางเข้าออกประเทศ แต่การปิดประเทศนั้นก็ไม่ได้ถึงกับเลิกคบกับชาติอื่นเอาเสียเลย ยังพอมีการผ่อนผันให้ชาวจีน ชาวเกาหลี และชาวดัชต์เข้ามาทำการค้าได้บ้าง แค่เฉพาะที่เกาะเดจิมะเท่านั้น (อยู่ในอ่าวนางาซากิ จ.นางาซากิ)

การปิดประเทศญี่ปุ่นยาวนานต่อเนื่องมากว่า200ปี จนเมื่อปีค.ศ.1851 นายพลแมทธิว เพอร์รี่ของอเมริกานำเรือดำเข้ามากดดันญี่ปุ่นให้เปิดประเทศ ซึ่งก็อยู่ในช่วงชีวิตของท่านหญิงอัตสึพอดีนั่นเอง

ในช่วงก่อนที่อเมริกาจะมากดดันให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศนั้น ก่อนหน้านั้นในปีค.ศ.1839 ประเทศจีนได้เกิดสงครามฝิ่นกับอังกฤษ และจีนก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทำให้จีนต้องยอมลงนามในสนธิสัญญานานกิง ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาทาส ที่ทำให้ทางอังกฤษเอาเปรียบกดขี่จีนอย่างสาหัสที่สุด

ญี่ปุ่นเองก็รับรู้ความเอารัดเอาเปรียบจีนจากพวกฝรั่ง จึงทำให้ญี่ปุ่นก็กลัวเรื่องการเปิดประเทศกับชาติตะวันตกมาก เพราะกลัวจะตกอยู่ในสถานะแบบที่จีนต้องเผชิญในที่สุด

แต่ถ้าจะไม่เปิดประเทศเลย ก็กลัวจะเกิดสงครามใหญ่ จนจะทำให้ญี่ปุ่นต้องตกเป็นเมืองขึ้นแก่ชาติตะวันตกเหมือนชาติอื่นๆในเอเซียประสบมาแล้ว

ทางฝ่ายบะขุฝุ เข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องเปิดประเทศ แต่ทางฝ่ายราชสำนักโดยเฉพาะองค์พระจักพรรดิที่ไม่ได้ปกครองบ้านเมืองมานาน ไม่เข้าใจถึงสภาพที่แท้จริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้องค์พระจักรพรรดิโคเม ต่อต้านการเปิดประเทศอย่างมาก (แต่ในราชสำนักก็มีทั้งคนเห็นด้วยกับการเปิดประเทศ)

บ้านเมืองของญี่ปุ่นในสมัยเอโดะช่วงนี้ จึงทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างพวกที่ต้องการปิดประเทศต่อไป กับพวกที่ต้องการจะเปิดประเทศนั่นเอง

ท่านอี นาโอสุเกะ เห็นควรต้องเปิดประเทศ แต่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจการนำของโชกุนในการปกครองประเทศเท่านนั้น โดยมีพวกฟุไดไดเมียวร่วมคุมอำนาจในบะขุฝุ

ส่วนท่านนาริอาคิระ เห็นควรเปิดประเทศเช่นเดียวกัน แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันกับท่านอี นาโอสุเกะ

ซึ่งในตอนต่อๆจากนี้ไป จะเข้าใจความคิดของท่านนาริอาคิระมากขึ้น

----------------------------------

บทที่ 90

หลังจากท่านคุโบไปหาท่านมิไดถึงห้องพักในวันก่อนนั้น ต่อจากนั้นทุกอย่างก็ดูจะราบรื่นด้วยดี และในวันหนึ่งระหว่างท่านคุโบกับท่านมิไดนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น แถมยังนั่งทานขนมฝรั่งโปรตุเกสอย่างเอร็ดอร่อยด้วยกันอยู่นั้น

ปรากฏว่าท่านคุโบก็ยังเผลอทำกิริยาติงต๊องร้องว่า
"เย้!อร่อยเหมือนขึ้นสวรรค์เลย" อย่างคนเคยตัว

ทำให้ท่านมิไดจึงถามดุๆขึ้นว่า "ต่อหน้าผู้คน ท่านพี่ยังจะทำตัวแบบนี้อีกรึเปล่าเจ้าคะ? / "แบบไหนล่ะ?"

"ก็ทำขนมบ้าง คั่วถั่วบ้าง บางครั้งก็จับเป็ดในสวนบ้าง ยังไงล่ะ?" / "อึม..ก็ยังทำอยู่น่ะ!"

"น่าจะเลิกแกล้งทำปัญญาอ่อนเสียทีดีกว่ามั้ยล่ะเจ้าคะ?" / "ทำไมล่ะ?"

"ถึงเวลาคับขันใครๆจะได้เชื่อฟังความเห็นของท่านพี่ยังไงล่ะเจ้าคะ" / "ตรงกันข้ามต่างหาก!"

"ตรงกันข้ามเหรอ?" /
แล้วท่านคุโบก็ลุกขึ้นยืน แล้วค่อยๆอธิบายเหตุผลให้ฟัง



"ถ้าข้ายังแกล้งทำเป็นคนปัญญาอ่อน ใครๆก็จะไม่ปั้นหน้าปกปิดอารมณ์ที่แท้จริงต่อหน้าข้า ทำให้เรารู้ว่าเขาคิดยังไง เพราะเขาคงนึกว่าข้าคงไม่รู้ทัน หึๆๆๆๆ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"

ท่านหญิงเห็นท่านคุโบอยู่ดีๆก็หัวเราะใหญ่ ท่านหญิงก็เลยยิ่งงง! (ที่จริงท่านคุโบลองแกล้งหัวเราะแบบปัญญาอ่อนอีก)

"ล้อเล่นน่ะ!" / "เอ๋!?"

"ข้าคงไม่จงใจแกล้งทำมากถึงขนาดนั้นหรอก แต่จะปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเท่านั้นเอง" แล้วท่านคุโบก็นั่งลงอีกครั้ง
.
"ปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติยังไง?"

"ตอนคับขันขับขัน ข้าต้องรู้ความจริงอย่างที่เจ้าพูด ทั้งเรื่องเจ้าฝรั่งฮาริสและเรื่องทายาทโชกุนด้วย"

พอได้ยินท่านคุโบพูดเรื่องทายาทโชกุนขึ้นมาอีก ท่านหญิงก็หน้าเบ้ๆขึ้นมาเช่นกัน เพราะเหมือนโดนสะกิดใจ

"ทำไมเจ้าไม่พูดเรื่องทายาทโชกุนอีกล่ะ?" / "ไม่มีอารมณ์เจ้าคะ! อยากทานขนมเท่านั้่นน่ะ" น้ำเสียงชักจะฉุนๆ

"ถ้างั้นก็ทานอีกสิ ทานของอร่อยๆจะได้เกิดความคิดดีๆขึ้นมาอีกไงเล่า" / "เจ้าค่ะ!" ท่านหญิงยิ้มแล้วก็หยิบขนมขึ้นทานอีก

"ทานอีก!ๆ" ท่านคุโบเชียร์ให้ทานเยอะๆ ท่านหญิงก็ยิ้มชอบใจ ยิ่งทานใหญ่เลย!

----------------------------

ในเวลาเดียวกันนั้น ท่านอี นาโอสุเกะ ก็ถูกท่านฮงจูอินเรียกเข้ามาพบ โดยมีทาคิยามะนั่งร่วมการสนทนาอยู่ด้วย

ท่านฮงจูอิน
"ข้าไม่พูดอ้อมค้อมล่ะนะ คือเรื่องทายาทน่ะ!"
.
ทาคิยามะ "ท่านอี เทใจสนับสนุนท่านโยชิโตมิแห่งคิชู ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น พวกเราก็เห็นเหมือนท่านเช่นกันเจ้าค่ะ"

ท่านอี
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะพูดบ้างนะขอรับ ท่านทั้งหลายในโอโอขุเกลียดพวกมิโตะ เกลียดท่านโยชิโนะบุ ได้ยินว่าเป็นอย่างนั้นถูกมั้ยขอรับ?"

"ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิ ถึงได้อยากให้ท่านโยชิโตมิได้เป็นโชกุนคนต่อไปอย่างแน่นอน จึงอยากให้ท่านสัญญากับเราว่า จะผลักกันอย่างสุดกำลัง ให้เรื่องนี้สำเร็จจนได้นะ"

"ไม่ต้องขอร้องหรอก เพราะในใจข้ามีแต่ประมุขแห่งคิชูคนเดียวเท่านั้นขอรับ" / "เป็นความจริงแน่นะเจ้าคะ?"

"รับรอง! เอาชีวิตข้าเป็นประกันได้!"
.
ท่านฮงจูอินถอนหายใจโล่งอก "ต่อไปนี้ทุกอย่างก็คงต้องหวังพึ่งท่านล่ะ...ตอนนี้ในปราสาทวางใจใครไม่ได้เลย นอกจากท่านเท่านั้นนะ"

"ขอรับ"

เป็นอันว่าถึงเวลานี้ท่านฮงจูอินกับท่านอี นาโอสุเกะ ได้ร่วมกันเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการแล้ว

------------------------

หลังจากนั้นท่านอี ก็ได้ไปแจ้งข่าวการร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านฮงจูอินแก่ท่านฮตตะ ซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนท่านฮตตะเลือกอยู่ฝ่ายท่านอีซะแล้ว

ส่วนอีกไม่นานท่านฮตตะก็จะเดินทางไปเกียวโต เพื่อไปหาคนในราชสำนักที่เห็นด้วยมาช่วยสนับสนุน เพื่อหาทางให้ราชสำนักอนุญาตเรื่องการทำสนธิสัญญากับอเมริกาให้ได้

----------------------------

ขณะเดียวกันที่จวนแห่งสัทสุมะในเอโดะ ท่านไซโกได้มาถึงแล้ว และเข้าพบกับโอโนะชิมะ เพื่อมอบจดหมายลับที่ท่านเจ้าแคว้นฝากมาให้ท่านหญิงอัตสึ

ซีึ่่งโอโนะชิมะก็รายงานสถานการณ์ความลำบากของท่านหญิงในโอโอขุให้ท่านไซโกรับรู้ว่า ในโอโอขุมีแต่คนเกลียดพวกมิโตะแถมตอนนี้ยิ่งจะเกลียดมากขึ้น

ท่านหญิงจึงเปรียบเสมือนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของฝ่ายตรงข้าม และที่สำคัญ แม้แต่จะพูดคุยกับท่านฮงจฺอิน เดี๋ยวนี้ก็ท่านหญิงไม่สามารถทำได้เช่นเดินอีกแล้ว

---------------------------

(โอโนะชิมะก็จะซ่อนจดหมายลับในกล่องขนมฝากถึงอิคุิชืมะ แล้วถึงจะไปถึงมือท่านหญิงอีกที)

และเมื่อจดหมายลับถึงมือท่านหญิงแล้ว และในเนื้อหาจดหมายลับจากท่านนาริอาคิระ มีความว่า

"ถ้าทำสัญญาทางการค้ากับอเมริกา พวกฝรั่งจะแห่กันเข้ามาในญี่ปุ่น จะทำให้วุ่นวายกันไปใหญ่แน่ เราจึงต้องเปลี่ยนจิตใจคนให้สามัคคีกันให้ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องทำให้ตระกูลโชกนมั่นคงเสียก่อน เราจึงต้องเลือกทายาทโชกุนให้ได้ นั่่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!"

จดหมายลับดังกล่าวมีเจตนาก็เพื่อจะย้ำเตือนให้ท่านหญิงรีบทำงานให้เสร็จตามเป้าหมายโดยเร็ว เพราะตอนนี้สถานกาณ์่ต่างๆมันเร่งให้ท่านนาริอาคิระต้องเร่งเช่นนั้น เพราะตั้งแต่ท่านอาเบะตาย ท่านมิโตะลาออก แถมท่านฮตตะก็ดูจะเอียงไปทางด้านท่านอีแล้ว

อิคุชิมะ
"ท่านเจ้าแคว้นเขียนว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ?" / "เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วนี่นา" ท่านหญิงตอบแบบเซ็งๆ

"เรื่องทุกอย่างตอนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ท่านคุโบเท่านั้นนะเจ้าคะ คือว่าท่านมิไดจะต้องเกลี้ยกล่อมท่านคุโบให้สำเร็จนะเจ้าคะ!"

"ข้ารู้แล้วล่ะ แต่ว่า.." / "ต้องรีบทำทันที!! ไม่มีแต่นะเจ้าคะ!!"
อิคุชิมะดุเสียงดัง

"ต้องให้ท่านคุโบกำหนดให้ท่านโยชิโนะบุเป็นทายาทเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น! ท่านมิไดก็จะได้อยู่อย่างสบายขึ้นด้วยนะเจ้าคะ"

คำสั่งของท่านพ่อและหน้าที่ภรรรยาโชกุน ทำให้ท่านหญิงเริ่มหนักใจขึ้นอีกแล้ว...
.
.
.
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม