วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

ผู้มีบารมี(ไม่)นอกรัฐธรรมนูญและอำมาตยาธิปไตยของทักษิณ,(VDOlink)

. akecity

วี.
วีดีโอลิงค์แม้วหน้าทำเนียบวันที่27มี.ค. ช่วงที่1 , ช่วงที่2 , ช่วงที่3 (เปิดเผยผู้มีบารมีฯ)
คลิปเสียงแม้วหน้าทำเนียบวันที่28มี.ค. คลิกฟัง

เชื่อว่าหลายคนคงได้ฟังทักษิณพูดหน้าทำเนียบแล้ว ที่ว่าจะแฉผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นใคร? ซึงถึงไม่บอกก็รู้กันโดยทั่วกันอยู่แล้วว่า เป็นใคร เพราะหลังปฏิวัติ19ก.ย.49ไม่กี่วัน ตอนนั้นทักษิณก็เคยแฉมาแล้วครั้งนึงที่อเมริกาซึ่งหาดูคลิปได้ในYOUTUBE

และหลังจากปฏิวัติบรรดาลิ่วล้อทักษิณก็ยกพวกไปด่าถึงหน้าบ้านผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญมาแล้ว จนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ทักษิณกล่าวหาใครอยู่เบื้องหลังปฏิวัติ

พลเอกเปรม ก็คือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคนนั้น แต่สำหรับผมไม่คิดว่าอยู่นอกรัฐธรรมนูญ

เพราะตำแหน่งองคมนตรีมีอยู่ในรัฐธรรมนูญแน่นอน และองคมนตรีก็มีสิทธิเลือกตั้งด้วย! (ฮา!) แต่ตอนนี้ทักษิณไม่มีสิทธิแน่นอน (ฮา)
.
การประกาศของทักษิณในครั้งนี้ ทำให้อดนึกถึงการวางระเบิดหน้าบ้านสี่เสาเมื่อสองสามปีก่อน และการระเบิดในวันปีใหม่6จุดในกรุงเทพฯสมัยสุรยุทธเป็นนายกฯว่า มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยหรือเปล่า?
.
เจตนาสร้างความวุ่นวายให้ชาติเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างภาพลบให้กับชาวต่างชาติภายหลังการปฏิวัติ!?


*************************************

อำมาตยาธิปไตย

การที่คนเสื้อแดงบัญญัติขึ้นเพื่อใช้เรียกพลเอกเปรมโดยเฉพาะ ซึ่งทุกคนคงทราบกันอยู่แล้ว ซึ่งหากใครที่ไม่ได้เป็นคนเสื้อแดงย่อมรู้ดีว่า คำว่าอำมาตยาธิปไตยที่ทักษิณและเสื้อแดงอ้างนั้น ก็เป็นแค่ข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดของทักษิณ
.
และมีการกล่าวหาเพิ่มด้วยว่า ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตยแต่เป็นอำมาตยาธิปไตย?

ซึ่งคนเสื้อแดงก็เชื่อตามนั้น ทั้งๆที่คนเสื้อแดงเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยดีแค่ไหน

เพราะถ้าไม่เป็นประชาธิปไตยจริง ป่านนี้ทักษิณและเครือญาติจะไม่มีโอกาสรวยแบบทุกวันนี้หรอก

และเพราะเป็นประชาธิปไตยนี่แหล่ะ ทักษิณถึงหลอกคนไทยเสื้อแดงได้ไง

และเพราะประชาธิปไตยนี่แหล่ะ ทักษิณถึงหลอกคนไทยที่รู้เท่าทันไม่ได้ไง

และถ้าไม่เป็นประชาธิปไตยจริง ป่านนี้ทักษิณติดคุกไปนานแล้ว

และคงไม่มีเสื้อแดงเสื้อเหลืองแน่นอน

คนฉลาดที่เขาไม่จำเป็นต้องเป็นเป็นพันธมิตร เขาก็รู้ว่าทักษิณโม้เก่งทั้งนั้นแหล่ะ

คนโง่เท่านั้น ที่คิดว่า มีแต่พันธมิตรและปชป.เท่านั้นที่ต้านทักษิณ

เพราะเสื้อแดงคิดอย่างงี้ไง ทักษิณถึงได้โดนแกนนำอมเงิน? 555

คนไม่เอาไหนเท่านั้น ที่จมปลักกับคำว่า อำมาตยาธิปไตย

(เพราะหากมีอำมาตยาธิปไตยได้ ก็ต้องมีอาแม้วธิปไตยได้เช่นกัน)

ลิ่วล้อทักษิณจึงเป็นได้แค่พวกขี้แพ้ชวนตี รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

เพราะทุกระบอบต่างมีดีมีเลว คนที่ไม่รู้จักพึ่งตนเอง ย่อมไม่พอใจระบอบที่มีอยู่ทั้งชาติ ก็จะทุกข์ทั้งชาติ

โทษสิ่งอื่นแต่ไม่โทษตัวเอง

(จีน เป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็เจริญกว่าเรา เวเนซูเอล่ากำลังจะกลายเป็นสังคมนิยมและผู้นำเวเนฯ ก็บอกอเมริกาว่าให้มาแก้ปัญหาวิกฤติชาติด้วยระบอบสังคมนิยม? และเวียตนามกำลังจะแซงหน้าเรา!)

***********************

เวียตนามไม่ใช่ประชาธิปไตยแน่นอน

ในช่วงแรกของวีดีโอลิงค์หน้าทำเนียบวันที่28มี.ค. ทักษิณบอกว่า ญี่ปุ่นจะไปเปิดโรงงานผลิตเครื่องบินที่เวียตนาม ซึ่งเหตุผลนั้นทักษิณก็บอกเองว่า เพราะเวียตนามมีเด็กที่เก่งคณิตศาสตร์กว่าเด็กไทย

ซึ่งเหตุผมเรื่องเวียตนามเก่งคณิตศาสตร์กว่าเด็กไทยนั้น ผมเคยเขียนบอกหลายครั้งแล้ว และทำให้ไทยเราก็กำลังจะแพ้เวียตนามทางด้านเทคโนโลยีแน่ๆในอีกไม่ช้า

และที่สำคัญเวียตนามก็ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยด้วย

ฉะนั้นที่ประเทศญี่ปุ่นอาจไม่ได้มาลงทุนในประเทศไทยในเรื่องนี้ตามที่ทักษิณอ้างนั้น จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองว่าจะประชาธิปไตยหรือไม่ แต่มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆมากกว่า

ฉะนั้น การที่ทักษิณบอกว่าบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยทำให้ไม่เจริญนั้น แต่ที่จริงเจริญหรือไม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบอบเป็นสำคัญ(แต่เป็นแค่ปัจจัยรองๆเท่านั้น) แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพประชาชนเป็นสำคัญมากกว่าครับ

**********************


ส่วนวีดีโอลิงค์เมื่อวันเสาร์ ทักษิณเน้นเรื่องวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งอันนี้ผมขี้เกียจวิจารณ์แล้วครับ แต่ขอบอกว่า มีหลายๆสิ่งที่ทักษิณเสนอก็เป็นแนวคิดที่ดี หลายอย่างผมเห็นด้วย แต่ก็ไม่ทั้งหมด เรื่องแนวทางการแก้ไขของแต่ละคนย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ และคล้ายกันๆได้

สิ่งใดที่ดีเป็นประโยชน์ต่อชาติ แม้จะมาจากความคิดใครก็ตาม หากรัฐบาลเห็นว่าดีก็ควรนำมาใช้ อย่าไปติว่าเป็นของศัตรูทางการเมืองหรือไม่

แต่ผมอยากจะบอกคุณผู้อ่านฝากไว้ให้คิดว่า

คนเราพอออกมานั่งดูนอกสนามมันก็เก่งทุกคนแหล่ะ แต่พอลงเล่นเอง มันก็ไม่ได้เก่งอย่างที่คิดเสมอไปหรอก ว่าม๊ะ
.
(ผมจะแก้ปัญหาจราจรให้สำเร็จภายใน6เดือน!?) 555!

โดยเฉพาะทักษิณพอไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่มีอำนาจและผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง ความคิดเห็นก็ดูดี แต่พอตอนเป็นนายกฯเอง กลับไม่โปร่งใสแบบที่หวังเลยจริงๆ มีแอบแฝงตลอด เฮ้อ!

************************

จะทะเลาะขัดแย้งก็ทำไป แต่อย่าให้แตกแยกแบ่งแผ่นดินก็แล้วกัน
.
.
คลิกอ่าน แม้ไม่ชอบที่รัฐบาลทำ ก็ต้องเชียร์
.
.

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

แม้ไม่ชอบที่รัฐบาลทำ แต่ก็ต้องเชียร์?, และเก็บตกเวทีปราศัยเสื้อแดง

.
.
จากชื่อบทความหลายท่านอาจคิดว่า ผมชอบรัฐบาลนี้หรือเปล่า? ไม่หรอกครับ ผมไม่เคยชอบวิธีการบริหารแบบประชาธิปปัตย์เลยสิ! พับผ่าเหอะ!

หากจะถามผมว่า ผมชอบการบริหารแบบรัฐบาลไหนมากที่สุด ผมยอมรับว่า ผมชอบแบบรัฐบาลทักษิณมากกว่าทุกรัฐบาล แต่ไม่ใช่ว่าจะเห็นดีเห็นงามกับแนวคิดทักษิณไปทั้งหมดนะครับ (เพราะผมด่าไว้เยอะ)

แต่เพราะความที่ผมเป็นคนไทยที่รักชาติคนนึง แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดหลายๆเรื่องของรัฐบาลต่างๆที่ผ่านมา แต่ถึงยังไงเราก็ต้องเชียร์ให้รัฐบาลประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศให้ได้ แม้รัฐบาลนั้นผมอาจจะเกลียดก็ตาม

เช่นเดียวกัน แม้ผมจะไม่ชอบการกู้เงิน หรือการแจกเงินแบบที่รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังทำอยู่ก็ตาม แต่ถึงยังไงผมก็ต้องเชียร์ให้นโยบายของรัฐบาลที่ได้ทำหรือกำลังจะทำ ขอให้สำเร็จตามคาดหมาย ไม่ใช่เพราะอยากให้พรรคประชาธิปัตย์มีผลงานเหนือทักษิณหรอกครับ

แต่ผมหวังให้สำเร็จก็เพื่อประเทศชาติและประโยชน์จงเกิดแก่คนไทยทุกคนทุกสีเสื้อไม่แบ่งแยก เพราะแม้ผมจะเกลียดทักษิณ ไม่เชียร์ม็อบเสื้อแดงก็ตาม แต่ก็อยากให้ทุกคนได้ประโยชน์จากรัฐเท่าเทียมกัน

ผมคิดว่า ถึงไม่ชอบก็ต้องไม่แตกแยก เพราะถึงยังไงก็คนไทยด้วยกันทั้งนั้น

จะมีอยู่กรณีเดียวที่ผมยอมแตกแยกกับคนไทยก็คือ คนไทยที่คิดคดทรยศสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ที่ผมคิดจะแตกแยกด้วย

ผมคิดว่า การที่คนไทยมีความเห็นแตกต่างกันทางการเมือง ก็เป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย แต่การที่คนไทยจะแตกแยกกันได้ สำหรับผมมีแค่ประเด็นเดียวก็คือ พวกที่คิดร้ายต่อสถาบันฯทั้งชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ จนถึงขั้นคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

นี่แหล่ะครับที่ผมไม่สามารถยอมได้

ฉะนั้น จะทะเลาะก็ทะเลาะไปเถอะครับ จะด่ารัฐบาลก็ด่าไปเถอะครับ แต่อย่าเอาผลประโยชน์ของชาติมาสาปแช่งเพื่อหวังผลทางการเมือง

หรืออย่าดึงเอาสถาบันฯอันเป็นที่รักของคนไทยมาตั้งแต่บรรพบุรุษมาลงทำลาย

ขอเพียงแค่นี้ หากทำได้ ความแตกแยกในชาติก็คงไม่อาจเกิดขึ้นได้แน่นอน

บทสรุปง่ายๆของผมก็คือ ด่านโยบายได้ วิจารณ์นโยบายได้ แต่อย่าแช่งให้ล้มเหลวเลย เพราะหากล้มเหลว เราคนไทยทุกคนก็จะล้มเหลวเช่นกัน เพราะชาติล้มเหลว คนไทยก็ล้มเหลวตาม

*********************************

เช็คช่วยชาติ?

หากดูข่าวทุกช่องเมื่อวานนี้ จะเห็นว่า เกิดความโกลาหลของประชาชนที่ไปรับเช็คช่วยชาติ 2,000บาท เรียกกันว่า ต้องลางานกันทั้งวัน แถมร้อนและรอนาน ซึ่งเห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ (ดูข่าวนี้)

ผมไม่เห็นด้วยกับการแจกเช็ค ผมว่า ควรจะเข้าบัญชีธนาคารดีที่สุด เพราะหากเขาจะใช้หรือไม่ก็เรื่องของเขา แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้เงินแน่

หลายรายพอไปขึ้นเช็คที่ธนาคารก็เห็นเข้าบัญชีซะก็มาก หลายรายก็เปิดบัญชีใหม่ทันที สุดท้ายก็ฝากเงินอยู่ดี

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ใครจะใช้หรือจะฝาก ก็จ่ายเข้าบัญชีเสียแต่แรกก็หมดเรื่อง เว้นแต่บางคนหากไม่มีบัญชี(ซึ่งน่าจะน้อยมาก) จริงๆ ค่อยจ่ายเป็นเช็คแทนก็ไม่เห็นจะมีปัญหา

รัฐบาลอภิสิทธิ์นี่คิดมากไป กลัวว่าเขาจะรีบไม่ใช้เงิน เลยต้องสั่งให้ออกเป็นเช็คซะทุกราย คิดมากไป เลยกลายเป็นโง่เสียชิบ!

คนรายได้น้อยส่วนใหญ่จะช้าหรือเร็วก็ต้องใช้จ่ายอยู่แล้ว ควรเข้าบัญชีไปเลย แล้วค่อยมาเบิกทีหลังก็ไม่เห็นจะยุ่งยากอะไร

การที่แจกเป็นเช็คนอกจากจะเสียเงินงบเพิ่ม แถมยังโดนครหาว่า มีนอกมีในกับธนาคารกรุงเทพฯหรือเปล่า แถมทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั้งประเทศ แบบนี้ไม่เรียกว่าโง่ แล้วจะเรียกว่าอะไร

ตอนขึ้นภาษีน้ำมันพรวดเดียววันแรก ก็เล่นเอาโกลาหลไปทั้งประเทศทีนึงแล้ว มาคราวนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังสร้างความโกลาหลทั้งประเทศได้อีก

อย่างงี้สิน่า ถึงโดนทักษิณตอกมา ก็สมควรแล้ว

แต่ถึงผมจะไม่ชอบ ไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ก็หวังว่า จะได้ประโยชน์ตามที่รัฐบาลคาด เพราะไม่เช่นนั้น ประเทศก็จะเสียหาย ประชาชนก็จะเสียหาย

สุดท้ายขอฝากคนไทยทุกคนอีกครั้งว่า เกลียดก็อย่าแช่งนโยบายช่วยชาติก็แล้วกัน เพราะมันบาปมากนะครับ

.
.
คลิกอ่าน ค้านแนวคิดแบบวิกรม ในบางเรื่อง
.
**********************************

เก็บตกปราศัยเวทีเสื้อแดงคืนแรกตอนตี4
.
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ม็อบเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบแบบยืดเยื้อ(ตามอ้าง) ผมเลยขอแวะไปดูDTV สักหน่อยว่าเป็นไงบ้างแล้ว
.
ก็พอดีได้ฟัง แกนนำเสื้อแดงอุดร นายขวัญชัย ไพรพนากำลังพูด ซึ่งเนื้อหาสำคัญที่ผมจะเล่าให้อ่านก็มีดังนี้ครับ(แบบสรุปๆ)
.
ขวัญชัยบอกว่า ที่อุดร ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ครูใหญ่ หมอและพยาบาลส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อเหลืองกันทั้งนั้น
เวลาเสื้อแดงไปติดต่อราชการก็ต้องไปแบบเก็บเนื้อเก็บตัว
แต่ก็บอกว่า ภายหลังมีคนมาสมัครสมาชิกเสื้อแดงกับชมรมมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
.
ประเด็นต่อมา ขวัญชัยบอกว่า ปลายเดือนนี้กำลังจะจัดโต๊ะจีนหาเงินใช้หนี้เก่า ทั้งหมด400โต๊ะ ราคาโต๊ะละ2,000บาทถ้าขายหมดก็จะกำไรประมาณ3แสนกว่า ก็มีชาวบ้านเสื้อแดงมาช่วยซื้อหลายโต๊ะแล้ว เพราะสงสาร
.
ขวัญชัยบอกอีกว่า ก่อนมาชุมนุมหน้าทำเนียบวันนี้ ก็ไปเบิกเงินจากค้าโต๊ะจีนมาซื้อสร้อยทองหนึ่งเส้น(พลางจับที่สร้อยให้คนดู) โดยอ้างว่า ไม่อยากให้น้อยหน้าคนอื่น!?
.
ประเด็นต่อมาขวัญชัยบอกต่อว่า เขามั่นใจว่า เสื้อแดงจะชนะในการชุมนุมล้มรัฐบาลในครั้งนี้ และเชื่อว่า อภิสิทธิ์จะยุบสภาก่อนเขากลับไปกินโต๊ะจีน และอภิสิทธิ์จะรักษาการนายกฯอีกเดือนครึ่งก่อนจัดให้มีการเลือกตั้ง
.
และคิดว่าอภิสิทธิ์อาจจะชนะเลือกตั้งครั้งหน้าก็ได้ แต่เพราะโกง!?
.
คลิกอ่าน ทักษิณขี้โม้ฯ
.
.
.

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

มองอเมริกาแล้วฉุกคิด2




.
อ่านมองอเมริกาแล้วฉุกคิด1

..
วันนี้ขอนำเสนอเรื่องง่ายๆ สักวันครับ


เนื่องจากผมชอบดูข่าวที่เกี่ยวกับประเทศอเมริกามากๆ เพราะคิดว่า น่าจะเป็นประเทศที่เราควรเรียนรู้ทั้งเรื่องดีและไม่ดีไว้ศึกษา โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหนักคราวนี้ ยิ่งต้องจับตามองอเมริกาให้มาก เพราะจะได้เข้าใจว่า ทำไมหนาประเทศที่ยิ่งใหญ่และว่ากันว่ามีเสรีภาพที่สุดประเทศนึงถึงได้พบสภาพที่ตกต่ำเช่นนี้ได้


ในช่วงที่โอบามาขึ้นกล่าวขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนครั้งแรกหลังจากได้ชัยชนะ มีข่าวนึงที่ผมสะดุดใจก็คือ คือมีข่าววิจารณ์ว่าลูกสาวคนเล็กโอบามาแต่งตัวแพงเกินไป ทั้งๆที่ราคาเพียง75เหรียญเท่านั้น คิดเป็นเงินไทยก็แค่เพียง2พันกว่าบาท (หากเทียบกับค่าครองชีพคนอเมริกันก็ไม่น่าจะแพงมาก)


ซึ่งหากเป็นลูกสาวนายกฯประเทศไทย จะใส่ชุดละ2หมื่นบาทก็คงไม่ค่อยมีใครว่า หรือใส่ใจวิจารณ์ โดยเฉพาะหากเป็นลูกสาวอดีตนายกฯคนนึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง อยากใส่ชุดหลายแสนก็คงไม่มีใครว่าแน่ๆ

**********************************

ข่าวต่อมาที่ผมสะดุดใจ ก็คือ โอบามาพาครอบครัวไปแจกอาหารและของใช้จำเป็นแก่คนจรจัดไร้ที่อยู่ และคนยากจนในวันขอบคุณพระเจ้าที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึ่ง

แน่นอนแม้ประเทศที่ว่ามีระบอบที่ดีที่สุดในโลกก็ยังมีผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่ด้วย แต่ทุกคนที่ทุกข์จะไม่หวังพึ่งรัฐเป็นสิ่งแรก แต่คิดว่าต้องพึ่งตัวเองก่อน


**********************

  ข่าวต่อมาก็คือ มีข้าราชการสาวคนนึงมาร้องเรียนต่อโอบามาว่า ตัวเองได้เงินเดือนน้อยกว่าผู้ชายทั้งๆที่ทำงานในตำแหน่งเดียวกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเพิ่งมีโอกาสรู้ความจริงแห่งความไม่เท่าเทียมกันโดยบังเอิญเมื่อไม่นานมานี้ . นี่แหล่ะหนาประเทศแห่งเสรีภาพ แต่ก็มีความไม่เท่าเทียมกันระหว่างหญิงชายอยู่ดีครับ ขออภัยที่ผมจำรายละเอียดข่าวไม่ได้มาก เพราะได้ฟังผ่านๆแบบไม่ทันตั้งตัว .

*****************************

ข่าวต่อมาเมื่อไม่นานมานี้ ก็คือ บริษัทAIGให้โบนัสพนักงาน ทั้งๆที่บริษัทกำลังจะเจ๊ง แต่ได้รัฐบาลกลางเข้ามาอุ้ม โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทก็ได้เงินโบนัสสูงมาก เพราะบางคนได้รับโบนัสนับร้อยล้านบาท (ข่าว) ซึ่งถูกคัดค้านจากโอบามา และโดนประชาชนทั้งประเทศร่วมกันประนามอย่างโกรธแค้นกับการจ่ายโบนัสอิ้อฉาวครั้งนี้ 

ซึ่งภายหลังได้ข่าวต่อมาว่า พนักงานAIGและผู้บริหารระดับสูงได้ทยอยกันมาคืนโบนัสที่ได้รับไปแล้ว (ข่าว)

เอ! ข่าวนี้ได้ข้อคิดอะไรน้า ผมยังคิดคำดีๆไม่ออก คุณผู้อ่านลองคิดเองแล้วกันครับ

*********************************

ข่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้ยินข่าวขำๆว่า คนอเมริกันถูกเลขท้ายลอตเตอรี่กันเป็นจำนวนมาก โดยเลขท้ายที่ว่านำโชคนั้น ได้ข่าวว่าคนอเมริกันซื้อตามหมายเลขประจำตัวนักโทษของนายเบอร์นาด แมนดอฟ เจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่ที่ถูกจำคุกเมื่อหลายวันก่อน 

(หมายเลขประจำตัวนักโทษของเขา 61727-054) . นึกว่ามีแต่คนไทยที่เก็งเลขเด็ดอยู่ชาติเดียวเสียอีก !

*******************************

ข่าวเมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรีเหวิน เจีย เป่าของจีน กับนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประสานเสียงในการประชุม เศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum. ที่เมืองตากอากาศบนภูเขา"ดาวอส" ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทั้งสองคนได้ตำหนิสหรัฐฯว่าเป็นผู้ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ 

นายเหวิน กล่าวว่า ความละโมบที่จะก่อหนี้ และการแสวงหากำไรแบบหน้ามืดตามัวของบรรดาสถาบันการเงินของสหรัฐ ซึ่งขาดวินัยในตัวเอง และความล้มเหลวของบรรดาผู้คุ้มกฎ ได้นำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุด

ด้านนายกรัฐมนตรีปูติน ซึ่งขึ้นพูดเป็นลำดับต่อมา ได้เรียกวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ว่าเป็น "เพอร์เฟค สตรอม" (perfect storm) พร้อมโจมตีสถาบันการเงินต่างๆของสหรัฐ รวมทั้งรัฐบาลเก่าของสหรัฐฯ สหรัฐฯเอ๋ย โดนประเทศคอมมิวนิสต์กับอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ด่าไม่ไว้หน้าแบบเถียงไม่ออกเลยหนา 

ระบอบในโลกทุกระบอบต่างมีดีมีด้อยทั้งสิ้น จะดีจะชั่วอยู่ที่คุณภาพและคุณธรรมของคนในชาติมากกว่าจริงๆเลยหนอ

*******************************

ข่าวต่อมาได้ยินว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะปลดข้าราชการออกจำนวนมาก เพราะขาดดุลงบประมาณอย่างหนักจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ ทำให้ขาดแคนเงินสดหมุนเวียน จึงจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายลง สุดท้ายข้าราชการเลยเป็นฝ่ายรับเคราะห์ เมืองไทยเรานี่ยังดีกว่านะ เพราะอย่างน้อยข้าราชการก็ยังมีงานมั่นคงอยู่กว่าอเมริกา

***********************************

ปิดท้ายด้วย ข่าวนางมิเชล โอบามาชวนเด็กๆมาปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ในทำเนียบขาว เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าอาหารในทำเนียบขาว โดยคาดว่าน่าจะประหยัดได้ประมาณ3000เหรียญต่อปี และเพื่อหวังเป็นตัวอย่างให้คนอเมริกันได้เลียนแบบตาม



อเมริกาก็คิดได้เหมือนกันเน๊อะ แต่ในหลวงของเราทรงคิดเรื่องแบบนี้ได้นานแล้ว นั่นก็แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยหลายคนยังไม่นำพา เฮ้อ! . .


วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552

ทักษิณขี้โม้ 2 ตอนความแตกต่างวิกฤติปี40กับปี52






ย้อนอ่านทักษิณขี้โม้ ตอน1
.
.

องสามวันที่ผ่านมาทักษิณโฟนเอ๋งถี่มาก เริ่มจากคุยว่า วิกฤติปี44ที่ตัวเองมาเป็นนายกฯนั้นไทยมีปัญหาหนักหนาสาหัสมากกว่าวิกฤติปีนี้51-52 หากตัวเองยังเป็นนายกฯอยู่ป่านนี้คนไทยจะไม่มีคนจนแล้ว

"ปัญหาเศรษฐกิจทุกวันนี้ผมมองเป็นเรื่องง่าย ง่ายกว่าที่ผมแก้ 2544 ตอนนั้นประเทศยากจนจะตาย ตอนนี้หากแก้ก็แก้ง่ายจะพูดในวันที่ 27 มีนาคม ถ้าผมอยู่ประเทศไทยวันนี้ นอกจากจะไม่กู้เงินต่างประเทศซักบาท จะเสกเงินลงพื้นที่ทีละ 7-8 แสนล้านบาทเลย มันอยู่ที่การบริหาร ผมมันมีกรรมไม่ทราบชาติที่แล้วไปทำกรรมกับประชาธิปัตย์ไว้ ผมต้องกลับไปใช้หนี้ตลอด" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และเกิดจากสาเหตุใดก่อน ถึงจะรู้ว่าที่ทักษิณโฟนเอ๋งมานั้นจริงเท็จแค่ไหน

วิกฤติเศรษฐกิจคราวที่แล้วเริ่มขึ้นในปี40 สมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต(ที่มีทักษิณร่วมรัฐบาลด้วย) ถูกนักค้าเงินโจมตีค่าเงินบาท รัฐบาลไทยพยามยามพยุงค่าเงินบาทไว้ไม่ให้ลดค่าลงจากปกติที่ประมาณ25บาทต่อusดอลล่าร์

จนในที่สุดเงินคงคลังของไทยแทบไม่เหลือหรอ จนทำให้รัฐบาลชวลิตต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งจากเคยอยู่ที่25บาทต่อusดอลล่าร์ พุ่งพรวดเดียวไปถึง50กว่าบาทในวันเดียว

ทำให้นักธุรกิจไทยที่เป็นหนีผูกพันธ์ต่างประเทศถึงกับกระอักเลือดเพราะเป็นหนี้เพิ่มเท่าตัวภายในคืนเดียว ประกอบกับภาวะฟองสบู่ที่เกิดจากการที่สถาบันการเงินไทยปล่อยกู้กันง่าย

เพราะได้เงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่มาลงทุนที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตกระฉูดตลอด10ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดสภาวะหนี้เสียจากการปล่อยเงินกู้ที่ไร้วินัย เช่นเรื่องกู้ไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์เกินความต้องการและการปั่นราคาเกินจริง จนภาวะฟองสบู่แตกในที่สุด


ซึ่งวิกฤติเศรษฐกิจ40นั้น สาเหตุจึงมาจากเรื่องสภาพคล่องของรัฐบาลและสภาพหนี้เน่าของสถาบันการเงินที่สูงเกินไป และในปี40 เรื่องสภาวะการส่งออกสินค้าของไทยก็ยังไม่กระทบกระเทือนเท่าวิกฤติปี52นี้ เพราะตอนนั้นทั้งยุโรปและอเมริกายังมีเงินมากและไม่ได้แย่เหมือนอย่างในวันนี้

แต่วิกฤติปีนี้ไทยเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องและปัญหาสถาบันการเงิน ปัญหาคราวนี้แม้จะๆไม่ได้มารุนแรงจนตั้งตัวไม่ทันเหมือนวิกฤติปี40 ก็ตาม แต่น่าจะซึมยาวนานกว่า เพราะวิกฤติคราวนี้เป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นทั้งโลกที่เราไม่อาจควบคุมเองได้

เพราะอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น รวมทั้งทุกๆประเทศในโลกกำลังขาดเงินที่จะซื้อสินค้า ทำให้ไทยเราก็จะประสบปัญหาจากการส่งออกแน่นอน ทำให้โรงงานที่เกิดมาเพื่อการส่งออก หรือสินค้าทุกชนิดที่ต้องส่งออกเกิดปัญหาอย่างหนัก และก็เป็นปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก

(คุณผู้อ่านก็ลองพิจารณาดูสิว่า วิกฤติไหนน่าจะหนักกว่า)

(อยากให้คุณผู้อ่านกลับไปอ่านเรื่อง อเมริกาจ๋อย1 จากทุนนิยมล่ม เพื่อจะได้รู้ถึงสาเหตุของวิกฤติโลกครั้งนี้ดีขึ้นครับ)

เพราะวิกฤติคราวที่แล้ว เมื่อไทยยังสามารถส่งสินค้าออกนอกได้ ก็จะมีเงินเข้ามาแก้วิกฤติชาติได้เรื่อยๆ แต่คราวนี้สินค้าส่งออกเกิดปัญหา เพราะต่างชาติไม่มีเงินซื้อ

ที่สำคัญที่สุด ทักษิณมาเป็นนายกฯเมื่อวิกฤติผ่านไปแล้ว4ปี และตอนปี44 ก็กำลังจะเป็นช่วงขาขึ้นของเศรษฐกิจอยู่แล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกยังดีอยู่จึงเกื้อหนุนให้ไทยดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเงินจากการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศเกื้อหนุน


ผมเล่าคร่าวๆให้คุณผู้อ่านได้เห็นแล้วนะครับ แต่ผมอยากแนะนำให้คุณผู้อ่านกลับไปอ่านบทความเก่าๆที่ผมเขียน ก็จะได้รับความเข้าใจดีขึ้นครับ
.
ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของไทยคราวนี้ จะอยู่จะรอดก็ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนไทย เพราะเมื่อเราส่งออกได้น้อยลง แต่หากคนไทยเราลดความฟุ้งเฟ้อลง และเพิ่มความพอเพียงให้มากขึ้น
.
เราส่งออกได้น้อยลงก็จริง แต่ถ้าเราลดการนำเข้าลงได้มากกว่า โอกาสที่เราจะรอดก็จะมากขึ้นและอาจไม่เจ็บตัวมากเหมือนปี40
.
ฉะนั้นความพอเพียงของคนไทยนี่แหล่ะที่จะเป็นดัชนีชี้วัดความอยู่รอดของชาติไทย (จะรอดพ้นได้เพราะพระมหากรุณาธิคุณชี้ทางสว่างไว้เพื่อคนไทย)


คลิกอ่าน ทำไมผมถึงต้านทักษิณ

*********************************

มาวันนี้ทักษิณโฟนเอ๋งอีกครั้งที่เชียงใหม่ (คลิกชมวีดีโอ1, คลิกชมวีดีโอ2 ทักษิณโฟนเอ๋งที่สนามกีฬา700ปี)
.
รู้สึกจะรุกเร้าหนัก เรื่องตัวเองนั้นยังจงรักภักดีเบื้องสูงอยู่ แต่จะจริงหรือไม่ไม่สำคัญเท่ากับว่า ยังมีผู้คิดร้ายต่อสถาบันฯแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงตลอดมา

เพราะหากคุณผู้อ่านไปแวะไปในบอร์ดการเมืองของเว็บต่างๆ คุณผู้อ่านก็ย่อมรู้ว่า มีคนที่เชียร์ทักษิณเขียนความเห็นทั้งทางตรงทางอ้อมให้ร้ายสถาบันเบื้องสูงอยู่เสมอ

เพราะคนที่หมิ่นฯเบื้องสูงหวังใช้ความนิยมของประชาชนในตัวทักษิณยุยงให้เกิดความแตกแยก ซึ่งผมเชื่อว่าทักษิณเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

ในยุทธศาสตร์ของเสื้อแดงตอนต้นๆ ค่อนข้างเปิดเผยในเรื่องหมิ่นสถาบันฯ เช่นดา ตอปิโด และ ใจ อึ้งภากรณ์ แม้กระทั่งจักรภพ เพ็ญแขก็ตาม

แต่เมื่อใช้ยุทธศาสตร์นี้ รู้สึกจะยากที่จะครองใจคนส่วนใหญ่ได้ เพราะคนเสื้อแดงรากหญ้าส่วนใหญ่ยังจงรักภักดีสถาบันฯอยู่มาก จึงต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่

และยุทธศาสตร์ในช่วงหลัง ทักษิณเลยต้องย้ำอยู่เสมอว่า ตัวเองยังจงรักภักดีเสมอมา และที่ผ่านมาตัวเองถูกใส่ร้าย

ทักษิณจึงต้องไม่เพียงแค่พูดว่าจงรักภักดีฯเท่านั้น ควรต้องทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ จึงจะน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น อย่าสักแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย!

.
(ถ้าจะให้ดี ทักษิณโฟนเอ๋งด่า ใจ อึ้งภากรณ์ สักหน่อย ก็จะน่าเชื่อถือขึ้นกว่านี้)
.
และถ้าทักษิณอยู่เงียบๆใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ หากทักษิณทำได้ดังนี้ ผมจะเชื่อว่าทักษิณรักชาติและสถาบันฯ ไม่อยากให้คนไทยแตกแยกมากกว่าที่ทักษิณทำอย่างทุกวันนี้เสียอีก
.
ผมอยากให้คุณผู้อ่านได้กลับไปอ่านบทความของผมในเดือนธันวาคม2551ที่ผ่านมา เรื่อง พวกไม่จงรักภักดีฯ ทั้ง8ตอนของผม จะทำให้คุณผู้อ่านจะเข้าใจสถานการณ์ดีขึ้นครับ

**************************

แซวการเมืองขำๆ คำสั่งลับจากแม้วถึง3ตัวหัวขวด


"อย่าลืมต้องป่วนชาติให้หนัก ยิ่งเป็นข่าวยิ่งดี เศรษฐกิจมันจะได้แย่ อั๊วจะได้คุยได้ว่า มีแต่อั๊วคนเดียวที่แก้ปัญหาเได้ศรษฐกิจชาติได้

เอ้อ! ถ้างบที่ให้ไปเหลือน้อย ก็ใช้ไข่ปาก็ได้ แค่ดำเนินการแค่คนเดียว ก็เป็นข่าวหน้าหนึ่งแล้ว

ส่วนอั๊วจะโฟนเอ๋งเข้ามาเรื่อยๆ ปลุกระดมให้คนไม่ลืมอั๊ว ยิ่งบ้านเมืองวุนวาย ยิ่งบ้านเมืองไม่มีใครอยากมาลงทุนมาเที่ยว อั๊วยิ่งชอบ

เพราะอั้ยมาร์คมันจะได้ไม่มีผลงาน เพราะหากปล่อยมันมีผลงาน เลือกตั้งพวกลื้อก็จะแพ้รู้มั้ย

ถ้ามันทั้งหล่อทั้งเก่ง แล้วต่อไปหน้าเหลี่ยมอย่างอั๊วใครมันจะสน

ส่วนทางอั๊วจะให้สัมภาษณ์ถล่มผ่านสื่อนอกที่อั๊วจ้างมาอีกทาง

จำไว้! ป่วนให้หนัก อย่าให้มา์ร์คมันได้อยู่สุขเลย

พวกเสื้อแดงที่มาร่วมชุนนุมมันคิดไม่เป็นหรอก ว่ายิ่งอั๊วโฟนเอ๋ง พวกลื้อชุมนุมถี่ บ้านเมืองยิ่งแย่

เพราะพวกมันจะโทษแต่รัฐบาลกับอั้ยลิ้มเท่านั้นแหล่ะ 555555555"

(ครับนาย!!!)

.
.
*******************
.
จับผิดทักษิณ จ้อที่เชียงใหม่
.
ในช่วงหนึ่งของการจ้อของทักษิณ มีอยู่ช่วงนึงเอ่ยถึงลูกเจ้าของหนังสือพิมพ์ที่ออกข่าวโจมตีตัวเอง ผมสงสัยจังว่า
.
ทำไมทีคนใหญ่คนโต ทักษิณกล้าแฉชื่อจริงออกมาตรงๆ แต่ทีแค่ลูกชายหนังสือพิมพ์ ทักษิณกลับไม่กล้าเอ่ยชื่อ ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่า ลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นน่าจะหมายถึง ลูกชายของสนธิ ลิ้มทองกุล แห่งนสพ.ผู้จัดการ
.
ที่ทักษิณเคยกล้าด่าสนธิตรงๆมาตลอด แต่ไฉนเรื่องแค่นี้กลับไม่กล้าพูด ทำให้รู้สึกว่า คำพูดทักษิณยิ่งขาดความน่าเชื่อถือมากขึ้น
.
(และภายหลังลูกชายสนธิก็ออกมาโต้ว่า ทักษิณโกหกทั้งหมด)
.
คลิกอ่าน ทักษิณไม่ใช่นักประชาธิปไตย

คลิกอ่าน ทักษิณใช้ศาสนาบังหน้า



วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

ตลกคาเฟ่ในอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา

.
.
เนื่องจากผมไม่ได้ดูตลกคาเฟ่ยุคเก่ามานาน มาวันนี้ดีใจได้ดูตลกคาเฟ่ดีๆอีกครั้ง นำโดย เหลิม เชิญยิ้ม , ตู่ ชวนชื่น , สุนัข เอ้ย! สุนัย หางแถว , โกโบริน ดอกสะเดา
.
ผมว่า เสน่ห์อย่างหนึ่งของการอภิปรายของฝ่ายค้านก็คือ มุขขำสอดแทรกอยู่ตลอด คือเอาฮาไว้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นไว้ทีหลัง
.
ตอน เหลิม เชิญยิ้มอภิปราย ผมฟังไม่จบ ดูไปได้หน่อยเดียว แต่ข้อสังเกตอย่างนึงของเหลิม เชิญยิ้มก็คือ ชอบเอาเรื่องการเรียนโรงเรียนายสิบ หรือจะเป็นดร.รามคำแหง ไปพูดประชดเปรียบเปรยกับระดับการศึกษาของนายกฯจบออกฟอร์ดอย่างนายอภิสิทธิ์ บ่อยครั้งในสภา
.
อาจเป็นเพราะปมด้อยที่คิดไปเองของเหลิม เชิญยิ้ม ที่มักโดนดูถูกว่า ชอบพูดภาษาอังกฤษคำ ภาษาไทยคำ อยู่เสมอ เพื่อลบปมด้อยเรื่องการศึกษาของตัวเอง
.
เหลิม เชิญยิ้ม เขานั้นอยากใช้คำว่า ดร. นำหน้าให้สมใจอยาก แต่กลัวว่าจะถูกดูแคลนด้านภาษา กลัวน้อยหน้าคนจบนอกนั่นแหล่ะ เลยต้องฟุดฟิดฟอไฟแทรกตลอดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
.
ผมชอบการ์ตูนอันนึงของคุณชัย ราชวัตร ที่ล้อเลียนเรื่องภาษาของดร.เหลิม ขำดีครับ อยากให้คุณผู้อ่านลองดู แล้วจะเข้าใจ (คลิกดูการ์ตูน)
.
ส่วนเรื่องการอภิปรายของเหลิม เชิญยิ้ม เนื่องจากผมไม่ได้ดูตลอดเลยไม่อยากขอวิจารณ์ แต่ถ้าดูจากโพลทั้งสวนดุสิตโพล และเอแบคโพล ก็ชี้ว่า คนดูเชื่อถือข้อมูลนายกฯมากกว่า
.
แต่ฝ่ายเสื้อแดงเขาไม่เชื่อโพลอยู่แล้วครับ เพราะนิสัยเสื้อแดงเป็นแบบการ์ตูนผู้ใหญ่มาฯอันนี้ครับ (คลิกดูการ์ตูน)
.
แต่ถ้าใครอยากฟังการอภิปรายแบบคร่าวๆระหว่างนายกฯอภิสิทธิ์กับเหลิม เชิญยิ้ม ก็ (คลิกชมที่นี่ครับ )
.
ส่วนประเด็นเรื่องการเกณฑ์ทหารนั้น ในบทความตอนเก่าๆ ผมก็เคยวิจารณ์ไปทีนึงแล้ว
แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้รู้ข้อมูลของฝ่ายนายกฯอภิสิทธิ์ ตอนนั้นผมก็เหมือนกันคิดว่า อภิสิทธิ์คงหนีการเกณฑ์จริงๆในบทความตอนนั้น
.
ถ้าคุณผู้อ่านอยากรู้ว่าตอนนั้นผมวิจารณ์ไว้ยังไงก็ไปอ่านย้อนหลังได้ในบทความตอนคนอย่างทักษืณและจตุพร ซึ่งในบทความตอนนั้นผมก็ได้เขียนถึงกรณีนายกษิต รมต.ต่างประเทศไว้หน่อยนึงด้วยครับ
.
แต่เมื่อฟังข้อมูลเรื่องหนีทหารในวันนี้จากนายกฯ โดยส่วนตัวผมคิดว่า นายกฯอภิสิทธิ์ตอบดีนะครับ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมนายตู่ ชวนชื่น ฟังไม่เข้าใจเป็นเหมือนคนไม่มีหู ถ้าคุณผู้อ่านอยากฟังช่วงนี้ก็ คลิกชมที่นี่ครับ (แต่แนะนำให้ฟังให้ละเอียดนะครับ)
.
แต่ประเด็นที่ผมได้ฟังตลอดก็ประเด็นเรื่อง SMS ของว่าที่นายกฯอภิสิทธิ์ที่ส่งให้คนไทย ซึ่งฝ่ายค้านก็ตั้งประเด็นว่า
.
1. น่าจะละเมิดสิทธิส่วนตัวของประชาชน
.
2. ใครจ่ายค่าดำเนินการส่ง SMS ทั้งหมด
.
3. ใครได้เงินจากการตอบSMS กลับครั้งละ3บาท ซึ่งฝ่ายค้านก็กล่าวหานายกฯและรมว.คลังว่า ได้รับเงินตอบแทนจากบริษัทมือถือหรือเปล่า
.
ซึ่งทั้งนายกฯอภิสิทธิ์และรมว.คลังนายกรณ์ ก็ช่วยกันตอบทีละประเด็น ซึ่งสรุปคร่าวๆเต่ละประเด็นเท่าที่ผมฟังดังนี้
.
1. เรื่องละเมิดสิทธิหรือไม่ นายกฯและนายกรณ์ตอบว่า ได้ใช้ช่องทาง ประโยชน์สาธารณะในการส่งข้อความ ยกตัวอย่างเช่น กรณีเตือนภัยสึนามิ ที่สามารถส่งSMSเตือนภัยแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง และกรณีของSMS นายกฯ ก็เพื่อประโยชน์ของชาตืในขอความร่วมมือประชาชนในการแก้วิกฤติความแตกแยกในชาติ
.
2. เรื่องใครจ่ายค่าส่งSMSแก่บริษัทมือถือ นายกรณ์ ตอบว่า บริษัทมือถือเอกชนให้ความร่วมมือแบบฟรี
.
3. ส่วนเรื่องSMS ตอบกลับที่ได้จากประชาชนที่สนใจตอบกลับครั้งละ3บาท ใครได้ผลประโยชน์ นายกรณ์ตอบว่า ต้นทุนการส่งแต่ละครั้งประมาณครั้งละ1บาท ส่งไปทั้งสิ้น17ล้านเลขหมาย แต่มีประชาชนตอบกลับเพียง340,000เลขหมายเท่านั้น
.
เมื่อคำนวณดูแล้วจะเห็นได้ว่า เอกชนจะขาดทุนจากการดำเนินงาน นี่คือคร่าวๆที่ผมฟังนะครับ ยังมีประเด็นปลีกย่อยอยู่อีกนิดหน่อย
.
แต่ประเด็นก็คือผมก็ฟังเข้าใจได้ง่าย และผมก็ไม่คิดเข้าข้างรัฐบาลด้วย แต่ทำไมหนอสส.ฝ่ายค้านฟังไม่เข้าใจ และเหมือนจะไม่ได้ยินคำตอบจากปากนายกฯและรมต.กรณ์ ถามอยู่ได้ในประเด็นซ้ำๆเหล่านี้ ว่านายกฯกับรมว.ยังไม่ได้ตอบ? ผมล่ะงง!
.
แต่ผมไม่ได้ฟันธงลงไปนะครับว่าฝ่ายนายกฯกับรมต,คลังกรณ์เป็นฝ่ายถูก คือเรื่องSMSนี้จะต้องมีการดำเนินการตรวจสอบโดยปปช.ต่อไปอีก
.
เพียงแต่ว่า ผมฟังคำอธิบายในประเด็นที่นายกฯอภิสิทธิ์กับนายกรณ์ตอบได้เข้าใจ และคิดว่าทั้งสองคนได้ตอบตรงทุกประเด็น(ส่วนจะถูกผิดก็เป็นอีกเรื่องนึง)
.
แต่ฝ่ายค้านกลับบอกว่าทั้งสองคนตอบไม่ตรงคำถาม?
.

นี่แหล่ะครับที่ทำเอาผมล่ะงง!กับหูของฝ่ายค้านจริงๆ
.

********************************
.
แซวการเมือง เรื่อง วิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯผู้อื้อฉาว?
.
"ผมเลือกมาจากนายทหารโนเนม เพราะเคยเห็นแข็งขันดี ในการปฏิบัติหน้าที่เรื่องโปรยนกกระดาษที่3จังหวัดภาคใต้ เลยแต่งตั้งให้มาเป็นผบ.ทอ." อดีตนายกฯผู้อื้อฉาวกล่าว
.
และนี่ก็คือ เหตุผลของการแต่งตั้งอดีตผบ.ทอ.ชลิต พุกผาสุก ให้ได้เป็นผู้บัญชาการกองทัพอากาศของอดีตนายกฯทักษิณผู้คุยนักหนาว่าตัวเอง "เก่ง"
.
.
( คลิกอ่าน คดีที่ดินรัชดากับคดีชิมไปบ่นไป)
.
.

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552

ค้านแนวคิดแบบวิกรม กรมดิษฐ์





.akecity
คุณวิกรม กรมดิษฐ์ มาออกรายการจับเข่าคุย แล้วก็ยังนำเสนอนโยบายสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติของไทยให้เหมือนที่เวียดนามสนับสนุน แต่คุณวิกรม ลืมไปอย่างว่า คนไทยปัจจุบันหรือในอดีตที่ผ่านมา ไม่เคยสนใจเทคโนโลยีดีพอ
.
มีอยู่คำถามนึงที่สรยุทธ ถามที่ทำเอา คุณวิกรม ถึงกับนิ่งอึ้งไปพักนึง
.
สรยุทธ - ''ถ้าเราเน้นการลงทุนจากต่างชาติมากๆแบบเวียดนาม แล้วพอวันดีคืนดีเป็นแบบวันนี้ เขาเกิดถอนทุนกลับไปหมดแล้วเราจะไม่แย่เหรอ?''
.
วิกรม - (อึ้งอยู่พัก) ''ก็ดูจีนพี่ใหญ่เวียดนามสิ ตอนนี้เขาเจริญไปไกลแล้ว''
.
(ขออภัย หากผมไม่ได้ถอดคำพูดให้ตรงเป๊ะ อาศัยเท่าที่จำได้ครับ)
.
--------------------------

วิจารณ์แนวคิดคุณวิกรม 

ไทยเราก็เป็นได้แค่ลูกจ้างผลิต ที่ยากจะมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ในขณะที่จีนที่เพิ่งเปิดประเทศรับนักลงทุนมาไม่กี่ปี
.
แต่จีนในตอนนี้กลับสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้แล้ว ซึ่งจีนก็เลียนแบบวิธีการแบบญี่ปุ่นในอดีต คือการลอกเลียนแบบเทคโนโลยีเก่งจนสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นของตัวเองได้
.
ขอถามหน่อยว่า คนไทยยังผลิตรถหรือเครื่องยนต์ได้ด้วยเทคโนโลยีของตัวเองได้หรือยัง หรือสามารถผลิตโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ของตัวเองได้หรือยัง โดยไม่ต้องจ้างบริษัทต่างชาติผลิต
.
กี่ปีๆ ที่ผ่านมา คนไทยยังไม่เคยผลิตเครื่องยนต์ของตัวเองได้เลย และไม่สามารถผลิตโทรศัพท์มือถือได้ด้วยเทคโนโลยีตัวเองได้สักรุ่นเดียว โดยไม่ต้องพึ่งส่วนประกอบเทคโนโลยีจากต่างชาติ ทั้งๆที่คนไทยเราใช้มือถือเป็นก่อนคนจีนด้วยซ้ำ
.
ฉะนั้นหากเราเก่งได้เหมือนจีนหรือญี่ปุ่นในอดีต เราก็ไม่ต้องกลัวเรื่องการลงทุนจากต่างชาติ แต่ทุกวันนี้เด็กไทยส่วนใหญ่ไม่สนใจเรียนวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์เท่าจีนหรือเวียดนามเลย
.
แต่สะเออะอยากไฮเทคด้วยการซื้อลูกเดียว!
.
ผมไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของ คุณวิกรมทุกเรื่อง ผมก็เห็นด้วยหลายประเด็น
.
แต่ที่ไม่เห็นด้วย ก็คือเรื่องที่คุณวิกรมสนับสนุนการพึ่งพาทุนต่างชาติมากเกินไป ทั้งๆที่ค่าเฉลี่ยศักยภาพเยาวชนไทยแพ้เวียดนามไปแล้ว
.
สรุปง่ายๆก็คือ คุณวิกรม มองข้อดีของนโยบายสนับสนุนการลงทุนเวียดนามเกินไป ซึ่งก็คล้ายนโยบายของไทยในอดีตสัก20กว่าปีที่แล้ว โดยลืมศักยภาพทางเทคโนโลยีที่คนไทยพัฒนาเองได้
.
จีนรับจ้างผลิตไม่กี่ปี แต่สุดท้ายกลับพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้ สามารถตีตลาดเทคโนโลยีสู้กับต่างชาติได้
.
เช่น Hier ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ของจีนในเรื่องเทคโนโลยีเครื่องไฟฟ้าไปไกลระดับโลกไปแล้ว ของเราล่ะ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าธานินทร์ เป็นไงบ้างตอนนี้ ? 
.
หรือจะ lenovoของจีน ที่อาจหาญซื้อกิจการของIBM pc.ได้ แล้วของไทยเราล่ะทำได้แค่ไหน
.
ไทยเปิดประเทศก่อนจีนหลายสิบปี แต่มาวันนี้ ตามก้นจีนไม่ทันแล้ว
.
ไทยเราก็เป็นได้แค่ลูกจ้างผลิตชั้นดีเท่านั้น และยังได้อยู่แค่นั้น!? (และอีกไม่นานก็จะถูกเวียดนามแซง)
."
********************************************
.
ผมก็พอเข้าใจว่า ทำไมคุณวิกรมถึงมีแนวคิดสนับสนุนนักลงทุนต่างชาตินัก?
.
คำตอบง่ายๆ ก็คือ ธุรกิจของคุณวิกรม เป็นธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม(อมตะ) จึงเป็นธุรกิจที่มีรายได้จากการลงทุนภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งทุนก็มาจากต่างชาติเป็นส่วนใหญ่

แน่นอนว่า คุณวิกรม ก็ต้องมีความเห็นไปแนวทางแบบนี้แน่นอน เพราะทุกคนก็ย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ตนก่อนทั้งนั้น ธรรมดา!
.
คุณวิกรมเป็นคนที่เห็นว่า มีเงินถึงจะมีความสุข ถึงขนาดเสนอในรายการว่า ไทยเราน่าจะให้ต่างชาติมาเช่าที่ดินในไทยได้ เหมือนจีนที่เคยให้อังกฤษเช่าฮ่องกงไป 99 ปี 

แต่ทุกวันนี้คุณวิกรมเองก็กลุ้มเพราะเงินทองร่อยหรอเหมือนกัน สุขได้เพราะมีเงิน ไม่มีเงินก็ไม่มีสุข นี่แหละความคิดคุณวิกรม
.
ผิดถูกหรือไม่ ผมไม่ขอวิจารณ์ เพราะความสุขของคนเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ผมแนะนำให้ฟังนิทานเรื่อง นักลงทุนกับชาวประมงเม็กซิกัน ลองฟังดูนะครับ



คุณผู้อ่านเคยทราบมั้ย ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ การใช้ไฟในประเทศไทยส่วนใหญ่ ไม่ใช่การใช้ในครัวเรือน แต่เป็นการใช้ในภาคอุตสาหกรรม!!

ต่างชาติมาลงทุนผลิต จ้างคนไทยด้วยค่าแรงถูกๆเสียภาษีน้อยๆ ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน

แต่ไทยเราไม่เคยนึกถึงต้นทุนเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ไทยเราต้องสูญเสียไป นักลงทุนต่างชาติมาผลิตสินค้า กอบโกยกำไรออกไป แล้วก็ทิ้งมลพิษไว้ในแผ่นดินไทย

ต้นทุนการกำจัดมลพิษนี่แหล่ะ คือต้นทุนทางสังคม ต้นทุนของชีวิตของคนไทยที่มีค่ามหาศาล มีค่ามากกว่าเศษเงินค่าแรงที่ให้กับคนงานไทย แต่กลับไม่ค่อยมีนักการเมือง นักธุรกิจคำนึงถึงจุดนี้เลย!?

.
********************************************
.
สุดท้ายขอเพิ่มเติมบทความจากเว็บของคุณจิระนันท์ แฟนพันธุ์แท้การ์ตูนยุคคลาสสิค ในเรื่อง
.
10 ประเด็นที่ทำให้คนไทยล้าหลัง…ในมุมมองของ วิกรม กรมดิษฐ์
.
วิกรม กรมดิษฐ์ออกอากาศทางวิทยุ อสมท.รายการซีอีโอวิชั่น10-11 มกราคม 2550
.
[01]คนไทยรู้จักตัวตนของเราเองต่ำมาก กล่าวคือ รู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม ต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะมีสำนึกต่อสังคมส่วนรวมสูงมากของเราจะไม่คำนึงถึงส่วนรวม แต่จะเป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา จนทำให้เกิดวัฒนธรรมสืบทอดกันมายาวนาน .
โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจทุกระดับชั้น จนมีคำพูดว่า ธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ทุกคนแสวงหาอำนาจเพื่อจะตักตวงเพราะความไม่รู้จักตัวตน ไม่รู้จักประเทศของตัวเองเช่นนี้แล้ว ทำให้ประเทศชาติของเราล้าหลังไปเรื่อย ๆ
.

[02]การศึกษาของไทยยังไม่ทันสมัยสอนให้คนเห็นแก่ตัวมากกว่า ขาดจิตสำนึกต่อสังคม แม้แต่ภาษาคนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้เราขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ประเทศอื่น ๆ รู้จักคนไทยน้อยมาก .
เพราะคนไทยไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงตามหลังชาติอื่น เพราะคุณภาพการศึกษาของเราไม่ทันสมัย จะเห็นว่าคนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า
.

[03]คนไทยมองอนาคตไม่เป็น เท่าที่สังเกตเห็นว่าคนไทยกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคต แบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวัน ๆ น้อยนักที่จะวางแผนให้ตัวเองอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายที่ชัดเจนในอนาคต สะสมความสำเร็จไปอย่างเป็นลำดับ หรือเป็นเพราะไม่กล้าฝัน หรือไม่มีความฝันก็ไม่แน่ใจ และชอบพึ่งสิ่งงมงาย โชคชะตา พอใจทำงานแบบตำข้าวสารกรอกหม้อ ทำให้ประสิทธิภาพของเราไม่ทันกับการแข่งขันระดับโลก
.

[04]คนไทยไม่ค่อยจะจริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ การรับปากของเรามักทำแบบผักชีโรยหน้า หรือเกรงใจ แต่ทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จากประสบการณ์ทำธุรกิจกับชาวต่างชาติจะพบว่า ประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น ญี่ปุ่น หรือยุโรป คนเขาจะให้ความสำคัญกับสัญญาข้อตกลงอย่างเคร่งครัด
.
เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว ซึ่งไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าได้ ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตในการเชื่อถือด้านนี้ลงไปเรื่อย ๆ
.

[05]การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประเทศของเรากระจุกตัวความเจริญเฉพาะในเมืองใหญ่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกล จะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองและชุมชน ในต่างประเทศ .
การสร้างนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ห่างไกล แต่มีองค์ประกอบอื่น ๆ สนับสนุนเขาก็ลงทุน การสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค จะเป็นประโยชน์ ทำให้เป็นการลดต้นทุนในการดำเนินการทางธุรกิจอย่างมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม
.

[06]การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็งและดำเนินอย่างไม่ต่อเนื่องสังคมไทย ชอบทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง อาจได้ยินกรณีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารก็ตาม จะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน ต่างกับประเทศที่เจริญแล้ว ข้อนี้กระบวนการยุติธรรมจะต้องปรับปรุง
.

[07]สังคมไทยชอบอิจฉาตาร้อน ไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ และชอบเลี่ยงเป็นศรีธนญชัย เมื่อจนตรอก ในวงการเราจะพบกระแสของคนประเภทนี้ปะปนมากขึ้นจะเพราะเป็นเพราะสังคมเรายอมรับ หรือยกย่องคนที่มีอำนาจ มีเงิน แต่ไม่มีใครรู้ภูมิหลัง .
โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอดหน้าตาเฉย คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายเสียอีก เพราะทำความเสียหายต่อบ้านเมืองมากกว่า และจะเป็นประเภทดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ทำให้คนดีไม่กล้าจะเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว
.

[08]เอ็นจีโอบ้านเราค้านลูกเดียว ทำให้เราเสียโอกาสในการพัฒนา เพราะเอ็นจีโอบางกลุ่มที่อิงผลประโยชน์อยู่ ถ้าจะพูดกันแบบมีเหตุผล ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เอ็นจีโอดี ๆ ก็มี แต่บ้านเรามีน้อย กรณีน้ำท่วมเพราะไม่มีเขื่อนรองรับเพียงพอ พอเกิดน้ำท่วม พวกที่ค้านจะแสดงความรับผิดชอบด้วยหรือเปล่า บ่อยครั้งที่ประเทศเราเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริง ๆ ไม่ได้พูดกัน
.

[09]คนไทยอาจจะไม่พร้อมในเวทีโลก เพราะไม่ถนัดภาษาอื่น ที่ไม่ใช่ภาษาตัวเองทำให้โลกภายนอกไม่รู้จักคนไทยเท่าที่ควร และการจัดการตัวเองอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าระดับโลก ของเราขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดี ทำให้เราสู้ประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
.

[10]คนไทยเลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบันเด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกัน เป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะเราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะกระตือรือร้นช่วยตนเอง ขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเอง และเขาจะสอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
.

คุณวิกรมแสดงความเห็นว่า การอบรมเยาวชนมาจาก 3 ทาง-หนึ่งภายในครอบครัว- สองจากโรงเรียน- และสามจากสังคม หรือสื่อสารมวลชน
.

ในส่วนนี้พวกเราทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบ เพราะถ้าหากสื่อมวลชนทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง หรือเพื่ออำนาจต่อรองเท่านั้น และสังคมปราศจากสื่อที่จะทำหน้าที่นำเสนอสาระที่เป็นความจริง โดยไม่มอมเมาบิดเบือนแล้ว เมื่อนั้นสังคมจะวิบัติมากยิ่ง ๆขึ้นอีกต่อไป
.

วิกรม กรมดิษฐ์ออกอากาศทางวิทยุ อสมท.รายการซีอีโอวิชั่น10-11 มกราคม 2550
.
ขอขอบคุณ แฟนพันธุ์แท้การ์ตูนยุคคลาสิค คุณจิระนันท์ จิระบุญญานนท์ สำหรับบทความนี้ครับ
.
.

.


วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552

ข้อดีของเศรษฐิกจโลกตก

.
.
แม้จะเห็นใจผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากจากปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำก็ตาม แต่ผมกลับดีใจตรงที่จะทำให้การทำร้ายโลกของเราจะเกิดการชะลอตัวลง เพราะภาวะโลกร้อนสาเหตุหนึ่งก็เกิดจากเศรษฐกิจดีนี่แหล่ะ

ทำไมคนเราต้องพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาบูมขึ้นอีกครั้ง ทำไมคนเราไม่ลองคิดดูบ้างว่า หากเศรษฐกิจตกแบบนี้ กลับทำให้โลกสีฟ้าใบนี้ของทุกคนกลับจะสบายขึ้น

เพราะโลกของเรากำลังป่วยอยู่นะ โลกเรากำลังตัวร้อน ไข้ขึ้น เพราะคนเรานี่แหล่ะที่เป็นสาเหตุของโลกของเราป่วย

ทำไมเราถึงไม่คิดกันบ้างว่า นี่คือโอกาสอันดีที่เราจะได้ฟื้นฟูสภาพร่างกายของโลกเรา น้ำมันก็ใช้น้อยลง พลังงานความร้อนจากการผลิตก็น้อยลง คาร์บอนไดออกไซด์ก็ถูกปล่อยออกน้อยลง

เราควรจะดีใจที่โลกใบนี้ได้อากาศที่ดีขึ้น เราควรจะดีใจที่รถยนตร์ในโลกขายได้น้อยลงไม่ใช่หรือ?

แต่ผมเห็นทุกประเทศกลับคิดแต่จะกลับไปบนเส้นทางเก่าๆที่เป็นเส้นทางแห่งการทำร้ายหรือทำลายโลกเรามากขึ้นกันอีก ทุกประเทศอยากจะให้เศรษฐกิจแบบทุนนิยมบริโภคล้นเกินกลับมากันอีกหรือ?

ยิ่งสะสมวัตถุมากเท่าใด ก็ต้องผลิตมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งบริโภคมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นทั้งนั้น มันเป็นการบำรุงบำเรอกิเลสที่ไร้ขอบเขตไม่รู้จบ แล้วโลกก็จะไม่มีวันหายป่วยเลย

เพราะคนที่คิดจะเผาผลาญมีมากกว่าคนที่คิดจะอนุรักษ์

แม้แต่ประเทศไทย ก็เห็นแต่จะกระตุ้นการบริโภค แต่ไม่เคยกำหนดทิศทางการบริโภคที่ถูกต้องให้ประชาชนได้เดินถูกทาง รัฐบาลเอาแต่จะกระตุ้นท่าเดียว

แล้วไหนบอกไว้ว่า จะเดินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สุดท้ายแล้วก็ยังดำเนินนโยบายตามก้นฝรั่งจ๋าอยู่ดี

หากรัฐบาลคิดจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ควรยึดหลักการพอเพียง ที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติอีก ไม่ใช่ไปกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ ไทยเราควรเดินบนวิถีทางพึ่งพาตนเองให้มาก

ถ้าโรงงานมันจะเจ๊ง หรือต่างชาติจะถอนทุนกลับ ก็ช่างหัวมันสิ เพราะหากเรายังเดินตามแนวทางเดิมๆตามแบบตะวันตก สุดท้ายวงจรอุบาทว์กก็จะหวนคืนกลับมา

ปัญหามลภาวะโรงงานที่มาบตาพุด น่าจะสอนอะไรให้รัฐบาลและคนไทยได้ฉุกคิด แต่ดูเหมือนรัฐบาลไหนๆก็ยังโง่เหมือนเดิม ยังคิดแบบฝรั่งทุนนิยมเหมือนเดิม

คิดอย่างเดียวว่า ต้องมีเงิน สุดท้ายก็จะๆไม่มีเงิน เหมือนเดิม

หากแก้ปัญหาแบบตะวันตก ตามแนวอุตสาหกรรม ก็คงยากที่จะแก้ไขได้ง่ายๆ

แต่หากแก้ปัญหาตามแนวธรรมชาติ แนวพุทธ แนวเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวเกษตรยั่งยืน โลกใบนี้ก็ชอบ คนก็จะสบายในที่สุด

ไม่ทำร้ายธรรมชาติ โลกอยู่รอด คนอยู่สบาย เชื่อเหอะ!

รัฐบาลกลับตัวกลับใจเสียใหม่เถอะ เลิกกู้ เลิกจน เลิกเอาใจอุตสาหกรรมหนัก เลิกง้อเงินทุนต่างชาติ ประเทศไทยเจริญแน่

ถ้าเป็นใจผมนะ ผมอยากให้รัฐบาลไม่ต้องกระต้งกระตุ้นอะไรทั้งนั้น

มาแก้ปัญหาเรื่องน้ำ พัฒนาชนบท แก้ปัญหาสังคมที่เสื่อมทราม และสนับสนุนการเกษตรชีวภาพไร้สารเคมี ส่งเสริมอุตสาหกรรมท้องถิ่น ใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อม ดูแลการใช้นโยบายการเงินที่ไม่เอาเปรียบคนจน
.
และบังคับใช้กฏหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ ลงโทษคนผิดมหันต์อย่างไม่ปราณี

ส่วนปัญหาเศรษฐกิจก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันเองเถอะ ไม่ต้องกระตุ้นอะไรทั้งนั้น!
.
.

คลิกอ่าน การลงทุนหรือการลงโทษ
.
คลิกอ่าน ทุนนิยมบริโภคหลอกใช้ชาวนาไทย


.

*****************************************

.

คลิกดู สกู๊ปข่าว ชีวิตใหม่ แรงงานไทย จากข่าวช่อง7สี

.

สกู๊ปข่าวนี้ ดูแล้วได้ข้อคิดดีๆในวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ครับ อยากให้ดูครับ

.

.

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552

ดูทักษิณต้องดูให้ลึก , ใจ (Giles) ขี้ขลาด

.
.
ผมว่าจะเขียนเรื่องทักษิณพูดเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษกับนักข่าวเจแปนไทม์ มาตั้งแต่วันก่อน แต่ก็นึกเปลี่ยนใจว่า ไม่อยากจะเขียน เพราะผมได้เคยเขียนเรื่องคล้ายๆแบบนี้ไปแล้ว เมื่อครั้งแรกที่ทักษิณเอ่ยเรื่องนี้

พอมาเห็นข่าววันนี้ เอ้า! ทักษิณบอกไม่ได้ขอพระราชทานอภัยโทษอีกแล้ว แถมยังโทษสื่อไทยลงมั่วซะอีก

ตอนนี้สื่อที่แฉอย่างมติชนลงบทความแฉทักษิณคืนแล้วว่าใครกันแน่ที่โกหก โดยนำบทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษมาลง ใครรู้ภาษาดีก็คงรู้ว่าใครกันแน่ที่โกหกซ้ำซาก (ข่าวมติชน)
.
(คลิกฟัง สุทธิชัยหยุ่นพูดเรื่องทักษิณพูดขอพระราชทานอภัยโทษจริงมั้ย?)

ฉะนั้นผมเลยเอาเป็นว่า ไม่ขอเขียนเรื่องทักษิณจะขอพระราชทานอภัยหรือไม่ก็ช่างหัวแม้วเถอะ

เพราะคนอย่างทักษิณ เขามาไกลเกินกว่าใครจะรั้งได้แล้ว(ขนาดเมียเขายังไม่อยากดึงรั้งไว้แล้ว) เขาอยากจะเอาชนะ อยากจะเอาทรัพย์สินที่เขาคิดว่าเขาถูกริดรอนไปคืน ก็ช่างเขาเถอะ

เพราะคนที่ไม่รู้จักคำว่าเสียสละเพื่อชาติ แต่คิดสู้เพื่อตัวเองเป็นสำคัญกว่า ก็สุดแต่ใจเขาจะคิดทำเถอะ รอกรรมตัดสินแล้วกัน

ทักษิณพูดว่า อยากเห็นคนไทยเลิกแตกแยก เชื่อเขาเลย!

ทักษิณอ้างว่า ตัวเองจงรักภักดี อ้างแล้วอ้างอีก อ้างซ้ำซาก อ้างเพื่ออะไร อ้างเพื่อสื่อให้ต่างชาติรู้อะไร อ้างว่าต้องมีแต่ในหลวงพระราชทานอภัยโทษเท่านั้น อ้างทำไม จะสื่อถึงอะไรกันแน่?

คนที่มีจิตใจเป็นกลางย่อมเข้าใจได้ดีว่า ทักษิณกำลังพูดเพื่ออะไร?

จะจงรักภักดีหรือไม่ก็ตาม แต่ทักษิณก็ยังปล่อยให้คนอย่าง ใจ อึ้งภากรณ์ใส่เสื้อแดงอยู่

คนอย่างใจ อึ้งภากรณ์ คนสองสัญชาติ ผมบอกตามตรง คนๆนี้ก็คล้ายๆนกสองหัวนั่นแหล่ะ(ที่ไม่จริงใจกับชาติใดทั้งนั้น) และคนที่ขี้ขลาดตาขาวอย่างใจ อึ้งภากรณ์ ที่อยากเปลี่ยนแปลงระบอบ แต่ไม่กล้าแลกด้วยชีวิต คนอย่างนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก (เสียดายที่อาจารย์ป๋วยมีลูกเลวๆแบบนี้)

ประวัติศาสตร์โลกทุกยุคทุกสมัย คนที่คิดการณ์ใหญ่ ย่อมต้องกล้าเสียสละ กล้าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่ออุดมการณ์

แต่นี่ไม่ทันไร "ใจ" ก็หนีหางจุกตูดกลับไปแล้ว และลงท้ายด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม เหมือนหมาเชื่องอ้างมั้ยเนี่ย?

บทความตอนนี้ผมขอแค่สั้นๆแล้วกัน เพราะไม่อยากไร้สาระ กับคนไร้สามัญสำนึกมากไปกว่านี้
.
.
คลิกอ่าน ทักษิณยังกินบุญเก่าอยู่


**************************************

ขอแถมท้ายด้วย คลิปแม่ลิงลพบุรีสอนลูกทำความสะอาดฟัน

เป็นคลิปที่คนญี่ปุ่นได้มาถ่ายลิงลพบุรีที่พระปรางค์สามยอดไว้จนดังเป็นข่าวไปทั่วโลก

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ลิงไทยฉลาดมากๆที่รู้จักนำเส้นผมของมนุษย์มาเป็นไหมขัดฟันทำความสะอาด และแม่ลิงก็กำลังสอนวิธีทำความสะอาดแบบนี้ให้กับลูกลิงซึ่งกำลังศึกษาอย่างตั้งใจ!




.
.

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552

คนอเมริกัน ก็ จมลงเป็น ย้ำ! จมลงเป็น?

.

.
ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้เริ่มมาจากสหรัฐอเมริกาเป็นชาติแรก และเมื่อยักษ์ล้มก็ย่อมสะเทือนมากเป็นธรรมดา ผมเคยเขียนถึงสาเหตุบางส่วนของการล้มครั้งนี้ของสหรัฐฯมาหลายตอนแล้ว (ในเดือนต.ค.51) มาวันนี้ อยากจะเขียนถึงเรื่องคนรวยที่จมลงเป็น ไม่ใช่ คนรวยที่จมไม่ลง!


คนอเมริกันได้ชื่อว่าเป็นชนชาตินักสู้ชาติหนึ่ง จึงได้มีบุคคลสำคัญในประวัติศาสร์โลกมากมาย เพราะนิสัยที่ชอบต่อสู้นี่เอง ถึงได้ค้นคิดอะไรต่อมิอะไรในโลกได้มากมายก่อนใครๆ ทั้งๆที่มีประวัติศาสตร์มาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น


(บรรพบุรุษคนอเมริกันมาจากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ที่ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในดินแดนใหม่ เป็นสายเลือดของผู้กล้าที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนแสวงหาและผจญภัย ซึ่งถูกถ่ายทอดมารุ่นต่อรุ่น)


คนอเมริกันเลยนับว่าเก่งและฉลาดที่สุดชาติหนึ่งของโลกยุคใหม่ (ต่อจากชาติพันธุ์ฉลาดเลิศยุคเก่าซึ่งยังคงฉลาดต่อเนื่องถึงยุคปัจจุบัน เช่น ยิว จีน อินเดีย กรีกและโรมัน ญี่ปุ่น เยอรมัน)


แต่เมื่อคนอเมริกันเจริญทางวัตถุมาก จนวัฒนธรรมดีๆจากบรรพบุรุษที่มีจากชนชาติต่างๆที่อพยพเข้ามาเริ่มสูญหาย วัฒนธรรมสมัยใหม่สไตล์มะกัน ที่มาแทนกลับกลายเป็นวัฒนธรรมเชิงทำลายมากมากขึ้น โดยเฉพาะวัฒนธรรมบริโภคล้นเกิน ที่เป็นสาเหตุหลักที่บ่อนทำลายโลกเราขณะนี้ ซึ่งภาวะโลกร้อนก็มาจากวัฒนธรรมมะกันนี่แหล่ะที่แพร่หลายไปทั่วโลกจนทำให้โลกเราไม่น่าอยู่มากขึ้น

.
*******************************

.
เกริ่นนำมานาน ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมชอบดูข่าวต่างประเทศ จากรายการ "โลกยามเช้า" ทางไทยทีวีสีช่อง3 โดยเฉพาะช่วงของ คุณชิบ จิตนิยม ซึ่งเป็นสกู๊ปข่าวสั้นๆที่หาข่าวหรือประเด็นน่าสนใจมากมายมานำเสนอ

.
ตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกเป็นต้นมา ข่าวของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ดูจะมีการนำเสนอมากที่สุด และข่าวที่คุณชิบ จิตนิยม ชอบนำมาเสนอก็มักจะเป็นข่าว คนอเมริกันตกงานหรือหางานมากเป็นพิเศษ

แต่ผมจะขอเล่าข่าวที่ได้ดูมาสัก2ข่าว

.
ข่าวแรก เป็นข่าวชายวัยใกล้เกษียณคนหนึ่งทำงานเป็นพนักงานถูพื้นในร้านอาหารเล็กๆ ซึ่งชายคนนี้เคยทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทด้านการเงิน แต่ตอนนี้เขาตกงาน และมาทำงานรับเงินเดิอนในร้านอาหารเล็กๆ ซึงเขาไม่อายที่ทำงานแบบนี้ และรู้สึกมีความสุขมากกว่างานที่ทำเดิมด้วย เพราะสบายใจกว่า แม้เงินจะน้อยกว่าก็ตาม และเขาก็พอใจมากกับงานนี้ โดยไม่คิดจะหางานใหม่อีก

.
ข่าวที่สอง เป็นข่าวที่คนอเมริกันจำนวนมากแห่กันมาสมัครงานในสวนสนุกแห่งหนึ่งจนล้นงาน ทั้งที่ได้เพียงค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งๆที่บางคนเคยทำงานมีรายได้ 600,000เหรียญต่อปี แต่ก็ยอมที่จะมาทำงานที่ต่ำกว่าวุฒิของตัวเอง เพียงแค่ค่าแรงไม่เกิน 7 เหรียญต่อชั่วโมงเท่านั้น อาชีพที่เปิดรับสมัครก็เช่น ยามเฝ้าประตู พนักงานทำความสะอาด พนักงานเสริฟ และก็เป็นเพียงพนักงานงานชั่วคราวเท่านั้น!

.
ข่าวที่สาม เป้นข่าว ชายอเมริกันวัยกลางเดินไปตามถนนในนิวยอร์ค โดยมีป้ายแขวนคอที่เขียนข้อความว่า ต้องการงานทำ นักข่าวไปถามชายคนนี้ว่า ไม่อายหรือ เขาตอบว่า อายเหมือนกันแต่กลัวอดมากกว่า เพราะเขายังมีภาระต้องรับผิดต่อครอบครัวมาก จึงต้องยอมทนอาย และเขาก็เดินหางานมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครจ้าง

.
จากข่าวทั้งหมดก็แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้แต่ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเหมือนก็ไม่ได้ต่างจากประเทศเล็กๆเท่าไหร่เลย สหรัฐฯผู้ได้ชื่อว่าประเทศเสรีภาพทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ สุดท้ายเวลาถึงคราวอับจนก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน

เช่น แต่เดิมธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรํฐอเมริกาล้วนแต่น่าเชื่อถือและมั่นคงในสายตาโลก แต่มาบัดนี้ธนาคารเหล่านี้กลับต้องมีอันล้มละลายหลายแห่ง จนทางการสหรัฐฯต้องเข้ามาอุ้มและเข้าถือหุ้นในธนาคารเหล่านั้นมากขึ้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนสหรัฐฯรังเกียจการที่รัฐเข้าครอบงำกิจการต่างๆของเอกชนของประเทศอื่น (ข่าวcity group)

.
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้เราก็เคยเห็นสหรัฐฯทำอยู่เสมอ เช่นตัวเองกล่าวหาและวิจารณ์นโยบายกีดกันการค้าของประเทศอื่นที่ทำกับสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯเองก็ใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับชาติอื่นมากมายเหมือนกัน

.
นอกจากเรื่องตกงาน หรือธนาคารล้มแล้ว ก็ยังมีเรื่องแชร์ลูกโซ่แบบที่เมืองไทยมีมากมายหลายคดี ก็ยังมีเกิดขึ้นในประเทศยิ่งใหญ่อย่างอเมริกาเหมือนกัน แถมมูลค่าความเสียหายก็มากมายมหาศาลหลายหมื่นล้านดอลล่าร์ หนักหนาสาหัสตามกระหน่ำซ้ำเติมคนอเมริกันอีก (คลิกข่าว)
.
.
คลิกอ่าน มองอเมริกาแล้วลองดูเราว่ากำลังเป็นกบเลือนายหรือเปล่า

.
.
.
*************************

.
จากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จากยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ มาจนถึงยักษ์ใหญ่ฝั่งยุโรปอย่าง เยอรมัน(ชาติที่เกิดวิกฤติในยุโรปเป็นชาติแรกๆ) มาวันนี้กลับมีข่าวร้ายๆตรงกันอย่างนึงคือ ข่าวการสังหารหมู่

.
ข่าว ชายอเมริกันคนหนึ่ง(ยังไม่มีรายงานชื่อ)ได้ก่อเหตุสังหารหมู่ขึ้นในรัฐอลาบามา โดยสังเวยชีวิตเหยื่อไป9คน บาดเจ็บ4คน ซึ่งล้วนแต่เป็นญาติสนิทและเพื่อนบ้านของตนเอง ก่อนที่จะปลิดชีพตัวเองตาม (คลิกอ่านข่าว)

.
ข่าว เด็กหนุ่มวัย17ปีที่เยอรมัน กราดยิงคนตายทั้งชาวบ้าน ตำรวจ และนักเรียนและครูในโรงเรียนของตัวเองตายมากมาย (คลิกอ่านข่าว)

.
ความเครียดตลอดจนสภาวะจิตใจที่อ่อนแอ มีเกิดขึ้นในประเทศที่เจริญมากๆอยู่เสมอ แม้กระทั่งญี่ปุ่นและเกาหลี ก็มีข่าวร้ายกับผู้คนไม่แพ้กัน

.
ญี่ปุ่นก็มีสถิติคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งจากเดิมก็มีค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดในโลกอยู่แล้ว (คลิกข่าว)

.
ส่วนเกาหลีก็มีดาราสาวชื่อ จางจายอน ฆ่าตัวตายไปอีกคน ซึ่งเกาหลีมักจะมีข่าวแบบนี้บ่อยๆ
.
.
ที่ผมนำข่าวหลายเรื่องๆมานำเสนอ ก็เพราะอยากให้เราได้มองโลกให้กว้างขึ้น จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อชาติที่มักชอบอ้างประชาธิปไตยบังหน้า แต่แอบแฝงเรื่องอื่นมาหลอกใช้เรา
.
ผมได้นำเสนอเรื่องราวของอเมริกามาหลายครั้ง ก็เพราะอเมริกาคือประเทศที่พวกคิดร้ายต่อบ้านเมืองชอบอ้างถึงอยู่เสมอ โดยไม่ได้ดูเลยว่า เขาเองก็ไม่ได้วิเศษไปสักเท่าไหร่ เพราะก็ยังมีผู้คนทุกข์ยากอยู่มากมายเหมือนกัน และดูจะทุกข์มากกว่าเราเสียด้วยซ้ำ
.
และระบอบดีแต่หากคนใช้ระบอบเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ก็ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนพ้นทุกข์ได้เช่นกัน
.
ฉะนั้นเราคนไทยจงตรองให้ดี
.
.
คลิกอ่าน บทความเรื่อง คนอเมริกันเบื่อสังคมอเมริกา
.
.

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552

ทักษิณยังเป็นคนไทยหรือเปล่า?





ข่าวมติชนวันที่7มี.ค.52 ลงเรื่อง ทักษิณให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์ล่าสุด คลิกอ่านข่าวนี้


มีหลายๆประเด็นแต่ผมมาสะดุดประเด็นนึง ที่ทำให้ทักษิณหลุดความเห็นที่ดูเหมือนด่าเข้าตัวเอง ซึ่งไทม์ได้ถามทักษิณว่า


ไทม์- Could Thailand′s King Bhumibol Adulyadej step in and comment on the laws?


ทักษิณ-The Thais should not comment on what the King should do.


ไทม์- คุณคิดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงสามารถเข้ามาระงับและให้ความเห็นเกี่ยวกับกฏหมายดังกล่าวได้หรือไม่? (หมายถึงกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ)


ทักษิณ-คนไทยทุกคนไม่ควรแสดงความเห็นว่าพระมหากษัตริย์ทรงควรทำสิ่งใด


คุณผู้อ่านเห็นตัวหนังสือสีแดงที่ผมทำไว้มั้ยครับว่า มันน่าสนใจตรงไหน?



จากคำถามที่ไทม์ได้ถาม ทักษิณก็ตอบเองว่า "คนไทยทุกคนไม่ควรแสดงความเห็นว่าพระมหากษัตริย์ควรทำสิ่งใด"


แต่คุณผู้อ่านจำได้มั้ยว่า ทักษิณเคยบังอาจพูดทำนองว่าขอให้ในหลวงพระราชทานอภัยโทษแก่ความผิดของตัวเองที่ยังไม่เคยยอมรับผิด?


"ไม่มีใครที่จะเอาผมกลับประเทศไทยได้หรอก นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตา หรือไม่ก็พลังของพี่น้องประชาชนทุกท่าน จริงไหมครับ" ทักษิณพูดเมื่อครั้งโฟนอินที่สนามรัชมังคลาฯ

เท่ากับทักษิณยอมรับเองแล้วสิว่า ตัวเองไม่ใช่คนไทย เพราะทักษิณเองเคยพูดชี้นำเบื้องสูงต่อหน้าประชาชน ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่ได้ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเลย (และไม่ยอมรับผิดด้วย)


ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่กลับใช้คำพูดต่อหน้าประชาชนจำนวนมากแบบนี้ ก็เท่ากับว่า พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด กระทำการโดยบังอาจ และไม่บังควรยิ่ง


แม้แต่นักโทษทั้งหลาย หากเขาจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษก็ต่อเมื่อเข้าไปรับโทษในคุกแล้ว ถึงจะมีโอกาสได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่ทักษิณไม่ยอมรับผิด แต่อยากได้รับพระราชทานอภัยโทษ

.
.
*************************
.
ทักษิณยังได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟาร์อีสต์เทิร์น อีโคโนมิค รีวิว ที่ดูไบเมื่อไม่นานมานี้ click
.
ทักษิณ กล่าวว่า เขาถูกกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เขาจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก เขาเป็นเหมือนสุนัขที่เชื่องอยู่เสมอ

"ผมเชื่องแล้ว และสามารถเชื่องได้อีก" ทักษิณ กล่าว
.
คำว่า "เชื่องแล้ว" ที่ทักษิณพูดนั้น คิดดีๆว่าหมายความว่าอะไร ? แสดงว่าเคยไม่เชื่องใช่มั้ย !?
.
และยังมีประโยคเด็ดอีกประโยคที่มีความหมายแหม่งๆคือ
.

"จริง ๆ แล้ว ผมจงรักภักดีต่อในหลวงมาก และหากมีสิ่งที่ย้อนไปได้ ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลง" ทักษิณกล่าว
.
คุณผู้อ่าน ว่าคำพูดประโยคนี้ มันทแม่งๆไหมครับ เอ! หรือว่าผมจะอคติมากไป?


.
**************************************
"
.
แซวการเมือง รู้มั้ยทำไมคดีเสื้อแดงตำรวจถึงจับได้เร็วกว่าคดีพันธมิตร
.
เพราะคดีพธม.มันซับซ้อนกว่าเพราะความผิดมันซ้ำซ้อนในคดีเดียวกัน
.
ตำรวจจึงต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานเอาผิดให้ครบถ้วน ไม่อยากให้ตกหล่นเดี๋ยวจะหาว่า ส่งหลักฐานอ่อนไม่รัดกุม
.
จะเอาผิดคนฉลาดต้องจัดให้ครบ เดี๋ยวจะหาว่าชงหวานไป
"
ความผิดพธม.คิดว่าขอรวบรวมหลักฐานสัก10ปี
...
ลิ้มและพวกจะได้โดนจับสมใจ3ตัวหัวขวดแน่ๆ เสื้อแดงใจเย็นๆหน่อย
.
แต่ของเสื้อแดง ความผิดแบบถ่อยๆมันเห็นชัด มีไม่กี่อย่าง รวบตัวง่ายกว่า
.
ถ้าเสื้อแดงไม่อยากถูกจับง่ายๆก็คิดก่อคดีให้มันซับซ้อนหน่อยสิ
.
สมองน่ะใช้ให้มากๆหน่อยนะ
.
*******************
.
คลิป สนธิโกเต็ก พร้อมบทวิจารณ์ของผม
.
อ่าน พันธมิตรปิดสนามบินยิงนานยิ่งพลาด
.akecity

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

การลงทุนหรือการลงโทษ@ญี่ปุ่นแจกเงิน?




ข่าวเมื่อวานนี้ มีข่าวหลายเรื่องที่ผมอยากหยิบยกมาเขียน ก็คือ ข่าวศาลปกครองระยองพิพากษาให้มาบตาพุดเป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษ (คลิก) และ ข่าวศาลปกครองเชียงใหม่สั่งกฟผ.จ่ายค่าชดเชยให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษจากโรงงานไฟฟ้าแม่เมาะ (คลิก)
.
จากข่าวทั้งสองได้แสดงให้เห็นถึงความเจริญทางอุตสาหกรรมที่ไม่เคยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่
.
จากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือประชาชนที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับสภาพตกงานบ้าง โดนลดวันทำงานและค่าแรงบ้าง หรือทั้งตกงานและถูกโกงค่าชดเชย
.
แต่แค่ตกงานและถูกโกงก็ยังไม่พอ ประชาชนไทยที่อาจไม่ได้ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านั้นก็ยังต้องเผชิญกับมลภาวะที่เป็นพิษที่มาจากอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งมีคดีความให้เห็นเสมอมา
.
ทั้งหมดนี้ก็เพรารัฐบาลทั้งหมดที่ผ่านมาสนับสนุนให้มีผู้ลงทุนจากต่างชาติมากมายเข้ามาลงทุนแสวงหาประโยชน์ในประเทศไทยอย่างไร้การควบคุมโดยเคร่งครัด
.
ยิ่งไทยเราอยากได้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากเท่าใด ไทยเราก็ต้องจัดหาพลังงานราคาถูกมาป้อนให้แก่โรงงานมากมายเหล่านี้ ไทยเราต้องสร้างโรงงานไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงราคาถูกซึ่งมาพร้อมมลพิษทางอากาศเพื่อแลกกับได้ค่าแรงขั้นต่ำจากนักลงทุนต่างชาติ
.
พวกต่างชาติเขาคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในประเทศเขา แต่เขาไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในประเทศคนอื่น โดยเฉพาะนักลงทุนแถบเอเซียเช่นสิงคโปร์นี่แหล่ะตัวดี ที่ประเทศตัวเองไม่ยอกให้สกปรกแต่เอาความสกปรกมาทิ้งที่ประเทศไทย เมื่อประเทศเขาผลิตแล้วจะเกิดมลพิษเขาก็ย้ายมาผลิตในประเทสไทยแทน
.
แล้วสุดท้ายเราได้อะไร คุ้มหรือไม่ พอทรัพยากรเราสิ้นสูญ มลพิษตกค้าง เขาก็หนีกลับประเทศเขาไปง่ายๆ ทิ้งคนงานไทยให้ตกงาน ทิ้งมลพิษมลภาวะให้คนไทยได้เจ็บป่วย ทิ้งปัญหาไว้ให้รัฐบาลตามแก้ นี่เรายังภูมิใจอยู่หรือเปล่า ที่ไทยยังอยากเป็นประเทศที่น่าลงทุนอยู่?
.

.
ดูรายการคมชัดลึกทอลค์ ตอน ประกาศเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด (คลิกคลิปข่าวเกี่ยวข้อง)


.
คลิกดู สารคดีแผ่นดินไท ตอน ความเจ็บปวดของประชาชนรอบๆนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (ฟื้นความสุขด้วยฐานไท)

















**********************************
.
ข่าวเรื่องรัฐบาลพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์
.
วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มีการนำเรื่องการพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ก็เพื่อจะกระตุ้นการซื้อรถยนต์ในประเทศที่ยอดขายตกลงจากสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ
.
และหากยอดขายรถยังซบเซาอย่างนี้ต่อไปอีก คาดว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับายการผลิตรถยนต์ทั้งหมดจะมีการปลดคนงานออกนับหมื่นๆคน
.
แต่สุดท้ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ตัดสินใจไม่ลดภาษี ซี่งผมเองก็เห็นด้วย ก็เพราะธุรกิจรถยานยนต์นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายสภาวะแวดล้อม และที่สำคัญประเทศไทยก็ไม่ได้ขาดแคลนรถยนต์สักหน่อย เพราะที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากฟุ้งเฟ้อ ซื้อรถกันง่ายๆ เปลี่ยนกันง่ายๆ หลายๆรายซื้อมาก็ไม่มีปัญญาผ่อน ก็ต้องขายให้เป็นรถมือสองใหม่ๆจอดทิ้งในเต็นท์จำนวนมาก หรือกลายเป็นขยะอุตสาหกรรมมากมาย
.
ก็เหมือนกับคนไทยที่บ้ามือถือ ที่ใช้กันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ยังไม่ทันเสียหรือใช้ไม่ทันคุ้มก็เปลี่ยนมือถือใหม่กันแล้ว หลายรายก็หาเงินในทางที่ผิดเพื่อบำรุงบำเรอความฟุ้งเฟ้อที่ไม่รู้จักจบสิ้น
..
ถึงเวลาที่เราคนไทยต้องยอมรับความจริงซะบ้าง และรัฐบาลก็ไม่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นไปเพื่อความฟุ้งเฟ้อด้วยจึงจะถูกต้อง
.
****************************

.
ข่าว รัฐบาลญี่ปุ่นก็แจกเงินคนญี่ปุ่นเหมือนกัน.
รัฐบาลญี่ปุ่นผ่านกฏหมายเพื่อจะแจกเงินให้ประชาชนทุกบ้าน โดยจะแจกคนละ12,000เยน หรือประมาณ4,358บาท แต่ถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า18ปี และผู้สูงอายุที่อายุเกิน65ปี ก็จะได้มากถึง 20,000เยนทุกคน ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยหรือข้อยกเว้นมีอย่างไร ข่าวไม่ได้แจ้งไว้
.
ตัวอย่างเงิน12,000เยนทำอะไรได้บ้าง เช่น ซื้อตั๋วเที่ยวดิสนีย์แลนด์ได้3ใบ , ซื้อตั๋วดูหนังได้8เรื่อง , ซื้อตั๋วรถไฟชินกันเซนจากโตเกียวถึงเกียวโตได้หนึ่งที่ เป็นต้น
.
คลิก อ่านข่าวนี้จากbbc
.
ผมว่าผมชอบการแจกเงินแบบญี่ปุ่นมากกว่าการแจกของรัฐบาลอภิสิทธิ์นะ เพราะดูจะทั่วถึงกว่าและไม่ดูเลือกที่รักมักที่ชัง และยังให้ความสำคัญแก่เด็กและคนชรามากกว่าคนวัยอื่น
.
ส่วนพวกลิ่วล้อทักษิณที่ดูถูกการแจกเงินว่าประชานิยมยิ่งกว่าที่ทักษิณทำ ก็คงดูถูกมันสมองของรัฐบาลญี่ปุ่นบ้างเหมือนกันมั้ง
.
แต่ถึงยังไงรัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังแจกเงินได้ดูฉลาดกว่ารัฐบาลไทยแจกอยู่ดี คุณว่ามั้ย?

.
คลิกอ่าน ทักษิณขี้โม้ ทักษิณไม่ได้เก่งเท่าไหร่หรอก
.

ผู้ติดตาม