วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2551

อเมริกาจ๋อย(1) สาเหตุวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์






เมริกาเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกมาหลายปีหลังจากโซเวียตล่มสลาย หลังจากจีนหันมาใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมบ้าง จีนก็เริ่มเข้ามาเทียบรัศมีอเมริกาแทนรัสเซีย


อเมริกาต้นตำรับระบอบทุนนิยม มีนักคิดด้านทุนนิยมนับไม่ถ้วน ทุกประเทศในระบอบประชาธิปไตยล้วนแต่อยากเจริญแบบอเมริกา และถืออเมริกาเป็นต้นแบบ

ในวิกฤติเศรษฐกิจไทยเมื่อปี40 ไทยได้มี IMF เข้ามาช่วยเหลือแต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของเขาอย่างค่อนข้างเคร่งครัด ซึ่งเขาก็เสนอนโยบายให้ไทยอย่าอุ้มสถาบันการเงินที่มีปัญหา ปล่อยให้เจ๊งไปตามกลไกตลาดที่ควรเป็น
.
แต่สุดท้ายเมื่อถึงคราวอเมริกาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจกับตัวเองบ้างในปี2008 อเมริกากลับเข้าตำราที่ว่า "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" รัฐบาลกลางออกมาตรการเพื่อช่วยอุ้มสถาบันการเงินที่มีปัญหา แทนการปล่อยให้ล้มไปตามสภาพตลาด


ภาวะการเกิดวิกฤติของอเมริกาในปี2008นี้นั้น ก็ไม่แตกต่างเท่าใดนักกับวิกฤติเศรษฐกิจ "ต้มยำกุ้ง" ของไทยเมื่อปี40 เพราะคนอเมริกันหันมาเก็งกำไรราคาอสังหาริมทรัพย์กันมาอย่างมาก แบบซื้อมาขายไป ซึ่งก็ไม่ต่างจากไทยเมื่อเริ่มมีการบูมของที่ดินและที่อยู่อาศัยในยุคชาติชาติ เรื่อยมาจนเกิดเป็นฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ

เมื่อความต้องการที่แท้จริงเริ่มลดลง ความต้องการแบบเก็งกำไรมากขึ้น การซื้อไม่เกิดจากการใช้ทุนทรัพย์ตัวเองมาซื้อ แต่ใช้การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินต่างๆมาซื้อ แถมสถาบันการเงินก็ไม่มีวินัยในการให้กู้ กลับมีการเอิ้อเฟื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ปั่นราคาสินทรัพย์ค้ำประกันเกินจริง กู้เงินเกินตัวเพราะหวังจะขายทำกำไรได้ก่อนใช้หนี้ สุดท้ายหายนะก็มาถึง

คนอเมริกันก็เช่นเดียวกัน มีการกู้เงินเกินตัวเพื่อเก็งกำไรสินทรัพย์ แต่พอขายสินทรัพย์ไม่ออก หาเงินมาใช้หนี้สถาบันการเงินไมทัน ก็หันไปหาแหล่งเงินขนาดเล็กที่ไม่ได้มีมาตรฐานเท่าไหร่ ก็คล้ายคนไทยที่ชอบไปหาแหล่งเงินกู้นอกระบบ
.
สุดท้ายเมื่อความต้องการอสังหาริมทรัพย์แท้จริงหมดลง การลงทุนต่างๆในธุรกิจก่อสร้างก็เริ่มมีปัญหาหยุดชะงัก สร้างไม่เสร็จ แถมไม่มีคนซื้อคนผ่อน หนี้เสียเพิ่มมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ
.
จึงทำให้ในที่สุด ก็เกิดการล่มสลายของสถาบันการเงินต่างๆมากมายเป็นแบบโดมิโน แต่ที่โด่งดังที่สุดก็คือ ธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ3ขอลโลกคือ "เลย์แมนบารเธอร์ลัมละลาย" ซึ่งเลย์แมนมีหุ้นอยู่ในธุรกิจทั่วโลกมากมาย โดยเฉพาะถือหุ้นในสถาบันการเงินทั่วโลก
.
อีกแห่งที่เป็นยักษ์ใหญ่ทางการเงินของอเมริกา คือ "กลุ่มเอไอจี" ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัทAIAประเทศไทย ก็เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ธุรกิจขาดทุนย่อยยับ สร้างความสั่นสะเทือนถึงไทย

ก่อนการเกิดการล่มสลายของเศรษฐกิจอเมริกา ก็มีภาวะการปั่นราคาน้ำมันในตลาดโลกเกิดขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั่วโลก แต่เบื้องหลังการปั่นราคาน้ำมันนั้น และส่วนใหญ่ของการปั่นราคาน้ำมันก็น่าจะเกิดจากกลุ่มการเงินกองทุนต่างๆของอเมริกาเช่นกัน
.
กลุ่มทุนพวกนี้ได้เงินไปเป็นกอบเป็นกำ จากการเก็งกำไรราคาน้ำมัน แล้วก็เอาไปฝากในสถาบันการเงินต่างเป็นจำนวนมาก เมื่อสถาบันการเงินมีเงินสำรองในระบบมาก ก็ต้องปล่อยกู้ให้มากเพื่อสร้างผลกำไร จึงได้ปล่อยกู้ให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น สุดท้ายก็อย่างที่บอก ความต้องการแท้จริงสวนกลับความต้องการเก็งกำไร สุดท้ายหายนะก็กลับมาทำลายอเมริกาเอง
.
(แม้ราคาน้ำมันจะแพงมากขึ้นเท่าใด ก็ขายได้เพราะประเทศต่างๆทั่วโลกต่างมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะจีนและอินเดีย2มหาอำนาจแห่งเอเซีย อย่างจีนก็กำลังเร่งสร้างสนามกีฬาโอลิมปิก ทำให้ทั้งน้ำมัน ทั้งเหล็กก่อสร้าง ฯลฯ ต่างก็ราคาพุงขึ้น ซึ่งก็ยิ่งเข้าทางพวกเก็งกำไรน้ำมัน)

ก่อนหน้านี้เมือไม่กี่เดือนที่ผ่านมา IMF เอง ก็ตกภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน ถึงกับต้องขายทองคำที่สำรองไว้ของตัวเอง

บอร์ดบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ อนุมัติแผนการขายทองคำสำรอง จำนวน 403.3 ตัน หรือร้อยละ 12 ของปริมาณทองคำสำรองที่ไอเอ็มเอฟมีอยู่ ตามข้อเสนอเมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อเสริมสภาพคล่องของแหล่งเงินทุนที่เหลือน้อยมาก
.
โดยมีสาเหตุมาจากโครงการปล่อยกู้ของไอเอ็มเอฟที่ทำให้เกิดหนี้สูญ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,670 ล้านบาท คาดว่าการขายทองคำในครั้งนี้จะทำเงินได้ประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 352,000 ล้านบาท

ทุกอย่างของปัญหาที่เกิดขึ้นจนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนทั่วโลก ก็สืบเนื่องจากระบบทุนนิยมเก็งกำไร ไม่เอื้อเฟื้อแก่ผู้ด้อยกว่า แสวงหากำไรเกินควร การเก็งกำไรมีขึ้นในธุรกิจทุกอย่าง ทั้งการเก็งกำไรค่าเงิน เก็งกำไรราคาหุ้น เก็งกำไรราคาทอง เก็งกำไรราคาน้ำมัน เก็งกำไรราคาบ้านและที่ดิน

สุดท้ายแม้แต่ราคาอาหาร ก็ได้รับผลจากการเก็งกำไรเหล่านั้นไปด้วย ระบบทุนนิยมเก็งกำไร ก็เปรียบเสมือน
.
ปลาเล็กกินปลาใหญ่ เมื่อปลาใหญ่ต่างรุมกินปลาเล็กกันแบบไม่หยุดยั้ง สุดท้ายปลาเล็กก็หมดหรือไม่พอให้ปลาใหญ่กิน
.
ท้ายที่สุด ไม่ว่าปลาใหญ่หรือปลาเล็ก ก็ล้วนกลับต้องถึงคราวลำบากหรือตายไปด้วยกันทั้วคู่ นี่แหล่ะสัจธรรม

ทุกข์ทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะความเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอนั่นเอง อมิตตาพุทธ !


คลิกอ่านต่อ ตอน2 .
.
คลิกอ่าน เศรษฐกิจโลกตก-เพราะไม่รู้จักปรั๙ญาเศรษฐกิจพอเพียง



2 ความคิดเห็น:

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม