เป็นเวลาร่วม3-4เดือนแล้ว ที่ผมได้ดูละครญี่ปุ่นเรื่อง
มารุโกะจังหนูน้อยจอมซ่า ทางทีวีไทย ซึ่งทีแรกออกอากาศในวันอาทิตย์ตอนบ่าย3 ต่อมาก็ย้ายเวลาไปเป็นวันเสาร์ตอนบ่าย3แทน
เป็นที่น่าเสียดายที่วันเสาร์ที่30พ.ค.52ที่ผ่านมาวานนี้ มารุโกะได้ออกอากาศตอนจบไปแล้ว ผมเสียดายและเสียใจที่จะไม่ได้ดูละครน่ารักมีสาระดีๆที่ให้ข้อคิดเรื่องมารุโกะอีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีมาฉายอีกหรือเปล่า
มารุโกะเวอร์ชั่นละครนี้ เป็นเวอร์ชั่นที่2 ซึ่งเปลี่ยนผู้แสดงไปจากละครเวอร์ชั่นแรกไปแทบทั้งหมด ผมเองได้มีโอกาสไปหาดูเวอร์ชั่นแรกที่ออกอากาศในญี่ปุ่นเมื่อ3ปีก่อนจากยูทูป เห็นได้ว่าตัวนักแสดงในเวอร์ชั่นแรกไม่สามารถสู้กับเวอร์ชั่นที่2ที่ออกอากาศที่ทีวีไทยได้เลย
.
มารุโกะเวอร์ชั่น2
มารุโกะ(มารุจัง)ในเวอร์ชั่น2จะสวยกว่าและดูฉลาดกว่าในเวอร์ชั่นแรก แม้เวอร์ชั่นแรกจะดูน่ารักแต่จะเด็กมากไปหน่อย ตัวแสดงเวอร์ชั่น2นี้
ทั้งพ่อ แม่ คุณย่าและพี่สาวมารุโกะ ดูเหมาะสมในคาแรคเตอร์มากกว่าเวอร์ชั่นแรก
.
โดยเฉพาะคุณแม่และคุณย่านั้น เวอร์ชั่น2สวยและน่ารักน่ามองมาก (ส่วนคุณปู่ใช้ตัวแสดงคนเดิมกับเวอร์ชั่นแรก)
แม่ในเวอร์ชั่นแรกหน้าตาไม่สวยแถมออกจะอัปลักษณ์ด้วยซ้ำ หลายคนอาจจะคิดว่าในการ์ตูนก็ไม่เห็นต้องสวยเลย ในละครก็ต้องไม่สวยเหมือนกันสิ
.
แต่! ผมกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะตัวแม่มารุโกะเวอร์ชั่น2 สวยมาก และดูอบอุ่นดีด้วย เวลาจะซึ้งหรือเวลาจะโศกและเวลาจะสั่งสอน จะดูน่าฟังน่าเชื่อกว่า คนดูก็จะรักแม่มารุโกะไปด้วย(เพราะสวย)
ที่จริงตัวละครแม่ของมารุโกะนี่แหล่ะ ที่เห็นชัดที่สุดว่า เวอร์ชั่นแรกสู้เวอร์ชั่น2ไม่ได้เลย
ในส่วนของเพื่อนๆมารุโกะ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทอย่าง
ทามะจัง เวอร์ชั่นแรกก็ดูน่ารักนะ แต่ยังไม่สวยเท่าไหร่
แต่ทามะจังในเวอร์ชั่น2น่ารักมากๆ น่ารักกินขาดเลยขอบอก หรือ
ฮานาวะ คุง เพื่อนที่รูปหล่อพ่อรวยนั้น เวอร์ชั่น2นี้ดูจะสวยไปหน่อยครับ แต่ก็ดูตลกดี
.
สรุป ตัวแสดงเวอร์ชั่น2 ชนะกินขาดครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
ส่วนคนพากย์เสียงมารุโกะ ก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือคนพากย์ที่พากย์นางเอกเกาหลีช่อง3เป็นประจำ เช่น
แดจังกึม หรือล่าสุดก็
ซอซงยอง นางเอกลีซานนั่นแหล่ะ คือ
คุณกรณิการ์ ประภัสภักดี(หรือที่พากย์เซียวเหล่งนึ่งสมัยหลิวเต๋อหัว นั่นแหล่ะครับ)
.
เว็บของมารุโกะจังversion2ของญี่ปุ่น ซึ่งจะพาคุณไปพบกับนักแสดงในการ์ตูนทุกตัว แม้ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็ลองคลิกหาไปเรื่อยๆเดี่ยวเจอเอง
.
.
*******************************
.
ผมรู้จักมารุโกะครั้งแรกเมื่อไหร่
.
ที่จริงครั้งแรกที่ผมรู้จักมารุโกะก็คือตอนที่ช่อง3 นำมาฉายครั้งแรกตอนเย็นนานมากแล้ว(ไม่ต่ำกว่า15ปีแน่ๆ) ซึ่งทีแรกผมก็ไม่นึกว่าจะสนุกหรอกนะ และเห็นลายเส้นการ์ตูนทีแรกคงจะเป็นแบบเน้นให้เด็กเล็กๆดูแน่เลย(แต่ผมคิดผิดถนัด)
.
แต่พอได้ดูเข้าจริงๆ กลับผิดคาด สนุกตลก น่ารักมากมายจริงๆ มารุโกะน่าดูดีกว่าดูชินจังเสียอีก ทั้งๆที่ชินจังผมก็ชอบมาก แต่ชอยมารุโกะมากกว่า
.
แต่นั่นก็นานมาแล้ว จนผมไม่ได้นึกถึงมารุโกะอีกเลย ผมเองก็ไม่ใช่เป็นคนที่ชอบซื้อการ์ตูนมาอ่านซะด้วย เพราะเปลืองตังค์
มันแพง! (จนน่ะครับ)
.
ดีใจมากที่มีละครมาฉายทางทีวีไทย แต่เสียดายได้ดูไม่นานก็จากไปแล้ว ฮือๆๆๆๆๆๆ
.
**********************
.
มารุโกะ การ์ตูนดี ที่ให้สาระและความมีน้ำใจ
.
ผมไม่ได้เป็นนักอ่านการ์ตูนตัวยงและไม่ได้รู้เรื่องการ์ตูนมารุโกะมากนัก เพราะไม่เคยอ่านเลย อาศัยดูจากทางทีวีนำมาฉาย แต่เท่าที่ดูจากละครทางทีวีไทย พอทราบคร่าวๆว่า
.
มารุโกะ มีนามสุกลว่า ซากุระ และเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นป.3เท่านั้น ซึ่งตรงกับปีค.ศ.1974 ซึงถ้าคิดแบบคร่าวๆ เด็กป.3 น่าจะอายุ8-9ขวบ ปีนี้ปี2009 ผ่านมา35ปีแล้ว ถ้ามารุโกะอมีชีวิตอยู่ถึงในปี2009ก็น่าจะมีอายุประมาณ43-44ปีน่าจะได้
.
มารุโกะเป็นเด็กน่ารักปนดื้อแถมขี้เกียจบ้าง แต่มีน้ำใจต่อทุกๆคน แต่ชอบจะหาเรืองทะเลาะกับพี่สาว และดื้อกับพ่อแม่เสมอ ส่วนใหญ่ก็เพราะความอยากได้โน่นได้นี่ หรือจะมีอิจฉาพี่สาวใจดีบ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก ที่สำคัญมารุโกะมักจะมีนิสัยขี้สงสารเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ
.
ส่วนใหญ่หากใครได้ดูมารุโกะจะรักและชอบมารุโกะกันทั้งนั้น และจะรู้สึกอิจฉาครอบครัวอันแสนอบอุ่นและครื้นเครงของมารุโกะจังพร้อมๆกันไปด้วย
.
เชื่อว่าคงมีหลายคนอยากมีครอบครัวเล็กๆน่ารัก แบบครอบครัวซากุระมากมาย ครอบครัวซากุระไม่ใช่ครอบครัวคนรวย ครอบครัวของมารุโกะออกจะจนกว่าครอบครังเพื่อนๆมารุโกะหลายๆคนด้วยซ้ำ แต่มีความสุขมากๆ
..
**************************
.
เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นและข้อคิดดีๆผ่านมารุโกะ
.
มารุโกะเป็นเรื่องราวการใช้ชีวิตของเด็กๆที่สนุกสนานและเฮฮาแต่ด้วยเนื้อเรื่องธรรมดาๆ แบบนี้ สะท้อนสังคม ชนชั้นกลางที่ญี่ปุ่นได้ดีนักล่ะ ทั้งสังคมเพื่อนที่โรงเรียน สังคมครอบครัว สังคมเพื่อนบ้าน แล้วก็สภาพการกินอยู่หลับนอนของคนญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน
.
ผมชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นในยุคมารุโกะมากๆ ไม่รู้ว่าปัจจุบันญี่ปุ่นเจริญไปไกลมากแล้ว วัฒนธรรมดีๆแบบในการ์ตูนยังมีเหลือมากน้อยแค่ไหน แต่ขอยกตัวอย่างสิ่งที่น่าสนใจในมารูโกะบางส่วนครับ
.
มารยาทการขอบคุณและความเกรงใจ
.
มีอยู่ตอนนึง มารุโกะได้ไปบ้านทามะจังเพือนสนิท มารูโกะเห็นเตียงใหม่นุ้มนุ่มของทามะจัง ซึ่งในละคร ทามะจังชวนให้มารุโกะลองขึ้นไปทดอลงดูได้ มารูโกะก็จะแสดงมารยาทแบบญี่ปุ่นโดยการ โค้งให้กับมาทามะจัง พร้อมกับพูดว่า "รบกวนด้วยนะ"
.
มารยาทความเกรงใจและให้เกียรติความมีน้ำใจต่อเพื่อนที่มารุโกะแสดงออกไปต่อทามะจังนั้น มารยาทแบบนี้ผมดูแล้วประทับใจมาก เป็นวัฒนธรรมที่สวยงามจริงๆ ซึ่งที่จริงการขอบคุณและการขอโทษเป็นวัฒนธรรมเด่นชัดที่เป็นเอกลักษณ์ของคนญี่ปุ่นที่คนไทยควรเลียนแบบครับ
.
มารยาทการเรียกชื่อ
.
หรือเช่น การเรียกนามสกุลแทนชื่อ อันนี้ก็เหมิอนฝรั่ง เกาหลีหรือจีน ซึ่งเป็นการให้เกียรติผู้ถูกเรียก หรือเพื่อไม่ได้แสดงความสนิทสนมเกินไป แต่ของญี่ปุ่นนี้ จะดูให้เกียรติมากกว่า(อันนี้ตามความรู้สึกของผม) ขนาดเพื่อนๆมารุโกะหลายๆคนที่อาจไม่สนิทกับมารุโกะมากนัก ก็จะเรียกมารูโกะว่า คุณซากุระ
.
หรือแม้แต่ครูประจำชั้นก็จะเรียกมารูโกะว่า คุณซากุระ เช่นกัน การที่จะเรียกชื่อหน้าได้เลยนั้น ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของชื่อเสียก่อนจึงจะเรียกได้ ไม่เช่นนั้นจะผิดมารยาท ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มักจะได้รับมารยาทเช่นนี้เหมือนกัน
.
ตอน มารุจังหนีออกจากบ้าน (ประเพณีของๆพี่ตกทอดสู่น้อง)
.
มีอยู่ตอนนึง แม่ได้ตัดชุดเทศกาล(ชุดยูกาตะ)ใหม่ให้พี่สาว ซึ่งมารูโกะก็อยากได้บ้าง แต่พี่สาวก็ชี้ไปที่ชุดเก่าของพี่สาวแล้วบอกว่า ชุดนั้นได้ตกทอดมาเป็นของมารูโกะแล้ว มารุโกะก็งอแงอ้อนแม่ ว่าอยากใส่ชุดใหม่มือ1แบบพี่สาวบ้าง แต่แม่ไม่ยอม
.
มารูโกะก็บ่นว่า "ทุกๆอย่างของพี่ต้องกลายมาเป็นของมารูโกะทั้งปีเลย ไม่ว่าจะเป็นชุดนักเรียนหรือหนังสือ ของเล่น เครื่องเขียนฯลฯ" แต่แม่ก็ไม่ยอมตามใจมารูโกะ จนมารุโกะประท้วงด้วยการบอกว่าจะไม่อยู่บ้านนี้อีกแล้ว หรือหนีออกจากบ้านนั่นแหล่ะ(ต่อหน้าแม่ๆและพี่สาว รวมทั้งคูรปู่) มารูโกะจึงขู่ว่า จะออกจากบ้าน แม่ก็ทำเป็นไม่สนใจ
.
แต่สุดท้ายก็ไปได้แค่วันเดียวก็ร้องไห้ตามแม่กลับบ้านโดยดีตอนแม่ตามไปพบ
.
แต่ประเด็นของผมก็คือ คนญี่ปุ่นก็เหมือนคนไทยตรงนี้แหล่ะ ของๆพี่ตกทอดสู้น้องเป็นรุ่นๆ น้องก็อดน้อยใจไม่ได้ว่า ทำไมพี่ได้แต่ของใหม่ๆทั้งปีเลย ผมดูตอนนี้แล้วอดขำไม่ได้จริง น่ารักจริงๆตอนนี้
.
ตอน ไปทานอาหารฝรั่งเศสนอกบ้าน
.
ที่บ้านมารุโกะ เพื่อนแม่เพิ่งเปิดร้านอาหารฝรั่งเศส แม่เลยชวนมารุโกะกับพ่อและพี่สาวไปทานอาหารฝรั่งเศสกันเป้นครั้งแรกในชีวิต
.
ทั้งบ้านต่างแต่งตัวเต็มยศเพื่อไปทานอาหารหรูกัน ก่อนจะเข้าร้านก็เกี่ยงกันว่า ใครจะเข้าก่อน เขินเพราะไม่เคยมาทานของแพง แต่เมื่อนั่งโต๊ะแล้ว บ๋อยเอาเมนูมาส่งให้แก่ทุกคนเลือก เท่านั้นนแหล่ะ ทำเอาแม่ตกใจในราคาแสนแพงของอาหารฝรั่งเศส แม่เลยบอกบ๋อยว่า "ขอเวลาเลือกสักเดี๋ยวนะคะ เลือกได้เดี๋ยวจะเรียก"
.
พอบ๋อยไป แม่ก็แอบกระซิบว่า แม่พกเงินมาแค่20,000เยนเองพร้อมชวนกลับบ้านกันเหอะ แต่มารูโกะก็แอบพกเงินมา5,000เยนเหมือนกัน(เงินปีใหม่ที่เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน) ก็เลยพอที่จะให้ครอบครัวสั่งอาหารชุดราคาถูกที่สุดในร้านได้ ที่24,000เยน (แต่พอจ่ายเงินกลับราคา26,000เยนเพราะมีเซอร์วิสชาร์จ)
.
ตอนจบของตอนนี้ สุดท้ายต้องโทรกลับไปให้คุณปู่ไปเอาเงินมาจ่ายเพิ่ม ซึ่งทุกคนก็ต้องยืนรอแบบหน้าแตกกันในร้านนั่นแหล่ะ ตอนนี้มีรายละเอียดความขำน่ารักๆมากมายจริงๆ แทรกอยู่ตลอด ขำมากๆ
.
แต่ประเด็นที่ผมอยากเล่าในตอนอาหารฝรั่งเศสนี้ก็คือ มีอยู่ในช่วงแรกของตอนนี้ เพื่อนมารูโกะคนนึงที่ชื่อว่ามิกิวะ เด็กผู้หญิงอ้วนเย่อหยิ่งขี้อวด ได้คุยว่า เพิ่งได้ไปกินอาหารฝรั่งเศสมา ซึ่งทำเอาทามะจังเพื่อนซี้มารูโกะ บ่นขึ้นว่า อยากทานเหมือนกัน
.
แต่มารูโกะ ก็พูดขึ้นว่า "อาหารฝรั่งเศสหรูๆน่ะ ถ้าไม่ใช่ พวกหมอหรือพวกเจ้าของที่ดินล่ะก็!ไปทานไม่ไหวหรอก ครอบครัวธรรมดาๆแบบครอบครัวมารุโกะไม่มีโอกาสได้กินหรอก คงได้แต่ฝันเท่านั้นแหล่ะ"
.
ตรงจุดนี้เอง ที่ได้สอนให้รู้ว่า ที่ไหนๆในโลกก็ต้องมีทั้งคนรวยคนจนทั้งนั้นแหล่ะครับ ไม่มีที่ไหนในโลกหรอกครับที่ทุกคนรวยเท่ากันหรือมีโอกาสเท่าเทียมกัน (ขนาดหนูน้อยมารุโกะยังเข้าใจเลย แต่คนในบางประเทศกลับโง่เรื่องนี้ อ้างเรื่องความเท่าเทียมกันเรื่องไม่มีชนชั้นอยู่ได้)
.
(ผมเองก็ไม่มีปัญญาไปที่ๆคนรวยเขาไปเสพสุขเหมือนกัน แต่ไม่เห็นต้องไปอิจฉาเขาเลย ก็เราไม่มีปัญญาเองนี่ หากมีปัญญาก็คงรวยได้เหมือนเขาเช่นกัน ใครเขารวยไม่ได้โกงใครเขามา เราก็มุทิตาจิตให้เขาไปเถิดครับ)
ฬ
ครอบครัวมารูโกะก็ไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวยอะไรแต่ก็เป็นครอบครัวที่มีความสุข มารุโกะก็มีเพื่อนร่ำรวยกว่าอยู่หลายๆคน แม้แตทามะจังเพื่อนสนิทของมารูโกะก็มีฐานะดีกว่าครอบครัวมารูโกะเสียอีก แต่ครอบครัวมารุโกะก็มีความสุขไม่แพ้ครอบครัวร่ำรวยของคนอื่นเลย
.
ทามะจังเอง ถึงแม้จะรวยกว่าแต่ก็ไม่เคยดูถูกมารุโกะเลย แถมบางครั้งยังรู้สึกอิจฉาความสนุกและอบอุ่นของครอบครัวมารูโกะเสียด้วยซ้ำ
.
เพราะทามะจังเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องให้เล่นด้วย แต่มารูโกะก็เคยบ่นเบื่อพี่สาวตัวเองให้ทามะจังฟังเสมอ ซึ่งทามะจังก็งง!เพราะทามะจังอยากมีพี่น้องเหมือนมารุโกะบ้าง
.
สังเกตให้ดีว่า การ์ตูนญี่ปุ่นมักจะนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวของเด็กญี่ปุ่นที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวร่ำรวยอยู่เสมอ เช่นโนบิตะ ชินจัง เป็นต้น ทำไมหรือครับ?
.
เพราะญี่ปุ่นเขาต้องการแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงในชีวิตไม่ใช่ส่งเสริมให้เด็กญี่ปุ่นฟุ้งเฟ้อเกินไป พร้อมนำเสนอความรักความสามัคคีและมีน้ำใจต่อเพื่อนซึ่งกันและกัน
.
ผิดกับละครไทยที่แม้แต่ละครเด็กเองก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่เลย มีแต่สอนเด็กให้ฟุ้งเฟ้อเห่อของนอก เช่นละครเด็กของกันตนาเป็นต้น ที่ตอนนี้มีแต่ละครที่มีแต่ลูกคนรวยเรียนโรงเรียนหรูๆทั้งปีทั้งชาติ มุ่งแต่เรื่องรักเรื่องใคร่ทั้งปี
.
***********************************
.
ผมจะคิดถึงมารุโกะจังเสมอครับ
.
.
.