หน้าที่ของการเป็นพ่อ เป็นแม่ ฟังดูอาจเหมือนใครๆก็รู้ว่า หน้าที่ของคนเป็นพ่อ เป็นแม่คืออะไร ทำอย่างไร
แต่ผมคิดว่า ที่ว่าใครๆก็รู้กันอยู่แล้วนั้น แต่ความเป็นจริง คนที่จะเข้าใจหน้าที่พ่อแม่จริงๆ อย่างถ่องแท้นั้น ผมเชื่อว่าคงจะมีไม่มาก
บทความนี้ ถ้าผมได้พูดคุยอธิบายต่อหน้าคนฟัง ผมคิดว่าแค่อธิบายนิดเดียวคุณผู้อ่านจะเข้าใจได้ทันที เพราะการพูดคุยซักถาม ตอบโต้ จะทำให้ง่ายแก่ความเข้าใจ
แต่เมื่อต้องใช้การเขียน โดยไม่มีการตอบโต้ซักถาม ก็ยากที่จะอธิบายให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ง่าย ๆ หากคุณผู้อ่านมีข้อสงสัยตรงไหน อยากให้ถามมานะครับ จะได้อธิบายเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจนขึ้น
-----------------------------------
หน้าที่ของพ่อแม่
แน่นอนที่สุด เมื่อคุณได้ให้กำเนิดลูกของคุณขึ้นมาแล้ว หน้าที่ของความเป็นพ่อเป็นแม่ อันดับแรกนับตั้งแต่วันที่ลูกของคุณเริ่มปฏิสนธิ นั่นก็คือ คุณต้องเลี้ยงดูอุ้มชูลูกที่อยู่ในท้องของแม่ ให้เจริญเติบโตให้ถือกำเนิดออกมาให้ได้ดีที่สุดเท่าที่คุณควรทำ หรือทำได้
และเมื่อลูกได้เกิดขึ้นมาแล้ว หน้าที่พ่อแม่ คือต้องเลี้ยงดู เอาใจใส่ ดูแล อบรม สั่งสอน ให้การศึกษา ให้ลูกของคุณเติบโตขึ้นมาให้เป็นคนดี และมีคุณภาพของสังคม และประเทศชาติ
หลักการหรือแนวคิดใหม่ในทุกวันนี้ ได้ยอมรับกันแล้วว่า การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีของสังคม ถือว่าเป็นหน้าที่ที่สำคัญของพ่อแม่ยิ่งกว่า เลี้ยงลูกให้เป็นคนเก่ง
เพราะคนเก่งแต่เลว ยิ่งทำให้บ้านเมืองและสังคมวุ่นวายเดือดร้อน ซึ่งถ้าลูกของคุณเติบโตขึ้นมาเป็นคนเก่งแต่เลว บาปกรรมไม่ใช่เกิดเฉพาะการกระทำของลูกเท่านั้น บาปกรรมที่ลูกสร้างนั้นพ่อแม่ที่อบรมเลี้ยงดู ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในบาปกรรมนั้นๆของลูกด้วย (ไม่มากก็น้อย)
ในทางกลับกัน หากลูกเป็นคนดี กระทำความดี พ่อแม่ก็จะพลอยรับบุญกุศลจากลูกไปด้วยเช่นกัน (การได้เห็นลูกเป็นคนดี พ่อแม่ย่อมเกิดปิติสุข เมื่อเกิดปิติสุข แสดงว่าจิตเป็นกุศล)
----------------------------------
พ่อแม่ ไม่ควรทวงบุญคุณกับลูก
หน้าที่ของพ่อแม่ คือเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน ส่งเสียให้ความรู้แก่ลูก จนลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่สามารถเลี้ยงดูตนเองได้แล้ว ก็นับว่า นั่นคือหน้าที่พื้นฐานของผู้เป็นพ่อเป็นแม่
หากทำให้ลูกเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคม และประเทศชาติได้ นั่นยิ่งถือว่า ได้เป็นพ่อแม่ที่ประเสริฐสุด
ขอยกกรณีตัวอย่างที่พ่อแม่ทุกคนควรศึกษาไว้
หลายครั้งที่เราอาจเคยดูละครทั้งน้ำเน่าและไม่เน่า เรามักจะเห็นในละครที่ พ่อแม่ชอบที่จะบังคับให้ลูกแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกไว้
ถ้าลูกเชื่อฟังพ่อแม่ ยอมทำตามคำสั่งพ่อแม่แต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกไว้อย่างเต็มใจ ก็นับว่า เป็นโชคดีของคนเป็นพ่อเป็นแม่
แต่ถ้าลูกเขาไม่รักคนที่พ่อแม่เลือกหาไว้ให้ แล้วพ่อแม่ก็ยังจะบังคับลูก แม้กระทั่งมีการพูดทำนองว่า ถ้าลูกไม่เชื่อฟังทำตามคำสั่งของพ่อแม่ จะตัดพ่อตัดลูก หรือตัดแม่ตัดลูก เป็นต้น
ผมอยากบอกว่า นั่นคือสิ่งที่พ่อแม่ทำผิด และถือว่าพ่อแม่ได้กระทำบาปเกิดขึ้นแล้วครับ
ทำไมผมถึงบอกเช่นนั้น เพราะการบังคับฝืนใจคนนั้น ปกติมันก็บาปอยู่แล้ว
ฉะนั้น ผมจึงขอยกตัวอย่างประกอบเพิ่ม เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น (เฉพาะในกรณีที่ลูกโตแล้ว เช่นอายุเกิน15ปี ซึ่งเป็นวัยที่พอจะคิดตัดสินใจในบางเรื่องได้ หากลูกยังเล็ก พ่อแม่ก็ยังมีสิทธิคิดตัดสินใจแทนลูกได้)
1. กรณีการศึกษา เช่น พ่อแม่บังคับให้ลูกเรียนสายวิทย์ แต่ลูกอยากเรียนสายศิลป์ พ่อแม่กำลังทำบาปที่บังคับใจลูก แต่ถ้าลูกยอมเรียนตามที่พ่อแม่บังคับ ลูกได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อแม่ ถือว่าลูกได้บุญ!! จากการเชื่อฟังพ่อแม่
2. กรณีเรื่องคู่ครอง เช่น พ่อแม่บังคับให้ลูกแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกไว้ให้ ทั้งๆที่ลูกไม่ได้รักหรือมีคนที่ตนรักอยู่แล้ว พ่อแม่ก็กำลังทำบาปที่บังคับใจลูก แต่ถ้าลูกยอมแต่งตามที่พ่อแม่บังคับ ลูกได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อแม่ ลูกได้บุญ!! จากการเชื่อฟังพ่อแม่
3. กรณีการศึกษา เช่น พ่อแม่บังคับให้ลูกเรียนสายวิทย์ แต่ลูกอยากเรียนสายศิลป์ พ่อแม่ก็บาปที่บังคับใจลูก แต่ลูกก็ไม่เชื่อฟัง ลูกตัดสินใจไม่เรียนตามที่พ่อแม่บังคับ ก็ถือว่าลูกได้ทำบาป ที่ไม่ทำหน้าที่ลูกที่ดีที่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่
4. กรณีเรื่องคู่ครอง เช่น พ่อแม่บังคับให้ลูกแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือก ทั้งๆที่ลูกไม่ได้รักหรือมีคนที่ตนรักอยู่แล้ว พ่อแม่ก็ทำบาปที่บังคับใจลูก และถ้าลูกไม่ยอมทำตามคำสั่งพ่อแม่ ไม่ยอมแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ ลูกก็ไม่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อแม่ ลูกก็ทำบาปเช่นกัน
ลองอ่านทบทวนดีๆนะครับ เพื่อจะได้ไม่งง????
** คุณผู้อ่านยังไม่ต้องสนใจว่า บาปที่เกิดขึ้นในชั้นต้นของตัวอย่างทั้ง4ข้อนั้น บาปมากหรือน้อย เพราะการที่บาปจะมากหรือน้อย มันต้องขึ้นอยู่กับผลที่จะตามมาทีหลังด้วยครับ
เช่น กรณีการศึกษา หากพ่อแม่บังคับลูกให้เรียนในสิ่งที่พ่อแม่่ต้องการ แม้ลูกไม่อยากจะเรียนตามที่พ่อแม่บังคับ แต่ลูกก็ยอมเชื่อฟังพ่อแม่ ยอมเรียนตามที่พ่อแม่บังคับโดยดี แล้วในกาลต่อมา การเรียนของลูกกลับประสบความสำเร็จ เป็นผลดีต่อลูก ทำให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต
แม้ในตอนแรกพ่อแม่จะทำบาปด้วยการฝืนใจลูกก็ตาม แต่ผลต่อมาจากการบังคับฝืนใจ กลับเป็นสิ่งที่ดีต่อลูก ก็ทำให้พ่อแม่ได้บุญกุศลที่มากกว่าคืนกลับมาในที่สุดครับ
และในทางกลับกัน หากพ่อแม่บังคับลูกให้เรียน แล้วลูกก็ฝืนใจยอมเรียนตามคำสั่งพ่อแม่ และผลต่อมา ผลที่ลูกไปเรียนตามคำสั่งพ่อแม่ กลับทำให้ลูกยิ่งแย่ลง สูญเสียเวลา สูญเสียโอกาส ลูกเป็นทุกข์
ถ้าเป็นแบบนี้ พ่อแม่ก็จะยิ่งบาปมากขึ้นที่ไปบังคับลูกครับ
กรณีเรื่องคู่ครองก็เช่นเดียวกัน ถ้าพ่อแม่บังคับลูก แล้วลูกเชื่อฟัง และภายหลังต่อมา การแต่งงานที่เกิดจากการที่พ่อแม่บังคับฝืนใจลูก กลับทำให้ลูกมีความสุข ประสบความสำเร็จในการครองเรือน แบบนี้แม้ตอนแรกพ่อแม่จะทำบาปก็ตาม แต่ก็จะกลายเป็นบาปกรรมเพียงน้อยนิดได้ เพราะผลบุญที่ทำให้ลูกมีความสุขในกาลต่อมา ได้ทำให้เกิดกุศลผลบุญที่มากกว่าคืนกลับมาสู่พ่อแม่ครับ
ในทางกลับกัน หากลูกจำใจแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ แล้วลูกต้องประสบความล้มเหลวในชีวิตคู่ มีปัญหาในครอบครัว แบบนี้พ่อแม่ที่บังคับให้ลูกแต่งงานก็เหมือนได้ทำบาปต่อลูก
ฉะนั้น !!
ทางที่ถูกที่ควร พ่อแม่ควรเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้แก่ลูกเท่านั้น แล้วปล่อยให้ลูกตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของเขาเอง พ่อแม่ไม่มีสิทธิที่จะบังคับลูกให้ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ และยิ่งถ้าอ้างความเป็นพ่อเป็นแม่เพื่อใช้บังคับขู่เข็ญลูก แบบนี้ยิ่งทำให้กุศลแห่งการทำหน้าที่ของพ่อและแม่จะไม่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
เพราะการฝืนใจคน ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ก็ถือว่าเป็นบาปทั้งสิ้น เพียงแต่ผลที่ตามมาจะดีหรือร้าย จะได้บุญคืนกลับหรือไม่ ก็ต้องรอดูผลต่อไป
------------------------------
คุณผู้อ่าน อ่านที่ผมได้อธิบายคร่าวๆไปนั้น พอเข้าใจมั้ยครับ??
หลักง่ายๆก็คือ เมื่อพ่อแม่ทำหน้าที่อบรม เลี้ยงดู สั่งสอน ให้การศึกษา จนลูกเติบโตจนดูแลตัวเองได้ หน้าที่ของพ่อแม่ ก็นับว่าทำได้สมบูรณ์ตามสมควรแล้ว และทำหน้าที่ไปโดยไม่ควรหวังผลตอบแทนจากลูก
หากลูกเติบโตไปแล้ว ต่อมาลูกเกิดอกตัญญู ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ พ่อแม่ก็ต้องไม่ทวงบุญคุณลูกนะครับ เพราะถ้าเมื่อใดที่พ่อแม่ทวงบุญคุณลูกว่าเธอต้องตอบแทนบุญคุณที่ฉันเลี้ยงดูเธอมานะ
ถ้าเป็นแบบนั้น ผลบุญจากการทำหน้าที่พ่อแม่ที่สมบูรณ์ที่ผ่านมา ก็จะไม่บริสุทธิ์เสียแล้วครับ พ่อแม่ก็จะได้บุญกุศลจากการเลี้ยงดูลูกตามหน้าที่น้อยลง
เช่นเดียวกัน ลูกมีหน้าที่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่ชรา หากลูกไม่ทำหน้าที่ลูกตามนี้ ลูกก็อกกตัญญูเป็นบาปมหันต์ครับ
---------------------------------
สุดท้าย ผมอยากจะสรุปว่า แต่ละคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง พ่อแม่ก็มีหน้าที่ของพ่อแม่ ลูกก็มีหน้าที่ของลูก
พ่อแม่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หากต่อมาลูกไม่ตอบแทนบุญคุณ พ่อแม่ก็อย่าทวงบุญคุณลูกเด็ดขาด
ลูกก็ต้องทำหน้าที่ของลูกที่ดีต่อพ่อแม่ ด้วยการเชื่อฟังคำสั่งสอน ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ และเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่ยามแก่ชรา หากลูกไม่ทำตามนี้ก็เป็นลูกที่อกตัญญู เป็นบาปมหันต์ครับ
----------------------
บทความนี้อาจเข้าใจยากสักหน่อย หากคุณผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัย ก็เขียนมาถามได้นะครับ ยินดีเสมอ..
แนะนำย้อนอ่าน พระอรหันต์ในบ้าน