วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การทำบุญทุกวันไม่ยาก ด้วยการอนุโมทนาบุญ



บางคนอาจคิดว่า การทำบุญ ด้วยการการบริจาคทรัพย์นั้น คนจนที่มีเงินน้อย หรืออาจไม่มีเลย กระทำได้ยาก นั้นไม่เป็นความจริง

หรือการทำความดีบางอย่างกระทำได้ยาก นั้นก็ยิ่งไม่จริงๆ

เพราะบุญนั้นสามารถกระทำได้หลายรูปแบบ เช่นเมื่อเราไม่ได้บริจาคทาน หรือทำบุญด้วยทรัพย์ เพราะเรายังไม่มี หรือยังมีความลำบากที่จะทำบุญทำทาน แต่เรามีใจอยากจะทำบุญแบบเขาแต่ยังไม่สะดวกในตอนนั้น

ก็ขอให้เราก็เพียงแต่ร่วมอนุโมทนาบุญกับคนอื่นที่เขามีโอกาสได้ทำบุญด้วยทรัพย์ก็ได้บุญเช่นกัน

เช่น คนทำบุญด้วยตนเองได้บุญ10ส่วน คนอนุโมทนาบุญจะได้ถึง9ส่วน- คำอธิบายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ยิ่งถ้าคนทำบุญด้วยตัวเองไปบอกบุญที่ตนเองได้กระทำไป ให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย ผู้ทำบุญด้วยตนเองก็จะได้อานิสสงส์จากการบอกบุญยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก เฉกเช่น ถ้ามีคนอนุโมทนาบุญร่วมกันท่าน 10 คน ผลบญของท่านก็จะคูณ 10 ขึ้นไปอีก (ตามคห.ส่วนตัวของผม) แล้วท่านจะยิ่งเป็นคนมีบารมีมาก

ส่วนบุญจากการอนุโมทนาก็อาจทำให้เราต้องพึ่งคนอื่นเป็นต้นเรื่องต้นทางเสมอ อาจไม่สำเร็จได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง แต่ก็นับว่ามีบุญกุศลมากอยู่เช่นกัน

ดังนั้นหากมีโอกาสทำบุญด้วยทรัพย์ตัวเองได้ก็จะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าไม่มีก็ขอให้อนุโมทนาบุญไปกับเขาได้

-------------------------

หรืออย่างเช่น

กรณีน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา หลายคนเห็นเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตัวเรานั้นอยากไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเหล่านั้นแบบอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่บ้าง แต่เราติดภาระกิจ หรือไม่สะดวกที่จะไปทำหน้าที่ตรงนั้น

ก็ขอให้เราร่วมอนุโมทนาบุญกุศลร่วมกับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทั้งหลายด้วย เราก็จะได้บุญจากการอนุโมทนาเช่นกัน บุญนั้นก็ได้ประหนึ่งเสมือนเราได้ไปช่วยเหลือด้วยตนเอง แต่ก็ยังถือน้อยกว่าเราไปช่วยเหลือผู้อื่นด้วยตัวเองจริงๆ แต่การอนุโมทนานี้ก็นับว่าเป็นบุญเป็นกุศลอยู่มากเช่นกัน

----------------------

การอนุโมทนาบุญช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้สูงขึ้นได้


เวลาเราหมั่นฝึกอนุโมทนาบุญกุศลที่คนอื่นเขาได้กระทำนั้น ก็เป็นการกล่อมเกลาจิตใจให้เรานั้นเป็นคนที่มีใจกุศลสม่ำเสมอ ลดความอิจฉาริษยาตาร้อนต่อผู้อื่นลงได้มาก นับว่าเป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น

เช่นเราเห็นคนอื่นทำบุญด้วยเงินจำนวนมาก หากเราไม่เคยฝึกใจในทางกุศลเอาไว้ ก็อาจทำให้เราเกิดอาการหมั่นไส้ มีจิตริษยาว่า แหม!นึกว่ารวยหรือไง ทำบุญด้วยเงินมากๆเนี่ย ทำเอาหน้าแน่ๆเลย

การคิดริษยาการทำบุญกุศลของผู้อื่น นอกจากเราจะไม่ได้บุญจากการร่วมอนุโมทนาแล้ว ยังเกิดบาปและทุกข์ในจิตใจของเราอีกด้วย

เรียกว่าถ้าเราริษยาเขา เราก็ซวย2เด้งเซ็ง2ต่อ แต่ถ้าเราอนุโมทนาบุญร่วมไปกับเขา เราก็เหมือนได้โชค2ชั้นโดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

---------------------------

ถ้ามีลูกมีหลาน ก็ควรสอนให้ลูกให้หลานหัดอนุโมทนาบุญ อนุโมทนาในการทำความดีของผู้อื่นให้สม่ำเสมอ ซึ่งอานิสสงฆ์จากการอนุโมทนาบุญสม่ำเสมอนี้ ก็จะให้บุตรหลานของทุกท่านมีจิตใจงดงาม มีจิตเป็นกุศล กล่อมเกลาจิตใจให้ละเอียดอ่อน อ่อนโยน และรู้จักเห็นใจผู้อื่นไปด้วยในคราวเดียวกัน


การอนุโมทนา ยังควรทำร่วมไปกับการมุทิตาจิตไปด้วย หมายถึง เวลาเราเห็นใครทำความดี หรือทำบุญ ทำทาน ทำกุศล นอกจากเราร่วมอนุโมทนาบุญไปกับเขาแล้ว เราก็ทำมุทิตาจิต ยินดีที่เขาได้มีโอกาสได้ทำความดี ทำกุศลแบบนั้น

เพราะการมุทิตาจิตนั้น เป็นการลดความอิจฉาริษยาได้ดีที่สุด ทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีใจเมตตาต่อผู้อื่น

คนไทยเรานั้น มักมีความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในทางอกุศลเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ละครทีวีน้ำเน่าของไทยมักจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน ในเรื่องความอิจฉาริษยาแย่งชิง!!

การหัดให้ลูกให้หลาน หมั่นอนุโมทนาในบุญและในความดีของผู้อื่น และมุทิตาจิต แสดงความยินดีต่อความสำเร็จ หรือความโชคดี หรือความสำเร้๗ของผู้อื่นไปด้วย ก็จะทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อความคิดร้าย ต่อความอิจฉาริษยาต่อคนอื่น สังคมส่วนรวมก็จะดีไปด้วยเพราะจิตใจคนดีมีมากขึ้น


**หมายเหตุ บางครั้งเราไม่ต้องไม่ต้องไปเสาะแสวงหาดูใครทำบุญทำความดีให้ยาก แค่เพียงเราดูทีวี ฟังวิทยุ ได้เห็น ได้ยิน ใครทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น ทำบุญทำกุศลทางสื่อต่างๆให้เราได้รับรู้ เราก็อนุโมทนาบุญได้เช่นกันครับ


----------------------------

ส่วนอธิบายเพิ่มเติม (ข้อมูลจากเว็บpantown)


วิธีหรือหลักแห่งการทำบุญในพระพุทธศาสนา เมื่อพูดโดยย่อแล้วมีเพียง 3 อย่าง คือ ทาน ศีล และภาวนา แต่ถ้าขยายความให้กว้างออกไป บุญกิริยาวัตถุมี 10 ประการ

1. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
2. สีลมัย บุญเกิดากการรักษาศีล
3. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
4. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
5. เวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ
6. ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ
7. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ
8. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
9. ธัมมเทศนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม
10. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรงกัน


บุญจากการอนุโมทนา

ผลของบุญนั้นมีความมหัศจรรย์มาก เพราะบุคคลบางคนไม่ได้สละทรัพย์เป็นเจ้าของวัตถุทานและไม่ได้เป็นผู้ถวายทานนั้นด้วยมือ แต่เป็นผู้มีความยินดีเลื่อมใสในการทำบุญของบุคคลอื่น บุคคลนั้นก็จะได้รับผลของบุญประหนึ่งเป็นเจ้าของวัตถุทานหรือเป็นผู้ถวายทานนั้นเอง ดังเช่นผลบุญที่เกิดกับเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา

ครั้งหนึ่ง พระอนุรุทธะเถระจาริกไปในดาวดึงส์เทวโลก เห็นทิพย์วิมานหลังใหญ่ กว้างยาวและสูง ๑๖ โยชน์ แวดล้อมด้วยอุทยานและสระโบกขรณี ล่องลอยอยู่ในอากาศ แผ่รัศมีไปไกลถึงร้อยโยชน์ เจ้าของวิมานนั้นเป็นเทพธิดาวรรณะงาม มีรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศ มีกลิ่นทิพย์หอมยวนใจฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ เมื่อยามเยื้องกรายหรือร่ายรำก็มีเสียงทิพย์อันไพเราะ น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจ เปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่

พระอนุรุทธะเถระจึงถามเทพธิดานั้นว่า "เธอทำบุญด้วยอะไร ทิพย์สมบัตินี้จึงเกิดขึ้นแก่เธอ?"

นางเทพธิดาตอบพระเถระว่า

"ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ดิฉันเป็นเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา เมื่อเพื่อนของดิฉันสละทรัพย์ถึง ๒๗ โกฏิ สร้างบุพพารามมหาวิหาร เธอชวนดิฉันและสหายอีก ๕๐๐ คน ไปเที่ยวชมปราสาท ดิฉันได้เห็นสมบัติปราสาทที่เธอสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ดิฉันเคารพ ดิฉันเลื่อมใส จึงอนุโมทนาบุญกับเธอว่า สาธุ! สาธุ!
ด้วยอานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญนี้ ทิพย์สมบัติทั้งหลายเหล่านี้จึงบังเกิดแก่ดิฉัน"


สุดท้าย ขอฝากไว้ว่า จงทำความดี ทำบุญกุศลโดยไม่หวังผลตอบแทน(แม้กระทั่งผลบุญ) จะได้กุศลสูงสุด (เพราะบุญไม่ต้องหวัง หากทำความดี บุญนั้นได้เองอยู่แล้ว โดยไม่ต้องหวัง)

แนะนำอ่าน ขอบคุณ ขอโทษ เสียสละ ให้อภัย ก็เป็นบุญ





11 ความคิดเห็น:

  1. จะไปปฏิบัิติธรรมวันเสาร์นี้ที่ยุวพุทธ ไปห้าวันนะ เลยมาบอกให้อนุโมทนาบุญด้วยจ้า กลับมาแล้วจะเอาบุญมาฝากอีก

    ตอบลบ
  2. จ้า!! ขออนุโมทนาุบุญด้วยครับ

    และขอให้แม่นัทมีความสุขความเจริญ และเดินทางสะดวกปลอดภัยด้วยครับ

    ^^

    ตอบลบ
  3. หวัดด้ค่ะคุณเอกพืนัท เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจค่ะ

    บางที่เคยคิดเหมือนกัน ว่าบางสิ่งก็อธิบายไม่ถูกฟางเคยให้ของขวัญกีบเด็กยากจนคนหนึ่งสำหรับฟางคิดว่าเป้นสิ่งเล็กน้อยไม่ได้คิดอะไร(ไม่ใช้ว่าเรารวยนะคะแต่น้องคนนั้นเค้าน่าสงสารจริงๆอะ) แต่พอเห็นเค้าดืใจใหญ้ ฟางรู้สึกปลื่มอย่างบอกไม่ถูกรู้สึกจะดัใจมากกว่าเด็กคนนั้นอืกด้วยค่ะ
    อย่างนั้เค้าเรืยกทำบุญหรือเปล่าคะ

    ดืใจที่ได้เข้ามาอ่านอ่านแล้วเย็นใจค่ะคุณเอกวันหลังจะมาใหม่ หวัดด้ค่ะ

    ตอบลบ
  4. สวัสดีครับคุณฟาง ยินดีครับ ที่คุณฟางแวะมา^^

    ตอบลบ
  5. บุญ แปลว่า เครื่องชำระ คือชำระจิตใจจากอคติ จากกิเลสทั้งปวง เมื่อเราได้ให้ (ทาน) แปลว่าเราได้ชำระความตระหนี่ออกจากใจ จึงเรียกว่าทำบุญจ้า

    ตอบลบ
  6. พ่อเอก บ้านโน้นเปลี่ยนไปสุมหัวที่ห้องนั่งเล่นกันแล้วนะ มีไรเข้าไปฝากข้อความไว้ที่ห้องนั่งเล่นได้เลยนะ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ07 พฤศจิกายน, 2554 11:26

    การทำบุญเป็นสิ่งที่ดี หมายถึงการแบ่งปัน การทำนุบำรุงศาสนา และจะส่งผลบุญให้กับบุพการีและบุคคลที่เราปราถนาจะได้รับบุญ ทำให้ผู้ทำบุญมีความสุข กายใจ ค่ะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ07 พฤศจิกายน, 2554 11:31

    ต้องการให้คนไทยได้ออกมาทำบุญกันทุกวันนะค่ะ คือการทำบุญตักบาตรค่ะ ที่ ๑ คือการส่งเสริมพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดการแบ่งปัน และชวนบุตรหลานสร้างความดีตั้งแต่เด็ก จะได้เป็นนิสัยที่ดีงามติดตัวตลอดไป ๒.เพื่ออุทิศบุญให้บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ๓ เพื่อความสิริมงคลของตนเองค่ะ อยากเห็นภาพคนไทยมีจิตใจดีงาม ทั้งกายใจ จังค่ะ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ07 พฤศจิกายน, 2554 11:46

    อยากเห็นโครงการของทางราชการที่ส่งเสริมให้มีการทำบุญทุกวัน
    ของประชาชน โดยแบ่งกันเป็นโซนหรือแต่ละวันที่รับผิดชอบ ในทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน คิดว่าเป็นการสร้างคุณธรรมให้กับคนไทยกันถ้วนหน้า เน้นการปลูกฝังค่านิยมให้เกิดกับเด็กที่จะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าค่ะ

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ07 พฤศจิกายน, 2554 11:53

    การเชิญชวนประชาสัมพันธ์การทำบุญทั่วหน้า ในแต่ละหมู่บ้าน ตำบลหรืออื่นตามที่กำหนด ของแต่ละวัน จะเป็นเรื่องที่ดีและส่งเสริมให้คนไทยได้ทำบุญ และนิมนต์พระไปตามจุดที่นัดหมายของแต่ละวัน ขอเสนอเป็นแนวคิดนะค่ะ

    ตอบลบ

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม