วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พระอรหันต์ในบ้าน





เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก กันมาบ้างใช่มั้ยครับ??

นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่คำเปรียบเทียบเปรียบเปรยใดๆทั้งสิ้น เพราะพ่อแม่ก็คือพระอรหันต์ของลูกจริงๆครับ

ขอยกเรื่องอนันตริยกรรม มาประกอบให้ทุกท่านพิจารณา เพื่อจะได้เทียบเคียงได้ว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูกได้อย่างไร

อนันตริยกรรม หมายถึง กรรมหนักที่สุด (ครุกรรม) ฝ่ายบาปอกุศล ซึ่งให้ผลทันที มี 5 อย่าง คือ

1. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
2. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
3. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
4. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
5. สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์ให้แตกแยก


จากที่ผมยกเรื่องอนันตริยกรรมมาให้ดู คงจะเห็นแล้วว่า การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ เป็นทำบาปหนักเหมือนฆ่าพระอรหันต์เลยทีเดียว

เฉกเช่นเดียวกันนั้น เมื่อทำบาปกับพ่อแม่เท่ากับทำบาปกับพระอรหันต์ ฉะนั้นผมจึงขออนุญาตเปรียบเทียบว่า การทำบุญกุศลต่อพ่อแม่ ก็จะได้บุญมากเท่ากับทำบุญกับพระอรหันต์เช่นเดียวกัน


หมายเหตุ แม้พระพุทธเจ้าจะไม่เคยตรัสว่า พ่อแม่คือ พระอรหันต์ของลูก เพราะที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสเพียงแค่พ่อแม่เปรียบเป็นพระพรหมของลูก ก็ตาม

แต่ในพระเถระหลายรูป ก็เคยเทศนาเปรียบเทียบว่า พ่อแม่เปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูก ทั้งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จโต พรหมรังสี ท่านพุทธทาส เป็นต้น

ผมจึงอุปมาว่า พ่อแม่จึงเปรียบเสมือนเป็นทั้งพรหมและทั้งพระอรหันต์สำหรับลูก ก็ได้ทั้งนั้น

เพราะคำว่า เปรียบเสมือน เป็นคำที่ใช้เปรียบเทียบเฉพาะอานิสงส์ที่ลูก ๆ จะได้รับเมื่อได้ทำกุศลต่อพ่อแม่ของตัวเองเท่านั้น แต่ไม่ได้แปลว่า พ่อแม่ของลูก ๆ ทุกคนจะสำเร็จธรรมถึงขั้นเป็นพระพรหม หรือสำเร็จ พระอรหันต์จริง ๆ

ผมอธิบายแบบนี้พอเข้าใจนะครับ

-----------------

สรุปความหมายเบื้องต้นของคำว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก

จึงหมายถึง  ลูก ๆ ที่ได้ทำบุญกับพ่อแม่ก็จะได้อานิสงส์ผลบุญเท่ากับได้ทำบุญกับพระอรหันต์ แต่ไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่ของลูกจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์จริง ๆ



------------------------------

ทำบุญกับพ่อแม่ประเสริฐกว่าเสียเวลาไปเสาะแสวงหาพระเกจิที่ใด ๆ 

คุณไม่จำเป็นต้องไปเสาะแสวงหาพระอรหันต์ที่ไหน ที่เขาร่ำลือกันให้เหนื่อยยาก ลำบาก เพราะบางทีอาจจะใช่พระอรหันต์หรือเปล่าก็ไม่มีใครชี้ชัดได้ ไม่เหมือนสมัยพุทธกาลที่มีพระพุทธเจ้าทรงประกาศรับรองให้ว่า พระภิกษุรูปใดได้สำเร็จเป็นอริยะขั้นใดแล้ว

แต่ยุคนี้ แค่เพียงเรากระทำความดีต่อบุพการี พ่อแม่ ก็ได้บุญเท่ากับทำให้พระอรหันต์แท้ๆอยู่แล้ว


ผมเคยดูรายการ สะเก็ดข่าว ทางช่อง7 มีอยู่ครั้งนึง มีรถขายของกินคันหนึ่ง (ขออภัยจำไม่ได้แน่ว่าขายอะไร) เป็นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเพื่อขายของ

รถคันนี้ติดคำขวัญที่เจ้าของรถคิดเอง ไว้รอบคันรถให้ลูกค้ากับผู้คนที่พบเห็นได้อ่านเพื่อเตือนสติ เตือนใจ

แต่ที่สะดุดใจ!! ที่สุด!! ก็คำขวัญที่ว่า

"อย่ามัวเสียเวลารอตักบาตรให้พระสงฆ์อยู่เลย ถ้าหากคุณยังละเลยการตักบาตรให้พระอรหันต์ที่บ้านคุณ"



---------------------

คำว่าพระอรหันต์ที่บ้าน ผมเองรู้ในความหมายมานานแล้ว แต่ถึงรู้ แต่จริงๆแล้วผมกลับยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้กับคำว่าพระอรหันต์ในบ้านจริงๆเลยจริง

จนกระทั่งแม่ของผมป่วยมาก

และเพราะแม่ผมป่วย ผมถึงได้ตาสว่างและเข้าใจอย่างถ่องแท้และลึกซึ้งถึงคำว่า พระอรหันต์ในบ้าน เป็นอย่างไร มหัศจรรย์และสำคัญสำหรับต่อลูกๆอย่างไร

ผมเสียดายที่ก่อนหน้านี้ ผมรู้จักคำว่า พระอรหันต์ในบ้านแบบนกแก้วนกขุนทอง ทั้งๆที่ผมอธิบายให้คนอื่นได้รู้จักคำว่า พระอรหันต์ในบ้านให้ใครต่อใครได้รู้จักคำๆนี้ตั้งมากมาย แต่ตัวผมเองกลับไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้กับคำว่า พระอรหันต์ในบ้านเองเลย

หวังว่าทุกท่านคงจะรู้จักคำว่า พระอรหันต์ในบ้าน อย่างถ่องแท้ก่อนจะสายเกินไปนะครับ

พอผมเข้าใจคำๆนี้แล้ว แม้เกือบจะสายและเสียใจที่เข้าใจช้าไป แต่เมื่อได้เข้าใจแล้ว ผมรู้สึกปิติในใจเหลือเกิน ที่ผมยังเหลือพระอรหันต์ในบ้านที่ยังอยู่กับผมอีกคน..


คำพระ "พ่อแม่เป็นนาบุญอันอุดมสำหรับลูกๆ ทุกคน"

ใหม่เมืองเอก.



พอดีไปเจอกลอนบทหนึ่ง ไม่ทราบผู้แต่ง แต่ชอบเลยนำมาแชร์ให้อ่านครับ

“จัดอาหาร ล้วนชั้นเลิศ ถวายพระ
ต้องสละ ทั้งเวลา และทรัพย์สิน
หวังผลบุญ หนุนนำ ค้ำชีวิน
พระได้กิน ของดีกัน ทุกวันไป
พระแท้แท้ พ่อแม่เรา ที่อยู่บ้าน
ข้าวสักจาน เคยตัก ให้ท่านไหม
ท่านกินอยู่ หลับนอน กันอย่างไร
แค่โทรไป วันละครั้ง ยังไม่มี
รีบเถอะครับ ทำบุญ กับพ่อแม่
ดีแน่แท้ ก่อนท่านตาย กลายเป็นผี
ผลบุญการ กตัญญู กตเวที
นั้นมากมี เหลือล้น พ้นประมาณ
ต่อให้ตัก บาตรพระ เป็นล้านครั้ง
สร้างโบสถ์หลัง ใหญ่โต มหาศาล
ผลบุญไม่ เทียบเท่า ข้าวหนึ่งจาน
ที่เราท่าน ป้อนพ่อแม่ แค่ครั้งเดียว"

-------------------------------

พระอรหันต์ในบ้าน โดย หลวงพ่อโต พรหมรังษี

สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี ได้เคยทรงเทศนาเรื่องพระอรหันต์ในบ้านให้รัชกาลที่4 และข้าราชบริพารได้รับฟัง จนถึงกับทำให้ผู้ฟังทั้งหลายน้ำตาไหลตามๆกัน

สมเด็จพระพุฒาจารย์โตฯ ท่านได้เล่าว่า มีคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ให้แสดงธรรม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกมาท่ามกลางเหล่าขุนนาง ข้าราชการ และข้าราชบริพาร ครั้นพอพบหน้าท่านเจ้าผู้ครองแผ่นดินก็ทรงสัพยอกว่า “ท่านเจ้าคุณ เห็นเขาชมกันทั้งเมืองว่าท่านเทศน์ดีนักนี่ วันนี้ต้องขอพิสูจน์หน่อย”

สมเด็จพระพุฒาจารย์โตฯ ทรงทูลว่า “ผู้ที่ไม่เคยฟังในธรรม ครั้นเขาฟังธรรม และได้รู้เห็นในธรรมนี้แล้ว เขาก็ชมว่าดี ขอถวายพระพร มหาบพิตร”

และวันนี้อาตมาจะมาเทศน์เรื่อง “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน”

ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเหล่าขุนนาง ข้าราชการและข้าราชบริพารต่างก็มีความสงสัย เพราะเคยได้ยินแต่ว่าพระอรหันต์ท่านจะอยู่ในถ้ำ ในป่า ในเขา ในที่เงียบสงัดหรือที่วัดวาอารามเท่านั้น

แต่ทำไมสมเด็จโตจึงกล่าวว่าจะเทศนาเรื่องพระอรหันต์อยู่ในบ้าน ในขณะที่ทุกคนพากันคิดสงสัยอยู่นั้น ฝ่ายสมเด็จโตทรงทราบด้วยญาณวิถีของทุกคน

สมเด็จโต จึงขยายความต่อไปว่า "จิตพระอรหันต์เป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านละจากความโลภ ความหลง ไม่ยินดียินร้ายในเรื่องใดๆทั้งสิ้น เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม หากใครได้ทำบุญกับพระอรหันต์แล้วไซร้ ก็ถือได้ว่าเป็นลาภอันประเสริฐที่สุด บุญที่ได้ทำกับท่านจะให้ผลในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า ทุกๆคนจึงมุ่งเสาะแสวงหาแต่พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน แต่ไม่เคยมองเห็นพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านเลย"

ทุก ๆ คนที่นั่งฟังเทศนาอยู่ในที่แห่งนั้น ต่างทำสีหน้างุนงงไปตามกัน เพราะไม่เข้าใจความหมาย

สมเด็จโตจึงเทศนาต่อไปว่า “พระอรหันต์คือ พระผู้ประเสริฐ คนเราทั้งหลายพยายามค้นหาพระผู้ประเสริฐ เพียงหวังที่จะยึดท่าน เกาะผ้าเหลืองท่าน เกาะหลังของท่าน เพื่อให้ท่านพาไปสู่ความสุข แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คนเราก็ยังอุตสาห์ดั้นด้นดิ้นรนไปหา เพียงหวังเพื่อยึดเหนี่ยวและบูชาท่าน แต่พระที่อยู่ภายในที่ใกล้ตัวที่สุดกลับมองข้าม มองไม่เห็นเหมือนใกล้เกลือ แต่กลับไปกินด่าง

อันน้ำใจของพ่อ แม่ ที่ให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิตอบแทน เช่นเดียวกับน้ำใจของพระอรหันต์ที่ให้ต่อมนุษย์ ก็มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน พ่อแม่จึงเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูก ท่านมีน้ำใจบริสุทธิ์ต่อลูกมากมายนัก ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่อยู่ในท้องของท่าน ทนทุกข์ทรมานร่วมเก้าเดือนบ้างสิบเดือนบ้าง แต่ท่านก็ไม่เคยปริปากบ่นสักนิด มีแต่ความสุขใจ

แม้ลูกเกิดมาแล้วพิกลพิการ หูหนวก ตาบอด ท่านก็ยังรักยังสงสาร เพราะท่านคิดเสมอว่านั้นคือสายเลือด ถือว่าเป็นลูก ไม่เคยคิดรังเกียจและทอดทิ้ง แต่ท่านกลับจะเพิ่มความรักความสงสารมากยิ่งขึ้น

ครั้นตอนที่เราเป็นเด็กเล็กๆ ก็ซุกซนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราเคยหยิก เคยข่วน ทุบ ตี เตะ ต่อย กัด หรือด่าทอพ่อแม่ต่างๆ นานา เพราะความไร้เดียงสา ท่านก็ไม่เคยโกรธเคือง กลับยิ้มร่าชอบใจเพิ่มความรักความเอ็นดูให้เสียอีก แม้เราจะเป็นผู้ใหญ่รู้ผิดชอบชั่วดี

แต่บางครั้งด้วยความโกรธ ความหลง เราก็ยังทุบตีหรือด่าทอท่านอยู่ แทนที่ท่านจะโกรธหรือถือโทษเอาผิดต่อเรา ท่านกลับยอมนิ่งเฉย ยอมที่จะทนรับทุกข์เพียงฝ่ายเดียว ยอมเสียน้ำตา ยอมเป็นเครื่องรองรับมือ รับเท้า และปากของเรา

สำหรับลูกแล้ว ท่านเสียสละให้ทุกอย่าง ท่านให้อภัย ในการกระทำของเราเสมอ เพราะท่านกลัวเราจะมีบาปติดตัว จึงยอมที่จะเจ็บ ยอมทุกข์เสียเอไม่มีใครในโลกนี้ที่จะรักเรา และหวังดีต่อเราอย่างจริงจังและจริงใจ เหมือนพ่อแม่ ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กจนเราเติบใหญ่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และกำลังทรัพย์ให้แก่เราอย่างมากมาย จนไม่อาจประมาณค่าเป็นตัวเลขได้ ทั้งนี้เพราะมันมากมายจนเกินกว่าจะประมาณค่าได้

และในบางครั้ง ลูกหลงผิดเป็นคนชั่วด้วยอารมณ์แห่งโทสะ เป็นคนเมาขาดสติ ก่อกรรมทำเข็ญเป็นที่เดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ในสายตาของท่านแล้ว เมื่อมีภัยสู่ลูก ก็ยังโอบไปปกป้องรักษา ช่วยเหลือลูกอย่างเต็มกำลัง และสุดความสามารถ ยอมเสียทรัพย์สินและเงินมากมาย เพื่อให้ลูกได้พ้นผิด ถึงแม้ว่าในบางครั้งลูกต้องถูกจองจำหมดแล้ว ซึ่งอิสรภาพด้วยอาญาแห่งแผ่นดิน ก็คงมีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่คอยหมั่นดูแลไปเยี่ยม ไปเยียน คอยส่งน้ำส่งข้าวปลาอาหาร คอยให้กำลังใจแก่ลูก ให้ต่อสู้กับความเจ็บปวด และทุกข์ทรมานของจิตใจที่ลูกได้รับ และรอนับเวลาที่ลูกจะกลับมาสู่อ้อมกอดอีกครั้งหนึ่ง

น้ำใจที่มีต่อลูกเช่นนี้ เปรียบเท่ากับน้ำใจของพระอรหันต์โดยแท้ พ่อแม่จึงเป็นพระอรหันต์ในบ้านของเราจริงๆ ทำไมพวกท่านจึงไม่คิดที่จะทำบุญกับพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านของท่านเล่า

สำหรับลูก ถึงแม้พ่อแม่จะเป็นโจร เป็นคนชั่วใจสายตาของบุคคลอื่น แต่สำหรับลูกแล้ว ท่านเสียสละได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง แม้แต่ชีวิตท่านก็สามารถเสียสละให้ลูกได้ พ่อแม่มีลูกนับ 10 คนเลี้ยงดูมาเติบใหญ่ แต่ลูกทั้ง 10 คน กลับเลี้ยงดูพ่อแม่เพียง 2 คนไม่ได้ ชอบเกี่ยงกันเพราะลูกเหล่านั้นกำลังลืมคำว่า พระคุณของพ่อแม่

ยามที่พ่อแม่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เราควรที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ โดยการซื้ออาหารการกิน ซื้อเสื้อผ้า พาท่านไปทำบุญทำทาน เข้าวัดเข้าวา อะไรก็ตามที่ทำแล้วให้ท่านมีความสุข ก็ควรทำให้ท่าน ดูแลความทุกข์สุข และเลี้ยงดูจิตใจท่าน เชื่อฟังในโอวาทคำเตือนของท่าน

คำพูดคำจาที่จะพูดกับท่านก็ต้องระมัดระวัง เพราะคนแก่นั้นใจน้อย ต้องรักษาน้ำใจท่านไว้ ด้วยคำพูดที่นิ่มหู ฟังดูแล้วไม่ทำให้ท่านไม่สบายใ ไม่ปล่อยทิ้งให้ท่านอยู่อย่างว้าเหว่ คอยเอาใจใส่ปรนนิบัติดูแลท่านอย่างใกล้ชิด แต่คนส่วนมากมักจะทำบุญให้พ่อแม่ เมื่อยามที่ท่านตายจากเราไปแล้ว เพราะนั่นคือการพลาด และเป็นการพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเราเอง ซึ่งความจริงแล้ว เราควรที่จะทำบุญให้กับพ่อแม่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที

ขอให้สาธุชนทั้งหลายผู้มาได้ฟังธรรมในวันนี้ จงกลับไปทำบุญกับพ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์ในบ้าน การทำบุญแบบนี้จะได้อานิสงส์ทันตาเห็นในชาติปัจจุบัน บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน คือบุญที่ทำกับพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ

แต่พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน พวกท่านไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่าองค์ใดจริงหรือไม่จริง แต่ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด และเป็นของจริง และบูชาได้อย่างแน่นอน ไม่เคยเห็นผู้ใดเลยที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่แล้ว ต้องพบกับความวิบัติไม่เคยมี มีแต่จะทำมาหากินอาชีพอะไร ก็จะเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ มีแต่ความสุข อายุยืนยาวตายตามกาลเวลา

ขอให้ท่านทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ จงใช้สติและพิจารณาในเรื่องราวต่างๆ ที่อาตมาได้เทศนาให้ฟังในครั้งนี้ให้ดี แล้วประโยชน์และความสุข ก็จะบังเกิดแก่ท่านทั้งหลาย อย่างทันตาเห็น เอวัง...ก็มีด้วยประการฉะนี้ ขอถวายพระพร "

ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เหล่าขุนนางข้าราชการและข้าราชบริพารทั้งปวง ได้ฟังคำเทศนาของสมเด็จโตจบลง บ้างน้ำตาก็คลอเบ้าทั้งสอง บ้างน้ำตาก็หลั่งไหลออกมาสุดที่จะกลั้นได้ ด้วยความรู้สึกรักสงสาร และคิดถึงพระคุณพ่อแม่ขึ้นมา อย่างจับจิตจับใจ อย่างที่ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย

เจ้าผู้ครองแผ่นดินแห่งสยามประเทศ จึงตรัสด้วยพระสุรเสียงอันสั่นเครือ ปนน้ำพระเนตรว่า “ท่านเจ้าคุณท่านเทศน์ได้จับใจยิ่งนัก และขอให้ทุกคนจงกลับไปทำบุญกับ พ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์เถิด”


ขอบข้อมูลจาก เว็บพลังจิต

หมายเหตุ ก่อนที่รัชกาลที่ 4 จะทรงมาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์เคยทรงผนวชอยู่นานหลายพรรษา จนเชี่ยวชาญในพระธรรมและพระไตรปิฎก ถึงขนาดทรงตั้งธรรมยุตนิกายขึ้นมา

การที่หลวงพ่อโต เทศน์เรื่อง พระอรหันต์ในบ้านก็คือ พ่อแม่ แล้วมีรัชกาลที่ 4 ทรงสดับฟังด้วยความตั้งใจ โดยมิได้โต้แย้ง

จึงเป็นสิ่งยืนยันว่า พ่อแม่คือ พระอรหันต์ในบ้าน จริง ๆ


แนะนำอ่าน หน้าที่พ่อแม่ หน้าที่ลูก ที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม