จริง ๆ แล้วถ้าดูตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน
พระแก้วมรกตถูกค้นพบครั้งแรกใน จังหวัด เชียงราย ที่วัดพระแก้ว ตามรูปข้างล่าง
วัดพระแก้วเชียงราย
แต่ถ้าจะอ้าง
ตำนาน ซึ่ง
ไม่อาจอ้างอิง เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ ก็พบว่า พระแก้วมรกตได้ปรากฏในหลายประเทศ อาทิ ลังกาทวีป กัมโพชะศรีอโยธยา โยนะวิสัย ปะมะหละวิสัย และ สุวรรณภูมิ
แต่ตามหลักการที่ถูกต้อง
ตำนานในแต่ละท้องถิ่น ย่อมไม่อาจใช้ยืนยันเป็นหลักฐานที่ถูกต้องได้ เพราะแต่ละท้องถิ่นก็มักอ้างว่า ตนเป็นเจ้าของที่แท้จริงพระแก้วมรกตทั้งนั้น
ตำนานประวัติพระแก้วมรกตแบบย่อ ที่นักประวัติศาตร์เชื่อว่ามีการแต่งเติมขึ้นมา
ตำนานประวัติพระแก้วมรกตได้ถูกจารึกไว้บนแผ่นทองเหลืองภายในวัดพระแก้ว เชียงราย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษดังนี้ (เฉพาะภาษาไทย)
"ตำนานรัตนพิมพ์วงศ์ กล่าวไว้ว่า เมื่อประมาณ
พ.ศ. 300 เทวดาได้สร้างพระแก้วมรกต ถวาย
พระนาคเสนเถระ ที่เมืองปาฎลีบุตร (ปัจจุบันเรียก
ปัตนะ )
ประเทศอินเดีย ต่อมาได้อัญเชิญไปไว้ที่
เมืองลังกา (หรือประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน)
ในสมัยพระเจ้าอโนรธามังฉ่อ
(พระเจ้าอนุรุทธะ) แห่งเมือง
พุกาม ได้ส่งพระสมณทูตไปขอจากเจ้าเมืองลังกา ซึ่งถูกพวกทมิฬรุกราน จึงมอบพระแก้วมรกต และพระไตรปิฎกให้ แต่สำเภาที่บรรทุกพัดหลงไปเกยอยู่ที่อ่าวเมืองกัมพูชา
พระแก้วมรกตจึงตกเป็นของกัมพูชา และต่อมาได้ถูกนำไปไว้ ที่เมืองอินทาปัฐ
(นครวัด) ต่อมาก็ไปประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา และที่เมืองกำแพงเพชร ตามลำดับ
วัดพระแก้ว จ.กำแพงเพชร
เมื่อประมาณพ.ศ. 1933
พระเจ้ามหาพรหม เจ้าเมืองเชียงราย ได้ไปอัญเชิญพระแก้วมรกตมาจาก
เมืองกำแพงเพชร และนำพระแก้วมรกตมาซ่อนไว้ที่
เจดีย์วัดป่าเยียะ เมืองเชียงราย (วัดพระแก้ว เชียงรายในปัจจุบัน) ด้วยการนำปูนปิดทับองค์พระแก้วมรกตไว้
กระทั่ง พ.ศ. 1977 อสนึบาต (ฟ้าผ่า)เจดีย์ จึงได้ค้นพบพระแก้วมรกตที่ถูกปูนปิดทับไว้ปูนได้เริ่มกระเทาะออก จึงพบว่าเป็นพระแก้วมรกตองค์เขียว ซึ่งต่อมาได้ถูกอัญเชิญไปไว้เมืองต่างๆ ดังนี้
เมืองเชียงราย พ.ศ. 1934-1979
เมืองลำปาง พ.ศ. 1979-2011
เมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 2011-2096
เมืองลาว พ.ศ. 2096-2321
กรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2321-ปัจจุบัน"
เดิมพระแก้วมรกตเป็นของเมืองไหนกันแน่
ผมแนะนำให้อ่านเรื่องประวัติพระแก้วอย่างพอสังเขป ได้ที่
วิกิพีเดีย
ถ้าอ่านจากตำนานพระแก้วมรกตอย่างย่อ ที่ผมแปะลิงค์ให้อ่านด้านบนนั้น เราก็จะเห็นว่า
พระแก้วมรกต
ถือกำเนิดที่อินเดีย ย้ายไปลังกา ต่อมาไปขึ้นฝั่งกัมพูชา ประดิษฐานที่นครวัด แล้วนครวัดเกิดอุทกภัยใหญ่ จนมีพระเถระอัญเชิญพระแก้วมรกตจากกัมพูชา มายัง
อาณาจักรละโว้ หรือเมืองลพบุรี เมืองหลวงเก่าก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะย้ายราชธานีมาที่
กรุงศรีอยุธยา แล้วพระแก้วมรกตก็ประดิษฐานอยู่กรุงศรีอยุธยาอยู่นาน แต่ไม่ได้เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญนัก
จนเมื่อมีพระญาติสนิทของกษัตริย์อยุธยา ทูลขอพระแก้วมรกตไปประดิษฐานที่
กำแพงเพชร โดยประดิษฐานที่
วัดพระแก้วกำแพงเพชร (ปัจจุบันอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร)
ต่อมา
พระเจ้ามหาพรหม เจ้าเมืองแห่งเชียงรายที่ลี้ภัยสงครามกับเมืองเชียงใหม่ได้หนีไปอยู่กำแพงเพชร ได้ทูลขอพระแก้วมรกตจากพระเจ้ากำแพงเพชรมาประดิษฐานที่
วัดพระแก้ว เชียงราย
จากที่ยกประวัติคร่าว ๆ มาให้อ่าน ก็จะเห็นว่า พระแก้วมรกตเดินทางไปทั่ว ถ้า
เฉพาะในแผ่นดินไทย ก็เคยประดิษฐานที่
ลพบุรี อยุธยา กำแพงเพชร เชียงราย ลำปาง เชียงใหม่ แนะนำดูแผนที่เส้นทางเดินทางของพระแก้วมรกตด้านล่างบทความ
ถ้าตามตำนานเป็นเรื่องจริง
พระแก้วมรกตก็อยู่ในแผ่นดินไทยมานมนานกว่าชาติใด ๆ ในแถบนี้ทั้งสิ้น
แต่ถ้าจะเอาตามประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนจริง ๆ ไม่
อิงตำนาน ก็คือ พระแก้วมรกตเคยประดิษฐานที่วัดพระแก้ว เชียงราย อยู่นานหลายปีเป็นที่ชัดเจน !!
ซึ่ง
จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดเชียงราย ก็คือ
อาณาจักรล้านนา ในอดีต ซึ่งปัจจุบันเราถือว่า ทั้งสองจังหวัดได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยแล้ว
ฉะนั้น
พระแก้วมรกต เราก็ต้องถือว่า เป็นพระพุทธรูปของไทยครับ
(แต่ถ้าปัจจุบันเชียงใหม่ เชียงรายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศลาว ก็ต้องนับว่าเป็นพระของลาว
ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับเขตแดนประเทศในปัจจุบัน )
ส่วนถ้าใครจะบอกว่า ไทยไปชิงพระแก้วมรกตมาจากลาว ก็ต้องบอกว่า
อาณาจักรธนบุรีได้ไปชิงคืน มาจากอาณาจักรล้านช้างหรือลาว เพราะพระแก้วมรกตกำเนิดดั้งเดิมเป็นของ
อาณาจักรล้านนา มาก่อนครับ
หรือจะพูดอีกแบบก็คือ ไทยเรานำพระแก้วมรกตกลับมาสู่ฝั่งอีกแม่น้ำโขง เพราะประเทศลาวปัจจุบันอยู่คนละฝั่งโขง ซึ่งไม่ใช่ถิ่นฐานเดิมของพระแก้วมรกต
การพูดว่า ไทยไปแย่งพระแก้วมาจากลาว จึงถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะแท้จริงแล้ว
พระแก้วมรกตแต่เดิมไม่ใช่ของลาว แต่เดิมเป็นพระพุทธรูปของเมืองเชียงราย ซึ่งปัจจุบันเชียงรายก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยแล้ว
เมื่อ
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ร.1) ไปตีเวียงจันทร์จนชนะ จึงได้อัญเชิญ
พระแก้วมรกต พระแก้วขาว และพระบาง กลับมาถวายให้พระเจ้าตากสิน
พระแก้วขาว วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่
ส่วนสาเหตุที่ พระเจ้าตากสินทรงให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปทำศึกที่เวียงจันทร์นั้น
คลิกอ่านที่นี่
ซึ่งต่อมาเมื่อ
สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และทรงครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 1 ก็ได้ทรงคืน
พระบาง คืนแก่อาณาจักรล้านช้างกลับไป เพราะถือว่า
"พระบาง" เดิมเป็นของอาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาวในปัจจุบัน
แต่ที่ไม่ทรงคืนพระแก้วมรกต เพราะทรงถือว่าพระแก้วมรกตเดิมเป็นของอาณาจักรล้านนา ซึ่งอาณาจักรล้านนาถือเป็นเมืองขึ้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งพระองค์ไปรบชนะจึงอัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมา
ส่วนพระบาง ก็คือต้นกำเนิดชื่อเมือง
หลวงพระบาง
จริงๆ ถ้าไทยไม่คืน
พระบาง ก็ทำได้ แต่เราก็ไม่ทำเพราะพระบางไม่ใช่ของไทยแต่ดั้งเดิม ประเด็นนี้คนลาวควรขอบคุณเราด้วยซ้ำ
----------------------
ทำไมลาวยังอ้างพระแก้วมรกตเป็นของลาว
สาเหตุเพราะ ตอนที่พระแก้วมรกตได้ถูกอัญเชิญไปอยู่ที่ลาวนั้น เริ่มจากที่เมื่อ
พระเจ้าไชยเชษฐา แห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนา ได้เคยถูกเชิญมาครองเมืองเชียงใหม่
จนเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็เชิญ
พระแก้วมรกต ไปด้วยพร้อมกับ
พระพุทธสิหิงค์
พระไชยเชษฐาธิราช แห่งอาณาจักรล้านช้าง
ต่อมาทางเชียงใหม่ได้ขอพระพุทธรูปทั้งสององค์คืนจากอาณาจักรล้านช้าง
แต่ทางอาณาจักรล้านช้างก็ได้คืนแต่
พระพุทธสิหิงค์ กลับมาให้เมืองเชียงใหม่เท่านั้น แต่ยังยึดพระแก้วมรกตไว้ไม่ยอมคืน
ซึ่งเมื่ออาณาจักรล้านช้างได้
ย้ายเมืองหลวง จากเมืองเชียงคำ
(จ.พะเยา) มาอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ ก็ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตลงมาที่เวียงจันทร์ด้วย
-----------------
ความเดิมก่อนหน้าที่อาณาจักรล้านช้าง จะได้พระแก้วมรกต
ใน
พ.ศ. 2088 อาณาจักรล้านนาได้มี
กษัตริย์หญิง ชื่อ
พระนางจิรประภามหาเทวี ซึ่งเดิมเป็นพระอัครมเหสีในพระเมืองเกษเกล้า พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 12 แห่งอาณาจักรล้านนา พระนางทรงสืบราชสมบัติต่อจากพระราชสวามี
ซึ่งในรัชกาลของพระนางจิรประภามหาเทีวี หัวเมืองฝ่ายเหนือเกิดการระส่ำระสายเนื่องจากบ้านเมืองเกิดการแย่งอำนาจระหว่างขุนนางกับเจ้านาย บ้านเมืองอ่อนแอมีศึกสงครามขนาบทั้งทิศเหนือและใต้ ทั้งกองทัพพม่า และอยุธยา ซึ่งตรงกับรัชสมัย สมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยาที่ยกทัพมาถึงเชียงใหม่
พระนางจิรประภามหาเทวี ทรงปกครองบ้านเมืองเพียงแค่เพียงปีเศษ ก็ได้สละราชบัลลังก์แก่
สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระราชนัดดา (หลานยาย) ซึ่งเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์โพธิสารราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง
เมื่ออาณาจักรล้านนาได้ไปอัญเชิญ
เจ้าไชยเชษโฐ หรือ เชษฐวังโส พระโอรสของ
พระเจ้าโพธิสาร ไปครองนครล้านนา เมื่อปีพ.ศ. 2089 แล้ว
ต่อมาพระเจ้าโพธิสาร กษัตริย์ล้านช้างได้เสด็จสวรรคต พ.ศ. 2090 พระโอรสทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน จนอาณาจักรล้านช้างได้แตกเป็น 2 ฝ่าย คือ อาณาจักรฝ่ายเหนือ และฝ่ายใต้
พระเจ้าไชยเชษโฐแห่งล้านนา จึงยกทัพจากล้านนา กลับมาตีกรุงล้านช้าง และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตที่ประดิษฐานอยู่ที่
วัดบุปผาราม เชียงใหม่ รวมทั้งพระพุทธสิหิงค์ (พระสิงค์) และพระแก้วขาว (พระเสตังคมณี) ไปด้วย
เมื่อเสด็จถึงล้านช้าง ทรงยึดราชสมบัติจากเจ้าครองนครทั้งสองได้ พระไชยเชษฐาจึงทรงครองนครทั้งสองเองซึ่งเรียกว่า
กรุงศรีสัตนาคนหุต พระองค์จึงขึ้นครองราชสมบัติ นับเป็นมหาราชองค์ที่ 2 ของลาว ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงพระนามว่า
"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช"
ซึ่งต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองเชียงคำ
(อำเภอเชียงคำ จ.พะเยา) กลับไปอยู่ที่เวียงจันทน์ ได้อัญเชิญพระแก้วมรกต และพระแซกคำ
(พระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงค์) มาประดิษฐานไว้ที่เวียงจันทน์ เรียกว่า
เวียงจันทน์ล้านช้าง
ส่วนพระบาง ประดิษฐานไว้ที่เมืองเชียงทอง จึงได้ชื่อว่าหลวงพระบางมาจนถึงบัดนี้
ซึ่งบางครั้งก็เรียกชื่อว่า ล้านช้างหลวงพระบาง และได้สร้างวัดเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตขึ้นเป็นพิเศษ พระองค์ได้ทรงสร้างพระธาตุหลวง ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นยอดเยี่ยมของลาวเมื่อ พ.ศ. 2109
------------------------
สาเหตุที่คนลาวยังยึดว่า พระแก้วมรกตเป็นของลาว เพราะตอนที่พระแก้วมรกตถูกนำไปฝั่งลาวโดยพระไชยเชษฐาได้นำไปโดยสันติ ไม่ได้แย่งชิงไป
คนลาวจึงถือว่า พระแก้วมรกตได้มาเป็นของคนลาวแล้ว
เพราะอาณาจักรล้านนา และอาณาจักรล้านช้าง ได้เคยรวมกันเป็นอาณาจักรเดียวกัน โดยใช้ชื่อใหม่ในตอนนั้นว่า
กรุงศรีสัตนาคนหุต
คนลาวจึงถือว่า เป็นความชอบธรรมที่พระแก้วมรกตได้เป็นของคนลาวไปแล้ว
แต่ภายหลังเจ้าเมืองเชียงใหม่ได้เคยขอพระแก้วมรกตคืน แต่ทางลาวไม่ยอมคืนให้
ส่วนตอนที่พระแก้วมรกตกลับมาอยู่ที่ไทย คนลาวถือว่า เพราะพระแก้วมรกตได้ถูกแย่งชิงจากอาณาจักรธนบุรี เพราะเวียงจันทร์แพ้สงครามแก่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
(รัชกาลที่ ๑)
คนลาวจึงไม่ยอมรับว่า พระแก้วมรกตเป็นของไทยมาจนบัดนี้ เพราะถือว่าถูกแย่งชิงไป
------------
สรุปอย่างง่าย
ผมขอสรุปคร่าว ๆ
ว่า
พระแก้วมรกตกำเนิดเกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยในอาณาจักรล้านนา ในเมืองเชียงราย หรือจังหวัดเชียงราย ในปัจจุบัน
ดังนั้นบรรพบุรูษคนเชียงรายคือเจ้าของพระแก้วมรกต แต่ดั้งเดิม
แต่ต่อมาเจ้าลาวได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปอยู่ที่ฝั่งลาว แล้วรัชกาลที่ 1 ได้ไปรบชนะอาณาจักรเวียงจันทร์ ก็เลยอัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมาฝั่งไทยตามเดิม
แล้วอาณาจักรล้านช้างเอง ก่อนที่จะถูกพระเจ้ากรุงธนบุรีให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศีกหรือรัชกาลที่1 ยกทัพไปปราบนั้น
อาณาจักรล้านช้างเองก็เคยแตกแยกออกเป็น 3 อาณาจักร คือ
อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทร์ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง และอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์
แต่พอพระเจ้ากรุงธนบุรีให้ยกทัพไปปราบ ก็ทำให้อาณาจักรล้านช้างที่เคยแตกแยกกลับมารวมเป็นอาณาจักรเดียวกันอีก กลายเป็น
อาณาจักรลาว และได้เป็นเมืองขึ้นต่อสยามประเทศมาจนถึง
สมัยรัชกาลที่ 5 จนต่อมาถูกฝรั่งเศสยึดเอาไปปกครองเป็นอาณานิคม
หากไม่มีประเทศฝรั่งเศสมายึดเอาอาณาจักรลาวไปเป็นอาณานิคม ปัจจุบันอาณาจักรลาว ก็คงเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยไปแล้วจริงไหมครับ
---------------------
อาณาจักรโบราณ ไม่อาจอ้างสิทธิเป็นเจ้าของได้ในเขตประเทศปัจจุบัน
หากยังยึดถือเรื่องอาณาจักรโบราณเป็นสรณะ ไม่ปล่อยวาง โลกนี้คงวุ่นวาย
เพราะปัจจุบันได้มีการแบ่งเขตเป็นประเทศในโลกปัจจุบันแล้ว ฉะนั้นก็ต้องปล่อยวางเรื่องอาณาจักรโบราณลง เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวอ้างเพื่อเรียกร้องสิทธิความเป็นเจ้าของเดิมอีก
เพราะถ้ายังอ้างสิทธิของอาณาจักรโบราณอยู่ โลกนี้ก็คงมีแต่สงครามและการฆ่าฟันกัน
เช่นเผ่าอะบอริจิ้น เรียกร้องขอคืนความเป็นเจ้าของประเทศออสเตรเลีย อินเดียแดงเรียกร้องขอเป็นเจ้าของประเทศอเมริกา
และยังอีก ๆ หลายแห่งในโลก ถ้ายังจะยึดติดความเป็นเจ้าของในอาณาจักรโบราณไว้ ก็จะไม่มีสันติสุขที่แท้จริงแน่นอน
ปัจจุบันอาณาจักรล้านนาได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยแล้ว พระแก้วมรกตจึงต้องเป็นของไทยตามหลักสากล ประเทศในปัจจุบันครับ
(อย่าให้เหมือนพวกโจรใต้ ที่ยังคลั่งอ้างอาณาจักรปัตตานีโบราณบังหน้า แต่แอบแฝงการยกแผ่นดินให้มาเลเซีย)
-------------------------
ภาพเส้นทางพระแก้วมรกต และจำนวนปีที่ประดิษฐาน ทั้งตามตำนานและประวัติศาสตร์
1. ไชยา ( ปาฏลีบุตร ) พ.ศ. 1260 – 1400 รวม 140 ปี
2. นครศรีธรรมราช ( ตามพรลิงค์ ) พ.ศ.1400 – 1432 รวม 32 ปี
3. นครวัด ( เขมร ) พ.ศ. 1432 – 1545 รวม 113 ปี
4. ลพบุรี ( ละโว้ ) พ.ศ. 1545 – 1592 รวม 47 ปี
5.
อโยธยา ( อู่ทอง ) พ.ศ. 1592 – 1730 รวม 138 ปี
6.
กำแพงเพชร พ.ศ. 1730 – 1900 รวม 170 ปี
7.
เชียงราย พ.ศ. 1900 – 2019 รวม 119 ปี
8.
ลำปาง พ.ศ. 2019 – 2022 รวม 4 ปี
9.
เชียงใหม่ พ.ศ. 2022 – 2095 รวม 73 ปี
10.
หลวงพระบาง ( ลาว ) พ.ศ. 2095 – 2107 รวม 12 ปี
11.เวียงจันทน์ ( ลาว ) พ.ศ. 2107 – 2322 รวม 215 ปี
12. ธนบุรี พ.ศ. 2322 – 2327 รวม 5 ปี
13. กรุงเทพฯ พ.ศ. 2327 – ปัจจุบัน
เรียบเรียงโดย พล.อ.ต. วินิจ หุตะเจริญ
ส่วนรายละเอียดตำนานและประวัติศาสตร์ ได้ที่นี่
คลิก !!
(ก่อนอื่นเราต้องแยกแยะคำว่า ตำนาน กับ ข้อเท็จจริงประวัติศาสตร์ให้ถูกต้องเสียก่อนว่า แตกต่างกัน
เพราะตำนานคือความเชื่อเฉพาะถิ่นเท่านั้น )
แต่สรุปได้ง่าย ๆ ว่า
พระแก้วมรกตไม่ได้ถือกำเนิดเกิดบนแผ่นดินลาวแน่นอนครับ
--------------------
คลิปใครสร้างพระแก้ว
VIDEO
คลิกอ่าน พระพุทธรูปประจำชาติไทยคือองค์ไหน ?
คลิกอ่าน จุดกำเนิดการดูถูกผู้อื่น ด้วยคำว่า "ลาว"