ผมคิดว่าคนทั้งโลกส่วนใหญ่ก็เชียร์โอบามากันทั้งนั้น ดูจากข่าวแล้วเห็นดีใจกันทั้งโลก เพราะนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติเรื่องนึงเลยทีเดียวครับ เพราะการที่คนผิวสีจะเป็นถึงประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ชาติที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของโลก
พอผมรู้ว่ามีคนผิวสีมาลงสมัครชิงชัยประธานาธิบดีอีกครั้งในปีนี้ ผมก็เริ่มสนใจในทันที แต่ก่อนหน้านี้สัก2-3ปีที่แล้ว ผมเคยนึกอยากให้มีผู้หญิงมาลงชิงชัย มาเป็นประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา เพราะเคยได้ยินมาว่า นางฮิลลารี คลินตัน จะลงสมัครชิงตำแหน่ง ผมก็นึกเชียร์เธอในทันที อยากจะให้โฉมหน้าของโลกใบนี้เปลี่ยนไป เผื่อสิ่งแวดล้อมและสันติภาพในโลกจะดีขึ้น
แต่พอรู้ว่า มีคนผิวสีมาสมัครชิงชัยด้วย ผมก็เริ่มเอนเอียงมาสนใจเชียร์คนผิวสีแทน และดูท่าจะมีหวังมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ นายบารัค โอบามา(Barack obama) คนนี้กำลังมีคะแนนนิยมนำนางฮิลลารีอยู่พอดี ในการแข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต
นึกชั่งใจว่า ระหว่างประธานาธิบดีผู้หญิงคนแรกกับปรธานาธิบดีผิวสีคนแรก เราชอบแบบไหนมากกว่ากัน สุดท้ายตัดสินใจได้ว่า ต้องคนผิวสีสิ เพราะผมสงสารคนผิวดำมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
เพราะตอนเด็กๆผมเคยดูมินิซีรีย์เรื่องรูทส์(roots) เรื่องของทาสผิวดำจากแอฟริกา ที่คนขาวไปล่ามาเหมือนคนดำเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง มีทั้งการขัง ล่ามโซ่ เฆี่ยนตี ผูกเชือกลากที่คอ ยังมีอีกหลายๆเรื่อง ที่เคยได้ดูเกี่ยวกับทาสในอเมริกา แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่พอจำได้ถึงความทารุณและการเหยียดสีผิวของพวกคนขาวได้หลายๆอย่าง ขนาดเวลาคนขาวจะแสดงบัญชีทรัพย์สิน ก็นับคนดำหรือทาส เหมือนทรัพย์สินแบบวัว ม้า อะไรอย่างนี้ คนดำหรือทาสเหมือนเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่คนขาวมีไว้ใช้งาน
ขนาดตอนอเมริกาเลิกทาสไปแล้ว แต่ในหนังที่แสดงให้เห็นอเมริกาในยุค60 ผมเห็นคนดำในหนังหลายๆเรื่องยังถูกคนผิวขาวดูถูกเหยียดหยามมากมายหลายวิธี เช่น
คนดำเดินผ่านคนขาว คนขาวถุยน้ำลายใส่แถมด่าคำว่าไอ้ดำ
คนดำนั่งบนรถเมล์ก็ต่องลุกให้คนขาวนั่ง
โรงเรียนของคนดำก็ต้องแยกกับโรงเรียนของคนขาว
ร้านกาแฟหรือร้านอาหารของคนขาวก็ห้ามคนดำเข้า หากเผลอเข้าไปจะถูกขังไล่อย่างกับไล่หมูไล่หมา
คนดำไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เป็นต้น
ในอดีตผู้นำเรียกร้องเรื่องต่อต้านการเหยียดสีผิวหลายๆคนก็ต้องมาจบชีวิตจากการถูกฆาตกรรมในรูปแบบต่างๆ(เช่นมาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์) เคยมีคนผิวสีหลายๆคนลงสมัครชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดี แต่สุดท้ายก็ต้องมีอันต้องเลิกกลางครันบ้าง เพราะถูกขู่ฆ่า หรือไม่ก็ฆ่าเลย
เช่นพลเอกคอลลิน เพาเวลอดีตจอมทัพศึกพายุทะลทรายแห่งสงครามอ่าวเปอร์เซียภาค1 (desert storm)ก็เคยลงสมัครชิงชัยประธานาธิบดีในฐานะคนผิวสีคนนึง แต่ต้องถอนตัวกลางครันเพราะครอบครัวของเพาเวลถูกขู่ฆ่า ทั้งๆที่คะแนนนิยมของเพาเวลก็มีมากอยู่ในเวลานั้น
โอบามา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำแท้100% เพราะมีพ่อเป็นคนเคนยาที่มีอาชีพเลี้ยงแกะ แต่ฉลาดได้ทุนมาเรียนต่อ จนมาพบกับแม่ของโอบามาที่เป็นคนผิวขาว โอบามาจึงเป็นลูกครึ่งของคนดำและคนขาว ผิวของโอบามาเลยไม่ดำสนิท (และบรรพบุรุษข้างพ่อก็ไม่ได้เป็นทาสในอเมริกา)
แต่แม้ว่าโอบามาจะไม่ได้มีญาติจากฝ่ายตัวเองที่มาจากทาสเลยก็ตาม อาจจะไม่ได้สื่อเรื่องการกดขี่ทางชาติพันธุ์ได้มากเท่ากับคนดำแท้ๆที่สืบเชื้อสายมากจากทาสก็ตาม แต่นี่ก็นับเป็นการเริ่มต้นครั้งสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สังคมอเมริกันได้ไม่ยอมรับการเหยียดสีผิวอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่4พ.ย.51 วันที่ประธานาธิบดีคนที่44 ของสหรัฐฯคือคนผิวสีคนแรกของอเมริกันชน
ซึ่งผมก็คิดว่าในอนาคตจะต้องมีคนผิวดำแท้ๆที่มีเชื้อสายทาส ได้มาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกในอนาคตแน่ๆ เหมือนกับที่ครั้งแรกที่นางงามU.S.A ที่เป็นคนผิวดำคนแรกเมื่อหลายปีก่อน และหลังจากนั้นก็มีนางงามU.S.A.เป็นคนดำตามมาอีกหลายคน
ผมได้เห็นสาธุคุณแจสซี่ แจ๊คสัน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีผิวสีคนนึงของพรรคเดโมแครตในอดีตเมือยุค80แต่ผิดหวังไป กำลังเสียน้ำตาด้วยความปลื้มปิติให้กับชัยชนะของโอบามาที่ยิ่งใหญ่ในงานแถลงชัยชนะของโอบามาต่อหน้าแฟนๆ ผมว่ามันแทนความรู้สึกของคนดำในอเมริกาได้ดีจริงๆ ท่านคงไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันแห่งชัยชนะเหนือสีผิวเกิดขึ้นในอเมริกาได้จริงๆเกิดขึ้นแล้ว
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดี ๆๆ
ตอบลบ