วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เมื่อเราได้รัฐบาลที่ไร้ประสบการณ์เรื่องน้ำ





วันนี้รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ออกมาขอโทษประชาชน พร้อมยอมรับแล้วว่า เหตุน้ำท่วมหนักคราวนี้ เพราะรัฐบาลไร้ประสบการณ์ในเรื่องจัดการน้ำ

คุณผู้อ่านครับ ผมอยากจะย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่เคยเลือกพรรคประชาธิปไตย์เลยในการเลือกตั้งสส. จะมีแค่ครั้งเดียวที่เลือกคนของพรรคนี้ คือการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ผมจำใจต้องเลือกผู้ว่าฯสุขุมพันธฺุ์ นั่นเพราะนายชูวิทย์ คนที่ผมอยากจะเลือก ได้ประกาศไม่ลงเลือกตั้งผู้ว่าในคราวนั้น

แต่ผมเชื่อว่า ถ้าในวันนี้รัฐบาลยังเป็นพรรคประชาธิปไตย์ สถานการณ์น้ำท่วมคราวนี้น่าจะไม่หนักเท่าทุกวันนี้ครับ

นั่นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ผ่านร้อนผ่านหนาวเรื่องน้ำท่วม และวิกฤติของชาติมาพอควร

-------------------------------

เมื่อวานซืน ผมดูรายการคมชัดลึก มีอาจารย์ท่านนึงบอกว่า ถ้าดูแผนที่น้ำจากดาวเทียม ปริมาณน้ำในปี38 ก็ไม่ต่างจากปี54เท่าไหร่ (แต่ปี54มากกว่า)

เพียงแต่การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลนี้ เริ่มช้าเกินไป และตัดสินช้า ไม่มีความเด็ดขาดจึงทำให้การบริหารจัดการน้ำไม่บูรณาการจริงๆ

รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยหาเสียงว่า ต้องรีบแก้ปัญหาหาเรื่องน้ำท่วมเป็นสิ่งแรก แต่เข้ามาเมื่อเดือนสิงหาคม กว่าจะตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จก็ปาเข้าไปปลายเดือนสิงหาคม

ฉะนั้นเมื่อรัฐบาลเริ่มงานจริงๆ ก็คือเดือนกันยายน ถ้าเริ่มบริหารจัดการเรื่องน้ำเสียตั้งแต่วันนั้น ปัญหาจะไม่หนักหนาสาหัสเท่าวันนี้

นั่นเพราะไม่มีใครในรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีความรู้เรื่องน้ำเลยสักคน

ถ้ามีคนรู้เรื่องน้ำ มีประสบการณ์เรื่องน้ำ ถ้าได้เห็นปริมาณน้ำ จากภาพถ่ายดาวเทียม ต้องคิดได้แล้วว่า น้ำต้องมากรุงเทพฯแน่ๆ และควรเริ่มเร่งระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำทุกบานที่มีอยู่

จัดการน้ำให้ผ่านทุกเส้นทางที่มีอยู่ เช่นด้านตะวันตก ผันเข้าแม่น้ำท่าจีน ด้านตะวันออกผันลงแม่น้ำบางปะกง ผันลงทุกทางทั้งสมุทรสาคร สมุทรปราการ และทุกๆที่ทำน้ำสามารถไหลผ่านได้

ส่วนตรงกรุงเทพฯ ต้องให้กรมชลประทานเปิดประตูระบายน้ำทุกคลองรังสิตช่วยระบายผ่านกรุงเทพฯ เพื่อแบ่งเบาภาระแม่น้ำเจ้าพระยา

แต่เมือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่มีคนที่มีความรู้เรื่องน้ำเลย จึงนิ่งนอนใจว่า ยังไงๆก็คงรอด ไม่ถึงกรุงเทพฯแน่ๆ

นั่นจึงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะไม่มีใครเข้ามาบริหารจัดการเรื่องน้ำแต่เนิ่นๆ ขนาดน้ำท่วมปทุมธานีและนนทบุรีแล้ว การขุดลอกคูคลองต่างๆก็เพิ่งจะเริ่มมาทำ

-------------------------

ต้องมีผู้รู้เรื่องน้ำในการจัดการได้แบบเต็มระบบ

เพราะกรมชลประทานคือผู้เปิดประตูน้ำ แต่แทบทุกพื้นที่ก็มีปัญหาระหว่างชาวบ้านและชาวนา จนไม่สามารถเปิดประตูระบายน้ำได้อย่างเต็มที่ เมื่อประตูระบายน้ำไม่สามารถระบายน้ำได้

เขื่อนก็ไม่สามารถจัดการให้น้ำออกจากเขื่อนได้เท่าที่ควรจะทำ เพราะปลายทางน้ำถูกปิดอยู่

เมื่อปลายทางน้ำถูกปิด (เพื่อช่วยชาวนา) ถ้าเขื่อนระบายลงมามาก ก็ยิ่งท่วมหนัก เพราะใต้เขื่อนก็มีน้ำท่วมหนักอยู้่แล้ว

ถ้าปลายทางยังไม่เปิด แล้วต้นทางจะปล่อยได้ยังไง??

หรืออย่างคลองรังสิต ถ้ากรมชลประทานอยากเปิดประตูระบายน้ำ แต่ถ้ากรุงเทพฯยังไม่ได้เปิดประตูน้ำรับ มันก็ไม่สามารถระบายน้ำได้อยู่ดี

วันนี้เราเห็นคลองในกรุงเทพฯหลายคลองน้ำน้อย จากการพร่องน้ำ เพื่อรอน้ำจากกรมชลประทาน แต่ถ้ากรมชลประทานไม่เปิดน้ำมา น้ำจึงไม่เต็มคลอง เพราะกรุงเทพฯรอน้ำจากกรมชล

พรรคประชาธิปไตย์บอกว่ากรงเทพฯเปิดรอน้ำมาหลายวันแล้ว ทำไมกรมชลฯไม่เปิดประตูน้ำให้ทุกบาน?

ฉะนั้น ถ้าเรามีผุ้นำ หรือผู้บริหารที่มีความรู้เรื่องน้ำ มองเห็นปัญหาเรื่องน้ำเสียแต่เนิ่นๆ การระบายน้ำก็จะไม่อั้นกันตรงประตูน้ำเหมือนที่ผ่านๆมา

----------------------------

ถ้ามีผู้บริหารที่มีประสบการณ์

ถ้าผู้บริหารมีประสบการณ์ เห็นปัญหาว่า ประตูน้ำระบายน้ำไม่ได้ ต้องรีบจัดการ ชดเชยให้ชาวนาทันที เพื่อจะให้ประตูน้ำเปิดให้น้ำผ่านได้ ซึ่งถ้าเปิดน้ำเสียแต่เนิ่นๆ น้ำจะไม่สูงมากเกินไป บริเวณที่จะได้รับความเสียหายก็จะไม่เป็นวงกว้าง

แต่รัฐบาลกลับไปมองที่ปลายทาง คืออยากจะให้แต่ราคาจำนำข้าวสูงๆ ไม่เคยมองการชดเชยเรื่องความเสียหายจากน้ำท่วมนาเลย แม้แต่ในช่วงหาเสียง น้ำก็ท่วมอยู่แล้วในหลายจังหวัด เช่นเวลาหาเสียง ไม่เคยเลยที่จะพูดถึงการชดเชยบริเวณที่น้ำท่วมหนัก พูดแต่เรื่อง จำนำได้หมื่นห้า

นั่นเพราะวิสัยทัศน์รัฐบาลนี้มองว่า เพราะรถคันแรก แท็บเล็ตเด็กป.1 สำคัญกว่าเร่งระบายน้ำ

--------------------------------

เพราะในหลวงทรงพระประชวร!!

อุทกภัยหนักในประเทศไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งปี26 ปี38 เพราะในหลวงยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ในหลวงจะลงมาจัดการเรื่องน้ำเพื่อช่วยรัฐบาลที่ผ่านมาตลอด เวลาที่รัฐบาลเกิดปัญหาติดขัด

เพราะการบริหารงานของรัฐบาลและหน่วยราชการต่างๆ มักจะเกิดความขัดแย้งไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้การบริหารจัดการเรื่องน้ำจึงไม่สมบูรณ์

ในปี38 กรุงเทพฯก็เคยหวาดกลัวว่าน้ำจะท่วมกรุงเหมือนคราวนี้ เพราะปีนั้นทุกจังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยาวิกฤติสาหัสเช่นกัน

คนกรุงเทพฯเองก็เริ่มหวั่นเกรงว่า แม่น้ำเจ้าพระยาจะทะลักเข้ากรุงเทพชั้นใน เพราะในปี38นั้น กรุงเทพฯยังไม่มีคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริเลย

แต่เมื่อในหลวงลงมาชี้แนะ รัฐบาล ชี้แนะกรมชลประทาน ชี้แนะกทม.

ทุกหน่วยงานต่างพร้อมใจสามัคคคี ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่เกี่ยงกัน พร้อมใจกันทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างเต็มที่ ไม่ต้องคิดว่าผลงานใคร ไม่ต้องคิดว่าใครจะได้รับความชื่นชม ได้หน้า!!

กรมชลฯเปิดประตูน้ำ กทม.เปิดประตูช่วยระบายน้ำ ทั้งๆที่ตอนนั้นยังไม่มีระบบการระบายน้ำดีเท่าปัจจุบัน

ทุกหน่วยงานทำงานเต็มที่เพื่อถวายในหลวง

ปี38 ปีที่น้ำท่วมหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนนั้น กรุงเทพฯไม่มีคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริเลย กรุงเทพฯไม่มีอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำเลย

แต่เรารอดได้เพราะพระบารมี ที่ชี้แนะให้นำน้ำออกทางตะวันออกของกรุงเทพฯ ผ่านทางคลองระบายน้ำสมัยรัชกาลที่5 ผ่านหนองงูเห่า ผ่านลงทะเลไป

ปี38 กรุงเทพฯชั้นในรอดจมน้ำได้อย่างหวุดหวิด!!

ย้อนดูในหลวงทรงเรียกประชุมแก้ปัญหาน้ำท่วมปี38



------------------------

เมื่อในหลวงทรงพระประชวร

เมื่อก่อนคนไทยยังมีในหลวงลงเสด็จตรวจระบบชลประทาน แต่หลายปีมานี้ ในหลวงทรงพระประชวร พระองค์ไม่ได้เสด็จลงไปดูประตูระบายน้ำในที่ต่างๆนานแล้ว ข้าราชการไทยเลยเช้าชามเย็นชาว ไม่เคยสนใจบำรุงรักษาประตูน้ำ ไม่เคยสนใจขุดลอกคลองเท่าที่ควร

ขนาดวิกฤติขนาดนี้ ยังพูดมาได้ว่า เครื่องสูบน้ำเสีย เครื่องสูบน้ำมีไม่พอ? ผมไม่โทษรัฐบาลนี้รัฐบาลเดียว ผมว่า มันห่วยทุกรัฐบาลนั่นแหล่ะ

แม้กระทั่งประชาชนตามริมน้ำก็ไม่มีจิตสำนึกรักษาแม่น้ำลำคลอง ไม่มีการช่วยกันเก็บผักตบชวา แถมยังทิ้งขยะลงแม่ลำน้ำลำคลองมากมาย ส่วนคนไทยก็ห่วยไม่ทำหน้าที่พลเมือง แต่ชอบเรียกร้องสิทธิกันพร่ำเพรื่อ 

พอเกิดวิกฤติน้ำท่วม จึงเกิดขยะ เกิดสวะ มาขวางทางระบายน้ำจำนวนมาก

เมื่อก่อนถ้าในหลวงเสด็จที่ใด แม่น้ำลำคลองที่นั้นจะสะอาดสดใสทันที?? เพราะอะไรล่ะ?



-------------------------

การบริหารงานที่ขาดเอกภาพและผู้นำองค์ความรู้

เพราะนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ไม่มีองค์ความรู้เรื่องน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว มีผู้รู้มีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำวิธีการมากมายในการบริหารจัดการน้ำ

แต่เพราะนายกรัฐมนตรีขาดองค์ความรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจในแนวทางที่ผู้รู้เสนอมา

สุดท้ายที่ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ รัฐบาลของนายกฯยิ่งลักษณ์จึงไม่ได้ทำตามอย่างโดยเร็ว

ช้าเกินไป ขาดความเด็ดชาด และความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจเลือกใช้หนทางเพื่อเอาชนะปัญหาเท่าที่ควร

ณ.เวลาวิกฤติ ชาติต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ กล้าตัดสินใจ รวดเร็ว แต่ยิ่งลักษณ์เธอไม่มี!! เพราะเธอเป็นเหมือนแค่เด็กฝึกงานเท่านั้น

ผมเชื่อว่า สมมุติว่านายกรัฐมนตรีไม่ใช่ยิ่งลักษณ์ แต่ยังเป็นใครก็ได้ที่มีระบบความคิดที่ดีกว่าเธอ

น้ำจะไม่ท่วมหนักเท่านี้ (เว้นกรณีเดียวที่อาจหนักกว่านี้คือแผ่นดินจมลงมากขึ้น) )

นั่นเพราะประเทศชาติต้องการผู้นำที่สามารถจะย่อยข้อมูลจากผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งนำมาสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องและรวดเร็วกว่า เด็ดขาดกว่า แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่านี้แน่นอน



เพราะนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยคนนี้ เธอเป็นเพียงประชาสัมพันธ์บริษัทมาตลอดชั่วชีวิตการทำงานของเธอนั่นเอง


ขนาดศปภ. ยังน้ำท่วม แล้วจะให้ประชาชนรอดได้อย่างไร?

(ศปภ.=ศูนย์ไม่ปลอดภัยต่อประชาชน!!)


คลิกอ่าน สึนามิน้ำจืดปี54 ต่างจากอุทกภัยปี38อย่างไร?



6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ28 ตุลาคม, 2554 12:29

    ถึง คุณใหม่ เมืองเอก ผมเห็นด้วยในบางประเด็น และก็ไม่เห็นด้วยอีกหลายประเด็น ผมขอให้คิดแบบกลางๆ นะครับ เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
    1. อุทกภัย มันเป็นภัยที่เกิดมาจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ไม่มีใครถูก ใครผิด น้ำมันไม่เคยเยอะ หรือมากแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าวันนี้รัฐบาลจะเป็น พท หรือ ปชป ผมว่าไม่ต่างกันครับ เพราะน้ำมันมามาก มันไม่เหมือนคน หรือเหมือนม๊อบ ที่พอจะพูดกันเข้าใจ บอกให้ไปซ้าย ไปขวาก็ยัง ok แต่น้ำมันไม่มีสมอง มันไม่รู้เรื่องที่ไหนต่ำกว่ามันก็ไปหมดคุณจะไปบอกให้มันหยุดมันก็ไม่ฟัง มันไปได้ทุกซอกทุกมุม ทุกหลืบ ผมว่าตอนนี้ ปชป น่าจะดีใจที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล เนื่องจากปัญหามันมากเหลือเกิน ต้องมาแบกรับภาระ แบกรับปัญหาของคนกรุงเทพฯ และอีกหลายๆ จังหวัด ในขณะที่ ปชป กับพวก ก็สบายๆ แค่รับบริจาคของ ไปช่วยน้ำท่วม แค่ออกมาพูดตำหนิ รัฐบาลบ้าง มาพูดให้กำลังใจนายกให้เข้มแข็งบ้าง
    2. ประเด็นต่อมาเรื่องขุดลอกคลอง ผมถามจริงๆ เถอะครับ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของ กทม.ที่จะต้องดำเนินการ ผมเห็นอดีตผู้ว่า กทม.ในสมัยก่อนเขาก็ดำเนินการขุดลอกคลองเพื่อเตรียมความพร้อม แต่สมัยนี้ ผู้ว่า กทม.สงสัยจะลืมเลยไม่ได้ลอกไว้ก่อน แต่คุณกับบอกว่า ยิ่งลักษณ์บริหารงานไม่เป็น ไม่ลอกคลองรอไว้ ผมว่าน่าจะเข้าใจผิดแล้วนะครับ ต้องไปถาม ผู้ว่า กทม. และ ปชป.น่าจะรูดี ในฐานะผู้มีประสบการณ์สูงไง ?
    3. ประเด็นสุดท้าย ในยามวิกฤตินี้ ผมไม่อยากให้โทษกัน โดยเฉพาะโทษว่ารัฐบาลบริหารงานไม่เป็น ไม่มีประสบการณ์เพราะทุกคนพยายามเต็มที่ๆ จะแก้ปัญาห วิกฤติชาติบ้านเมือง แต่ในทางตรงข้าม หาก ปชป.มีความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์มากกว่า แล้วนิ่งอยู่ทำไม ทำไมไม่ช่วยกันแก้ หรือต้องรอให้บ้านเมืองพังก่อน จะได้บอกได้ว่า เพราะยิ่งลักษณ์ไม่มีประสบการณ์ อย่างนี้หรือที่เรียกว่ารักประเทศชาติ ? จริงหรือไม่ฝากกันไปคิดครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ28 ตุลาคม, 2554 19:34

    ถ้าจะอาสามาเป็นผู้นำประเทศ และได้ป่าวประกาศด้วยตนเองว่าจะแก้น้ำหลาก น้ำแล้วได้ ก็น่าจะได้ศึกษามาก่อนจนมั่นใจว่าทำได้แน่ แต่นี่ก็เหมือนทุกๆนโยบาย คือแระกาศไปก่อน ทำได้หรือไม่ได้ว่ากันทีหลัง นี่แหละเป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่งมาตั้งแต่แรก

    ตอบลบ
  3. ขอตอบคุณคนแรกทีละข้อนะครับ

    1 เรื่องน้ำมาก ผมเห็นด้วยครับ แต่ผมอยากให้คุณย้อนกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ของผม อีกสั2-3บทด้วยครับ

    ประเด็นที่ผมจะติงรัฐบาลนี้ ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ เพิ่งจะเริ่มคิดหาทางระบายน้ำเมื่อเดือนตุลาคมนี้เอง ทั้งที่น้ำท่วมหนักมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้วครับ

    2. คลองที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่ในการระบายน้ำ เป็นคลองของกรมชลประทานครับ ส่วนคลองกทม.สวะน้อยกว่าครับ แต่กรมชลประทานเราต้องเห็นใจเพราะ รัฐบาลที่ผ่านๆมา ให้งบบำรุงรักษาคลองแก่กรมชลๆน้อยครับ

    ประเด็นนึงที่กรมชลฯไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลได้งบประมาณเท่ากรมทางหลวง เพราะรัฐให้ความสำคัญกับถนนมากกว่าคลอง และอีกประเด็นคือในหลวงทรงพระประชวร ไม่ได้เสด็จดูคลองชลประทานนานแล้ว

    เมื่อในหลวงไม่เสด็จ การดูแลเลยลดถอยลง

    ประเด็นขุดลอกนี่ ผมโทษทุกหน่วยงานครับ อย่างบ้านผม กทม.ก็ไม่เคยมีการมาขุดลอกท่อนานแล้วครับ ผมเคยเขียนไว้แล้วในบทความก่อนๆว่า ต่อให้มีอุโมงค์ยักษ์ แต่ถ้าตามท่อมันอุดตัน มันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์

    3. ประเด็นสุดท้าย ก็เกี่ยวเนื่องจากประเด็นแรก คือ รัฐบาลนี้ช้าเกินไป แม้ขนาดคนตายไป200กว่าราย รัฐบาลยังบอกว่า ไม่ต้องประกาศภาวะพิบัติภัย

    ส่วนปชป.เขาเสนอแนวคิดไป รัฐบาลก็ไม่สนใจครับ

    คุณลองดูนักวิชาการหลายๆคนเสนอสิครับ รัฐบาลยังไม่ค่อยสนใจเลย

    แนะนำคุณไปอ่านอีกบล็อกของผม บล็อกเซียนแซวการเมือง ในหลายๆบทความ ผมลงลึกรายละเอียดมากกว่าบล็อกนี้ครับ

    ขอบคุณนะครับ ที่ร่วมแสดงความเห็น ผมไม่เห็นแย้งกับคุณเท่าไหร่ครับ ค่อนข้างเห็นตรงกัน

    ผมเองเห็นว่า ห่วยทุกรัฐบาลครับ เพราะปัญหาคราวนี้มันเกิดจากการหมักหมมสาเหตุมาหลายๆปีครับ จนถึงได้หนักขนาดนี้

    ตอบลบ
  4. ขอเสริมอีกนิด เรื่องประชาชนขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะประชาชนไม่ได้มองทั้งระบบ ประชาชนมองแค่พื้นที่ตัวเอง

    ประชาชนเลยขัดขวางเจ้าหน้าที่ทำงาน ประเด็นนี้คือสิ่งสำคัญที่ทำให้การระบายน้ำอย่างเต็มระบบล่าช้า

    ปชป.เขาเสนอให้ใช้พรก.ฉุกเฉิน แต่เพื่อไทยไม่เห็นด้วย

    นี่คือแนวคิดที่ต่างกันครับของ2พรรคการเมือง

    ถ้าคุณไม่เข้าใจเรื่องพรก.ฉุกเฉิน แนะนำอ่านบทความนี้ครับ

    http://akecity.blogspot.com/2011/10/blog-post_22.html

    ตอบลบ
  5. และตอบคุณคนที่2

    เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นรัฐบาลใหม่ แม้แต่ตัวนายกฯเองยังไม่รู้ข้อกฏหมายและอำนาจของตัวเองเท่าที่ควร คือมาเรียนรู้งานแท้ๆ

    เพราะนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่เคยเป็นสส. ไม่เคยเป็นข้าราชการ ไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน

    ประเทศไทยเราจึงเสมือนได้นายกฯที่เพิ่งหัดเดินแท้ๆ

    น้ำท่วมหนักอยู่แล้วในต่างจังหวัด แต่เรากลับได้นายกฯที่ไม่รู้งานมาบริหาร

    ที่ผมเขียนว่า ถ้าปชป.ยังเป็นรัฐบาล น้ำน่าจะท่วมน้อยกว่านี้ นั่นเพราะปชป.เขาเป็นรัฐบาลเก่าอยู่แล้ว และเชี่ยวชาญการทำงานการเมืองอยู่แล้วจึงน่าจะแก้ปัญหาได้รวดเร็วกว่า

    ส่วนนายกฯยิ่งลักษณ์เหมือนเข้ามาเรียนรู้งาน ไอ้นั่นก็ยังไม่รู้ ไอ้นี่ก็ยังไม่รู้ นายกฯยิ่งลักษณ์เลยไม่มีวุฒิภาวะผู้นำที่จะตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วครับ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ02 พฤศจิกายน, 2554 02:10

    ขอบคุณมาก...

    k542

    ตอบลบ

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม