ต่อเนื่องจากบทความที่แล้ว
ที่จริงผมกะจะยังไม่เขียนบทความสัก2วัน
แต่พอดีมีคุณผู้อ่านเข้ามาถามผมในบทความที่แล้ว ว่าทำไมไม่รีบปล่อยน้ำออกมากๆก่อนที่พายุจะเข้า?
ผมเลยขอเข้ามาตอบสักนิด
ก่อนอื่นผมอยากบอกว่า เรื่องเขื่อนเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจหลายส่วนประกอบกัน ระบบการจัดการเขื่อนเป็นเรื่องที่ต้องร่ำเรียนกันมามาก และการที่จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เป็นเรื่องยาก
ถ้าคิดแบบง่ายๆ แล้วบอกว่า ก่อนน้ำมาก็รีบปล่อยน้่ำออกจากเขื่อนเร็วๆสิ มันคิดง่ายไปครับ
ซึ่งจริงๆแล้ว เขื่อนก็ทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ปีนี้ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าน้ำมีมากมายมหาศาลขนาดนี้ และที่สำคัญน้ำไหลเร็วมาก เพราะขาดป่าซับน้ำ
เมื่อไม่มีป่าคอยซับน้ำ น้ำก็ไหลลงเขื่อนเร็วมากขึ้น เต็มเร็วขึ้น ในขณะที่การปล่อยน้ำออกจากเขื่อนกลับต้องระวังการไปซ้ำเติมประชาชนใต้เขื่อน เพราะปีนี้ใต้เขื่อนก็มีฝนตกมาก และมีปัญหาน้ำท่วมอยู่แล้วด้วย
-------------------------------------------
เพราะอุทกภัยปี54 มันเริ่มที่แม่น้ำยมก่อนครับ เพราะแม่น้ำยมไม่มีเขื่อนรับน้ำเลย ทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเรียกร้องเขื่อนแก่งเสือเต้น
ส่วนที่ถามว่า ทำไมไม่รีบปล่อยน้ำให้เร็วๆก่อนพายุจะเข้า
ถามน่ะง่ายครับ แต่ทำจริงๆมันยาก เพราะเรารู้การมาของพายุได้ล่วงหน้าเพียงไม่กี่วัน ถ้าเขื่อนจะรีบปล่อยเร็วๆคงทำแบบนั้นไม่ได้ง่ายๆครับ
เพราะถ้าเขื่อนปล่อยเร็วๆ ก็จะน้ำท่วมสิครับ โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่มากๆอย่างเขื่อนภูมิพล กับเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำมาก ถ้ารีบปล่อยเร็วๆ น้ำท่วมแน่นอน
และที่สำคัญ เวลาเกิดพายุเข้า เราก็รู้ล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน จึงไม่มีทางที่จะปล่อยน้ำได้เร็วได้มากอย่างที่คิด ง่ายๆ โดยเฉพาเขื่อนขนาดใหญ่ๆ
ที่สำคัญปี54 มีฝนตกใต้เขื่อนมากแบบผิดปกติ และมีน้ำท่วมหนักอยู่ใต้เขื่อนอยู่แล้ว เขื่อนจึงชลอน้ำเพื่อไม่ไปซ้ำเติมประชาชนครับ
ทางเหนือมีภูมิพลกับเขื่อนสิริกิติ์ ที่เป็นเขื่อนใหญ่
โดยเขื่อนภูมิพล ความจุ1หมื่น3พันล้านลบ.ม. รับแม่น้ำปิง
เขื่อนสิริกิ์ต มีความจุประมาณ 9,500ล้านลบ.ม. รับแม่น้ำน่าน
ส่วนที่แม่น้ำวัง มีเขื่อนกิ่วลม และกิ่วคอหมา เป็นเขื่อนขนาดเล็กมากๆ คล้ายเป็นฝายขนาดใหญ่ๆ
โดยเขื่อนกิ่วลม ความจุแค่ 106ล้านลบ.ม. ส่วนเขื่อนกิ่วคอหมา ความจุแค่ 170ล้านลบ.ม. เท่านั้น
เขื่อนกิ่วลม
และขอย้ำว่า ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา2-3เดือนที่ผ่านมา น้ำเข้าเขื่อนมากกว่าน้ำที่ออกจากเขื่อน เพราะฝนเหนือเขื่อนยังตกเยอะ นั่นคือเขื่อนช่วยชลอน้ำไม่ให้ซ้ำเติมพื้นที่ใต้เขื่อนมาตลอด จนในที่สุดเขื่อนจึงเต็ม!!
อ่านรายงานสภาพฝนที่มากผิดปกติในปี54 จากกรมอุตุนิยมวิทยา คลิกที่นี่!!
-------------------------
ไม่มีใครคาดการณ์ได้ล่วงหน้าเป็นเดือนเป็นปี ว่าปีนี้จะมีฝนตกมากแค่ไหน ปีนี้จะมีพายุเข้าไทยกี่ลูก ไม่มีใครคาดได้หรอก
หน้าที่ของเขื่อนในประเทศไทย จริงๆแล้ว หน้าที่หลักของเขื่อนไม่ได้มีไว้ป้องกันน้ำท่วม
เพราะหน้าที่หลักของเขื่อนก็คือ ใช้ในระบบชลประทาน กักเก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน ไม่ใช่มีไว้ป้องกันน้ำท่วมเป็นหลัก เขื่อนมีหน้าที่แค่ช่วยบรรเทาอุทกภัยเท่านั้น
ฉะนั้นถ้าคนไทยยังไม่รู้จักหน้าที่ของเขื่อนที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เข้าใจผิดว่า ทำไมเขื่อนไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้
เพราะหน้าที่ป้องกันน้ำท่วมหรือบรรเทาอุทกภัย เป็นหน้าที่รองๆลงไปได้ของเขื่อนมากกว่า ซึ่งไม่ใช่หน้าที่หลัก!!
----------------------------------------
หน้าที่หลักของเขื่อน ไม่ใช่เพื่อป้องกันน้ำท่วม!!
เพราะประเทศไทยมีฝนตกมาก น้ำฝนถูกปล่อยลงทะเลอย่างไร้ประโยชน์มากมาย ทำให้เวลาฤดูแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
ฉะนั้น การสร้างเขื่อนก็เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามจำเป็น เช่นยามแล้ง
ส่วนหน้าที่รองๆของเขื่อน เช่่น การป้องกันน้ำท่วม การผลักดันน้ำเค็ม การใช้ในการควบคุมระดับน้ำในแม่น้ำเพื่อการคมนาคม เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า การประมง การท่องเที่ยว พวกนี้เป็นเรื่องของผลพลอยได้ของเขื่อนทั้งนั้น
หลายปีก่อนเกิดแล้งจัด น้ำในเขื่อนทางภาคเหนือก็เหลือน้ำน้อยมากๆ ซึ่งปีนั้นเคยกลัวกันว่าจะทำให้คนกรุงเทพฯขาดแคลนน้ำประปา เนื่องจากน้ำทะเลจะหนุนเข้ามาสูงจนจะถึงโรงกรองน้ำประปา เพราะตอนนั้นไม่มีน้ำจากเขื่อนมากพอมาช่วยผลักดันน้ำทะเล
ฉะนั้น ถ้าเกิดพร่องน้ำจากเขื่อนรอไว้ก่อนมากเกินไป แล้วปีนั้นเกิดฝนน้อยอย่างผิดปกติ ก็จะทำให้ช่วงหน้าแล้ง ก็จะเกิดภาวะแห้งแล้งได้
เช่นบางครั้งเราอยากได้น้ำให้มาตกเหนือเขื่อน ก็ไม่มาตก ดันมาตกใต้เขื่อนซะ
---------------------
ก่อนจบ ขอเล่าเล็กน้อย
เมื่อวานซืนผมดูรายการคมชัดลึก นายกเทศบาลเมืองนครสวรรค์ บอกว่า น้ำที่มาจากแม่น้ำยม มาแรงกว่าน้ำที่มาจากแม่น้ำปิง
แม่น้ำยม คือจุดเริ่มต้นของอุทกภัยหนักปีนี้ครับ
------------------------
สรุป การแก้ปัญหาน้ำท่วม สิ่งที่ถูกต้องในยามนี้คือ ต้องหาทางทำให้มีช่องทางการระบายน้ำลงทะเลให้มากขึ้นกว่าเดิม สิ่งใดที่ขัดขวางการไหลของน้ำ เราต้องไปแก้ไข
แทนที่เราจะโทษว่าเขื่อนปล่อยน้ำมาก เพราะเขื่อนล้น เราลองมองกลับไปอีกทางว่า นั่นเพราะเรามีเขื่อนน้อยกว่าปริมาณน้ำมหาศาลหรือเปล่า? ไม่ใช่ผมจะบอกให้สร้างเขื่อนเพิ่ม แต่ผมอยากบอกว่า เขื่อนมีน้อยกว่าปริมาณน้ำมหาศาล ฉะนั้นจะมาโทษเขื่อนจึงไม่ถูกต้อง
ต้องไปโทษพวกตัดไม้ทำลายป่า พวกสร้างถนนสูงกว่าบ้าน2เมตร ขวางทางน้ำไหลโน่นครับ
และถ้าเรารังเกียจเขื่อน เราก็ต้องหาทางมีอะไรที่รับน้ำได้ดีว่าเขื่อนดีกว่า
ย้อนอ่านบทความเรื่อง การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนไม่ได้ผิดพลาด
------------------------------
เพื่อความเข้าใจเรื่องเขื่อน เชิญไปดูรายการคมชัดลัก เกี่ยวกับเขื่อนภูมิพล
ผู้ดูแลเขื่อนต้องรอบครอบในการรักษาการกักเก็บน้ำสัมพันธ์กับการระบายน้ำ โดยดูข้อมูลปริมาณน้ำฝนที่ตกเหนือเขื่อน และไม่ควรเก็บน้ำมากเกินตั้งแต่ต้นฤดู แบบปีนี้ เพราะฤดูน้ำหลายจริงๆจะอยู่ในช่วงสิงหาคม-ตุลาคม แต่ข้อมูลระบุว่าปีนี้เขื่อนใหญ่เก็บน้ำมากกว่า60-70%มาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม พอฝนตกชุกกลางเดือนกันยายน น้ำก็จะเต็มความจุเขื่อนซึ่งถ้ามีฝนตกลงมาอีกในช่วงปลายเดือนกันยายนจะทำให้เขื่อนต้องรีบระบายน้ำออกเพราะกลัวเขื่อนแตก หากเขื่อนไม่รีบเก็บน้ำเกิน 60 %ในเดือนสิงหาคมเหมือนปีที่ผ่านๆมา น้ำท่วมในปีนี้คงไม่รุนแรงอย่างที่เห็นแน่นอน
ตอบลบ