วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อธิบายอย่างง่าย กรณีขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร!


.
.

พวกเสื้อแดงเหวงๆบางคน ยังคิดอยู่ว่า พวกพันธมิตรกำลังเรียกร้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืน ซึ่งนั่นคือความคิดโง่ๆของคนที่เอาแต่ฟังแกนนำเสื้อแดงไปวันๆ โดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลความเป็นจริง

ผมเคยเขียนเรื่องเขาพระวิหารอย่างละเอียดไปหลายๆครั้งแล้ว ใครอยากอ่านก็ไปหาอ่านในบทความเก่าๆ ซึ่งขอย้ำสักหน่อยจากบทความเก่าๆของผมอีกครั้งว่า ความผิดมันเริ่มจากสมัยจอมพลสฤษดิ์!! ที่เสือกไปขึ้นศาลโลกในคดีเขาพระวิหาร ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นก็ได้ 


นั่นเพราะ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็ดันคิดว่าตัวเองเจ๋ง มีหลักฐานเจ๋งกว่า เก่งกฎหมายกว่าเขมร เลยบอกจอมพลสฤษดิ์ว่า ไทยเราควรขึ้นศาลโลก เพื่อสั่งสอนเขมร

ทั้งๆที่ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำเนเธอร์แลนด์ในตอนนั้น ได้ เคยทักท้วงว่าไทยเราไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลก แต่ม.ร.ว.เสนีย์ไม่สนใจ เพราะหม่อมเสนีย์มั่นใจในตัวเองเกินไป!!

ตัวอย่างเช่น หลังพ้นยุคล่าอาณานิคม รัฐบาลเหมาเจ๋อตุงของจีนแดง ยังกล้าฉีกสนธิสัญญาหรือแผนที่ ที่พวกฝรั่งทำเอาเปรียบจีนทิ้ง โดยอ้างว่า จีนทำสนธิสัญญาเพราะโดนฝรั่งบังคับได้เลย ซึ่งเหตุผลนี้ย่อมฟังขึ้น เพราะหลักการของสหประชาชาติจะไม่ยอมรับ สนธิสัญญาที่เกิดจากการบังคับขู่เข็ญ

เช่นเดียวกัน ไทยเราก็สามารถฉีกสนธิสัญญาและแผนที่ที่ฝรั่งเศส เขียนเอาเปรียบไทยได้เช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลกกับเขมร

------------------------

โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2509 ไทยได้ลงนามในอนุสัญญาเวียนนา ค.ศ. 1969 ว่าด้วยสนธิสัญญา 

ซึ่งในมาตรา 51 และ52 ได้ระบุชัดเจนว่า สนธิสัญญาใดที่เกิดจากการข่มขู่ บังคับ สนธิสัญญานั้นย่อมไม่สมบูรณ์ ซึ่งตอนที่ไทยทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคม หากสนธิสัญญาไหน ที่ไทยเสียเปรียบ และโดนข่มขู่ เราควรประกาศยกเลิกไปเลย 

มาตรา 51 สนธิสัญญาที่เกิดจากการบังคับข่มขู่ต่อตัวแทนของรัฐ เมื่อตัวแทนถูกข่มขู่ บังคับให้ลงนาม ให้สัตยาบันในสัญญา เป็นเหตุที่ทำให้สัญญาไม่สมบูรณ์ การข่มขู่ต่อตัวแทน หมายความรวมถึง การข่มขู่ตัวแทนโดยทางอ้อมด้วย อาจไม่ข่มขู่ต่อตัวแทนโดยตรง แต่จับลูกเมียของตัวแทนเป็นตัวประกัน

มาตรา 52 การคุกคามต่อรัฐเพื่อบังคับให้เข้าผูกพันในสนธิสัญญา การคุกคามต่อรัฐ เช่น ยกกองกำลังมาประชิดชายแดน หรือนำกำลังกองทัพเรือปิดอ่าว ปิดทะเล โดยขู่ว่าถ้าไม่ยอมลงนามผูกพันในข้อสัญญาจะใช้ขีปนาวุธยิงถล่มประเทศ นี่เป็นการคุกคามต่อรัฐบังคับให้ลงนาม


สรุปง่าย ๆ คือ ถ้าในตอนนั้นไทยเราไม่ไปขึ้นศาลโลก และรออีกแค่ไม่กี่ปี พออนุสัญญาเวียนนา 1969 ออกมา เราก็ฉีกแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนที่ฝรั่งเศสพยายามยัดเยียดให้เราทิ้งไปได้เลย 

และวันนี้ขออธิบายเรื่องนี้อีกครั้งอย่างง่ายๆเพื่อให้คนที่ขี้เกียจอ่านข้อมูลได้เข้าใจแบบง่ายๆ

--------------------------

ศาลโลกตัดสินให้ตัวปราสาทเขาพระวิหาร เฉพาะตัวปราสาทไป ได้เป็นกรรมสิทธิของเขมรเมื่อปี2505 ดังนั้นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ก็มีคำสั่งตามมติคณะรมต.ปี2505
ให้ล้อมรั้วบริเวณรอบตัวปราสาทเขาพระวิหารตรงบันไดนาคขั้นที่156ห่างจากตัวปราสาทลงมา20เมตร (ซึ่งเขมรก็ไม่เคยทักท้วงเรื่องรั้วนี้เลยเป็นเวลาหลายสิบปี)

----------------------

แต่หลังจากนั้นมาเป็นเวลาร่วม40ปี ก็อยู่กันอย่างสงบมาตลอด จนกระทั่งช่วงเขมรแดงเรืองอำนาจในเขมรก็มีการรุกล้ำขึ้นบนเขาพระวิหารจนไทยต้องยิงขับไล่อยู่เป็นระยะ

แต่ต่อมาเมื่อสงครามเขมรสงบ ทหารไทยรัฐบาลไทยเริ่มปล่อยปละละเลย ปล่อยให้เขมรรื้อรั้วที่ล้อมในสมัยจอมพลสฤษดิ์ออกไป

ดูรูปมุมขวาล่างคือรั้วไทยตามมติครม.2505 , ส่วนรูปขวาบน เขมรรื้อรั้วไทยไม่แน่ใจว่าปีไหนแน่(แต่คาดว่าในช่วงปี40เป็นต้นมา) แล้วมาสร้างรั้วใหม่ที่เชิงเขาแล้วเก็บเงิน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!
Photobucket


ต่อมาเขมรบุกรุกเข้ามาในพื้นที่4.6ตร.กม.อีกในช่วงปีพ.ศ.2541-2542 และเริ่มรุกล้ำลงมาตีนเขา จนกระทั่งมีการยิงปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารเขมร

จนปี2543 รัฐบาลนายกชวน ได้ทำข้อตกลงปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา (MOU2543 ได้อนุญาคให้เขมรจะใช้แผนที่1ต่อ2แสนของฝรั่งเศสมาใช้ในข้อตกลงด้วย) และในระหว่างอยู่ในการเจรจาปักปันเขตแดน ตกลงกันว่า ห้ามทหารและประชาชนทั้งสองฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักปัน


ตรงจุดนี้ก็เท่ากับรัฐบาลนายชวนทำไทยเสียดินแดนไปครึ่งหนึ่งแล้วครับ เพราะพื้นที่ตรงนั้นก่อนที่จะทำMOU2543
ตั้งแต่ปี2505พื้นที่บริเวณ4.6ตร.กม.เป็นของไทยมาตลอด 


แต่อยู่ดีๆ รัฐบาลนายชวนกลับไปทำข้อตกลงMOU2543 ให้ทั้งสองชาติมาปักปันเขตแดนในพื้นที่นี้ด้วยกันใหม่ นั่นก็เท่ากับเราไปยอมรับว่าเขมรมีสิทธิในพื้นที่นี้แล้ว ทั้งๆที่ความเป็นจริงพื้นที่ตรงนี้เป็นของไทย100%

คงเพราะนายกฯ ชวน เป็นนักกฎหมายจึงไม่ชอบสงคราม เลยคิดแบบนักกฎหมาย ไม่ได้คิดแบบทหาร จึงทำให้ต้องเสียดินแดนแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์

(สังเกตมั้ยครับว่า ผมไม่เคยใช้คำว่าพื้นที่ทับซ้อน เพราะถ้าใช้คำว่าทับซ้อนแสดงว่าเขมรก็เข้ามามีสิทธิในพื้นที่ด้วย)


---------------------------



รัฐบาลชวนไปตกลงMOU43 จึงไล่ประชาชนไทยที่เคยหากินในบริเวณนั้นต้องออกจากพื้นที่ไป แถมให้ทหารไทยถอยไกลออกไปอีก แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขมรย้ายเข้ามาแทน !!

เพราะต่อมาพวกประชาชนเขมรก็บุกรุกเข้ามาสร้างบ้านในพื้นที่ที่เคยตกลงกันว่าจะไม่มีใครเข้ามา แต่เขมรกลับไม่รักษาข้อตกลงละเมิดMOU2543 เพราะเขมรรุกล้ำพื้นที่เข้ามาในปี2544 เรื่อยมา สมัยรัฐบาลทักษิณ

ตรงนี้ควรนับว่า ทำให้ข้อตกลงในปี2543 ควรต้องเป็นโมฆะไปโดยเขมรเอง

พูดง่ายๆก็คือ ข้อตกลงปี43ต้องเป็นโมฆะไปเพราะเขมรรุกล้ำพื้นที่ ไทยก็สามารถอ้างสิทธิเหนือดินแดนได้เหมือนเดิม แต่นั่นก็ทำให้เขมรอ้างได้ว่า ไทยเคยยอมรับว่าเขมรมีสิทธิในพื้นที่มาแล้ว เพราะไทยเคยยินยอมให้เขมรเข้ามาร่วมปักปันเขตแดนใหม่

ซึ่งตามความเป็นจริง เขมรไม่สิทธิเข้ามาในพื้นที่นี้ เพราะหลังปี2505พื้นที่นี้อยู่เป็นของไทยมาตลอด แต่ในสมัยรัฐบาลนายชวนกลับไปยอมรับการเข้ามาของเขมร เขมรจึงถือโอกาสอ้างสิทธิโดยใช้แผนที่1:200,000เข้ามาอ้างสิทธิ

------------------------

แต่เมื่อเขมรไม่รักษาข้อตกลงMOU43 รัฐบาลก็ควรประกาศไม่ยอมรับข้อตกลงนั้นเสียทันที และไม่ยอมรับแผนที่1:200,000 ใน MOU43 ไปพร้อมกัน

-----------------------


ต่อมาไทยยังได้ทำ MOU44 เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยอ้างอิงจากMOU43 เป็นหลักในสมัยรัฐบาลทักษิณอีกฉบับ ซึ่งเป็นการตอกย้ำยอมรับสิทธิในพื้นที่4.6 ตร.กม.ของเขมรซ้ำอีกรอบ

ส่วนเขมรไม่ยอมหยุดละเมิดMOU43 รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่เพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 


แม้ทหารโดยกองกำลังสุรนารีรายงานต่อนายวิษณุ เครืองาม แล้วรายงานต่อทักษิณว่าเขมรละเมิดMOU43 บุกรุกเข้ามา จะให้ผลักดันออกไปหรือไม่? (ที่จริงทหารไม่ควรต้องถามนายกฯ เพราะมันเป็นหน้าที่โดยตรงของทหารอยู่แล้ว)


ทักษิณกลับบอกว่าไม่อยากให้เกิดสงครามเพราะจะกระทบความสัมพันธ์ จึงปล่อยให้เขมรเข้ามาตั้งบ้านเรือนเรื่อยๆ เพราะทักษิณตั้งใจอยากจะทำให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อเก็บค่าเช่าจากผู้ค้าไทยและผู้ค้าเขมร

ทหารไทยจึงถอยร่นออกจากพื้นที่ไป ซึ่งต่อมาฝ่ายไทยเราละเลยในพื้นที่ จนเขมรเข้าสร้างเป็นหมู่บ้าน สร้างวัด สร้างถนน และยึดครองพื้นที่โดยสมบูรณ์ (ไม่มีใครรู้ว่า ทักษิณจงใจปล่อยปละละเลยหรือไม่)


(หมายเหตุ ผมเพิ่งได้ลำดับช่วงเวลาที่ทหารไทยถอนกำลังจากเขาพระวิหาร คลิกอ่าน บทความ เอาชนะเขมร คดีเขาพระวิหารด้วยกฎหมายปิดปากคืน)



------------------------

ต่อมาเขมรพยายามจะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก แต่ฝ่ายไทยคัดค้านมาตลอด เพราะไทยมีพื้นที่รอบตัวปราสาท เป็นพื้นที่ๆสำคัญเชิงประวัติศาสตร์เช่นกัน ไทยขอขึ้นทะเบียนร่วมกัน แต่เขมรไม่ยอม

คาราคาซังกันมาหลายปี จนกระทั่งสมัยรัฐบาลสมัคร ได้ปลดศาสตราจารย์อดุลย์ วิเชียรเจริญ ประธานมรดกโลกของไทยที่อยู่ในตำแหน่งนี้มากว่า25ปี ซึ่งท่านได้คัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารของเขมรฝ่ายเดียวมาตลอด ทำให้เขมรไม่สามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้

พอรัฐบาลสมัครกลับปลดอาจารย์อดุลย์แล้ว ก็ตั้งนายปองพล อดิเรกสารเป็นประธานมรดกโลกไทยแทน

(รายละเอียดเรื่องปลดอาจารย์อดุลย์ ให้ย้อนอ่านที่บทความ เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกได้พราะนพดล)

------------------------------

นายนพดล ปัทมะ อ้างว่า เขมรขอให้เราเซ็นยินยอมเพื่อให้เขมรขึ้นเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหาร เพราะเขมรนำแผนที่เฉพาะตัวปราสาทมาให้ดูว่าจะขึ้นเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น


(แต่นพดลไม่เคยนำแผนที่ที่เขมรจะยื่นยูเนสโกมาแสดง มีแต่นพดลพูดเอาเองฝ่ายเดียว และกางแผนที่ที่ตัวเองอ้างว่าเขมรจะขึ้นเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งเป็นแผนที่ของไทยเองมาแสดงเท่านั้น)

พิรุธก็คือ หากเขมรขึ้นเฉพาะตัวปราสาทจริงๆเท่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องมาให้ไทยเซ็น 


เพราะหากโบราณสถานอยู่ในพื้นที่ตัวเองทั้งหมดอยู่แล้ว เขมรจะมาให้ไทยเราเซ็นทำหอกอะไร??

แต่เพราะเขมรยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขมร จึงมาขอให้รัฐบาลสมัครเซ็นเพื่อให้ยอมรับให้หนักแน่นเข้าไปอีก โดยอ้างเรื่องขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารมาเป็นตัวหลอก

เพราะความเป็นจริง เขมรต้องการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารทั้งหมดรวมทั้งพื้นที่รอบๆเขาพระวิหารในเขตไทยด้วย จึงมาขอให้ไทยเราเซ็น ซึ่งรัฐบาลสมัครก็เซ็นยินยอมให้เขมรไป (ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เป็นแถลงการณ์ร่วมฯนั้นไม่ชอบด้วยกฏหมาย)

แล้วเขมรก็สอดไส้นำแผนที่1:200,000ไปสอดไส้ใในหลักฐานคำขอเพื่อไปขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก ตามด้วยลายเซ็นยินยอมจากฝ่ายรัฐบาลไทยแนบไป โดยที่นายนพดลโง่ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่ปล่อยให้เขมรสอดไส้แผนที่กันแน่??

เท่ากับรัฐบาลสมัครและนายนพดลไปช่วยตอกย้ำให้สิทธิในพื้นที่4.6ตร.กม.ให้เขมรซ้ำเข้าไปอีก เพราะเขมรยื่นขอขึ้นทะเบียนโดบใช้แผนที่1ต่อ200,000 กินอาณาเขตในพื้นที่4.6ตร.กม. โดยมีหนังสือสนับสนุนของรัฐบาลสมัครแนบไปพร้อมเอกสารทั้งหมด

[แต่เพราะติดที่MOU43 ที่ต้องปักปันเขตแดนก่อน ทำให้เขมรไม่สามารถส่งแผนที่ได้ จึงต้องอ้างส่งเป็นแผนผังไป(เลี่ยงคำ) แต่แผนผังก็คือแผนที่1ต่อ2แสนอันเดิมนั่นแหล่ะ]

--------------------------------

สรุปง่ายๆก็คือ รัฐบาลชวน กับรัฐบาลสมัคร ช่วยกันทำให้ไทยกำลังจะเสียดินแดนจริงๆครับ

(ถ้านายนพดลไม่รู้มาก่อนว่าเขมรแอบสอดไส้ เท่ากับว่านายนพดลโง่เสียรู้เขมร แต่ถ้ารู้เห็นกับการสอดไส้ของเขมร หรือรู้เห็นเป้นใจแต่แรกกับเขมร ก็เท่ากับว่านายนพดลก็คือคนขายชาติ)

------------------------------

วิธีแก้ไขก็คือ

1. ไทยต้องประกาศว่าMOU43 เป็นโมฆะไปแล้ว เพราะเขมรละเมิด ไทยไม่ยอมรับแผนที่1:200,000 ในMOUฉบับนั้น

2. ไทยต้องประกาศว่า ข้อตกลงที่รัฐบาลสมัครเซ็น เป็นโมฆะ เพราะศาลตัดสินว่าผิดกฏหมายของไทย

3. ถ้ายังไม่สำเร็จ เขมรกำลังจะขึ้นทะเบียนได้อีก ไทยต้องประกาศลาออกจากสมาชิกมรดกโลก เหมือนที่อเมริกาเคยลาออกมาแล้ว หรืออาจถึงขั้นลาออกจากสมาชิกยูเนสโก้ก็เป็นไปได้

เมื่อไทยไม่ได้เป็นสมาชิกมรดกโลก ก็ไม่ต้องทำตามคำสั่งของคณะกรรมการมรดกโลกอีกต่อไป และส่งกำลังทหารคุมพื้นที่4.6ตร.กม.ไว้ ไม่ให้ไอ้หน้าไหนเข้ามาแผ่นดินไทย หรือจัดการในพื้นที่ได้ เมื่อไม่สามารถจัดการในพื้นที่ตามที่นำเสนอได้ เขาพระวิหารก็จะถูกยกเลิกถอดถอนจากความเป็นมรดกโลกในที่สุด (ซึ่งอาจทำให้เขมรต้องเปิดฉากทำสงครามกับไทย)

4. mou43 ผิดรธน.40 มาตรา224 คือทำข้อตกลงกับต่างชาติในเรื่องความมั่นคงโดยไม่ผ่านสภา

--------------------------

ขอทบทวนอีกครั้งนะครับ คณะกรรมการมรดกโลกอนุมัติให้เขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ยังไม่ได้ขึ้นโดยสมบูรณ์ เพราะอยู่ระหว่างที่ให้เขมรนำเสนอแผนจัดการในพื้นที่ ซึ่งไทยไม่ยอมร่วมมือในแผนจัดการที่เขมรทำขึ้น

ซึ่งช่วงขณะเขียนบทความนี้ กำลังมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกอยู่ที่บราซิล เขมรกำลังจะส่งแผนจัดการพื้นที่รอบปราสาทให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณา ว่าจะให้ปราสาทเขาพระวิหารได้เป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์หรือไม่

หากเขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกตามแผนที่1ต่อ2แสนสำเร็จโดยสมบูรณ์ เขมรก็จะใช้บรรทัดฐานจากการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารอ้างจากแผนที่นี้เพื่อจะกินดินแดนไทย เรื่อยไปอีกในหลายๆจังหวัด ปราสาทตามเมือนธม ปราสาทตาควาย รวมทั้งพื้นที่ในทะเล ก็จะถูกกลืนจากแผนที่1ต่อ2แสนนี้ด้วยครับ

(เขมรดำเนินแผนทุกอย่างเพื่อสร้างความชอบธรรมต่อนานาชาติว่าเขาเป็นเจ้าของพื้นที่เหล่านี้ ตามแผนที่1ต่อ2แสน โดยมีกรณีขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารด้วยแผนที่นี้เป็นบรรทัดฐาน)

สรุปง่ายๆอีกทีว่า เขาพระวิหารไม่ใช่ประเด็นหลักที่เขมรต้องการหรอกครับ เป็นแค่หนทางกินดินแดนไทยในพื้นที่อื่นๆต่อไปต่างหาก โดยเฉพาะผลประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในทะเลอ่าวไทยครับ
.

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คมช.ไม่ได้ยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง




เกริ่น

รัฐบาลทักษิณ2 ชนะการเลือกตั้งในปี48 และได้ยุบสภาในวันที่24ก.พ.49 ยุบสภาหนีการตรวจสอบจากสภา ยุบสภาทั้งๆที่สภาไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นการยุบอย่างไม่สมเหตุสมผล

แม้ตอนนั้นจะมีการชุมนุมของพธม. แต่พธม.ไม่ได้เรียกร้องให้ยุบสภา เพราะสภาไม่ผิด แต่พธม.เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทักษิณลาออก!!


สรุปตรงนี้ง่ายๆว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ของทักษิณได้ยุบสภาไปแล้ว หลังจากวันที่24ก.พ.49 จึงเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการณ์เท่านั้น

ต่อมารัฐบาลรักษาการณ์ทักษิณได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันที่2เม.ษ.49

ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นการเลือกตั้งครั้งอัปยศ จนศาลได้สั่งให้การเลือกตั้งคราวนั้นเป็นโมฆะ คณะกกต.ในสมัยนั้นถูกศาลพิพากษาให้จำคุก

คุณผู้อ่านพอจำได้มั้ยครับ??

-----------------------------

(ส่วนช่วงนี้ของบทความ ผมขอลอกบางส่วนจากกระทู้ที่ผมเคยตั้งไว้ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง)

ตอนถูกรัฐประหาร รัฐบาลทักษิณเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ใช่มั้ย?? ก่อนหน้านั้นนายกทักษิณยุบสภาหนีการตรวจสอบจากสภา

รัฐบาลรักษาการณ์ก็จัดการเลือกตั้งอัปยศขึ้น ซึ่งกกต.ชุดนั้นก็โดนศาลตัดสินให้จำคุกใช่มั้ย??

และการเลือกตั้งครั้งนั้นก็เป็นโมฆะ!!

คมช. จึงไม่ได้ทำรัฐประหารจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่หรือ??

เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ถูกยุบสภาไปแล้ว เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการณ์ที่อยู่แบบหน้าด้านทั้งๆที่หมดความชอบธรรมเพราะจัดเลือกตั้งอัปยศ!! 


(มีการลงคะแนนVote no ไม่เลือกใครเลยมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ จนผู้สมัครที่ได้คะแนนมากที่สุด กลับไม่ได้เป็นสส.เพราะแพ้Vote No)

ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่รักษาการณ์ รัฐบาลที่จัดการเลือกตั้งที่อัปยศขึ้น รัฐบาลที่ถูกครหาเรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระ 

ซึ่ง ถ้าทักษิณยังไม่ยุบสภา แล้วทหารมายึดอำนาจ อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่า ทหารยึดปล้นอำนาจรัฐบาลของประชาชนจริงๆ

แม้รัฐบาลจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่อีก แต่ก็ขาดความชอบธรรมแล้ว เพราะประชาชนไม่เชื่อใจรัฐบาลที่จัดการเลือกตั้งครั้งก่อนไม่บริสุทธิ์

พอทหารมายึดอำนาจรัฐ ประชาชนเลยเอาดอกไม้มาให้ทหารไง เพราะยึดอำนาจรัฐบาลที่จัดการเลือกตั้งอัปยศ


ตรงนี้ผมมองดูสถานการณ์ตอนนั้นมันเป็นไปเช่นนั้น

ถามว่าทหารผิดมั้ย? แน่นอนทหารผิด!! เพราะนั่นคือใช้วิธีการผิดในการล้มรัฐบาลที่กระทำผิด!!

เสื้อแดงมักชอบอ้างว่าทหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นั่นไม่จริง!! เพราะที่จริงแล้ว

นั่นคือคมช.ไม่ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง!! แต่ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการณ์ต่างหากเล่า

เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ถูกยุบไปแล้ว จากการยุบสภา!!

----------------------------------

(ส่วนช่วงนี้ของบทความ ผมขอลอกบางส่วนจากกระทู้ที่ผมเคยตั้งไว้ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง)

การยึดอำนาจรัฐก็คือการรัฐประหาร เพื่อล้มอำนาจรัฐ

ประเด็นผมต้องการชี้ให้เห็นว่า พวกเสื้อแดงชอบอ้างว่า ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งมันไม่ใช่!!

เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกยุบไปแล้ว ประเด็นคือเท่านี้ครับ

และเมื่อรัฐบาลจัดให้มีการเลิอกตั้ง ยังเป็นการเลือกตั้งที่อัปยศที่สุด รัฐบาลนี้จึงขาดความชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว

ทหารจึงอ้างเป็นเหตุหนึ่งในการล้มอำนาจรัฐ


ประชาธิปไตยไทยก็เกิดจากการปฏิวัติ เพราะคณะราษฎรปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองเดิม

นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยไทยก่อกำเนิดด้วยความไม่สมบูรณ์ เพราะที่สมบูรณ์ประชาธิปไตยต้องเกิดจากประชาชนร่วมกันเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เกิดจากคณะหนึ่งคณะใดเท่านั้น

สรุปสั้นๆอีกครั้ง บทความนี้ของผมชี้ให้เห็น ประเด็นที่ว่า คมช.ยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการณ์ ไม่ใช่ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครับ เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยุบสภาไปแล้ว

---------------------------------

บทสรุป

ทักษิณไม่สนใจระบบตุลาการ เขาใช้เสียงประชาชนในการตัดสินว่าเขาผิดหรือไม่ ด้วยการให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยเขาใช้ตรรกะที่ว่า ถ้าประชาชนเลือกไทยรักไทยมากที่สุดอีก แสดงว่าเขาไม่ได้ทุจริต

ซึ่งความคิดแบบนี้คือการใช้ประชาธิปไตยในทางที่ผิด เพราะเรื่องการทุจริตต้องให้ศาลตัดสิน แต่ทักษิณไม่ให้ความสำคัญกับอำนาจศาล ทั้งๆที่อำนาจอธิปไตยมีองค์3 คือบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เพื่อคานอำนาจซึ่งกันและกัน

การใช้เสียงประชาชนเพื่อฟอกให้ตัวเองบริสุทธิ์ คือการทำลายระบบประชาธิปไตย และทำลายระบบยุติธรรมนั่นเอง

-------------------------

คือรัฐบาลรักษาการณ์ได้จัดให้มีการเลือกตั้งไปแล้วหนึ่งครั้ง แล้วกลายเป็นการเลือกตั้งอัปยศเป็นโมฆะ ตรงนี้เท่ากับว่า รัฐบาลผ่านจุดที่ว่ามาจากการเลือกตั้งมาไกลแล้ว

ถ้าการเลือกตั้งคราวนั้นไม่เป็นโมฆะ ทักษิณได้เป็นรัฐบาลต่อ คมช.ยึดอำนาจ อย่างนี้เสื้อแดงก็จะอ้างได้เต็มปากว่า ทหารยึดอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย

แต่ความจริงมันไม่ใช่! เพราะรัฐบาลรักษาการณ์ของทักษิณขณะนั้นได้ทำลายประชาธิปไตยไปแล้ว(จากการเลือกตั้งอัปยศ)

หรือพูดง่ายๆว่า คมช.ยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการณ์ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย!!


แนะนำอ่าน ผู้ทำลายประชาธิปไตยตัวจริง!!






วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมไทยห่วย??

"
"
เมื่อหลายวันก่อนดูรายการทางทีวีไทย กรณีเกี่ยวกับโรงงานผลิตคาร์บอน ที่จ.อ่างทอง ชื่อโรงงานไทยคาร์บอนแบล็ค ปล่อยมลพิษออกสู่ชุมชนในย่านนั้น

เหตุการณ์ปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตคาร์บอน คือผงคาร์บอนที่ผลิตได้รั่วออกจากโรงงาน เพราะตัวกรองเกิดชำรุด เพราะหมดอายุการใช้งาน

ผลกระทบที่เกิดกับชุมชนชาวบ้านก็คือ ฝุ่นคาร์บอนปกคลุมไปทั่วทุกบ้านในชุมชน ข้าวของเครื่องใช้ หลังคาบ้าน รถ เครื่องใช้ในบ้าน ล้วนแต่ปกคลุมด้วยสีดำจากคาร์บอน

โรงงานให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านอย่างตลกสิ้นดี!!

ด้วยการนำผงซักฟอกมาแจกทุกบ้าน!!

แล้วปอดของชาวบ้านล่ะ ที่สูดผงคาร์บอนเข้าปอดไป จะใช้อะไรฟอกให้สะอาด??

----------------------------

เมื่อชาวบ้านมาร้องเรียนกับสื่อทีวีไทย

ชาวบ้านบอกว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ สาเหตุก็คือ ทางโรงงานไม่ยอมเปลี่ยนตัวกรองหรือตัวดักฝุ่นจากการผลิต!!

เพราะโรงงานจะรอให้ตัวกรองหรือถุงกรองหมดอายุจนพังเสียก่อนถึงจะค่อยเปลี่ยนทีนึง

ทั้งๆที่โรงงานแห่งนี้มีผลประกอบการกำไรดีมาก ส่งออกคาร์บอนไปต่างประเทศจำนวนมาก กำไรมหาศาล!!

ชาวบ้านเคยร้องขอว่า ในเมื่อโรงงานก็มีกำไรมาก ช่วยเปลี่ยนตัวกรองฝุ่นก่อนหมดอายุการใช้งานได้มั้ย?? ไม่ใช่ต้องรอให้ตัวกรองตัวดักฝุ่นพังเสียก่อนถึงค่อยเปลี่ยน

เพราะพอตัวกรองพังทีไร ชาวบ้านก็เดือดร้อนทุกที!!

แค่เอาผงซักฟอกมาให้ มันไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่ปีแล้วปีเล่า โรงงานก็ไม่เคยทำตามคำขอของชาวบ้าน

----------------------------------

ตอนผู้ว่าการจังหวัดอ่างทอง เข้าสายมาคุยในรายการทางทีวีไทย ผมก็รอฟังอยู่ว่า ทางราชการจะจัดการกับโรงงานนี้อย่างไร?

สรุปง่ายๆก็คือ ผู้ว่าฯทำได้แค่สั่งให้ปิดโรงงานชั่วคราว แก้ไขให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะอนุญาตให้เปิดโรงงานอีกได้

คุณผู้อ่านรู้สึกว่า มันขาดอะไรไปหน่อยมั้ยครับ??? ติ๊กต้อกๆๆๆๆ???

-------------------------


คำตอบก็คือ

ไม่มีการพูดถึงมาตรการเยียวยาชาวบ้านด้วยการให้ทางโรงงานการจ่ายค่าเสียหายแก่ชาวบ้าน ที่ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ชาวบ้านเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง

ไม่มีการมาตรการลงโทษหนักแก่เจ้าของโรงงาน ผู้รับผิดชอบโรงงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อม!!

ไม่มีการพูดถึงมาตรการป้องกันเหตุในอนาคต และมาตรการลงโทษแต่อย่างใด

ทำแค่สั่งปิดโรงงานชั่วคราวเพื่อให้ปรับปรุงเท่านั้น!!

แบบนี้ใครมันจะเข็ดหลาบล่ะครับ

แบบนี้ก็คงไม่มีใครเกรงกลัวกฏหมายหรอก เพราะทำลายสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ติดคุก ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่ชาวบ้าน

ถ้าไม่มีสื่อช่วยตีข่าว ป่านนี้โรงงานก็คงยังไม่ถูกสั่งปิดหรอก เชื่อมั้ย?



วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ละคร..? ช่อง3ช่วงนี้ดีจริงๆ

.
.
ขออภัยไม่ได้อัปเดทบล้อคหลายวัน เพราะมีเรื่องเขียนเยอะจนเลือกไม่ถูก ฮิๆ

วันนี้ขอเขียนสั้นๆ ก็คือผมขอชื่นชมช่อง3 อีกครั้ัง (หรือไทยทีวีสีช่อง3 ซึ่งครบรอบ40ปีในปีนี้ ไม่รู้หวยมีออก40ไปรึยัง??)

ที่บอกว่าช่อง3ช่วงนี้ดีจริงๆ ก็เพราะ ละครต่างประเทศช่วงนี้ดีๆทั้งน้านนน..

--------------------------

ขอเริ่มด้วยที่ สงครามชีวิตโอชิน ที่ดูอีกครั้งก็ยังสนุกและตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้ดู ช่อง3นำออกอากาศอีกครั้งในเวลา18.30 จันทร์ถึงศุกร์ เพื่อให้คนไทยได้รู้จักถึงความยิ่งใหญ่ของความขยันขันแข็ง อดทน ต่อสู้ไม่ย่อท้อ และเป็นคนดีๆจริงๆของโอชิน

(โอชินคือละครที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผมเคยดู)

แต่ลูกจ้างของผม บ่นทุกครั้งที่โอชินฉายจบว่า ทำไมช่อง3ให้เวลาโอชินน้อยจัง ละครดีๆแบบนี้น่าจะให้ดูนานๆหน่อย!!


-------------------------

เรื่องต่อมาคือ ซอนต๊ก มหาราชินี3แผ่นดิน ละครเกาหลีที่มีนางเอกที่ผมชอบที่สุดอีก2คนนำแสดง ทั้งตัวนางเอกและนางร้าย

แต่เสียดายเรื่องนี้ผมไม่มีโอกาสได้ดู แต่มั่นใจว่าละครเรื่องนี้ดีและสนุกแน่ๆ

เพราะแม้ผมจะเคยดูแค่ฉากเดียว ก็เห็นถึงความฉลาดของบทเจราจาของนางเอกและนางร้ายเมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน เพียงแค่ฉากเดียวที่ผมได้ดู ก็ดีกว่าดูละครไทยทุกเรื่องที่ออกกาอากาศในช่วงนี้ทั้งหมดแล้ว

----------------------

เรื่องต่อมาเป็นละครจีนฮ่องกง เรื่อง มรสุมชีวิตลิขิตพระจันทร์ ออกอากาศจันทร์-ศุกร์ เวลา13.00-14.00น.

มันส์มากๆ ตัวละครเรื่องนี้ยกมาจากเรื่อง ศึกชิงมรดกราชาเป๋าฮื้อ ยกทั้งชุดมาหมด

ละครจีนเรื่องนี้มีดีตรง เดินเรื่องกระชับ ฉับไว สะใจคนดู ให้้ข้อคิดว่า ครอบครัวสำคัญที่สุด

ละครฮ่องกงเรื่องนี้นี้ประสบความสำเร็จในฮ่องกงมาก จนละครเกาหลียังต้องถอยให้

-------------------------

และขอปิดท้ายด้วยละครโบราณจีน ที่สร้างความประทับใจมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน

ก็คือเรื่อง กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม เวอร์ชั่น เจ้าหย่าจือ เยื่นต๊ะหัว

เจ้าหย่าจือ เธอคือเจ้าแม่กวนอิมที่สวยที่สุดจริงๆ

ออกอากาศตอนตี2ครึ่ง จันทร์-ศุกร์

--------------------------------

ถ้านางเอกญี่ปุ่น ยูโกะ ทานากะ สวยที่สุดสำหรับผมแล้ว

นางเอกฮ่องกง ก็ไม่มีใครสวยเกินกว่าเธอคนนี้ เจ้าหย่าจือ ขอรับกะผม


-------------------------------

ตอนเด็กๆ ผมหลงรักเจ้าหย่าจือ(เริ่มจากเรื่องฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์) มากว่า10ปี หลงรักยูโกะ ทานากะ (โอชิน)อีกกว่า10ปี

เมื่อสาวสวย2คน ที่ผมประทับใจกลับมาอีกครั้งในช่วงนี้


ช่อง3จึงมีช่วงที่ดีที่สุดในรอบหลายๆปีครับ

.
.

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ว่าด้วยเรื่องไปรษณียบัตรทายผลบอลโลก

.
.

ช่วงนี้สิ่งที่คนไทยทั้งที่ดูบอลหรือไม่ดูบอล ทั้งที่ชอบบอลหรือไม่ชอบบอลก็ตาม ต่างแห่กันส่งไปรษณียบัตรทายผลบอลโลกไปที่ไทยรัฐกันใหญ่

ด้วยความเชื่อที่ว่า ใครส่งมากยิ่งมีสิทธิ์มาก!!

จึงทำให้คนที่ส่งต่างก็ซื้อส่งกันคนละเป็นร้อยเป็นพันใบ

ทั้งๆที่คนที่แห่ส่งกันทั้งหมดนั้น ก็มีเพียงคนเดียวที่ได้เงิน10ล้าน อีก10คนก็ได้คนละล้าน 1แสนบาทอีกร้อยรางวัล

เท่ากับคนที่ได้รางวัลมีเพียง111คนเท่านั้น คนที่ส่งไปคนเดียวเป็นพันๆใบมาหลายๆครั้งของบอลโลก หลายๆคนก็ไม่เคยเข็ด เพราะต่างเชื่อกันทุกคนว่า ความหวังความฝันถึงเงินสิบล้านอาจจะ! อาจจะ!! อาจจะ!!โชคดีอาจจะเป็นของเราก็ได้

-----------------------------

ถ้าจำไม่ผิด คนที่ได้สิบล้านปีที่แล้วก็เป็นเด็ก5ขวบ ยายส่งให้แทนหลาน ส่งแค่12ฉบับเท่านั้น แต่ดันได้แจ๊กพ็อต!!

มีเด็กม.ุ6ได้1ล้าน ก็ส่งแค่ไม่กี่สิบใบเท่านั้น

คนที่ได้รางวัลกลับไม่ใช่คนที่เห่อส่งเป็นร้อยเป็นพันใบ

------------------------

ผมว่าคนไทยควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ส่งแค่คนละ2ใบก็พอ คือรอส่งตอนหลังเตะรอบรองจบ ก็จะรู้ว่าใครเข้าชิง

ส่ง2ใบ ก็เขียนไปทีมละใบ

ถ้าทุกๆคนที่ส่งชิงโชค ถ้าส่งคนละ2ใบเท่านั้น ไปรษณียบัตรทายผลก็จะไม่มากมายก่ายกองเท่าภูเขาย่อมๆ นับร้อยๆล้านใบ

ลองคิดดู ไปรษณียบัตรทายผลนับร้อยล้านใบนั้น น้ำหนักจะมากขนาดไหน ต้องใช้แรงงานคนแบกเท่าไหร่ ต้องใช้น้ำมันในการขนส่งไปเท่าไหร่

กระดาษที่ใช้พิมพ์แต่ละฉบับ ต้องใช้ไม้ไปกี่ต้น???

ไปรษณียบัตรสีขาวสะอาดตานั้น ต้องผ่านการฟอกการทำให้ขาวสะอาด ต้องเสียพลังงานและสารเคมีไปเท่าไหร่??

แต่พี่ไทยไม่เคยสน พี่ไทยสนแต่ว่า ฉันอยากรวย อยากรวย แล้วก็อยากรวย

จะต้นไม่กี่ต้นก็ช่างมัน จะน้ำมันกี่ล้านลิตรก็ช่างมัน จะเสียแรงงานคน เสียทรัพากรไปมากเท่าไหร่ก็ช่างมัน

ก็เรามีสิทธินี่ เรามีเงินซื้อนี่ ใครๆเขาก็ซื้อกันทั้งนั้น!!

--------------------------

ที่พวกเราลดโลกร้อนไม่ได้ผล ก็เพราะพวกเราร่วมกันส่งไปรษณียบัตรร้อยๆล้านใบนั่นแหล่ะ มีใครจะเชื่อผมมั้ยนี่??

หากเราช่่วยกันลดโลกร้อน ด้วยการลดปริมาณการส่งไปรษณียบัตรลง เพียงแค่คนละ2ใบเท่านั้น

ถ้ามีคนส่งทั้งหมด20ล้านคน ก็จะมีเพียง40ล้านฉบับเท่านั้น

เรื่องของดวงมันไม่ได้วัดกันที่ปริมาณใครมากกว่าหรอกครับ เชื่อผมเถอะ เพราะเรื่องของดวงมันมีอะไีรที่มากกว่าแค่เรื่องตรรกะและความน่าจะเป็น

ส่วนผมก็ส่งไป4ใบเท่านั้นครับ มากเกินไป2ใบแค่นั้นเอง ฮิๆ

.
.

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สุดยอดกีต้าร์มหาเทพเกาหลีแห่งยูทูป 2





บทความตอนที่แล้ว ได้เสนอเจ้าหนูSungha jung เจ้าหนูเทพกีต้าร์ที่แจ้งเกิดบนยูทูปไปแล้ว มาบทนี้ผมอยากนำเสนอหนุ่มอีกคนที่เมื่อครั้งแรกที่ผมได้ดูคลิปเขาเล่นกีต้าร์ก็ต้องยอมซูฮกในความเก่งของเขา

คลิปการเล่นกีต้าร์ของเขามีการโหลดชมไปมากกว่า75ล้านครั้ง!! เจ็ดสิบห้าล้านครั้ง!!

เขาใช้ชื่อแฝงว่า funtwo ปกปิดใบหน้าที่แท้จริง เขาเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าสไตล์ร้อค แต่คลิปที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมทั่วโลกนั้น เขาได้นำเพลงคลาสสิคเก่าแก่ที่ชือ cannon in d ของ Johann Pachelbel คีตกวีชาวเยอรมัน ซึ่งได้ประพันธ์ไว้เมื่อกว่า300ปีที่แล้ว

เพลงcannon in d เป็นเพลงคลาสสิคที่ผมชอบที่สุด ฟังครั้งแรกก็โดนเลย โดนเฉพาะได้ฟังในหนังเกาหลีเรื่อง เดอะคลาสสิค ยิ่งโดน!!

และยิ่งมาได้ดูคุณ funtwo เล่น ในรูปแบบร้อค ก็ยิ่งโดน

โปรดรับชมรับฟังขอรับ!


คลิปต้นฉบับมียอดชมเกิน90ล้านครั้ง ถูกลบไปแล้ว จึงนำคลิปเดียวกันแต่ยอดล้านกว่าครั้งมาแทนครับ


เมื่อfuntwoแจ้งเกิดบนยูทูปแล้ว ก็มีคนตามหาเขาว่า funtwo นั้นเป็นใคร??

และแล้วก็เจอเขาในที่สุด

เพราะเขาเป็นหนุ่มชาวเกาหลีใต้นั่นเอง ได้ออกรายการทีวีในเกาหลี และได้โชว์ความสามารถในหลายแห่ง จนโ่ด่งดัง มีคอนเสิร์ตของตัวเอง และได้ร่วมแจมกับนักกีต้าร์ไฟฟ้าระดับโลก เหมือนกรณีเจ้าหนูSungha jungเช่นกัน

funtwo on tv



ทีนี้ลองมาดูfuntwo อีกเพลง มันส์!!มากขอบอก..



ทีนี้ลองมาดูfuntwo กับคอนเสิร์ตเปิดตัวครั้งแรกที่บ้านพักทูตเกาหลีใต้ประจำสหรัฐฯในกรุงวอชิงตันครับ




สุดท้ายไปชมfuntwo เล่นกับนักกีต้าร์ระดับโลกอย่างJoe Satriani ในยูทูปไลฟ์คอนเสิร์ต



--------------------------------

หวังว่าคุณผู้อ่านคงไม่ฟังเพลงcannon in d จนเบื่อไปซะก่อนนะครับ เพราะก่อนจะปิดบทความตอนนี้ ผมก็ต้องนำคลิปของคนญี่ปุ่นมาให้ดูบ้างเช่นเคย

เป็นนักเรียนหญิงญี่ปุ่นโชว์ ที่มาฉายเดี่ยวในเพลงcannon in d เช่นกัน รับรองอึ้ง!! แม้ไม่ถึงขั้นเทพ แต่ก็ระดับเซียนฝึกหัดล่ะครับ ก็คนญี่ปุ่นเขาก็เก่งไม่แพ้ใครอยู่แล้วนี่ครับ

(ผมได้ดูคลิปนี้เมื่อ2ปีก่อน ดูครั้งแรกทึ่งจริงๆ)




วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สุดยอดกีต้าร์มหาเทพเกาหลีแห่งยูทูป 1

.
.
หากคุณผู้อ่านเป็นแฟนประจำบล็อคของผม จะมีบางช่วงที่ผมจะนำเอาคลิปยูทูปที่เกี่ยวกับกีต้าร์มาขึ้นหน้าเว็บบ่อยๆ เช่นวงDepapepe ของญี่ปุ่น เพราะผมก็เล่นกีต้าร์เหมือนกัน แต่ผมจะเล่นกีต้าร์คลาสสิค แม้ตอนนี้จะไม่ได้แตะเลยมากว่าปีก็ตามเถอะ

ในยูทูปมีนักกีต้าร์ที่แจ้งเกิดกับยูทูปจนโด่งดังมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีนักกีต้าร์เอเซีย อย่างเช่น หนูน้อย Sungha Jung อัจฉริยะเด็กชาวเกาหลีที่แจ้งเกิดบนยูทูปด้วยฝีมือกีต้าร์ขั้นเทพน้อยๆ เพราะพ่ออัปโหลดขึ้นยูทูปให้ลูกชายเมื่อปี2006 จนกระทั่งเดี๋ยวนี้หนูน้อยSungha jungดังที่สุดในเกาหลีสำหรับกีต้าร์อคูสติกสไตล์คลาสสิคประยุกต์

เพลงBille jean



ที่ผมชอบที่สุดที่sungha jungเล่น ก็คือเพลงโฮเต็ลแคลิฟอร์เนีย



ปัจจุบันหนูน้อย Sungha Jung เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว ที่ผ่านมามีคอนเสิร์ตในเกาหลีมากมาย ร่วมเล่นกับศิลปินกีต้าร์ระดับโลกก็หลายคน เช่น

หนูน้อยSungha jung ปะทะ Kotaro Oshio นักกีต้าร์ระดับอภิมหาเทพชาวญี่ปุ่น ที่เล่นกีต้าร์ตัวเดียว แต่เสมือนเล่นกีต้าร์2ตัวในเวลาเดียวกัน



เมื่อSungha jung เริ่มเป็นหนุ่ม เล่นเพลงนี้มอบให้น้องสาวของเขา



และมาฟังยูทูปสัมภาษณ์Sungha jung หลังจากที่ได้โด่งดังเพราะยูทูป



--------------------------------------

ขอแถมท้ายในตอนนี้ ด้วยคลิปKotaro Oshio อีก2เพลง เพื่อให้รู้ว่า ศิลปินญี่ปุ่นยังไงๆก็สุดยอด!!





"
"
"
"



วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ศึกแห่งตำนานบอลโลกระหว่างเยอรมัน อังกฤษ อาร์เจนติน่า

.
.

วันนี้ผมขอเขียนบทความเกี่ยวกับฟุตบอลโลกสักนิด ซึ่งประเด็นร้อนในหลายวันที่ผ่านมาก็คือ ควรที่จะให้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการตัดสินเกมกีฬาที่ยิ่งใหญ่แห่งมวลมนุษยชาตินี้หรือไม่??(ฟุตบอลคือกีฬายอดนิยมมากที่สุดในโลก)

หลายคนก็ต่างความเห็น แต่สำหรับผม ผมค่อนข้างเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสำหรับเรื่องนี้ครับ คือไม่อยากให้มีการรีเพลย์ภาพสำหรับเวลาเกิดปัญหาเช่น การฟาลว์ในเขตโทษ การตบตาผู้ตัดสิน การที่ลูกผ่านเส้นประตูไปหรือยัง

แต่ผมเห็นด้วยที่จะให้มีกรรมการกำกับที่เส้นประตูเพิ่มขึ้นอีก!

ทำไมถึงไม่ควรมีเทคโนโลยีมาช่วยรีเพลย์ภาพใหม่ ??

ก็เพราะ มันจะทำให้ฟุตบอลลดความเป็นตำนานและความยิ่งใหญ่ลงไปครับ เพราะนี่แหล่ะคือเสน่ห์แห่งฟุตบอล การที่มีการgossipในหมู่แฟนบอลไม่รู้จบ ก็เป็นส่วนสำคัญทีทำให้ฟุตบอลเป็นตำนานกีฬาที่ยิ่งใหญ่

ตัวอย่างเช่น ลูกที่ทีมชาติอังกฤษยิงลงบนเส้นเมื่อปี1966 แล้วกรรมการให้ลูกนั้นได้ประตูทั้งๆที่ยังผ่านเส้นประตูเข้าไป ซึ่งไม่ถือว่าเป็นประตู จนทุกวันนี้ลูกนั้นก็ยังเป็นที่จดจำฝังใจแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะฝังใจคนเยอรมันตะวันตก

ซึ่งแม้แต่ทีมอังกฤษเองก็ถูกแฟนบอลจำนวนมากในโลก กล่าวหาว่า ได้แชมป์โลกปี1966อย่างไม่สมศักดิ์ศรีเท่าที่ควร

หรือแม้กระทั่ง Hand of God ของดีเอโก้ มาราโดน่า นั่นก็เป็นตำนานที่ควรค่าแก่การจดจำ

หากมีการรีเพลย์ภาพในฟุตบอลโลกเมื่อใด ตำนานแบบนี้ก็ยากที่จะเกิดขึ้นอีก หรืออาจไม่มีอีกเลย (เว้นแต่มีโควต้าสำหรับการขอใช้สิทธิแบบเทนนิสจำกัดจำนวนว่าไม่เกินกี่ครั้งต่อเกม)

ตัวอย่างเช่น กรณีแฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงเยอรมันในรอบ16ทีมในบอลโลก2010นี้ หากลูกนี้มีการรีเพลย์เทป แน่นอน! ผลการแข่งขันอาจจะเปลี่ยนไป

แต่ลูกนี้ของแลมพาร์ดจะไม่ถูกจารึกในความทรงจำของแฟนๆนานเท่าลูกที่ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ยิงเยอรมัน(ตะวันตก)ในรอบชิงปี1966




-------------------------------

เยอรมันกับอังกฤษ ทั้งสองประเทศเป็นคู่รักคู่แค้นกันมานานโดนเฉพาะในเรื่องสงคราม ที่อังกฤษกับเยอรมันต่างยืนอยู่คนละข้างกันตลอดในสงครามโลกทั้ง2ครั้งที่ผ่านมา

เยอรมันแพ้สงครามแก่อังกฤษทุกครั้ง

เมื่อคราวที่เยอรมันชิงบอลโลกกับอังกฤษในปี1966 เยอรมันก็หวังจะแก้แค้นอังกฤษด้วยเกมกีฬาที่ยิ่งใหญ่อย่างฟุตบอลบนแผ่นดินอังกฤษ แต่กลับกลายเป็นว่า

เยอรมันถูกย้ำแค้นด้วยความรู้สึกที่ถูกปล้นชัยชนะไปเพราะลูกปัญหาคาบเส้นลูกนั้น

------------------------------


ลูกยิงแลมพาร์ด รอโหลดคลิป



ผ่านมา44ปี ความเจ็บใจของคนเยอรมันสำหรับประตูปัญหาลูกนั้นก็ได้รับการปลดปล่อย เมื่อคนอังกฤษได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกเฉกเช่นคนเยอรมันเคยได้รับหลังจากเกิดลูกปัญหาของแลมพาร์ดในครั้งนี้

หลายท่านอาจคิดว่า เพราะไม่มีการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย จึงทำให้เกิดปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกมควรจบด้วยความยุติธรรมที่สุดของทั้ง2ฝ่าย ใช่มั้ยครับ??

แต่สำหรับเกมฟุตบอลนั้น นี่แหล่ะครับคือเสน่ห์ของเกมลูกหนัง ที่ทรงพลังต่อมวลมนุษย์ยิ่งกว่าเกมกีฬาใดๆ

เพราะนักฟุตบอลไม่ใช่เพียงแค่เอาชนะฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น แต่ต้องเอาชนะกรรมการทั้ง3คนในสนามให้ได้ด้วย นี่ถึงจะสมเป็นเกมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ เป็นตำนาน!!

เพราะนี่คือฟุตบอลไม่ใช่อเมริกันฟุตบอล ที่ต้องมัวแต่หยุดเกมทุกครั้งเพื่อดูภาพปัญหา

แต่..!! ผมสนับสนุนให้ฟีฟ่าสามารถมาเอาผิดกับคนที่เสแสร้งในภายหลังได้ครับ เช่นนักฟุตบอลแกล้งบาดเจ็บเพื่อให้คู่แข่งถูกใบแดง อย่างกรณีที่เกิดกับกาก้า ที่โดนใบแดงออกจากสนามไปเพราะนักเตะทีมไอเวอร์รี่โคสท์แกล้งเจ็บเกินเหตุ ก็ควรจะให้ฟีฟ่ากลับมาเอาผิดกับนักฟุตบอลรางวัลออสการ์คนนั้นในภายหลังได้

ส่วนกรณีผู้ตัดสิน ตัดสินผิดพลาด ฟีฟ่าเขามีมาตรการลงโทษอยู่แล้วครับ

------------------------------

อาร์เจนติน่า v.s. อังกฤษ

หลังจากสงครามแย่งชิงเกาะฟอล์กแลนด์ระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนติน่ายุติลงไม่กี่ปี อาร์เจนติน่่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และต้องจ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามแก่อังกฤษจำนวนมาก จนประเทศย่ำแย่ลงไปอีก

ในปี1986 ฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก นี่คือฟุตบอลโลกครั้งแรกสำหรับผมที่ได้ติดตามอย่างจริงจัง

สมัยนั้นผมเชียร์เยอรมันตะวันตก ส่วนแมทอังกฤษเจออาร์เจนติน่า รอบไหนผมจำไม่ได้ แต่น่าจะรอบ16ทีม(ถ้าผิดขออภัย)

ดีเอโก้ มาราโดน่า เสมือนตัวแทนคนอาร์เจนติน่าทั้งประเทศที่สามารถเอาชนะอังกฤษได้ด้วย ลูกยิงระัดับตำนาน!! นั่นคือ

ลูกแรกพระหัตถ์แห่งพระเจ้า! ลูกสองเลี้ยงเดี่ยวจากกลางสนามมายิงประตู!

ทั้งสองลูกคือสิ่งมหัศจรรย์ของเสือเตี้ย มาราโดน่า ทิ้งไว้เป็นตำนาน

อาร์เจนติน่าสามารถแก้แค้นอังกฤษได้สำเร็จ ความพ่ายแพ้จากสงครามชิงเกาะฟอล์กแลนด์ของชาวอาร์เจนได้รับการเยียวยาโดยนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกตลอดกาล ดีเอโก้ มาราโดน่า เขากลายเป็นวีรบุรุษแห่งประเทศนับแต่วันนั้น

แต่ยังไม่พอแค่นั้น มาราโดน่า ยังพาทีมเอาชนะบราซิลได้อย่างพลิกล็อคถล่มโลก เพราะบราซิลบุกพับสนามแต่ยิงไม่ได้! และมาราโดน่าก็พาอาร์เจนติน่าเข้าชิงกับเยอรมันตะวันตก และเอาชนะเยอรมันอย่างสุดมันส์ 3:2ประตู

ผมนั้นเชียร์ทั้งอังกฤษ บราซิล และเยอรมันตะวันตก เพราะตอนนั้นผมยังหมั่นไส้เสือเตี้ยอยู่ แต่ที่สุดแล้วทุกทีมที่ผมเชียร์ก็แพ้เสือเตี้ยและทีมอาร์เจนติน่าทั้งหมด (ตอนนั้นเพราะผมยังโง่มากๆ ผมเลยยังเชียร์อังกฤษอยู่)

อาร์เจนติน่าได้ครองแชมป์โลกสมัยที่2







----------------------------------

ฟุตบอลโลกครั้งต่อมาในปี1990 ที่อิตาลี เยอรมันยิงจุดโทษชนะอังกฤษหลังจากเสมอกันในเวลา เข้าไปชิงกับอาร์เจนติน่าที่ยังนำทัพโดยมาราโดน่าอีกครั้ง

แต่เยอรมันเอาชนะอาร์เจนติน่า1:0ได้เพราะเยอรมันได้จุดโทษในเวลาปกติ เกิดการฟาล์วแบบไม่ชัดเจนเท่าไหร่

---------------------------------

รอบก่อนรองชนะเลิศในศึกฟีฟ่าเวิร์ลคัพ2010นี้ เยอรมันได้โคจรมาพบกับคู่ปรับเก่าอาร์เจนติน่าอีกครั้ง แต่คราวนี้มาราโดน่าอยู่ในฐานะผู้จัดการทีม

ใครแพ้ใครชนะ ยุคนี้ผมไม่รู้จะเชียร์ใครดี เพราะชอบทั้งคู่ครับ (พอแก่แล้วกลับมาชอบมาราโดน่าซะแล้วสิ)
.

ผู้ติดตาม