วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สปิริตคนญี่ปุ่นในwar2 ตอน2





ย้อนอ่านตอน1
.
.
เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ชาติสัมพันธมิตรและประชาชนในประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรต่างออกมาเรียกร้องให้นำพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตมาดำเนินคดี

(มีข่าวหลายกระแสอ้างว่า ก่อนที่ญี่ปุ่นจะยอมแพ้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการเจรจาลับกับฝ่ายสหรัฐว่า หากญี่ปุ่นยอมแพ้ ก็ขอให้อย่าดำเนินคดีกับองค์พระจักรพรรดิ)

เมื่อคนญี่ปุ่นเริ่มรับรู้ว่า อาจมีการนำองค์สมเด็จพระจักรพรรดิไปดำเนินคดี คนญี่ปุ่นจำนวนมากร่วมกันเขียนจดหมายถึงนายพลแมคอาเธอร์ผู้นำกองทัพสหรัฐ บางคนถึงกับเขียนจดหมายด้วยเลือด เพื่อขอร้องฝ่ายสัมพันธมิตร และสหประชาชาติ ว่าอย่าได้ดำเนินคดีแก่องค์พระจักรพรรดิของตน

ยังมีคนญี่ปุ่นอีกจำนวนมาก ที่นอกจากจะเขียนจดหมายด้วยเลือดแล้ว ก็ยังฆ่าตัวตาย ขอตาย และประกาศว่า ขอชดใช้ความผิด(ถ้ามี)แทนองค์พระจักรพรรดิ




จดหมายที่ชาวญี่ปุ่นระดมส่งถึงนายพลแมคอาเธอร์

เมื่อกองทัพสหรัฐ นำโดยพลเอกดักลาส แมคอาเธอร์มาถึงญี่ปุ่น มีผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมาก ต่างมารอเขาที่ท่าเรือ เพื่อร้องไห้ อ้อนวอนต่อกองทัพสหรัฐไม่ให้จับตัวองค์พระจักรพรรดิของพวกเธอไป

ผู้หญิงญี่ปุ่นหลายคนประกาศว่า ถ้าสหรัฐนำตัวพระจักรพรรดิของพวกเธอไป พวกเธอจะฆ่าตัวตายต่อหน้านายพลแมคอาเธอร์แห่งกองทัพสหรัฐ

สถานการณ์ในญี่ปุ่นตอนนั้น ยังคงมีความโกรธแค้นในหมู่ประชาชนที่ยังไม่ยอมรับการแพ้สงคราม พวกเขาประกาศว่า หากพระจักรพรรดิถูกดำเนินคดีจริง

คนญี่ปุ่นทั้งประเทศประกาศจะขอยอมตาย สู้ตายกับฝ่ายสัมพันธมิตรอีกครั้ง!!

-----------------------


ทั้งๆ ที่ สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต ได้นำพาประเทศญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงคราม ทำให้ชาวญี่ปุ่นสูญสิ้นความภูมิใจที่มีมาแต่อดีตว่า คนญี่ปุ่นไม่เคยแพ้สงครามกับชาติไหน 

คนญี่ปุ่นต้องสูญเสีย พลัดพรากจากคนรัก ลูกชาย หลายแสนคน หรือที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ ต้องมีคนตายหลายแสนคน เนื่องจากระเบิดปรมาณู

แต่คนญี่ปุ่นไม่เคยโทษไปที่องค์พระจักรพรรดิ แถมยังร่วมกันปกป้องพระองค์ด้วยชีวิต !!

--------------------------



สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต กับนายพลแมคอาเธอร์


เมื่อนายพลแมคอาเธอร์ ได้มีโอกาสพบกับสมเด็จพระจักพรรดิฮิโรฮิโต ซึ่งในตอนแรกก็คาดกันว่าเขาจะมานำองค์พระจักรพรรดิไปดำเนินคดีนั้น

ว่ากันว่า นายพลแมคอาเธอร์จึงเกิดเปลี่ยนใจ จากปัจจัยหลายอย่าง เช่นไม่อยากให้คนญี่ปุ่นเดิอดแค้นเพิ่มขึ้น ไม่ต้องการให้เกิดสงครามซ้ำอีกครั้ง

นายพลแมคอาเธอร์ จึงเสนอให้ประเทศญี่ปุ่นยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเขาเป็นผู้จัดการให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของญี่ปุ่นที่กำหนดให้สมเด็จพระจักรพรรดิ์ฯ ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและห้ามญี่ปุ่นมีกองกำลังทหาร (รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นเขียนโดยสหรัฐอเมริกา และใช้กันมาถึงปัจจุบันโดยไม่มีการแก้ไขเลย)

(แต่อนุญาตให้ญี่ปุ่นมีเพียงกองกำลังสำหรับปกป้องประเทศเท่านั้น แต่แม้จะแค่ป้องกันประเทศ แต่ก็เป็นกองกำลังที่ทันสมัยไฮเทคกว่าไทย)


รัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่น ค.ศ.๑๙๔๗

มาตรา ๑ พระจักรพรรดิทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งประเทศญี่ปุ่นและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนชาวญี่ปุ่น

มาตรา ๙ รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น

๑. โดยที่มีความมุ่งประสงค์อย่างแท้จริงในสันติภาพระหว่างชาติโดยมีความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยเป็นพื้นฐาน ชนชาวญี่ปุ่นยอมสละจากสงครามไปตลอดกาลนานโดยให้ถือเป็นสิทธิสูงสุดแห่งชาติ กับทั้งสละจากการคุกคามหรือการใช้กำลังเพื่อแก้ไขข้อพิพาทระหว่างชาติด้วย

๒. เพื่อบรรลุความมุ่งประสงค์ในวรรคก่อน จะไม่มีการธำรงไว้ซึ่งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ กับทั้งศักยภาพอื่น ๆ ในทางสงคราม ไม่มีการรับรองสิทธิในการเป็นพันธมิตรในสงคราม


-------------------------------

การที่นายพลดักลาส แมคอาเธอร์ ไม่นำองค์พระจักรพรรดิไปขึ้นศาลโลกในฐานะอาชญากรสงครามนั้น ก็อาจจะเกิดมาจากพระดำรัสนี้ก็เป็นได้

คือเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิได้ทรงพบปะกับนายพลแมคอาเธอร์แล้วนั้น ตามคำที่นายพลได้เขียนไว้ พระจักรพรรดิได้ทรงตรัสกับเขาว่า

"ข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่ว่า โทษนั้นข้าพเจ้าจะรับเอง แต่อยากให้ช่วยประชาชนแทน" เมื่อนายพลแมคอาเธอร์ได้ฟัง เขาก็ได้ซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่เนื่องจากการสนทนานี้ไม่ค่อยมีใครรู้กันมากนัก จึงไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่

ครั้นมีการสัมภาษณ์สมเด็จพระจักรพรรดิเมื่อปี พ.ศ. 2518 พระองค์ก็ทรงตรัสว่า "ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ เพราะเป็นคำสัญญาของลูกผู้ชาย"

เมื่อญึ่ปุ่นยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใต้การจัดการของนายพลแมคอาเธอร์ จึงทำให้ญี่ปุ่นมุ่งเน้นพัฒนาด้านเศรษฐกิจและฟื้นตัวจากประเทศผู้แพ้สงครามได้เร็วขึ้น เนื่องจากไม่ต้องใช้งบประมาณและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ 


(เพราะสหรัฐมาตั้งฐานทัพบนเกาะโอกินาว่า)

---------------------------

ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย

ในสมัยรัชกาลที่5 ไทยและญี่ปุ่นได้รับการยกย่องว่า เป็น2ชาติที่เจริญก้าวหน้ามากที่สุดในเอเชีย

แต่DNA คนญี่ปุ่นนั้น คนญี่ปุ่นเป็นชนชาติหลงใหลในเทคโนโลยีมาก สนใจที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และมีความมุ่งมั่นใฝ่ฝันที่อยากจะเอาชนะชาติตะวันตกมาตลอดด้วยเทคโนโลยีของตัวเอง

เพราะประเทศญี่ปุ่นมีทรัพยากรน้อย เป็นชาติที่ไม่ค่อยอุดมสมบูณณ์เท่าใดนัก อาหารที่ผลิตในประเทศก็ไม่ค่อยพอกิน ภัยจากธรรมชาติก็มีมากมาย

ในเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ประกอบกับประเทศก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์มากเท่าใดนัก

หนทางเดียวที่ญี่ปุ่นจะอยู่รอดได้ ก็คือ ต้องใช้มันสมองทำงานพัฒนาเทคโนโลยีให้มากกว่าแรงกายในการทำเกษตรกรรม!!

พวกเขาจึงเร่งพัฒนาเทคโนโลยีจนกลายเป็นประเทศเจริญก้าวหน้าที่สุดในโลกชาติหนึ่ง

ในปัจจุบัน เพราะญี่ปุ่นรวยมาก ผู้คนต่างในชาติ ต่างรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด คนญี่ปุ่นจึงร่วมใจกันรักษาสิ่งแวดล้อมกันอย่างดี

ในตอนนี้ ประเทศญี่ปุ่นจัดว่าเป็นประเทศที่สวยงามด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ประชาชนช่วยกันดูแลรักษา

--------------------------------

ประเทศไทยภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ไทยเราก็ถูกญี่ปุ่นแซงหน้าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น คาดว่า เฉพาะความเจริญในระบบสาธารณูปโภค ญี่ปุ่นเจริญกว่าไทยไม่ต่ำกว่า100ปี-200ปี (จากปากคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง)

หมายความว่า ให้ญี่ปุ่นหยุดการพัฒนาสาธาณูปโภคทั้งหมด ไทยเราต้องพัฒนาอย่างน้อยๆ100ปี จึงอาจจะ 


ย้ำ!! อาจจะตามเขาทัน!?

ตัวอย่างง่ายๆ ญี่ปุ่นสามารถผลิตรถยนต์ รถไฟ ใช้เอง มานานร่วมๆ ร้อยปีแล้วครับ ตอนนี้กำลังเน้นหุ่นยนต์ และด้านอวกาศ

---------------------

ก่อนจบบทนี้ ขอทิ้งท้ายไว้่ว่า

คนไทยชอบโทษระบอบปกครอง แต่ไม่ชอบโทษตัวเองครับ

หากคนไทยยังขี้เกียจกว่าคนญี่ปุ่น ไร้ระเบียบ ไร้วินัย ย่อมไม่มีวันเจริญได้ทัดเทียมประเทศญี่ปุ่นแน่ๆ

แล้วเรื่องพระมหากษัตริย์อีก ในหลวงของเราทรงทำเพื่อคนไทยเรามากมาย แต่กลับมีคนคิดร้ายและหมิ่นพระองค์

ในขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่น ท่านทรงนำประเทศไปแพ้สงคราม คนญี่ปุ่นต้องล้มตายมากมาย แต่ไม่มีคนญี่ปุ่นเขาโทษองค์พระจักรพรรดิเลย

อ่าน คนไทยไม่มีวันเจริญเหมือนคนญี่ปุ่นได้ (บทความยอดนิยมประจำบล็อคนี้)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม