.
ก่อนอื่นผมขอบอกแนวคิดของผมก่อนว่า ผมไม่ได้ต่อต้านระบอบการปกครองทุกระบอบในโลก(อ่านได้จากมุมมองใหม่การปกครอง) เพราะทุกระบอบต่างมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพสังคมและวัฒนธรรมแต่ละประเทศว่าเหมาะสมกับระบอบใดมากที่สุด และผมก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของพวกที่ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันฯด้วย
เพราะผมคิดว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะคิด แต่ที่ผมอยากเขียนบทความเรื่องนี้ เพราะอยากแสดงความคิดเห็นในส่วนของตัวเองที่จงรักภักดีสถาบันฯ แต่ผมไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อล้อต่อเถียงกับพวกไม่จงรักภักดีในเว็บดังกล่าว เพราะจะกลายเป็นว่า ผมไปร่วมหมิ่นสถาบันฯโดยไม่ตั้งใจได้ และเชื่อว่า คงไม่สามารถเปลี่ยนความคิดพวกเขาเหล่านั้นได้ เพราะอคติของคนเปลี่ยนยากที่สุด (คอมมิวนิสต์กลับใจมีมากมายแต่ต้องเกิดจากคิดได้เอง)
ผมแค่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดให้แก่ผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯให้เพิ่มมากขึ้น
จากความเดิมตอนที่แล้ว เมื่อคอมมิวนิสต์ไทยพ่ายแพ้ หลังจากนั้นรัฐบาลพลเอกเปรมก็ให้โอกาสคนไทยที่หลงผิดกลับเข้ามาร่วมพัฒนาชาติไทย แต่กระนั้นก็ตาม กระแสแนวคิดคอมมิวนิสต์ก็ยังไม่เคยจางหายไปจากสังคมไทยซะทีเดียว จนกระทั่งเมื่อคอมมิวนิสต์โซเวียตล่มสลายไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1991 ทำให้แนวคิดคอมมิวนิสต์ไทยก็เริ่มจางๆไปด้วย
(ในเวลาต่อมารัฐบาลไทยก็ยกเลิกกฏหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงที่เกี่ยวกับภัยคอมมิวนิสต์ การใส่เสื้อเหมาเจ๋อตุง ใส่หมวกดาวบนผืนแดง ใส่เสื้อผ้าสัญลักษณ์ค้อนเคียวของอดีตโซเวียตก็เลยไม่ผิดอีกต่อไป)
คนในอดีตพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลายๆคนก็เข้าสู่ถนนการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย หลายๆคนละทิ้งแนวทางคอมมิวนิสต์ไปแล้ว แต่ยังมีอีกหลายๆคนที่ยังฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่ แต่ก็ดัดแปลงแนวคิดคอมมิวนิสต์เดิมให้ผสมผสานกับยุคโลกาภิวัฒน์ที่ประชาธิปไตยทุนนิยมรุ่งเรือง ซึ่งแนวคิดคอมมิวนิสต์หลายๆอย่าง หากปรับใช้อย่างถูกต้องก็มีประโยชน์อยู่พอสมควร
แต่ที่เป็นอันตรายกับประเทศไทยก็คือ พวกคอมมิวนิสต์แนวใหม่ที่แอบอ้างประชาธิปไตยบังหน้าต่างหากทีต้องระวัง
ผมจึงขอเรียกคอมมิวนิสต์แบบใหม่ที่เป็นอันตรายต่อชาติในที่นี้ว่า "คอมมิวนิสต์กลายพันธุ์" ที่ยังคงนิยมแนวคิดคอมมิวนิสต์อยู่มาก แต่ชอบอ้างประชาธิปไตยบังหน้า เพื่อผลประโยชน์อื่นแอบแฝง และรอวันสบโอกาสเท่านั้น
ที่จริงในบรรดาพวกไม่จงรักภักดีสถาบันฯนี้ ไม่ได้มีแต่คอมมิวนิสต์กลายพันธุ์เท่านั้น ยังมีไอ้ประเภท ทุนนิยมจัดเรียกร้องประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี ก็มาเป็นแนวร่วมในการต่อต้านและไม่จงรักภักดีสถาบันฯด้วยเช่นกัน
พวกทุนนิยมจัดนิยมประธานาธิบดี เมื่อมีอคติต่อสถาบัน แล้วร่วมมือกับพวกคอมมิวนิสต์กลายพันธุ์ ในการต่อต้านและไม่จงรักภักดีต่อสถาบันแล้ว ทำให้การโจมตีสถาบันจึงมีหลากหลายรูปแบบ และนับวันๆก็จะก้าวร้าวไม่ให้เกียรติสถาบันฯและสิทธิความเชื่อความรักสถาบันฯของคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกับตัวเองมากขึ้นๆ
พวกนี้ปากก็อ้างประชาธิปไตย แต่กลับด่าเสียดสีประชาชนที่จงรักภักดีสถาบันฯ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ (ซึ่งจะขอกล่าวต่อในบทต่อไป)
ทีแรกก็ไม่น่าจะมีปัญหามากเท่าไหร่นัก แต่พอมีเรื่องทักษิณโดนปฏิวัติยึดอำนาจเข้ามาเกี่ยวนี่สิ จึงเริ่มเป็นปัญหา เพราะพวกที่ไม่จงรักภักดีทั้งสองรูปแบบได้เห็นโอกาสทองที่จะใช้ความนิยมของประชาชนคนรากหญ้าส่วนใหญ่ที่มีต่อทักษิณเป็นเครื่องมือ พวกนี้เลยถือโอกาสแฝงเข้ามาเป็นฝ่ายสนับสนุนทักษิณ หวังใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือในการใส่ร้ายป้ายสีสถาบันฯ
ฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณจึงไม่ได้มีแต่ประชาชนคนรากหญ้าที่ได้ประโยชน์จากนโยบายประชานิยมที่ไม่เชื่อเรื่องการล้มสถาบันเท่านั้น ยังมีกลุ่มพวกคอมมิวนิสต์กลายพันธุ์และพวกประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี(สาธารณรัฐ)แฝงเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งกลุ่มหลังนี่แหล่ะที่เราคนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดีต้องระวัง!
โดยเริ่มยุทธการที่ทางคอมมิวนิสต์ชอบใช้ในอดีตที่เรียกป่าล้อมเมือง หรือแปลแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ ตีวัวกระทบคราด
เป็นกลยุทธ์ที่ตีชิ่ง ไม่ได้ตีเป้าหมายโดยตรง แต่จะตีจากจุดอื่นแต่หวังผลที่จุดหมาย ในการนี้พวกที่ไม่จงรักภักดีได้ใช้พลเอกเปรมเป็นเป้าหลอก ซึ่งเริ่มแรกเกิดจากการที่ทักษิณได้พูดต่อหน้าคนไทยในต่างประเทศว่าพลเอกเปรมน่าจะอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร19ก.ย.(เคยหาดูได้จากyoutube) ทำให้เปิดโอกาสให้กลุ่มพวกที่ไม่จงรักภักดีใช้จุดนี้ขยายผลไปถึงสถาบันฯที่เรารัก
(พวกไม่หวังดีต่อสถาบันฯของเรา นอกจากคนไทยแล้วยังมีต่างชาติร่วมมือด้วย และข่าวใส่ร้ายส่วนใหญ่ ต่างชาติก็ได้จากคนไทยชั่วๆนี่แหล่ะที่ให้ข้อมูลมัน เพื่อกลับไปเขียนวิจารณ์สถาบันฯของเรา และคนไทยที่ไม่จงรักภักดีนี่แหล่ะ ก็เอาเรื่องชั่วที่ฝรั่งเขียนกลับมาใช้โจมตีสถาบันฯอีก โดยอ้างว่า ฝรั่งเขายังรู้เลย...)
พลเอกเปรมจะเกี่ยวกับการล้มทักษิณหรือไม่? ไม่สำคัญ! หากอยากจะด่าเปรมก็ด่าไป แต่การที่ใช้เปรมเป็นเป้าหลอกเพื่อเป้าหมายอื่นที่สูงกว่าอันนี้ยอมไม่ได้ (โดยพวกไม่จงรักภักดีชอบใช้คำว่า "อมาตยาธิปไตย" ในการโจมตีเปรมเพื่อกระทบชิ่ง) จึงมีประชาชนผู้จงรักภักดีที่มีความรู้โดยเฉพาะคนในกรุงเทพฯ ซึ่งพวกเขาก็ดูแผนการชั่วของพวกไม่จงรักภักดีออก จึงทำให้พวกเขาออกมาต่อต้านทักษิณเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีแค่ต้านระบอบทักษิณ ตอนหลังก็หันมาปกป้องสถาบันฯด้วย
ซึ่งประชาชนผู้จงรักภักดีสถาบันฯเขาต่อต้านกันเองโดยไม่ต้องมีใครมาเรียกให้ทำ แต่ใครจะใช้วิธีการใด ก็แล้วแต่คนๆไป เช่นผมเลือกที่จะสู้กับระบอบทักษิณด้วยการเขียนบล้อค เพราะผมไม่ใช่พันธมิตร
แต่ก็มีหลายๆคนที่เลือกที่จะไปสนับสนุนพันธมิตร และการที่พันธมิตรเข้มแข็งกว่าที่ฝ่ายพวกไม่จงรักภักดีคาดถึงนั้น ตรงจุดนี้เองจึงเป็นจุดที่พวกไม่จงรักภักดีใช้เป็นจุดโจมตีสถาบันฯ (ย้ำตรงนี้อีกครั้ง นอกจากมีคนไทยชั่วๆที่ไม่จงรักภักดี แล้วยังมีพวกต่างชาติที่ให้ความร่วมมือคนไทยชั่วๆเหล่านี้ด้วย)
ซึ่งที่จริงแล้วพันธมิตรเข้มแข็งได้นอกจากมีประชาชนทั่วไปสนุบสนุนแล้ว ยังมีประชาชนที่มีศักยภาพในสังคม ที่ประกอบด้วยกลุ่มอาชีพชั้นนำต่างๆที่มีส่วนร่วมสนับสนุนพันธมิตรด้วย (ฝ่ายนปช.เองก็เคยออกมาแถลงต่อต้านกลุ่มธุรกิจที่ฝ่ายนปช.เชื่อว่า น่าจะสนับสนุนพันธมิตรเรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ฝ่ายนปช.คว่ำบาตรธุรกิจต่างๆเหล่านั้น) ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องบอกอีกว่า มีกลุ่มไหนบ้าง ก็รู้ๆกันทั่วไป
แต่ก็นั่นแหล่ะ พวกที่ไม่จงรักภักดีสถาบันฯ มันก็หาเหตุใส่ร้ายไปได้เรื่อยนั่นแหล่ะ ลองคนมันมีอคติแล้ว มันก็จ้องทำลายทุกวิถีทาง คนพวกนี้มันก็หลอกได้แต่คนที่ไม่รู้เท่านั้น แต่คนที่มีการศึกษาเขาต่างรู้เท่าทันคนพวกนี้หมด พวกไม่จงรักภักดีสถาบันฯซึ่งมักจะหลงคิดว่าตัวเองนั้นฉลาด จึงหลงตัวเองต่อไปเหมือนกบในกะลา เพราะในเว็บหมิ่นฯส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกมันเองที่เขียนโพสในเว็บ ประชาชนผู้จงรักภักดีที่มีความรู้จำนวนมากเคยเข้าไปเห็นเว็บหมิ่นสถาบันฯพวกนี้ แต่เขาแค่เพียงอ่านเพื่อรู้ทันคนพวกนี้ ไม่ได้อยากเข้าไปต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะจะยิ่งเป็นการสนับสนุนพวกไม่จงรักภักดีทางอ้อมโดยไม่ตั้งใจ
ส่วนทักษิณเองอาจเป็นแค่เหยื่อที่ถูกพวกไม่จงรักภักดีหลอกใช้เป็นเครื่องมือหรือไม่ ผมไม่รู้ เพราะทักษิณก็เคยผ่านโรงเรียนทหาร ก็น่าจะมีความจงรักภักดีสถาบันฯ อยู่ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าเพราะความโลภและอำนาจมันหอมหวล แล้วความภักดีเกิดเปลี่ยนไป อันนี้ก็ไม่ทราบได้ แต่ถ้าดูพฤติกรรมทักษิณหลังจากหมดอำนาจหลายๆเหตุการณ์ ก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย เช่นกรณีโฟนอินเป็นต้น (อ่าน ทักษิณไม่บังควรฯ)
ฉะนั้นในบทนี้ ผมไม่ฟันธงว่าทักษิณคิดล้มสถาบันหรือไม่ แต่รู้ว่าในบรรดาคนที่สนับสนุนทักษิณนั้น มีพวกไม่จงรักภักดีแฝงตัวอยู่ด้วยแน่นอน (หากใครได้ฟังคลิปคำปราศัยของ ดา ตอปิโด บนเวทีนปก.ที่สนามหลวงก็จะรู้และ หากใครได้ฟังจักรภพ พูดเรื่อง ระบบอุปถัมป์ที่อเมริกาก็จะรู้ว่า มีแนวความคิดล้มล้างสถาบันฯอยู่จริงในกลุ่มเชียร์ทักษิณ เป็นต้น)
ทักษิณเองก็อาจใช้พวกนี้เป็นเครื่องมือเพื่อทวงอำนาจหรือทรัพย์สิน หรือไม่ก็พวกไม่จงรักภักดีก็อาจใช้ทักษิณล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็เป็นได้ หรือต่างฝ่ายก็ต่างหลอกใช้กัน หรือต่างฝ่ายก็อาจมีแนวคิดตรงกันก็ได้ ตรงนี้ผมไม่ทราบ แต่ฝ่ายพันธมิตรเขาฟันธงไปแล้วว่า ทักษิณคิดล้มสถาบันแน่! ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ต้องคิดกันเอาเอง
และหากถามความเห็นส่วนตัวผมแล้ว ผมว่า หากสถาบันฯจะเป็นกลาง ก็ต้องเป็นกลางในขณะที่บ้านเมืองมีประชาธิปไตยที่มีคุณธรรมปกครองอยู่ แต่หากบ้านเมืองมีประชาธิปไตยที่ไร้คุณธรรมปกครองแล้ว หากสถาบันฯยังเป็นกลางอยู่ ก็จะกลายเป็นความเป็นกลางที่ไร้ค่าครับ
เราทุกคน ต้องไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล โดยอ้างแค่ประชาธิปไตย
บทสรุปของบทความตอนนี้ ผมขอสรุปว่า
ประชาธิปไตยสำคัญมั้ย ตอบว่า สำคัญ แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีคุณธรรมเท่านั้น
หากประชาธิปไตยตกอยู่ในมือนักการเมืองที่มีไร้คุณธรรม อย่างนี้ก็อันตรายต่อประเทศชาติ
ฉะนั้นประชาธิปไตย จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ตามที่มีพวกแอบอ้างบ้าประชาธิปไตยชอบอ้างเพื่อปลุกระดมมวลชนเสมอไป
อันนี้ประชาชนจึงต้องระวัง พวกประชาธิปไตยแอบแฝง
ตราบใดคุณภาพประชาชนอย่างด้อยอยู่ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะตกเป็นเหยื่อของประชาธิปไตยแบบมิจฉาทิฐฐิ
.
อ่านตอนต่อไป ตอนที่3 ตอน พวกฝันเฟื่อง
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com