คุณผู้อ่านครับ วิกฤติเศรษฐกิจไทยปี40 วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี50 วิกฤติกรีซและยุโรปปี53 ทั้งหมดล้วนมาจากต้นกำเนิดเดียวกันคือ ใช้เงินเกินตัว ฟุ้งเฟ้อ
(แนะนำอ่านบทความยอดนิยมอีกบทของผมคือ ขึ้นค่าแรง300บาทกับข้อควรระวัง!!)
ช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนปี53 ผมเขียนเรื่องนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทยไว้หลายบทความ
ในขณะที่ทั่วโลกเขาใช้นโยบายรัดเข็มขัด แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับมือเติบเหมือนเดิม
โอเค น้ำท่วมต้องใช้เงินฟื้นฟู แต่ประชานิยมบางอย่างถ้าไม่เร่งด่วนหรือสำคัญแทนที่จะหยุดชั่วคราว แล้วหาเหตุผลมาอธิบายประชาชนให้เข้าใจว่าทำไมต้องชะลอไปก่อน เชื่อว่าทุกคนย่อมเข้าใจ
แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ!!บอกขอเดินหน้าประชานิยมทุกโครงการ เพราะไม่ใช่เงินตระกูลชินวัตรนี่ มันเงินภาษีของชาติ ใช้ๆไปเถอะเพื่อคะแนนเสียงพรรคเพื่อแม้ว ถึงชาติอาจเจ๊ง แต่ยังไงชินวัตรก็ไม่เจ๊ง!!
ด่ารัฐบาลมาร์คกู้ (มาฟื้นฟูจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) ไอ้เราก็นึกว่า เพื่อไทยมันด่าเขาไว้เยอะ มันคงไม่หน้าด้านจะกล้ากู้อีก แต่ที่ไหนได้ก็กู้เหมือนกันล่ะวะ ไม่มีปัญญาหาเงินเหมือนกัน เก่งแต่ขายกิจการรัฐอย่างปตท. แล้วอ้างว่า หาเงินเป็น!!
ไอ้ที่ด่าเขาไว้ เข้าตัวเองทั้งนั้น เพราะหน้าด้านกว่า!!
(แนะนำคลิกอ่าน ความจริงที่คนไทยทุกคนควรรู้!! กรณีไอเอ็มเอฟ และปตท.)
---------------------------------
หลังจากมหาอุทกภัยปี53 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็จะเดินหน้าประชานิยมต่อไป ขณะที่เงินที่จะมาใช้ฟื้นฟูประเทศยังต้องกู้เลย ทั้งๆที่เศรษฐกิจประเทศพังเพราะน้ำ แต่รัฐบาลปูก็ยังหน้าใหญ่ ยังคิดจะใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายต่อไป
บอกว่าจะใช้เงิน3.5แสนล้าน ทำระบบป้องกันน้ำท่วม แต่เท่าที่ผมตามข่าว รัฐบาลยังไม่ทันจะรู้เลยว่าจะต้องทำอะไรมากน้อยแค่ไหน? ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ดันรู้ก่อนแล้วว่า ต้องใช้เงินถึง3.5แสนล้าน ทำไมไม่ลองปรึกษาในหลวงก่อน หากพระองค์มีหนทางแก้ไขอยู่แล้ว อาจใช้เงินไม่กี่หมื่นล้านก็ได้
และในขณะที่คนตกงานนับหมื่นจนถึงแสน จากนิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ แรงงานเหล่านี้น่าสงสารมากๆ งานหาย เงินไม่มี ภาระหนี้สินก็เยอะ ข้าวของก็แพงขึ้นทุกวัน
รัฐบาลปูแทนที่จะเห็นใจพวกเขาก่อน แต่กลับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการให้สูงหนีขึ้นไปอีกแล้ว ในขณะที่เงินค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ทันได้ขึ้นเลย แถมยังมีคนตกงานมากมายเรียกได้ว่า เป็นการทำให้เงินเฟ้อโดยใช่เหตุ
ในขณะที่คนตกงานมากมาย รัฐบาลก็ไปขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ย่อมมีผลให้ข้าวของแพงขึ้น คนตกงานยิ่งซวย!!
เคยนึกถึงคนที่ตกงานอยู่บ้างมั้ยว่า เมื่อเขาได้ยินข่าวข้าราชการเงินเดือนขึ้น เขาจะรู้สึกยังไง?
(แนะนำอ่าน กลุ่มคนที่ถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลืม)
รมต.พาณิชย์ นายกิตติรัตน์พูดหมาๆว่า ข้าวของแพง จะแก้โดยให้กลไกตลาดแข่งขันกัน
ถุย! พูดแบบนี้ก็แปลว่า มันจะไม่ทำอะไรเลยน่ะสิ
ถามหน่อยว่า ที่ผ่านๆมา สินค้าแต่ละชนิดมันไม่ได้แข่งขันอยู่หรือยังไง?
มันมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว แต่มันก็ฮั้วกันเอาเปรียบผู้บริโภคมาตลอดด้วย ข้าวของมันถึงแพงไปเรื่อยๆ
เขามีกระทรวงพาณิชย์ไว้ช่วยให้ราคาของไม่แพงเกินไป ไม่ใช่มาตอบแบบมักง่ายว่า ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
ถ้าอย่างนี้ไม่ต้องมีรมว.พาณิชย์หรอก ก็กลไกตลาดมันทำงานของมันอยู่แล้วนี่ จะมีรมว.พาณิชย์ไว้เปลืองภาษีชาติทำไม??
v
v
แนะนำคลิกอ่าน บังเอิญรองประธานหอการค้าเห็นตรงกับผม (ในเรื่องชะลอโครงการรถไฟฟ้าเพื่อมาสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมก่อน)
-----------------------
ถามเล่นๆ เงินเดือน6พัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ห่อละ6บาท
กับ เงินเดือน 9พัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองละ10บาท
แบบไหนดีกว่ากัน?
--------------------------------
คนแก่ก็ถูกลืม
เพื่อไทยหาเสียงว่าจะขึ้นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่จนถึงวันนี้ ลืมไปเลย!!
เดือนตุลาคม กับพฤศจิกายน ก็ออกล่าช้า มาออกเอาเดือนธันวาคมทีเดียว3เดือน
และพอออกมาแล้ว คนแก่ก็ยังได้แค่ 500บาทเท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่หาเสียง
เงิน500บาท ตกวันละไม่ถึง20บาท ซื้อก๋วยเตี๋ยวกินยังไม่ได้เลย!!
ผมสงสารคนแก่มากๆ คนแก่บางคนโดดเดี่ยวไม่มีใครเลี้ยงดู แถมน้ำก็มาท่วมบ้าน
แต่รัฐบาลก็ยังใจดำ ลืมเงินคนแก่ มีจนท.อบต. คนนึงออกมาแก้ต่างแทนรัฐบาลในกระทู้ของผมที่เว็บสนุกว่า จะตกเบิกมาให้ทีหลัง
แทนที่รัฐบาลจะแถลงให้คนแก่รู้ แต่กลับเงียบเฉย ว่าตกลงคนแก่จะได้เพิ่มหรือไม่ได้อย่างไรแน่?
ทีเงินข้าราชการและลูกจ้างในระบบราชการ รัฐบาลรีบหาทางอนุมัติจ่ายเร็วมีผลตั้งแต่1มกราคมที่ผ่านมา แต่ทีเบี้ยสูงอายุของคนแก่ส่วนที่ว่าจะเพิ่มให้ ยังไม่รู้จะได้เมื่อไหร่!!?
มัวแต่เอาใจขึ้นเงินเดือนข้าราชการอยู่ได้ อ๋อ เพราะมีผลต่อคะแนนเสียง และการทำงานสนองรัฐบาลใช่มั้ย?
แทนที่รัฐบาลจะช่วยคนเดือดร้อนอย่างคนแก่และคนพิการที่ยังได้เบี้ยช่วยเหลือ500บาทเท่าเดิม หรือช่วยคนตกงานเสียก่อน เช่นยืดอายุเงินเดือนที่ช่วยจากเงินประกันสังคมช่วงตกงาน แต่รัฐบาลกลับไปช่วยข้าราชการก่อน?
สำหรับข้าราชการและลูกจ้างที่ได้เงินเดือนขึ้นจากเงินภาษีชาติ ผมยินดีด้วย
แต่ผมก็สงสารประเทศไทยมากขึ้น .. ก็เท่านั้น!!
ค่าไฟฟ้าฟรีช่วยคนจน จาก90หน่วย รัฐบาลก็ลดเหลือแค่50หน่วยแล้ว ค่าแก๊สNGVและLPG ก็กำลังจะขึัน ทั้งๆที่ปตท.มันโกงเอาแก๊สของคนไทยไปใช้ประโยชน์กิจการปิโตรเคมีของมันแท้ๆ พอมันมีไม่พอใช้ ก็มาอ้างว่า ขาดทุน! ที่จริงต้นทุนแก๊สNGVและLPG ที่ผลิตจากอ่าวไทยมีราคาถูกกว่าตลาดโลก คนไทยสมควรใช้ของถูกอยู่แล้ว และมีพอใช้สำหรับรถยนต์ของคนไทยอยู่แล้ว
แต่ปตท. มันเอาไปใช้ในกิจการปิโตรเคมีของมัน จนแก๊สไม่พอใช้ จนต้องนำเข้ามา แล้วอ้างว่า ราคาตลาดโลกสูง ทำให้ปตท.ขาดทุน แต่ความจริงมันขาดทุนกำไร แล้วอ้างขึ้นราคาNGVและLPGกับคนไทย เพื่อให้ปตท.กำไรมากขึ้นต่างหากครับพี่น้อง!!
เงินค่าน้ำมันเบนซินไม่ได้ไปเอาอุดหนุนค่าNGVและLPGของผู้ใช้รถใช้ถนนหรอก แต่เอาไปอุดหนุนค่าแก๊สในโรงงานปิโตรเคมีของปตท.ต่างหาก ทำให้ปตท.มีต้นทุนประกอบกิจการปิโตรเคมีถูกลง ไม่ใช่เอาไปพยุงราคาแก๊สNGVและLPG ของผู้ใช้รถใช้ถนนตามที่มันอ้างหรอกครับ ปตท.และรมว.พลังงงานมันหลอกเราครับ
ปตท. มันขูดรีดคนไทยหน้าด้านๆ
คลิกอ่าน นโยบายน้ำมันไทยห่วยจริงๆ!! (แล้วคุณจะรู้จักความชั่วของปตท.มากขึ้น)
ผมเพิ่งเจอblogนี้เป็นครั้งแรก มีเหตุผลดีมาก อยากให้มีการเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ให้พวกที่รับข้อมูลด้านเดียวได้หูตาสว่างขึ้นมาบ้าง
ตอบลบผมอยากให้มีการรวมบทความพิมพ์ออกจำหน่าย เพราะทุกวันนี้มีแต่ข้อมูลเท็จ สร้างความน่าเขื่อถืออ้างอิงนักวิชาการบางจำพวก ทำเป็นกระบวนการ ปลูกฝังความคิดด้านเดียว เหมือนฝังชิฟเอาไว้ในสมองบรรดาสาวกให้คิดแต่เรื่องเดิมเรี่องเดียว โกหกทุกวันทุกเวลาจนคิดว่าเรื่องที่ตัวเองโกหกเป็นเรื่องจริง อันตรายครับ
ตอบลบขอบคุณครับ ที่อยากให้พิมพ์ แต่ผมก็แค่ประชาชนโนเนม แค่มีคนตามอ่านบล็อคและชื่นชมบ้าง ก็เป็นกำลังใจมากแล้วครับ
ตอบลบมีข้อสงสัยอยู่หน่อยหนึ่งค่ะ ที่บอกว่ารัฐบาลปูขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ ขึ้นตรงไหนเหรอค่ะ ฉันเป็นข้าราชการ ไม่เห็นจะได้เงินเดือนขึ้นพิเศษตรงไหน นอกจากเงินเดือนขึ้นตามขั้นปกติ ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ
ตอบลบตามข่าวนี้ครับคุณผู้หญิง
ตอบลบ"ขรก.-ลูกจ้างเฮ!ดีเดย์ปรับเงินเดือนมอบของขวัญปีใหม่"
วันนี้(29 ธ.ค.) นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมประกาศปรับรายได้ให้ข้าราชการ ลูกจ้าง วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป รับเงินเดือนบวกเงินเพิ่ม ต้องไม่ต่ำกว่า 15,000 ต่อเดือน โดยกลุ่มที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ก็ได้ปรับด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 55 นี้เป็นต้นไป ถือเป็นการให้ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล
“นโยบายรัฐบาลเรื่องการปรับรายได้ให้แก่บุคลากรภาครัฐ โดยเฉพาะผู้ที่จบปริญญาตรีเมื่อเข้าทำงานในระบบราชการควรมีรายได้ขั้นต่ำอย่างน้อย 15,000 บาทต่อเดือน นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอร่างระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำ ซึ่งล่าสุดได้ยืนยันร่างระเบียบดังกล่าว ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา คาดว่ากระทรวงการคลังจะประกาศให้มีผลบังคับใช้ตามที่รัฐบาลได้มอบนโยบายไว้อย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ บุคลากรภาครัฐที่จะได้ปรับรายได้ครั้งนี้จะครอบคลุม 5 กลุ่มรวมกว่า 649,323 คน คือข้าราชการ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวที่จ้างจากเงินงบประมาณ ทหารกองประจำการ และ พนักงานราชการ
สำหรับเงินที่จ่ายนั้น จะเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว (พชค.) กำหนดเงื่อนไขไว้ 2 ลักษณะคือ กลุ่มที่บรรจุในตำแหน่งที่กำหนดคุณสมบัติเฉพาะว่าต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ถ้าได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ 15,000 บาท ให้รับเงิน พชค. เพิ่มจนถึง 15,000 บาท และกลุ่มที่บรรจุในตำแหน่งที่ใช้วุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ถ้าได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ 12,285 บาท ให้รับเงิน พชค. เดือนละ 1,500 บาท แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 12,285 บาท หรือถ้ารวมกันแล้วไม่เกิน 9,000 บาท ก็ให้อีกจนถึง 9,000 บาท และทหารกองประจำการที่รับเงินเดือน ระดับ พ.1 ถ้ารับเงินเดือนรวมกับเบี้ยเลี้ยงประจำตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมแล้วไม่ถึงเดือนละ 9,000 บาทให้ได้รับเงิน พชค. เพิ่มขึ้นตามที่กระทรวงกลาโหมจะกำหนดต่อไป แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน เดือนละ 9,000 บาท
“ปัจจุบันข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานราชการ ที่บรรจุในวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป มี 346,365 คน งบประมาณที่ใช้ 1,589 ล้านบาทต่อเดือน ที่ต่ำกว่าปริญญาตรี 164,943 คน ทหารกองประจำการ 138,015 คน 2 กลุ่มนี้จะใช้เงินงบประมาณ 455 ล้านบาทต่อเดือน รวมใช้งบประมาณ 2,044 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในปีงบประมาณ 55 เวลา 9 เดือนจะใช้เงิน18,396 ล้านบาท ด้านระบบเงินเดือนนั้น กรมฯ ได้เตรียมการรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อกฎหมายประกาศ สามารถจ่ายเงินได้ตามเวลาที่กำหนดทันที สำหรับการเยียวยาข้าราชการที่ทำงานมานานแล้ว และได้รับผลกระทบการปรับค่าครองชีพในครั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. กำลังดำเนินการ และคาดว่าจะมีผลในวันที่ 1 ม.ค.55 เช่นกัน”
http://www.dailynews.co.th/businesss/5230