ที่จริงถ้าดูจากชื่อบทความ ประชาธิปไตยต้องมีชนชั้น!! ผมเคยเขียนบทความคล้ายๆแบบนี้มาทีนึงแล้ว คือบทความชื่อ ประชาธิปไตยคือความไม่เท่าเทียมกัน เขียนตั้งแต่ปีที่แล้ว
หากเราฟังแกนนำเสื้อแดงพูดถึงเรื่องชนชั้น ความแตกต่างทางสังคมและฐานะแล้ว เนื้อหาและเหตุผลในการปราศัยปลุกระดมมวลชนล้มชนชั้นของแกนนำเสื้อแดงนั้น ก็คือ วิธีการพูดและโน้มน้าวใจเหมือนสมัยยุคคอมมิวนิสต์ในไทยรุ่งเรืองเปี๊ยบ ๆ เลยครับ
(ประชาธิปไตยต้องไม่มีชนชั้น ต้องเท่าเทียมกัน หรือ คอมมิวนิสต์ต้องไม่มีชนชั้น ต้องเท่าเทียมกัน จะเห็นว่าต่างกันตรงที่ คำว่าประชาธิปไตยกับคำว่าคอมมิวนิสต์แค่นั้น!!)
เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่า คอมมิวนิสต์แท้ ๆ ที่พยายามจะสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม ไม่มีคนรวย ไม่มีคนจน ไม่มีชนชั้น ทุกคนเท่าเทียมกัน
แต่สุดท้ายก็เลยเหลือแต่ จนอย่างเท่าเทียมกันทั้งประเทศ เหมือนเช่นจีนในยุคประธานเหมา หรือยุคสหภาพโซเวียตที่ต่อมาล่มสลาย แต่ชนชั้นปกครองในพรรคคอมมิวนิสต์กลับอยูดีกินดีกว่าประชาชนเหมือนระบอบชนชั้นเดิมๆ
สรุปง่าย ๆ ก็คือ ประชาธิปไตยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเลื่อนระดับชนชั้นได้เสมอ ด้วยความรู้และความสามารถของตน ถ้ามาบอกว่าประชาธิปไตยไม่มีชนชั้นเลย นั่นคือสิ่งที่ผิด! เพราะแม้แต่คอมมิวนิสต์จีนยังทำไม่สำเร็จเลยครับ
และทุกวันนี้เมื่อจีนนำทุนนิยมมาปรับใช้แล้ว ก็ทำให้ตอนนี้มีคนจีนรวยอยู่ในระดับโลกสูงกว่าเศรษฐีไทยเสียอีกครับ
--------------------------
ที่ผมเขียนในช่วงแรกไม่ได้บอกว่า การเอาเปรียบกันในสังคมไม่มีอยู่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่ว่าการปกครองระบอบใดๆหากผู้คนเห็นแก่ตัวก็จะเกิดการเอาเปรียบในสังคมอยู่ดี
เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่การมีชนชั้น แต่มันอยู่ที่จริยธรรมของคนในแต่ละชนชั้นมากกว่า
ในอเมริกาก็มีการแบ่งชนชั้น รวยก็รวยล้นฟ้า จนก็จนแบบไม่มีจะกินต้องไปหาตามถังขยะก็มี คนรวยในอเมริการวยที่สุดในโลกก็มีเยอะ และจนหนักยิ่งกว่าคนไทยก็มีเยอะกว่าด้วย
คนจนไทยที่ไร้เงินไร้ที่อยู่ คุณเชื่อหรือไม่ว่า กลับมีความเป็นอยู่ดีกว่าคนจนในอเมริกาด้วยซ้ำ เพราะคนจน คนจรจัดในอเมริกา หิวตาย หนาวตายข้างถนนมากมายในแต่ละปี ในขณะที่คนจรจัดในไทยแทบไม่มีคนอดตาย
.
หากคนไทยไม่เลิกเอาเปรียบสังคม และยังเห็นแก่ตัว สุดท้ายเรื่องชนชั้นก็ยังจะมีตลอดไป เพราะไม่ว่าจะจนหรือจะรวย คนไทยมักชอบเอาเปรียบสังคมด้วยกันทั้งนั้น (ละเมิดกฏหมายบ้านเมือง เช่นเรื่องง่ายๆอย่างกฏหมายจราจรเป็นต้น)
------------------------------
"จนกระจุก รวยกระจาย" ประเทศไหนๆก็มี ส่วนพี่ไทยเรา คนรวย10%ของจำนวนคนทั้งประเทศมีเงินสดมากถึง90%ของเงินฝากทั้งประเทศ ส่วนคนจน90% ก็มีเงินแค่10%ของเงินฝากทั้งประเทศ (เฉพาะเงินสดในธนาคารไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ)
และหนึ่งในชนชั้นสูงผู้ร่ำรวยก็มีตระกูลชินวัตรที่รวยกระจุกเช่นกัน!!
แถมจัดเป็นคนที่รวยเร็วบนธุรกิจสัมปทานที่ได้กำไรส่วนใหญ่ก็ได้มาจากคนไทย !! (สัมปทานทักษิณได้มาจากคณะรสช..)
แสดงว่าแสวงหากำไรจากคนไทยได้มากมายในเวลาไม่กี่ปี จนเคยเป็นคนรวยที่สุดในประเทศและเป็นชนชั้นสูง(ไฮโซ)ในสังคม และก้าวไปจนได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีของไทย
------------------------------
ผมเคยถามคำถามนึงไว้ในบทความเก่าๆว่า "ทำไมคนจีนที่มาเพียงเสื่อผืนหมอนใบ ถึงร่ำรวยจนกลายเป็นมหาเศรษฐีในไทยได้?ทั้งๆที่ในอดีตปัญหาชนชั้น (และการดูถูกเจ๊กดูถูกจีน)ในอดีตมีความรุนแรงกว่ายุคปัจจุบัน"
คุณผู้อ่านลองไปวิเคราะห์ดูนะครับ
ยังมีอีกคำถามนึง "ทำไมแขกปากีสถาน แขกบังคลาเทศกลับมาเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ให้คนไทยได้ ทั้งๆที่ตอนพวกเขามาเมืองไทยใหม่ๆ แขกพวกนี้ก็ไม่มีอะไรเลย มาขายถั่ว ขายโรตี จนเก็บหอมรอมริบและปล่อยเงินกู้ให้คนไทยได้???"
ผมอยากจะขอเล่าเรื่องแขกขายโรตีหน้าที่เดินผ่านหน้าบ้านผมสักหน่อยแล้วกัน
แขกขายโรตีคนนี้ เขาบอกผมว่า เขาเป็นชาวบังคลาเทศ(แต่อาจเป็นโรฮิงยาก็ได้ใครจะรู้) ที่เดินผ่านหน้าบ้านผม
เชื่อหรือไม่เขาพักอยู่ที่แถวซอยอารีย์ (พหลโยธิน7) แล้วเดินเข็นรถเข็นไปแทบทุกตรอกซอกซอยมาจนถึงซอยโชคชัย4ลาดพร้าว (แต่เน้น ๆ ขายที่โชคชัย4 ซอยภาวนา และซอยลาดพร้าว 71 เป็นหลัก) และกว่าจะออกจากซอยโชคชัย 4 ก็ราว ๆ2ทุ่ม ไปถึงบ้านก็เที่ยงคืน
และออกขายอีกทีตอน 6 โมงเช้าทันที โคตรขยันเป็นบ้าเลยครับ แต่เขาก็บอกว่าอยู่เมืองไทยดีและมีความสุขกว่าอยู่บ้านเขา เขาไม่เห็นมาประท้วงเรียกร้องล้มชนชั้นอะไรเหมือนคนไทยเลยครับ
และสุดท้ายแขกโรตีคนนี้ก็หาเมียคนไทยได้ และก็เริ่มปล่อยเงินกู้ให้พ่อค้าแม่ค้าคนไทยได้แล้วด้วย (ฮา)
ไอ้แม้วและลิ่วล้อมันเพ้อเจ้อทฤษฎีชนชั้น ศักดินาอะไรของมัน ถ้าบ้านเมืองถูกปกครองแบบแบ่งแยกชนชั้นอย่างมันว่า ประเทศไทยก็คงไม่มีไอ้ลูกจีนแซ่คู ที่พ่อขายกาแฟ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ตอบลบอีกตัวก็คล้ายกัน อยู่ที่สุพรรณ นั่นเรียนถึงชั้นไหนก็ไม่รู้ ส่วนไอ้ทนายลูกชาวนา มันคงไม่ได้ทุนไปเรียนถึงอังกฤษ แล้วกลับมาเนรคุณบ้านเกิด ลูกคอมมิวนิสต์ยังได้รับราชการทหาร ไม่มีใครกีดกัน ได้ขึ้นถึงขั้นสูงสุดในตำแหน่งหน้าที่ นายพลตรีอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองยืดอกเล่าอย่างเต็มภาคภูมิว่าเมื่อในวัยเด็กของท่านคุณแม่มีอาชีพเป็นคนรับใช้และแม่ค้าหาบเร่ ลูกแม่ถ้วนชาวบ้านธรรมดา ก็ได้เป็นนายกที่ผู้คนมากมายให้ความเคารพนับถือ ลูกไพร่อีกหลายคนได้เป็นประธานสภา
ถ้าบ้านเมืองนี้ไม่มีประชาธิปไตย พวกคอมหลงยุค คงไม่มีโอกาสได้กลับออกมาจากป่า บางคนทำธุรกิจจนร่ำรวย แต่ไม่สำเหนียก
คนที่ถูกกีดกันไม่สมหวัง ทำไมไปโทษสถาบัน พวกนักการเมืองคอรัปชั่นต่างหากที่ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม อย่าหลงกลพวกชั่วช้าสารเลว มันได้ไปจากแผ่นดินนี้มากมาย แผ่นดินที่สงบร่มเย็น เพราะพระเจ้าอยู่หัว ถ้าบ้านเมืองเป็นแบบพม่าหรือเขมร เราทั้งหลายจะได้มีเสรีภาพขนาดนี้หรือ ขอให้คนไทยใช้สติไตร่ตรองดู อย่าให้ความชั่วเข้าครอบงำ