วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชาวนาผู้ร่ำรวย,คนญี่ปุ่นอยากเป็นชาวนา





เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่แล้ว มีข่าวว่าเวียตนามส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วร่วม20% แต่ในขณะที่ไทยขายข้าวได้น้อยลงกว่าปีที่แล้ว15%
.
หากยังจำกันได้ ปีที่แล้วข้าวราคาพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนชาวนาไทยขายข้าวได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ

แต่ผมก็เคยเจอข่าวอยู่ข่าวนึงเมื่อปีที่แล้ว ที่ทีวีไปสัมภาษณ์ชาวนาที่อยุธยารายหนึ่ง เขาดีใจมากที่ปีนี้ขายข้าวไม่ขาดทุน กำไรทั้งหมดที่ได้ปีที่แล้ว3แสน เขาเลยซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ลูกชายวัยรุ่นตามที่ลูกเคยขอไว้ ส่วนเงินที่เหลือจากใช้หนี้ก็จะนำมาลงทุนปลูกข้าวต่อทันที

ที่จริงชาวนาไทยจำนวนมากอาจลืมไปอย่างนึงว่า ปีที่แล้วที่ไทยเราเนื้อหอมจากตลาดข้าวโลกก็เพราะ เวียตนามคู่แข่งรายสำคัญประสบกับภัยทางธรรมชาติน้ำท่วมเกือบทั้งประเทศ ทำให้เวียตนามต้องประกาศหยุดส่งออกข้าวเพราะกลัวจะเกิดภาวะอาหารขาดแคลนในประเทศ

แต่มาปีนี้เวียตนามยังไม่เจออุทกภัย ผลผลิตข้าวของเวียตนามเลยมีส่งออกกลับมาแข่งกับไทยได้อีกครั้ง ซึ่งทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกเริ่มลดลง เป็นผลให้ราคาข้าวในประเทศไทยแพงกว่า จนชาวนาโวยเพื่อขอให้รัฐบาลใช้วิธีรับจำนำราคาข้าวอีกครั้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นใช้วิธีการประกันราคาข้าวในอนาคต

สาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เวียตนามขายข้าวได้อัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าไทยที่อัตราส่วนกลับลดลง ไม่ใช่เรื่องคุณภาพข้าว เพราะข้าวไทยยังมีคุณภาพเหนือกว่า (แต่อย่าประมาท)

แต่สาเหตุที่เวียตนามขายข้าวได้มากขึ้นก็เพราะปัจจัยด้านราคาที่ถูกกว่าไทยมากจนทำให้ลูกค้าหันกลับมาสนใจข้าวเวียตนามมากขึ้น(น่าจะมีปัจจัยเรื่องภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเป็นปัจจัยช่วยส่งเสริมให้ข้าวเวียตนามน่าสนด้วย)
.
แล้วทำไมข้าวไทยราคาสูงกว่าคู่แข่ง?
.
คำตอบง่ายๆก็คือ ค่าครองชีพของไทยสูงกว่าเวียตนาม ต้นทุนการปลูกข้าวของชาวนาไทยก็สูงกว่าชาวนาเวียตนาม
.
เรื่องค่าครองชีพ ชาวนาคงไม่ได้มีอำนาจอะไรไปแก้ไขได้ แต่สิงที่ชาวนาไทยแก้ไขได้ก็คือการลดต้นทุนการผลิต

************************

ชาวนาผู้ร่ำรวย!!!
.
วันนี้เผอิญผมได้ดูข่าวทีวีไทย ไปสัมภาษณ์ชาวนาไทยคนหนึ่งที่ร่ำรวยจากการปลูกข้าวด้วยเกษตรอินทรีย์มากว่า20ปี แถมมีเงินเป็นล้านเขาชื่อนายชัยพร พรหมพันธุ์(นามสกุล พันธุ์ นี้มีสระอุ) เกษตรกรจากอำเภอบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
.
ซึ่งคุณชัยพร บอกว่าได้เรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์จากท่านผู้รู้คนหนึ่งเมื่อ20ปีที่แล้ว และจากเมื่อ20ปีที่แล้ว คุณชัยพรซึ่งได้รับมรดกที่นาเกือบ40ไร่ จากบิดาที่ทิ้งไว้
.
ด้วยการใช้เกษตรอินทรีย์ ไม่พึ่งพาปุ๋ยเคมี ไม่พึ่งพายาฆ่าแมลงพวกสารเคมี ใช้แต่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักบำรุงต้นจากนมสดและรกหมู และใช้ยาฆ่าแมลงจากสมุนไพรที่เขาทดลองค้นคว้าใช้มาตลอด เพราะยาฆ่าแมลงสมุนไพรไม่ฆ่าตัวห้ำตัวเบียนที่เป็นศัตรูกับแมลงศัตรูข้าว
.
ทำให้ต้นทุนการปลูกข้าวของคุณชัยพร มีต้นทุนต่อไร่เพียง 1000-2000บาทเท่านั้น!!! และได้ผลผลิตมากถึง 1 เกวียนต่อไร่ ! (ข้าว 1 เกวียน = 1พันกิโลกรัมข้าวเปลือก)

(โอโห! ตอนดูข่าวผมถึงกับดีใจจนปรบมือให้เลยครับ) แต่ในขณะที่ต้นทุนของชาวนาไทยทั่วๆไปกลับสูงถึง6000-8000บาทต่อไร่ (สาเหตุหนึ่งที่ชาวนาไทยเจ๊งเพราะต้นทุนต่อไร่สูง มีหนี้เก่าสะสม จากปัญหาภัยธรรรมชาติทำนาล่ม เพราะชาวนาไทยยังไม่มีการประกันความเสี่ยงจากพืชผลเสียหาย)
.
วิธีการหนึ่งที่คุณชัยพร ค้นพบคือ การปลูกข้าวแบบกระจายซัง เพราะสามารถปลูกข้าวได้ทันทีหลังจากที่เกี่ยวข้าวรุ่นที่แล้ว โดยปล่อยทิ้งซังข้าวกลายเป็นปุ๋ย
.
จากเดิมที่คุณชัยพร ได้รับมรดกจากพ่อไม่ถึง40ไร่ ปัจจุบันคุณชัยพร ได้ซื้อเพิ่มเติมที่นามาจนถึงวันนี้100กว่าไร่แล้วครับ (สุดยอด!)
.
แต่ยังไม่หมดแค่นั้น คุณชัยพร ชาวนาผู้ร่ำรวยมีเงินเป็นล้าน ยังบอกต่ออีกว่า ตอนนี้มีรถปิคอัพ3คัน มีรถบรรทุก10ล้อ มีรถ6ล้อ มีเงินส่งลูกเรียนปริญญาโท2คนจะจบปีหน้า มีลูกเพิ่งจบปริญญาตรีที่เกษตรศาสตร์อีกคน (สุดยอดๆๆ)
.
คุณชัยพร เสริมอีกหน่อยว่า การเกษตรอินทรีย์แบบที่เขาทำมา20ปี ไม่ใช่วิธีการที่สมัยใหม่อะไรมาก แต่เป็นวิธีการที่บรรพบุรุษก็ทำมาแล้วทั้งสิ้น เพียงแต่เขาค้นคว้าซักถามผู้รู้ คิดค้นเพิ่มเติมและหาอ่านจากหนังสือเท่านั้น

(ผมมีคลิปรายการคนค้นคนที่ตามติดชาวนาชัยพร ชาวนาเงินล้าน ด้านล่างบทความครับ)
.
*****************************
.

คนญี่ปุ่นอยากเป็นชาวนาเพิ่มขึ้น

ชาวนาผู้ร่ำรวย จ.สุพรรณบุรี
.
ได้ดูสกู๊ปข่าวเศรษฐกิจช่อง3 ซึ่งมีข่าวนึงที่นำเสนอเรื่องของคนญี่ปุ่นได้ไปสมัครเป็นชาวนาในโครงการของรัฐบาลญี่ปุ่น
.
ก่อนหน้าที่จะมีวิกฤติเศรษฐกิจของโลกที่ญี่ปุ่นก็รับไปเต็มๆด้วยนั้น คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ไม่ค่อยมีใครสนใจการเป็นชาวนา ทำให้ปัจจุบันชาวนาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็เหลือแต่คนรุ่นเก่าๆ(และแก่)ที่นับวันก็เริ่มเหลือน้อยลงทุกวัน
.
แต่พอเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้น มีผู้คนว่างงานเพิ่มขึ้น หรือมีผู้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างเช่น
.
หนุ่มคนหนึ่งที่เข้ามาสมัครเป็นชาวนาในโครงการของรัฐนี้ ซึ่งเดิมเขาก็เคยเป็นพนักงานบริษัทไปรษณีย์ญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นธนาคารอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย (เป็นอดีตรัฐวิสาหกิจที่พึ่งแปรรูป และแปรรูปเพื่อประชาชนจริงๆ)
.
หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ได้ถูกลดชั่วโมงการทำงานลง ทำให้เขามีเวลาเหลือมาลองฝึกการเป็นชาวนา แต่ต่อมาก็ตัดสินใจลาออกมาเป็นชาวนาเต็มตัว และค้นพบว่า อาชีพชาวนาเหมาะกับเขามากที่สุด ไม่รีบร้อน ไม่ต้องเครียด และมั่นคง
.
ก่อนหน้านี้ ผมก็เคยได้ดูสกู๊ปข่าวหนึ่งที่ใกล้เคียงกับข่าวแรก คือวัยรุ่นญี่ปุ่นยอมเสียเงินมาเรียนการปลูกข้าว ซึ่งคอร์สละหมื่นกว่าบาทกันมากมาย (ที่ญี่ปุ่นแค่นักท่องเที่ยวมาชมการสาธิตปลูกข้าวยังต้องเสียเงินขอชมเลย)
.
จากข่าวที่ผมได้ดู ทำให้ผมได้คิดว่า ประเทศไทยก็ยังดูทุกข์เรื่องวิกฤติเศรษฐกิจน้อยกว่าอีกหลายๆประเทศ เช่นอเมริกาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประสบภาวะจัดเก็บรายได้น้อยลง ถึงขนาดผู้ว่าฯคนเหล็ก อาโนล์ด ชวาชเนค.เกอร์ ต้องปลดข้าราชการของรัฐออก หรือลดเงินเดือนลดวันทำงานลงเพื่อความอยู่รอด และอเมริกาก็มีคนตกงานไร้ที่อยู่เพิ่มขึ้นๆ ..
..
แต่สำหรับประเทศไทยข้าราชการไม่ถูกตัดเงินเดือน ไม่ถูกไล่ออก เพียงแค่นี้ข้าราชการไทยก็ไม่พอใจแล้วครับ
.
หรือคิดกันแค่ว่า ปัญหาชาติเรื่องของชาติ แต่ปัญหาเงินเดือนเรื่องของกู!มิทราบ? (รัฐวิสาหกิจที่เรียกร้องเงินเพิ่มโปรดสำเหนียกไว้ด้วยนะครับ)
.
อ่านทุนนิยมบริโภคหลอกใช้ชาวนาไทย
.
อ่านความล้มเหลวของชาวนาไทยจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจ

----------------------------------

เพิ่มเติม

บทความเรื่องชาวนาผู้ร่ำรวย ผมเขียนไว้เมื่อวันที่30ก.ค.2552

แต่พอดีเมื่อวันที่2มิ.ย.54 ผมได้เจอคลิปรายการคนค้นคนของวันที่24พ.ค.54 ได้ไปตามติดชาวนาผู้ร่ำรวย คือคุณชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้านผู้ที่มีเงินเดือนให้เมียได้เดือนละ5หมื่น ผมเลยถือโอกาสนำคลิปของคุณ ladyEdnaMode มาลงไว้ประกอบเพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้นครับ








แนะนำอ่าน ความล้มเหลวของชาวนาไทยจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่1


1 ความคิดเห็น:

  1. หมอชาวนา มีผลงานวิจัยอิสระเรื่อง ปัญหาความยากจนของเกษตรกร โดยเฉพาะกลุ่มชาวนา พบวิธีแก้ไขปัญหาง่าย ๆ หลายแนวทาง สามารถทำให้เกษตรกรรวยกว่าพ่อค้า ดีกว่าข้าราชการ ได้มากกว่ากองทุนเงินล้าน มีเงินให้รัฐบาลกู้ยืม รวยจากการให้ ได้จากความสามัคคี ยิ่งนานยิ่งรวย รวยด้วยศักยภาพและการพึ่งพาตนเอง ทุกปัญหามีคำตอบ แม้จะเป็นปัญหายุทธศาสตร์ขนาดใหญ่แต่ก็เป็นได้แค่เส้นผมบังภูเขา โอกาสเราสร้างเองได้ และชัยชนะเราสามารถสร้างขึ้นได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว ชนะแบบไม่ต้องออกแรงสู้ อยู่เฉย ๆ ก็ชนะ หรือชนะทางยุทธศาสตร์ ชนะโดยไม่ต้องรบ ปราบทุจริตให้สิ้นไป ไม่เกิดความสิ้นเปลืองเสียหาย ขอเชิญผู้มีเกียรติทุกท่านที่สนใจการแก้ไขปัญหาลองเข้าไปอ่านในอินเทอร์เน็ตหัวข้อ msgent of thai สงสัยติดต่อสอบถาม msgent6@gmail.com

    ตอบลบ

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม