มีหลายเรื่องที่อยากเขียน แต่ก็ไม่ได้เขียนสักที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้าวของแพง น้ำมันพืชขึ้นราคา พ่อค้าแม่ค้าขึ้นราคาอาหาร ด้วยการลดปริมาณลงในราคาเท่าเดิม ก็น่าเขียน
แต่วันนี้ผมตัดสินใจเขียนเรื่องใส่บาตรกับพระปลอมดีกว่า
----------------------------
พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จะไม่ยืนอยู่ที่หน้าร้านกับข้าว รอให้คนตักบาตร แล้วเมื่อตักบาตรเสร็จ แม่ค้าก็หยิบเอากับข้าวที่พระได้รับ กลับมาขายต่อ แบบนี้คือพฤติกรรมที่ผิด และไม่สมควรแก่การสนับสนุนด้วยประการทั้งปวง พอเลิกบิณฑบาตรแม่ค้าก็จะถวายปัจจัย(เงิน) ให้พระที่ร่วมทำธุรกิจด้วย
พระจริง (แต่ใจไม่พระ) หากินกับแม่ค้าแบบนี้มีอยู่มากมาย เป็นพระขี้เกียจ อุบาสกอุบาสิกาควรไม่ตักบาตรกับพระที่หากินประเภทนี้เด็ดขาด แม้ไม่ผิดวินัยที่ยืนรอบิณฑบาตรแต่ก็เป็นโลกวัชชะ โลกติเตียน หน้าที่ของพระควรต้องไปบิณฑบาตรโปรดสัตว์ ไม่ใช่รอให้สัตว์มาโปรด แต่ก็ผิดวินัยเรื่องรับเงินทอง
พระที่จะรอการใส่บาตรอยู่ที่วัด ก็พอทำได้ อาจเพราะดินฟ้าอากาศไม่อำนวย หรือสุขภาพของพระไม่แข็งแรง อันนี้ก็พออนุโลมกันไปได้ แต่ถ้าพระที่แข็งแรงดี เดินได้ ไม่ควรกระทำด้วยการรอรับบาตรอยู่กับที่ ไม่ควร
ยิ่งไปยืนรอรับบิณฑบาตรหน้าร้านขายกับข้าว แบบนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง ชาวพุทธไม่ควรสนับสนุน
แต่โดยมากเท่าที่รู้ พระแท้ๆส่วนใหญ่จะไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ มีแต่พระแท้แต่ใจเทียม กับพระปลอมที่ชอบยืนรอบิณฑบาตรหน้าร้านกับข้าว หากินกับพวกพ่อค้าแม่ค้าเห็นแก่ตัว
---------------------------------
แต่ก็มีพระปลอมบางคน ก็เสแสร้งได้เนียน เดินออกบิณฑบาตรอย่างสุขุม แลดูน่านับถือ น่าเลื่อมใส
หากเราได้ใส่บาตรกับพระปลอม ด้วยความไม่รู้ เพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่า พระปลอมหน้าตาเป็นยังไง?
เพราะพระปลอมบางคน แลสำรวมดีกว่าพระแท้ก็มี
เมื่อเราใส่บาตร หากใส่บาตรโดยไม่เลือกไม่เจาะจงว่า ฉันจะต้องใส่กับพระรูปนั้นรูปนี้เท่านั้น การใส่บาตรโดยไม่เจาะจงพระนั้น ย่อมถือได้ว่า เป็นการถวายสังฆทานชนิดหนึ่งเช่นกัน
การถวายสังฆทานนั้น มีอานิสงส์มากกว่าตักบาตรกับพระพุทธเจ้าเสียอีก
ต่อไปนี้ขอยกข้อความจากคำเทศน์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาให้เห็นถึงอานิสงส์ของการถวายสังฆทาน
"ให้ทานกับพระอรหันต์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับ พระพุทธเจ้า ๑ ครั้งให้ทานกับพระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง และถ้าถวายสังฆทาน๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับ ถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง คือสร้างวิหาร มีการก่อสร้างเช่นสร้างส้วม ศาลา การเปรียญ กุฏิ โบสถ์ วิหาร เป็นต้น การถวายสังฆทาน ๑ ครั้งในชีวิต และก็ถวายด้วยจิตที่บริสุทธิ์มีศรัทธาแท้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลผู้ถวายเกิดไปทุกชาติขึ้นชื่อว่าความยากจน เข็ญใจไม่มี ในแดนใดที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากขัดสน คนที่ถวายสังฆทานแล้ว จะไม่เกิดในที่นั้นผลที่ให้ไปไกลมาก กล่าวว่า แม้แต่พระพุทธญาณเองก็ยังไม่เห็นผลที่สุดของการถวายสังฆทาน
คำว่า ไม่เห็นที่สุดของการถวายสังฆทาน หมายความว่า แม้แต่บุคคลผู้เป็นเจ้าของสังฆทาน บำเพ็ญบารมีแล้ว แล้วเกิดไปอีกกี่แสนชาติก็ตาม จนกระทั่งเข้าพระนิพพาน อานิสงส์นั้นก็ยังไม่หมด
คำว่าอานิสงส์ยังไม่หมด ก็เพราะว่าถ้าบุคคลใดบูชาบุคคลผู้ควรบูชา นี่เป็นอำนาจของการถวายสังฆทาน
ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระ มีผลไม่เสมอกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ หมายความว่าถวายทานแก่พระที่มีจิตกำลังฟุ้งซ่านไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ ๕ ประการ อย่างนี้เราถวายกี่หมื่นกี่แสน อานิสงส์มันก็ไม่มาก ถ้าหากว่าถวายแก่ท่านผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ เรื่องบริสุทธิ์แค่ไหนก็ช่าง อย่างน้อยที่สุดก็มีขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ บางท่านก็เข้าถึงฌานสมาบัติ บางท่านที่เป็นพระอริยเจ้า ก็เข้าถึงผลสมาบัติ เป็นต้นอย่างนี้มีผลมาก"
-----------------------------------
ทีนี้มาถึงประเด็นที่ว่า ตักบาตรกับพระปลอมได้บุญมั้ย ??
ขอตอบว่า ได้บุญครับ หากเราไม่ได้เจาะจงใส่บาตรกับพระรูปใด แม้พระที่มารับบิณฑบาตร เราจะไม่รู้ว่า เขาเป็นพระปลอม แต่เราได้ใส่บาตรด้วยใจที่บริสุทธิ์
เราก็ได้บุญเหมือนถวายสังฆทานนั่นแหล่ะครับ เพียงแต่อานิสงส์ของการใส่บาตรแบบสังฆทานคราวนี้ จะไม่มีอานิสงส์มากเท่ากับใส่บาตรกับพระแท้ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแบบไม่เจาะจงเท่านั้นเอง
แต่ก็นับว่าได้บุญมากเหมือนกัน ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นง่าย ๆ ก็คือ ใส่บาตรแบบไม่เจาะจงพระโดยไม่รู้ว่าเป็นพระปลอม ยังได้บุญมากกว่าใส่บาตรแบบเจาะจงใส่บาตรกับพระพุทธเจ้าอีกครับ
เพราะบุญนั้นสำเร็จด้วยใจเป็นหลักครับ เมื่อใจเราได้ทำบุญ เราย่อมได้บุญทันที
----------------------------------
พระแท้ แต่ใจปลอม??
หมายถึง เป็นพระที่บวชจริง มีใบสุทธิจริง แต่เป็นพระแค่ภายนอก แต่พฤติกรรมอาจไม่ใช่พระแล้วก็ได้ เช่นอาจปาราชิกไปแล้ว แต่คนไม่รู้ก็มี
แน่นอน เมื่อเราใส่บาตรเราย่อมได้บุญเช่นกัน
เพียงแต่ พระที่ไม่ใช่พระ หรือพระที่ไม่มีใจเป็นพระ ย่อมได้รับบาปไปมากขึ้นๆ จากการหลอกลวงผู้คนเพื่อหากินในผ้าเหลือง
หลอกลวงคนอื่นอาจหลอกได้ แต่ไม่อาจหลอกใจตัวเอง และหลอกกฏแห่งกรรมได้หรอกครับ
----------------------
พระดี วัดดี สังเกตง่าย ๆ
พระดี วัดดี สังเกตง่าย ๆ ก็คือ พระจะไม่บอกบุญ แต่มีตู้รับบริจาคตั้งไว้ให้ญาติโยมไปใส่กันเอาเอง อย่างวัดหนองป่าพง ของหลวงปู่ชา ก็ทำแบบนี้ คือ มีแค่ตู้ช่วยค่าน้ำค่าไฟ ค่าบำรุงปฏิสังขรณ์แค่นั้นแหละ พอแล้ว
จำไว้นะครับ การทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน หรือ ทำบุญโดยไม่เจาะจงบุคคล ไม่เจาะจงว่าต้องถวายกับพระรูปนั้นรูปนี้ จะมีกุศลมากกว่าทำบุญกับพระพุทธเจ้าเสียอีก อันนี้พระพุทธเจ้าทรงสอนเอง
-------------------------
ถึงเวลาออกกฏหมายเอาผิดพวกทำศาสนาเสื่อมได้แล้ว
ศาสนาถือเป็นสถาบันหลักของชาติสถาบันหนึ่ง ในเมื่อผู้ที่กระทำลบหลู่ล่วงเกินชาติ และพระมหากษัตริย์ ยังมีโทษอาญาหนักพอควร แต่ไฉนพวกมารศาสนากลับไม่มีกฏหมายเอาผิดอย่างจริงจัง
เช่นพระปลอม หรือพระจริงที่่กระทำอาบัติต่างๆ เช่นดื่มเหล้า หรือพระปาราชิกมั่วสีกา มารศาสนาพวกนี้ เห็นได้แค่จับสึกแล้วก็ปล่อยเท่านั้น หรือสีกาที่ไปมั่วกับพระ ก็ไม่ได้มีโทษอะไร ทั้งๆที่พวกนี้คคือพวกทำลายศาสนาให้เสื่อมทั้งสิ้น
ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องออกกฏหมายเพื่อปราบปรามมารศาสนาเหล่านี้ มิเช่นนั้นพวกนี้ย่อมไม่เข็ดหลาบและจะมีพวกมารศาสนาออกมาหากินในผ้าเหลืองมากขึ้นเรื่อยๆ
เราควรต้องปกป้องสถาบันหลักของชาติอย่างเท่าเทียมกันครับ
(ถ้ามีโอกาสจะเขียนเรื่อง ธรรมทาน และ อภัยทาน)
สาธุ.. -/\-
ตอบลบหวัดดีครับคุณจูน
ตอบลบ^^