วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

ใส่บาตรกับพระปลอม ได้บุญไหม ?




มีหลายเรื่องที่อยากเขียน แต่ก็ไม่ได้เขียนสักที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้าวของแพง น้ำมันพืชขึ้นราคา พ่อค้าแม่ค้าขึ้นราคาอาหาร ด้วยการลดปริมาณลงในราคาเท่าเดิม ก็น่าเขียน

แต่วันนี้ผมตัดสินใจเขียนเรื่องใส่บาตรกับพระปลอมดีกว่า

----------------------------

พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จะไม่ยืนอยู่ที่หน้าร้านกับข้าว รอให้คนตักบาตร แล้วเมื่อตักบาตรเสร็จ แม่ค้าก็หยิบเอากับข้าวที่พระได้รับ กลับมาขายต่อ แบบนี้คือพฤติกรรมที่ผิด และไม่สมควรแก่การสนับสนุนด้วยประการทั้งปวง พอเลิกบิณฑบาตรแม่ค้าก็จะถวายปัจจัย(เงิน) ให้พระที่ร่วมทำธุรกิจด้วย

พระจริง (แต่ใจไม่พระ) หากินกับแม่ค้าแบบนี้มีอยู่มากมาย เป็นพระขี้เกียจ อุบาสกอุบาสิกาควรไม่ตักบาตรกับพระที่หากินประเภทนี้เด็ดขาด แม้ไม่ผิดวินัยที่ยืนรอบิณฑบาตรแต่ก็เป็นโลกวัชชะ โลกติเตียน หน้าที่ของพระควรต้องไปบิณฑบาตรโปรดสัตว์ ไม่ใช่รอให้สัตว์มาโปรด แต่ก็ผิดวินัยเรื่องรับเงินทอง 

พระที่จะรอการใส่บาตรอยู่ที่วัด ก็พอทำได้ อาจเพราะดินฟ้าอากาศไม่อำนวย หรือสุขภาพของพระไม่แข็งแรง อันนี้ก็พออนุโลมกันไปได้ แต่ถ้าพระที่แข็งแรงดี เดินได้ ไม่ควรกระทำด้วยการรอรับบาตรอยู่กับที่ ไม่ควร

ยิ่งไปยืนรอรับบิณฑบาตรหน้าร้านขายกับข้าว แบบนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง ชาวพุทธไม่ควรสนับสนุน

แต่โดยมากเท่าที่รู้ พระแท้ๆส่วนใหญ่จะไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ มีแต่พระแท้แต่ใจเทียม กับพระปลอมที่ชอบยืนรอบิณฑบาตรหน้าร้านกับข้าว หากินกับพวกพ่อค้าแม่ค้าเห็นแก่ตัว

---------------------------------

แต่ก็มีพระปลอมบางคน ก็เสแสร้งได้เนียน เดินออกบิณฑบาตรอย่างสุขุม แลดูน่านับถือ น่าเลื่อมใส

หากเราได้ใส่บาตรกับพระปลอม ด้วยความไม่รู้ เพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่า พระปลอมหน้าตาเป็นยังไง?

เพราะพระปลอมบางคน แลสำรวมดีกว่าพระแท้ก็มี

เมื่อเราใส่บาตร หากใส่บาตรโดยไม่เลือกไม่เจาะจงว่า ฉันจะต้องใส่กับพระรูปนั้นรูปนี้เท่านั้น การใส่บาตรโดยไม่เจาะจงพระนั้น ย่อมถือได้ว่า เป็นการถวายสังฆทานชนิดหนึ่งเช่นกัน

การถวายสังฆทานนั้น มีอานิสงส์มากกว่าตักบาตรกับพระพุทธเจ้าเสียอีก

ต่อไปนี้ขอยกข้อความจากคำเทศน์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาให้เห็นถึงอานิสงส์ของการถวายสังฆทาน

"ให้ทานกับพระอรหันต์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับ พระพุทธเจ้า ๑ ครั้งให้ทานกับพระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง และถ้าถวายสังฆทาน๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับ ถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง คือสร้างวิหาร มีการก่อสร้างเช่นสร้างส้วม ศาลา การเปรียญ กุฏิ โบสถ์ วิหาร เป็นต้น การถวายสังฆทาน ๑ ครั้งในชีวิต และก็ถวายด้วยจิตที่บริสุทธิ์มีศรัทธาแท้

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลผู้ถวายเกิดไปทุกชาติขึ้นชื่อว่าความยากจน เข็ญใจไม่มี ในแดนใดที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากขัดสน คนที่ถวายสังฆทานแล้ว จะไม่เกิดในที่นั้นผลที่ให้ไปไกลมาก กล่าวว่า แม้แต่พระพุทธญาณเองก็ยังไม่เห็นผลที่สุดของการถวายสังฆทาน

คำว่า ไม่เห็นที่สุดของการถวายสังฆทาน หมายความว่า แม้แต่บุคคลผู้เป็นเจ้าของสังฆทาน บำเพ็ญบารมีแล้ว แล้วเกิดไปอีกกี่แสนชาติก็ตาม จนกระทั่งเข้าพระนิพพาน อานิสงส์นั้นก็ยังไม่หมด

คำว่าอานิสงส์ยังไม่หมด ก็เพราะว่าถ้าบุคคลใดบูชาบุคคลผู้ควรบูชา นี่เป็นอำนาจของการถวายสังฆทาน

ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระ มีผลไม่เสมอกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ หมายความว่าถวายทานแก่พระที่มีจิตกำลังฟุ้งซ่านไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ ๕ ประการ อย่างนี้เราถวายกี่หมื่นกี่แสน อานิสงส์มันก็ไม่มาก ถ้าหากว่าถวายแก่ท่านผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ เรื่องบริสุทธิ์แค่ไหนก็ช่าง อย่างน้อยที่สุดก็มีขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ บางท่านก็เข้าถึงฌานสมาบัติ บางท่านที่เป็นพระอริยเจ้า ก็เข้าถึงผลสมาบัติ เป็นต้นอย่างนี้มีผลมาก"

-----------------------------------

ทีนี้มาถึงประเด็นที่ว่า ตักบาตรกับพระปลอมได้บุญมั้ย ??

ขอตอบว่า ได้บุญครับ หากเราไม่ได้เจาะจงใส่บาตรกับพระรูปใด แม้พระที่มารับบิณฑบาตร เราจะไม่รู้ว่า เขาเป็นพระปลอม แต่เราได้ใส่บาตรด้วยใจที่บริสุทธิ์

เราก็ได้บุญเหมือนถวายสังฆทานนั่นแหล่ะครับ เพียงแต่อานิสงส์ของการใส่บาตรแบบสังฆทานคราวนี้ จะไม่มีอานิสงส์มากเท่ากับใส่บาตรกับพระแท้ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแบบไม่เจาะจงเท่านั้นเอง

แต่ก็นับว่าได้บุญมากเหมือนกัน ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นง่าย ๆ  ก็คือ ใส่บาตรแบบไม่เจาะจงพระโดยไม่รู้ว่าเป็นพระปลอม ยังได้บุญมากกว่าใส่บาตรแบบเจาะจงใส่บาตรกับพระพุทธเจ้าอีกครับ

เพราะบุญนั้นสำเร็จด้วยใจเป็นหลักครับ เมื่อใจเราได้ทำบุญ เราย่อมได้บุญทันที

----------------------------------

พระแท้ แต่ใจปลอม??

หมายถึง เป็นพระที่บวชจริง มีใบสุทธิจริง แต่เป็นพระแค่ภายนอก แต่พฤติกรรมอาจไม่ใช่พระแล้วก็ได้ เช่นอาจปาราชิกไปแล้ว แต่คนไม่รู้ก็มี

แน่นอน เมื่อเราใส่บาตรเราย่อมได้บุญเช่นกัน

เพียงแต่ พระที่ไม่ใช่พระ หรือพระที่ไม่มีใจเป็นพระ ย่อมได้รับบาปไปมากขึ้นๆ จากการหลอกลวงผู้คนเพื่อหากินในผ้าเหลือง

หลอกลวงคนอื่นอาจหลอกได้ แต่ไม่อาจหลอกใจตัวเอง และหลอกกฏแห่งกรรมได้หรอกครับ

----------------------

พระดี วัดดี สังเกตง่าย ๆ

พระดี วัดดี สังเกตง่าย ๆ ก็คือ พระจะไม่บอกบุญ แต่มีตู้รับบริจาคตั้งไว้ให้ญาติโยมไปใส่กันเอาเอง อย่างวัดหนองป่าพง ของหลวงปู่ชา ก็ทำแบบนี้ คือ มีแค่ตู้ช่วยค่าน้ำค่าไฟ ค่าบำรุงปฏิสังขรณ์แค่นั้นแหละ พอแล้ว

จำไว้นะครับ การทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน หรือ ทำบุญโดยไม่เจาะจงบุคคล ไม่เจาะจงว่าต้องถวายกับพระรูปนั้นรูปนี้ จะมีกุศลมากกว่าทำบุญกับพระพุทธเจ้าเสียอีก อันนี้พระพุทธเจ้าทรงสอนเอง



-------------------------

ถึงเวลาออกกฏหมายเอาผิดพวกทำศาสนาเสื่อมได้แล้ว

ศาสนาถือเป็นสถาบันหลักของชาติสถาบันหนึ่ง ในเมื่อผู้ที่กระทำลบหลู่ล่วงเกินชาติ และพระมหากษัตริย์ ยังมีโทษอาญาหนักพอควร แต่ไฉนพวกมารศาสนากลับไม่มีกฏหมายเอาผิดอย่างจริงจัง

เช่นพระปลอม หรือพระจริงที่่กระทำอาบัติต่างๆ เช่นดื่มเหล้า หรือพระปาราชิกมั่วสีกา มารศาสนาพวกนี้ เห็นได้แค่จับสึกแล้วก็ปล่อยเท่านั้น หรือสีกาที่ไปมั่วกับพระ ก็ไม่ได้มีโทษอะไร ทั้งๆที่พวกนี้คคือพวกทำลายศาสนาให้เสื่อมทั้งสิ้น

ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องออกกฏหมายเพื่อปราบปรามมารศาสนาเหล่านี้ มิเช่นนั้นพวกนี้ย่อมไม่เข็ดหลาบและจะมีพวกมารศาสนาออกมาหากินในผ้าเหลืองมากขึ้นเรื่อยๆ

เราควรต้องปกป้องสถาบันหลักของชาติอย่างเท่าเทียมกันครับ

(ถ้ามีโอกาสจะเขียนเรื่อง ธรรมทาน และ อภัยทาน)







2 ความคิดเห็น:

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม