วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำไมทหารต้องฆ่าประชาชนที่โดนหลอกมาตาย ตอนจบ






หมายเหตุ ลิงค์ต้นฉบับเดิมของบทความนี้ ถูก ICT ยุค คสช. Ban ไป เลยต้องนำมาลงใหม่


ต้นเหตุที่ทหารฆ่าประชาชน

เกริ่น

หลังจากเขียนบทความเรื่องนี้มา3 ตอน (คลิกอ่าน ตอนต้นเหตุที่ทหารต้องฆ่าประชาชน ตอน1 )

ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรชัดเจนมาก เพราะแค่อยากให้คุณผู้อ่านที่ได้อ่าน 3 ตอนแรกแล้ว ลองวิเคราะห์เองก่อนว่า ทำไมทหารถึงต้องฆ่าประชาชน แต่สำหรับในบทความตอนจบนี้ ผมจะสรุปสาเหตุที่ชัดเจนว่า ทำไม?

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475 จากสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นประชาธิปไตยด้วยการยึดอำนาจปฏิวัติของคณะราษฎร ในเวลานั้น ได้มีแนวคิดการปกครองของโลกอีกอย่างที่กำลังมาแรง นั่นก็คือ ระบอบคอมมิวนิสต์

และระบอบคอมนิวนิสต์ได้มาเด่นชัดมาก ภายหลังสงครามโลกครั้งที่2 จบลง โดยมีสหภาพโซเวียตรัสเซีย คือผู้นำแนวทางคอมมิวนิสต์ที่มีอำนาจและบทบาทที่สุด ตามด้วยจีนแดง ของเหมาเจ๋อตุง

เมื่อประเทศในแถบแหลมทอง อย่าง ลาว เขมร เวียตนาม ได้ประกาศอิสรภาพจากฝรั่งเศสแล้ว ต่อมาทั้ง3ประเทศ จึงได้เปลี่ยนการปกครองมาเป็นประชาธิปไตย แต่ในที่สุดทั้ง3ประเทศ ก็พ่ายแก่กระแสคอมมิวนิสต์ที่กำลังถาโถมเข้ามาในภูมิภาคนี้ในที่สุด

ผมคงไม่ลงรายละเอียดในส่วนนี้ แต่จะขอมาเน้นที่ประเทศไทย ซึ่งก็ได้มีแนวคิดคอมมิวนิสต์แพร่หลายเข้ามาในไทยมากเช่นเดียวกัน

เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตยแล้ว นักการเมืองไทยก็ไม่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง มุ่งแต่กอบโกยทรัพย์สินเงินทอง คอร์รัปชั่นเพียบ

ส่วนทหารไทยก็ยังไม่เข้าใจวิถีแห่งประชาธิปไตย ทหารจึงไม่ค่อยชอบที่จะก้มหัวให้นักการเมืองชั่วๆ

ทหารไทยก็ยังบ้าอำนาจอยู่ จึงมักยึดอำนาจจากนักการเมืองโดยอ้างเรื่องการคอร์รัปชั่นมาเป็นเหตุผลในการยึดอำนาจเสมอมา

ในระหว่างนั้น ทั้งนักการเมือง นายทุน และข้าราชการ ก็มักร่วมกันฮั้วเอาเปรียบประชาชน ตามที่ผมเสนอในบทความต่างๆ มาหลายบทความ ว่า คน3กลุ่มนี้ ทำชาติและประชาชนโดยอาศัยประชาธิปไตยบังหน้าอย่างไร

เพราะเหตุที่ความเหลื่อมล้ำทางฐานะ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ของนักการเมือง นายทุน และข้าราชการ กับประชาชนส่วนใหญ่มีสูงมาก จึงเป็นช่องให้พวกนิยมคอมมิวนิสต์ได้มีโอกาสปลุกระดมความเกลียดชังในหมู่ประชาชนผู้ยากไร้และฐานะต่ำในสังคม ให้เกลียดพวกชนชั้นนำเหล่านี้ ว่าไม่มีความเท่าเทียมกัน เอาเปรียบคนจน กดขี่คนจนเพื่อผลประโยชน์ตนเอง

รายละเอียดเรื่องคอมมิวนิสต์ เผด็จการ และนักการเมือง ผมได้เขียนไว้แล้ว ในบทความเก่าเรื่อง พวกไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ทั้ง 7ตอน คลิกอ่านตอนแรก

แต่ในบทความนี้ผมจะอธิบายว่า ทำไมทหารถึงต้องฆ่าประชาชน!!

----------------------------

เหตุผลที่ทหารฆ่าประชาชน

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า คำว่าประชาชน นั้นหมายถึงทั้ง ทหาร ตำรวจ พ่อค้า นักการเมือง เกษตรกร พวกคอมมิวนิสต์ไทย พวกโจร และคนไทยทั่วไป ล้วนนับว่าเป็นประชาชนทั้งนั้น จะคนดี คนชั่ว โจร หรือผู้ก่อการร้าย ก็ล้วนเป็นประชาชนทั้งสิ้น

ประชาชน จึงมีทั้งเลวและดี มีทั้งคนที่จงรักภักดีสถาบัน และพวกที่ต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์

ประเทศไทยประกอบด้วยสถาบันหลัก 3 สถาบัน ผู้ใดคิดล้มล้างทำลาย ถือว่า เป็นกบฎ มีโทษถึงประหารชีวิต แต่นั่นคือการตัดสินตามกระบวนการยุติธรรม

ซึ่งในระบอบคอมมิวนิสต์ เขาไม่ยอมรับการมีพระมหากษัตริย์ หากประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ นั่นหมายถึงต้องล้มล้างสถาบันกษัตริย์ลงไปด้วย

ในขณะที่ระบอบประชาธิปไตย ยังยอมรับ การมีสถาบันพระมหากษัตริย์ได้

ประเทศผู้นำโลกคอมมิวนิสต์ อย่างสหภาพโซเวียตรัสเซีย ก็ยังสังหารหมู่ราชวงศ์โรมานอฟ ทั้งหมด ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง นี่คือแนวคิดคอมมิวนิสต์โซเวียตฯ ที่ระบบกษัตริย์จะอยู่ร่วมกับคอมมิวนิสต์ไม่ได้

และในภูมิภาคแถบนี้ คอมมิวนิสต์แนวทางโซเวียตฯ ผ่านทางเวียดนาม มีบทบาทมากที่สุดต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

-----------------------

เมื่อนักศึกษาโดนผลักให้เข้าป่า

เพราะนักศึกษาต้องการล้มรัฐบาลเผด็จการทหาร พวกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจึงฉวยโอกาสเข้ามาแทรกเพื่อหวังดึงนักศึกษาไทยไปเป็นแนวร่วม

ทั้งๆ ที่จริงแล้ว มีแค่นักศึกษาบางส่วนเท่านั้นที่ศรัทธาต่อระบอบคอมมิวนิสต์ แต่การที่ถูกใส่ร้ายจากเผด็จการ หรืออาจเป็นแผนคอมมิวนิสต์ใส่ร้ายนักศึกษาทางอ้อมเพื่อดึงมวลชนก็ได้ และประกอบกับสถานการณ์ในภูมิภาคช่วงนั้น มันน่ากลัวและเสี่ยงต่อภัยคอมมิวนิสต์มาก ๆ ด้วย

ทหารจึงไม่อาจแยกแยะได้ง่ายๆ ว่า ใครที่รักประชาธิปไตยแท้จริง หรือใครที่นิยมคอมมิวนิสต์ (สังคมนิยมและคอมมิวนิสต์) จึงทำให้นักศึกษาที่ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการในช่วงนั้น จึงถูกผลักให้เป็นพวกคอมมิวนิสต์ และพวกล้มเจ้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ 

(นักศึกษาที่เข้าป่าไป หลายคนพอออกจากป่าแล้ว เขายังจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เพราะเนื้อแท้แล้ว เขาแค่ต่อต้านเผด็จการ แต่ไม่ได้อยากไปเป็นคอมมิวนิสต์)

จึงมีความเป็นไปได้ที่การที่ทหารฆ่าพวกล้มเจ้า และพวกคอมมิวนิสต์ จะมีผู้บริสุทธิ์โดนพวกล้มล้างสถาบันฯ หลอกให้มาตาย จะถูกลูกหลงจนตายไปด้วย

เพราะทหารรู้แค่ว่า ต้องปกป้องความมั่นคงของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

เมื่อไม่อาจแยกแยะใครได้ชัดเจน แนวคิดทางการทหาร ซึ่งไม่เหมือนแนวคิดในระบบยุติธรรม เพราะ??

--------------------------

ความต่างของแนวคิดทหาร กับแนวคิดระบบยุติธรรม

แนวคิดในกระบวนการยุติธรรมคือ ปล่อยคนผิดสิบคน ดีกว่าลงโทษคนบริสุทธิ์คนเดียว

แต่แนวคิดทางทหารในทุกประเทศ คือ ยอมเสียสละส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้

ตัวอย่างแนวคิดทหาร ที่เคยปรากฏในหนังฮอลีวู้ดหลายเรื่อง

เช่น หากพบว่า หมู่บ้านนี้มีโลกระบาดรุนแรงมาก ยังหาวิธีรักษาไม่ได้ และมีความเสี่ยงที่จะระบาดออกไปที่พื้นที่อื่นๆ ซึ่งจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศได้

แนวคิดทหารก็คือ ยอมสละหมู่บ้านนี้ทิ้งไป ทำลายคนในหมู่บ้านทั้งหมด เพื่อรักษาประเทศและคนส่วนใหญ่เอาไว้ให้ปลอดภัย 

หรือสมมุติว่า ผู้ก่อการร้ายยึดเครื่องบินโดยสาร มุ่งหมายจะขับมาชนตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ 

หากทางทหารตรวจพบเรื่องนี้ก่อน แนวคิดทหารก็คือ ยิงเครื่องบินลำนั้นทิ้งซะ แม้จะต้องสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปด้วยก็ตาม แต่เพื่อรักษาคนส่วนใหญ่และความมั่นคงของชาติไว้ ทหารก็จำเป็นต้องทำ

หรืออย่าง สหรัฐอเมริกาบุกถล่มตามล่าบินลาเดน หรือ ตามล่าซัดดัม จนมีผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายไปด้วย จากปฏิบัติการของทหารสหรัฐในหลายครั้ง นั่นก็เพราะ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เขาถือว่า การปกป้องประเทศชาติของเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งมันก็ดูจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง

แต่หากรัฐบาลสหรัฐไม่สั่งให้ทำเช่นนี้ คนสหรัฐ ประเทศสหรัฐ ก็จะตกอยู่ในภาวะไม่ปลอดภัยตลอดเวลา

-----------------------

ทำไมทหารต้องฆ่าประชาชนคอมมิวนิสต์

สาเหตุก็เพราะ คอมมิวนิสต์คือภัยสูงสุดของประเทศในตอนนั้น ซึ่งเราต้องยอมรับว่า พวกล้มเจ้านั้น เขาต้องคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ด้วยแน่ ๆ นั่นเพราะสถาบันกษัตริย์ คือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทยให้รักสามัคคีกัน

วิธีเดียวที่จะล้มสถาบันกษัตริย์ได้ คือ ต้องใส่ร้ายให้ประชาชนจงเกลียดจงชังพระมหากษัตรย์และพระบรมวงศานุสงศ์ ด้วยวิธีการต่างๆ มากมาย แต่วิธีที่จะทำให้ประชาชนเกลียดสถาบันกษัตริย์ได้ดีที่สุดคือ ใช้ข้อหาสั่งฆ่าประชาชน

ทั้งๆ ที่ความจริงการฆ่าประชาชนไม่ได้เกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์เลย แต่เพราะทหารมีหน้าที่ปกป้องราชบัลลังค์ จึงกระทำไปตามแบบแนวคิดทางทหาร

ในเมื่อมีคนคิดร้ายทำลายราชบัลลังค์ ทหารก็จำเป็นต้องกำจัดให้หมดเท่าที่จะทำได้ เพื่อรักษาสถาบันหลักของชาติไว้ให้คงอยู่

ก็อย่างที่ผมบอกไป ในยุคนั้นทหารไม่อาจแยกแยกได้อย่างชัดเจนว่า ใครคือคอมมิวนิสต์ ที่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เพราะพวกล้มเจ้ามันอาศัยประชาชนบังหน้า มันมักแฝงตัวเข้ามาในหมู่ประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่พวกล้มเจ้ามันฉลาดที่จะหลอกให้ประชาชนมาตายแทนมัน โดยที่ตัวมันมักรอด

เพื่อพวกล้มเจ้ามันจะได้มีเหตุใส่ร้ายทหาร และกษัตริย์ ว่าสั่งฆ่าประชาชน

-----------------------

ลูกฆ่าพ่อ ?

คนไทยรักพระมหากษัตริย์ประดุจดั่งพ่อแห่งแผ่นดิน ถามว่า เมื่อมีลูกบางคนอตัญญูคิดฆ่าพ่อแม่ คนที่เป็นลูกกตัญญู และเป็นทหาร เขาย่อมคิดกำจัดพวกอกตัญญูเหล่านี้ เพื่อปกป้องชีวิตพ่อให้อยู่รอด

ตามรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ เขียนไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงมีสถานะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาติ เป็นประมุขของชาติ สมควรยกย่องให้พระองค์อยู่เหนือการเมือง แต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

และในสถานการณ์ภัยคอมมิวนิสต์รุนแรง ทหารต้องใช้วิธีเด็ดขาดเท่านั้น จึงจะยับยั้งชนะภัยคอมมิวนิสต์ที่กำลังคุกคามภูมิภาคนี้ให้ได้ ตามทฤษฎีโดมิโน หากไทยล้มเมื่อไหร่ ภูมิภาคนี้ทั้งหมดจะล้มตามไปด้วย

และรอเวลาจนกว่าประชาชนจะเริ่มเข้าใจประชาธิปไตยที่ถูกต้องมากขึ้น วิธีการละมุนละม่อมตามนโยบาย66/23 สมัยพลเอกเปรม ให้ผู้หลงผิดเข้ามาร่วมพัฒนาชาติไทย จึงจะใช้ได้ผล

รายละเอียดเรื่่อง สถาบันกษัตริย์ มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นภัยคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร ผมเคยเขียนไว้ในบทความเก่าเรื่อง พวกไม่จงรักภักดีต่อสถาบันไว้แล้ว

------------------------

ทำไมรัฐบาลถนอมได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา

แน่นอนรัฐบาลถนอมเป็นประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการมากๆ แต่ยังได้รับการสนับสนุนทั้งทางตรงทางอ้อมจากสหรัฐอเมริกา ผู้นำค่ายเสรีประชาธิปไตย นั้น (รวมทั้งรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา)

ก็เพราะในยุคแรกๆ ที่ภัยคอมมิวนิสต์กำลังระบาดรุนแรง การที่มีรัฐบาลเป็นเผด็จการในภูมิภาคนี้ จะมีความมั่นคงและเด็ดขาดในการยืนหยัดสู้ภัยคอมมิวนิสต์ได้ดีกว่า รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยแท้ๆ

เพราะการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์มีหลายรูปแบบและต้องฉับไวเด็ดขาด หากเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย บางครั้งการตัดสินใจจะช้าเกินไปที่จะใช้วิธีการในการสู้กับคอมมิวนิสต์

อย่างเช่น ประเทศเกาหลีใต้ ในยุคที่แยกประเทศกับเกาหลีเหนือใหม่ๆ รัฐบาลเกาหลีใต้ก็เป็นรัฐบาลทหาร ด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา

แน่นอน รัฐบาลเผด็จการย่อมริดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนอยู่มาก แต่ก็เพราะความเป็นเผด็จการและเด็ดขาดนี่แหละ ถึงจะรับมือสถานการณ์ภัยคอมมิวนิสต์ที่กำลังรุนแรงได้ดีที่สุด

เพราะในช่วงภัยคอมมิวนิสต์เริ่มแรกนั้น ประเทศที่ประชาชนยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริง นักการเมืองเอาแต่คอร์รัปชั่นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ย่อมทำให้เกิดความไม่มั่นคงในรัฐบาล

ซึ่งพวกคอมมิวนิสต์มันชอบให้รัฐบาลประชาธิปไตยไม่มั่นคง เพราะมันจะแทรกซึมทำลายได้ง่าย การมีรัฐบาลประชาธิปไตยที่มีแต่นักการเมืองคอร์รัปชั่น ในช่วงประชาชนยังแยกแยะเรื่องความเท่าเทียมกันของระบอบคอมมิวนิสต์ กับความเสมอภาคในระบอบประชาธิปไตยไม่ออก ก็ย่อมเป็นการง่ายที่จะทำให้ประเทศนั้นๆ กลายเป็นคอมมิวนิสต์ได้ง่ายกว่า

และเพราะประเทศที่มีคนยากจนมาก พวกคอมมิวนิสต์และพวกล้มเจ้าย่อมยุยงให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนรวยกับคนจนได้ง่าย และนี่คือช่องโหว่ที่ทำให้พวกคอมมิวนิสต์แฝงเข้ามาเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตยได้ง่าย

-------------------------

บทสรุป

ผมเชื่อว่า คนอ่านบทความของผม โดยเฉพาะแฟนประจำย่อมพอมองภาพออกแล้วว่า ทำไมทหารต้องฆ่าประชาชน และทำไมพวกล้มเจ้าจึงชอบให้ประชาชนตาย เพื่อให้ประชาชนเกลียดทหาร

นั่นก็เพราะ หากทำลายทหารได้ ย่อมทำลายสถ่าบันกษัตริยฺได้ง่ายขึ้น เพราะทหารมีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องสถาบันกษัตริย์

เมื่อทหารฆ่าประชาชนที่คิดล้มสถาบันกษัตริย์ พวกล้มเจ้าก็จะโยงไปที่กษัตริย์ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการฆ่าประชาชน ซึ่งความจริงมันไม่ใช่เลย


ใครที่คิดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ มีโทษประหารตามมาตรา107 ถึง109  อยู่แล้ว อย่างในบทความตอน 1 ผมได้ยกตัวอย่างให้เห็นการรบระหว่างทหารอเมริกันกับทหารญี่ปุ่น ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างทำหน้าที่ของการเป็นทหาร เพราะการรบย่อมมีความสูญเสียได้ทั้งสองฝ่าย

ฉะนั้นผู้ที่ออกรบจะไม่โทษอีกฝ่ายในการทำหน้าที่ของตนเอง หากตายก็ถือว่าตายในหน้าที่ หากสงครามจบ ก็ต้องไม่ถือโทษต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่

แต่พวกล้มเจ้ามันชั่วมาก ในเมื่อมันคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ มันก็ควรต้องพร้อมที่จะพลีชีพตามอุดมการณ์และตามหน้าที่ของมันด้วย 

ะนั้นหากพวกล้มเจ้าต้องตาย ก็ไม่สมควรมาโทษทหาร เพราะเมื่อคิดจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์แล้ว ย่อมเกิดความสูญเสียแน่นอน

ส่วนทหารเขาก็ทำหน้าที่ของทหารในการปกป้องสถาบันฯ พวกล้มเจ้าก็คิดล้มสถาบันฯ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ตามอุดมการณ์ของตัวเอง เมื่อมีความตายเกิดขึ้น จึงไม่อาจโทษใครได้ เพราะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่

โดยปกติใครคิดล้มล้างสถาบันฯ ก็ต้องคิดไว้เลยว่า พร้อมที่จะตายอยู่เสมออยู่แล้ว

แต่พวกล้มเจ้าในไทยมันหน้าตัวเมีย คิดล้มล้างสถาบันสูงสุง แต่ไม่ยอมรับเรื่องความสูญเสียที่จะตามมา นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวและหน้าตัวเมียของพวกล้มเจ้าในประเทศไทย 

เช่น คืออยากจะล้มเจ้า คิดอยากจะใส่ร้ายเจ้า คิดอยากจะด่าเจ้า แต่กลับขอให้ทางบ้านเมืองช่วยล้มมาตรา 112 ให้หน่อยสิ พวกล้มเจ้าจะได้ล้มสถาบันได้ง่ายขึ้น จะได้ไม่มีโทษ

ผมอยากถามว่า พวกล้มเจ้า พวกมึงบ้ารึเปล่าวะ ขออะไรโง่ ๆ มึงอยากล้มเจ้า ล้มสถาบัน แต่กลับมาขอให้ฝ่ายบ้านเมือง ฝ่ายอำนาจรัฐ อย่าเอาโทษพวกมึงด้วยมาตรา 112  มึงมันนี่หน้าตัวเมียจริง ๆ 


สุดท้ายนี้ ผมขอยกบางส่วนในบทความเก่าๆ ของผม ที่ผมเคยลงมาแล้วถึง2บทความ ในเรื่อง ทำไมในหลวงต้องทรงลำบากช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความยากจน??

เป้าหมายที่แท้จริงของพระราชกรณียกิจ

ผมเคยเขียนเรื่องเล่าถึงในหลวงจากปากของดร.สุเมธ ตันติเวชกุลที่ได้เล่าให้ฟัง ในบทความเก่าๆของผมเมื่อปีก่อน ผมจะขอนำกลับมาเล่าให้ฟังใหม่อีกครั้ง

เรื่อง เป้าหมายสูงสุดของโครงการในหลวงไม่ใช่เรื่องแก้ปัญหาความยากจน?

ผมได้ฟังดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เล่าเรื่องการทำงานของในหลวงเรื่องหนึ่งว่า โดยปกติหากไม่ได้ไปทรงงานที่อื่น ในหลวงจะทรงเรียกข้าราชการที่ทำงานกับพระองค์ มาประชุมวางแผนงานต่างๆณ.พระตำหนักจิตรลดาฯเป็นประจำ

ในหลวงจะทรงเรียกข้าราชการเหล่านี้มาเข้าเฝ้าประมาณช่วงเย็น4-5โมงเย็น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมีดร.สุเมธ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งปกติทุกๆครั้งที่ในหลวงทรงงาน ในหลวงจะไม่ได้ประทับบนพระราชอาสน์(เก้าอี้ประทับ) แต่ในหลวงจะทรงประทับนั่งพับเพียบที่พื้น โดยมีแผนที่หรือเอกสารต่างๆวางอยู่ที่พื้น

และมีอยู่ครั้งหนึ่ง ในหลวงทรงหันไปที่พระราชอาสน์ แล้วทรงตรัสถามขึ้นว่า

"ทำไม พระมหากษัตริย์ต้องทำงานเหล่านี้ด้วย? ทั้งๆที่พระมหากษัตริย์ไม่ได้มีหน้าที่เหล่านี้สักหน่อย รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เขียนกำหนดไว้ให้ทำ? ทำไปเพื่ออะไร" ในหลวงท่านทรงกำลังถามพระมหากษัตริย์ซึ่งเปรียบแทนด้วยที่ประทับพระราชอาสน์

ข้าราชการที่กำลังเข้าเฝ้าถวายงานอยู่ ต่าง งง !

ในหลวงทรงทรงตรัสต่อ ว่า "ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาความยากจนหรอก แต่ทำเพื่อรักษาประชาธิปไตยไทยให้อยู่รอดได้ต่างหาก เพราะหากประชาชนยังยากจน ประชาธิปไตยก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะหากประชาชนยังยากจน ยังอดอยาก พอใครเขาเอาเงินมาให้สัก500 ก็จะกาให้เขาแล้ว ประชาธิปไตยจึงไม่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง"


รูปหนีร้อนมาพึ่งพระบารมี

นักศึกษาว่ายน้ำข้ามคูรอบพระตำหนักจิตรลดาฯ ในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16



นักศึกษายุค 14 ตุลา เข้าเฝ้าในหลวง ในพระตำหนักจิตรลดา รโหฐาน


------------------------------

หลังจากทุกท่านได้อ่านบทความของผมนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมเชื่อว่า ท่านคงเข้าใจทหารมากขึ้น ว่าทำไมทหารถึงฆ่าประชาชน แม้ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าผู้บริสุทธิ์ก็ได้ตาม

นั่นเพราะแนวคิดของทหาร เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ ต่างจากแนวคิดในกระบวนการยุติธรรม และไม่ใช่แนวคิดที่พวกนักกฎหมายโง่ๆ บางคน จะเข้าใจได้ง่าย ๆ ครับ

ซึ่งในสถานการณ์ความแตกแยกในปัจจุบันนี้ เหตุของความแตกแยกก็มีพวกล้มเจ้าอยู่เบื้องหลังอยู่ด้วยอีกเช่นเคย เพราะพวกนี้กำลังอ้างประชาธิปไตยบังหน้า และหาเหตุให้เกิดความรุนแรง เพื่อได้มีเหตุใส่ร้ายทหารและสถาบันกษัตริย์อีกครั้ง

บทความบทนี้ จึงเป็นบทความที่ผมจำเป็นต้องชี้ให้คนไทยที่จงรักภักดีสถาบันกษัตริย์ได้รู้เท่าทันพวกล้มเจ้า เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อให้พวกล้มเจ้าอาศัยประโยชน์ได้อีก เหมือนทุกครั้งที่ผ่านๆ มา

หากทุกคนจำได้ ในสมัยทรงครองราชย์ครบ 60 ปี เราคนไทยทั้งประเทศมีความสุขขนาดไหน อย่าให้พวกชั่วทำให้คนไทยต้องแยกเลยครับ

ใหม่เมืองเอก



คลิกอ่าน พวกไม่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ตอน1 เหตุคอมมิวนิสต์แพ้


คลิกอ่าน คดีสวรรคตรัชกาลที่ 8 ในมุมมองใหม่เมืองเอก


วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อบจ. อบต. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยดีที่สุดในโลก





เขาบอกว่า พวก อบจ. หรือ อบต. ส่วนใหญ่มีความพอเพียงกันทั้งนั้น

รถก็ใช้ยี่ห้อญี่ปุ่นคันเล็ก ๆ หรือที่มีมอไซค์ ก็เก่า ๆ ใช้กันแบบซ่อมแล้วซ่อมอีก ไม่ค่อยจะเปลี่ยน เพราะเกรงใจประชาชน ไม่อยากให้นำงบไปใช้แบบไม่จำเป็น

ไปดูงานเมืองนอก ก็ออกเงินกันเอง ไม่เคยเอางบของ อบจ. อบต. กันเลย ไปกันแบบประหยัด เพราะเกรงใจประชาชน กลัวถูกครหาว่าเอางบไปเที่ยว

ของแพงไม่เคยกินกันหรอก ไปทำงานก็ให้เมียทำอาหารใส่ปิ่นโตมากินทั้งนั้น ไม่เคยให้พวกพ่อค้าพาไปเลี้ยงดูปูเสื่อเลย

อบจ.  อบต. แต่ละคนดูติดดิน โทรศัพท์มือถือก็ใช้รุ่นเก่า ๆ ไอฟงไอโฟนอะไรนี่ไม่เคยใช้ เพราะมันแพงเกินไป ก็แค่ใช้คุยเรื่องงาน ไม่ได้มีไว้อวด

อบจ.  อบต. ไม่มีการแย่งตำแหน่งกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ขนาดตอนหาเสียงก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่มีหรอกมายิงกัน ด่ากันเหมือนการเมืองระดับประเทศ

จริง ๆ นะ อบจ. อบต. ของไทย เขามีแต่ดีเลิศประเสริฐศรีกันแบบนี้จริงๆ ทุกคนเลย

บอกตรง ถ้าเรื่องนี้ไม่จริงนะ ให้ฟ้าผ่า พวก อบจ. อบต. ที่ไม่เป็นแบบนี้ให้ตายห่า ให้หมดได้เลย

55555/@akecity



วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ขอชื่นชมคุณแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ในการทำ Ice Bucket




ผมเคยเขียนบทความชื่นชมคุณแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มาครั้งนึงแล้ว ในบทความ ชื่นชมคุณนวลพรรณ ล่ำซำ และคุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี

ด้วยเหตุที่คุณแป้ง นวลพรรณ ได้อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนนักกีฬามาหลายประเภท ทั้งเคยเป็นผู้จัดการทีมนักกีฬาคนพิการมาก่อน ก่อนที่จะมารับงานเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยในวันนี้

ที่ผมต้องชื่นชมคุณแป้งมากเป็นพิเศษ เพราะกีฬาที่คุณแป้งให้การสนับสนุนเป็นกีฬา ที่ไม่ใช่กีฬาที่เป็นที่ยอดนิยมอย่างมากสำหรับคนไทยเท่าไหร่นัก

เช่นกีฬาคนพิการ แม้คนพิการไทยจะเก่ง แต่ในความเป็นจริงจะมีมหาเศรษฐีสักกี่คนที่จะเสียสละเข้ามาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อนักกีฬากลุ่มนี้ เพราะผลที่ได้กลับคืนมาในทางธุรกิจแทบไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำ จริงไหม ?

คุณผู้อ่าน เคยรู้ไหมว่าคุณแป้ง นวลพรรณ เคยเป็นผู้จัดการทีมนักกีฬาพิการในเฟสปิคเกมส์ ?

แทบไม่มีใครรู้จริงไหม ?

แล้วการที่คุณแป้งมาสนับสนุนกีฬาฟุตบอลหญิงนี่ก็เช่นกัน ค่อนข้างเป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะประสบความสำเร็จ เพราะก่อนหน้านี้ในอาเซียนทีมชาติพม่า และทีมชาติเวียดนาม โดยสถิติที่ผ่านมาหลายสมัยเขาค่อนข้างเหนือกว่าทีมชาติไทย

แต่เมื่อคณแป้ง นวลพรรณ ได้เข้ามาดูแลสนับสนุนทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ก็ช่วยทำให้ทีมฟุตบอลหญิงของไทยประสบความสำเร็จได้เหรียญทองซีเกมส์ และได้ไปฟุตบอลโลกหญิงใน ปี 2012 อีกด้วย

แถมนักกีฬาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยทุกคน คุณแป้งก็ยังบรรจุให้เป็นพนักงานของเมืองไทยประกันภัย เพื่อให้นักฟุตบอลหญิงทุกคนจะได้มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและมีรายได้ที่แน่นอน จะได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงพะวงกับปัญหาภาระที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว

ล่าสุด คุณแป้งก็ทำ Ice Bucket และได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลเป็นจำนวนเงิน1 ล้านบาท

ลองดูคลิปคุณแป้งทำไอซ์บักคเก็ตสิครับ น่ารักจริง ๆ แม้เธอจะอายุ 48 ปีแล้ว แต่กลับสวยและดูสาวเหมือนสาว 30 ต้น ๆ อยู่เลย คงเพราะเป็นคนจิตใจดี และเสียสละทำกุศลอย่างเต็ม 100 เสมอ นี่เอง ที่ทำให้สวยน่ารักคงนานแบบนี้



ชอบตรงที่เธอจะบริจาคเท่าไหรก็บอกมาเลย เพราะที่เมืองไทยไม่ได้มีกติกาขั้นต่ำในการบริจาคจากการทำ ICE BUCKETเหมือนเมืองนอก

แล้วนักธุรกิจที่สนับสนุนวงการกีฬาตั้งแต่เบื้องหลัง คลุกคลีร่วมทกข์ร่วมสุขไปพร้อม ๆ กับนักกีฬา ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวของนักกีฬา แบบนี้ชั่งน่ายกย่องจริง ๆ ครับ

ไม่ใช่แบบมหาเศรษฐีบางคนที่รวยมาก ๆ ติดอันดับต้น ๆ ของประเทศ  ที่ชอบมาขโมยซีน มาฉวยโอกาสอาศัยความดังจากนักกีฬา ก็เมื่อตอนนักกีฬาประสบความสำเร็จแล้วเท่านั้น เพื่อหวังโฆษณาประชาสัมพันธ์และสร้างภาพให้ตัวเอง


โทรศัพท์โนเกีย ราคา 2,200 บาท ที่คุณแป้ง นวลพรรณ ใช้



----------------

คลิปวู้ดดี้เกิดมาคุย คุณแป้ง นวลพรรณ ตัวแทนจำหน่ายแอร์เมส ในไทย



คลิกอ่าน การทำ Ice Bucket แบบอันตราย และหัวใจของ Ice bucket

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การใช้รถเข็นในห้าง กับสิ่งเล็ก ๆ ที่ควรใส่ใจ





เวลาเลือกซื้อของในห้าง กับเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม !!

เวลาผมเลือกซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า แล้วต้องใช้รถเข็นเพื่อช่วยขนของในขณะเลือกซื้อสินค้า

หากผมต้องใช้เวลาเลือกหรือพิจารณาสินค้า ผมก็จะไม่จอดรถเข็นให้เกะกะขวางทาง ที่คนอื่นกำลังเดินหรือเข็นรถผ่านในล็อคสินค้าเดียวกับที่ผมกำลังเลือก

แล้วถ้าใครมายืนเลือกซื้อสินค้าตรงจุดที่รถเข็นที่ผมใช้จอดบังอยู่ ผมก็จะรีบเข็นหลบให้เขาทันที

และเวลาผมซื้อของในห้างเสร็จ ต้องเข็นรถเข็นนำของมาเก็บที่รถเสร็จแล้ว ผมไม่เคยนำรถเข็นไปจอดเกะกะขวางทางคนอื่น ๆ

เช่น

1. ผมจะไม่นำรถเข็นไปจอดตรงที่จอดรถที่ยังว่าง เพราะจะทำให้คนที่เขากำลังหาที่จอดรถอยู่ เขาไม่สามารถเข้าจอดได้ทันที เขาอาจต้องลงจากรถมาเข็นรถเข็นออกไปก่อน

2. ผมจะไม่มักง่ายจอดรถเข็นไว้หลังรถคันอื่นที่จอดอยู่ เพราะจะทำให้เจ้าของรถคันนั้นต้องมาเสียเวลาเข็นรถเข็นออกไป หากเขาจะถอยรถออก

3. เวลาเลือกซื้อของในห้าง ผมจะไม่จอดรถเข็นเกะกะกลางช่องทางเดิน จะพยายามจอดรถเข็นชิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งไว้ และจะคอยมองเสมอว่า รถเข็นของเราไปเกะกะคนอื่นที่กำลังจะเลือกสินค้าบนชั้นวางหรือไม่ 

เรื่องง่าย ๆ เล็กน้อยแค่นี้ เพื่อน ๆ อย่ามองข้ามครับ นี่คือจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมเช่นกัน

มารยาทกับเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ เป็นการเริ่มต้นฝึกจิตใจของเราอย่างดี ในการที่จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น บนหลักเรื่องใจเขาใจเรา

----------------

เรื่องเล็กน้อยที่คนไทยไม่รู้จักมารยาท

อย่างเช่น การเรียกรถแท็กซี่

ผมเห็นผู้คนจำนวนมาก ชอบเรียกรถแท็กซี่แล้วขวางทางเดินรถคันอื่น ๆ เช่น เรียกแท็กซี่หน้าปากซอย ทำให้รถที่จะเข้าจะออกซอยก็พลอยติดขัดเข้าซอยไม่ได้ เพราะต้องรอให้แท็กซี่ออกรถไปก่อน

สำหรับผมนะ ผมจะเดินไปเรียกแท็กซี่ให้ห่างจากปากซอยออกไป จะได้ไม่กีดขวางทางรถคันอื่นเข้าออกซอย

หรือบางคนชอบเรียกรถแท็กซี่ตรงป้ายรถเมล์ ซึ่งมันกลายเป็นการกีดขวางรถเมล์เข้าจอดป้าย ทำให้คนอื่น ๆ ต้องพลอยเสียเวลาไปด้วย ทั้ง ๆ ที่การเรียกรถแท็กซี่ไปเรียกตรงจุดอื่นที่ไม่เกะกะขวางทางคนอื่นก็ได้

หรืออย่างเช่น การหยุดพูดคุยในสถานที่สาธารณะ 

ผมเจอบ่อยมากในสถานที่ราชการ ที่มีคนมาใช้บริการเยอะ ๆ บางคนคิดจะหยุดคุยกัน ก็หยุดเอาตรงกลางทางเดิน ยืนกีดขวางการเดินของคนอื่น ๆ โดยไม่สนใจ

ทั้ง ๆ ที่ ถ้าเราเจอคนรู้จักระหว่างทางเดิน แล้วจะหยุดคุยกัน ก็ควรหลบหลีกทางแอบไปชิดขอบทางเดิน จะได้ไม่เกะกะขวางทางคนอื่นที่เขาอาจกำลังรีบติดต่อราชการ

เช่น การเดินข้ามถนนหน้าปากซอย

ผมเจอประจำ คือ เวลาผมจะเลี้ยวรถเข้าซอยหมู่บ้าน ผมจะเจอพวกที่เห็นรถแล้วก็ยังเดินลอยชายไม่เดือดร้อนอะไร ไม่สนใจว่า รถเขาจะเลี้ยวเข้าซอย ทั้ง ๆ ที่บางครั้งรถเขาอุตส่าห์หยุดให้เพื่อให้คนเดินถนนข้ามถนนไปก่อน แต่แทนที่คนข้ามถนนจะกุลีกุจอรีบข้าม ก็กลับเอ้อระเหยลอยชายเดินช้า ๆ ซะงั้น

ในขณะที่เวลาผมเป็นคนเดินถนน แล้วผมต้องเดินข้ามถนน เช่น ข้ามถนนหน้าปากซอย ยิ่งถ้ามีรถเขาหยุดให้ผมเดินข้ามไปก่อน ผมจะรีบเดินอย่างเร็ว เพื่อไม่ให้รถเขาต้องรอนาน

มีอยู่ครั้งหนึง ผมขับรถจากอุโมงค์ข้างกรมทหารราบที่ 11 แล้วลอดใต้สะพานบางบัว เพื่อมุ่งตรงไปดอนเมือง พอเลยจุดลอดใต้สะพานมาแล้ว ก่อนจะเข้าถนนพหลโยธิน จะมีทางม้าลายของชุมชนริมคลองแถวนั้น

มีครั้งนึงตรงทางม้าลาย มีเด็กนักเรียนหญิงน่าจะไม่เกิน ป.2 กำลังรอข้ามทางม้าลายเพื่อจะเดินขึ้นสะพานบางบัวข้ามไปโรงเรียนบางบัว ผมจึงจอดรถให้นักเรียนหญิงคนนี้ข้ามทางม้าลายไปก่อน

เชื่อไหม นักเรียนหญิงโรงเรียนบางบัวคนนี้ ยกมือไหว้ขอบคุณผม แล้วเธอก็รีบวิ่งข้ามทางม้าลายอย่างรวดเร็วพร้อมกับวิ่งก้มตัวตลอดทาง ประหนึ่งก้มหัวเคารพผู้ใหญ่ที่อุตส่าห์หยุดรถให้เธอข้าม

จากที่ผมเล่ามา คุณผู้อ่านพอมองเห็นภาพไหมว่า มารยาทดี ๆ แบบนี้ช่างงดงามจริง ๆ ผมเองไม่อยากจะเชื่อเลยว่า แค่ผมจอดรถให้นักเรียนหญิงตัวเล็ก ๆ ข้ามถนน จะเกิดภาพประทับใจแบบนี้ให้ผมสุขใจไปตลอดการเดินทางในเช้าวันนั้น

-----------------

ทุกวันนี้ ผมพยายามมีวินัยรักษากฎระเบียบต่าง ๆ ที่บ้านเมืองกำหนดไว้ ผมพยายามไม่ผิดกฎจราจร พยายามไม่ทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม

เพราะผมเบื่อที่ต้องเกิดมาในประเทศที่มีแต่คนเห็นแก่ตัว คอยแต่จะเอาเปรียบชาติบ้านเมืองทุกทางเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง เหมือนอย่างที่คนไทยส่วนใหญ่ในวันนี้เห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ชาติ

เพราะผมเองก็มีสันดานมักง่ายเหมือนคนไทยส่วนใหญ่เป็น ทำให้ผมจึงต้องพยายามอย่างมากเพื่อที่จะไม่ละเมิดกฎระเบียบต่าง ๆ ในสังคม

ผมหวังว่า กุศลจากการรักษาระเบียบวินัยของผม จะช่วยให้ผม หากต้องเกิดใหม่อีก ก็อยากจะไปเกิดในยุคที่มีแต่คนมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม

แต่ถ้าประเทศไทยยังมีคนเห็นแก่ตัวมาก ๆ แบบนี้อีก ก็ขอให้ผมได้ไปเกิดในประเทศที่คนในประเทศส่วนใหญ่มีระเบียบวินัย มีจิตสำนึกเพื่อชาติบ้านเมืองมาก่อน อย่างเช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น


วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

จีรชาตา เอี่ยมรัศมี เธอคือ ไทยพีบีเอส





ผมเห็นสาวสวยหมวยน่ารัก ผู้ประกาศข่าวที่ชื่อ จีรชาตา เอี่ยมรัศมี มานานแล้ว

ถ้าจำไม่ผิด คุณจีรชาตา น่าจะเป็นผู้ประกาศข่าวมาตั้งแต่ยุคไอทีวี

เพียงแต่ว่า บทบาทของเธอในตอนนั้นอาจถูกรุ่นพี่ ๆ ที่โดดเด่นอีกหลายคนบดบังรัศมีเธอเอาไว้

จนกระทั่งมีสถานีไทยพีบีเอส เกิดขึ้นมา บทบาทของคุณจีรชาตา ก็ถูกคุณปวีณมัย บ่ายคล้อย มาบดบังไว้อีก




ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว คุณจีรชาตา ทั้งสวยน่ารักและเก่งไม่แพ้ผู้ประกาศข่าวคนใด ๆ เลยเช่นกัน

โดยความเห็นส่วนตัว ผมว่า คุณจีรชาตา สวยและน่ารักกว่าคุณปวีณมัย ด้วยซ้ำ

อาจเพราะความที่ตอนยังสาว ๆ กว่าวันนี้ คุณจีรชาตา เธอคงหน้าตาน่ารักมากไปหน่อย เลยทำให้บทบาทความเป็นสื่อเลยถูกความน่ารักบดบังไปหมด  

คงเพราะคนมัวแต่ไปสนใจความสวยน่ารักของเธอ มากกว่าจะสนใจฝีมือของเธอมั้ง ? 555

จนกระทั่งคุณปวีณมัย บ่ายคล้อย ซึ่งตอนนี้เธอได้ลาออกจากไทยพีบีเอสไปอยู่ไทยทีวีสีช่อง 3 ยุคดิจิตอลแล้ว เลยทำให้คุณจีรชาตา จึงมีบทบาทโดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก เพราะต้องรับหน้าที่ในหลาย ๆ รายการที่เพื่อนร่วมงานคนเก่า ๆ ลาออกไป

อย่างเช่น คุณชัยรัตน์ ถมยา รายการทันโลก ก็ออกไป ทำให้คุณจีรชาตา ก็มารับหน้าที่จัดรายการแทน


ซ้าย ปวีณมัย บ่ายคล้อย ขวา จีรชาตา เอี่ยมรัศมี

หรือรายการตอบโจทย์ ที่ตอนนี้คุณจีรชาตา ก็รับบทบาทเป็นพิธีกร ซึ่งคุณจีรชาตา ก็ทำหน้าที่ได้ดี ถามคำถามได้ดี

หรือแม้แต่ตอนคุณณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้จัดรายการที่นี่ไทยพีบีเอส ต้องเดินทางไปทำข่าวในต่างประเทศ คุณจีรชาตา ก็มารับหน้าที่แทนคุณณัฐฐา ได้อย่างดีเช่นกัน

เรียกได้ว่า คุณจีรชาตา สามารถทำหน้าที่แทนเพื่อนร่วมงานทุกคนในทุกรายการได้ทันที ก็เพราะเธอเก่ง ไงครับ

และที่ผมเขียนบทความนี้ ผมอยากเขียนเพื่อให้กำลังใจคุณจีรชาตา ว่าคุณเก่งมาก ๆ บทบาทของคุณช่วงหลัง ๆ มานี้ โดดเด่นเข้าตามากจริง ๆ

อย่างเช่นในช่วงมีปัญหาทางการเมือง ช่วงหลังยิ่งลักษณ์ยุบสภาแล้ว และมี กลุ่ม กปปส. ชุมนุม

ตอนนั้นคุณจีรชาตา มีบทบาทในการสัมภาษณ์ผู้ร่วมรายการอย่างโดดเด่นมาก ๆ หลายคำถามเป็นคำถามที่ดี ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ

ในขณะที่ช่วงนั้นคุณปวีณมัย กลับดูจะลดบทบาทตัวเองลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งผมมาคิด ๆ ในตอนหลังว่า หรือเพราะในช่วงนั้นคุณปวีณมัย จะได้รับการทาบทามจากช่อง 3 แล้ว เลยทำให้เธอขาดสมาธิลงไปหน่อย เพราะกำลังอยู่ในช่วงทำใจหรือตัดสินใจที่จะย้ายต้องจากบ้านเดิมอย่างไทยพีบีเอสไป




สำหรับผม ตอนนี้ผมมองคุณจีรชาตา กลายเป็นโลโก้ของไทยพีบีเอสไปแล้ว และไม่อยากให้ใครมาทาบทามหรือซื้อตัวคุณจีรชาตาไปอยู่ช่องอื่น ๆ เหมือนที่คนอื่น ๆ ถูกดึงตัวไป

อยากให้คุณจีรชาตา อยู่ตู่ไทยพีบีเอสไปตลอดครับ เพราะผมชอบคุณจีรชาตามาก ๆ

ตอนนี้ผมได้ติดตามดูคุณจีรชาตา ในรายการข่าว 9 โมงเช้า และรายการทันโลก และรายการตอบโจทย์เป็นประจำครับ

โดยเฉพาะรายการตอบโจทย์ คุณจีรชาตา ทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ ถามคำถามได้ดี แถมยังมีบุคลิกภาพที่อ่อนโยน นุ่มนวล ทำให้คำถามที่ถามผู้ร่วมรายการดูซอฟท์ลง ทั้ง ๆ ที่บางคำถามอาจเป็นคำถามที่ตอบยากและหนักพอควร

จีรชาตา เอี่ยมรัศมี ผู้ประกาศสาวสวยประจำไทยพีบีเอส



ผมเสียดายอย่างเดียว ที่ไม่สามารถหารูปสวย ๆ สมัยคุณจีรชาตา ตอนยังสาวรุ่น ๆ มาลงในบทความได้ เสียดายจริง ๆ

ถ้าบังเอิญคุณจีรชาตา ได้มาอ่านบทความนี้ จะกรุณาส่งรูปสวย ๆ น่ารัก ๆ ของคุณมาให้ผมก็ได้นะครับ ทางเฟสบุ๊คของผม


คลิปข่าว 9.00  ตอน มาตรฐานวิศวกรรม กรณี ตึกถล่มปทุมธานี



---------------------

จีรชาตา เอี่ยมรัศมี
JEERACHATA IEMRASSAMEE



ชื่อเล่น : จี

ประวัติการศึกษา

ปริญญาโท
การบริหารสื่อสารมวลชน คณะวารสารศาสตร์
และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ปริญญาตรี
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ภาควิชา
วิทยุและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ประถมศึกษา
โรงเรียนกลั่นวิทยา จังหวัดสระบุรี


ท้ายสุดขอบอกว่า นิสัยใจคอตัวจริงของคุณจีรชาตา ไม่ได้ดูหวาน หรือดูเรียบร้อยเหมือนในทีวีนะครับ เพราะแอบส่องเฟสบุ๊คของเธอมาแล้ว


คลิกอ่าน เซน เมจกา คนสวยอ่านข่าว ที่สวยน่ารัก และเสียงเพราะที่สุดในปี 2558

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความคิดถึงในยุคดิจิตอลแตกต่างจากความคิดถึงในอดีต




ยุคนี้ โอกาสที่ความรักจะหน่ายเร็วนั้นง่ายมาก เพราะช่องทางสื่อสารติดต่อมันมากเกินไป

เมื่อมีช่องทางติดต่อกันมากขึ้น ความคิดถึงมันเลยไม่ยิ่งใหญ่เท่าในยุคเก่า ๆ

ไลน์เอย เฟสบุ๊คเอย สไกป์เอย มันทำให้ช่วงเวลาคิดถึงมันสั้นลงมาก

ช่วงเวลาแห่งความคิดถึงมันมีค่ามากเลยนะ ผมว่า..

แต่ผู้คนยุคนี้จะมีความอดทนน้อยลง

เมื่อความอดทนน้อยลง เพราะเทคโนโลยีมันเร็วเกิน

โอกาสเลิกกันเร็ว ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

เปรียบเสมือน ศิลปินเพลงยุคนี้ไม่มีทางยิ่งใหญ่ได้เท่า เบิร์ด ธงไชย หรือ ทาทายัง อีกแล้วล่ะ

เพราะช่องทางเสพสุขมันง่ายเกินไป ความยิ่งใหญ่มันจึงเล็กลง ความประทับใจในสิ่งต่าง ๆ มันเลยมาไวและไปไวเช่นกัน

คนยุคนี้คงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อเท่าไหร่ แต่คนยุคก่อนจะมีโทรศัพท์มือถือคงเข้าใจ

--------------------

ชอบ quote นี้มาก ๆ

ถามตายาย คู่นึงว่า "ทำยังไงรักกันมาตั้ง 65ปี"

คุณยาย ตอบว่า "เราเกิดในยุค ที่อะไรพังเราก็ซ่อม ไม่โยนทิ้งแล้วซื้อใหม่"



วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เมื่อหมาทอดทิ้งเจ้าของที่มันรัก






ผมว่า คนเลี้ยงหมาหลายคนอาจคิดไปเองว่า วิธีเลี้ยงหมาของเรานั้นทำให้หมามีความสุขมากที่สุด

ผมเคยมีเพื่อนคนนึง เขาก็เลี้ยงหมาแบบคนกรุงเทพเลี้ยงนั่นแหละ รักและดีกับมันทุกอย่าง

หมามันก็รักเพื่อนผมมาก ๆ

แต่แล้วมีครั้งนึง เพื่อนผมต้องไปดูงานต่างประเทศ 3 เดือน เลยเอาหมาไปฝากให้แม่เลี้ยงที่ต่างจังหวัด เป็นบ้านสวนแบบโบราณ ๆ  แถมเลี้ยงแบบทิ้ง ๆ ขว้างๆ ด้วย ไม่ได้โอ๋หมาเหมือนที่เพื่อนผมโอ๋เลย

แม่เพื่อนก็เลี้ยงแบบคนบ้านนอกเลี้ยงหมา ถึงเวลาก็เรียกมากินข้าว หลังจากนั้นก็ปล่อยให้หมาวิ่งเล่นอิสระในสวน กับหมาบ้านนอกอีก 2 ตัวของแม่เพื่อน

หมาเพื่อนผม ไปอยู่ที่บ้านแม่เพื่อนได้ 3 เดือน
แล้วพอเพื่อนผมกลับมา ก็รับหมาที่บ้านแม่เพื่อกลับบ้านกรุงเทพ

หมามันไม่ยอมกลับ มันจะขออยู่บ้านนอกต่อไป ทำไงมันก็ไม่กลับ จะมาจับมันมันขู่จะกัดเลยนะ 5555

---------------

เพื่อนผมมันบอกอีกว่า อีก 3 วันต่อมา มันลาพักร้อนมาอยู่บ้านแม่อาทิตย์นึง เพื่อพยายามอ้อนหมาให้กลับ เฝ้าดูพฤติกรรมหมาของมัน 1 อาทิตย์

สุดท้าย เพื่อนผมมันตัดสินใจปล่อยให้หมาอยู่บ้านนอกครับ

มันบอกว่า ไม่อยากเอากลับแล้วล่ะ เพราะมันก็รักหมามันมาก มันเลยทำร้ายจิตใจหมาของมันไม่ลง

ขนาดตอนเพื่อนผมจะกลับกรุงเทพ ก็ลองเรียกหมาขึ้นรถอีกทีนะ

หมาของเพื่อน ทีแรกมันก็ทำท่าจะตามขึ้นรถ แต่แล้วเปลี่ยนใจฉับพลัน รีบวิ่งกลับไปยืนข้าง ๆ แม่ของเพื่อน

---------------

จากที่เพื่อนผมมันเล่ามา ผมคิดว่า หมาตัวนี้ฉลาดมาก มันคงรู้ว่า บ้านใหม่ที่มันมาอยู่เป็นบ้านของแม่เพื่อน หรือเป็นบ้านของใครสักคนที่เพื่อนผมต้องรักคน ๆ นี้มาก ๆ

หมามันจมูกดี คงได้กลิ่นความเป็นแม่เป็นลูกกันของเพื่อนผมมั้ง ?

หมามันเลยไว้ใจ ว่าถ้ามันอยู่ที่นี่ ยังไง ๆ เพื่อนผมก็ต้องมาบ้านนี้บ่อย ๆ อยู่แล้ว หมาของเพื่อนผมมันเลยตัดสินใจ ขออยู่บ้านนอกดีกว่า สบายกว่า อิสระกว่า มีความสุขกว่า

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สุดท้ายแล้ว สัตว์จะรักอิสระและธรรมชาติมากที่สุด

เหมือนที่เจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ได้เลี้ยงสัตว์ป่าบางชนิดตั้งแต่เกิด แต่พอถึงเวลาก็ปล่อยให้มันกลับคืนสู่ป่า

แม้สัตว์จะอาลัยรักเจ้าหน้าที่ที่เลี้ยงมันมา แต่ที่สุดแล้ว สัตว์มันก็ดีใจที่ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ ที่เป็นบ้านที่แท้จริงของพวกมัน

คลิกอ่าน คนเลี้ยงหมาระวังได้บาป







ผู้ติดตาม